แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Pig_Never_Die

หน้า: [1]
1
ข้อความเป็นของคุณ Season77 นะครับ ผมเอาเผยแพร่อีกทีครับผม

http://www.pantown.com/board.php?id=34549&area=3&name=board4&topic=387&action=view

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ที่ไม่ได้เข้ามา Post อะไรใน Webboard นี้มาก เพราะช่วงหนึ่งผมไปอยู่ตจว.มาและได้ไปอยู่ช่วยที่วัดสามง่ามมา 3 วัน ช่วงอาสาฬาบูชา เข้าพรรษา และ วันเสาร์ที่ผ่านมาก็ไปถวายเพลพระทั้งวัดมา

อย่างที่ทราบกันดีว่ารายการตี10 ได้นำเรื่องราวกุมารทองไป on air ออกรายการ จึงทำให้มีผู้สนใจมาเช่ากุมารกันอย่างมากตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมาจนกระทั้งวันนี้ก็ยังไม่ขาดสาย

หากมองในด้านดีก็ถือว่าปัจจัยต่างๆ ก็นำเข้าวัดไปเพื่อจัดสร้างสิ่งที่จำเป็นหรือเป็นทุนในการจัดสร้างสิ่งสาธารณประโยชน์ต่างๆตามที่หลวงปู่ท่านเห็นจำเป็น

แต่อีกด้านหนึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องหนักสำหรับอายุหลวงปู่ขณะนี้ที่ต้องมารับแขกทั้งวันจนถึงดึก.. ซึ่งตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา หลวงปู่ท่านต้องฉีดยาลดไข้ถึงสองครั้ง เนื่องจากท่านมีอาการไข้หวัดและสเลดในลำคอ อีกทั้งไม่มีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอด้วย

แม้จะมีการจัดคิวสำหรับญาติโยมที่จะเข้าไปกราบท่านแล้ว รวมถึงการเปิดให้จองกุมารทอง สำหรับผู้ที่มาแล้วไม่มีของก็ตาม แต่จำนวนคนทีเดินทางมาจากทั่วสารทิศก็ไม่ได้น้อยลงไป อีกทั้งหลายๆรายก็มาในช่วงเวลาเย็นหรือช่วงค่ำๆ เพราะเข้าใจว่าคนน่าจะน้อยกว่ามาช่วงปกติ จนลืมนึกไปว่าควรจะเป็นช่วงเวลาที่หลวงปู่ท่านควรจะพักผ่อนหรือไม่

ดังนั้นผมได้จึงได้ปรึกษากับทางวัดสามง่าม และโทรปรึกษาคุณ Jill เรียบร้อยแล้ว เห็นตกลงกันในการขอความร่วมมือลูกศิษย์ทุกคนมาหาท่านในช่วง 09.00-17.00น. เท่านั้น เพื่อให้หลวงปู่ท่านได้มีเวลาพักผ่อนบ้างน๊ะครับ และถ้างดการจารกระเป๋า หรือลงจารสิ่งใดๆที่ไม่ใช่ของวัดไปก่อนซักระยะครับ (หากเป็นแผ่นรูปหลวงปู่ หรือ เหรียญต่างๆที่วางจำหน่ายให้เช่าในตู้พระ หลวงปู่ท่านทำให้ตามปกติครับ)

ผมเข้าใจความรู้สึกทุกท่าน โดยเฉพาะพี่ๆน้องๆคนใหม่ๆที่เข้ามา แต่หากใครได้เห็นหลวงปู่แย้มท่านช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเหมือนผม เหมือนพี่ๆน้องๆหลายคนที่วัด ก็รู้สึกกังวลใจและเป็นห่วงหลวงปู่ท่านอย่างมากครับ ..

จึงเรียนมาเพื่อขอความร่วมมือกันครับ

ช่วยกันดูแลหลวงปู่ด้วยนะครับ  :002:

2
วันนี้เป็นเป็นวันดีวันเสาร์ขี้น 5 ค่ำ แต่ไม่ใช่เดือน 5 แต่ก็เป็นวันดีใช้ได้ ใครไปสักที่วัดบางพระมาบ้างครับ

ส่วนผมไปทั้งวัดท้องไทร แล้วก็วัดบางพระ

ไปวัดท้องไทรได้ นางแก้ว กับ เพชรพญาฑร

ส่วนวัดบางพระ หลวงพี่ญาเมตตาให้ พุฒซ้อน กับ นะหน้าพระ มาทีเดียวพร้อมกัน โชคดีจริงๆ ส่วนหลวงพ่อต้อยท่านเมตตามสักอะไรให้ไม่รู้ดูไม่ออก แต่วันนี้กุฏิหลวงพ่อต้อยคนเยอะมากๆ

เป็นสักน้ำมันทั้งหมด ถือว่าวันนี้บรรลุเป้าหมายในการสักครับ  :002:



                 

3
พอดีเมื่อวานผมไปสักยันต์ที่กุฏิหลวงพี่ต้อยมาครับ ปกติจะเห็นแต่หลวงพี่ต้อย กับอาจารย์หนวดที่ทำการสัก แต่คราวนี้พบพระอาจารย์อีกองค์ที่ทำการสักอยู่ (อยู่ด้านซ้ายมือของหลวงพี่ต้อย) ใครไปสักกับหลวงพี่ต้อย ถ้าคนเยอะหลวงพี่ต้อยก็จะชี้ให้ไปสักกับพระอาจารย์องค์นี้น่ะครับ ตัวผมเองก็สักกับท่านเหมือนกัน แต่น่าเสียดายดันลืมถามชื่อของท่านน่ะครับ (ผิดอย่างใหญ่หลวง) ผู้ใดรู้ชื่อของพระอาจารย์ท่านช่วยบอกผมด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ  :002:

4
พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันที่ผมนิยมเดินทางไปสักยันต์ที่วัดบางพระ กับวัดท้องไทร แต่เห็นว่าพรุ่งนี้เป็นวันพระ เลยอยากสอบถามเพื่อนๆว่า พรุ่งนี้ที่วัดบางพระ กับวัดท้องไทร ยังคงมีการสักยันต์ไหมครับ

ขอบคุณมาก  :002:

5
เพื่อน ๆ มีกันหรือยังครับ วันนี้ผมพึ่งได้มาครับ  :002:


       
       เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่วัดบวรนิเวศวิหาร สำนักเลชานุการสมเด็จพระสังฆราช จัดแถลงข่าวเปิดตัว โครงการสายรัดข้อมือสมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 96 พรรษา ในวันที่ 3 ตุลาคม 2552 โดยมีพระราชรัตนมงคล (มนตรี อภิมนฺติโก) ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช และพระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ เป็นประธานแถลงข่าว
       
