กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: tum72 ที่ 04 พ.ค. 2552, 03:34:20

หัวข้อ: ว่ากันด้วยเรื่อง "เบี้ยแก้"
เริ่มหัวข้อโดย: tum72 ที่ 04 พ.ค. 2552, 03:34:20
เบี้ยแก้มีอิทธิฤทธิ์ทางด้านการป้องกันคุณไสย มนต์ดำ ยาเสน่ห์ กันเขี้ยวงา หรือ แม้กระทั่งกันผี เบี้ยแก้ที่ดังๆ เป็นที่รู้จักกันมีอยู่ 2 สำนัก คือ เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง และ เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ว่ากันว่าอาคมของหลวงปู่ทั้งสองนี้ เข้มขลังนัก ขนาดที่ว่าเสกเบี้ยให้คลานเหมือนหอยได้เลยทีเดียว

วิธีการสร้างเบี้ยแก้คือการนำปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปอยู่ในตัวเบี้ย แล้วหาวิธีอุดไว้ไม่ให้ปรอทหนีออกมาได้ อย่างของอาคมประเภท ลูกอม หรือลูกสะกด ต่างๆ ที่ต้องนำปรอทมาหลอมกับทองแดง เงิน ทองคำนั้นเรียกว่าปรอทที่ตายแล้ว ส่วนปรอทที่นำมาทำเบี้ยแก้เรียกว่าปรอทเป็น โดยเมื่อเขย่าตัวเบี้ยแก้แล้วจะได้ยินเสียงดัง "ขลุกๆ" อยู่ในตัวเบี้ย

ถ้าทำเบี้ยในช่วงฤดูร้อน ปรอทจะมีการขยายตัวมาก ทำให้เวลาเขย่าในสภาวะอากาศร้อนก็จะไม่ค่อยได้ยินเสียง "ขลุก" แต่ถ้าในเบี้ยตัวเดียวกั มาเขย่าในช่วงอากาศหนาวปรอทจะหดตัวลงทำให้มีพื้นที่ในตัวเบี้ยเหลือทำให้เขย่าแล้ว ได้ยินเสียง "ขลุก" ได้ชัดเจน

เมื่อกรอกปรอทเสร็จแล้วจะปิดช่องด้วยชันนะโรงใต้ดินที่ปลุกเสกแล้ว
และหุ้มด้วยผ้าแดงหรือแผ่นตะกั่วแผ่นทองแดงแล้วจึงนำมาถักเชือกหรือหุ้มทำห่วงไว้ให้
ผูกเอวหรือห้อยคอ ขั้นตอนสุดท้ายคือการปลุกเสกกำกับอีกครั้งหนึ่ง

เสียงของเบี้ยแก้แต่ละตัวไม่เหมือนกันบางตัวก็ดังมาก บางตัวก็ดังน้อย บางตัวบรรจุปรอทน้อยเกินไปการกระฉอกของปรอทจะดังคล่องแคล่วดีแต่ก็ขาดความหนักแน่น บางตัวบรรจุปรอทมากไปก็อาจจะทำให้เสียงน้อยหรือไม่ได้ยินเลยก็มี

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนะครับ คราวหน้าคราวหลังถ้าได้ไปเช่าหาเบี้ยแก้ก็อย่าลืม "เขย่า" ใกล้ๆ หู ฟังเสียงปรอทมันกระฉอกชอบเสียงแบบไหนก็เลือกตัวนั้นเลย เพิ่มเติมอีกเล็กน้อยครับสำหรับเบี้ยแก้ที่มีชื่อเสียงของสำนักอื่นๆ

1. เบี้ยแก้หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน อ่างทอง
2. เบี้ยแก้หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ อ่างทอง
3. เบี้ยแก้หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง อ่างทอง
4. เบี้ยแก้หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ อ่างทอง

สังเกตุดูว่าเบี้ยแก้ที่มีชื่อเสียงนั้นมาจากจ.อ่างทองซะมาก เพราะเป็นวิชาที่สืบสานต่อกันมาครับ เหมือนเบี้ยแก้วัดกลางบางแก้ว นครปฐมก็สืบสานกันมา 4 รุ่นแล้วเช่นกัน ปัจจุบันอาจารย์เจือเป็นรุ่นที่ 4 ครับ

เค้าว่ากันว่าเบี้ยแก้เป็นวัตถุมงคลชั้นสูงที่เป็นเครื่องเตือนใจให้กลัวภัย
ที่เรามองไม่เห็นหากนำติดตัวไว้ย่อมปกป้องภัยอันตรายได้ทั้งปวงเป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุตม์ กันผีร้ายได้ทุกประการ
วิธีการฟังเสียงปรอทในท้องเบี๊ย...บางท่านเขย่าเหมือนเขย่าขวดยา ซึ่งไม่ได้ประโยชน์แต่อย่างใด ก็เก๊จะใช้น้ำมันใส่ตะกั่วกลม หรือวัสดุอย่างอื่นที่มีน้ำหนักแทน.. ฉนั้น เวลาจะฟังเสียงปรอทเดิน ควรจะหงายท้องเบี๊ยขึ้น เขย่าในลักษณะของการคลอนเบา ซ้าย-ขวา เพื่อฟังเสียงหรือสัมผัสถึงเวลาปรอทโยนตัว จะประมาณสองครั้ง... ท่านที่เคยเขย่าเต๋าน่าจะรู้ดี

ของเก๊เลียนแบบมีมานานแล้ว ยุคแรกๆที่เก๊ดีออกมา ก็โดนกันระนาวเหมือนกัน ว่ากันว่ามีเก๊อยู่ฝีมือนึง ทำดีขนาดเซียนสะดุดขาตัวเอง... ซึ่งเซียนที่โดนยังไม่รู้ก็อวดอ้างว่าเบี๊ยตัวเองสวยงั้นสวยงี๊...พอมาถึงในวง คนเป็นมี คนรู้จริงมี...ก็เลยเกิดการท้าทายกันว่า "ถ้าเบี๊ยตัวนี้ดีจริง ต้องผ่าดู"..."ถ้าดี..กูยอมจ่าย หมื่นนึง" (ราคาเบี๊ยยุคนั้น หมื่นนึงนี่ต้องโคตรแชมป์) ... "แต่ถ้าไม่ดี กูขอจิ้มพระองค์เดียว กูเลือกเอง" ว่าแล้วการพิสูจน์ก็เริ่มขึ้น เรียกคนกลางเป็นคนมาผ่า... ผ่าเชือกถักออกชั้นแรก..มองเห็นตะกั่วที่ตีหุ้ม เจ้าของเริ่มหน้าเสีย ครั้นพอเมื่อแกะตะกั่วหุ้มท้องเบี๊ยออก ตามสูตร น่าจะมีกระดาษหรือผ้าลงยันต์ปิดไว้อีกชั้นนึง...แล้วก็มีจริงๆ มีกระดาษพับไว้..ครานี้ เจ้าของแทบอยากจะยิงกบาลตัวเองเมื่อเห็นสีกระดาษ...หน้าเริ่มมืด..วิงเวียน.. แล้วกระดาษก็ถูกคลี่ออก ด้านใน

มีรอยจารด้วยดินสอไว้ว่า "ไอ้โง่!!"

เบี้ยแก้ทางสายอ่างทอง เช่นของหลวงพ่อภักต์ หลวงพ่อโปร่ง เวลาเขย่าเพื่อฟังเสียงปรอทจะดังไม่เหมือนกับสายวัดกลางครับ คือเสียงจะดัง แซดๆ ไม่ดัง ขลุกๆ เนื่องจากเบี้ยสายอ่างทองจะนิยมใส่ตะกั่วตัดเป็นชิ้นเล็กๆใส่ไว้ในเบี้ยแก้ด้วยครับ

เบี้ยแก้สายวัดกลาง เวลาบรรจุปรอทจะบรรจุตัวละหนึ่งบาทตามตำราครับเพราะฉะนั้นน้ำหนักเบี้ยวัดกลางจะค่อน
ข้างใกล้เคียงกัน(น.น.เบี้ย ปรอท ตะกั่ว เชือก ห่วง น.น.รวมๆน่าจะไม่หนีกันมาก) ส่วนพวกตัวเล็กตัวน้อย ตัวใหญ่ยักษ์ ไม่ทราบว่าสมัย

หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม จะมีหรือเปล่าไม่ทราบครับแล้วอีกเรื่องหนึ่งเรื่องการหุ้มตะกั่วที่ เห็นในปัจจุบันที่เห็นทำเป็นแม่พิมพ์ไม้ปั๊มตะกั่วบนล่างแล้วเอามาหุ้มเบี้ยก่อนถัก น่าจะเป็นยุคปลายๆหลวงปู่เพิ่ม หลวงพ่อใบ หลวงพ่อเจือนะครับ ถ้าเป็นยุคเก่าจะใช้วิธีค่อยตีไล่ตะกั่วให้หุ้มเบี้ยครับจะไม่ค่อยเรียบร้อย
และจะเห็นรอยยับรอยจีบนะครับ จริงการที่จะดูเก๊แท้จะต้องดูหลายๆองค์ประกอบรวมกันนะครับ ทั้งเรื่องการถัก ขนาดเชือกถัก ความเก่าของรัก ความเก่าของตะกั่ว รอยจาร

เบี้ยวัดกลางนั้นเดิมใช้ตะกั่วนมบางหน่อยมาตัดปลายสองด้านแล้วทบเข้ามากันจากนั้นค่อยๆตีไล่ให้หดตัวหุ้มตัวเบี้ยพร้อ มกันนั้นก็จะค่อยๆเอากระดาษทรายขัดไปด้วย เบี้ยรุ่นนี้จะเป็นของเก่าในยุคหลวงปู่บุญและหลวงปุ่เพิ่มยุคต้นๆที่หลวงปู่เจือท่านตีถวายให้ วิธีการตีแบบนี้ยากและใช้เวลามาก ดังนั้นเมื่อมีความต้องการเบี้ยแก้สูงมากขึ้น จึงต้องใช้บล็อกเหล็กมาใช้ช่วยให้การตีเบี้ยง่ายและเร็วขึ้น แต่บล็อกเหล็ก ก็ยังสร้างปัญหาอยู่ เพราะตะกั่วขาดถ้าคนขยายตะกั่วใจร้อน ปัจจุบันจึงเปลี่ยนมาใช้บล็อกไม้แทน กลับมาที่รุ่นของผู้สืบสายของวัดกลางนั้นจริงๆแล้ว ตั้งแต่พระปลัดทอง อาจารย์ของหลวงปู่บุญ ก็ได้ยินว่ามีสร้างขึ้นแล้ว แต่ไม่ปแพร่หลายและตัดสินไม่ได้ รวมทั้งเมื่อหลวงปู่เพิ่มมรณภาพลงแล้วนั้น นอกจากอาจารย์ใบที่สืบทอดต่อมาแล้ว ก็ยังมีหลวงตามูล และหลวงตาเซ็ง ที่สร้างขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทั้งหลวงตามูลและหลวงตาเซ็งนี่ต่างก็เป็นพระที่ทันหลวงปุ่บุญทั้งหมดครับ พอหลวงตาเซ็งมรณภาพลงเมื่อปี ๒๕๓๐ หลวงปู่เจือจึงได้รับภาระการสร้างเบี้ยแก้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนเบี้ยแก้สายอ่างทอง นั้น ต้นสายจริงๆไม่มีใครทราบ แต่ถ้านับความเก่ากันแล้ว หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ กับหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน และหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ นี่ใกล้เคียงกันมาก ส่วนหลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง เป็นศิษย์ของหลวงพ่อนุ่มครับ สายหลวงพ่อคำ ก็มีหลวงพ่ออ่อน วัดเขียนสืบทอดต่อ นอกจากหลวงพ่อโปร่งแล้ว ก็ยังมีหลวงปุ่บุญ วัดหลวง ก็มาเรียนไปจากหลวงพ่อนุ่มด้วยเช่นกัน

เครดิต www.rompohsai.com (http://www.rompohsai.com)
หัวข้อ: ตอบ: ว่ากันด้วยเรื่อง "เบี้ยแก้"
เริ่มหัวข้อโดย: Sak1459 ที่ 04 พ.ค. 2552, 03:43:29
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: ตอบ: ว่ากันด้วยเรื่อง "เบี้ยแก้"
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กนอกวัด ที่ 04 พ.ค. 2552, 06:35:12
ขอบคุณมากครับ ทำให้ทราบเรื่อง เบี้ยแก้ขึ้นมากเลยครับ :054:
หัวข้อ: ตอบ: ว่ากันด้วยเรื่อง "เบี้ยแก้"
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 04 พ.ค. 2552, 08:42:39
ขอบคุณสำหรับเนื้อหา กำลังหาข้อมูลอยู่เลยครับ
หัวข้อ: ตอบ: ว่ากันด้วยเรื่อง "เบี้ยแก้"
เริ่มหัวข้อโดย: mawin_14 ที่ 04 พ.ค. 2552, 09:16:16
ขอบคุณครับ สาระดีๆ ที่น่าจดจำครับ
หัวข้อ: ตอบ: ว่ากันด้วยเรื่อง "เบี้ยแก้"
เริ่มหัวข้อโดย: porpar ที่ 04 พ.ค. 2552, 09:21:37
 :015:ความรู้ทั้งนั้น ขอคุณครับบบบบบบบบ........... :002:
หัวข้อ: ตอบ: ว่ากันด้วยเรื่อง "เบี้ยแก้"
เริ่มหัวข้อโดย: Gearmour ที่ 04 พ.ค. 2552, 11:05:59
ด้วยความเคารพครับ
  สายวัดกลางยังมี หลวงตากา วัดแค
อีกองค์ครับ
แต่ท่านมรณะภาพไปแล้ว
  หลวงพ่อดี วัดสุวรรณาราม
ก็เรียนแต่ก็ไม่ทำ

  เดี้ยวมาต่อดีกว่าครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
หัวข้อ: ตอบ: ว่ากันด้วยเรื่อง "เบี้ยแก้"
เริ่มหัวข้อโดย: motana2008 ที่ 04 พ.ค. 2552, 11:27:57
ความรู้เพียบ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: ตอบ: ว่ากันด้วยเรื่อง "เบี้ยแก้"
เริ่มหัวข้อโดย: 5 แถว ที่ 04 พ.ค. 2552, 11:56:12
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: ตอบ: ว่ากันด้วยเรื่อง "เบี้ยแก้"
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 06 พ.ค. 2552, 08:03:00
สายวัดกลางบางแก้ว ยังมีอยู่ที่วัดกลางคูเวียงอีกที่หนึ่งด้วยครับ  :001: