แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - หมาน เเอ็งเจิ้ล

หน้า: [1]
1
รบกวนพี่น้องชาวเว็บช่วยบอกรายละเอียดเหรียญหลวงพ่อ สร้างเมื่อปี2533 เป็นเหรียญที่ระฤกสร้างโรงเรียนวัดบางพระ อยากทราบว่ามีเนื้ออะไรบ้างและสร้างทั้งหมดกี่เหรียญ พอดีมีอยู่หนึ่งเหรียญ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยชี้เเนวด้วยครับ ขอบคุณครับ....

2
 :093: :093: :093: :093: :093:
      อยากให้พี่น้องชาวเว็บวัดบางพระทุกคน
มาช่วยกันรณรงณ์กันออกกำลังกายกันเถอะครับ
ออกกำลังกายวันละนิดเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของทุกท่านครับ
ส่วนตัวผมนั้นจะวิ่งที่สวนสาธารณะเเถวบ้านทุกวันครับตอนเย็น
เเล้วพี่น้องทั้งหลายมีวิธีการออกกำลังอยางไรบ้างครับ
ช่วยนำมาเเนะนำหรือบอกเล่าเก้าสิบด้วยนะครับ
 :093: :093: :093: :093: :093:
                           ผิดพลาดประการใดต้องขออภัย ณ โอกาศนี้ด้วยนะครับ
                                  :090:     ... ขอบคุณครับ...     :090:

3
http://vdo.palungjit.com/video/2724/กรรม-ล้อพระ-sub-??-Eng

4

 เหรียญพระอาจารฝั้น อาจาโร รุ่น7



5
ภาพขุมนรกจากผลกรรม
________________________________________

สะพานนรก คนที่ก่อกรรมทำบาปและหลังจากตายแล้ว ดวงวิญญาณส่วนใหญ่จะต้องมาเดินผ่านสะพานแห่งนี้
นักการยมบาลจะตีขับให้ตกลงไปเป็นเหยื่อของฝูงงูพิษที ่อยู่ในเหวลึกใต้สะพาน
 

ขุมนรกควักลูกตา นักการยมบาลกำลังทรมานคนจำพวกที่ใช้สายตาดูถูกเหยียด หยามผู้อื่น กับพวกที่ชอบดูภาพลามก
 

ขุมนรกห้อยหัวลง ( สังฆาฎมหานรกที่3 )
นักการยมบาลกำลังลงโทษทรมาน ดวงวิญญาณจากคนที่ดูถูกให้ร้ายผู้เป็นครูอาจารย์ กับพวกอกตัญญูเนรคุณ
และพวกที่ประพฤติผิดศิลธรรมประเพณีความสัมพันธ์ภายใน ครอบครัว.
 

ขุมนรกน้ำร้อนรวกมือ (โรรุวมหานรกที่4)
นักการยมบาลกำลังทรมานดวงวิญญาณจำพวกนักล้วงกระเป๋า ฉกชิงวิ่งราว ลักขโมยและพวกที่หลอกลวง.
 

ขุมนรกผึ้งพิษ ฝูงผึ้งพิษกำลังรุมต่อยร่างวิญญาณจากคนจำพวกที่แอบอ้ างชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินเงินทอง ของผู้บริสุทธิ์
กับพวกที่เบียดบังเอาเงินของศาสนาไปใช้ส่วนตัว และพวกหมอดูที่หลอกรับจ้างทำพิธีสะเดาะเคราะห์โดยมิช อบ.
 

ด่านยมโลก ระหว่างเดือนสิงหาคมกับเดือนกันยายนของทุกปี
ทางการยมโลกจะปล่อยพวกผีวิญญาณที่ต้องโทษสถานเบากับพ วกที่จะพ้นโทษแล้ว ให้ออกมารับแจกทานและส่วนบุญกุศลที่โลกมนุษย์.
 

ขุมนรกตัดเครื่องเพศให้หนูกัดแผล นักยมบาลกำลังตัดเครื่องเพศพวกวิญญาณบาป จากคนจำพวกที่มักมากในกามารมณ์
เช่นพวกอลัชชีกับพวกที่ชอบเป็นชู้ด้วยสามี-ภรรยาผู้อื่น.
 

ขุมนรกอมลูกกระสุนเหล็ก คนจำพวกที่ใช้กลอุบายหลอกล่อให้ผู้อื่นตกหลุมพรางของ ตนแล้วบังคับขู่เข็ญเอาสิ่งที่ตนต้องการ
บ้างใช้เล่ห์ลิ้นพูดหว่านล้อมให้คนหลงเชื่อแล้วกระทำ อนาจาร บ้างโกหกมดเท็จเพื่อหลอกลวง
เอาทรัพย์สินผลประโยชน์ของผู้อื่นไป บ้างพูดให้ร้ายส่อเสียดทำลายผู้อื่นโดยมิชอบ และพวกที่ติดยาเสพติดชนิดต่างๆ
คนจำพวกนี้หลังจากตายไปแล้ว ร่างวิญญาณของพวกเขาต้องถูกทางการยมโลกลงโทษทรมานดัง ภาพ.
 

ขุมนรกสาวไส้ นักยมบาลกำลังใช้มีดผ่าอกสาวไส้ร่างวิญญาณของพวกคนที ่ ใช้อำนาจหน้าที่ในราชการกระทำทุจริต
กับพวกที่ปลูกพืชไร่ใส่ยาฆ่าแมลงยังไม่ทันหมดพิษยาก็ นำออกจำหน่าย กับพวกพ่อเล้าแม่เล้าและพวกล้มแชร์ให้สุนัขกิน.
 

ขุมนรกน้ำมันเดือด นักการยมบาลกำลังทรมานร่างวิญญาณจากคนจำพวกที่เป็นโจ รปล้น ตีชิงวิ่งราว ลักขโมย
กับพวกที่ฆ่าคนตายด้วยอาวุธ ยาพิษ พวกฉ่อราษฎร์บังหลวง พวกประพฤติผิดกามผู้เป็นสายเลือด
พวกอกตัญญูต่อผู้บังเกิดเกล้า และพวกที่ใช้คาถาอาคมทำลายคนด้วยไสยเวท
 

ขุมนรกตัดลิ้นร้อยกราม นักบวชที่ประพฤติผิดธรรมวินัยทางปาก เช่นกล่าวหาให้ร้ายศาสนาอื่น
และเทศนาที่มีความหมายทำนองสองแง่สามง่าม กับพวกที่กล่าวหาให้ร้ายผู้อื่นโดยมิชอบ
ตลอดจนใช้วาจาแช่งด่าหยาบคาย หลังจากตายไปแล้ว ร่างวิญญาณจะถูกทรมานดังภาพ
 

ขุมนรกบดร่างวิญญาณ พวกที่อกตัญญู พวกฆ่าทำลายชีวิตคนและสัตว์ กับพวกมักมากในกามารมณ์
คนจำพวกนี้เมื่อจบชีวิตลงร่างวิญญาณของพวกเขา นอกจากต้องถูกลงโทษทรมานตามผลกรรมอย่างหนักแล้ว
สุดท้ายยังต้องถูกนำตัวมาบดอัดจนร่างแหลกละเอียดครั้ งแล้วครั้งเล่า เพื่อปรับปรุงความเป็นคนเสียใหม่
ก่อนที่จะให้ไปเกิดและชดใช้หนี้กรรมยังโลกมนุษย์.
 

ขุมนรกตัดทอนแขนขา พวกที่ทำมาหาเลี้ยงชีพไม่สุจริตและฉวยโอกาสหวังรวยทา งลัด พวกลักขโมยฉกชิงวิ่งราวปล้นฆ่า
และพวกที่ใช้กำลังทุบตีพ่อแม่ผู้มีพระคุณ คนจำพวกนี้หลังจากตายไปแล้ว
ร่างวิญญาณของพวกเขาต้องถูกลงโทษทรมานอยู่ในขุมนรกดั งในภาพ
 

ขุมนรกน้ำมันกระเด็นใส่ร่าง พวกเขียนหนังสือกับถ่ายภาพลามก และพวกที่ปรุงยาปลุกอารมณ์ทางเพศ
พวกโรงพิมพ์ตลอดจนผู้ขาย คนพวกนี้เป็นภัยต่อสังคสเป็นอย่างยิ่ง ก่อความมัวหมองทางด้านจิตใจให้แก่ชาวโลกโดยมิชอบ
หลังจากตายไปแล้วร่างวิญญาณของเขา ต้องถูกลงโทษดังในภาพเป็นเวลาอันยาวนาน
 

ขุมนรกประหารใจ เป็นขุมนรกประหารใจวิญญาณบาปจากคนจำพวก ใจอิจฉาริษยา ใจอธรรมลำเอียง ใจโหดเ้ยมอำมหิต
ใจที่มีแต่เคียดแค้นพยาบาท ใจที่เห็นแก่ตัวและจงเกลียดจงชังผู้อื่น ใจที่ไม่รู้จักกตัญญูรู้คุณ
ใจที่วิปริตหมกหมุ่นแต่กามารมณ์ ใจทรยศคดโกง ฯลฯ.
 

ขุมนรกกรอกยา นักค้ายาปลอมและสิ่งเสพติด ในที่สุดก็จบลงดังภาพนี้
 

ขุมนรกตัดลอกถลกหนังหน้า คนที่ไม่มีความละอาย ต่อการกระทำที่ไม่ถูกต้องทำนองคลองธรรมของตน
หลังจากตายไปแล้วดวงวิญญาณจะถูกนักการยมบาลในนรก ลงโทษทรมานด้วการตัดลอกถลกหนังหน้าออกดังภาพ.
 

ขอทุกท่านจงประกอบเเต่กรรมดีละเว้นกรรมชั่ว

ข้อมุลจาก เว็บ พลังจิต



6
?จุติสถาน ๖? คือ สถานที่ดวงจิตละสังขารแล้วไปจุติทั้ง ๖ ประเภท
________________________________________
 

เมื่อสัตว์ (ชีวิตินทรีย์ที่มีจิต) ตายลงจิตดวงสุดท้ายในภพนั้นๆ เรียกว่า ?จุติจิต? คือ จิตที่จะเกิดการเคลื่อนออกจากร่างนั้นๆ ปกติแล้ว ?จุติจิต? จะไม่เกิดขึ้นระหว่างยังมีชีวิตอยู่ เพราะชาติภพยังไม่หมดสิ้น อายุขัยยังไม่ดับ ดังนั้น ในกรณีของผู้ฝึก ?มโนมยิทธิ? หรือกรณีตายแล้วฟื้นนั้น แท้แล้วจิตไม่ได้เคลื่อนออกจากกายเพื่อเข้าสู่ภพอื่นใด เพียงแต่จิตนั้นกำหนดจดจ่อการรับรู้ไปยังภพภูมิอื่น จึงได้รู้สึกเหมือนว่าตนเองไปยังภพนั้นๆ มาแล้ว ดังนั้น การกล่าวว่าถอดจิตหรือถอดกายทิพย์ไปยังภพอื่นๆ ได้ขณะยังมีชีวิตอยู่นั้นจึงไม่จริง เพียงแต่จิตกำหนดจดจ่อการรับรู้ไปเท่านั้นเอง จิตจะเคลื่อนออกจากกายสู่ภพใหม่ได้ก็ต่อเมื่อ ?สิ้นชีวิต? และ ?ชาติภพสิ้น? หรือ ?อายุขัยหมด? เท่านั้นเอง ซึ่งก็ต้องตายสถานเดียว ในกรณีทางการแพทย์ที่ระบุว่า ?ตายแล้วฟื้น? นั้น ปกติไม่มี ?การตายแล้วฟื้น? เป็นเพียงการสูญสิ้นการทำงานของสังขาร แต่ ?ขันธ์ห้ายังไม่ทันดับ? เท่านั้นเอง จิตที่หลงไปจดจ่อยังภพอื่น ไม่ยอมฟื้นในระหว่างนั้น ไม่ได้เคลื่อนออกจากกาย เพราะขันธ์ทั้งห้ายังไม่ดับสลายลง ดังนั้น บางท่านแม้ไม่หายใจ, หัวใจหยุดเต้นแล้วแต่ร่างกายยังไม่แข็ง ยังอ่อนนิ่มอยู่ ยังไม่ได้ดับขันธ์ห้า จิตจึงยังไม่เคลื่อนออกไปสู่ภพใหม่ จึงยังไม่ตาย ที่เรียกว่า ?ลมหายใจสิ้นแต่ยังไม่สิ้นลมปราณ? นั่นเอง ตราบเมื่อขันธ์ทั้งห้าดับลง จิตเคลื่อนออกจากกายสู่ภพใหม่แล้วเท่านั้น จึงจะตายจริง และจิตไปยังภพอื่นอย่างแท้จริง การถอดกายทิพย์นั้น จิตไม่ได้เคลื่อนออกไป ไม่ใช่ ?จุติจิต? เพียงแต่ทำสมาธิแล้วเพ่งสติกำหนดการรับรู้ไปยังภพภูมิอื่นๆ หากจิตไม่มีการปรุงแต่ง มีความบริสุทธิ์มาก จิตมีกำลังญาณสูง ก็สามารถรับรู้เรื่องราวของภพภูมิอื่นๆ ได้ไม่ยากนัก โดยอาจไม่มีนิมิต หรือไม่มี ?กายทิพย์? ปรากฏให้เห็นในอีกภพหนึ่งก็ได้ สำหรับ ?กายทิพย์? ที่ปรากฏในภพอื่นในขณะยังมีชีวิตอยู่ในภพโลกนั้น เรียกว่า ?อมโนปฏิสนธิ? เกิดจากจิตที่มีกำลังจิตมาก เนรมิตกายอีกกายหนึ่งจาก ?ขันธ์ห้า? ชุดใหม่ หรือนำขันธ์ห้าเพียงบางส่วนในกายตนออกไป (ถอดกายทิพย์) โดยที่ ?จิตหลัก? ไม่ได้ถอดหรือเคลื่อนออกไปด้วย ลักษณะแบบนี้เรียกว่า ?มโนมยิทธิ? คือ ความมีฤทธิ์ทางใจ ใช้จิตหลักที่ยังอยู่ในกายในภพโลก ควบคุมการแสดงออกของ ?กายทิพย์? อีกกายหนึ่ง ทั้งยังรับรู้ผ่านกายนั้นๆ ได้อีกด้วย ในกรณีที่สัตว์ได้ตายจากภพโลกแล้วจริงๆ จะมี ?กระบวนการตาย? ตามลำดับ ดังนี้




๑. ขันธ์ห้าดับสลาย (ขันธ์ดับ)

คือ การรับรู้สิ้นลง ไม่รู้สึกตัว ประสาทสัมผัสไม่ตอบโต้ เรียกว่า ?รูปขันธ์ดับ? (ผู้ตายไม่รับรู้สิ่งเร้าได้แล้ว), ความรู้สึกสุข-ทุกข์ ความรู้สึกใดๆ สิ้นลง เรียกว่า ?เวทนาดับ? (ผู้ตายไม่รับรู้สึกสุขทุกข์หรือเจ็บปวด), ความทรงจำ หรือการจำได้หมายรู้ จะค่อยเลือนหายไปชั่วขณะ เรียกว่า ?สัญญาดับ? (ผู้ตายจะจำอะไรไม่ได้ชั่วขณะเหมือนภาวะเข้าสู่ฌานสี่), ลมหายใจขาด หัวใจหยุดเต้น ใจหยุดทำงาน (คลื่นสมองหยุดนิ่ง) เรียกว่า ?สังขารดับ? (แพทย์วินิจฉัยว่าตายแล้ว), จากนั้น จึงจะสูญสิ้นลมปราณเป็นลำดับสุดท้าย

๒. ธาตุสี่แยกออกจากกัน (ธาตุแตก)

คือ ธาตุสี่ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ ในร่างกายจะสลายแตกแยกออก มีเลือดและของเหลวในทวารต่างๆ ไหลออกมา จากจมูกบ้าง, ปากบ้าง, หูบ้าง, ก้นบ้าง ฯลฯ และเน่าสลายเป็นดิน เรียก ?ธาตุสี่ดับสลาย? ซึ่งจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการดับขันธ์ห้าแต่กินเวลานานกว่า

๓. จิตจุติออกจากภพเดิม (จิตจุติ)

คือ จิตเปลี่ยนจาก ?ภวังคจิต? ซึ่งมีภาวะ ?ดับขันธ์ห้า? ไม่มีความจำได้หมายรู้ เหมือนอยู่ในฌานสี่ เหมือนภาวะ ?เนวสัญญานาสัญญายตนะ? อย่างนั้น มาเป็น ?เคลื่อนออกจากร่างกายและภพเก่า? เรียกว่า ?จุติจิต? นับวิถีจิตจาก ?ภวังคจิต? เป็น ?จุติจิต? นั่นเอง

๔. จิตปฏิสนธิในภพใหม่ (จิตปฏิสนธิ)

คือ จิตที่ออกจากร่างและภพเก่าแล้วที่เรียกว่า ?จุติจิต? นั้น ก็เกิดขึ้นทันทีในชาติภพใหม่และสังขารใหม่ เช่น หากมีกรรมต้องไปเกิดเป็นไก่คิดถึงไก่ จิตก็จุติเคลื่อนไปปฏิสนธิในลูกไก่ทันที ไม่มีดวงจิตอื่นคั่นระหว่างนี้เลย (ดับแล้วเกิดทันทีไม่มีช่องว่างคั่น ตามหลักสันตติ) หากปฏิสนธิอีกก็จะเกิดใหม่อีกไม่รู้จบ หากไม่มีปฏิสนธิก็สิ้นภพชาติ คือ นิพพาน




?จิต? เมื่ออยู่ในภาวะ ?ภวังคจิต? (ดับขันธ์) ไปสู่ ?จุติจิต? (เคลื่อนจากภพเก่า) แล้วไปสู่ ?ปฏิสนธิจิต? (เกิดในภพใหม่) จะไม่หลุดพ้นสังสารวัฏ ไม่นิพพาน แต่หากจิตเมื่อตายลงวิถีจิตเปลี่ยนจาก ?ภวังคจิต? ไปสู่ ?จุติจิต? แล้วไม่เกิด ?ปฏิสนธิจิต? อีก จึงจะเข้าสู่ภาวะนิพพานโดยแท้จริง ทั้งนี้ จิตไม่ว่าจะเกิดอีกหรือไม่เกิดอีก ก็ไม่สูญสลายหายไปไหน แต่จะมี ?สถานที่ประทับ? ที่แตกต่างกันไป หากบุคคลนิพพาน ก็มีสถานที่ประทับที่เดียวกับพระพุทธเจ้าองค์ที่บุคคลนั้นเป็นสาวก (ใครเป็นสาวกใครไปประทับกับผู้นั้น) หากยังไม่นิพพาน ก็ยังต้องมีสถานที่อื่นๆ อีก อันได้แก่ ระบบจัดการสามภพและอื่นๆ ๖ สถาน ดังนี้




๑) อสถาน (สถานทุกข์ไร้เส้นชัย)

คือ สถานที่ที่ไม่ควร แต่ดวงจิตได้จุติไปแล้วด้วยกรรมบางประการ ทั้งยังมีกิเลสสะสม จึงอยู่นอกเหนือจากระบบการจัดการดวงจิตวิญญาณสามภพ คือ ไม่ได้อยู่ในสารระบบการจัดการเวียนว่ายตายเกิดของนรก, โลก, สวรรค์ กล่าวคือ ไม่มีรายชื่อในกระบวนการจัดการของพระยายม (ภพนรก), ไม่มีรายชื่อในกระบวนการจัดการของโลก (โดยพระอินทร์) และไม่มีรายชื่อในกระบวนการจัดการของสวรรค์ (โดยผู้จัดการบัญชีการจุติของสวรรค์ชั้นต่างๆ) ทำให้ดวงจิตเป็น ?จิตวิญญาณเร่ร่อน? หรือ ?สัมภเวสี? ไม่ได้ไปผุดไปเกิด ไม่มีคิวรอเกิดในภพใดๆ ต้องเร่ร่อนหิวโหยไปเรื่อยๆ บางดวงจิตวิญญาณอาศัยเล่ห์และอิทธิฤทธิ์หนีออกจากนรกหรือสวรรค์ ทำให้หลุดออกจากระบบการจัดการการเวียนว่ายตายเกิด จนไม่รู้ว่าคิวไหนถึงไหน ดวงจิตวิญญาณเหล่านี้ หากเร่ร่อนในโลกมนุษย์และก่อกวน เช่น หลอกหลอนผู้คน ก็จะรบกวนระบบปกติทั้งสามภพ หากเข้าแย่งคิวเกิด ก็จะถูกทำร้ายด้วยเจ้ากรรมนายเวรหรือสิ่งอื่นๆ ตั้งแต่อยู่เป็นตัวอ่อน เพราะขาดเทวดาปกป้องคุ้มครองในยามเป็นทารก จึงจัดเป็นการจุติของจิตวิญญาณไปยัง ?อสถาน? คือ สถานที่ที่ไม่ควรไป ไม่อยู่ในระบบการจัดการ และจะไม่ได้รับการดูแลจากผู้ใดเลย บางดวงจิตวิญญาณอาจหลงทางไปไกลแสนไกล เช่น ในอวกาศจนหาโลกที่เหมาะสมแก่การเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้เลย และกลายเป็นเพียงเศษพลังงานที่หลุดหลง หลุดโลกไปเท่านั้น ไม่มีโอกาสได้แก้ตัวเกิดเป็นคนอีก จำต้องทุกข์ทรมานไม่มีผู้ใดช่วยเหลือได้




๒) นรก (สถานทุกข์บนการรอคอย)

คือ สถานที่ที่ไม่อยากไป ไม่มีความสุขเลย มีแต่ความทุกข์ทรมาน เป็นสถานที่ชดใช้เวรกรรมที่ทำมาให้เบาบางลง จึงรับผลกรรมที่เหลือน้อยลงเมื่อยามเกิดบนโลก หากไม่ชดใช้กรรมในนรก บางคนเกิดมาก็ตายในท้องทันที แล้วเกิดใหม่ก็ตายในท้องอีกหลายครั้งหลายครา เนื่องจากเวรกรรมหนักมาก ดังนั้น จำต้องมีนรกเพื่อชดใช้กรรมให้บรรเทาเบาบางลงไปก่อนที่จะถึงคิวมาเกิดใหม่ เมื่อดวงจิตวิญญาณไปจุติที่นรกแล้ว จะต้องถูกพิพากษาความผิดให้รู้ตัวก่อนว่าทำผิดมามาก เพื่อให้ดวงจิตยอมชดใช้กรรมเหล่านั้น ซึ่งเมื่อดวงจิตยอมรับกรรม ยอมรับว่าตนทำผิดแล้ว กรรมก็จะมารุมดวงจิตนั้นในนรกทันที ทำให้กรรมเบาบางลงเมื่อคราวเกิดเป็นคน หากดวงจิตไม่ยอมรับโทษ ปากแข็ง ดื้อดึง ก็จะรังแต่สะสมกรรมไว้ในอนาคตชาติข้างหน้า จนพอกพูนทับถมทวี แม้ได้เสวยผลบุญก็ไม่สามารถจะเสวยได้ เนื่องจากกรรมตัดรอนจนแทบไม่เหลือบ้าง หรือรับกรรมจนมีโอกาสเสวยผลบุญได้แต่เพียงเบาบางเท่านั้น ดังนั้น จิตวิญญาณของสัตว์นรกจะต้องถูกทรมานก่อนเพื่อให้ระลึกความผิดบาป และยอมละเลิก ตั้งจิตกลับตัวกลับใจเสียใหม่ แล้วรอคิวเกิดโดยจะถูกแยกกักขังไว้ในนรกยาวนาน กว่าจะถึงคิวได้เกิดอีกครั้ง ต้องทนทุกข์ทรมาน วันดีคืนดี แม้พ้นจากโทษทรมานแล้วก็ตาม อาจจะมีนายนิรบาลที่เกิดความโมโหมาระบายความโมโหใส่ ก็จับสัตว์นรกไปทรมานเล่นอีก ที่นรกนี้มีผู้ดูแล คือ ?พญายมราช? หรือ ?ท้าวกุเวร? ซึ่งเป็นเทวดาชั้นจตุมหาราชิกาที่ซ้อนทับกับพื้นผิวโลกมนุษย์ และเป็นหนึ่งในสี่ของราชาผู้ปกครองในสวรรค์ชั้นนี้ นรกจึงอยู่ใต้พื้นโลก และถูกพลังของเหล่าเทวดาชั้นจตุมหาราชิกาทั้งหลาย กดทับปิดไว้ ไม่ให้สัตว์นรกหนีออกมาได้ จำต้องแทรกกายอยู่ในลาวาร้อนระอุนานแสนนาน เพื่อรอคิวเกิดของตน โดยไม่เร่ร่อนหลงออกไปไหน ไม่หลงไปในอวกาศจนกลายเป็นเพียงเศษพลังงานที่หลุดหลงเท่านั้น




๓) โลก (สถานสุขบนความเสื่อม)

คือ สถานที่ที่ได้รับการเพาะบ่มดูแลและเหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตและดวงจิตต่างๆ โดยเริ่มจากดวงดาวที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตมาก่อน เมื่อมีภาวะที่เหมาะสม เหล่าดวงจิตที่มีความบริสุทธิ์แล้ว เช่น พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ต่างๆ ที่ตายไปแล้ว และไม่เกิดอีก ซึ่งพระเยซูจะเรียกว่า ?พระเจ้า? นั่นเอง ดวงจิตบริสุทธิ์เหล่านี้ ก็จะช่วยกันถ่ายทอดพลังชีวิตลงไปหล่อเลี้ยงยังดวงดาวนี้ ที่เรียกว่า ?วิญญาณาหาร? หรือ ?ปราณชีวิต? หรือ ?ออร่า? เมื่อดวงดาวเหล่านี้ได้รับพลังชีวิตมากๆ เข้า จึงเริ่มเกิดสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่มีจิตอาศัยขึ้น เรียกว่า ?อมโนปฏิสนธิ? คือ การปฏิสนธิของสิ่งมีชีวิตทางชีววิทยาชั้นต่ำที่ไม่มีดวงจิตอาศัย ได้แก่ พืชชั้นต่ำ, พืชชั้นสูงที่ไม่มีดวงจิตรุกเทวดาอาศัย, สัตว์ชั้นต่ำโบราณ เช่น ตัวเปรี้ยว (สามารถวิ่งได้ แต่ไม่มีจิต) ฯลฯ ในระยะนี้ในลองนึกถึง ?สวนเอเดน? หรือ ?ป่าหิมพานต์? โลกก็จะมีสภาวะอยู่คล้ายอย่างนั้น จนกระทั่งมี ?อมโนปฏิสนธิ? หรือ ?เรือนร่างกาย? ที่เหมาะแก่การจุติลงมาร่วมอยู่ของจิต ดวงจิตประเภทหนึ่งจะถูกเลือกให้มาอยู่ก่อน ได้แก่ ดวงจิตชั้นพรหม ที่เรียกว่า ?อภัสสราพรหม? จากนั้น ความเป็นอยู่ของโลกก็เหมือนป่าหิมพานต์ที่มีแต่ฤษีเพศชาย ไม่มีเพศหญิง แม้มีเพศหญิงก็ไม่ใช่มนุษย์เพราะไม่มีจิต จวบจนกระทั่ง ?พระโพธิสัตว์จุติ? ลงมา ก็จะสอนให้ฤษีรู้จักความรักความเมตตา และการหลุดพ้นกลับไปยังที่เก่าที่มีเหล่าจิตบริสุทธิ์สถิตอยู่ ช่วงนี้เรียกว่า ?สวนเอเดน? คือ มีมนุษย์เพศชายและหญิงเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ จากนั้น โลกมนุษย์ก็เกิดความเสื่อมลงไปเรื่อยๆ ดวงจิตจากสถานที่ชั้นต่ำกว่าลงไปก็ถูกจัดการให้มาเกิดบนโลกมนุษย์ตามกรรมของตน เพื่อที่จะได้ชดใช้กรรมเก่า บำเพ็ญเพียร และพัฒนาจิตตนเอง กลับตัวกลับใจ แก้ตัวใหม่ ไปยังถานที่ถูกที่ควรอันเป็นที่สุด คือ สุขาวดีแดนนิพพาน ในจักรวาลนี้มีโลกที่มีมนุษย์อาศัยอยู่มากมาย ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้เป็นหลักหมื่น เรียกกันว่า ?หมื่นโลกธาตุ? ซึ่งในจำนวนโลกทั้งหมดนี้ยังถือเป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลีของจักรวาลทั้งหมด และน้อยเหลือประมาณที่จะรองรับการเกิดของดวงจิตใหม่ๆ ได้ ดวงจิตของสัตว์มากมายล้นเหลือจึงถูกเก็บไว้ในสถานที่ต่างๆ เพื่อเพาะบ่มรอเวลามาจุติยังโลกมนุษย์ พระพุทธเจ้าเปรียบเปรยการได้เกิดเป็นมนุษย์ เสมือนเต่าที่นานๆ ครั้งจะโผล่ศีรษะมาบนพื้นทะเลอันกว้างใหญ่ แล้วบังเอิญมีผู้โยนห่วงเล็กๆ ลงคล้องคอเต่าได้พอดี เนื่องจากมีดวงจิตวิญญาณจำนวนมากเหลือคณานับที่รอคิวเกิดบนโลกมนุษย์ แม้แต่พระโพธิสัตว์ที่จะต้องลงมาเกิดเพื่อบำเพ็ญเพียรยังมีมากมายเท่าเม็ดทรายในมหานที นี่เฉพาะพระโพธิสัตว์ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีจิตใจสูงส่งมากยิ่งแล้ว หากรวมดวงจิตสรรพสัตว์ที่ต่ำทรามลงไปก็ไม่อาจคาดการณ์นับได้ การเป็นมนุษย์จึงต้องรอคิวนานเหลือเกิน




๔) สวรรค์ (สถานทิพยสุขบนความประมาท)

คือ สถานที่พักของดวงจิตที่บำเพ็ญคุณงามความดีมากกว่าความชั่ว เพื่อรอการเกิดใหม่บนโลกมนุษย์ในการพัฒนาวิวัฒนาการทางจิตของตนให้สูงสุด (นิพพาน) สวรรค์เป็นภพที่มีความสวยสดงดงามและมีสุขมากกว่าโลกมนุษย์มากนัก เนื่องจากเป็นสถานที่ที่คัดสรรค์แต่ดวงจิตประเภทเดียวกันมาจุติเท่านั้น และยังมีความเสื่อมน้อย ไม่ค่อยได้เห็นความแก่, เจ็บ, และตาย ในขณะที่โลกมนุษย์มีดวงจิตทุกประเภท จุติมาจากนรกก็มี จากสวรรค์ก็มี ทำให้โลกมีความเสื่อมเป็นระยะๆ ทว่า สวรรค์แม้สวยงามขนาดใดก็ตาม ไม่สามารถทำให้จิตวิญญาณมีความอิ่มสุขสงบ หรือ นิพพานได้ ดวงจิตจะถึงซึ่งนิพพานก็เมื่อดวงจิตนั้นปฏิบัติจิตของตนจนปราศจากกิเลส ซึ่งการทำให้กิเลสสิ้นไปนี่เอง ที่เรียกย่อๆ ว่า ?นิพพาน? หรือชื่อเต็มว่า ?กิเลสนิพพาน? ซึ่งมีความสุขแท้อย่างยิ่ง (เทวดาบนสวรรค์ก็มีทุกข์ได้เพราะกิเลสเผาใจให้เร่าร้อน เช่น หลงรักนางฟ้าบางตนแล้วไม่สมหวังก็มีทุกข์) ในการจุติของดวงจิตสัตว์ไปยังสวรรค์ชั้นต่างๆ นั้น มีความยาวนานของการรอคิวเกิดที่แตกต่างกัน และมีความสุขที่จะได้รับแตกต่างกันตามกรรมที่ทำมา แต่สำหรับสวรรค์บางชั้นแม้จะสูงและสวยงามมาก แต่เนื่องจากหากจุติไปแล้วจะมีอายุยืนยาวนานมาก ทำให้มีโอกาสมาเกิดใหม่ ไม่บ่อยนัก การสะสมบุญบารมีจึงทำได้ยาก ดังนั้น พระโพธิสัตว์ จึงไม่ไปพักยังสวรรค์ชั้นสูงเกินไป สวรรค์ในสารระบบมีทั้งหมด ๖ ชั้น ดังนี้




เปรียบเทียบอายุในสวรรค์ชั้นต่างๆ ใน ๑ ชาติ (เวลารอบนสวรรค์ก่อนเกิดบนโลก)




๑ ชาติบน จตุมหาราชิกา เท่ากับเวลาบนโลกผ่านไป ๙ ล้านปี

๑ ชาติบน ดาวดึงส์ เท่ากับเวลาบนโลกผ่านไป ๓๖ ล้านปี

๑ ชาติบน ยามา เท่ากับเวลาบนโลกผ่านไป ๑๔๔ ล้านปี

๑ ชาติบน ดุสิต เท่ากับเวลาบนโลกผ่านไป ๕๖๗ ล้านปี

๑ ชาติบน นิมมานรดี เท่ากับเวลาบนโลกผ่านไป ๒,๓๐๔ ล้านปี

๑ ชาติบน ปรนิมมิตวสวัตดี เท่ากับเวลาบนโลกผ่านไป ๙,๒๑๖ ล้านปี




ทั้งนี้ใช้สูตรคิด ๑ ชาติภพโลก คูณ ส่วนขยาย = ๑ ชาติภพสวรรค์ หมายถึงการจุติไปเกิดยังภพนั้นๆ จนหมดวาระ นับเป็น ๑ ชาติ ในภพนั้นๆ โดยนำอายุขัยของพระพุทธเจ้าซึ่งจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต ที่มีอายุบนชั้นดุสิตเท่ากับ ๔,๐๐๐ ปีทิพย์ จะได้ส่วนคูณขยายเท่ากับ ๕๐ ปี นำตัวคูณ ๕๐ นี้ คูณเข้ากับ ?ปีทิพย์? ในสวรรค์ชั้นต่างๆ สมมุติ ๕๐๐ ปีทิพย์ บนสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา (๑ ชาติบนจาตุมหาราชิกา) จะนับเป็นเวลาได้เท่ากับ




๕๐ ปี x ๓๖๕ วัน x ๕๐๐ ปีทิพย์ = ๙ ล้านปีมนุษย์




จะเห็นได้ว่า ๑ ชาติในภพสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา ต้องรอถึง ๙ ล้านปีมนุษย์ จึงจะเกิดใหม่ได้บนโลกมนุษย์อีกครั้ง ดังนี้ จึงมีรุกเทวดา และเทวดาชั้นจตุมหาราชิกาจำนวนมากที่ต้องอยู่อาศัยร่วมกับมนุษย์ และได้รับผลกระทบอันยาวนานจากการกระทำของมนุษย์ เพราะต้องรอนานอยู่กับโลกถึง ๙ ล้านปีของโลกมนุษย์ เมื่อมนุษย์ตัดต้นไม้ใหญ่เพียงหนึ่งต้น เท่ากับ รุกขเทวดาผู้นั้นไม่มีที่อยู่อาศัยไปนานถึง ๒๐ ปี จนกว่าต้นใหม่จะขึ้นมาแทน และหากต้นใหม่ไม่ได้รับการปลูกทดแทน รุกขเทวดาจะต้องอยู่โดยไม่มีที่สถิตนานถึง ๙ ล้านปีมนุษย์ทีเดียว ในขณะที่มนุษย์ผู้ก่อกรรมตัดไม้ทำลายป่านั้นตายไปนานแล้ว




๕) พรหมโลก (สถานทิพยสุขบนความไม่รู้)

คือ สถานที่พักของดวงจิตที่บำเพ็ญเพียรทางจิตขั้นสูงจนได้ฌาน หรือตายในขณะจิตมีวิถีแตกต่างจากปกติ กล่าวคือ วิถีจิตไม่ได้ดำเนินไปจาก ?ภวังคจิต? (ดับขันธ์) ไปสู่ ?จุติจิต? (เคลื่อนจากภพเก่า) ไปสู่ ?ปฏิสนธิจิต? (ภพใหม่) แต่มีวิถีจิตอีกแบบหนึ่งได้แก่




๑) ฌานจิต คือ จิตขณะเข้าฌาน มีความพึงใจในภาวะ ?การดำรงอยู่? (มีภพ)

๒) ดับขันธ์ คือ จิตขณะร่างกายสิ้นอายุขัยโดยไม่รู้ตัว ขันธ์ห้าดับขณะเข้าฌาน

๓) จุติจิต คือ จิตขณะเคลื่อนออกจากร่างเก่า ภพเก่า เพราะความเสื่อมอยู่ไม่ได้

๔) ปฏิสนธิจิต คือ จิตขณะร่วมอาศัยปัจจัยปรุงแต่งจากขันธ์ห้าชุดใหม่ภพใหม่




สาเหตุที่เกิด ?ปฏิสนธิจิต? หลัง ?จุติจิต? เพราะจิตขณะเข้าฌานนั้นมีการทรงสภาพ หรือการหล่อเลี้ยง ?ชีวิตินทรีย์? เพื่อให้ภาวะฌานดำรงอยู่ เมื่อ ?ขันธ์ห้าดับ? ฉับพลัน จิตยังทรงสภาพชีวิตินทรีย์อยู่ก็จะรักษาสภาพเดิมไว้ทันที จึง ?ปฏิสนธิ? ทันทีในภพใหม่ คือ พรหมโลก หากจิตยังมีความอาลัยอาวรณ์ หรือจิตมีการพิจารณาสภาวะทรงสภาพนี้อยู่ต่อไป มีการเจริญหล่อเลี้ยงดวงจิตต่อไป จิตก็จะเกิดชาติภพใหม่เรื่อยๆ ไม่จบสิ้น ไม่ได้ซึ่งนิพพาน วิถีจิตที่จะเข้าสู่การนิพพาน คือ จิตที่ไม่อยู่ในภาวะ ?รักษาสภาพฌาน? การ ?ทรงฌาน? หรือ การหล่อเลี้ยง ?ชีวิตินทรีย์? ของดวงจิตที่เข้าฌาน (ทำจิตให้เป็นฌานตั้งอยู่นานๆ) จิตต้องพิจารณา ?อนิจจัง? การดับไปเท่านั้น ไม่พิจารณา, ไม่ยินดี, ไม่ส่งในการ ?ตั้งอยู่? หรือ ?เกิดขึ้น? ในภาวะสามนี้คือ เกิดขึ้น, ตั้งอยู่ ดับไป จิตต้องอยู่กับการ ?ดับไปเพียงอย่างเดียว? เท่านั้น จิตจึงเข้าสู่ภาวะนิพพานแท้จริง ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไป




สำหรับผู้ไปปฏิสนธิเป็นพรหม จะมีอายุยืนยาวกว่าเทวดาบนสวรรค์มาก พรหมไม่มีเพศ ไม่มีการร่วมรัก ไม่มีการครองคู่ เป็นดั่งนักพรต หรือฤษีโดดเดี่ยวสงบสุขสมถะ มีความปราศจากกิเลสได้ชั่วคราว แต่ไม่ถาวร ตามกำลังสมถะที่ได้ฝึกจิตมา และจำจะต้องรอเวลานานมากกว่าจะได้เกิดอีกครั้ง ยาวนานเสียมากกว่าเหล่าเทวดาทั้งหลาย เนื่องจากเทวดายังมีความก้าวหน้าในการขยันทำบุญ ไม่นั่งเข้าฌานอยู่เฉย จึงเหมาะแก่การเกิดบ่อยๆ และช่วยสร้างสรรค์โลกมนุษย์ พรหมจะได้เกิดจึงไม่บ่อยเท่าเทวดา และจะต้องอยู่เป็นพรหมนานเหลือคณา (ซึ่งก็มีความสุขบ้างพอควรที่ได้อยู่สวรรค์ชั้นพรหมนานๆ) สุดท้ายพรหมก็หมดวาระในพรหมโลก ต้องจุติลงมายังโลกเพื่อเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ โดยปกติ จะมาเกิดเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ (มนุษย์เกิดจากพรหม) เป็นผู้แรกๆ ที่เข้ามาอยู่บนโลก ในภาวะที่โลกยังไม่มีสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอื่นๆ เนื่องจากพรหมมีความพร้อม อิ่มฌาน เข้าฌานเสมอ จึงอดอาหารได้ กินอาหารน้อย ถึงขั้นไม่กินเลยก็อยู่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวนานสมกับที่เคยเป็นพรหม ดังนั้น โลกในยุคแรกๆ จึงเต็มไปด้วยฤษี หรือ ?มนุษย์ถ้ำ? ที่ไม่นิยมออกไปไหน ไม่นิยมนุ่งผ้า มีผมและหนวดเครายาวรุงรัง ไม่มีเพศหญิงมีแต่เพศชายเป็นเบื้องต้น และจะเข้าฌานบำเพ็ญสมาธิในถ้ำอย่างสงบยาวนาน จวบจนได้เกิดความเสื่อมขึ้นในหมู่พรหม จนเกิดมนุษย์เพศหญิงบนโลก พร้อมทั้งการสืบพันธุ์ขึ้น ดวงจิตจากสถานต่างๆ จึงค่อยจุติมาตามวาระที่โลกพร้อมและเอื้อแก่กรรมของตนตามลำดับ ซึ่งยิ่งเสื่อมถอยลง มนุษย์ก็ต้องทำงานมากขึ้น หนักขึ้น มีเวลาพักน้อยลง ทั้งยังมีการแก่งแย่งแข่งขัน อาชญากรรม และความวุ่นวายมากขึ้นเป็นลำดับ




๖) สุขาวดี (สถานทิพยสุขบนปัญญา)

คือ สถานที่ที่มีแต่ความสุขอย่างเดียวเท่านั้น พร้อมด้วยปัญญา จึงเป็นสุขแท้ถาวรและเป็นทิพยสุข คือ ไม่เสื่อมแบบโลกมนุษย์ ซึ่งสถานที่นั้นไม่ใช่เครื่องกำหนดสุขหรือทุกข์เพราะสุขแท้ถาวรอยู่ที่ใจนั้นปราศจากกิเลสต่างหาก ดังนั้น ?สุขาวดี? มีแต่ความสุขอย่างเดียว เพราะดวงจิตเหล่านั้นปราศจากกิเลสนั่นเอง โดยจิตที่จุติสุขาวดีนี้มี ๒ ประเภท คือ




๑) ปฏิสนธิจิต (จิตที่มีการปฏิสนธิชาติภพใหม่)

คือ จิตที่ปฏิสนธิในดินแดนสุขาวดี และเมื่อหมดวาระก็ต้องเกิดใหม่อีก ไม่สามารถพ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิด ตามแต่ผลบุญและกรรมจะนำพาไป ไม่สถิตถาวร จึงต้องเกิดอีก หรือได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะเกิดอีกเพื่อโปรดสรรพสัตว์ จึงสามารถเกิดได้อีกตามจิตปรารถนา หรือตามการร้องขอของปวงสรรพสัตว์ หรือตามการบัญชาขององค์พระพุทธเจ้าต่างๆ โดยปฏิสนธิจิตที่จุติไปยังสุขาวดีมี ๒ ประเภทใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้




๑.๑) ปฏิสนธิจิตที่พ้นอวิชชา

คือ ดวงจิตที่ปฏิบัติทางจิตจน ?กิเลสนิพพาน? หรือ ?บรรลุธรรม? แล้ว แต่ได้ตั้งความปรารถนาเพื่อจะทำสิ่งดีงามต่อไป หรือเกิดความระลึกถึงการทรงอยู่, ตั้งอยู่ จิตจึงทรงสภาพชีวิตินทรีย์ต่อ เมื่อตายลงจึงไม่ได้เป็น ?นิพพานจิต? แต่ได้เกิด ?ปฏิสนธิจิต? ขึ้นใหม่ในภพสุขาวดี จิตเหล่านี้ได้ถือว่าพ้นเสียจากกิเลสแล้ว เป็นจิตที่บริสุทธิ์และเปี่ยมด้วยปัญญา ได้แก่ พระมหาโพธิสัตว์, พระอรหันต์โพธิสัตว์ทั้งหลาย เช่น เจ้าแม่กวนอิม, พระจี้กง, พระสังกัจจายน์ ฯลฯ ดวงจิตเหล่านี้สามารถเกิดใหม่เพื่อโปรดสัตว์ได้อีก



๑.๒) ปฏิสนธิจิตที่ปนอวิชชา

คือ ดวงจิตที่ปฏิบัติทางจิตน้อย จึงยังไม่บรรลุธรรม แต่ได้บำเพ็ญบุญบารมีมาก และได้อาศัยผลบุญที่มากพอในการปฏิสนธิเป็นสัตว์ (เทพ) ในสุขาวดีได้ จึงได้ตั้งจิตตรงมายังสุขาวดีด้วยการระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่ประทับอยู่ในสุขาวดี หรือพระโพธิสัตว์ที่ประทับอยู่ที่สุขาวดีเมื่อสิ้นใจลง จิตจึงเคลื่อนมาปฏิสนธิยังสุขาวดีได้ ซึ่งในการปฏิสนธิยังสุขาวดีทั้งๆ ที่ยังกิเลสไม่สิ้นนั้น จำต้อง ?ฟักตัว? ในดอกบัวก่อน ระหว่างนั้น จะได้ฟังธรรมของพระอมิตาภพุทธเจ้าจนกระทั่งได้บรรลุธรรม พ้นจากความทุกข์ทั้งมวลแล้ว จึงออกจากดอกบัวนั้นได้ และเป็น ?โพธิสัตว์? โดยสมบูรณ์ ซึ่งสามารถเกิดใหม่ได้อีกด้วย



๒) นิพพานจิต (จิตที่ไม่มีการปฏิสนธิอีก จึงไม่เกิดอีกและไม่มีการตายอีก)

คือ จิตที่ไม่มีการปฏิสนธิอีก ไม่เกิดอีก จึงไม่มีการตายอีก ไม่มีการดับขันธ์อีก เมื่อไม่มีการดับขันธ์อีก จึงไม่สามารถเกิดอีกได้ ไม่มี ?ปฏิสนธิ? ใหม่ได้อีก จิตหลังจากเข้าสู่วิถีเมื่อสิ้นใจ จะสิ้นลงจากภพเก่าด้วย ?จุติจิต? แล้วเคลื่อนมายัง ?สุขาวดี? โดยไม่มีการปฏิสนธิ ดังนั้น สุขาวดี จึงเป็นที่ประทับของ ?จิตอรหันต์? ทั้งหลาย ทั้งนี้ สุขาวดีมีความกว้างใหญ่ไพศาลมาก ยิ่งกว่าพรหมโลก ประกอบด้วยดินแดนของพระพุทธเจ้าที่นิพพานแล้วทั้งหลายมากมาย เช่น ด้านทิศตะวันตก เป็นดินแดนของพระอมิตาภะพุทธเจ้า, ทิศตะวันออก เป็นดินแดนของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ฯลฯ ทั้งยังมี ?สาวก? หรือ ?อรหันต์สาวก? ประทับอยู่ด้วย เมื่อถึงคราวโลกมนุษย์มีภัย และกรรมเปิดช่องโอกาสให้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้ พระพุทธเจ้าจะทรงช่วยเหลือ โดยผ่านการบริหารพระอรหันต์สาวกต่างๆ เฉกเช่นเดียวกับการบริหารและการปกครองของพระราชาทางธรรมองค์หนึ่งนั่นเอง




ทั้งนี้ จิตที่ ?นิพพาน? ไม่เกิดอีกจริงๆ ไม่ได้เกิดจากการตั้งจิตมาเกิดที่สุขาวดี แต่เกิดจากการไม่ปรารถนาชาติภพใหม่ ไม่ปรารถนาการตั้งอยู่ของชีวิตินทรีย์ ปรารถนาความสิ้นไปของชาติภพ พอแล้ว หยุดแล้วซึ่งกิจใดๆ ต่อไปข้างหน้า ในขณะที่ ?ปฏิสนธิจิต? คือ จิตที่จุติมาสุขาวดีแล้ว ?ปฏิสนธิ? เพราะความปรารถนาการตั้งอยู่ของชีวิตินทรีย์ก็ดี, การปรารถนาชาติภพใหม่ก็ดี หรือแม้แต่ความปรารถนาในสุขาวดีก็ดี สิ่งเหล่านี้ นำไปสู่ ?ปฏิสนธิ? ใหม่ได้อีก แต่ด้วยการเทศนาสั่งสอนของพระอมิตาภพุทธเจ้า จิตที่ปฏิสนธิที่สุขาวดีจึงพ้นทุกข์ทั้งหมด ดังนั้น กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า ?สุขาวดี? ประกอบด้วยดวงจิตสองประเภทเท่านั้น คือ จิตของผู้ที่นิพพานสิ้นชาติภพแล้ว และจิตของผู้ที่ปฏิสนธิใหม่พร้อมการบรรลุธรรม ดังนั้น หากปรารถนา ?นิพพาน? จะต้องไม่ต้องการ ไม่ปรารถนาซึ่ง ?ชาติภพ? หรือ ?สถานที่? ใดๆ แต่หากปรารถนา ?สุขาวดี? จึงต้องเพ่งจิตยังสุขาวดี และในท้ายที่สุดทั้งจิตที่นิพพานและจิตที่ปรารถนาสุขาวดี ก็มาประทับยังสถานที่เดียวกันได้




ข้อสังเกตและบทส่งท้าย

๑. พรหมลิขิต ?ไม่มีจริง? เรื่องของการทำนายทายทัก เป็นเพียง ?วิชาความรู้? ที่ช่วยให้ผู้ไม่มีปัญญาหยั่งรู้ ได้เห็นภาพที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับบุคคลหรือดวงจิตเท่านั้น เป็นเพียงแบบแผนคร่าวๆ ส่วนใหญ่เท่านั้น แต่สำหรับความเป็นจริงของแต่ละดวงจิตแล้ว จำต้องใช้ ?ปัญญา? พิจารณาเป็นรายๆ ไป ไม่ใช่ ?พรหมลิขิต?

๒. จิตเป็นผู้กำหนดเองทั้งหมด ไม่มีผู้ใดกำหนดว่าจะไปจุติยังสถานใดๆ แต่หากจิตมีความดื้อดึงไปจุติยังที่ไม่ควร ทั้งๆ ยังมีกิเลส จนหลุดออกจากสารระบบของการจัดการสามภพ ก็จะพบความทุกข์เอง รับกรรมนั้นเอง และจำต้องแสวงหาอาหารในแบบที่ตนคิดเอง ทดลองเอง ไม่มีอาหารทิพย์แบบที่เขาจัดไว้ให้

๓. กรรมเป็นเพียง ?ปัจจัยปรุงแต่ง? เท่านั้น ในความเป็นอยู่ของจิตนั้นๆ เมื่อไปปฏิสนธิแล้วในภพนั้นๆ มีความเป็นอยู่อย่างไร, กินอย่างไร, นอนอย่างไร ฯลฯ หากบุญมีน้อยแต่ไปอยู่ในภพที่สูงมากๆ เมื่อหมดบุญจำต้องอดและหิวโหยอยู่ในภพนั้นนานแสนนานกว่าจะสิ้นอายุขัยลงจากภพนั้นๆ ดังนั้น การกำหนดจิตไปเองด้วยความไม่รู้ว่าบุญมีเท่าไร จึงมีแต่ความเสี่ยง จำต้องผ่านการตรวจวัดบุญก่อน

๔. ระบบการจัดการสามภพโดยผู้ปกครองสามภพ ได้แก่ พระอินทร์ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์, พระยายม ผู้ปกครองนรก และเป็นหนึ่งในสี่ราชาผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา และเทวราชาของสวรรค์และสถานทิพย์ต่างๆ เทวราชาทั้งหมดนี้ จะเป็นผู้ปกครองและบริหารการเวียนว่ายตายเกิดของดวงจิตแต่ละดวงทุกดวงจิต หากจะเกิดบนโลกได้จำต้องผ่านการจัดการของพระอินทร์ หากดวงจิตจะจุติที่สวรรค์-นรกชั้นใดจำต้องผ่านบัญชีของเทวราชาที่ปกครองสวรรค์-นรกชั้นนั้นๆ โดยท่านเหล่านี้จะมีสมุดบันทึกบุญกรรมจึงล่วงรู้ได้ว่าดวงจิตควรจุติยังสถานที่ใด ซึ่งเป็นการจัดบันทึกคร่าวๆ ใกล้เคียงความจริง แต่ไม่ถึงกับ ๑๐๐% จำต้องใช้ปัญญาพิจารณาเป็นรายๆ ด้วย ดังนั้น ทำให้พระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์ ทรงตั้งปณิธานไปโปรดสัตว์ในนรก ด้วยการใช้ปัญญาพิจารณากรรม แก้ไขเป็นรายๆ ไป

๕. พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่สำเร็จธรรมนิพพานแล้ว และหมดสิ้นชาติใหม่แล้ว ไม่เกิดไม่ตายอีกแล้ว จะทรงมีสถานที่ประทับอยู่ ไม่สูญสลายไปไหน สถานที่ประทับนั้นแตกต่างกันออกไป ในพระสุตตันตปิฎกเคยกล่าวไว้ว่า สถานที่ประทับของพระสิขีพุทธเจ้า อยู่ที่พรหมโลก ในขณะที่พระอมิตาภพุทธเจ้าทรงอยู่ที่สุขาวดี ดังนั้น เรื่องของการหมดสิ้นการเวียนว่ายตายเกิด นั้น ไม่ได้แปลว่าสูญความเป็นตถตาแต่เดิม ตถตายังคงอยู่ สิ่งที่สูญไปคือชาติภพใหม่ และความเป็นตถาตานั้น จะมีที่ประทับสถิตอยู่ แตกต่างกันไปตามแต่ละพระองค์


7
                                                                                                     :092:พอดีอ่านเจอก็เลยเอามาฝาก :092:


 
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พระราชครูวามเทพมุนี

สุวรรณภูมิ....ท่าอากาศยานทันสมัยที่สุดแห่งภูมิภาค อดีตที่ผ่านโครงการ Airport Service Quality (ASQ) ของ Airport Council International จัดอันดับให้อยู่ 1 ใน 10 ของสนามบินนานา ชาติ...จากการคัดเลือก 115 ท่าอากาศยานชั้นนำทั่วโลก
แต่...ปัจจุบันท่าอากาศยานแห่งนี้ได้ตกอันดับหลุดลุ่ยลงมาอย่างน่าใจหาย ด้วยหลากหลายปัญหาที่เกิดขึ้น บางอย่างไม่น่าจะมี มันก็อุบัติขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ....
และ...บ่อยครั้งจน สร้างความฉงนให้กับสังคม แล้วก็มีกระแสลือในมิติมืด ว่า...มี อาเพศ

ภายในอาคารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากสัดส่วนของสำนักงานบริการ และร้านค้าอันเป็นปัจจัยร่วมอำนวยความสะดวกแก่นักเดิน ทางแล้ว ยังมี องค์ประกอบอื่นๆ ที่เด่นๆ เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นไทย

พญายักษ์...เป็นประติมากรรมที่นำมา ประดิษฐานภายในอาคารแห่ง นี้ถึง 12 ตน เพื่อเป็นสื่อให้ชาวต่างชาติที่มาเยือนแผ่นดินสยามได้สัมผัสกับอมตะศิลป์ของประเทศ โดย จำลองจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม คือ

.....ทศกัณฐ์ มังกรกัณฐ์ จักรวรรดิ อินทรชิต สหัสเดชะ ไมยราพ สุริยาภพ อัศกรรณมาลา วิรุญจำบัง วิรูฬหก ทศคีรีธร และ ทศคีรีวัน
และ....แล้วก็เชื่อกันว่า พญายักษ์เหล่านี้สำแดงพลังอันเร้นลับ เป็นปฐมเหตุ
จึง....จะมีการ ปรับสถานที่โยกย้าย 12 ต้นเหตุแห่งอาเพศไปยังพิกัดอื่น เป็นการสกัดมิให้แผ่พลังอิทธิพล (เลวร้าย) กับท่าอากาศยานแห่งนี้...ตามความเชื่อ และที่ร่ำลือกัน

นางสาวบุษบา ภู่สกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงได้ปรึกษา พระราชครู วามเทพมุนี หัวหน้าคณะพราหมณ์ เทวสถาน โบสถ์ พราหมณ์ กับการ จัดกระบวนการล้างอาถรรพณ์ สร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติการภายในปริมณฑลสุวรรณภูมิ

ซึ่งก็ได้รับการบอกเล่าว่า....ศาสตร์ของพุทธกับพราหมณ์ได้เผยแผ่สู่ศาสนิกชนทั่วโลก เป็น 2 ศาสนาซึ่งความผูกพันอย่างเหนียวแน่น โดย เฉพาะความศรัทธาและพิธีกรรมเชื่อมโยงจนแทบจะกลายเป็นอันเดียวกัน

 
ทศกัณฐ์ประดิษฐานอยู่หลังลานค้า


มีบัญญัติการจำแนกชนเป็นกลุ่มๆ คือ เปรต อสุรกาย อสูร ยักษ์ มนุษย์ เทพ เทวดา โดย แบ่งระดับชั้นบนพิภพตามคุณธรรมความดี...และที่ สูงสุดคือพระ-พุทธเจ้า

ยักษ์...เป็นชนของกลุ่ม นิสัยพื้นฐานอยู่กับความ โลภ โกรธ โมหะ กามะ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกิเลส
แม้ จุดประสงค์จะออกมาในทางสร้างสรรค์ เพื่อต้อนรับแขกที่มาเยือนด้วยความงามแห่งศิลป์....แต่ก็มี พลังในการแผ่บารมีในสิ่งที่เร่าร้อน น่าสะพรึง กลัว จึงมีปัญหาขาดสติในการดำเนินการ ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน
อีกประการหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดี ไม่ควร....เนื่องจาก บรรดายักษ์ ทั้ง 12 ตน ที่จำลองมาจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม นั่นเป็นยักษ์ที่มีฐานะเป็นกษัตริย์ ที่ครองเมืองต่างๆ แม้จะมีนิสัยเลวร้ายแต่ก็ เป็นผู้มีสัจจะ และ ศักดิ์ศรี

...จึงต้องพิจารณาดูว่าการนำมาประดิษฐานไว้บริเวณนั้นเหมาะสมหรือไม่ หาก ลดฐานะลงไปก็เป็นธรรมดาที่จะทำให้เกิดโมหะ
แม้ว่า....จะมีการเซ่นไหว้จากผู้ประกอบการภายในสถานที่ แต่ก็ แสดงออกเพียงหน้าที่ให้ยืนเพื่อปกป้องดูแลสินค้า ที่ตนเองนำมาจำหน่าย ไม่สมศักดิ์ศรีและฐานะของการเป็นกษัตริย์....จึงแผ่บารมีในทางลบ

โลกของเราโดยธรรมชาติอยู่ได้ด้วยความสมดุล ถึงจุดนี้หากวิเคราะห์แล้ว ภายในอาคารสุวรรณภูมินั้นมันเอียงไปในทางอัปปะ จักต้องหาสิ่งที่เป็นมงคลเข้ามาถ่วงดุล
สิ่งที่บัญญัติให้เกิดขึ้นมาคู่กันกับยักษ์ ก็คือเทพ หรือ เทวดา ซึ่งบางครั้งก็มีการรบล้างเผ่าพันธุ์ กันบ้างเพื่อขจัดสิ่งที่ไม่ดีให้สลายไป และ บางโอกาสก็ปฏิบัติการร่วมกัน....ให้เกิดความขลังและยิ่งใหญ่กับกิจกรรม นั้นๆ

อย่างที่.....วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เหล่ากษัตริย์ ยักษ์จะยืนปกปักรักษาอยู่ด้านนอก ส่วนภายในพระอุโบสถเหล่าเทพเทวดาทั้งหลายก็จะเฝ้าดูแลพระแก้วมรกต อันหมายถึงพระพุทธเจ้า องค์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่สร้างสันติสุขให้ กับโลก...ที่ถือว่าสูงสุด

 
ยักษ์บางตนตั้งหลบเป็นอีแอบหลังเสา


เมื่อ....นำยักษ์มาประดิษฐาน ณ สุวรรณ-ภูมิแล้วเกิดเหตุที่ไม่พึงปรารถนา ก็ไม่ควรทำลายให้เสียงบประมาณ เพียงแก้เคล็ดนิดหน่อยก็อาจทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ด้วยการย้ายไปตรงจุดที่เหมาะสม มิใช่เป็นอีแอบและ เฝ้ายามที่ร้านค้า
และ...ควรมีเหล่าเทวดาประดิษฐานในปริมณฑลเดียวกัน เพื่อถ่วงพลังให้โลกเกิดความสมดุล ซึ่งก็ต้องศึกษาด้วยว่าเทวดาหรือเทพมีหลายระดับ สถิตในชั้นวิมานแตกต่างกัน ก็ต้องแยกให้ถูกต้อง

....ที่สำคัญจักต้องมีพระพุทธรูป เพื่อเป็นประมุขในความสันติสุขแก่เหล่าเทวดา มนุษย์ ยักษ์ และสัมภเวสีทั้งหลาย....สถานที่จะได้สงบสุข
การโยกย้าย....ส่วนของยักษ์นั้นไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก เนื่องจากอยู่ในภูมิฐานที่ไม่สูง สำหรับ เทพและเทวดาจักต้องมีพิธีกรรม ฤกษ์เวลาในการบวงสรวงอัญเชิญ เนื่องจากแต่ละองค์นั้นสถิตประจำดวงดาวต่างๆ บนสรวงวิมานให้ได้รับรู้...จนถึง พระ พุทธองค์ซึ่งสถิตบนชั้นฟ้าจุฬามณี ก็เช่นกัน

การปรับภูมิเพื่อลดความวุ่นวาย สร้างความสันติสุขในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ...จึงเป็น การบ้านข้อใหญ่ ให้ไปขบคิด
...ท่านเชื่อเรื่องนี้หรือไม่ อย่าลบหลู่..!!!



ข่าวไทยรัฐออนไลน์ - อาถรรพณ์..สุวรรณภูมิ 12 พญายักษ์..ส่งพลังร้าย

   



8
        :092: :092: :092:
     
     
      ผมเชื่อว่าเพื่อนๆพี่น้องชาววัดบางพระหลายคน  ต้องเคยเจอประสปการเกี่ยวกับเครื่องรางของขลังของสักที่เราบูชาหรือพกติดตัวไม่มากก็น้อย ตัวผมเองก็เคยเจอแต่ไม่บ่อยมากนักแต่ก็มีจังๆกับตัวเองมาครั้งหนึ่งเหมือนกัน :093:(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับความเชื่อส่วนบุคคล) :093:   เรื่องมันผ่านมาได้ประมาณสองปีเศษๆแล้ว ตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ ปวช. 2 เพื่อนรุ่นพี่ของผมเค้าไปสักยันต์มากับอาจารย์ท่านหนึ่ง อาจารย์ท่านนี้ท่านก็เป็นอาจารย์สักยันต์สายตรงของวัดบางพระท่านหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี  ผมจะไม่ขอเอ่ยนามของท่านนะครับ  เค้าบอกว่าสักไว้เพื่อคุ้มครองป้องกันอันตรายทีแลกผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อซักเท่าไหร่หรอกคับ เพื่อนผมก็เลยชวนให้ผมไปลองสักดู ทีแลกผมก็ไม่กล้าสักหรอกครับกลัวเจ็บแต่ก็นะ รวบรวมความกล้าสักจนได้สักครั้งแรกอยากจะบอกว่าเจ็บมากๆ สักบอยครั้งเข้าก็กลายเป็นติดเข็มซะงั้น ท่านบอกว่าสักไปแล้วอยากให้ศักดิ์สิทธิ์จริงก็ต้องปฏิบัติตามข้อห้ามให้ได้ ไม่ลบหลู่คุณของบิดามารดาครูบาอาจารย์ และหมั่นสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นประจำ ผมก็เลยลองปฏิบัติตามที่ท่านบอก เย็นวันนึงผมกับเพื่อนได้ไปเตะบอลเดิมพันกับเด็กวัยรุ่นต่างสถาบันแห่งหนึ่งไปกันประมาณสิบกว่าคนเตะจนถึงประมาณสามทุ่มก็เลยเลิกเพราะว่าพวกนั้นแพ้มาหลยเกมส์แล้ว  แต่ก็เป็นว่าพวกวัยรุ่นพวกนั้นไม่จ่ายตามเกมส์ที่แพ้ก็เลยมีปากเสียงกันแต่ก็ไม่มีอะไรเพื่อนผมก็เลยทะยอยกันกลับเหลือผมกับเพื่อนแค่สองคนเท่านั้น ผมทนไม่ได้ก็เลยคว้าขวดน้ำอัดลมตีเข้าทีหน้าของคนทีบอกว่าไม่จ่ายเงิน ผมก็เลยวิ่งขึ้นมอไซกับเพื่อนอีกหนึ่งคนขับออกจากโรงเรียนแห่งนั้น  และขับมาตามถนนเเบบธรรมดาเพราะไม่คิดว่าพวกนั้นจะกล้าตามมา ไม่นานพอมาถึงตรงยูเทินข้ามก็มีรถมอไซสองคันขี่มาประกบพวกเราแล้วเอาปืนมาจ่อที่หัวของผมแล้วก็ถามว่าใครเป็นคนตี ผมก็เลยบอกว่าผมตี จากนั้นมันก็เลยลั่นไกเลย ดัง ตับ ตับ ตับ สามครั้งผมก็เลยฉวยโอกาสนั้นบิดรถข้ามยูเทินกลับบ้านทันที ผมก็เลยบอกกับเพื่อนคนนั้นไม่ให้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ผมอยากจะบอกว่าตอนถูกปืนจ่อหัวผมคิดได้แค่ใบหน้าของพ่อแม่และหลวงพ่อเปิ่นท่านเท่านั้นแหล่ะคับ เพราะบารมีของคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์จริงๆคับ สาธุ...  :054: :054: :054:

9
มีองค์ มีหลายแบบแบ่ง ใหญ่ๆ ได้ 2 อย่าง
1 เทพ เทวดา ฤาษี เทพเจ้าองค์ต่างๆ ท่าได้อย่างนี้แล้วก็ดีหรือเรียกว่าแท้ท่านคอยให้ความอนุเคราะห์ สงเคราะห์ลูกหลาย ทั้งรักษาโรค สอนธรรม และช่วยเหลือ สร้างบารมีเพิ่ม ดูง่ายพวกนี้อยู่ในศิล ในธรรม
2 มาร อสูรกายต่าง ผีตายโหง ปอบ ดวงจิตที่ไม่บริสุทธิ์ ดูที่ร่างอาศัยจะไม่สดใสโทรมลง
การรับขันหรือขันธ์ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบที่ 2เป็นส่วนใหญ่ มาร

เท่าที่รู้มา ร่างทรง มีทั้งหมด ๕ ประเภท
ประเภทแรก คือ มาจากต้นไม้ใหญ่ หมายถึง เทพ หรือมหาเทพ ก็ดี แบ่งพลังงานลงมาเกิด เพื่อทำหน้าที่บางอย่าง หรือในรายที่เป็นพระโพธิสัตว์ อาจจะเป็นการชดใช้กรรม ที่ท่านไปช่วยเหลือสัตว์โลก ซึ่งถือว่าเป็นการเบี่ยงกรรมของสัตว์โลกผู้นั้น ถ้าใครเคยอ่านคำของสมเด็จโต ท่านเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อเห็นสุนัขนอนอยู่ อย่าไปข้าม เพราะสุนัขตัวนั้น อาจเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิด ซึ่ง เสมือนกับว่า ท่านอยู่กับบุคคลนั้น ตลอดเวลา ก็เหมือนกับลูกไม้ ตกลงจากต้นไม้ใหญ่
ประเภทสอง เป็นเพราะเทพมีกรรมร่วมกับคน ๆ นั้น ที่จะต้องสร้า้งบุญบารมี ร่วมกัน หรือช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แต่ไม่อยู่ประจำ อาจจะเป็นการแบ่งพลังงานส่วนหนึ่งมาคุ้มครอง
ประเภทที่สาม เป็นการที่คน ๆ นั้น เป็นร่างผ่าน เพื่อบอกกล่าวเรื่องราวบางอย่าง เพียงชั่วขณะ ซึ่ง เป็นเพราะจิตของคน ๆ นั้น อาจมีสื่อบางอย่างที่สามารถติดต่อกันได้
ประเภทที่สี่ เป็นพวกผี เปรต หรือ วิญญาณชั้นต่ำ อ้างชื่อเทพชั้นสูง สภาพร่างกายจะแย่มาก ทำแต่สิ่งไม่ไดี
ประเภทที่ห้า เป็นพวกที่ร่างทรงอ้างเอง ไม่มีวิญญาฯใด ๆทั้งสิ้น
ซึ่งพวกที่ สี่ และ ห้า จะมีเยอะมากในปัจจุบัน

ผู้ที่คิดว่า ตัวเองมีอะไรแปลก ๆ แล้ว หรือ มีคนทักว่า มีองค์ ซึ่งส่วนมาก ผู้ที่ทัก ก็จะเอ่ยชื่อเทพชั้นสูงเสมอ ก่อนอื่น คุณต้องสำรวจตัวคุณเองก่อนว่า จิตของคุณคิดไปเองหรือเปล่า เพราะพวกที่มาทัก จะพูด หรือ ทำให้คุณเชื่อในคำพูดของพวกเขา เกิดอุปทานต่าง ๆ นานา ๆ ในที่สุด ก็จะหลอกให้พวกคุณรับขันธ์ ผมขอบอกเลยว่า คนส่วนมาก เกิดมา จะมีบุพกรรมเก่าติดตัวกันมาทุกคน บางคน อาจจะมีเทพคุ้มครอง บางคนอาจจะเป็นวิญญาณ บรรพบุรุษก็เป็นไปได้ คุณห้ามรับขันธ์เด็ดขาด เพราะตัวคุณเอง ก็มีขันธ์อยู่ในตัวอยู่แล้ว ถ้าร่างหนึ่งมีขันธ์ถึงสองชุด จิตคุณจะรับไม่ไหว บางสำนักทรงถ้ามีความสามารถเรื่องไสยศาสตร์จริง ๆ พวกเขาจะส่งบางสิ่งมารังควานคุณ เพื่อให้คุณเดือดร้อน ต้องกลับไปหาพวกเขา ทางแก้ คือ คุณต้องเชื่อมั่นตัวเองเสียก่อน ว่า ร่างกายนี้ คุณมีสิทธิ์มากที่สุดในการถือครอง ฉะนั้น คุณต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง ข้อสอง คุณต้องประพฤติตัวในศีลในธรรม และหมั่นระลึกถึงพระรัตนตรัยเสมอ ข้อต่อมา คุณต้องปฎิบัติสมาธิ ในขณะที่คุณปฎิบัติ ต้องมีครูบาอาจารย์ คอยชี้แนะ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนจิตใจอ่อน ผมขอแนะนำเลยว่า อย่านั่งสมาธิคนเดียว โดยไม่มีครูบาอาจารย์สั่งสอน หรืออย่างน้อยที่สุด ก่อนปฎิบัติสมาธิทุกครั้ง คุณต้องระลึก และอัญเชิญพระสงค์ผู้ปฎิบัติดีมาเป็นครูบาอาจารย์ของคุณ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณต้องอัญเชิญและระลึกถึง คือ พระรัตนตรัย


10
อยากรบกวนถามพี่น้องชาวบางพระทุกท่านหน่อยครับว่าถ้าเราผ่าไฟเเดงของในตัวเราจะเป็นอย่างไรมั้ยและเวลาที่เรามีอะไรกันกับเเฟนเเล้วเจอช่วงประจำเดือนมาพอดีโดยเราไม่รู้ตัวว่าโดนเข้าเต็มๆจะเป็นไรรึป่าว

11
ห้อยพระอย่างไรให้ถูก "โฉลก"


คนเกิดปีชวด

วันอาทิตย์ เหมาะที่จะแขวนพระที่มีเมตตาเป็นหลัก ได้แก่ พระปิดตา พระศิวลี พระสังกัจจายน์ ส่วนพระเครื่องที่ป้องกันและเสริมการงาน เนื่องจากเป็นพระที่มีรูปงามมีเสน่ห์ พระที่เหมาะควรเป็นพระที่มีอำนาจในตัว ควรแขวนพระ ที่เป็นโลหะหรือผ่านธาตุไฟ เช่น พระกรุเนื้อชิน พระเครื่องเนื้อโลหะหรือเหรียญ ไม่ควรจะเป็นพระที่มีเนื้อผง ควรจะเลือกที่ผสมด้วยธาตุเหล็ก หรือผงตะไบเหล็กหรือโลหะเท่านั้น หรือเป็นพระผงฝังตุกรุด

วันจันทร์ รูปสมบัติเป็นโภคทรัพย์ที่ติดตัวมา จึงไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องทำมาหากิน ควรจะทำงานที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะตัวจึงจะถูกโฉลก ควรแขวนพระที่คล้ายกับโฉลกงาน เช่น พระทรงเครื่อง พระที่มีลวดลายประกอบอย่างงดงาม หรือพระพรหม พระพิฆเนศ

วันอังคาร ชิวิตมีแต่ความลำบาก ต้องฝ่าฟันอุปสรรคกว่าจะได้เงิน ต้องระวังปากตัวเองให้มากที่สุด ควรแขวนพระไสยาสน์ หรือพระปรางสมาธิ เป็นเนื้อที่ผ่านไฟหรือไม่ก็ไม่เป็นไร เพราะพระทั้งสองปรางหมายถึงความสงบระงับ เมื่อเกิดความพลุ่งพล่านทุกครั้งให้เอามือกุมพระ จะเยือกเย็นลง

วันพุธ ชีวิตมีแต่ความเจ็บไข้จุกจิก แม้ไม่อันตรายถึงชีวิตก็บั่นทอนร่างกายไปมาก เหมาะที่จะแขวนพระที่ทำจากต้นไม้ใบยา เช่น พระว่าน พระขมิ้นเสก พระไพลเสก หรือพระที่มีส่วนผสมของตัวยาต่างๆ พระเนื้อผงผสมว่านก็ใช้ได้ บางคนแขวนหมอชีวกโกมารภัจจ์ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

วันพฤหัสบดี เป็นผู้อุดมด้วยโคทรัพย์ มีบุญเก่าอยู่มาก ทำให้ชีวิตไม่ล้มลุกคลุกคลานมากนัก ไม่ค่อยรอบคอบในการตัดสินใจ ประมาทเป็นนิจ ทำให้พลาดเงินหรือเสียประโยชน์อันควรได้ไปอย่างน่าเสียดาย ควรแขวนพระที่จะมารับหน้าพระอังคารที่เป็นใจคือ พระปรางป่าเลไลยก์ พระราหูเนื้อผง หรือเนื้อโลหะ เพราะพระราหูกับพระอังคารเป็นมหามิตรกัน จะรับหน้าทำให้พระอังคารไม่อาจมาเบียดเบียนดวงชะตาได้

วันศุกร์ มีดีทางด้านผู้รับใช้ใกล้ชิด จะเป็นคนดีมีศีลธรรม แต่อยู่ด้วยไม่ได้นาน เพราะบางครั้งไม่ได้ตั้งใจแต่พูดไปโดยไม่คิด ทำให้บริวารต้องจากไป ควรแขวนพระพิมพ์ที่มีพระอัครสาวกอยู่ซ้ายและขวา เพราะพระพุทธองค์และพระสาวกนั้นหมายถึงการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาตามสายงาน จะแก้โฉลกให้ดีได้

วันเสาร์ เป็นผู้มีอำนาจในตัว มีดีที่คนเกรงขาม แต่มีข้อเสียชอบออกหน้าแทนลูกน้องหรือคนอื่น จึงมักต้องเดือดร้อนแทนคนอื่นในแทบทุกเรื่อง ให้แขวนพระปรางห้ามสมุทร ยกพระหัตถ์(มือ)สองข้าง ซึ่งจะแก้เคล็ดและทำให้ยับยั้งชั่งใจได้


คนเกิดปีฉลู

วันอาทิตย์ วาสนาไม่ค่อยจะดีนัก ให้เก็บหอมรอมริบทุกครั้งที่มีโชค โฉลกของท่านคือการเก็บงำ ควรแขวนพระเสริมวาสนา เช่น พระผงยาวาสนา พระปิดตามหาลาภ (ไม่ปิดทวาร) พระสิวลี พระปรางลีลา พระสังกัจจายน์

วันจันทร์ มีดาวบริวารดีมาก จะได้ทรัพย์เพราะบริวารเป็นหลัก เพราะบริวารของท่านดีอยู่แล้ว การแขวนพระที่มีพระหลายองค์รวมอยู่ในองค์เดียวกัน เช่น พระเจ้าห้าองค์ หรือพระที่มีจำนวนสององค์ขึ้นไป ถ้าหาไม่ได้ให้แขวนพระที่เป็นพิมพ์มีพระอัครสาวกอยู่ด้วย เพื่อเสริมบารมีในด้านบริวาร ควรเป็นเนื้อผสมส่วนผสมหลายอย่างจะดีที่สุด

วันอังคาร มีวาสนาน้อยควรเจียมตน ไม่ทำการใหญ่เกินกำลัง อย่าจับงานทีเดียวจะแพ้ภัย ควรแขวนพระมหาอุด ปิดทวารหรือเต่าเรือน เพื่อเป็นเคล็ดสำรวมระวังเรื่องการลงทุน พระปิดทวารจะทำให้นึกถึงการไม่ทำอะไรเกินตัว เต่าคือให้หดหัวยามมีภัยมา คืออย่าลงทุนมากนั่นเอง

วันพุธ หัวเดียวกระเทียมลีบ มีเพื่อนมีญาติเหมือนไม่มี พึ่งใครไม่ได้นอกจากพึ่งตัวเอง ควรแขวนพระที่มีคำว่าเดี่ยวอยู่ด้วย เช่น เดี่ยวดำ เดี่ยวแดง พลายเดี่ยว หรือพลายคู่ตัดเดี่ยว เสริมโฉลกที่ต้องทำอะไรเดี่ยว

วันพฤหัสบดี มีวาสนาตกที่นั่งมีทรัพย์มาก ไม่ต้องขวนขวายก็จะได้มาแบบไม่ยาก มีข้อเสียเป็นคนมือเติบ มักมมีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย หรือขาดดุล แก้โฉลกด้วยการแขวนพระที่มีชื่อว่า ?คง? เช่น หลวงพ่อคง พระอาจารย์มั่น จะทำให้เก็บทรัพย์ให้มั่นคงและคงที่

วันศุกร์ เป็นคนตกที่นั่งอับโชคลาภ เงินที่ได้มาอย่างง่ายๆ เช่น เล่นหวย อย่าไปหวัง ควรแขวนพระที่มีคำว่า เศรษฐี เงินแสน เงินล้าน พระทุ่งเศรษฐี พระที่ลงท้ายว่ารุ่นมหาเศรษฐี หรือขวัญถุงเงินล้าน เงินแสน จะเสริมพลังแห่งโชคลาภ

วันเสาร์ เป็นคนตกที่นั่งนักโทษ ทั้งชีวิตมีแต่คนเบียดเบียนใสไคล้ ทำให้เดือดร้อน มีโรคประจำตัวบั่นทอนชีวิตอยู่มาก ควรแขวนพระที่มียันต์เกาะเพชร หรือพระที่มีรูปโล่ จึงจะถูกโฉลกกับตัวเอง
คนกิดปีขาล

วันอาทิตย์ หากินอย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ แม้จะมีตำแหน่งสูง แต่งานในความรับผิดชอบหนักหนา หรือไม่ก็ไปใหญ่โตในถิ่นกันดาร ควรแขวนพระที่มีการเคลื่อนไหว เช่น พระลีลา พระเปิดโลก พระสิวลี

วันจันทร์ ดวงชีพจรลงเท้า ถูกโฉลกกับงานที่ต้องเดินทางขึ้นล่อง ควรแขวนพระที่สงบและอยู่นิ่ง พระปรางสมาธิ ไม่ควรแขวนพระเคลื่อนไหว เพราะจะทำให้โฉลกร้อนขึ้นไปอีก

วันอังคาร เป็นนักบู๊ มักมีเรื่องราวชกต่อยเสมอ ส่วนใหญ่เป็นนักเลง นักพนัน หรือนักมวยเดินหน้าชน มีนิสัยก้าวร้าว มีโทสะจริตเป็นที่ตั้ง ควรแขวนพระเมตตา เช่น พระปิดตา พระสังกัจจายน์ พระสิวลี ที่ทำด้วยอะไรก็ได้ ที่ไม่ได้ผ่านความร้อน ทำให้เย็นขึ้นได้

วันพุธ มีจิตใจเยือกเย็น สุขุม ไม่บุ่มบ่าม ใจเหมือนแม่น้ำ ใฝ่การบุญ เป็นที่รักของคนทั่วไป ควรแขวนพระปิดตามหาอุด หรือพระที่มีลักษณะอยู่กับที เช่น พระยืนปรางถวายเนตร

วันพฤหัสบดี แต่น้อยลำบาก เมื่ออายุมากขึ้นจะมีวาสนาตามไป ควรอดทนรอให้งอมจึงหลุดจากขั้ว ควรแขวนพระที่ผ่านการหล่อหลอมจากธาตุไฟเพื่อเสริมพลังชีวิต จะเป็นพระกริ่งหรือรูปหล่อที่ผ่านไฟแรงเท่าใดก็ยิ่งดี

วันศุกร์ พึ่งใครไม่ได้ ต้องพึ่งตัวเอง เป็นเสือจับเนื้อกินเองจนแก่ ควรแขวนพระที่มีรูปเสือมาเกี่ยวข้อง หรือแขวน็ได้ จะเป็นเสืองาแกะ หรือเสือเขี้ยวก็ได้ หรือเสือที่เป็นโลหะก็ได้

วันเสาร์ เป็นผู้มีโภคทรัพย์ ทำมาหากินแล้วตั้งหลักฐานได้ง่าย มีข้อเสียคือ เชื่อคนง่าย มักถูกหลอกหรือฉ้อโกงเอาทรัพย์อยู่บ่อยๆ ควรแก้เรื่องความใจง่ายเชื่อคนง่ายไว้ ควรแขวนพระที่ตรงกันข้ามกับพระทั่วไป เพือแก้โฉลกด้านการถูกคดโกง จึงควรแขวนพระทีเป็นพิมพ์แบบสะดุ้งกลับจะเหมาะที่สุด
คนเกิดปีเถาะ

วันอาทิตย์ เป็นคนอาภัพอับวาสนา ทำมาหากินไม่พอเลี้ยงตนเอง ต้องอาศัยบารมีคู่ครองเป็นหลัก หากอยู่ตัวคนเดียวจะต้องลำบากมาก ควรแขวนพระเสริมบารมี เช่น พระผงยาวาสนาพระที่มีนามเกี่ยวกับโชคลาภ

วันจันทร์ คนเกิดวันนี้แต่น้อยจะลำบาก เมื่อเลยวัยกลางคนไปจะดีขึ้นและตั้งตัวได้ ควรแขวนพระปรางลีลา เพื่อความก้าวหน้า

วันอังคาร เป็นคนที่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ ชีพจรลงเท้า ต้องเดินทางถึงจะได้เงิน เหมาะแก่การเป็นพนักงานขายของขึ้นๆลงๆ หรือค้าขายระหว่างประเทศ ควรแขวนพระเกี่ยวกับการค้าขาย เช่น พระสังกัจจายน์ พระสิวลี

วันพุธ เป็นที่ไม่พอใจกับเจ้านายหรือผู้ใหญ่ มักจะให้ร้ายเสมอ เป็นโฉลกของวันกิด จึงไม่ควรรับข้าราชการเพราะจะไม่ก้าวหน้า เหมาะที่จะทำมาหากินในความถนัดของตน ไม่ขึ้นกับใคร ควรแขวนพระมหาอุด ที่ทำจากโลหะที่ผ่านความร้อนแล้วจะทำให้เกิดตบะและเดชะป้องกันตัวเองได้

วันพฤหัสบดี เป็นคนใจร้อนใจน้อย ใครตักเตือนก็ไม่พอใจ ดื้อรั้น ควรอ่อนน้อมรับฟังผู้อื่นแล้เอามาคิด ให้แขวนพระที่มีหนุมานอยู่ด้วย เพราะดวงอาสาเจ้านายเหมาะ หรือไม่ก็แขวนพระที่มีลักษณะการกวัก เช่น พระพุทธกวัก

วันศุกร์ มีวาสนาดี เป็นนักบวชก็ก้าวหน้า เหมาะกับการควบคุมคนหมู่มาก มีลักษณะเป็นผู้นำ ควรแขวนพระที่ในหนึ่งพิมพ์มีจำนวนมากกว่าหนึ่งขึ้นไป เช่น พระเจ้าห้าองค์ พระเจ้าสิบทัศน์พระตรีกาย

วันเสาร์ โฉลกเป็นคนที่คนทำร้ายไม่ได้ มีผู้คอยออกรับและคุ้มครองป้องกันอยู่เสมอ ทำให้ไม่ต้องลำบาก แต่เป็นคนที่อาภาพคู่ครอง แม้มีสมบัติมากแต่ก็มักจะผิดหวังเรื่องคู่ครองอยู่เสมอ ควรแขวนพระที่มีนามทางความอ่อนนุ่ม เช่น พระนางพญา
คนเกิดปีมะโรง

วันอาทิตย์ มีบริวารมาก มักได้เป็นผู้บังคับบัญชาคน มีทรัพย์ดีมาก เก็บไม่อยู่ แต่เงินไม่ขาดมือ เหมาะที่จะแขวนพระชัยวัฒน์ เพราะเป็นผู้นำคนหรือเป็นที่พึ่งของคนหมู่มาก

วันจันทร์ มีใจอาฆาตพยาบาทรุนแรง มักมีเรื่องชกต่อยอยู่เสมอ ยิ่งเสพสุรายิ่งอาละวาท ควรแขวนพระที่มีข้อห้ามเรื่องสุรา จะได้คอนเตือนใจ เช่น พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต จ.ขอนแก่น หลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ จ.นครพนม

วันอังคาร ทำมาหากินฝืดเคือง แต่รอดตัว วาสนาปานกลาง อารมณ์ร้อน โกรธง่ายหายเร็ว ห้ามแขวนพระที่ผ่านธาตุไฟ หรือความร้อนเด็ดขาด ให้แขวนพระผง หรือพระที่แกะจากอัญมณีหรือหินที่มีความเย็น หากแขวนพระที่ทำจากหยก จะยิ่งดีใหญ่

วันพุธ เหมาะเป็นนักร้อง นักแสดง กวี นักเขียนมากกว่าอาชีพอื่น ทำมาหากินคล่อง รับราชการไม่ดี จะมีภัยจากเจ้านาย วาสนาปานกลาง ควรแขวนพระกริ่งที่แขวนแล้วมีเสียงดัง เพราะดวงเหมาะเป็นนักร้องหรือกวี แม้ทำอาชีพอื่น หากมีพระกริ่งเสียงกังวานจะช่วยเสริมโฉลกโชคลาภ

วันพฤหัสบดี ต้องดิ้นรนไม่หยุดหย่อน จะได้ห้าต้องลงทุนเกินห้า เหมาะกับงานที่ต้องใช้ความมอดทน ความอุตสาหะ ควนแขวนพระที่มีพลังเร้นลับ เช่น พระหูยาน พระนาคปรกลพบุรี พระยอดขุนพล หรือพระพิมพ์ที่แสดงถึงปาฏิหาริย์

วันศุกร์ เป็นคนขี้โรค ทำมาหากินคล่อง แต่มีโรคมาเบียดเบียนอยู่เสมอ ทำหาไม่มีความสุขในชีวิต ควรแขวนพระเนื้อว่านที่เป็นยา พระที่ทำมาจากยาผสมว่าน พระเนื้อว่านต่างๆ เพื่อแก้โฉลกที่สุขภาพไม่ดี

วันเสาร์ ถ้าเป็นนักบวชจะมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ถ้าเป็นข้าราชการปานกลาง เป็นพ่อค้าปานกลาง ทำงานอิสระดีที่สุด ควรแขวนพระที่เป็นพระเกจิอาจารย์จะถูกโฉลกมากกว่าเป็นพระพุทธรูป พระเกจิอาจารย์ที่มีเครื่องหมายอาชีพอิสระ เช่น พระที่ทางคณะแพทย์สร้าง หรือคณะผู้พิพากษาสร้าง
คนเกิดปีมะเส็ง

วันอาทิตย์ มักเดือดร้อนจากการหาความของผู้อื่นเสมอ การงานอาภาพ กว่าจะได้มาต้องอาบเหงื่อต่างน้ำเก็บเงินเก่ง ควรแขวนพระที่เป็นยันต์เกราะเพชร หรือเต่าเรือน หมั่นบริจาคเงินให้กับสถาบันที่เกี่ยวข้องกับ ตำรวจ ราชทัณฑ์ หรือตุลาการ จะช่วยบรรเทาเรื่องคดีความลงได้

วันจันทร์ เป็นผู้ที่มีคนคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ ไปถิ่นฐานใดไม่ขาดแคลนคนคอยคุ้มครองรักษา ทำการงานพึ่งผู้ใหญ่หรือทำอะไรกับผู้สูงอายุดีกว่า อายุเท่ากันหรือน้อยกว่าไม่ดี ให้แขวนพระปรางนาคปรก สัญลักษณ์แห่งการคุ้มครองป้องกันภัยช่วยเหลือ หรือพระที่มีสององค์ในพิมพ์เดียวกัน จะถูกโฉลกดีนัก

วันอังคาร ดวงชีพจรลงเท้า เกิดที่หนึ่งไปดังที่หนึ่ง ถ้าจะให้ก้าวหน้าต้องไปทำงานต่างถิ่น ควรแขวนพระปรางลีลา หรือพระที่แสดงความเคลื่อนไหว เพราะดวงต้องเดินทางตลอดเวลา หากใช้พระที่หยุดนิ่งจะไม่ถูกโฉลกกัน

วันพุธ ทำงานหากินไม่พอรายจ่าย ดวงพลิกผัยง่าย คาดหมายอะไรล่วงหน้าไม่ได้ ต้องทำงานตามน้ำตลอดเวลา ทวนน้ำเมื่อไรพัง จึงต้องระวัง ให้แขวนพระสังกัจจายน์ หรือพระสิวลี หรือพระที่ด้านหลังมียันต์ ดวงจะถูกโฉลก

วันพฤหัสบดี เป็นคนมีดวงทางบริวารดี วางใจได้ เป็นผู้มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู เป็นที่เกรงขามของคนทั่วไป นักบริหารที่ยิ่งใหญ่มักเกิดปีมะเส็งวันพฤหัสบดี ควรแขวนพระที่มีอัครสาวกอยู่ด้วย หรือแขวนพระเจ้าห้าองค์ จึงจะถูกโฉลกกับตัวเอง

วันศุกร์ มีสติปัญญาดี มีปัญญาเป็นทรัพย์ เป็นคนใฝ่การศึกษาหาความรู้ หากเป็นนักบวชจะเป็นพระเกจิ อาจารย์ที่มีความขลังอมตะ เล่าลือไม่สิ้นสุด ควรแขวนพระที่มีจีวรของพระคุณเจ้า ผู้เป็นเจ้าของพระอยู่ด้วยเพราะถูกโฉลกของท่านกับจีวรพระสงฆ์ที่เป็นพระสุปฏิปันโนนั้นถูกกัน

วันเสาร์ เป็นคนทำงานได้ทุกอย่าง แต่อาภัพคู่ครอง มักหย่าร้างหรืออยู่กับไม่ยืด อยู่ยืดก็เป็นคู่ร้างคู่เละ ตัวเองขยันแต่คู่ครองบั่นทอนความสุขเสมอ ให้แขวนพระเป็นคู่หรือสององค์ในพิมพ์เดียวกัน จะแก้เคล็ดและช่วยให้ถูกโฉลก
คนเกิดปีมะเมีย

วันอาทิตย์ เป็นผู้ตั้งหลักฐานได้ง่าย มีความกล้าแกร่ง เป็นที่พึ่งของคนทั่วไป ทำราชการดีนัก เป็นนักพูดหรือนักเขียนจะโด่งดังไม่มีใครเกิน ควรแขวนพระที่มีคำว่าโต เช่น หลวงพ่อโต หรือพระที่มีลักษณะใหญ่กว่าพระเครื่องทั่วไป

วันจันทร์ เหมาะแก่การเป็นพ่อค้าวานิช เป็นนายหน้าหรือเป็นนักการฑูต นักการเมือง นักบริหาร รับราชการไม่ดี แขวนพระอะไรก็ได้ แต่มีเคล็ดว่าให้หาปลาตะเพียนขนาดเล็กๆ ที่ปลุกเสกแล้วคู่หนึ่งติดตัวไว้เสมอ จะทำให้ทำมาค้าคลอ่ง และติดต่อการงานดีมาก ช่วยเสริมโฉลกโชคลาภ

วันอังคาร มีวาสนาดี แต่มักถูกเบียดเบียนชื่อเสียงผลประโยชน์อยู่เป็นนิจ การทำอะไรที่ใหญ่ๆควรมีหลักฐานกำกับยืนยันให้แน่นแฟ้น จึงจะไม่ถูกเบียดเบียน เป็นคนที่มีของกำนัลมาสู่มิได้ขาด ควรแขวนพระปางมารวิชัย หรือไม่ก็แขวนพระไพรีพินาศก็ดีเหมือนกัน

วันพุธ อาภัพไร้คนอุ้มชู หัวเดียวโด่เด่ แต่อดทนแกร่งกล้า ไม่ยอมแพ้ชะตา ชีวิตจะต้องงานหนัก ก้าวหน้าช้า แต่ถ้าถึงจุดแล้ว จะมั่นคงและยืนยาว ไม่ควรท้อแท้กับชีวิต ให้แขวนพระนาคปรก จะเกิดมีการคุ้มครองและช่วยเหลือ ห้ามแขวนพระปางป่าเลไลยก์เด็ดขาด แม้จะเกิดวันพุธกลางคืนก็ตาม

วันพฤหัสบดี ชาตินี้ต้องเป็นผู้ทำประโยชน์ให้ผู้อื่นตลอด แล้วจึงได้ส่วนแบ่งประโยชน์นั้นมา คือ ทำงานกับหุ้นส่วนลึนหมู่มาก จะทำงานอิสระไม่ได้เลย ต้องมีคนคอยเป็นคู่คิดอยู่เสมอ ควรแขวนพระปิดตายันต์ยุ่ง เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคง กลมเกลียว สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

วันศุกร์ ไร้ชายคาที่อาศัย ต้องพึ่งตัวเอง แม้จะสิ้นใจก็มิอาจร้องขอความเมตตาจากผู้ใด ดวงอาภาพผู้อุปถัมภ์ จึงควรทำอะไรที่ตัวเองถนัดและทำแต่ลำพัง ไม่ต้องหาใครมาช่วย เพราะเมือใดทำงานเป็นทีมหรือเป็นหุ้นส่วนจะพัง ให้แขวนพระเดี่ยวๆ องค์เดียวแก้เคล็ด อย่าแขวนพระเป็นพวง ให้แขวนเดี่ยว จะได้ผลดีอย่างยิ่ง เสริมโฉลก

วันเสาร์ วังเวง วิเวก ว้าเหว่ นอกจากอาภัพคู่แล้ว ชั่วชีวิตยังปรารถนาคนจริงใจอีกด้วย จึงต้องระมัดระวังรอบคอบไตร่ตรองคำพูดคนรอบข้างเสมอ ให้แขวนพระปิดทวารทั้งเก้า ยิ่งอุดมมากเท่าใดยิ่งดีเพราะจะทำให้โฉลกดีขึ้นกว่าแขวนพระอย่างอื่น
คนเกิดปีมะแม

วันอาทิตย์ เป็นคนมือเติบ เลี้ยงคนถูกใจเท่าไรเท่ากัน ทำให้เป็นนักเลงสุรา นักเลงผู้หญิง เก็บเงินไม่อยู่ ควรแก้เคล็ดเปลี่ยนเป็นเงินทอง บ้าน ที่ดิน ใบหุ้นที่มีระยะเวลา ถ้าเก็บเป็นเงินสดไว้กับตัวก็จะละลายหมด ควรแขวนพระนาคปรก หรือพระปางซ่อนหา เพื่อแก้โฉลกให้เบา จากความเสียหายเรื่องการพนันและผู้หญิง ไม่ใช่ใส่แล้วไปเล่นการพนัน หรือไปเที่ยวห้ามเด็ดขาด

วันจันทร์ ดวงบริวารดีมีผู้คอยช่วยเหลือ แต่มักต้องลำบากเพราะญาติพี่น้อง จึงควรรู้จักแยกแยะ ว่าควรจะสงเคราะห์ใคร อย่างไร ไม่งั้นจะก่อศัตรไม่สิ้นสุด ควรแขวนพระปิดตาที่ไม่ปิดทวาร เพื่อส่งผลแก้โฉลกตรงปากที่พูดทำร้ายตนเองและผู้อื่นให้เกิดศัตรู

วันอังคาร ทำงานหนัก แต่รายได้ไม่คงที่ แม้จะมีความรู้ ก็ไม่อาจหางานที่เหมาะสมทำได้ โฉลกเป็นอย่างนั้น จึงควรหาความรู้เกี่ยวกับงานด้านนนต่างๆไว้ให้พร้อมมากที่สุด ควรแขวนพระปางประทานพร หรือปางอุ้มบาตร เพื่อแก้โฉลกและทำให้การงานดีขึ้น

วันพุธ เป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก พูดจาน้อย แต่มีน้ำหนักเป็นที่เกรงขามของคนทั่วไป นักบวชมีชื่อเสียง ผู้พิพากษาคนสำคัญ นักการเมืองที่เป็นรัฐบุรุษมักเกิดวันนี้ ควรแขวรพระที่มีเมตตาสูง เช่น พระสมเด็จ พระปิดตา และพระที่มีอานุภาพทางเมตตาที่ไม่ผ่านความร้อน เพื่อทำให้โฉลกอำนาจเบาบางลง เกิดเมตตามากขึ้น

วันพฤหัสบดี เป็นผู้นำคนหมู่มาก มีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก เป็นเจ้านายที่ลูกน้องเกรงใจ นักบริหารผู้มีฝีมือ นักการธนาคารผู้มีชื่อเสียง นักการเมืองผู้มีเลห์เหลี่ยมแพรวพราว ควรแขวนพระปางปฐมเทศนา หรือมีรูปธรรมจักรอยู่ในองค์พระด้วย เพื่อทำให้คำพูดของท่านมีความหนักแน่นมั่นคงมากยิ่งขึ้น และทำให้ลดความน่ากลัว หรืออำนาจลงไปได้บ้าง

วันศุกร์ เป็นคนอาภัพ ทำคุณไม่ขึ้น ช่วยเขาแล้วเราพังเป็นส่วนใหญ่ สมควรที่จะอยู่เฉยๆ อย่าไดด้ออกหน้า โดยเฉพาะการเป็นนายประกัน ไม่ถูกกับคนเกิดวันศุกร์อย่างยิ่ง ควรแขวนพระปิดตามหาอุด หรือพระบัวเข็ม จึงจะเหมาะสมกับโฉลกของตน ทำให้เยือกเย็นมากขึ้น

วันเสาร์ เป็นคนมีโทษ ถูกใส่ร้ายป้ายสี ใส่ความมาโดยตลอด ไม่เคยอยู่เป็นสุข มีศัตรูมาก ควรสงบเสงี่ยมเจียมปากเจียมคำ อย่าได้ทำเด่นเกินไป ภัยจะมาถึงตัว ควรแขวนพระที่เป็นยันต์เกราะเพชร หรือที่เป็นรูปโล่ เพื่อทำให้โฉลกเป็นดีขึ้นได้
คนเกิดปีวอก

วันอาทิตย์ มีวาสนาดีมาแต่เกิด มีทรัพย์สินบริวารพร้อม รับราชการจะก้าวหน้า เป็นนักบวชจะได้เป็นถึงพระราชาคณะ ให้แขวนพระที่มีพัดยศด้วย จะถูกโฉลกมากขึ้น

วันจันทร์ เหมือนถูกลอยแพในมหาสมุทร ต้องร่อนเร่พเนจรไปต่างถิ่น ถูกโฉลกกับการค้าขายขึ้นล่องตามแม่น้ำลำคลอง หรือค้าขายเครื่องสูบน้ำ วิดน้ำ ควรแขวรพระห้ามสมุทรพระหัตถ์ จะถูกโฉลกดีขึ้น

วันอังคาร เป็นคนมีศัตรูมาก ต้องต่อสู้จึงจะได้มาซึ่งสิ่งที่พอใจ ชนิดที่ได้มาแบบง่ายๆไม่มี ควรแขวนพระปางซ่อนหา ที่มีพระพุทธรูปซ้อนบนพระเกศของพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง เป็นพระที่ซ้อนกับสององค์ เช่น พระหล่อพิมพ์ซ้อนของ วัดหนองโว้ง จ.สุโขทัย

วันพุธ มีสติปัญญา มีความรู้ เป็นนักปราชญ์ พระโหราบดี ราชครู และสมณะผู้วชาญด้านพระบาลี มักเกิดวันนี้ ควรแขวนพระสังกัจจายน์ พระสิวลี จะถูกโฉลกที่สุด

วันพฤหัสบดี เป็นคนทำงานราชการก้าวหน้า หรือค้าขายส่วนตัวก็จะดี ควรแขวนพระปางลีลา หรือพระซุ้มเรือนแก้ว จะถูกโฉลกโชคลาภ

วันศุกร์ มีเชาว์ปัญญาไว เรียนรู้อะไรได้ง่าย มีวาสนา มีเสน่ห์ รับราชการเกี่ยวกับต่างประเทศ เจราจาความเมืองจะก้าวหน้าที่สุด หรือทำการค้าขายสั่งนำเข้าจากนอกประเทศดีที่สุด ควรแขวนพระที่มีนางกวักอยู่ด้านหลังจะดีที่สุด

วันเสาร์ โฉลกมักถูกคดีความเป็นจำ จึงไม่ควรคิดทำสิ่งผิดกฎหมาย เป็นดวงที่ต้องระวังแง่กฎหมายมากที่สุด ถ้าเป็นทนายความจะมีลูกความมาก ควรแขวนพระที่มีสัญลักษณ์กฎหมาย คือตราชั่ง หรือโล่ตำรวจ จึงจะถูกโฉลกหรือพระที่สร้างโดยองค์กรของกฎหมาย ตุลาการ หรือตำรวจ
คนเกิดปีระกา

วันอาทิตย์ บริวารดีมาก จะได้ใช้สอยพึ่งพาอาศัยได้ แต่ให้ระวังความใจกว้าง ทำคุณกับคนอื่นอาจเสียใจบ่อยๆ ให้แขวนพระมหาอุด หรือพระที่มีรัศมีอยู่รอบองค์พระ หรือมีซุ้ม เพื่อแก้โฉลกให้ดีขึ้น จะทำให้มีลาภอุดม

วันจันทร์ มีกินล้นเหลือ ไม่มีก็ต้องขอข้าวเขามากิน จึงต้องสำรองเงินเก็บไว้ยามมีมาก จะได้ไม่ต้องเพลี่ยงพล้ำ จะประมาทไม่ได้เลย ควรแขวนพระสังกัจจายน์ ยิ่งเป็นแบบจีน หรือเป็นแป๊ะยิ้มยิ่งดี หรือไม่ก็แขวนพระสิวลี เพื่อเสรมโฉลกให้ดีขึ้น

วันอังคาร เป็นคนชอบเที่ยวเตร่ มากผัวหลายเมียควรระมัดระวังเรื่องเที่ยวเตร่คบเพื่อนฝูง จะเสียเพราะเพื่อนและคนใกล้ชิดติดคุกติดตะรางมามากแล้ว ควรแขวนพระมหาอุดหรือเต่าเรือนเพื่อทำให้โฉลกดีขึ้น

วันพุธ รับราชการดีที่สุด อาชีพอิสระไม่ดี ต้องร่วมหุ้นหรือทำงานผู้บริหารจะดีมาก สติปัญญาดี เอาตัวรอดได้เพราะปัญญาของตัวเอง ให้แขวนพระปางปฐมเทศนาเป็นดีที่สุด หรือพระที่มีเครื่องหมายธรรมจักรอยู่ด้วยในองค์พระ

วันพฤหัสบดี เป็นคนมีบุญ มีคนรักใคร่ชอบพอ พูดจาเป็นเสน่ห์แก่ตัวเอง รู้หลักนักปราชญื ได้พึงคนใกล้ชิดและบริวารเป็นส่วนใหญ่ ให้แขวนพระองค์ใหญ่หรือชื่อใหญ่ เช่น พระหลวงพ่อโต ปางสมาธิ จะถูกโฉลกยิ่งขึ้น

วันศุกร์ ทำมาหากินไม่พอกิน ลำบากมาก แต่มีลาภลอยให้ได้แก้ขัดอยู่เสมอ อย่าคิดเล่นการพนันเป็นอาชีพเด็ดขาด จะซ้ำร้ายลงไปอีก จึงควรหมั่นเก็บหอมรอมริบให้มากที่สุด ให้แขวนพระปิดตามหาลาภ หรือพระฤาษี จะถูกโฉลกทำให้มีลาภลอยมากขึ้น

วันเสาร์ มีคนอุปถัมภ์ไม่ตกต่ำ เป็นที่เมตตาของคนทั่วไป ทำราชการดีมาก หรือค้าขายเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องเสริมสวยจะดีมาก ให้แขวนพระพิมพ์ทรงเครื่องที่งดงาม หรือพระที่มีลวดลายแพรวพราว หรือพระแกะพิมพ์วิจิตรพิสดารเพื่อเสริมโชคลาภ
คนเกิดปีจอ

วันอาทิตย์ เป็นดวงฝ่าฟัน มักต้องแก้ปัญหาในหน้าที่การงานอยู่เสมอ ทำงานมีอุปสรรคมาก บางครั้งต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นนักบริหารประเภทแก้สิ่งที่ผิดพลาดมาแล้วให้ดีขึ้นจะถูกโฉลกมาก ให้แขวนพระปางมารวิชัย ยิ่งมีพระอัครสาวกซ้ายขวาด้วยยิ่งดีใหญ่

วันจันทร์ สติปัญญาเป็นทรัพย์ ไม่ชอบงานหนัก ชอบงานได้ผลตอบแทนสูง เช่น ซื้อขายหุ้น ซื้อผลิตผลที่ต้องเก็งกำไรระยะสั้น ให้แขวนพระที่มีซุ้มครอบแก้ว จะช่วยให้ดีขึ้น

วันอังคาร ทำงานไม่ค่อยก้าวหน้า สติปัญญาไม่ดี แต่มีความขยันอดทน เหมือนหมูป่า แม้มีแต่เขี้ยวก็สมารถขุดหาหัวเผือกหัวมันรากไม้มากินได้อย่างไม่อัตคัด ให้แขวนพระปางลีลา เสริมโฉลกต่อสู้อุปสรรคทั้งปวงให้หมดไป

วันพุธ มีบริวารมาก ได้ดีเพราะบริวาร มักเป็นผู้นำ เป็นผู้บริหารที่เพรียบพร้อมด้วยปัญญาและบริวาร ควรแขวนพระเป็นพวง พวงละหลายองค์ จะช่วยหนุนโฉลกให้ดีขึ้น

วันพฤหัสบดี เป็นคนเจ้าโทสะ มักชอบสิ่งเย้ายวนต่างๆเจ้าชู้มีเมียไม่เลือก ตกที่นั่งนารีอุปถัมภ์ ควรแขวนพระทรงอิทธิฤทธิ์ เช่น พระตรีกาย พระปางมหาปาฏิหาริย์ หรือพระที่มีความร้อนแรงจากธาตุไฟ เพื่อเสริมบารมีให้โฉลกดีขึ้น

วันศุกร์ เป็นคนที่มีลาภอยู่เป็นนิจ ทำอะไรก็มีความก้าวหน้าได้ง่าย แต่มือเติบ ทำให้เสียทรัพย์โดยใช่เหตุ ให้แขวนพระมหาอุด เสริมโฉลกให้ทุกอย่างดีขึ้น

วันเสาร์ เป็นคนอาภัพ คู่ครองเป็นอริ จะอยู่กันยืดเฉพาะแม่หม้าย เป็นนักเลงการพนันและสุราชนิดหัวราน้ำ จึงควรแก้ไขแต่ต้นมือ ให้แขวนพระที่มีคำสาปเกี่ยวกับการห้ามดื่มสุราและการเล่นการพนันเพื่อปรามตัวเอง เป็นการเสริมโฉลก หาไม่แล้วจะเอาตัวไม่รอดจะบอกให้
คนเกิดปีกุน

วันอาทิตย์ มีวาสนาบารมีสูง ตั้งตัวได้ไว มีบริวารมาก เป็นผู้นำของคนหมู่มาก แต่ทำคุณใครไม่ขึ้น ควรแขวนพระทางโชคลาภ เช่น พระสังกัจจายน์ พระสิวลี

วันจันทร์ ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ หากินไม่ฝืดเคือง แต่ต้องทำงานหนัก ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล การเปิดอู่ซ่อมรถถูกโฉลกดี ควรแขวนพระที่มีพระพุทธรูปคู่กับพระพิฆเนศ หรือแขวนพระพิฆเนศองค์เดียวก็ได้

วันอังคาร เป็นคนมีผู้อุปถัมภ์ค้ำชู รับราชการจะได้ดีเพราะเจ้านายเป็นคนชอบ ขันอาสาเจ้านาย ทำอะไรทำจริง ให้แขวนพระที่มีพระอัครสาวกซ้ายขวาจะถูกโฉลกดี

วันพุธ ทำงานอะไรก็ต้องพบอุปสรรค ไม่มากก็น้อย พองานตั้งหลักได้แล้วก็ถูกเขี่ยเหมือนรื้อนั่งร้าน จึงควรระมัดระวังเรื่องการถูกหักหลังไว้ ให้แขวนพระสะดุ้งกลับ เพื่อเสริมโฉลกของตัวเองให้ดีขึ้น

วันพฤหัสบดี เกิดที่นี่ไปได้ดีที่อื่น จะต้องเดินทางไกลเพื่อหาเลี้ยงชีพ ยิ่งข้ามจังหวัดยิ่งดี ทำมาค้าขายนายหน้าแลกเปลี่ยนที่ดินดี เป็นครูก็ดี แต่ไม่ถูกโฉลกกับงานขายประกันชีวิตใ ห้แขวนพระปางลีลาเป็นหลัก

วันศุกร์ มีชีวิตที่ต้องวนเวียนอยู่กับคดีความ แต่เอาตัวรอดได้ทุกครั้ง จะทำกิจการใด ควรระวังเรื่องกฎหมายให้มาก ให้แขวนพระไพรีพินาศ เป็นดีที่สุด

วันเสาร์ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย เป็นเซียนพนันมือเติบ เป็นลูกพี่ที่มีลูกน้องบริวารมาก จะเดือดร้อนเพราะลูกน้องผู้ใกล้ชิดอยู่เสมอ ให้แขวนพระที่เกี่ยวกับการปกครองหมู่มาก ซึ่งควรจะเป็นพระที่ทางกระทรวงมหาดไทยหรือกรมตำรวจจัดสร้างจะถูกโฉลกดีนัก

12
                   :092: พอดีอ่านเจอก็เลยเอามาให้ทุกๆท่านลองอ่านดู :092:

       :003:เจ้ากรรมนายเวร :003:
      เจ้ากรรมนายเวรคืออะไร คือใครก็ได้ที่เราเคยไปสร้างความไม่พอใจให้แก่เขา ไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา หรือใจ

หากมีคนผูกใจเจ็บว่าในอนาคตมีโอกาสเมื่อไหร่ขอแก้แค้นผู้ที่เบียดเบียนเรา หรือผูกใจต่อเราว่าขอให้ได้ทำร้ายคืน ผู้ที่มีจิตแค้นผูกใจเจ็บว่าจะล้างแค้นนั้นแหละเรียกเจ้ากรรมนายเวร

แต่ทุกวันนี้และคำคำนี้ใช้กันจนพร่ำเพรื่อ แล้วมองกันดูว่าน่ากลัว มองในแง่ที่น่ากลัวลึกลับ หรือบางคนมองเป็นเรื่องเหลวไหล

สมมติเอาแค่วันดีคืนดี เรานึกครื้มใจสนุก อยากแกล้งเพื่อนในห้องเรียน ตบหัวเพื่อน เอาสมุดโน้ตเพื่อนไปซ่อนบ้าง เพื่อนได้รับความเดือดร้อน ผูกใจเจ็บ นั่นแหละเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรเกิดขึ้นแล้ว เราได้ทั้งกรรม ได้กรรมคือไปซ่อนสมุดโน้ตเพื่อน ตบหัวเพื่อน ได้เวรมาด้วยคือเพื่อนผูกใจเจ็บ

ถึงแม้กรณีว่าเพื่อนจะอโหสิกรรมให้ให้อภัยคือไม่โกรธไม่ผูกใจเจ็บ แต่ทว่าเราต้องได้รับใช้ผลของกรรมที่เราทำไปแล้ว ณ จุดนั้น ได้กรรมแต่ไม่ได้เวร

แต่กรณีของบางรายที่ไม่ยอมอโหสิกรรมคือผูกใจเจ็บ เราจึงได้ทั้งเวร ทั้งกรรม บางทีมีโอกาสก็แกล้งกันคืนบ้าง มีอคติต่อกันบ้าง ต่างคนต่างสร้างกรรมต่อกัน พอตายไป บางทีคนหนึ่งไปเกิดเป็นคนอีกรอบ อีกคนยังไม่ได้ไปเกิดเป็นคนแต่ไปอยู่ในภพของโอปาติกะบ้าง บางทีเป็นโอปาติกะที่มีฤทธิ์เช่น เทวดา จิตที่ยังมีความอาฆาตต่อกันนั้น ยังไม่ได้ให้อภัย จึงมีการตามไปแก้แค้น ตามไปเอาคืนอยู่ตลอด จึงวุ่นวาย

เจ้ากรรมนายเวรของเราทุกๆคน จึงมีได้ทุกภพ ไม่ว่าจะเป็นพรหม เทวดา นางฟ้า สัมภเวสี อสุรกาย พญานาค สัตว์เดรัจฉาน หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยกันเอง แล้วแต่ภพภูมิ และบ่วงกรรมที่หมุนเวียนไป บางวาระกรรมมาสนองสองดวงจิตโคจรกันมาอีกวาระ คนบางคนแค่เราเจอหน้าครั้งแรกก็รู้สึกเกลียดไม่ถูกชะตาแล้ว

นั่นแหละจิตใต้สำนึกมันเคยอาฆาตไม่ดีต่อกันมาก่อน เป็นเจ้ากรรมนายเวร หรือบางคนเคยเกื้อกูลกันมาก่อน ในอดีตชาติ พอเจอกันครั้งแรกก็ถูกชะตาเลยเป็นต้น

เวลาเราทำบุญทุกครั้งจึงควรอุทิศกุศลให้เขาด้วย จะได้อโหสิกรรมต่อกัน ชีวิตเราจะได้เบาลง ไม่มีอุปสรรค

เจ้ากรรมนายเวรที่น่ากลัวก็ได้แก่ พรหม เทวดา มนุษย์ด้วยกัน เพราะเขามีฤทธิ์ มีผลให้คุณโทษเราได้ ส่วนผีนั้น ไม่ว่าจะเปรต อสุรกาย หรือปีศาจต่างๆนั้น ทำอันตรายเราได้ยาก หากกรรมไม่สบช่องให้ เพราะว่าวาระกรรมเขาหนัก จึงไม่มีฤทธิ์มากจนถึงขั้นทำร้ายเรา หากเขาทำเราได้ เขาทำแล้ว ฆ่าแล้วไม่ปล่อยเราไว้หรอก ดังนั้นจึงอย่ากลัวจนเกินเหตุ

บางคนเคยทำแท้งมา เจ้ากรรมนายเวรก็คือลูกของตนเองนั่นเอง จิตเขาผูกอาฆาต เลยมาเกาะอยู่กับแม่ เป็นกึ่งผี กึ่งสัมภเวสี พอเกาะอยู่ไม่มีอะไรกิน เขาก็อาศัยกายทิพย์ในร่างโอปาติกะที่แทรกเกาะตามกายหยาบเรา นั่นแหละ ดูดกินน้ำเลือดน้ำเหลืองในกายเรา พอกินในจุดนั้นไปนานๆ ก็ก่อให้เกิดการเป็นมะเร็ง เป็นเนื้องอก ผิดปรกติ
บ้างก็เคยฆ่าสัตว์มา จิตวิญญาณมันก็เกาะในคนที่ฆ่าสัตว์นั่นแหละ ก็เป็นมะเร็ง จนกว่าจะรู้แล้วฉลาดทำบุญอุทิศกุศลให้

เมื่อเขาอภัยให้ โรคภัยที่เกิดจากเจ้ากรรมนายเวรเบียดเบียนนั้นจะหายเป็นปลิดทิ้งเลย เคยเจอมาหลายราย ทำบุญถูกจุดอุทิศให้เขาตามที่เขาต้องการแล้วก็เรียกร้องมา ทำให้ครั้งเดียวพอเลย โรคกรรมจุดนั้นหายเลย


ให้หมั่นทำบุญ ด้วยทาน ศีล ภาวนา แล้วอุทิศให้เขาบ่อยๆ แล้วจะดีเอง หนึ่งหละคือเวรเบาบางลง อุปสรรคในชีวิตก็จะลดลง สองบุญกุศลที่เราทำบ่อยๆนั่นแหละจะเบนชะตาชีวิตของเราให้เป็นไปในทางที่ดี ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งหมอสะเดาะเคราะห์ที่ไหนให้สูญเสียเงินอีกต่อไป เพราะกรรมเราเวรเรา เราแก้เอาเองจะถูกจุดที่สุด เพราะเป็นหนี้ระหว่างเรากับเขา ใครจะเข้าใจไปกว่าเจ้าหนี้และลูกหนี้


บางทีคนสะเดาะทำไม่ได้จริง มาหลอกให้เราเสียเงินเสียทองเสียเวลา เราทำเองแก้เองดีที่สุด กรรมแก้ไม่ได้หรอก ทำแล้วต้องได้รับ แต่มีวิธีเบนผลของกรรมชั่ว ด้วยกรรมที่มีอำนาจตัดรอนกัน

หรือสร้างบุญที่มาเสริมบุญเก่า เพื่อให้หนุนโชคลาภมันใหญ่มากขึ้น แต่เรื่องของเวรตัดได้แน่นอน คือการขออโหสิกรรมต่อกัน แล้วอย่าไปสร้างใหม่ หากสร้างใหม่ต้องตามไปแก้อยู่เรื่อยๆ
                               

                                                                                                              :017:   ขอทุกท่านจงหมั่นสร้างบุญสร้างกุศลไว้เยอะๆด้วยนะครับ สาธุ...

13
                                                     



                                                               
                      วัสดุอาถรรพ์ที่มีชื่อเป็นที่รู้จักกันมานานก็คือ"เหล็กไหล"เป็นโลหะที่มีความยืดได้เมื่อถูกความร้อนแม้เพียงจากเทียนเล่มเล็กๆเล่มเดียว เหล็กไหลเมื่อยืดออกเเล้ว แม้มีความเล็กสักเท่าใดก็ตาม หากใช้ของมีคม เช่น ขวานหนักๆผ่าหรือตัด ขวานนั้นจะไม่สามารถแยกเหล็กไหลให้ขาดจากกันได้เหล็กไหลจึงมีคุณานุภาพทางคงกระพันทำให้ผิวหนังเหนียว คมหอกคมดาบไม่สามารถระคายผิวของผู้ที่มีเหล็งไหลนั้นได้ เหล็กไหลมีคุณวิเศษทางด้านคงกระพันชาตรีและมหาอุด
                                                               
                     เหล็กไหลมีที่อยู่เป็นพิเศษ คือ ในดงดิบล้ำลึก พระคณาจารย์ที่เเก่กล้าทางฌานสมาบัติจริงๆ จึงจะสามารถไปนำเหล็กไหลนั้นมาได้ การเอาเหล็กไหลมาก็คงใช้ความร้อนจากเล่มเทียนเล็กๆนั้นเองลนในเหล็กไหล หยดย้อยลงมาจากเพดานถ้ำดุจก้อนขี้ผึ้ง ครั้นเมื่อเวลาเเยกเหล็กไหลให้หลุดจากกันนั้นต้องตัดด้วยอาคมเเละสมาธิจิตของพระคณาจารย์เจ้าอันแรงกล้า จึงจะสามารถตัดหรือเเยกเหล็กไหลให้ออกจากกันเป็นผลสำเร็จ วรรณคดีขุนช้างขุนเเผน งานวรรณกรรมอมตะของไทยที่ลือเลื่องๆปถึงนอกทวีปได้กล่าวถึงแม่ทัพคนสำคัยของพระเจ้าเชียงใหม่ คือ ท้าวกรุงกาฬ และ ตรีเพชรกล้า ซึ่งท่านทั้งสองมีดีสมเป็นชายชาติโดยเเท้ เพราะตลอดร่างกายของท่านเต็มไปด้วยสิ่งอาถรรพ์ศักดิ์สิทธิ์อันมีเหล็กไหลเป็นวัสดุอาถรรพ์สำคัญอยู่ด้วย
                                                                               
                    อันเเม่ทัพคนนี้มีศักดาอยู่ยงคงศาสตราวิชาดี เเขนขวาสักเป็นองค์นารายณ์ แขนซ้ายสักชาดเป็นราชสีห์ ขาขวาหมึกสักพยัคฆี ขาซ้ายสักหมีมีกำลัง สักอุระรูปพระโมคคัลลานะ ภควันปิดตานั้นสักหลัง สีข้างสักอักขระนะจังงัง ศรีษะฝังพลอยนิลเม็ดจินดา ฝังเข็มเล่มทองไว้สองไหล ฝังเพชรเม็ดใหญ่ไว้เสกหน้า ฝังก้อนเหล็กไหลไว้อุรา ข้างหลังฝังเทียนคล้ายตาแมว เป็นโปเปาฝนผหยิบทั้งกาย ดูเรี่ยรายรอยร่องเป็นถ่องเเถว แต่เกิดมาอาวุธไม่พ่องแพว ไม่มีแนวหนามขีดสักนิดเดียว

                                                                                     

                                                                     :092:  ...หากผิดพราดประการใดก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะขอรับ... :092:
     

14
     งานไหว้ครูจะจัดขึ้นที่สำนักอาจารย์สิทธ์ หลังตลาดหนองบัว ในวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2551 ในงานก็จะมีอาจารย์หลายท่านด้วยกันเข้าร่วมในพิธี ท่านใดที่อยู่จังหวัดอุดรหรือใกล้เคียงสนใจก็ขอเชิญร่วมงานได้นะครับ...( จึงบอกมาเพื่อทราบ  O0 )

15
ช่วยบอกวิธีโพรสรูปด้วยครับ :054: :054: :054:

16
อยากดูเหรียนหลวงพ่อเปิ่นปี11ใครมีบ้าง :054: :054: :054:

หน้า: [1]