       พระครูสังฆสิทธิกร (อิริค สิริภทฺโท) กล่าวว่า ในวโรกาสมหามงคล ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชนมายุครบ 8 รอบ 96 พรรษา ในวันที่ 3 ตุลาคม 2552 และสถาปนาครบ 20 ปี ทางสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้จัดทำโครงการ ?สายรัดข้อมือมหามงคลสมเด็จพระสังฆราช? ซึ่งสายรัดข้อมือดังกล่าว มี 3 สี ร้อยเกี่ยวเข้าด้วยกัน ได้แก่ สีเหลือง หมายถึง สีของพระพุทธศาสนา สื่อถึงการเป็นพระเถระที่ทรงภูมิธรรมด้านการปฏิบัติธรรม สายสีขาว หมายถึง สีของพระบริสุทธิคุณ สื่อถึงการเป็นพระเถระที่ทรงเพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตร และสายสีฟ้า หมายถึง สีของวันประสูติ สื่อถึงการเป็นพระเถระที่ทรงภูมิธรรมด้านปริยัติ
       
       พระครูสังฆสิทธิกร กล่าวต่อไปว่า ลักษณะของสายรัดข้อมือ สายสีเหลือง ด้านนอก จารึกภาษาบาลีว่า พุทธํ ธมฺมํ สงฺมํ สรณํ คจฺฉามิ อภิปูชยามิ เอเตน สจจฺ วชฺเชน โสตฺถิเม โหตุ สพฺพทา ซึ่งจะเป็นลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชและเป็นบทสวดมนต์ที่พระองค์ใช้สวดทุกวัน ด้านใน จารึกลายพระหัตถ์ มีตัวเลข 220 ซึ่งเป็นตัวเลขมงคลหมายถึงการครบรอบสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช และตัวเลข 896 เป็นตัวเลขครบ 8 รอบ 96 พรรษา ส่วนสายสีขาว ด้านนอก อัญเชิญตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ และจารึกพระนาม สด.พระญาณสังวร (ลายพระหัตถ์) ด้านใน จารึกพระราชทินนาม สมเด็จพระสังฆราช เป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ สายสีฟ้า ด้านนอกจารึกคติธรรมว่า ปุญญเมว โสสิกฺ เขยฺย ควรศึกษาทำความดีแล และจารึกภาษาบาลี อายุ วณฺโณ ๙ สุขํ พลํ ด้านใน จารึกคติธรรมปีใหม่ เว้นการควรเว้น ทำการควรทำ เพื่อพัฒนาตนและประเทศชาติ
       
       ?สายรัดข้อมือมหามงคลสมเด็จพระสังฆราช ได้จัดสร้างที่เดียวกับสายรัดข้อมือของในหลวง ได้ผ่านพิธีมังคลาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ซึ่งทางสำนักเลขานุการฯได้จัดทำขึ้น 2 แสนเส้น พุทธศาสนิกชนที่สนใจสามารถร่วมบริจาคได้ในราคาชุดละ 199 บาท ที่ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรฯ ร้านจิตรลดาทั้ง 14 สาขา, ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ และธนาคารออมสินทุกสาขา โดยรายได้ จะนำไปจัดพิมพ์หนังสือพระนิพนธ์ อาทิ วิธีสร้างบุญบารมี หายใจให้เป็นสุข แจกจ่ายเป็นธรรมทานแก่วัดและสถานศึกษาทั่วประเทศ?หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ กล่าว
       
       พระครูสังฆสิทธิกร กล่าวอีกว่า สำหรับพระอาการของสมเด็จพระสังฆราชขณะนี้ มีพระอาการแจ่มใส พระพลานามัยสมบูรณ์ แต่จะต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ และการดูแลของคณะแพทย์อย่างใกล้ชิด จึงอยากให้พุทธศาสนิกชนร่วมกันถวายพระพรให้พระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรง และร่วมกันใส่สายรัดข้อมือเป็นการเทิดพระเกียรติอย่างพร้อมเพรียงกัน

ที่มา  ASTVผู้จัดการออนไลน์

6
หลังจากที่ได้กราบหลวงปู่ม่วง และหลวงปู่โต๊ะแห่งวัดยางงามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามกระทู้ด้านล่าง

http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,8989.0.html

ต่อไปผมจะพาไปกราบหลวงพ่อสุรศักดิ์ อติสักโข แห่งวัดประดู่



           จะว่าไปแล้วหากพวกเราลองนั่งนับลำดับของพระคณาจารย์ที่เรืองเวทย์ในเมืองไทย...คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ?สองฝากฝั่งของลำน้ำแม่กลอง? อุดมไปด้วยคณาจารย์มากมายหลายท่าน ซึ่งแต่ละองค์ต่างมีความสามารถและจุดเด่นให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของคนไทยที่นิยมในคติความเชื่อเรื่องเหล่านี้..

ก่อนยุค ๒๕๐๐  เช่นหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ หรือยุคหลัง ๒๕๐๐ เช่นหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ซึ่งปัจจุบันแต่ละท่านได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้วก็ตาม แต่ความอมตะทางด้านวิทยาคมและความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลที่ท่านได้สร้างไว้ ก็ยังคงเป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดาผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน....

บันทึกน้อยของผมตอนนี้...เป็นเรื่องของ?พระมหาสุรศักดิ์ อติสักโข เจ้าอาวาสวัดประดู่? อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งท่านเป็นผู้สืบสานตำนานอาคมสองลุ่มลำน้ำครับ?.จะเป็นลุ่มลำน้ำไหนบ้าง..ผมจะพ่นให้ฟังครับ....

?ถึงคลองอัมพวาที่ค้าขาย

เห็นเรือรายเรือนเรียงเคียงขนาน

มีศาลาท่าน้ำน่าสำราญ

พวกชาวบ้านซื้อขายคอนท้ายเรือ?

                 วัดประดู่  เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย  มีเรื่องราวที่เล่าขานกันเป็นตำนานโบราณหลายเรื่อง เช่นเรื่องลายแทงสมบัติ ฯลฯ แต่เรื่องเล่าขานที่เป็นความจริงก็คือวัดประดู่แห่งนี้เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสต้นทางชลมารคมายังวัดประดู่ เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๗๗ และได้ทรงเสวยพระกระยาหารเช้าที่วัดประดู่แห่งนี้...

                  พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาต่อ?หลวงปู่แจ้ง? อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ เป็นอย่างมากและได้ทรงถวายเครื่องราชศรัทธาที่สำคัญๆ เช่น เรือเก๋งพระที่นั่ง พระแท่นบรรทม ตาลปัตร ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันนี้ พระมหาสุรศักดิ์ เจ้าอาวาสได้จัดเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี หากใครสนใจก็ขอเข้าชมได้ที่พิพิธภัณฑ์ของทางวัดครับ...

                  พระมหาสุรศักดิ์ อติสักโข เป็นพระรูปร่างเล็กๆ ผิวขาว อัธยาศัยดีมากครับ สุภาพ อ่อนน้อม ถือว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีเมตตาสูง ...ท่านเมตตาเล่าประวัติให้พวกเราฟังพอสังเขปว่า..

ในช่วงวัยเด็กท่านเป็นเด็กที่มีร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ คุณพ่อของท่านเอาตุ๊กตาเด็กที่ไว้ผมทรงโบราณ เช่น ผมจุก ผมแกละ ผมเปีย ฯลฯ ให้ท่านคลานไปเลือก ท่านเลือกเป็นผมปอยถึงสองครั้ง คุณพ่อของท่านจึงได้ให้ท่านไว้ผมปอยตั้งแต่นั้นมา...

ซึ่งในเรื่องการเลือกไว้ทรงผมนี้ ถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนไทย โดยเฉพาะคนไทยในชนบท สมัยโบราณเรียกการกระทำแบบนี้ว่า ?เอาคุณพระเข้าช่วย?...

ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายท่านคงเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มาบ้าง..ที่ว่าไว้ผมเพื่อเป็นการแก้เคล็ด เนื่องจากเด็กมักเจ็บไข้ออด ๆ แอด ๆ อยู่เสมอ หรือเป็นเด็กที่เลี้ยงยาก ผู้ใหญ่จึงให้เปลี่ยนมาเป็นไว้จุก ไว้แกละ ไว้ปอย หรือไว้เปีย ไปตามแต่จะเห็นสมควร บางทีพอเปลี่ยนทรงผมแล้ว กลายเป็นเด็กแข็งแรงเลี้ยงง่ายไปเลยก็มี?


                 
?คงเป็นเรื่องของวาสนาที่มัน ?รีด? ให้ฉันได้เข้ามาอยู่ในพระพุทธศาสนา?(ยิ้ม)

หลังจากที่จบชั้น ป.๗ ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณรที่วัดประจันตาราม จ.สมุทรสงคราม  ในช่วงที่เป็นสามเณรได้มีเหตุการณ์เฉียดตายกับท่านในเรื่องของอุบัติเหตุทางน้ำแต่ท่านสามารถรอดมาได้หลังจากนั้นเมื่ออายุครบบวช จึงได้บรรพชาที่วัดประจันตารามและเข้าเรียนนักธรรมต่อจนจบเปรียญห้า....



?เขาคงเอาเราไปไม่ได้ เพราะว่าต้องมาเป็นสมภารวัดประดู่? (หัวเราะ)

ด้วยแนวความคิดที่ว่า ?พระพุทธศาสนาเป็นระบบการศึกษา สมภารวัดคือผู้บูรณาการทุกสิ่งให้ดำเนินไปตามจุดมุ่งหมาย? พระมหาสุรศักดิ์ท่านจึงได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ศิลปกรรมต่างๆเช่นการทำหัวโขน การทำหุ่นปั้นจากดินสอพอง เพื่อให้นักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ และประชาชนทั่วไปได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ ...

ในวันที่พวกเราไปกราบนมัสการท่านพบว่ามีคณะครูจากนครปฐม เข้ามากราบขอพรจากท่านเนื่องจากต้องย้ายไปสอนที่โรงเรียนแห่งใหม่..ท่านได้บอกให้พวกเขาไปขอพรจาก ?หลวงพ่อใหญ่? พระประธานศักดิ์สิทธิ์ของวัดประดู่ และท่านได้ให้แนวคิดกับคณะครูเหล่านี้ได้น่าฟังครับ....

?เมื่อจะเริ่มสอนขอให้เราน้อมนำเอาวิญญาณครูเข้ามาสู่จิตใจของเรา...เราจะได้สอนอะไรได้แตกฉาน...

ทุกวันนี้คนเราขาดตรงนี้คิดว่าเป็นครูก็ขึ้นสอนเลย...ลืมเอาจิตวิญญาณของความเป็นครูเข้ามาด้วย?บารมีของครูบาอาจารย์แต่ก่อนเก่ามีจริง.....?

ครับ..?บารมีของครูบาอาจารย์?..สำหรับผมแล้วเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงและมีจริง..ในโลกที่หมุนเร็วทุกวันนี้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นมากมายในสภาพสังคมปัจจุบัน เราจะเห็นได้จากข่าวสารที่มีเข้ามากระทบกับชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในเรื่องของครูบาอาจารย์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม...

ผมคงไม่ต้องยกตัวอย่างเพราะเชื่อว่าเพื่อนๆคงจะผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้ว คนเรานะครับการจะทำอะไรสักอย่างให้ได้ดีนอกจากจะเกิดขึ้นโดยประสบการณ์และความชำนาญแล้ว ?จิตวิญญาณ? ยังมีความสำคัญ..ไม่อย่างนั้นเพลงพระคุณที่สาม คงจะไม่ยืนยงคงกระพันมาจนถึงทุกวันนี้หรอกครับ...

และก็หลายครั้งนะครับที่ ?ความเจริญไม่ได้นำมาซึ่งผลดีต่อทุกอย่าง? เพราะอย่างน้อยที่สุด...สิ่งที่ความเจริญนำมาสู่จิตใจของคนเราในปัจจุบันก็คือ ?ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว?..
 
เห็นท่านพระมหาสุรศักดิ์ เป็นพระนักพัฒนาและทันสมัยขนาดนี้ ทำไมถึงได้มาสนใจในคติความเชื่อเรื่องคาถาอาคม ซึ่งต่างเวอร์ชั่นกันอย่างมาก... เรื่องนี้มีที่มาที่ไปครับ...ท่านได้เล่าให้พวกเราฟังค่อนข้างยาว ผมเลยขอสรุปเอาพอสังเขปครับ....เริ่มจากตอนที่ท่านเป็นเณรบวชอยู่กับหลวงพ่อสุด วัดกาหลง เริ่มสนใจ ?ยันต์ตะกร้อ?..แต่ก็ไม่ได้ศึกษาซักเท่าไหร่หลวงพ่อสุด ท่านก็มรณภาพเสียก่อน..

พอมาบวชเป็นพระได้พรรษาแรก ท่านได้พบกับ ?หลวงตามี? พระลูกวัดประจันตาราม ซึ่งเป็นผู้ที่เขียนยันต์ให้กับหลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านจึงได้ขอเรียนการเขียนอักขระขอม..ในช่วงนั้นด้านหลังโบสถ์ของวัดประจันตาราม ก็มี ?พระอาจารย์รวม? ซึ่งเป็นอาจารย์สักที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะ ?ยันต์หมูทองแดง? ...

พระอาจารย์รวมเป็นพระที่มีอาคมขลังและหนังเหนียว มีฉายาในกลุ่มลูกศิษย์ว่า ?ตารวม หนังแห้ง? ด้วยความเป็นพระที่มีกิริยานอบน้อม พระอาจารย์รวมจึงได้ถ่ายทอดวิชาการต่างๆให้จนหมดสิ้น...ภายหลังพระอาจารย์รวมได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่กับท่านที่วัดประดู่และได้มรณภาพที่วัดแห่งนี้..

ในช่วงนั้นท่านพระมหาสุรศักดิ์ได้พบกับ ?คุณโยมพ่อใหญ่ ยังมีสุข? ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ ?หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ? จึงได้เรียนวิชา ?การลงอุนาโลม และการถักเงื่อนจระเข้ขบฟัน?...ถึงตรงนี้..ผมขออธิบายเพิ่มเติมตามที่ท่านมหาได้เล่าให้ฟัง

?การถักเงื่อนจระเข้ขบฟันคือการถักเชือกหุ้มตะกรุด นัยว่าเป็นเคล็ดเรื่องการปิดกั้นอาวุธไม่ให้แสดงฤทธิ์หรือทำร้ายเราได้??

จะว่าไปแล้วคาถาอาคมหรือไสยศาสตร์นี่สำคัญนะครับ นอกจากตัวคาถาที่แม่นยำแล้วยังต้องมีการฝึกจิตและต้องมีสมาธิที่ดี....ของถึงจะขลัง...

?สายชลแม่กลอง น้ำนองสองฟากล้นฝั่ง
น้ำใจจงหลั่ง พอได้ประทังชีพฉัน
สายน้ำมิอาจ ตัดขาดออกไปจากกัน
สายใยสัมพันธ์ ขาดกันไม่ได้หรอกเอย?

?ประวัติศาสตร์บอกถึงจุดกำเนิด วัฒนธรรมบอกถึงเรื่องราวความเป็นมา?...สายวิชาของการทำ ?ตะกรุดลูกอมโลกธาตุ? เริ่มจาก?หลวงปู่แจ้ง?...

อดีตเจ้าอาวาสของวัดประดู่แห่งนี้ ได้ถ่ายทอดวิชาการทำย้อนลำนำแม่กลองไปยัง?หลวงปู่ยิ้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว? จังหวัดกาญจนบุรี หลังจากนั้น..

?ท่านพระราชมงคลวุฒาจารย์ หรือหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ? ท่านก็ได้ไปขอศึกษาและนำมาถ่ายทอดต่อยัง ?หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี และ หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ? ในช่วงดังกล่าวพระมหาสุรศักดิ์ ได้ปฏิบัติหน้าที่เลขาของหลวงพ่อหยอด จึงได้ขอศึกษาและหลังจากหลวงพ่อหยอดท่านมรณภาพ...

พระมหาสุรศักดิ์ท่านจึงได้นำมาสร้างจนเผยแพร่ในปัจจุบัน.....จะว่าไปแล้วพระมหาสูรศักดิ์องค์นี้แหละครับที่สืบสายตำนานวิชาของลำน้ำแม่กลอง...อีกลำน้ำหนึ่งที่ผมจะขอกล่าวถึงพอสังเขปไว้ในบันทึกน้อยตอนนี้แต่รายละเอียดปลีกย่อยคงต้องขอค้างไว้ก่อน.(เรื่องมันยาว)..คือ?แม่น้ำนครชัยศรี?..จังหวัดนครปฐม..

พูดถึงตรงนี้เข้าใจว่าเพื่อนๆ คงร้องอ๋อ...ครับ ?วิชาการทำเบี้ยแก้? จาก ?หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว? ซึ่งหากมีเวลาว่างพวกเราจะเห็นภาพพระมหาสุรศักดิ์ท่านเข้าไปช่วยหลวงปู่เจือบรรจุปรอทและลงยันต์กำกับ...ในเรื่องการเข้าไปช่วยทำเบี้ยแก้นี้ พระมหาสุรศักดิ์บอกกับพวกเราว่าเป็นการ ?สนองคุณครูบาอาจารย์? ครับ...

?ตะกรุดแต่ละดอก ฉันก็ว่ามันเหมือนคนเรานั่นแหละ มันมีลักษณะ มีเอกลักษณ์เป็นตัวของตัวเอง... ต่อให้ทำและเขียนจากคนๆเดียวกันก็เถอะ... ฉันก็ว่ามันก็จะต้องมีอะไรสักอย่างที่ไม่เหมือนกัน?

คำพูดของพระมหาสุรศักดิ์ที่บอกกับพวกเราในระหว่างสนทนาครั้งนี้ เป็นการยืนยันคุณภาพของผู้ที่ทำได้ว่ามีความชำนาญและวิริยะขนาดไหน..ซึ่งในยุคสมัยใหม่ที่การผลิตตะกรุดของวัดบางแห่งมักจะนิยมสั่งทำจากโรงงาน นัยว่าเพื่อให้ได้ปริมาณตามที่ต้องการ การที่พระซักองค์จะมัวมานั่งเขียนตะกรุดโดยมือที่ละดอกถูกมองว่าเป็นเรื่องชักช้าและไร้สาระ...จะว่าไปแล้วในปัจจุบันจะหาวัดที่มีการสร้างตะกรุดที่เขียนขึ้นจากมือที่ละแผ่นและมานั่งม้วนถักเชือกที่ละดอกค่อนข้างหายาก และแทบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว..

เปรียบไปแล้ว..การเขียนตะกรุดด้วยมือแทนเครื่องจักร...ก็คงเหมือนกับ ?ดอกบัวสีแดง? ดอกหนึ่งที่อยู่ท่ามกลาง ?หมู่ดอกบัวสีขาว? หลายๆดอก เป็นความจริงว่าดอกบัวสีแดงนี้มันอาจจะไม่เหมือนดอกบัวอื่นๆ..แต่อย่างน้อยมันก็น่าสนใจนะครับว่า....ทำไมดอกบัวสีนี้มันถึง?โผล่?ขึ้นมาได้...

ไม่เชื่อเพื่อนๆ ลองแกะตะกรุดของวัดประดู่ออกมาดูซิครับ..จะเห็นว่าโลหะชนิดเดียวกัน อักขระเดียวกัน ม้วนได้ครบรอบเท่ากัน...แต่เชื่อผมเถอะว่ามันต้องมีแตกต่างกัน เช่น ความเรียบของชิ้นโลหะ หรือการลงรักที่หนาบาง ฯลฯ ลองสังเกตดูเถอะครับ แล้วจะรู้ว่าตะกรุดที่ผลิตจากมือ...หนึ่งร้อยดอก ก็มีหนึ่งร้อยแบบ..

อย่างนี้แหละครับที่เป็นเสน่ห์ชวนใฝ่หาของผู้ที่นิยมของขลังประเภทนี้....จริงๆแล้วพระมหาสุรศักดิ์ท่านได้สืบทอดวิชาการทำตะกรุดมาจากหลายคณาจารย์ เช่น ตะกรุด ?ตาลยอดด้วน? ตะกรุด?ดาวล้อมเดือน? ฯลฯ

ในบันทึกน้อยของผมตอนนี้ขอเขียนถึงสายพระราชมงคลวุฒาจารย์ หรือหลวงปู่ใจวัดเสด็จ เพราะเห็นว่าขณะนี้มีประสบการณ์เกิดขึ้นกับลูกศิษย์หรือผู้ที่มีไว้ติดตัวอยู่เนืองๆ...เรามาฟังพระมหาสุรศักดิ์อธิบายพร้อมๆ กันครับ...



?ตะกรุดมหาระงับปราบหงสา...ดีทางระงับดับภัย โทษร้ายกลายเป็นดี เขียนลงแผ่นทองแดงขนาด ๗ นิ้ว พอกยาซึ่งประกอบไปด้วยใบไม้รู้นอน ๗ ชนิดคือ ใบมหาระงับ ใบผักกะเฉด ใบกระทืบยอด ใบสมิ ใบแคขาว ใบชุมเห็ด และหญ้าใต้ใบ...ถักเชือก..เสร็จแล้วก็ลงรักปิดทอง?



?ตะกรุดโภคทรัพย์ หรือตะกรุดคู่ชีวิต ดีทางคุ้มครองดวงชะตาและก่อให้เกิดมีทรัพย์สินเงินทองเพิ่มพูน เขียนลงบนแผ่นทองแดงขนาด ๖ นิ้ว ถักเชือก พอกยาและปิดทองแบบเดียวกับมหาระงับ



ถึงตรงนี้ผมขอคั่นรายการซักนิดเพื่อกล่าวถึง?วิชาไหม ๕ สี? ซึ่งเป็นวิชาที่หลวงพ่อหยอดนำมาสร้างแจกบุคคลทั่วไปและมีประสบการณ์ที่เล่าลือกันไม่หวาดไม่ไหว...ซึ่งพระมหาสุรศักดิ์กล่าวว่า ...

วิชานี้เป็นของ ?หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ? โดยในยุคของหลวงปู่ใจจะสร้างจากไหมญี่ปุ่นจำนวน ๕ สี ได้ความหมายว่าเป็นศีลห้า...นำมาถักขวั้นกัน โดยใช้คาถาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆ์คุณ กำกับเวลาขวั้นไหม..วิชาไหม ๕ สีนี้เมื่อตกทอดมาสู่?หลวงพ่อหยอด? จึงได้เปลี่ยนมาใช้ไหมเทียม โดยโรงงานทำไหมเทียมซึ่งเป็นของลูกศิษย์ท่าน 

วันหนึ่ง ?หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ? ได้มีโอกาสพบกับ ?หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม?..เกิดชอบใจในวิชา ?การขอดเชือก? จึงได้ขอความเมตตาเรียนจากหลวงพ่อแช่ม และหลวงพ่อหยอดก็ได้นำ ?ตัวขอด? นี้มาไว้เป็นส่วนหนึ่งในส่วนของไหม ๕ สี....ในยุคสมัยของหลวงพ่อหยอดรูปร่างหน้าตาของไหม ๕ สีจึงเป็นแบบตามรูปที่ผมลงให้ดู ....และเป็น ?ปกาศิตจากหลวงพ่อหยอดว่า..?



?เมื่อใดที่เชือกขาด ให้เก็บตัวขอดนี้ไว้ เพราะนี่คือตะกรุดหนึ่งดอก?

?ใครที่ใช้ไหม ๕ สี นอกจากจะสวดระลึกถึงหลวงปู่ใจ หลวงพ่อหยอดแล้ว ให้ระลึกถึงหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอมด้วย?

คราวนี้มาพูดถึงตะกรุดอีกประเภทหนึ่งซึ่งผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายท่านกำลังสนใจอยู่..ครับ...?ตะกรุดโลกธาตุ?...ในเรื่องของวิชาการทำตะกรุดโลกธาตุ..มีเรื่องเล่าขานกันว่า..เป็นตะกรุดที่มีคุณวิเศษอเนกอนันต์ ในยามคับขันหรือจวนตัวให้กลืนเข้าไปในท้อง จะสามารถล่องหนหายตัวและป้องกันอันตรายได้ทุกประการ...

เมื่อใครได้กลืนเข้าไปแล้วก่อนนอนให้ตั้งจิตอธิษฐาน ตื่นเช้ามาก็จะพบตะกรุดปรากฏอยู่ข้างตัว ตะกรุดโลกธาตุนี้จะไม่ออกทางทวารเบื้องต่ำอย่างเด็ดขาดและคาถาที่ลงในตะกรุดคือ ?อิจฉันโต จิตโต อิจฉันโต โลกธาตุมหิ อัตตะภาเวนัง นาทุยิ วาระวีสะติ สิทธังละอะ? ....

นอกจากคุณสมบัติที่ลึกล้ำแล้ว การจะลงตะกรุดก็ไม่แพ้กัน กล่าวคือผู้ที่จะเรียนวิชานี้ได้ต้องมีความสามารถนั่งสมาธิเพ่งไส้เทียนจนขาด..นัยว่าเพื่อเป็นการแสดงถึงสภาวะจิตที่เข้มแข็ง......



มีคำกล่าวว่า ?นิทานเป็นอาหารวิเศษสำหรับเด็ก..และเป็นขนมหวานของจิตใจ?...ถึงเรื่องสรรพคุณของ ?ตะกรุดโลกธาตุ? ที่หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ได้เล่ากับพวกเรา จะฟังดูแล้วเหมือนนิทาน เหมือนเรื่องโกหก..ผมเรียนถามท่านว่า

?แล้วหลวงพ่อสามารถนั่งเพ่งจนไส้เทียนขาดไหมครับ?


?ฉันยังทำไม่ได้แบบนั้น?...

?ในระหว่างวันฉันไม่มีโอกาสได้นั่งเขียนตะกรุด และมีเรื่องราวต่างๆ เข้ามาให้คิดตลอด โชคดีที่ตัวเรามีสติ...

ดังนั้นเมื่อฉันเริ่มทำ ฉันจะโยนทุกอย่างทิ้งไปหมด บอกกับตัวเราเองว่า เรามีหน้าที่เขียนตะกรุด ทำออกไปให้กับกลุ่มลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาเรา...

เพราะฉะนั้นเราจะขาดสติและสมาธิไม่ได้...ตราบใดที่เรายังคุมตัวเองไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะสร้างอะไรให้เขาบูชาเลย บาปซะเปล่าๆ?

ผมรูดซิปที่เป้คู่ชีพ...ควานหาถุงพลาสติกที่ใส่ตะกรุดโลกธาตุ รู้สึกอุ่นใจ..ผมไม่ได้นำมาคืนท่านเพราะว่าท่านเพ่งไส้เทียนไม่ขาดหรอกนะครับ การที่ท่านบอกว่า ?ฉันยังทำไม่ได้แบบนั้น? ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ทั้งหมด ไม่ต้องเพ่งขาดหรอกครับ เอาแค่ ?ท่านมหาสุรศักดิ์นั่งเขียน ร้อยไหม ถักตัวขอดได้พวกผมก็เชื่อแล้ว? ..

อีกอย่างการที่ท่านจะมานั่งบอกพวกผมว่าฉันนะนั่งเพ่งจนไส้เทียนขาดไปหลายเล่มแล้ว...เพื่อนๆ ฟังดูแล้วรู้สึกยังไงครับ...นี่คือการพูดอวดตัวเองหรือเปล่าขอโปรดพิจารณา....

?ว่ากันว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกพิกลพิการใบนี้ ย่อมต้องมีสิ่งที่ดีเสมอ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องทุกข์หรือเรื่องสุข? ....ไม่มีใครที่อยากมีความทุกข์หรอกครับ..

และก็เป็นความจริงที่ทุกคนก็อยากมีความสุข ..?การที่เรามีความสุขมากๆจะทำให้เราหลงลืม?...แต่?ความทุกข์จะทำให้เราต้องหันกลับมามองหาความจริงของชีวิตมากยิ่งขึ้น...?

เช่นเดียวกับในสมัยปัจจุบันนี้..พวกเรามักจะมองว่าผู้คนทั่วไปจะยึดติดกับคติความเชื่อในเรื่องคาถาอาคมหรือพิธีกรรมมากกว่าจะมองหาแก่นแท้ของศาสนา...ท่านพระมหาสุรศักดิ์ยิ้มน้อยๆและกล่าวถึงเรื่องนี้สั้นๆว่า...

?เราอยู่ในสมัยที่คนต้องเป็นที่พึงของตัวเองมากขึ้น?(ยิ้ม)

จะว่าไปแล้วผมว่าเรื่องนี้น่าคิดนะครับ...เพราะปัจจุบันนี้จะสังเกตได้ว่าคนรุ่นใหม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวเองว่า ตนชอบนั่งสมาธิ ชอบปฏิบัติธรรมซึ่งแต่เดิมแล้วน้อยมากที่คนเราจะออกมาพูดถึงเรื่องพวกนี้...?การปฏิบัติธรรมในสมัยนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา? ปฏิบัติกันแบบเป็นครอส เป็นแบบโครงการ เรียกได้ว่าทุกวันนี้เป็นที่ยอมรับของสังคม...

?ยาที่รักษาโรคหากใช้ถูกก็มีค่าอนันต์ หากใช้ผิดก็มีโทษมหันต์?..เช่นเดียวกันหากเพื่อนๆ สังเกตดูจะพบว่า ?บทบาทของพระสงฆ์น้อยลง? แต่ ?บทบาทของฆราวาสเพิ่มมากขึ้น? การปฏิบัติธรรมโดยไม่มีพระสงฆ์คอยควบคุมดูแลก็มากขึ้นตามลำดับ..สาเหตุนี้มาจากอะไร..ผมเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้...

ดังนั้นการที่พระซักองค์จะก้าวเข้ามาโดยใช้ ?กุศโลบายทางด้านวัตถุมงคล หรือแนวความเชื่อในเรื่องขนบธรรมเนียมเก่าๆ? เพื่อดึงคนเหล่านั้นให้หันกลับมาเข้าวัดตามแบบเดิม...จึงเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนหรือไม่ก็ต้องฝากเพื่อนๆ..ช่วยคิดละครับ...

ในความเป็นจริงแล้ว..?พระพุทธศาสนาของเราจะมีทั้งกลุ่มที่ไม่ยึดติดวัตถุมงคลและกลุ่มที่ยึดติดวัตถุมงคล?...

ซึ่งทั้งสองกลุ่มก็ยังอยู่ภายใต้บทบัญญัติเดียวกันและเหมือนๆกัน..แต่ก็เป็น ?ความเหมือนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง? กล่าวคือ.....?กลุ่มหนึ่งเน้นในด้านจิตวิญญาณ อีกกลุ่มหนึ่งเน้นในเรื่องของพิธีกรรม?...

แต่บุคลิกที่แตกต่างของทั้งคู่ก็เป็น ?ผลดีต่อการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน?ไม่ใช่หรือครับ...

ดังเช่นคำกล่าวที่ว่า ?การอ่านเป็นพื้นฐานที่ดีที่สุดสำหรับการเขียนที่ดี?....ผมว่าการดำเนินกิจกรรมในร่มเงาของพระพุทธศาสนาควบคู่ไปทั้งสองด้านของพระมหาสุรศักดิ์...?จึงเป็นทั้งการอ่านและการเขียน..ที่ดีเยี่ยม?...สวัสดีครับ

ข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/sitthi/2008/07/19/entry-1 โดยคุณศิษย์กวง






 

7
จากเพื่อนชาวเวปที่ไปกราบหลวงปู่โต๊ะ แห่งวัดยางงามตามกระทู้ข้างล่างนี้

http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,7914.0.html

http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,8317.0.html

กลัวว่าเพื่อนๆจะพลาดได้กราบพระดีๆอีกองค์หนึ่งในวัดยางงาม นั่นก็คือหลวงปู่ม่วงนั่นเอง



พระครูสุนทรจริยาวัตร (หลวงปู่ม่วง นาคเสโน) แห่งวัดยางงาม จ.ราชบุรี

อัตโนประวัต มีนามเดิมว่า ม่วง พุ่มโรจน์ เกิดเมื่อวันพุธที่ 21 สิงหาคม 2455 ปีชวด ณ บ้านหมู่ที่ 5 ต.ปากท่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ครั้นอายุ 20 ปี ถึงวัยเกณฑ์ทหาร นายม่วงได้เข้ารับการคัดเลือก ปรากฏว่าจับได้ใบดำ จึงตัดสินใจอุปสมบท เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2474 ณ พัทธสีมา วัดปากท่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี โดยมีพระราชเขมาจารย์ ( หลวงพ่อเปราะ ) วัดช่องลม อ.เมือง จ.ราชบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ (หลวงพ่อเปราะองค์นี้ก็สุดยอดแห่งพระเกจิอาจารย์เมืองราชบุรี เป็นศิษย์ของหลวงปู่ห้อง วัดช่องลม อ.เมือง จ.ราชบุรี พระอริยสงฆ์ยุคเก่าในอดีต หลวงปู่ห้องท่านสร้างเหรียญหล่อลักษณะรูปองค์พระจะคล้ายๆเหรียญของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร จนทำให้ในอดีตหลายคนสับสนนึกว่าเป็นของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน สมัยก่อนถ้าหลวงปู่ห้อง สักให้ใคร จะเหนียวทรหด ศาสตาวุธทำอันตรายไม่ได้ จนต้องมาให้ท่านรดน้ำมนต์ และทำพิธีถอนคาถาให้ ศาสตาวุธจึงจะทำอะไรคนคนนั้นได้ ) พระอาจารย์เทียน วัดป่าไก่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสุข วัดปากท่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังจากได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ พระม่วงได้มุ่งมั่นศึกษาหาความรู้ในทางพระปริยัติธรรม เป็นที่ยอมรับของพระอาจารย์ และพระภิกษุรุ่นราวคราวเดียวกัน พ.ศ.2476 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนวัดปากท่อ พ.ศ.2478 สอบได้นักธรรมชั้นโท และพ.ศ.2480 จบพระปาฏิโมกข์ แม้ในชั้นแรก ท่านจะตั้งใจบวชเรียนเพียง 2-3 พรรษา แต่เมื่อได้ร่ำเรียนพระปริยัติธรรม และซาบซึ้งในรสพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านจึงไม่คิดลาสิกขา ตั้งใจเด็ดเดี่ยวหันหลังให้ชีวิตทางโลกอย่างสิ้นเชิง

ต่อมาท่านตัดสินใจเดินทางมาอยู่ที่วัดยางงาม ร่วมกับพระลูกวัด และชาวบ้าน และได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พัฒนาวัดยางงามอย่างต่อเนื่อง จนทำให้วัดซึ่งแต่เดิมเป็นวัดตามชนบท ได้เริ่มฉายแววแห่งความสง่างามขึ้นตามลำดับ

ทางวัดยางงามได้จัดให้มีการสอนธรรมะ เพื่อสร้างประชาชนคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจธรรมมะ มีการเปิดโรงเรียนสอนพระอภิธรรมให้แก่ชาวบ้าน และผู้สนใจ มีชาวบ้าน และผู้สนใจมาร่วมเข้าเรียนกันอย่างมากมาย

งานด้านการศึกษา

พ.ศ.2480 เป็นครูสอนนักธรรม

พ.ศ.2501 เป็นเจ้าสำนักเรียนพระปริยัติธรรมวัดยางงาม และเป็นผู้อุปการะโรงเรียนประชาบาลวัดยางงาม

ในการส่งเสริมการศึกษา หรือการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หลวงปู่ม่วง ยังเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่องอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย จัดให้มีการอบรมศีลธรรม จริยธรรม แก่ประชาชนทั่วไป ในแต่ละปีจะจัดให้มีการบวชชีพราหมณ์ขึ้น ในวันสำคัญต่างๆในทางพระพุทธศาสนา แม้ในวันหยุด เช่นวันเสาร์-อาทิตย์ ก็มีคนมาร่วมบวชชีพราหมณ์กับท่านอยู่เป็นประจำมิได้ขาด นอกจากนี้ยังจัดให้มีการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน อบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานทุกปี จัดสวดพระปาฏิโมกข์ และฟังการอ่านพระปาฏิโมกข์แปล ทุกวันพระ 15 ค่ำ กลางเดือน และสิ้นเดือน

นอกจากนี้ยังจัดให้มีการพิมพ์หนังสือ บทความธรรมะ แจกจ่ายแก่พระภิกษุ สามเณร และบุคคลทั่วไป จัดตั้งกองทุนเพื่อการศึกษา ในเขตโรงเรียนประถมศึกษาต่างๆ พร้อมทั้งการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ งานสาธารณูปการ อีกทั้งบูรณะ และพัฒนากุฏิสงฆ์ไม้เรือนไทย ศาลาหอฉัน สร้างสะพานข้ามคลองยาว 15 เมตร กว้าง 2 เมตร เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม อีกทั้งยังจัดสร้างถาวรวัตถุอีกมากมายหลายอย่าง

ชาวบ้านที่เดินทางมาเข้าร่วมพิธีอุปสมบทหรือบวชชีพราหมณ์ หลวงปู่ม่วง จะเป็นผู้ที่สั่งสอนด้วยตนเอง โดยจะเน้นให้ทุกคนปฏิบัติตนให้เป็นคนดี และให้มีจิตใจเมตตา เมื่อมีความเมตตาแล้ว ทุกอย่างจะตามมา และประสบความสำเร็จ

สิ่งที่หลวงปู่ม่วงได้กล่าวเน้นย้ำให้ทุกคนฟัง และให้ทุกคนจำให้ขึ้นใจมีว่า

"ขอให้ทุกคนจงรักษาศีล ทำแต่ความดี เมตตาเขา เขาเมตตาเรา ธรรมะจะรักษาคน ธรรมะจะรักษาตัว ธรรมะจะรักษาใจ ทั้งหมดรวมไว้ในเมตตาธรรม แจกธรรมะ ดีกว่าแจกพระเครื่อง"

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์

พ.ศ.2480 เป็นครูสอนนักธรรม ณ สำนักเรียนวัดยางงาม

พ.ศ.2488 เป็นเจ้าคณะตำบลจอมประทัด

พ.ศ.2501 เป็นเจ้าอาวาสวัดยางงามและเจ้าคณะตำบลปากท่อ

พ.ศ.2508 เป็นพระอุปัชฌาช์

พ.ศ.2540 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอปากท่อ

ลำดับสมณศักดิ์

พ.ศ.2501 เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ เป็นพระครูสุนทรจริยาวัตร

พ.ศ.2521 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม

หลวงปู่ม่วง เป็นพระที่มีความเมตตา ไม่เคยดุด่าว่าใคร ทำให้ชาวบ้านต่างเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง ท่านเคยปรารภว่า อยากให้ทุกคนมีความเมตตา โดยเมื่อมีเมตตาแล้ว สิ่งดีๆจะบังเกิดตามมา

มีคำร่ำลือกันว่า หลวงปู่ม่วง มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดสิ่งใด มักจะเป็นอย่างที่พูดเสมอ ท่านมีศิษยานุศิษย์ที่เคารพนับถือมีทุกระดับชั้น ตั้งแต่ข้าราชการ นักการเมือง พ่อค้าประชาชน ไปจนถึงประชาชนระดับรากหญ้า

นอกจากนี้หลวงปู่ม่วงท่านยังเคยได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ จ.สมุทรสงคราม ร่วมกับหลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ หลวงปู่ม่วงท่านจะมีอายุเท่าๆกับหลวงปู่หยอด สมัยหลวงปู่หยอด ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะไปมาหาสู่กันบ่อยมาก เพราะท่านเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกัน

ด้านวัตถุมงคล ที่หลวงปู่ม่วงได้อธิษฐานจิต เป็นที่ปรารถนาของบรรดาศิษยานุศิษย์ เพราะก่อให้เกิดอิทธิฤทธิ์ต่างๆอย่างมากมาย วัตถุมงคลที่เคยทำออกมา อาทิ เหรียญหลวงปู่ม่วง จัดสร้างปี พ.ศ.2528 งานปิดทองฝังลูกนิมิต จัดเป็นเหรียญรุ่น 1 ต่อมาได้จัดทำเชือกมงคลด้าย 7 สี เหรียญลงยา พระปิดตา ฯ วัตถุมงคลแต่ละรุ่นจะมีประวัติการสร้างไม่ซ้ำกัน ส่วนใหญ่ลูกศิษย์จะสร้างถวาย

วัตถุมงคลต่างๆที่ลูกศิษย์ได้นำไปบูชานั้น ลูกศิษย์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โดดเด่นด้านเมตตามหานิยม และอยู่ยงคงกระพัน เคยมีผู้ที่มีประสบเหตุการณ์รอดตายจากอุบัติเหตุ รอดพ้นภยันตรายต่างๆ แคล้วคลาดไม่ได้รับบาดเจ็บมาหลายคน ทำให้เหล่าลูกศิษย์ต่างเชื่อมั่นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของวัตุมงคลของหลวงปู่ม่วง ที่คอยคุ้มครองปกปักรักษาให้ทุกคนปลอดภัย เสียงร่ำลือจากปากสู่ปากนี่เองทำให้ประชาชนชาวจังหวัดราชบุรี และประชาชนทั่วประเทศ มุ่งหน้าเดินทางมาที่วัดยางงาม เพื่อขอพร และให้หลวงปู่ม่วง เสกเป่ากระหม่อม เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตนเอง และครอบครัว

ถึงแม้อายุขัยจะล่วงเข้าสู่วัย 95 ปีแล้ว แต่ด้วยความมีเมตตาเป็นที่ตั้งหลวงปู่ม่วงมักจะถูกนิมนต์ ให้ไปร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอยู่เป็นเนืองนิตย์ ประกอบกับการที่ท่านยังมีร่างกายที่แข็งแรง มีความคิดพัฒนาอยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ ทำให้ท่านมุ่งมั่นทำงานเผยแผ่พระธรรมอย่างต่อเนื่อง ยึดมั่นที่จะเดินหน้าให้ทุกท่านรับความรู้สัจธรรมแห่งชีวิต สมกับฉายานาม พระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง

ท่านมีเมตตามากๆครับ ใครยังไม่เคยไปกราบท่านควรหาเวลาไปกราบท่านให้ได้ครับ ใจดีมากๆเมตตาสูง ท่านใช้มือทั้ง 2 ข้างประคองจับไหล่ผม และถามว่ามาจากไหน

วัตถุมงคลของท่านปัจุบันก็มีให้บูชาบ้างไม่มากนัก ส่วนใหญ่ศิษย์จะทำถวาย เช่น เหรียญชุด 3 องค์ ชุบทอง นาค เงิน ท่านรองเจ้าอาวาสจัดสร้างขึ้นเพื่อหารายได้สร้างถาวรวัตถุภายในวัด,ล็อคเก็ตรูปเหมือนหลวงปู่ และยังมีตะกรุดจารมือหลายขนาด ขลังมากเลย ท่านเรียนมาจากพระอาจารย์ท่าน คือ หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ สมัยหลวงปู่ใจ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะสร้าง ตะกรุดลูกอมโลกธาตุ ซึ่งถ้าท่านใดที่ชอบสะสมเครื่องรางจะรู้จักกันดี ตะกรุดอีกอย่างที่สร้างชื่อเสียงให้กับหลวงปู่ใจ คือ ตะกรุดนเรศวรปราบหงสา ซึ่งปัจุบันหาได้ยากมาก

หลวงปู่ม่วงท่านก็ได้จัดสร้างตะกรุดตามวิชาของอาจารย์ท่าน คือหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ซึ่งมีการจัดทำขึ้นหลายขนาด ขนาดยาว 9 นิ้ว ก็มี แผ่นโลหะจะจารมือ และพอกผงพุทธคุณ เมื่อแห้งดีแล้วมีการลงรัดปิดทอง แล้วจึงเขียนยันต์ด้วยลายมืออีกที ตะกรุดทุกดอกจะใส่เส้นเกษาหลวงปู่ลงไปด้วยครับ ตะกรุดที่สร้างท่านจะไม่ให้ลูกศิษย์ปัมพ์ยันต์เด็ดขาดต้องจารมือเท่านั้น ผมถ่ายรูปมาให้ชมบางส่วน นอกจากนี้ถ้าใครไปกราบท่าน ท่านจะแจกลูกอม บางครั้งก็เป็นรูปถ่ายหลังยันต์เพื่อให้ประชาชนนำกลับไปสักการะบูชาอีกด้วย

ไปทำบุญกับท่านให้ได้ครับ ท่านชราภาพมากแล้ว ใน จ.ราชบุรี ปัจจุบันนี้ ท่านไม่เป็นสองรองใครครับ ทั้งด้ายวัยวุฒิ และคุณวุฒิ คนราชบุรีนับถือท่านกันมาก ท่านนับถือพระพุทธเจ้ามาก เวลานำพระที่บูชา มาให้ท่านอธิษฐานอีกที ท่านจะนำพระในมือไหว้ไปทาง พระพุทธรูปก่อนอธิษฐาน และพรมน้ำมนต์ลงบนพระครับ

ขอบคุณข้อมูลจากเวบ www.palungjit.com

8
ไม่ทราบว่ายันต์หมูทองแดงวัดท้องไทร สักที่ตรงไหนได้บ้างครับ ต้องสักที่หลังตลอด หรือสักที่หน้าขาได้มั๊ยครับ พอดีหน้าขาไม่ค่อยสูงนักผมกลัวว่าจะเสื่อมได้ง่ายน่ะครับ เลยไม่แน่ใจครูบาอาจารย์ให้สักที่ตำแหน่งนี้ได้บ้างหรือเปล่า (ตอนนี้ผมมีแต่นางพิมที่หน้าขาครับ) ถ้าอยากสักยันต์นี้ขออาจารย์อั้นได้เลยไหมครับ หรือว่าต้องแล้วแต่อาจารย์เมตตาครับ พอดีผมสักน้ำมันน่ะครับ สามารถสักยันต์นี้ยันต์เดียวทับถมกันหลายๆครั้งได้ไหมครับ

ขอบคุณครับที่ให้ความกระจ่าง

 :002: :002: :002: :002:

9
พอดีวันเสาร์นี้ว่าง ก็เลยจะไปฝังเข็มทองที่วัดบางแวกน่ะครับ ไม่ทราบว่าใครรู้จักกุฎิหลวงพี่หนุ่มบ้างครับ ไม่ทราบว่ายังมีเข็มอีกหรือเปล่าครับ ผมควรไปที่วัดประมาณกี่โมงดีครับ

ขอบคุณมากๆครับสำหรับคำแนะนะ :054:

หน้า: [1]