แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Pairoj1

หน้า: [1]
1
คาถาอาคม / การเรียนคาถาอาคม
« เมื่อ: 04 ส.ค. 2553, 09:42:30 »
การที่เราจะเรียนคาถาอาคมต่างๆนั้น ก็เหมือนเราเข้าเรียนหนังสือแหละครับ(ศิษต้องมีอาจารย์)  ในการฝากตัวเข้าเรียนกับครูบาอาจารย์ส่วนมากนิยมวันแข็ง คือวันอังคาร ต้องมีขันต์ 5 (ดอกไม้ เทียน อย่างละ5คู่ )เพื่อขอเรียนหรือตามแต่อาจารย์ ในระหว่างเรียนท่องคาถานั้นห้ามท่องผิดเพี้ยนหรือลืมตกหล่นแม้แต่คำเดียว เพราะอาจทำให้คาถาไม่ศักสิทธิ์ และเมื่อเรียนท่องจนขึ้นใจแล้วก็ต้องมีการรับของ คือรับเอาครูบาอาจารย์ให้มาอยู่กับเราตลอดไปและต้องมีขันต์ครูอีก(ค่าเรียน)ตามแต่ตำรา แต่ละอาจารย์ 5 บาท 12 บาท ไม่แพงอย่างที่คิดครับ ส่วนจะมีอะไรมั่งนั้นขึ้นอยู่กับอาจารย์ที่ท่านเรียนด้วยว่าจะให้มีอะไรมั่ง อาทิเช่น มะพร้าว1ทะลาย กล้วย1เครือ อ้อย ผ้าขาวผ้าแดงอย่างละ1วาไม่ขาดไม่เกิน หรืออาจมีอะไรแปลกๆ หญ้าคาแห้งก็มี(เท่าที่รู้มา) พร้อมดอกไม้เทียนมีบุหรี่หมากเงินค่าครูใส่ในพานให้อาจารย์ อาจารย์ก็รัเอาขันต์เราแล้วก็จะคว้ำขันต์ให้เรารับเอาของคาถาวิชาอาคม หรือจะทิ้งท้ายด้วยการลองว่าที่เรียนไปนั้นขลังจริงหรือเปล่าด้วยการลงดาบเลยนะ
แต่มีเคล็ดลับอย่างหนึ่งครับ ที่ทำให้เราสำเร็จวิชาอาคมต่างๆได้โดยไม่ต้องมีพิธีให้ยุ่งยากครับ ก็คือการลักจำครับขลังดีด้วย  คุณพ่อของผมเคยเล่าให้ฟังว่าในสมัยก่อนนั้นการเรียนคาถาวิชาอาคมต้องมีการท่องคาถา บางรายต้องท่องดังๆจึงจะจำได้
และนั่นก็เป็นโอกาสดีที่เราครับ  เมื่อเขาเรียนจบและมีการรับขันต์ครูวันไหนคืนไหน(ส่วนมากนิยมเรียนและรัขันต์ตอนกลางคือ)เราก็จะแอบไปอยู่ใต้ถุนบ้านพออาจารย์คว้ำขันต์ปุ๊เราก็ยกมือรับเอาปั๊บเลยครับ...เขาเรียกว่าครูพักลักจำขลังสุดๆ

2
คาถาอาคม / ตอบ: รอดตายเพราะคาถา...
« เมื่อ: 04 ส.ค. 2553, 08:32:26 »
ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนะครับ
การที่เราจะเรียน ใช้ ถือ(เคารพนับถือ) พระคาถานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ
ขึ้นอยู่กับผู้เรียนผู้ใช้ด้วยครับ

3
รายงานตัวครับ ผมเป็นคน จ.พิษณุโลก มาทำงานอยู่ที่ จ.ระยอง และตั้งรกรากอยู่ที่บ้านหนองพวา อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
เมืองที่มีพระเกจิ โด่งดังเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในอดีตและปัจจุบัน

4
ส่วนมากที่เขาห้ามลอดราวตากผ้าก็เพราะว่า..คนในสมัยโบราณนั้นเวลาตากผ้ามักจะใช้ลักษณะพาดราว..นึกภาพออกไหมครับ...และที่สำคัญคือตากผ้าถุง (ของผู้หญิง) ครับ..นี่แหละเป็นที่มาของข้อห้าม
ในสมัยนี้ไม่ต้องกลัวครับ..เขาใช้ไม้แขวนกันแล้ว..ดูอย่างสะพานลอยข้ามถนนไงครับ เวลาเราขับรถลอดใต้สะพานทุกวันมันรู้สึกเหมือนเราลอดใต้บันไดยังไงยังงั้นเลยนะ.....ก็นั่นแหละครับข้อห้ามก็เป็นข้อห้ามอยู่ดีเราควรต้องระวัง
แต่เมื่อเราพรั้งพลาดไปอย่างกรณีนี้ ให้ทำอย่างนี้ครับ พนมมือหรือระลึกถึงครูอาจารย์และขอขมาลาโทษด้วยว่าลูกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ประมาณนี้ครับ  ยังมีอีกกรณีหนึ่งครับถ้าเราเผชิญกับเหตุการณ์คับขันจริงๆก็ให้ทำเหมือนกันให้ระลึกถึงครูอาจารย์ก่อนเสมอ

5
ตอนนี้หลวงพ่อนาคท่านได้จัดส้างวัตถุมงคลคือช้างขนาดเล็กเลี่ยมห้อยคอได้ ต้องขอโทษด้วยผมไม่มีรูปมาให้ดู...เอาไว้คราวหน้าผมจะหารูปเกี่ยวกับวัตถุมงคลของท่านมาฝากครับ (บ้านผมอยู่หนองพะวาครับ)

หน้า: [1]