กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 01 ก.ย. 2554, 08:15:32

หัวข้อ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๓๑ สค. ๕๔...
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 01 ก.ย. 2554, 08:15:32
คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๓๑ สค. ๕๔...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
พฤหัสบดีที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔
           มีปัญหาสุขภาพเล็กน้อยเพราะออกไปตากฝนตอนกลางคืน
ออกไปตรวจดูความเรียบร้อยของรางน้ำฝนในขณะที่ฝนตกตอนตีสอง
ซึ่งปรากฏว่ามีปัญหาอยู่สองจุดที่น้ำใหลย้อนไม่ใหลไปตามท่อที่วางไว้
เพราะช่างมักง่ายไม่ได้จับระดับความลาดเอียง เพียงตีวางไปตามแนว
ของเชิงชาย จึงทำให้เกิดน้ำใหลย้อน เพราะฝั่งปลายท่อน้ำลงนั้นสูงกว่า
ซึ่งถ้าเราไม่ออกมาตรวจสอบตอนฝนตกก็จะไม่รู้ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน
เปียกฝนไปทั้งตัว กลับขึ้นมาเช็ดตัวแล้วจึงเข้านอนประมาณตีสามกว่า......
          ตื่นเช้ารู้สึกตัวขึ้นมา รู้ว่าร่างกายผิดปกติจึงพยายามทรงอารมณ์ปิติไว้
เพื่อปรับสภาพร่างกาย ปฏิบัติตัวแบบสบายๆไม่ตึงเกินไปและไม่หย่อนเกินไป
ศรัทธาเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เสริมต่อ รักษาไว้ทันที ใช้เวลาพักผ่อนด้วยการค้นคว้า
ศึกษาตำราธรรมะที่เป็นภาษาปริยัติ เพื่อทำความเข้าใจในธรรมนั้นให้ถูกต้อง
ยกโพชฌงค์ ๗ ขึ้นมาพิจารณาตามลำดับชั้นไล่เรียงสภาวะธรรมขององค์โพชฌงค์ ๗
เชื่อมโยงไปสู่ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ที่เป็นสัมปยุตตธรรม พิจารณาอิทธิบาท ๔ ข้อวิมังสา
 ทบทวนใคร่ครวญ การปฏิบัติที่ผ่านมา และสภาวะธรรมต่างๆของกรรมฐานแต่ละกอง
ที่ได้เคยปฏิบัติมาแยกแยะหมวดหมู่ของการปฏิบัติสภาวธรรมแต่ละอย่างได้ชัดเจน
เกิดสภาวะปิติเอิบอิ่มในธรรม....
          การปรุงแต่งในปุญญาภิสังขารบางครั้งก็เป็นทุกข์ได้ เพราะว่าเกินความพอดี
ทำให้เกิดความฟุ้งซ่านได้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องอยู่บนพื้นฐานของความพอดี
และความเหมาะสม ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้เป็นทุกข์เป็นโทษได้ เพราะว่าเกินกำลัง
จึงต้องพยายามควบคุมความคิค ความอยาก ให้อยู่ในกรอบในกฏเกณฑ์ของความพอดี
ประคับประคองจิตไว้ให้เป็นกุศลจิตตลอดเวลาทรงไว้ในอารมณ์ปิติกำหนดสติและสัมปชัญะ
พิจารณาธรรมตามดูตามรู้ตามเห็นในอารมณ์ที่เกิดขึ้น ทำความรู้ตัวทั่วพร้อม โปร่ง โล่ง เบา
 สบาย ดำรงทรงไว้ซึ่งความเป็นกุศลจิตทั้งหลาย เพื่อให้เกิดความเจริญในธรรรม....
 ...แด่โพชฌงค์ ๗ องค์ปัญญาตรัสรู้และโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ที่เป็นสัมปยุตตธรรม....
                  ร่างกายเริ่มปรับสภาพได้ อาการป่วยไข้ไม่สบายก็หายไป เพราะว่าธาตุในกายนั้น
ได้ปรับให้มีความสมดุลกันแล้ว ความเจ็บป่วยทั้งหลายนั้นเกิดจากความผิดปกติของธาตุในกาย
อันมีสาเหตุมาจากกรรมทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่ทำให้ธาตุในกายนั้นแปรปรวนไปไม่สมดุลกัน
สิ่งที่สำคัญก็คือจิตของเรา ที่จะเข้าไปควบคุมธาตุทั้งหลายเหล่านั้น ให้เกิดความสัมพันธ์พอดี
สมดุลต่อกัน  “ จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ทุกเรื่องราว ล้วนเกิดจากจิต  “ เมื่อจิตดีย่อมจะส่งให้
กายนั้นเด่น แต่ถ้าจิตนั้นด้อยขาดกำลัง กายนั้นก็จะเสื่อมโทรมไม่มีราศี ดั่งที่เคยได้กล่าวไว้ว่า
“ จิตดี กายเด่น จิตด้อย กายดับ “  จึงจำเป็นต้องฝึกฝนจิต รักษาจิตนั้นให้มีกำลังอยู่เสมอ....
                            เชื่อมั่น-ศรัทธาในธรรม-ด้วยความปรารภนาดีและไมตรีจิต
                                               รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑ กันยายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๘.๐๘ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๓๑ สค. ๕๔...
เริ่มหัวข้อโดย: boomee ที่ 01 ก.ย. 2554, 08:18:18
กราบนมัสการครับพระอาจารย์  :054:
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๓๑ สค. ๕๔...
เริ่มหัวข้อโดย: saken6009 ที่ 01 ก.ย. 2554, 08:46:05
จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ทุกเรื่องราว ล้วนเกิดจากจิต เมื่อจิตดี
                 
ย่อมจะส่งให้กายนั้นเด่น แต่ถ้าจิตนั้นด้อยขาดกำลัง กายนั้นก็จะเสื่อมโทรมไม่มีราศี
                                                                                                                                                                 
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ  รักษาดูแลสุขภาพด้วยนะครับ :054: :054:
 
ขอบพระคุณ ท่านพระอาจารย์ สำหรับคำสอนดีๆ ที่นำมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ
                                                                                                                                                         
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบพระคุณมากครับ) :033: :033:
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๓๑ สค. ๕๔...
เริ่มหัวข้อโดย: โบตั๋นสีขาว ที่ 02 ก.ย. 2554, 06:48:13
กราบนมัสการพระอาจารย์คะ ขอบพระคุณคะสำหรับคำสอนดีๆ อ่านแล้วได้ความรู้มากคะ :090: :054: :090: