แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Pig_Never_Die

หน้า: [1]
1
หาหนังสือเกี่ยวกับการฝึกสมาธิมาศึกษาก่อนดีกว่าครับ ไม่ว่าวิชาอะไรยังไงก็ต้องการสมาธิจิตเป็นหลักครับ พึ่งอายุ 16 ยังมีเวลาอีกเยอะ เอาฐานให้แน่นก่อนดีกว่าครับ ค่อยๆเป็นค่อยๆทำครับ อย่ารีบร้อนครับผม

ปล. ผมเองก็ระเบิดน้ำไม่เป็น สมาธิก็ยังไม่ค่อยนิ่ง ไม่เชื่อลองนั่งสมาธิดูครับ ทำจิตให้นิ่งได้ซะ 2-3 ชั่วโมงต่อวันดีแน่นอนครับผม

2
ไปอบรม หรือไปออกรบครับเนี่ย พกเยอะเอาการนะครับ ขอให้เดินทางไปกลับปลอดภัยครับ  :002:

3
โดนเข้าไปสี่นัดคงจุกนะครับ เลยวิ่งหนึไม่ทัน คนยิงก็ไม่เอาพระไปด้วย ขนาดเห็นประสบการณ์กันจะจะ

4
เป็นหนุมานเกราะเพชร หลวงปู่หริ วัดละหานครับผม  :002:

5
เรียกว่าพระนางพญาครับ ส่วนจะแท้หรือเปล่าปรึกษาผู้รู้อีกทีครับผม  :002:

6
เมื่อกี่พึ่งได้ฟังมาเอง ถูกใจผมมากๆ อย่างนี้สิลูกผู้ชายตัวจริง  :002:

7
ขอขอบคุณครับ  :089:

แล้วกุฏิหลวงปู่เข้าไปถึงเช่าวัตถุมงคลได้เลยไหมครับ แล้วมีวัตถุมงคลอะไรครับ พอดีจะเช่าตะกรุดครับ

เพื่อนวันไหนจะไปอีก  :048:

ก็แล้วแต่จังหวะนะครับ อยากได้อะไรสอบถามหลวงปู่เลยครับ ถ้ามีท่านก็จะประสิทธิ์ให้ครับ (รับกับมือหลวงปู่เลย)

8
วันนี้ไปมาแล้ว ไม่รู้กุฏิหลวงตาวาศอยู่ตรงไหน ผมไปเสียเที่ยวเลย

แต่เช่าปิดตา ตรงที่บูชาวัตถุมงคลของวัดสะพานสูง ของหลวงปู่ขาวเจ้าอาวาสองปัจจุบันสร้างครับ  แต่ปลุกเสกดีเหมือนกัน มีรุ่นเสาร์ห้า กับ ย้อนยุคหลวงปู่เอี่ยมครับ  :001: :001:

อ้าวผมก็นึกว่ารู้จักเส้นทาง ไม่เป็นไรครับ งวดหน้าไปใหม่ครับ คูณขุนแผนไปใกล้ถึงกุฏิหลวงปู่แล้วล่ะครับ หลังที่บูชาวัตถุมงคลของวัด จะมีห้องน้ำอยู่ครับ กุฏิหลวงปู่จะอยู่หลังห้องน้ำ ทางด้านขวาครับ กุฏิหลวงปู่ด้านหน้าจะเป็นกระจก และมีรูปหลวงปู่อยู่ครับผม ลองไปดูใหม่ครับ อยากให้ได้กราบพระดี ๆ อีกรูปครับผม



อ๋อผมเดินไปไม่ถึงครับ เดี๋ยวงวดหน้าไปใหม่ จะเช่าตะกรุดครับ แต่ของที่บูชาวัตถุมงคลตะกรุดดอกละ 300 เอง แต่เช่าพระปิดตาเสาร์๕ มาครับ

เมื่อวานรีบด้วย ไปหลายวัดครับ  :001:

ตะกรุดของทางวัดเป็นแบบปั๊มครับ ถ้าเป็นของหลวงปู่ หลวงปู่จะจารมือด้วยตนเอง ส่วนพระปิดตาเสาร์ห้าของทางวัด หลวงปู่ก็ร่วมเสกด้วยครับ แต่ถ้าเป็นของหลวงปู่จะมีพระหน้าปรกที่ปลุกเสกมาแล้ว 2 ปีฝังไว้ด้วยครับ ลองหาข้อมูลดูใน link ข้างล่างครับ อาจจะมีการทะเลาะกันบ้างตามแบบคนทั่วไปนะครับ แต่ได้ความรู้ดีทีเดียว

http://www.suankhlang.com/ipb//index.php?showtopic=1537&st=320

http://www.suankhlang.com/ipb//index.php?showtopic=1504&st=0&start=0

http://www.suankhlang.com/ipb//index.php?showtopic=1728

10
วันนี้ไปมาแล้ว ไม่รู้กุฏิหลวงตาวาศอยู่ตรงไหน ผมไปเสียเที่ยวเลย

แต่เช่าปิดตา ตรงที่บูชาวัตถุมงคลของวัดสะพานสูง ของหลวงปู่ขาวเจ้าอาวาสองปัจจุบันสร้างครับ  แต่ปลุกเสกดีเหมือนกัน มีรุ่นเสาร์ห้า กับ ย้อนยุคหลวงปู่เอี่ยมครับ  :001: :001:

อ้าวผมก็นึกว่ารู้จักเส้นทาง ไม่เป็นไรครับ งวดหน้าไปใหม่ครับ คูณขุนแผนไปใกล้ถึงกุฏิหลวงปู่แล้วล่ะครับ หลังที่บูชาวัตถุมงคลของวัด จะมีห้องน้ำอยู่ครับ กุฏิหลวงปู่จะอยู่หลังห้องน้ำ ทางด้านขวาครับ กุฏิหลวงปู่ด้านหน้าจะเป็นกระจก และมีรูปหลวงปู่อยู่ครับผม ลองไปดูใหม่ครับ อยากให้ได้กราบพระดี ๆ อีกรูปครับผม


11
รบกวนพี่ๆนะครับ

คือถ้าจะไปกราบหลวงตาวาส ควรไปประมาณกี่โมง ครับ

และก็ควรนำอะไรไปถวายท่านครับ

วัตถุมงคลที่น่าจะนำไปบูชา มีอะไรบ้างครับ

ควรเตรียมเงินไปซักเท่าไหร่ครับ

ขอบคุณล่วงหน้านะครับ!!!

ไปกราบหลวงปู่ไม่น่าจะเกิด บ่ายหนึ่งนะครับ ส่วนใหญ่ผมจะไปช่วงประมาณเกือบเที่ยงจนถึงบ่ายหนึ่งครับ หลวงตาจะได้มีเวลาฉันเพล และจำวัดด้วย แต่ถ้าจะนำอาหารไปถวาย ก็คงต้องไปก่อน 11.00 am ล่ะครับ หลวงปู่ฉันอาหารประเภทไม่หวานไม่เผ็ดไม่เปรี้ยวจนเกินไปครับ อย่าลืมนะครับหลวงปู่อายุ 90 กว่าแล้ว อาหารที่ไปถวายไม่ควรจะแข็งจนเกินไปนะครับผม ส่วนใหญ่ผมจะถวายน้ำเปล่ากับ พวกนมถั่วเหลืองไร้น้ำตา พวกน้ำข้าวกล้องอะไรอย่างนี้น่ะครับผม

ส่วนต้องเตรียมเงินเพื่อไปบูชาวัตถุมงคลเท่าไหร่ ถ้าเป็นตะกรุดโสฬสค่าบูชาดอกละ 1000 บาท, พระปิดตาแบบธรรมดาค่าบูชาองค์ละ 200 บาท, พระปิดตาเสาร์ห้า และเนื้อชานหมากค่าบูชาองค์ละ 500 บาท ถ้าโชคดีมีตะกรุดสามกษัตริย์พอดีค่าบูชาดอกละ 2000 บาทครับ แต่แนะนำว่าถ้ามีโอกาสและพร้อมควรบูชาครับผม


ไม่แน่พรุ่งนี้จะไปกราบท่าน พอดีตอนนี้อยู่นนทบุรีครับ จากบางใหญ่ขับไปก็คงไม่ไกล

จะไปกราบหลวงตาเปรื่องด้วย จะไปเช่าพระปิดตา ตะกรุด ยันต์เก้าครับ แต่อยากทราบว่าเด่้นด้านไหนครับ


 

ต้องลองใช้ดูครับ แล้วจะรู้ว่าดีอย่างไร พรุ่งนี้ผมก็จะไปกราบหลวงปู่อยู่เหมือนกัน

12
รบกวนพี่ๆนะครับ

คือถ้าจะไปกราบหลวงตาวาส ควรไปประมาณกี่โมง ครับ

และก็ควรนำอะไรไปถวายท่านครับ

วัตถุมงคลที่น่าจะนำไปบูชา มีอะไรบ้างครับ

ควรเตรียมเงินไปซักเท่าไหร่ครับ

ขอบคุณล่วงหน้านะครับ!!!

ไปกราบหลวงปู่ไม่น่าจะเกิด บ่ายหนึ่งนะครับ ส่วนใหญ่ผมจะไปช่วงประมาณเกือบเที่ยงจนถึงบ่ายหนึ่งครับ หลวงตาจะได้มีเวลาฉันเพล และจำวัดด้วย แต่ถ้าจะนำอาหารไปถวาย ก็คงต้องไปก่อน 11.00 am ล่ะครับ หลวงปู่ฉันอาหารประเภทไม่หวานไม่เผ็ดไม่เปรี้ยวจนเกินไปครับ อย่าลืมนะครับหลวงปู่อายุ 90 กว่าแล้ว อาหารที่ไปถวายไม่ควรจะแข็งจนเกินไปนะครับผม ส่วนใหญ่ผมจะถวายน้ำเปล่ากับ พวกนมถั่วเหลืองไร้น้ำตา พวกน้ำข้าวกล้องอะไรอย่างนี้น่ะครับผม

ส่วนต้องเตรียมเงินเพื่อไปบูชาวัตถุมงคลเท่าไหร่ ถ้าเป็นตะกรุดโสฬสค่าบูชาดอกละ 1000 บาท, พระปิดตาแบบธรรมดาค่าบูชาองค์ละ 200 บาท, พระปิดตาเสาร์ห้า และเนื้อชานหมากค่าบูชาองค์ละ 500 บาท ถ้าโชคดีมีตะกรุดสามกษัตริย์พอดีค่าบูชาดอกละ 2000 บาทครับ แต่แนะนำว่าถ้ามีโอกาสและพร้อมควรบูชาครับผม

13
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้ไปพบ หลวงตาวาส มาครับ
ได้บูชา ตะกรุดโสฬสมหามงคล มา ๑ ดอก พระปิดตาชุบรัก ๑ องค์ และ ตะกรุดอะไรไม่รู้สีทอง ๒๐๐ บาท
อยากถามว่าเป็นตะกรุดอะไรครับ
ฟังหลวงตาไม่ค่อยได้ยินครับ
ขอบคุณมากครับ

ดอกประมาณ 2-3 นิ้วใช่ไหมครับ น่าจะเป็นตะกรุดยันต์เก้าครับ เป็นสายวิชาของหลวงปู่กลิ่นแห่งวัดสะพานสูงครับ

14
ไม่เสื่อม แต่ซวย :075:

ใช่ ใช่ ที่เล่นน้ำน่าจะกว้างอยู่ ดันไปพบเข้าซะได้นี่ ถ้าไม่ผิดข้อห้ามของครูบาอาจารย์ ไม่เสื่อมหรอกครับ คิดดูนะครับ ทหารเวลาไปรบนี่ต้องเจออะไรมากกว่านี้ตั้งเยอะ ลุยน้ำ คลุกฝุ่น ถ้าเจอสิ่งปฏิกูลแล้วเสื่อมนี่ เสร็จเลยนะครับผม  :002:

15
อืมตอบยากนะนี่ แต่ลองอ่านบทความข้างล่างดูครับผม

คุณทราบหรือไม่ว่าพระเครื่องที่คุณแขวนกันอยู่นั้น เริ่มขึ้นเมื่อใด?
พระพุทธศาสนาได้เข้ามาสู่ประเทศไทยในสมัยพุทธกาลหลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปนานแล้ว ศาสนาพุทธเริ่มแผ่ขยายเข้ามาเมื่อใดนั้นไม่ค่อยจะทราบแน่ชัด แต่ทว่าวัตถุมงคลในพุทธศาสนานั้นหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “พระเครื่อง หรือพระเครื่องราง” คือคนในสมัยนั้นได้หยิบยกเอาว่า พระเครื่องดังกล่าวเป็นเสมือน สมมติองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่มีขนาดเล็ก สร้างเอาไว้เพื่อเป็นของมงคลสำหรับบรรจุไว้ใน เจดีย์ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้าและเพื่อสืบสานพระพุทธสนาต่อไป

ประวัติเริ่มต้นที่ค่อนข้างชัดเจนก็คือ ปรากฎหลักฐานภายหลังการสร้างพระพุทธรูป ราวพุทธศักราช ๕๐๐ ในสมัยทวาราวดี (สมัยทวาราวดี ราวพ.ศ.๔๐๐ -พ.ศ. ๑๒๐๐)และสมัยศรีวิชัย (พ.ศ. ๑๓๐๐) โดยการสร้างพระบูชาขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับผู้ที่มาเคารพสังเวชนียสถาน เพื่อใช้ระลึกถึงคุณของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งในสมัยนั้นไม่ทราบว่าเรียกพระบูชานั้นว่าอะไรรู้แต่เพียงว่านิยมติดตัวกันไว้เสมือนเครื่องรางของขลัง ไว้เวลาออกรบหรือเดินทางไปในต่างแดน ซึ่งก็มีพระพุทธคุณเชื่อกันว่ากันภูตผีปีศาจได้ซึ่งก็นับเป็นความเชื่อเล่าขานต่อๆกันมา…

ส่วนความหมายของคำว่าพระเครื่องในไทยนั้น เริ่มเกิดมีขึ้นมาในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่๕ที่ทรงรับสั่ง ให้นำเครื่องจักรจากยุโรปมาเพื่อผลิตเหรียญกษาปณ์ ทำให้เกิดมีการผลิตเหรียญของเกจิอาจารย์ชื่อดังตามมาอีกเป็นลำดับ ทำให้ผู้คนเรียกพระที่ผลิตมาจากเครื่องจักรพิมพ์เหรียญนั้นติดปากกันต่อมาว่า “พระเครื่อง” หรือเรียกพระองค์เล็กๆ ที่เป็นพระพิมพ์เรียกเหมารวมกันว่า “พระเครื่อง” เช่นเดียวกันพระเครื่องส่วนใหญ่ จะจัดสร้างให้มีขนาดเล็กเพื่อที่จะสามารถสร้างได้จำนวนมากๆและแจกกันทั่วถึงแก่บรรดาญาติมิตร เพื่อใช้สำหรับบรรจุในพระพุทธเจดีย์และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา ใช้ใส่เป็นวัตถุมงคล เป็นที่นิยมแก่ผู้พบเห็น ป้องกันภัย หรือคุณไสยต่างๆได้ ตามความเชื่อต่างๆนาๆแล้วเมื่อพูดถึงใช้ใส่เพื่อป้องกันภัยต่างๆแล้ว ก็จะขอพูดถึงว่า ทำไมพระเครื่องถึงนำมาใช้ยกเป็นความเชื่อในเรื่องของการป้องกันภูตผีปีศาจกันสักหน่อยที่มาก็คงจะเพราะผู้มีศักดิ์สูงชอบใช้คำนำหน้าตนเองว่า “พระ” เหตุผลก็คือความเชื่อของคนไทยนั้นเปรียบพระ เป็นของที่สูง น่าเคารพบูชาและเพื่อดำรงพระพุทธศาสนาสืบไป เราจึงนิยมเรียกขานนามผู้มีศักดิ์สูงนั้นไปต่างๆ เช่นพระยา  เจ้าพระยา หรือ คุณพระ แม้แต่คำว่า พระมหากษัตริย์นำหน้าชื่อทุกครั้งทั้งนี้ก็เพื่อเป็นสิริมงคลแก่เจ้าของชื่อ เพื่อเป็นที่รักใคร่เคารพแก่ผู้คนทั่วไป

ชายทุกคนที่เกิดมาในสยามประเทศและศรัทธาอยู่ใต้ร่มบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งหนึ่งในชีวิตก็ควรที่จะได้บวชห่มผ้าเหลืองสักครั้งเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา เป็นหญิงก็ให้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเพื่อดำรงคุณงามความดีบอกต่อพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่สืบต่อไป แม้แต่คนที่ตายไปแล้วก็ยังคงต้องพึ่งพระสงฆ์องค์เจ้ามาสวดพระอภิธรรม ส่งวิญญาณละสังขารไปอยู่ในที่สงบตามแต่บุญและกรรมที่ทำกันมา

ด้วยเหตุผลนี้ ภูตผีปีศาจต่างๆ ได้ทราบในพระพุทธคุณอันมหาศาลนี้ก็เกรงกลัวไม่อาจทำอันตรายใดๆได้ แม้เป็นผี ก็อยากที่จะพ้นบ่วงกรรม แต่ไม่อาจกระทำได้เหมือนตอนที่อยู่ในชาติมนุษย์ การจะไปหลอกหรือแกล้งผู้คนให้กลัวแก่ตนนั้นก็จะถือเป็นบาปติดตัวไปอีก ผีตนไหนดื้อไปแกล้งหลอกชาวบ้าน พอไปพบว่าชาวบ้านคนนั้นแขวนพระบูชามีศีลธรรมติดตัวมาบ้าง ก็ต้องกลัวเกรงระลึกถึงบาปบุญคุณโทษ เมื่อผีตนนั้นนึกถึงพระพุทธคุณขึ้นมาได้ ก็จำต้องล่าถอยไปนี่คือที่มาว่า[bgcolor=#ff8900]ทำไมผีถึงกลัวพระ[/bgcolor]

แต่ในปัจจุบันนี้รู้สึกว่าคนจะไม่ค่อยกลัวผีกันแล้ว จะกลายเป็นว่าคนกลัวคนด้วยกันเองมากกว่า คนหลอกคนนี่น่ากลัวมากๆ แขวนพระสักกี่องค์ก็ทำอะไรไม่ได้…เอาเป็นว่าขอให้พวกเราที่เคารพบูชาพระเครื่องโปรดช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไปด้วย ยึดมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดีไม่คดโกงใคร หากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต กินอยู่อย่างพอเพียง มีชีวีตที่เป็นสุข

ข้อมูลจาก http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=1852

16
อยากรู้จังเลยครับว่า

วัตถุมงคลในศาลาข้างหน้า
ใครเป็นผู้ปลุกเสกครับ

หลวงตาวาสปลุกเสกหรือปล่าวครับ

วัตถุมงคลในศาลาข้างหน้า เป็นของทางวัดสะพานสูงจัดสร้างครับ แต่หลวงปู่วานก็ได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกครับผม แต่ไม่ได้เป็นผู้จัดสร้างครับ ถ้าอยากได้ตะกรุด หรือพระปิดตาของหลวงปู่ ต้องไปที่กุฎิหลวงปู่อย่างเดียวครับผม ซึ่งก็แล้วแต่ดวงด้วยครับ ว่าจะมีตะกรุดโสฬสที่หลวงปู่จารเสร็จหรือเปล่า  :002:

17
วันนี้มีโอกาสได้ไปกราบท่านจริงๆแล้วครับ
ที่กุฎิของท่าน หลวงตาท่านอาพาธไม่ค่อยสบายครับ
ตั้งใจว่าจะไปบูชาตะกรุดกับท่าน ท่านว่าหมด ไอ้ที่มีอยู่
ก็ยังทำไม่เสร็จยังไม่ได้ถักเชือกลงรัก มีแต่แบบสามกษัตริย์
เหลืออยู่ดอกนึง ก็เลยบูชาพระปิดตามาหนึ่งองครับ
ตั้งใจว่าวันหลังจะไปหาท่านใหม่ กะว่าพอตะกรุดท่าน
ทำเสร็จก็จะไปบูชามาครับ

 ปล.ขอให้หลวงตาสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงครับ
ไว้โอกาสหน้าจะเข้าไปกราบท่านอีกครับ

แบบสามกษัตริย์ไม่บูชากลับมาครับ นานๆทีหลวงปู่จะทำนะครับ ข้างในประกอบด้วยยันต์สามแผ่นถ้าจำไม่ผิดจะมี มหาอุด, มงกุฎพระพุทธเจ้า,  โสฬส แถมยังมีจีวรกับเกสาท่านด้วย และที่แน่ๆดอกนี้น่าจะผ่านการปลุกเสกวันเสาร์ห้ามาด้วยนะครับผม  :002:

18
ระมัดระวังหน่อยก็ดีนะครับ อะไรมันจะรีบร้อนปานนั้น เรื่องแนวนี้ไม่น่าลืมง่ายๆนะครับผม  :002:

19
ไม่ทราบว่าที่วัดยังพอมีวัตถุมงคลของหลวงปู่วาสให้บูชามั๊ยครับ :054:

ต้องไปกราบ และไปขอบูชาที่กุฎิหลวงปู่เองครับ กุฎิหลวงปู่อยู่หลังห้องน้ำ ตรงหน้ากุฏิมีรูปหลวงปู่อยู่ครับผม ถ้าจะไปกราบให้ไปช่วงเช้านะครับ หลวงปู่จะได้พักผ่อนช่วงบ่ายครับผม  :002:

20
ดึกแล้วไม่น่าอ่านเลยเรา ไปนอนดีกว่า  :074:

21
ถ้าสนใจประวัติอาจารย์แปลกเชิญอ่านได้จากเวปนี้ครับผม  :002:
 
http://www.suankhlang.com/ipb//index.php?showtopic=1504

ข้อมูลโดย คุณศิษย์หลวงพ่อเกิด ครับ

22
ผมว่าภาพที่ 10 กับ 11 เนี่ยน่าจะเกิดจากการถ่านที่ speed shutter ต่ำๆ ตอนกลางคืน และตัวแบบไม่อยู่นิ่งมากกว่าครับผม  :002:

23
ไม่ได้ห้อยกับพระเครื่องนะครับ เป็นเหรียญพระ อะครับ

ห้อยไปเถอะครับ  :002:

25
ขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ อย่างที่ว่ากันแหละครับวัตถุมงคลของท่าน มีไว้สำหรับคนที่ไม่กินเหล้าเท่านั้น...

...ก็เลยไม่ได้เก็บวัตถุมงคลของท่านเลยครับ... 11;

เหมือนกันเลยครับ

27
ขอแผนที่กุฎิหน่อยครับ งวดหน้าจะได้เข้าไปสักกับท่านบ้าง  :002:

28
โอ้รูปสุดท้ายนี่ เป็นตอนเรียกเข็มหรือครับ พึ่งเคยเห็น  :002:

29
ถึงจะเป็นของพระอาจารย์เอนก แต่ท่านก็เก่งนะครับ รับลอง ครับ เรื่องคงกระพัน พี่ๆเพื่อนๆผม เจอกันมาแล้ว ครับ

โดยเฉพาะตะกรุด กับ ลูกสะกด

พระอาจารย์เอนก อยู่ที่วัดปรีดารามใช่ไหมครับ มีแผนที่ไปกุฏิพระอาจารย์ไหมครับผม ได้ยินชื่อท่านมานานแต่ยังไม่เคยได้ไปกราบซะที  :002:

30
ขอบคุณครับที่ช่วยตอบแต่อยากจะทราบรายละเอียดมากกว่านี้ซักหน่อยนะครับว่าถ้าไปฝังเข็มต้องทำอย่างไรบ้างและต้องเตรียมปัจจัยไปกี่บาทรบกวนอีกหน่อยนะครับ

ดูที่กระทู้นี้ครับผม  :002:

http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,10793.0.html


31
ถ้าเป็นผมนะครับ คิดว่าไม่น่าสนใจครับผม  :002:

32
หลวงปู่ดู่วัดสะแก..ท่านสร้างหลวงปู่ทวดถ้าจำไม่ผิดรุ่นนี้ชื่อรุ่นเปิดโลกครับ...โดยส่วนตัวเห็นว่าเก๊ครับ... :058:

สำหรับหลวงปู่ทวดไม่ใช่รุ่นเปิดโลกครับ แค่พิมพ์เหมือนเฉยๆ เพราะพระหลวงปู่ดู่จะมีบางส่วนนำเหรียญเปิดโลกมาถอดแบบเพื่อทำแม่พิมพ์ ทั้งพระปิดตาและหลวงปู่ทวดน่ะจะเป็นสายหลวงปู่ดู่ครับ ไม่ทราบที่มาได้มาอย่างไรครับ

33
ส่วนใหญ่เลือกไม่ได้นะครับ ยังไงก็ลองขอดูก็ได้ครับผม  :002:

34
ขอให้หลวงปู่หายไวๆครับผม

35
หลวงพี่ต้อยท่านเมตตาครับ สักน้ำมันจะไม่ค่อยเจ็บมาก ก็เลยไม่ค่อยเห็นรอยแดงๆ  แต่ถ้าสักหมึกกับท่านล่ะก็จะรู้ว่าความเจ็บเป็นเช่นใด ไม่ต้องคิดมากครับศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน อยู่ที่คุณจะรักษาได้หรือเปล่า แต่ถ้าชอบแนวสักน้ำมันแบบเจ็บๆ ขอแนะนำให้ไปที่กุฏิหลวงพี่ญา กับหลวงพี่แป๊ว ครับ แล้วจะเข้าใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านทั้งสององค์ไม่มีความเมตตานะครับ แต่รูปแบบและแรงในการสักไม่เหมือนกันเท่านั้นเองครับ  :002:

36
ขอถามเรื่องการสักน้ำมันเป็นข้อๆเลยนะครับ
1.  การสักน้ำมันสักกับหลวงพี่ท่านใดก็ได้ใช่ไหม
      ใช่ครับผม

2.  สักครั้งแรกต้องทำอย่างไร  และบอกท่านว่าอะไรบ้าง
     ซื้อดอกไม้ธูปเทียนบุหรี่พร้อมเงิน 25 บาท แล้วก็เข้าไปในกุฏิท่านได้เลย

3.  เราสามารถสักทีเดียว  2-3  ยันต์ได้หรือไหม
     แล้วแต่ท่านจะให้ครับ เป็นครั้งๆไป ถ้ายังไม่พอก็ต่ออีกพานได้ครับผม
 
4.  สมมุติถ้าไปสักวันแรก  สักเก้ายอด  ยันต์  8  ทิศ  ไปแล้ว  และวันหลังไปสักใหม่ท่านจะต่อยันต์อื่นๆให้เลย  หรือเราต้องบอกว่า
     เราได้สักอะไรไปแล้วบ้าง 
     บางที่ท่านก็จะถามว่าเคยสักมาหรือยัง หรือยังไงบอกท่านก็ได้ครับ แต่เลือกยันต์ไม่ได้นะครับ ให้ท่านพิจารณามอบให้ดีกว่าครับผม

5.  สมมุติไหล่ข้างขวาสักน้ำมันไปแล้ว  กับมาสักอีกสามารถสักไหล่ข้างขาวได้อีกหรือเปล่า  และจำเป็นต้องเป็นรูปเดิมหรือรูปใหม่ได้
     สักน้ำมันจะซ้ำที่เดิมซะกีทีก็ได้ครับผม ไม่เป็นไร แต่ถ้ารอยยังอยู่ส่วนใหญ่เขาจะไม่สักซ้ำให้ครับผม
     
6.  ถ้าจะสักน้ำมันกับหลวงพี่ต้อย  ต้องบอกท่านว่าอย่างไรบ้างครับ
     ผมก็ลูกศิษย์หลวงพี่ต้อยครับ ไม่ต้องทำอะไรมากครับ ถวายพานครู ถอดเสื้อหันหลังให้ท่าน แล้วก็บอกว่าสักน้ำมันครับ
     

ขอบคุณมากครับสำหรับความสงสัย
ขอให้มีความสุขในการสักยันต์นะครับผม อย่าลืมหมั่นทำสมาธิ ถือข้อห้ามให้ได้ และหมั่นทำแต่ความดีครับ ในโลกนี้คนเก่งมีเยอะแล้วแต่คนดียังมีน้อยครับผม  :002:

37
วันนี้เพิ่งไปรับตะกรุดจากหลวงปู่โต๊ะกับพ่อมา2ดอกครับ ท่านบอกให้มากไม่ได้นะท่านทำไม่ค่อยไหวแล้ว ตอนแรกผมเข้าไปโดยไม่ทราบว่าท่านเป็นใครผมเลยลองถามดูท่านตอบอย่างมีอารมณ์ขันว่าไม่รู้จักฉันแล้วมาหาถูกได้ยังไงเนี่ย ผมฟังแล้วแอบยิ้มเลยครับ เห็นคนในวัดบอกปีนี้ท่านมีอายุ ๑๐๑ ปีแล้วครับยังแข็งแรงอยู่เลยแถมยังใจดีอีกต่างหาก :015: :015: :015:

วันนี้ผมก็ไปแวะที่วัดยางงามมาครับ หลังจากกราบหลวงปู่ม่วงเสร็จ ก็ว่าจะไปหาหลวงปู่โต๊ะ แต่พอดีท่านจำวัดอยู่ก็เลยไม่อยากรบกวนท่าน ก็เลยกลับบ้านก่อนครับผม วันที่ 29 พฤษจิกายน มีงานหล่อรูปหล่อหลวงปู่ม่วงนะครับผม  :002:

38
ทุกอย่างอยู่ที่ "เจตนา"  :002:

39
ผิดซิครับ ปกติพวกซ่องนี่เขาไม่นิยมใส่พระเข้าไปด้วยซ้ำนะครับ อีกอย่างจะรู้ได้ยังไงครับว่าเขาไม่มีสามี เลิกได้ก็ดีครับ การสักไม่ยากหรอกครับ แต่การจะรักษาของนี่ยากกว่านะครับ ถ้าทำไม่ได้ผมว่าอย่าสักดีกว่าครับ เสียเนื้อเปล่าๆ  :002:

40
เดี๋ยวนี้ทำไมมีแต่คนคิดจะสักห้าแถวกันน้อ  :063:

41
อ่านจนจบก็เพลินดีนะครับ เห็นเรื่องแบบนี้หายไปตั้งนานแล้ว ในที่สุดก็กลับมาอีกจนได้ แต่ผมว่าถ้ามีปัญหากัน อย่าใช้บอร์ดระบายอารมณ์เลยครับ มีอะไรก็ไปนัดเจอกัน แล้วคุยกันไปเลยครับ ลูกผู้ชายทั้งนั้นครับ คุยกันให้รู้เรื่องดีกว่า จะได้ไม่มีคนในบอร์ดเดือดร้อนด้วยครับผม ขอบคุณครับ

42
มหารูดยังเหลือเยอะไหมครับ ตอนนี้คนยังเยอะไหมครับผม

43
สักที่ไหนครับ ถ้าที่วัดบางพระไม่มีนะครับ ถ้าเป็นที่อื่นก็แล้วแต่อาจารย์ท่านจะเห็นสมควรครับผม  :002:

44
ผมฝังเข็มทอง ห้ามเตะหมาซะด้วย ผมเดินเจอหมาทีไรก็เลยต้องระวัง ถ้ามันวิ่งไล่กัดละก็ ต้องวิ่งให้เร็วกว่ามันเท่านั้น เป็นทางรอดสุดท้าย   :002:

45
ไม่เอารถไปเองนี่ไปยากเหมือนกัน ทิ้งเบอร์ไว้ครับเพื่อวันที่ 30 ว่าง จะไปด้วยกันครับผม แต่ถ้าไปวันเสาร์ที่วัดท้องไทรมีสักยันต์นะครับผม  :002:

46
ไม่เอารถไปเองนี่ไปยากเหมือนกัน ทิ้งเบอร์ไว้ครับเพื่อวันที่ 30 ว่าง จะไปด้วยกันครับผม  :002:

47
ผมไม่ห้อย ใช้วิธีสักติดตัวอย่างเดียวทั้งนารีสวน และแม่พิม  :002:

48
อดฝังกับอ.ประคองสิครับผม เพราะอาจารย์เลิกฝังให้ตอนประมาณ 2 ทุ่ม คิวยังพึ่งจะ 130 ได้มั้งครับ ผมเลยได้ฝังจากหลวงพี่หนุ่มแทน นึกว่าปีหน้าจะได้ฝังซะหน่อย แต่ไม่เป็นไรยังไงก็ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันหมด  :002:

49
ว้าว อยากเห็นหน้าอกผู้ชายหรอ


คิดไรป่าวเนี่ย ^^

ล้อเล่นนะครับ




ด้วยความเคารพ

นายอย่าพูดเลื่อยเปื่อยสิครับ ครั้งนี้ครั้งแรกผมอภัยให้ครับ (อยากเพราะว่าพี่เค้าเคยลงทีนึง รูปไม่ค่อยชัดครับ)

ดุจังเลยครับ ศิษย์วัดบางพระทั้งนั้นครับ อย่าคิดมากครับ  :002:

51
ไปไมได้ต้องไปกราบแม่ครับ ถ้ามีบุญคงได้ล่ะครับผม

52
ปกตินางพิมเขาไม่ห้อยคอกันครับผม ไม่นิยมห้อยรวมกับพระเครื่องครับผม ส่วนใหญ่ใช้คาดเอวครับ อีกอย่าจะได้ถวายเหล้าขาวได้สะดวกด้วยครับ  :002:

54
ว่าแล้วถ้าขุดกระทู้นี้ขึ้นมา เดี๋ยวจะต้องมีคนมาตามหาน้อง One Ha Ha Ha  :004:

55
อีกที่
ได้รับแล้วต้องมานั่งบริกรรมเองนะครับ
    ถ้าเอามาแล้วทำไม่ได้
อย่าไปรบกวนท่านเลยครับ
   

ที่ไหนครับอยากรู้ครับ

56
แสดงว่าประสบอุบัติเหตุเพราะเหล้าใช่ไหมครับผม สักยันต์เกราะเพชรเลยครับ จะได้เลิกเหล้าได้อย่างเด็ดขาด ไม่งั้นผิดข้อห้ามนะครับ  :002:

57
ใจเย็นครับ ใจเย็น ผมเข้าใจครับ  :002:

58
ตอนแรกผมก็คิดเหมือนเจ้าของกระทู้นะครับ แต่พอคิดให้ดีแล้ว มันจะได้อะไรขึ้นมา นอกจากการเพิ่มศัตรู ผมเลยว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าเข้าโพสอะไรที่ไม่ดีอีก ผมก็จะไม่โพสตอบ ไม่สนใจ เมื่อไม่มีคนโกรธ หรือให้ความสำคัญกับข้อความของเขาแล้ว เขาอาจจะคิดได้ และกลับต้วให้กับสังคมของเราได้ อันนี้ไม่ได้หมายความว่ากลับตัวเป็นคนดีนะครับ เพราะผมก็ต้องให้ความเคารพในความคิดเห็นของเขาครับ เพราะฉะนั้นผมจะไม่ว่าเขาว่าเป็นคนไม่ดี แต่ถ้าปรับตัวไม่ได้ท้ายที่สุดเขาก็คงออกไปจากสังคมของเราเองครับ ผมว่ายิ่งไปโพสข้อความต่อว่าเขา เขายิ่งชอบนะครับ แสดงว่ามีคนสนใจเขาเยอะดี ลองดูครับอ่านแล้วปล่อยวาง ถ้าแย่มากก็ตัดทิ้ง ผมก็จะทำอย่างนั้นเหมือนกันครับ  :002:

59
แหะๆ อันนี้จากใจจริงๆเลยนะครับผม ตัวแม่ผมเองคงไม่ค่อยเห็นด้วยกับการสักยันต์ของลูกซะเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นในวันที่ 12 สิงหา ต้องทำการตัดสินใจกันล่ะครับ ว่าจะไปที่วัดบางพระกราบหลวงพ่อเปิ่น หรือกลับบ้านกราบแม่ดี (ผมทำงานที่ปทุมธานี แต่บ้านแม่อยู่ที่กรุงเทพ) ระยะทางจากกรุงเทพไปนครปฐมไม่ไกลเลย แต่ผมคงเลือกได้อย่างเดียว หลังจากคิดนิดนึง ก็ตัดสินใจได้ทันทีว่า กลับไปกราบแม่ดีกว่า เพราะท่านเป็นผู้ให้กำเนิดผม และด้วยการทำงาน และการเรียนจึงไม่ค่อยได้กลับบ้านด้วย หลวงพ่อคงไม่ว่าอะไรผมหรอกครับเพราะว่าทุกครั้งที่ผมไปสัก ผมก็ไปกราบหลวงพ่อทุกครั้งอยู่แล้ว

ฝากไว้นิดนึงครับ ทำดีกับแม่ทำได้ทุกวัน ไม่ต้องรอวันสำคัญ ทำดีกับแม่ตอนที่ท่านยังอยู่ พาท่านไปเที่ยว ให้ท่านได้กินอาหารที่ชอบ ย่อมดีกว่าไปนั่งเผากระดาษเงินกระดาษทอง ซื้อเครื่องเซ่นไหว้มากมายให้ท่านตอนท่านไม่อยู่แล้ว เพราะตอนนั้นไม่มีอะไรยืนยันได้หรอกครับว่าท่านจะได้สิ่งที่เราทำส่งไป จงทำดีตั้งแต่ตอนนี้ตอนที่แม่ยังอยู่กับเราครับผม  :002:

60
เจอกันที่วัดครับ ผมต้องไปอยู่แล้วครับงานนี้  :002:

61
เข้ามาป่วนซะงั้น ไม่ชอบก็อย่าเข้ามาป่วนเลยครับ วุ่นวายเปล่าๆ ให้สังคมอยู่อย่างสงบเถอะครับผม ช่วงนี้บรรยากาศในสังคมไม่ค่อยดีเพราะคุณนะครับผม คุณอาจจะหวังดี แต่คนอื่นไม่เข้าใจ ก็ต้องทำใจครับ แต่งดมาสร้างความวุ่นวายจะดีที่สุดครับ เห็นสังคมนี้อยู่กันฉันพี่น้องเป็นปกติมาตั้งนาน พึ่งจะวุ่นวายก็ช่วยนี่ล่ะครับ ถ้าไม่ชอบก็อย่าไปยุ่งกับเขาครับ เพราะบางคนก็ไม่ชอบที่คุณทำเหมือนกัน ต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะครับ และต้องเคารพกฏที่เขาออกมาเพื่อควบคุมสังคมภายในนี้นะครับผม

ขอบคุณครับ  :002:

62
ผมว่าต้องถามตัวเองแล้วล่ะครับ ว่าพอใจที่จะอยู่ร่วมกันในสังคมนี้หรือเปล่า ถ้าไม่พอใจก็คงต้องไปที่อื่น ไม่เห็นต้องมาทำความวุ่นวายให้เกิดในสังคมเลยนะครับ ส่วนใครจะศรัทธายังไง มากขนาดไหนผมไม่สนใจครับ ไม่ควรกล่าวอ้างเพราะวัดกันไม่ได้ครับ ศรัทธาอยู่ที่ใจไม่ต้องบอกกล่าวต่อผู้อื่นครับ และก็ไม่ต้องยกตนข่มผู้อื่นครับ แล้วก็เลิกอ้างคุณพระคุณเจ้าทุกท่านครับ ท่านเหล่านั้นไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ครับ สำหรับผมนะปัจจุบัน ผมพอใจที่เป็นศิษย์วัดบางพระ และก็ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมในเวปนี้ครับ  :002:

เรื่องสักยันต์เป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคล ไม่ทำให้ผู้ใดเดือดร้อน และก็ไม่ใช่ตัวอย่างให้อยากปฏิบัติตาม แต่บางครั้งก็ช่วยให้คนเข้าใกล้พระเข้าใกล้วัดได้มากกว่าเข้าใกล้วงเหล้า ซ่อง หรือคนพาล บางคนก็กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีได้เพราะการสักยันต์ สายตาคนที่มองเรื่องการสักยันต์แก้ยากครับ แต่ตัวเรารู้ดีที่สุด การสักยันต์ไม่ได้ทำให้หลุดพ้น แต่อาจจะเป็นจุดทำให้บางคนพบทางหลุดพ้นก็ได้นะครับ ขอยกคำพูดของหลวงปู่ดู่มานะครับ "ติดวัดถุมงคล ย่อมดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล"

ขอบคุณครับผม  :002:

63
อาจารย์หนวด มาวัดวันเสาร์ อยู่วันอาทิตย์ กลับวันจันทร์สายๆ ครับ ...  :089:

กุฏิหลวงพ่อต้อยครับ ที่อยู่กุฏิลอง search หาดูนะครับผม หาไม่ยากครับ  :002:

64
ยันต์แรกบนหลังผมก็สักกับหลวงพ่อต้อยครับ ทุกวันนี้ก็ไปสักอย่างสม่ำเสมอครับ  :002:

65
อืมแบบมีรอยจารหายาก เห็นแต่แบบมีโค๊ดอกเลา  :002:

66
แปดทิศลองวางตรงหัวไหล่ซิครับ ผมว่าสวยอยู่นะ  :002:

67
ไปเปลี่ยนมาจากไหนครับ ของผมไม่ได้พกวัตถุมงคลติดตัว แต่มีรอยสักสายวัดท้องไทรติดตัวครับ ถ้าบูชาแม่พิมต้องหมั่นถวายเหล้าขาวนะครับ แล้วเดี๋ยวจะรู้ด้วยตนเองครับว่าดียังไง  :002:

68
ถ่ายออกมาโดยมีผ้ายันต์เพชรพญาฑรเป็น Background ผมว่าดูแปลกๆนะครับ ผมคิดไปเองว่าไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่

แต่ถ้าจะถ่ายให้สวยนะครับลองใช้ผ้า หรือกระดาษสีดำเป็น Background สิครับ แต่เวลาถ่ายอย่าใช้แฟรชนะครับ และก็ใช้ระบบวัดแสงเฉพาะจุดวัดที่องค์พระแล้วก็ถ่ายดูดรับ ถ้ามีหลอดไฟช่วยด้วยคงแจ่มเลยครับผม

69
ขอบคุณคุณลุงผู้การเสือด้วยครับ  ตัวผมเคยฝังกับอ.ประคองเพียง 3 เล่มครับ  หากมีบุญวาสนามากกว่านี้ก็อยากฝังเพิ่มครับ  แต่ทุกวันก็ยังมั่นใจว่าอยู่ครบ เพราะผมเรียกเข็มก็ยังมาครับ

ขอถามอีกหนึ่งข้อครับ การฝังเข็มทองนั้นมีข้อห้ามย่างไรบ้างครับ ช่วยตอบให้ทราบด้วยนะครับ :114: :114: :114:

1. ห้ามด่าพ่อแม่ตนเอง และผู้อื่น

2. ห้ามผิดลูกผิดเมียผู้อื่น

3. ห้ามใช้เท้าเตะ หรือแตะหมา ใช้มือจับได้

4. ห้ามพูดเวลาถ่ายหนักถ่ายเบา

ที่สำคัญต้องหมั่นทำสมาธิภาวนาพุทโธครับผม  :002:

ตามที่ท่าน Pig_Never_Die ลงไว้เลยครับ แต่ลืมลงอีกข้อนะครับ  ผมขออนุญาตเพิ่มเติมให้เลยครับ

5. ห้ามบ้วนน้ำลายลงในที่ที่มีสิ่งปฏิกูล โสโครก เช่น โถส้วม โถปัสสาวะ  ท่อระบายน้ำเสีย  เป็นต้นครับ



อยากทราบครับว่าถ้าพาลูกสาว ตัวเล็กๆ 2 ขวบเข้าห้องน้ำแล้วคุยกับลูกเข็มที่ฝังจะเสื่อมไหมครับ
ถ้าคนที่ได้รับการฝังเข็มไปแล้วเขารักษาข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้เข็มจะทะลุผิวหนังออกมาเลยหรือไม่ครับ หรือเข็มจะอยู่ใต้ผิวหนังนิ่งๆไม่เคลื่อนไหวครับ อยากทราบครับ

ถ้าพาลูกสาวเข้าห้องน้ำ แล้วเราไม่ได้ขับถ่ายหนัก ถ่ายเบา เราพูดกับลูกสาวก็ไม่ผิดข้อห้ามหรอกครับ

ส่วนถ้าผิดข้อห้ามแล้วเข็มจะทะลุผิวหนังออกมาหรือว่าเข็มจะฝังตายอยู่ใต้ผิวหนัง  ก็แล้วแต่กรณีขึ้นอยู่แต่ละบุคคลครับ






แหะๆ ลืมพิมพ์ไปข้อนึง  :075:

70
ศรัทธาอยู่ที่ใจครับ คิดมากปวดหัว ถ้าอาจารย์ไม่ห้ามก็ไม่เป็นไรหรอกครับ หมั่นสวนมนต์ไหว้พระทำสมาธิดีกว่าครับผม  :002:

71
ผมก็อยากฝังเข็มเหมือนกันครับ

สำคัญ  แต่ต้องปฏิบัติจริง  มิฉะนั้นเข็มจะโผล่ออกมาเอง.. ต้องดึงออก  (เคยเกิดกับผมในระยะแรก 3 ครั้ง  ที่แก้ม,  ที่หน้าผาก, ที่หน้าอก)  บางรายเจ็บปวดมาก  ไม่โผล่ออกต้องให้อาจารย์ให้ถอยเข็มออก  (อาจารย์เท่านั้นจะสามารถถอยเข็มออกได้)

แต่ว่าเคยได้ยินมา+กับท่านผู้การเสือเจอมาเลย  กึ่งๆอยู่นะครับ  เพราะตอนนี้ผมก็สักยันต์ไม่ได้แล้ว

เลยอยากเบนไปทางฝังเข็มแทน    ยังไงท่านใดมีประสบการณ์ช่วยชี้แนะด้วยครับ :001:

16 สิงหาคมนี้ ไปงานไหว้ครูที่วัดบางแวกซิครับ รับรองได้ฝังแน่ แต่ต้องมั่นใจก่อนนะครับ ว่าปฏิบัติได้ ไม่งั้นมีเจ็บจี๊ดแน่ครับ  :002:

72
ขอถามอีกหนึ่งข้อครับ การฝังเข็มทองนั้นมีข้อห้ามย่างไรบ้างครับ ช่วยตอบให้ทราบด้วยนะครับ :114: :114: :114:

1. ห้ามด่าพ่อแม่ตนเอง และผู้อื่น

2. ห้ามผิดลูกผิดเมียผู้อื่น

3. ห้ามใช้เท้าเตะ หรือแตะหมา ใช้มือจับได้

4. ห้ามพูดเวลาถ่ายหนักถ่ายเบา

ที่สำคัญต้องหมั่นทำสมาธิภาวนาพุทโธครับผม  :002:

73
ตัวผมเองก็ฝังเข็มทองกับหลวงพี่หนุ่ม 5 เล่มด้วยกัน กว่าจะได้ฝังท่านก็สอนและซักถามอยู่นานเอาการ แต่ท่านก็มีเมตตาฝังให้ทั้งที่ผมไปพบท่านเป็นครั้งแรก หลังจากฝังเข็มทองมา ทำให้ผมได้มีโอกาสนั่งสมาธิบ่อยมากๆ อยากไปฝังเพิ่มก็ไม่ค่อยกล้า กลัวหลวงพี่หนุ่มจะดุเอา วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคมนี้เป็นวันไหว้ครูที่วัดบางแวก ก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ฝังเข็มเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อนพี่อย่าลืมไปงานไหว้ครูที่วัดบางแวกนะครับ  :002:

74
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: again
« เมื่อ: 14 ก.ค. 2552, 11:50:02 »
ปิดกระทู้นี้ดีกว่ามั้งครับ เดี๋ยวจะไม่จบกันซะที ต่างคนต่างความคิดครับ ผู้ดูแลรีบมาจัดการด่วน  :002:

75
องค์ที่ 1พิมพ์เจดีย์วัดระฆัง 2.เจดีย์บางขุนพรหม ไม่แท้ครับ
องค์ที่ 3พิมพ์ใหญ่เกศทะลุซุ้ม หลวงปู่หิน วัดระฆังแท้ครับ ยินดีด้วย
                                                         
  ...ลุงต้อผู้ให้ข้อมูล...

เห็นด้วยครับ  :002:

76
ยินดีต้อนรับครับผม  :002:

77
ต้องการเบิกตาที่สามของตัวเองครับ

ทำไปเพื่ออะไรครับผม  :002:

78
ข้อความเป็นของคุณ Season77 นะครับ ผมเอาเผยแพร่อีกทีครับผม

http://www.pantown.com/board.php?id=34549&area=3&name=board4&topic=387&action=view

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ที่ไม่ได้เข้ามา Post อะไรใน Webboard นี้มาก เพราะช่วงหนึ่งผมไปอยู่ตจว.มาและได้ไปอยู่ช่วยที่วัดสามง่ามมา 3 วัน ช่วงอาสาฬาบูชา เข้าพรรษา และ วันเสาร์ที่ผ่านมาก็ไปถวายเพลพระทั้งวัดมา

อย่างที่ทราบกันดีว่ารายการตี10 ได้นำเรื่องราวกุมารทองไป on air ออกรายการ จึงทำให้มีผู้สนใจมาเช่ากุมารกันอย่างมากตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมาจนกระทั้งวันนี้ก็ยังไม่ขาดสาย

หากมองในด้านดีก็ถือว่าปัจจัยต่างๆ ก็นำเข้าวัดไปเพื่อจัดสร้างสิ่งที่จำเป็นหรือเป็นทุนในการจัดสร้างสิ่งสาธารณประโยชน์ต่างๆตามที่หลวงปู่ท่านเห็นจำเป็น

แต่อีกด้านหนึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องหนักสำหรับอายุหลวงปู่ขณะนี้ที่ต้องมารับแขกทั้งวันจนถึงดึก.. ซึ่งตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา หลวงปู่ท่านต้องฉีดยาลดไข้ถึงสองครั้ง เนื่องจากท่านมีอาการไข้หวัดและสเลดในลำคอ อีกทั้งไม่มีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอด้วย

แม้จะมีการจัดคิวสำหรับญาติโยมที่จะเข้าไปกราบท่านแล้ว รวมถึงการเปิดให้จองกุมารทอง สำหรับผู้ที่มาแล้วไม่มีของก็ตาม แต่จำนวนคนทีเดินทางมาจากทั่วสารทิศก็ไม่ได้น้อยลงไป อีกทั้งหลายๆรายก็มาในช่วงเวลาเย็นหรือช่วงค่ำๆ เพราะเข้าใจว่าคนน่าจะน้อยกว่ามาช่วงปกติ จนลืมนึกไปว่าควรจะเป็นช่วงเวลาที่หลวงปู่ท่านควรจะพักผ่อนหรือไม่

ดังนั้นผมได้จึงได้ปรึกษากับทางวัดสามง่าม และโทรปรึกษาคุณ Jill เรียบร้อยแล้ว เห็นตกลงกันในการขอความร่วมมือลูกศิษย์ทุกคนมาหาท่านในช่วง 09.00-17.00น. เท่านั้น เพื่อให้หลวงปู่ท่านได้มีเวลาพักผ่อนบ้างน๊ะครับ และถ้างดการจารกระเป๋า หรือลงจารสิ่งใดๆที่ไม่ใช่ของวัดไปก่อนซักระยะครับ (หากเป็นแผ่นรูปหลวงปู่ หรือ เหรียญต่างๆที่วางจำหน่ายให้เช่าในตู้พระ หลวงปู่ท่านทำให้ตามปกติครับ)

ผมเข้าใจความรู้สึกทุกท่าน โดยเฉพาะพี่ๆน้องๆคนใหม่ๆที่เข้ามา แต่หากใครได้เห็นหลวงปู่แย้มท่านช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเหมือนผม เหมือนพี่ๆน้องๆหลายคนที่วัด ก็รู้สึกกังวลใจและเป็นห่วงหลวงปู่ท่านอย่างมากครับ ..

จึงเรียนมาเพื่อขอความร่วมมือกันครับ

ช่วยกันดูแลหลวงปู่ด้วยนะครับ  :002:

79
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: again
« เมื่อ: 12 ก.ค. 2552, 09:00:12 »
สวยครับอย่างที่ท่านสมาชิกทั้งหลายออกความเห็น แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือว่านอกจากความสวยงามในแง่แบบศิลปะแล้ว มีประโยชน์อะไรอย่างอื่นอีกบ้างครับที่พอจะเห็นเป็นรูปธรรมได้ อาทิเช่น สักแล้วอยู่ยงคงกระพัน มีเมตตามหานิยม 100%อะไรทำนองนี้ และที่สำคัญสักเต็มตัวแล้วหลุดพ้นจากความทุกข์ได้มั๊ยครับ คือผมอยากทราบนะครับ ไม่ใช่ลบหลู่....

อยากเจอทางหลุดพ้นก็บวชซิครับ แล้วลองฝึกปฏิบัติเพื่อละกิเลสดู แต่ถ้ายังไม่พร้อม ก็อ่านหนังสือปฏิบัติธรรมดูครับ ตัวผมกิเลสยังเยอะ หาทางหลุดพ้นไม่เจอเหมือนกัน ก็คงต้องค่อยๆฝึกไปล่ะครับ เพื่อจะละวางได้บ้าง แต่เรื่องการสักนี่เป็นความชอบส่วนบุคคลครับ คงไม่ทำให้เกิดการหลุดพ้น แต่ก็ไม่ได้ผิดต่อใคร เพราะเป็นความชอบส่วนบุคคล แต่จะมานั่งเถียงเรื่องความเชื่อส่วนบุคคลอยู่ผมว่าไม่เหมาะนะครับ มันหาทางจบยาก แทนที่จะสนใจในความเชื่อของบุคคลอื่น ทางที่ดีพิจารณาตนเองดีกว่าครับ ทางหลุดพ้นท้ายที่สุดก็หาได้ด้วยตนเอง ผู้สอนเป็นผู้ชี้เส้นทางเท่านั้นครับ สุดท้ายอยู่ที่คุณจะเดินไปหรือไม่ก็เท่านั้นครับ ทางหลุดพ้นไม่ใช่แค่คิดหา หรือรู้เท่านั้น แต่ต้องปฏิบัติครับผม  :002:

80
ผมจะตามที่พวกพี่ๆบอกครับ


ผมว่าจะลง 9ยอด กับ หนุมาน 8 กร ครับ

แต่ อยากรู้ หนุมานตัวไหน สรรพคุณ ด้านไหน บ้างครับ



ขอบคุณครับ

เก้ายอดคงได้แน่ๆ แต่หนุมานแปดกรนี่ที่วัดบางพระมีด้วยหรือครับ สักมาตั้งนานไม่เคยเห็นที่วัดบางพระซะที ไม่ทราบว่าสักกับหลวงพ่อ หรืออาจารย์รูปใดครับผม  :002:

81
ผมได้มาเรียงตามนี้ครับ

นางพิม==>ดำเซ็น==>นารีสวน==>นางแก้ว==>เพชรพญาธร คราวหน้ายังไม่รู้จะได้อะไรเลยครับ  :002:

82
อยากให้คนไทยทั้งประเทศในยุคนี้ได้อ่านจัง จะได้ไม่ต้องมัวแต่หวังพึ่งคนอื่น  :002:

83
รูปทรงแบบนี้คล้ายกับของวัดปราสาท ปี06
แต่เคยเดินสนามพระเจอคล้ายๆแบบนี้
พวกก็บอกว่าเป็นของวังหน้า หลวงปู่โตสร้าง
แล้วบรรจุไว้บนเพดานโบสถ์วัดพระแก้ว
ก็ว่ากันไปครับต่างๆนาๆ ถ้าไม่คิดอะไรมาก
อะไรที่ทำเป็นรูปท่าน ก็มีคุณค่าทางจิตใจอยู่แล้วครับผม :095:

ผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ  :002:

84
ผมเองก็พึ่งไปที่วัดท่านเมื่อเมษายนที่ผ่านมา พอดีไปเที่ยวสังขละน่ะครับ ที่วัดท่านก็ยังมีพระที่ทันท่านปลุกเสกอยู่หลายรุ่นครับ ผมก็เช่าพระปิดตามาสององค์  :002:

85
ได้มาจากไหนครับ จะว่าวัดปราสาทผมก็ว่าแปลกอยู่นะ เพราะมีปิดทองด้วย ถ้าเป็นของวัดปราสาทด้านล่างต้องมีรอยใช้ไม้จิ้มพระออกมาจากแม่พิมพ์ ส่วนใหญ่จะเป็นรอยสี่เหลี่ยม แต่องค์นี้เหมือนเป็นตะกรุด เคยได้ยินมาว่าของวัดปราสาทบางองค์จะมีฝังตะกรุด แต่มีส่วนน้อยมากครับ แต่ถ้ามีที่มาจากตามสนามท่าพระจันทร์ คงเป็นพระสนามครับ  :002:

86
คาถาอาคม / ตอบ: มนต์พระเพทยาธร
« เมื่อ: 02 ก.ค. 2552, 11:38:59 »
ผมก็สักเพระเพทยาธรครับ แต่เป็นที่วัดท้องไทร ไม่เห็นมีสาวใดสนใจผมเลย เพราะผมมีแฟนแล้ว  :004:

ขอเป็นเมตตาให้เจริญก้าวหน้าในงานที่ทำก็แล้วกันครับ

88
อดไปรับพระกับท่านผู้การเสือเลย โดดงานไม่ได้ครับ  :002:

90
หล่อแบบนี้ก็สวยดีครับ แต่ไม่รู้เป็นยังไง ชอบหล่อแบบโบราณ  :002:

91
วันนี้เป็นเป็นวันดีวันเสาร์ขี้น 5 ค่ำ แต่ไม่ใช่เดือน 5 แต่ก็เป็นวันดีใช้ได้ ใครไปสักที่วัดบางพระมาบ้างครับ

ส่วนผมไปทั้งวัดท้องไทร แล้วก็วัดบางพระ

ไปวัดท้องไทรได้ นางแก้ว กับ เพชรพญาฑร

ส่วนวัดบางพระ หลวงพี่ญาเมตตาให้ พุฒซ้อน กับ นะหน้าพระ มาทีเดียวพร้อมกัน โชคดีจริงๆ ส่วนหลวงพ่อต้อยท่านเมตตามสักอะไรให้ไม่รู้ดูไม่ออก แต่วันนี้กุฏิหลวงพ่อต้อยคนเยอะมากๆ

เป็นสักน้ำมันทั้งหมด ถือว่าวันนี้บรรลุเป้าหมายในการสักครับ  :002:



                 

92
ถ้ายาวมาก เจอปืนยิงจะสวนทันมั๊ยเนี่ย  :075:
เขาใช้ท่องก่อนคาดตระกรุดคร้าบ เเหม :067:

ไม่ได้แซวนะครับ แค่สงสัยเฉยครับ  :002:

93
ถ้ายาวมาก เจอปืนยิงจะสวนทันมั๊ยเนี่ย  :075:

94
อย่าแกะเลยครับ เสียของหมด ผมว่าไปเช่าพระที่กุฏิใหญ่มาห้อยดีกว่าครับ  :002:

95
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: ขอถาม
« เมื่อ: 22 มิ.ย. 2552, 11:20:58 »
อยู่ในดอกเดียวกันครับ ต้องบูชาด้วยเหล้าขาว แล้วแต่อธิษฐานครับ ส่วนใหญ่เน้นเมตตาเป็นหลักครับ  :002:

96
ผมก็อยากได้ครับ  :002:

97
ขุดกระทู้เก่าจังครับ วันจันทร์ไม่มีสักครับ ต้องเป็นวันเสาร์ครับ เสาร์นี้ ขึ้น 5 ค่ำด้วยนะครับ  :002:

98
เอาไว้เลย 18 แล้วค่อยสักครับ ยังเด็กอยู่แท้ๆ  :069:

99
ท่านวางเข็มแล้วครับ แต่การจารหัวรู้สึกว่าท่านยังเมตตาอยู่ แต่ก็อย่ารบกวนท่านมากจนเกินไปดีที่สุดครับ ศรัทธาห้อยพระหลวงปู่ก็พอครับ ท่านอายุ 95 ย่าง 96 แล้วนะครับ  :002:

100
ตามนี้ครับ



จุดที่ผมทำเครื่องหมายไว้(สีแดง) คือ กุฏิหลวงพี่ต้อย
จุดที่ผมทำเครื่องหมายไว้(สีนำ้เงิน) คือ กุฏิพระมหาสมชาย

ข้อมูลจาก http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,7854.0.html

บุหรี่ ดอกไม้ ธูปเทียนหาได้จากหน้ากุฏิครับ แล้วใส่เงิตค่าครูอีก 25 บาทครับ ส่วนกุฏิไหน ผมว่าดีทุกกุฏิครับ แต่กุฏิพระมหาสมชาย ค่าครูจะตามรูปที่สัก และเลือกลายได้ครับ ส่วนกุฏิอื่นเลือกลายยันต์ไม่ได้ครับผม  :002:

101
คือว่าถ้าสักแล้วห้ามโดนประจำเดือนของผู้  ญ  หรอครับ

แล้วอย่างงี้สำหรับบางครั้งที่ผ่าไฟแดงจะเป็นไรไหมครับ

แล้วงี้ถ้าลงสาลิกาแล้วห้ามลงลิ้นใช่ป่าวครับ

แล้วแค่หอมจะทำได้ไหม

ผมรวบรวมความกล้าตั้งนานกว่าจะกล้าถาม

ช่วยตอบทีแล้วกันครับ

1. เรื่องประจำเดือน ผู้หญิงก็สักยันต์นะครับ เพราะฉะนั้นประจำเดือนคงไม่ทำให้ของเสื่อมหรอกครับ แต่ถ้าเอาประจำเดือนมาทาตัว อันนี้ผมว่ามีปัญหาทางจิตครับ

2. เรื่องฝ่าไฟแดง คิดซะว่าเป็นอุบายในการฝึกจิต ให้รู้จักการละวางกามคุณซะบ้าง อีกอย่างดีต่อแฟนคุณเองด้วย

3. เรื่องการลงลิ้น ไม่สามารถทำได้ ถูกต้องแล้วครับ

4. ส่วนการหอม ถ้าเป็นตรงที่ลงลิ้นคงไม่เหมาะครับ แต่ถ้าเป็นแก้มแฟนคุณ ก็น่ารักดีครับ แต่ต้องทำในที่มิดชิดนะครับ ตามวัฒนธรรมที่ดีครับ
 

102
ถ้าตรงตัว  "เคียน" ก็คือ คาดตะกรุดครับ  

แต่ถ้าเป็นการคุยกัน ต้องดูว่า คุยกันเรื่องไหน  กรณีพิมพ์คุยกันอาจจะพิมพ์ คำว่า "เวลาเขียนตะกรุด" แต่พิมพ์ผิดไป หรือเปล่า

ถ้าหมายถึงเวลาใช้  ก็ตามนั้นครับ "เคียน" คือ คาดหรือผูกตะกรุดไว้กับเนื้อกับตัว ครับ



ตามนั้นเลยครับ  :002:

103
คิดมาก มากความ ไม่คิดเลย ก็สิ้นคิด เอาทางสายกลางดีที่สุดครับ ผม กรณีนี้ไม่น่ามีปัญหาครับ ขอให้ศรัทธา และหมั่นทำความดีครับ  :002:

104
ตะกรุดสี่มหาอำนาจ แสดงว่ามีสี่ดอก ถ้าไม่หนักก็ห้อยคอได้ครับ รู้สึกว่าตะกรุดสี่มหาอำนาจห้ามแยกออกจากกันด้วยนะครับ  :002:

105
โอ้ผมก็ได้หรือนี่ ขอบคุณมากๆครับ  :002:

ผมเลขสมาชิก 4185 ครับ

รางวัลที่ผมได้รับ

1. พระไพรีพินาศ (95 พรรษา)

106
เอามาแจมด้วย..พระคำข้าวที่เก็บไว้สมัยก่อนทำบุญองค์ละสิบบาท.. :054:





อย่างนี้ต้องมีปล่อยของให้พี่น้องได้ของดีไปใช้นะครับ ผมพี่งเช่ามาสององค์ครับ เป็นรุ่นแรก กับรุ่นสอง  :002:

107
เรียกว่าพระกริ่งตั๋กแตนครับ รายละเอียดตามนี้ครับ

พระกริ่งตั๊กแตน แม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าพระกริ่ง แต่ไม่ใช่พระเช่นเดียวกับพระกริ่งอื่นๆ ซึ่งเดิมทีนั้นจะเรียกว่า กริ่งตักแตน แต่ภายหลังเดิมชื่อเป็น พระกริ่งตักแตน

  นายวันชัย สุพรรณ เจ้าของรายการ "วัดดี พระเครื่องดัง พระเกจิขลัง" ออกอากาศทางสถานีวิทยุ จส.๑ และผู้ดำเนินรายการ "คุยเฟื่องเรื่องพระ" ทางเคเบิลทีวีเอ็นวี ๑ อธิบายให้ฟังว่า พระกริ่งตั๊กแตน (พระกริ่งเขมร) จัดเป็นพระกริ่งนอกอีกชนิดหนึ่ง ที่ปรากฏนิยมเช่าหากันอย่างกว้างขวาง และมีค่านิยมสูง  มีกำเนิดมาจากประเทศเขมร สร้างขึ้นตามตำรับไสยศาสตร์ อันสืบเนื่องมาจากศาสนาพราหมณ์ ที่กล่าวถึงพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่อยู่หลายต่อหลายพระองค์ด้วยกัน เช่น พระอิศวร ผู้เป็นเจ้าโลก หรือที่เรียกว่า พระศิวะ พระวิษณุ และพระนารายณ์ ผู้เป็นใหญ่

 พระกริ่งตั๊กแตน ซึ่งสร้างในสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ผู้เปลี่ยนแปลงจากเทวสถานมาเป็นพุทธสถาน มีประวัติประสบการณ์อภินิหารมากมาย จากปากปู่ย่าตายาย มาสู่ถึงคนในยุคปัจจุบัน ก็เลยเป็นที่เสาะแสวงหาของนักนิยมสะสมพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง ซึ่งทุกท่านมีความเชื่อกันว่า
เมื่อ ได้กริ่งเขมร ไม่ว่าจะเป็นยุคต้น ยุคกลาง หรือยุคปลาย นำมาบูชาพกพาติดตัว ความเป็นสิริมงคลก็จะเกิด เรื่องของสิ่งที่เป็นอัปมงคล ก็จะไม่มีเกิดขึ้นแน่นอน

 กำเนิดของพระกริ่งตั๊กแตน จากศาสนาพราหมณ์ ซึ่งเป็นนารายณ์อวตารปางหนึ่ง พระกริ่งตั๊กแตนแบบต่างๆ ที่อยู่ในความนิยม การเรียกชื่อพระกริ่งตั๊กแตนตามสัณฐานบัว การวิวัฒนาการของอักขระตามยุคตามสมัย

 โดยปกติแล้ว พระนารายณ์ท่านจะบรรทมสินธุ์เหนือปฤษฎางค์พญานาค ในเกษียรสมุทรเป็นประจำ  เมื่อเกิดเหตุการณ์ในเทวโลกก็ดี เหนือในมนุษย์โลกก็ดี เมื่อพระอิศวรผู้เป็นเจ้าจอมโลกไม่สามารถจะปราบปรามได้สำเร็จ ก็จะไปอัญเชิญพระนารายณ์ขึ้นมาจากเกษียรสมุทรอวตารจุติขึ้นมาปราบปรามยุค เข็ญกันเสียที เป็นเช่นนี้ตลอดมา

 ดังมีรายละเอียดปรากฏอยู่ในเรื่อง พระนารายณ์สิบปาง และจากสมณาวตาร ซึ่งเป็นการอวตารของพระนารายณ์ปางหนึ่ง ที่ขึ้นมาจากเกษียรสมุทร เพื่อปราบยุคเข็ญในเทวโลก อันเป็นที่มาของ พระกริ่งหน้าตั๊กแตน ซึ่งมีเค้าเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้

 อันว่า พระอิศวร ผู้เป็นจอมโลกซึ่งทรงมีฤทธิ์เดชเป็นอันมาก เฝ้าปกปักรักษาทั้งสามโลกว่ากันอย่างนั้นเถอะ แต่ทว่าท่านใจดีเป็นอย่างยิ่ง มักจะเผลอตัวให้พรเหล่าอสูรผู้ประพฤติดีประพฤติชอบอยู่เสมอๆ จนกระทั่งเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ใน สมณาวตาร นั้นได้กล่าวถึงอสูรตนหนึ่งผู้เป็นเจ้าพระนครโสพัศชื่อ ตรีบุรำ เจ้าอสูรตนนี้แสร้งกระทำความดีความชอบโดยซ่อนเจตนาร้ายไว้ภายในตามนิสัยอสูร ร้าย ใจพาลประพฤติปฏิบัติอยู่เช่นนี้ จนกระทั่งพระอิศวรตายใจเผลอให้พรตามที่อสูรตรีบุรำขอมาว่า อย่าให้ผู้ใดฆ่าตายด้วยศาสตราวุธใดๆ ทั้งสิ้น

 นายวันชัยอธิบาย ต่อว่า เมื่ออสูรตรีบุรำได้รับพรจากพระอิศวรแล้วคิดกำเริบเสิบสานยิ่งใหญ่ โดยไปขอพรจากศิวลึงค์ในแม่น้ำสรภู ตรีบุรำเอาทูนศีรษะไว้ ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดกำเริบฤทธิ์ เที่ยวรุกรานย่ำยีฤๅษีเทวัญทุกชั้นฟ้าให้ได้รับความเดือนร้อนเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครสามารถที่จะปราบปรามอสูรตรีบุรำได้เลย เพราะว่าฆ่าอย่างไรตรีบุรำก็ไม่ตาย แม้แต่พระอิศวรผู้ประทานพรให้ก็ยังมีอันต้องชิดซ้ายหลีกทางให้อสูรตรีบุรำ แล้วน้ำหน้าไหนจะสู้ได้

 เฉพาะนางฟ้าสาวสวรรค์กำนัลในไม่ทราบว่าต้องตกเป็นเมียของอสูรตรีบุ รำสักเท่าไรเรียกกันว่า พวกเทวัญตลอด ๑๖ ชั้นฟ้าต้องเดือดร้อนเพราะอสูรตรีบุรำก็แล้วกันเมื่อไรไม่มีใครที่จะปราบ อสูรตรีบุรำได้ คงเหลือแต่พระเอกขี่ม้าขาวอยู่เพียงองค์เดียวคือ พระนารายณ์ที่บรรทมสินธุ์อยู่ในเกษียรสมุทรต้องอวตารขึ้มาปราบปราม อสูรตรีบุรำ ในสมณาวตาร นั้นกล่าวว่า แม้แต่พระนารายณ์ก็ยังสู้ฤทธิ์อสูรตรีบุรำไม่ได้ ต้องใช้เล่ห์กระเท่เนรมิตเป็นพระไปขอบิณฑบาต ศิวลึงค์จากอสูรตรีบุรำ เมื่ออสูรตรีบุรำหลงกลมอบศิวลึงค์ให้พระนารายณ์ไปแล้ว จึงเอากล่องแก้วส่องถูกอสูรตรีบุรำถึงแก่ความตายในทันที เรื่องสมณาวตารซึงเป็นเรื่องราวของพระนารายณ์ปางหนึ่งก็เอวังลงเพียงเท่านี้

 "จากเค้าเรื่องใน สมณาวตารนี้เอง เชื่อกันว่าพระนารายณ์ปางนี้ท่านมีฤทธิ์มีเดชมาก จึงนำเอามาสร้างเป็นรูปเคารพ มีชื่อเรียกว่า พระกริ่งเขมร หรือพระกริ่งหน้าตั๊กแตนนั่นเอง ฉะนั้น กำเนิดของพระกริ่งเขมรหรือพระกริ่งหน้าตั๊กแตน จึงมิใช่รูปจำลองของพระไภษัชยคุรุ ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งอวตารลงมาเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้หายจาก ความเจ็บไข้ได้ป่วย ตามนัยพุทธศาสนาลัทธิมหายานไปประเทศจีนและทิเบต แต่ทว่าสร้างเป็นรูปจำลองขององค์พระนารายณ์ในสมณาวตาร กำเนิดของพระกริ่งในประเทศจีนไทย และ ทิเบต จึงมีความแตกต่างกับพระกริ่งของเขมรที่เรียกกันว่า พระกริ่งตั๊กแตน ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้น" นายวันชัย กล่าว

จาก คมชัดลึกครับ  :002:

108
โอ้สุดยอดประสบการณ์ ถ้าเลือกได้ขอเป็นแคล้วคลาดก็แล้วกัน เสียวอ่ะ  :002:

109
โอถ้าพลาดท่าลืมไว้ในรถกลางแดด งานนี้มีเศร้าครับ  :074:

110
คือ
1.วันนี้ผมได้ลืมตัวกินฟักเข้าไปจะทำไงดีคาบ

2.และถ้ากินแค่น้ำซุปที่มีฟักอยู่อะคาบจะได้ไหม

3.แล้วงี้ถ้ากินฟักเข้าไปแล้วของที่สักมาทั้งหมดต้องไปสักใหม่ป่าวคาบ

4.มันต้องไปสักใหม่หรือว่าไปครอบครูใหม่หรือ...อาไรใหม่ปะคาบ




สักที่วัดบางพระหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ ไม่ทราบว่าเคยศึกษาข้อห้ามของวัดบางพระบ้างหรือเปล่าครับ มีข้อไหนไหมครับที่ห้ามกินฟัก ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ อยากสักแต่ไม่ศึกษาข้อห้าม จะเสียเนื้อเปล่านะครับ

ที่สำคัญไม่ทราบว่าคาบอะไรครับ ครับ ไม่ใช่ คาบ ช่วยกันอนุรักษ์ภาษาไทยนะครับผม  :002:

111
อย่าไปสนใจเรื่องของขึ้นเลยครับ สิ่งที่น่าจนใจมีดังนี้ครับ

1. หลังจากคุณสักมาแล้วปฎิบัติตามข้อห้ามได้ดีขนาดไหน

2. ทุกวันนี้คุณปฎิบัติตัวดีแค่ไหน หมั่นสวดมนต์ไหว้พระทุกวันไหม ดูแลคุณพ่อคุณแม่ดีขนาดไหน

3. นั่งสมาธิบ่อยแค่ไหน เพื่อเป็นการฝึกจิต

ถ้าคุณเป็นผู้ประพฤติดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะช่วยคุ้มครองคุณให้แคล้วจากสิ่งเลวร้ายทั้งปวง (ตราบที่กรรมเก่ายังตามไม่ทัน) โดยไม่ต้องไปสนใจเรื่องของขึ้นเลย แต่ถ้ากรรมเก่าตามทัน และไม่ใช่กรรมหนักอะไร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะช่วยผ่อนจากหนักเป็นเบาให้เองครับ โชคดีครับ  :002:

112
ตามนี้ครับ

ความหมายของการจุดธูป

ธูป ๑ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องของการเน้น หรือเจาะจง ในเรื่องที่เกี่ยวกับผีบ้านผีเรือน วิญญาณภาคพื้น เช่น การจุดไหว้เจ้าที่ หรือผีบ้านผีเรือน
ธูป ๒ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ และการปักธูปบนอาหาร
ธูป ๓ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ธูป ๔ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๕ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดา คุณมารดา และคุณครูบาอาจารย์
ธูป ๖ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกำลังธาตุไฟ (คนที่เกิดวันอาทิตย์) ใช้สวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๗ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ (ศาลเจ้าพ่อ เจ้าแม่) ครูบาอาจารย์ที่เสียชีวิตแล้ว
ธูป ๘ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเสริมดวง
ธูป ๙ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสักการบูชาเทพ เจ้าป่า เจ้าเขา หรืออรุกขะเทวดา ศาลพระภูมิ ศาลเทพ
ธูป ๑๐ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเสริมดวงชะตา
ธูป ๑๑ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาเทวดาชั้นสูง
ธูป ๑๒ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระราหู (คนที่เกิดวันพุธกลางคืน) ใช้ในการเสริมดวงชะตา
ธูป ๑๔ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาคุณพระสงฆ์ เช่น การจุดบูชาสักการะ รูปปั้นพระสงฆ์
ธูป ๑๕ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกำลังธาตุ (คนที่เกิดวันจันทร์) ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๑๖ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาเทพชั้นสูง เช่น บูชาพระพรหม ฯลฯ
ธูป ๑๗ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๑๙ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจุดบูชาครู และการสวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๒๐ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๒๑ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาแม่พระธรณี (ใช้ในพิธีกรรมเบิกพระแม่ธรณี) และการสวดเสริมดวง
ธูป ๓๘ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระธรรม
ธูป ๓๙ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระแม่โพสพ
ธูป ๕๖ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาคุณพระพุทธเจ้า
ธูป ๑๐๘ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการประกอบพิธีกรรม สวดเสริมดวงชะตา

ที่มา http://www.pantown.com/board.php?id=13814&area=1&name=board2&topic=26&action=view 

ไปขุดมาตอบอีกครั้ง ใช้ธูป 2 ดอกครับ  :002:

113
สรุปสักเสือ หรือหมูกันแน่ครับ ในรูปเห็นเป็นหมูทองแดงนี่ครับ งง  :010:

114
พระกรุถ้ำเสือ สุพรรณบุรี หรือครับ เฮีย 

ถ้าใช่นี่ ยาวเลยครับ กรุดี กรุดัง   

สององค์นี้ ลองให้หลายๆท่านที่ถนัดกรุทาง สุพรรณบุรี อู่ทอง มา่ชี้แนะ นะครับ  ผมเด็กน้อยขอเป็นผู้ชม  :005: :005:



ผมว่าไม่น่าจะใช่พระกรุวัดถ้ำเสือนะครับ ไม่ว่ากรุเก่า หรือกรุใหม่ พิมพ์ทรงแนวนี้ไม่เคยผ่านตาครับ ขอผ่านครับ  :002:

115
เคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน ว่าทุกอย่างอยู่ที่เจตนา ถ้าในใจมีเจตนาที่จะฆ่ายังไงก็บาปครับ แต่ถ้ามีเจตนาที่จะปกป้องน้องหมาก็เป็นแค่เศษกรรม (หรือไม่บาป อันนี้ไม่แน่ใจครับ พอดีอ่านไว้นานแล้ว) เหมือนหมอถ้ารักษาผู้คนตั้งมากมาย นั่นหมายความว่าต้องมีการฆ่าบรรดาเชื้อโรค และพยาธิต่างๆตั้งมากมายไปด้วย ดังนั้นอาชีพนี้คงเป็นอาชีพที่ทำบาปเยอะที่สุดเป็นแน่ แต่หมอทำไปไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่า แต่มีเจตนาที่จะรักษาชีวิตคนไข้ไว้ก็เท่านั้นเอง จึงไม่ผิดอะไร  :002:

116
โทษทีครับช่วงนี้ยุ่งๆครับ เลยยังไม่ได้ส่งซองไปให้ซะที พอดีทั้งทำงาน และก็ทั้งเรียนน่ะครับ ต้องเป็นซองขนาดเท่าไหร่ครับ  :002:

117
ที่วัดก็ยังมีให้เช่าอยู่ครับ แถมยังมีพระเครื่องที่ทันหลวงปู่ด้วย แต่ค่าเปลี่ยนค่อนข้างสูงพอสมควรทีเดียว วัดประดู่ฉิมพลี วัดปากน้ำ วัดอัปสรสวรรค์ อยู่ใกล้กันครับ เดินตระเวนกราบพระได้เลยครับ

วัดปากน้ำ กับวัดอัปสรสวรรค์ (วัดหมู) จะอยู่ฝั่งเดียวกัน แต่พอข้ามน้ำเดินไปไม่ไกลก็จะเจอวัดประดู่ฉิมพลีครับ  :002:

119
เคยบนพระจอมเกล้าฯ ให้ส่อบผ่านแล้วจะวิ่งรอบสวนอนุเสาวรีย์พระจอมเกล้ว (ที่ลาดกระบัง) 9 รอบติดต่อกันภายในวันเดียว ปรากฎว่าสำริดผล แต่เหนื่อยแทบขาดใจตาย แถมปวดขาเดินไปไหนไม่ค่อยได้อีกหลายวัน ก็เลยเข็ด หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยบนเรื่องการวิ่งอีกเลย  :002:

120
1. รู้จักวัดบางพระตั้งแต่สมัยยังเด็ก แต่ไม่มีโอกาสได้สักซะทีได้แต่สะสมพระเครื่องของท่านไปพรางๆ

2. เคยมาวัดบางพระแล้วช่วงนี้ค่อนข้างบ่อย เดือนละประมาณ 3 ครั้ง

3. ตอนเด็กเคยพบหลวงปู่แต่ไม่ใช่ที่วัดบางพระ มาปัจจุบันก็มากสักไม่ทันรุ่นหลวงปู่แล้ว

4. เคยสักครับ เป็นการสักน้ำมันทั้งหมด

5. หาจาก Google ครับ

6. หลายอย่างดีอยู่แล้ว อยากให้เพิ่มส่วนที่รวบรวมรอยสักต่างๆ ให้ดูอย่างเดียวไม่มีตั้งกระทู้เพิ่ม เพื่อให้เป็นสารบัญยันต์สายวัดบางพระ

121
ได้ยินมาว่าที่วัดก็พึ่งออกตะกรุดลูกปืนมาเหมือนกัน แต่ตอนนี้หมดแล้ว เสียดายสุดๆ  :074:

122
โอ้น่าจะเป็นหนุมานตัวครูของหลวงพ่อนะครับ ผมไปสักกับหลวงพ่อต้อยมาเจ็ดยันต์แล้วยังไม่เคยได้ซะที ใจจริงก็อยากได้อยู่เหมือนกัน แต่ผมสักน้ำมันนะครับ  :002:

123
คือเมื่อเดือนเมษายนผมได้ไปสักยันต์กับอาจารย์ท่านหนึ่งที่ฝั่งธนเป็นยันต์เสือเหลียวหลังตอนสักเสร็จอาจารย์เรียกอักขระผมไม่รับรู้ถึงกระแสอะไรเลยเกิดความไม่มั่นใจและมีข่าวว่าอาจารย์ท่านนี้ไม่ใช่ของจริงแต่ผมสักไปแล้วและผมไปที่วัดบางพระมีเพื่อนคนนึงบอกอาจารย์ท่านนี้ไม่ได้ลงหัวใจเสือให้แล้วอย่างนี้ผมสามารถจะให้หลวงพี่ที่วัดลงหัวใจเสือให้ได้มั้ยครับ

คิดมากไปหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มั่นใจแล้วไปสักทำไมครับ เสียเนื้อเปล่าๆ ถ้าคิดจะสักแล้วต้องมีศรัทธาในครูบาอาจารย์ที่สักให้ด้วยนะครับ ทุกอย่างอยู่ที่ศรัทธาครับ สำคัญมากๆ  :002:

124
ยังไม่ได้ส่งซองไปให้เลยครับ ช่วงนี้มัวแต่ยุ่งเรื่องเรียน  :002:

125
ไม่ยืนยันนะครับ ถ้ามีตราประเภทนี้ข้างหลัง และเป็นพระสมเด็จพิมพ์ทรงแปลกๆ ถ้าไปแถวสนามท่าพระจันทร์ เขามักจะบอกว่าเป็นสนเด็จพิมพ์พิเศษของสมเด็จโต หรือไม่ก็สมเด็จกรุวังหน้าครับ รู้สึกพิมพ์นี้เขาเรียกว่าพิมพ์พุทธกวัก แต่ส่วนใหญ่พระแบบนี้คนไม่นิยมเล่นหา เป็นพระสนามครับ แต่ถ้าศรัทธาก็เอาไปให้หลวงปู่ที่นับถือปลุกเสก ก็นำมาห้อยคอได้แล้วครับ  :002:

126
ใครพอทราบบ้างว่ายันต์เฑาะว์ มีความหมายอย่างไร มีกี่แบบ อยากเห็นรูปด้วยครับ

ยันต์นี้ได้มาจากหลวงพี่ปราโมช กุฏิหลวงพ่อต้อยครับ  :002:






127
ยังไม่เลิกตามหากันอีกหรือครับ บางวันผมก็เห็นเธอมาโพสอยู่นะครับ แต่ชื่อเธอเปลี่ยนไปก็เท่านั้นเอง ปล่อยเธอไปเถอะครับ (อืมจะใช้คำว่าเธอหรือเขาดีนะ แต่ถ้าให้ถูกต้องใช้คำว่าเขาสินะครับ Ho Ho Ho)  :002:

128
จากเวปคนรักมีด เห็นคนที่พึ่งไปที่วัดศาลาแดงมา บอกว่ากุฏิของหลวงพี่ปุ้มไม่โดนไฟไหม้ครับ แต่ไหม้ตรงกุฏิฝั่งตรงข้ามเลยครับ  :002:

http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/index.php?showtopic=5504&st=120&start=120

129
ถ้าเอาง่ายๆ ก็ใช้กาวลาเท๊กซ์ผสมน้ำให้เหลวๆหน่อย จะได้ไม่ค่อยมีความหนาของกาวทาแล้วก็ติด แต่ถ้าเอาวิธีตามท่าพระจันทร์คงต้องใช้กาวอุดฟัน มันจะมีโทนสีให้เลือก เหมือนเวลาหมอฟันเอาไว้อุดฟันเราน่ะครับ เค้าก็จะเทียบสีก่อน ทำสองสามรอบ สำหรับราคาเค้าว่าหลอดนึงก็หลายร้อยอยู่ แต่ใช้ได้หลายครั้ง (ตรงนี้สำหรับเนื้อผงโทนขาวเป็นหลักนะครับ) ถ้าไม่ใช่สีขาวคงต้องมีการผสมสีช่วยละครับ ฝีมือใครก็ฝีมือมันล่ะทีนี้ ถ้าไม่มั่นใจก็อย่าซ่อมเลยนะครับ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ แล้วจะมาโทษผมไม่ได้นะครับ  :002:


130
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ  :002:

131
ป๊อด แปลว่าอะไรครับ  :002:

132
27-28 มิถุนายน
ที่วัดสว่างอารมณ์ นครปฐมครับ
สวดภาณยักษ์ เป่ายันต์เกราะเพชร
ขอแจมนึดนึงครับ


ไม่ทราบว่าอาจารย์ท่านใดเป็นคนเป่ายันต์ให้ครับ  :002:
พระอาจารย์แป๊ะ วัดสว่าอารมณ์
ถ้าไม่มั่นใจก้ไม่ต้องไปครับไม่ได้ว่าไร
แค่แจ้งข่าวมาให้ทราบเฉยๆ

ไม่ใช่ไม่มั่นใจครับ แค่อยากรู้ก็เท่านั้นเองครับ ขอบคุณมากครับ  :002:

133
ไม่ทราบเหมือนกัน ตั้งแต่สักมา ไม่ว่าจะไปเข้าพิธีภารยักษ์ หรือเป่ายันต์ที่ไหนก็ไม่เคยของขึ้น หรือมีอาการอะไรแปลกๆซะที เห็นแต่ของคนอื่นขึ้นเอา ขึ้นเอา ดูแล้วเหนื่อแทน ผมไม่ค่อยอยากให้ของขึ้นซะเท่าไหร่ครับ ถ้าจะขึ้นก็ขอให้ขึ้นเวลามีภัยมาถึงตัวจริงๆจะดีกว่าครับ  :002:

134
วันที่ 06 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 12:28:16 น.  มติชนออนไลน์


ไหม้กุฏิวัดศาลาแดงวอดกว่า20หลัง หวิดลามศาลาเปรียญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 มิ.ย. เกิดเหตุไฟไหม้ภายในกุฏิวัดศาลาแดง ตั้งอยู่บน ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ศาลาแดงเดินทางเข้าตรวจสอบ พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้กุฏิพระสูง 2 ชั้น ลักษณะกึ่งปูนกึ่งไม้อย่างรุนแรง หลังเกิดเหตุประมาณ 20 นาที รถดับเพลิงร่วม 10 คัน ทยอยเดินทางมาช่วยเหลือเร่งฉีดน้ำสกัดเพลิง และสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้


จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้น พบว่า มีกุฏิพระถูกเพลิงเผาวอดไป 3 หลัง รวมกว่า 20 ห้อง และเกือบลุกลามเข้าศาลาการเปรียญหลังใหญ่ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง นอกจากนี้ ยังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้


พระลูกวัด ที่เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า เห็นกลุ่มควันพุ่งขึ้นมาจากห้องของพระชรารูปหนึ่งที่อยู่ห้องกลางของกุฏิหลังใหญ่ ที่ปลูกเป็นลักษณะห้องแถวติดกัน และได้ลามไปยังห้องข้างเคียงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เมื่อพระเจ้าของห้องต้นเพลิงรูปดังกล่าวทราบเรื่อง ได้เป็นลมล้มพับ

จากมติชนครับ

รถดับเพลิงนับสิบเข้าระดมฉีดน้ำสกัด ก่อนลามไปศาลากลางเปรียญหลังใหญ่ จนท.คุมเพลิงได้แล้ว พระลูกวัดเผย เห็นกลุ่มควันพุ่งออกมาจากห้องพระชรารูปหนึ่ง แต่ไม่ทราบสาเหตุ ...

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (6 มิ.ย.) ว่า เมื่อช่วงเช้า เกิดเหตุไฟไหม้ภายในกุฏิวัดศาลาแดง ตั้งอยู่บน ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สาลาแดงเดินทางเข้าตรวจสอบ พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้กุฏิพระสูง 2 ชั้นลักษณะกึ่งปูนกึ่งไม้อย่างรุนแรง หลังเกิดเหตุประมาณ 20 นาที รถดับเพลิงร่วม 10 คัน ทยอยเดินทางมาช่วยเหลือเร่งฉีดน้ำสะกัดเพลิง และสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้เมื่อสักครู่ที่ผ่านมานี้

จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้น พบว่า มีกุฏิพระ ถูกเพลิงเผาวอดไป 3 หลัง รวมกว่า 20 ห้อง และกำลังจะลุกลามเข้าศาลาการเปรียญหลังใหญ่ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สามารถฉีดน้ำสะกัดได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ลุกลามไปมากกว่านี้ และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ใครครั้งนี้ ซึ่งจากการสอบสวนพระลูกวัด ที่เห็นเหตุการณ์ ทราบว่าได้เกิดกลุ่มควันพุ่งขึ้นมาจากห้องของพระชรารูปหนึ่ง ที่อยู่ห้องกลางของกุฏิหลังใหญ่ ที่ปลูกเป็นลักษณะห้องแถวติดกัน และได้ลามไปยังห้องข้างเคียงอย่ารวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม พระเจ้าของห้องต้นเพลิงรูปดังกล่าว ทราบเรื่อง ถึงกับเป็นลมล้มพับ บรรดาเพื่อนพระด้วยกันต้องปฐมพยาบาลเป็นการด่วน ล่าสุดเจ้าหน้าที่วิทยาการ กำลังเดินทางเข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงแล้วในขณะนี้

จากไทยรัฐครับ

เมื่อเวลา 09.38 น. วันที่ 6 มิ.ย 52 คุณเสงี่ยม แจ้งไฟไหม้กุฎิไม้ 1 ชั้น ภายในวัดศาลาแดง เยื้องกับตลาดสนามหลวง 2 ล่าสุดแสงเพลิงลุกไหม้อย่างแรง ยังไม่มีรถดับเพลิงมาที่เกิดเหตุ **ประสาน คุณวนิดา เจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ( 199) รับแจ้งแล้วได้ส่งรถดับเพลิงจาก ทวีวัฒนา และตลิ่งชัน ไปที่เกิดเหตุแล้ว พื้นที่ สน.ศาลาแดง มี พ.ต.ท ทรรศธรรม นาคมณี พงส.( สบ.3 ) ตรวจสอบที่เกิดเหตุ **09.40 น. คุณเสงี่ยม แจ้งว่ามีรถดับเพลิงมาถึงแล้ว **09.57 น. คุณเสงี่ยม แจ้งคืบหน้าว่ามีรถดับเพลิงมาที่เกิดเหตุแล้วประมาณ 4-5 คัน อยู่ระหว่างควบคุมเพลิง **10.05 น. คุณเสงี่ยม แจ้งคืบหน้าว่าสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว ไฟลุกไหม้กุฎิเสียหายไป 3 หลัง โดยต้นเพลิงเกิดจากกุฎิที่พระภิกษุชรา รูปหนึ่ง จำวัดอยู่ พอท่านทราบข่าวก็ถึงกับเป็นลม เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันปฐมพยาบาล **10.45 พ.ต.ท.ทรรศธรรม นาคมณี พงส.(สบ.3) แจ้งเพิ่มเติมว่าเพลิงได้ลุกไหม้กุฎิ ซึ่งปลูกเป็นกุฎิไม้ยกพื้นสูง เสียหายทั้งหมด 3 หลัง ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างตรวจสอบ

จากร่วมด้วยช่วยกันครับ

135
งวดหน้าถ้าจะทำอีกก็ให้เครดิตเจ้าของรูป พร้อมที่มาด้วยก็แล้ว เจ้าของเค้าคงไม่หวงรูปหรอก แต่ว่ามันเป็นมารยาทที่ดีในสังคมครับ  :002:

136
27-28 มิถุนายน
ที่วัดสว่างอารมณ์ นครปฐมครับ
สวดภาณยักษ์ เป่ายันต์เกราะเพชร
ขอแจมนึดนึงครับ

ไม่ทราบว่าอาจารย์ท่านใดเป็นคนเป่ายันต์ให้ครับ  :002:

137
ด้วยความเคารพครับยันต์หอมเชียงก็เป็นหนึ่งในยันต์ที่หลายๆคนใฝ่ฝัน
แต่ ผมเคยกราบเรียนถามพระอาจารย์ ท่านได้เมตตาบอกว่า คนที่จะสักยันต์นี้ได้
ต้องพร้อมด้วยบุญบารมี วาสนา คุณวุฒิ วัยวุฒิ ครบถ้วนครับ แล้วที่สำคัญ
พระอาจารย์ที่ท่านสักยันต์นี้ได้ เท่าที่ผมทราบ(เอาตัวเองเป็นหลักน่ะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ)
มีแค่รูปเดียวที่ท่านสักยันต์หอมเชียงได้คือ หลวงพี่ต้อยครับ มีพี่ชายท่านหนึ่ง
กว่าจะได้สักหอมเชียง ขอกับท่านอยู่ถึง 2 ปี เต็มๆครับ :075:

ใช่ ใช่ ถ้าสักวันมีบุญจะได้สักยันต์หอมเชียงล่ะก็ งานนี้มีการลงหมึกแทนน้ำมันแน่นอน  :002:

138
ทองผาภูมิ ไกลสุดๆครับงานนี้ เคยนั่งรถทัวร์ไป ออกจากกรุงเทพ 10.00 ถึงทองผาภูมิปาเข้าไปสี่โมงเย็น ไม่มีการเป่ายันต์ที่วัดใกล้กรุงเทพบ้างหรือครับ  :074:

139
ไม่ทราบว่าพี่ๆชาว Webbord บางพระเคยเป็นแบบผมบ้าง
หรือเปล่าผมอยากได้ลายสักหอมเชียงพรุ่งนี้ตั้งใจจะแวะมาวัดบางพระ
ใจมันกระวนกระวายครับ  :109:
   

อยากได้ก็ใช่ว่าจะได้นะครับ ขอให้โชคดีครับ  :002:

140
หมึกที่วัดนั้นมีดีทั้งนอกและในอยู่ในตัวครบถ้วนครับ
อยากได้เข้มๆ บอกพระอาจารย์ท่านได้ครับ
ท่านจะเมตตาสักให้ด้วยน้ำหนักเข็มที่มากขึ้นกว่าเดิม เอากันชนิดเข้มติดแน่นทนนานกันไปเลย
:095:

งานนี้มีช้ำในแน่นอน  :004:

141
ผมก็เลิกเหล้าเพราะหวังว่าสักวันจะได้สักยันต์เกราะเพชรกับเขาบ้างเหมือนกัน รอต่อไป  :002:

142
ถ้าเป็นยันต์เกราะเพชรแบบหลวงปู่ปาน ที่กุฏิหลวงพ่อต้อยก็มีสักครับผมเคยเห็นอยู่เหมือนกัน แต่เลือกไม่ได้ครับ แล้วแต่หลวงพ่อจะเมตตา แต่ถ้าสักยันต์นี้ห้ามกินเหล้าเด็ดขาดนะครับ  :002:



รูปจากหลังท่านผู้การเสือครับ

143
อาจจะเป็น งบน้ำอ้อย, สาริกา, 29ยอด ก็ได้ครับ ไม่มีอะไรตายตัวครับ แล้วแต่หลวงพ่อจะให้ แต่ส่วนใหญ่ต้องได้ยันต์ครูให้หมดเสีกก่อน  :002:

144
วันนี้พึ่งได้ฟังอาจารย์ผมเขาสอนมาครับ

         "คนเรารักกันแล้ว ก็อย่าอยู่ด้วยกันอย่างมีเหตุผล เพราะคำว่าเหตุผลนั้นหมายความว่าจะต้องมีผู้หนึ่งถูก และผู้หนึ่งผิด แล้วคุณแต่ละคนต่างก็จะอ้างว่าใครถูกใครผิด ไหนบอกว่ารักกันมาก ทำไมยังคอยทะเลาะกันด้วยเรื่องถูกหรือผิด เพราะฉะนั้นความรักควรจะเกิดจากการยอมให้อภัยซึ่งกันและกัน เมื่อต่างให้อภัยซึ่งกันและกันแล้ว ก็ไม่มีใครถูกหรือใครผิด ก็จะอยู่กันได้จนแก่เฒ่าเอง"

ความคิดเห็นที่แตกต่างก็เหมือน เราต่างคนก็มองถ้วยกาแฟที่อยู่ตรงกลางระหว่างเราสองคน คนนึงก็มองว่าหูถ้วยอยู่ด้านซ้าย อีกคนนึงก็มองว่าหูถ้วยอยู่ด้านขวา แต่ในความเป็นจริงมันก็ถ้วยกาแฟใบเดียวกันนั่นเอง  :002:

145
ไม่ได้เข้าไปกราบซะที มัวแต่วิ่งรอกระหว่างวัดบางพระ กับวัดท้องไทร ได้แต่ขับผ่านไปผ่านมา  :002:

146
ซูมดูแล้วดูอีกก็ไม่แน่ใจ แต่อยู่ที่แขนขวาแน่นอน ส่วนยันน่าจะเป็นฤษีเดินดง ตามนี้เลยครับ  :002:



147
ถ้ากลัวก็อย่าริ

      ตามท่านGearmour เลยครับ...แต่ว่าจะสักแล้วติดเข็มซะมากกว่า...หยุดไม่ได้...

      ว่างวันไหน...หาแต่โปรแกรมไปวัด...คำถามนี้ลองใช้แถบค้นหาดูครับ...มีหลากหลายคำตอบเลย... :001:

ใช่ ใช่ ผมก็เป็น ไปวัดแทบทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละสามยันต์  :002:

148
ได้ยินมาว่าตอนนี้สามห่วงยังไม่มีนะครับ ติดตามข้อมูลได้จากเวปนี้ครับผม  :002:

http://www.pantown.com/board.php?id=34549&area=3&name=board4&topic

149
อยากทราบประวัติหลวงพ่อกวยก็แวะไปเวปนี้สิครับผม ละเอียดดีทีเดียว http://www.watkositaram.com

ผมก็เป็นคนนึงที่นับถือท่าน ต้องกราบท่านก่อนออกไปทำงานทุกวันครับ  :002:

150
คิดว่าน่าจะเป็นการพาดหัวข่าวให้ดูมีความน่าสนใจมากกว่าน่ะครับ คนสักใครๆก้อน่าจะรู้ว่าถึงจะเหนียวแต่ก้อช้ำในน่ะครับ คงไม่น่าจะมีใครลองด้วยวิธีนี้ รถไฟทั้งขบวนน่ะครับ คิดว่าน่าจะเป็นจงใจฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรมอำพรางมากกว่าครับ ประเด็นลองของโดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะใช่ คิดว่าเกิดจากการพาดหัวข่าวครับ ลองดูหัวข่าว2แบบน่ะครับ 3 โจ๋นอนขวางรางให้รถไฟทับ! คาดลองของรอยสัก กับ 3 โจ๋นอนขวางรางให้รถไฟทับ!ตายหมู่ คิดว่าถ้าอ่านแล้วอันไหนน่าสนใจครับ หลักการในการเขียนข่าวก้อต้องการขายข่าวน่ะครับ

ผมเห็นด้วยครับ อาจจะเมายาบ้าก็ได้ ต่อให้สักมาเต็มตัว ใครจะกล้าให้รถไฟทับครับ ตายอย่างเดียว  :002:

151
อยากทราบว่าปัจจุบันนี้อาจารย์วัดบางพระท่านไหนสักยันต์หอมเชียงบ้างครับ
จากการเข้าดูใน Net ตามประวัติหลวงพ่อเปิ่นท่านสักให้เพียง 3 คน เท่านั้น
ส่วนตัวชอบยันต์ครูครับเพราะเป็นยันต์โบราณ ครับ
ท่านไหนทราบบ้างครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ
 :043:

หลวงพ่อต้อยสักครับ แต่แล้วแต่บุญพาวาสนาส่งนะครับ ไม่ได้สักให้ทุกคน ปกติผมสักน้ำมัน แต่ถ้าสักวันมีบุญจะได้ยันต์หอมเชียงก็ว่าจะสักหมึกครับ  :002:

152
ผมก็รู้นะว่าใคร แต่ผมไม่เกี่ยว :002:

153
ของผมก็มีประสบการ์ณเกี่ยวกับรถเหมือนกัน ขับรถมาที่ความเร็ว 120 km/Hr ปรากฏว่ายางหลังแตกดังดูม ชนิดที่แฟบแบบกระทะขูดกับพื้นเลย รถไม่มีการเซถลาออกนอกลู่นอกทาง ไปเยี่ยมชมต้นไม้ข้างทางเล่น ขับไปได้อีกซักพักจนหลบข้างทางพ้น (ขับเลนขวาอยู่) ถ้ามองตามหลักวิทยาศาสตร์ก็คงต้องบอกว่ารถเขาออกแบบมาดีจริงๆ หรือไม่ก็เป็นเพราะแตกล้อหลัง ถ้าแตกล้อหน้าคงมีลุ้น แต่ถ้าตามความเชื่อก็คงเป็นเพราะครูบาอาจารย์คุ้มครองล่ะครับงานนี้  :002:

154
ไปเก็บตอนนี้จะทันไหมเนี่ย ผ่านวัดก็หลายครั้งไม่เคยแวะเข้าไปซะที  :002:

155
วัวธนูมีวีธีบูชายังไงครับ

ขอบคุณมาก  :002:

156
ขอบคุณทุกท่านมากๆ ครับ
แล้วถ้าผมจะไปสักเพิ่มกับพระอาจารย์ติ่ง หรือ พระอาจารย์ท่านอื่น ท่านจะทราบไหมครับว่าผมเคยสักที่ตรงไหนมาแล้วอ่ะครับ


สักทับที่เดิมได้ครับไม่เป็นไร ถ้าแผลหายดีแล้ว ผมก็สักน้ำมันเหมือนกัน  :002:

157
ถ้าไปวันเสาร์ที่วัดท้องไทรมีสักแม่พิมด้วยครับ  :002:

158
ได้ข่าวแว่วๆว่า หลวงปู่แย้มท่านอาพาธบ่อย  แล้วท่านจะทำกุมารอีกไม่กี่รุ่นก็จะเลิกทำแล้วเหรอครับ  

รุ่น พัศยศ รุ่นใกล้ๆสุดท้ายแล้วเหรอ :075:

จริง เท็จ ประการใดครับ

แล้วพระศรีนี่บูชา 3 ผืนได้มั้ยครับ

ขอบคุณครับ  :054:

ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับวัดสามง่ามได้ที่เวปนี้ครับ

http://www.pantown.com/board.php?id=34549&area=3&name=board4&topic


159
ผม Pig_Never_Die ขอยื่นความจำนงค์ครับ (ใน List เขียนเป็น Pig_Never_Dic ) ของคุณมากสำหรับของที่ระลึกครับ

YOU WILL NEVER WALK ALONE  :002:

160
เรื่องนี้แล้วแต่ศรัทธาครับ ถ้าศรัทธาก็สักครับ ส่วนผมขอไปที่วัดบางพระอย่างเดียวเท่านั้น  :002:

161
ขอถามนะครับ
อาจารย์หนวด ท่านอยู่กุฎิไหนหรอครับ

อยู่กุฏิหลวงพ่อต้อยครับ แต่ไม่ได้มาทุกวันครับ เมื่อเสาร์ที่แล้วผมก็ได้เจอครับ มาตอนบ่ายครับ  :002:

163
กินไปเถอะครับ ถ้าอาจารย์ไม่ห้าม อย่าไปเพิ่มข้อห้ามอะไรให้วุ่นวายเลยครับ แต่ถ้าทำแล้วสบายใจก็ทำครับ  :002:

164
มีท่านใดพอจะทราบว่าบ้านพี่นกอยู่ตรงไหนคับ

ผมจะรวบรวมเพื่อนสมาชิกไปปล้นบ้านพี่นกกันสักครั้งครับ  ไปปล้นดูว่ามีพระดีๆซุกซ่อนไว้ตรงไหนบ้าง  เพราะเท่าที่ติดตามผลงานมา  เอาออกมาเรื่อยๆไม่หมดสักที     คำว่า "กรุพระ" สำหรับพี่นกคงใช้ไม่ได้แล้วกระมัง    ถ้าให้ถูกต้อง ต้องเรียกว่า "คลังมหาสมบัติ"  แล้วขอรับเจ้านาย

ขอบคุณครับ


ผมขอไปร่วมปล้นด้วยครับ  :002:

165
โอ๊ย เมื่อยคอจัง  :010:

166
อีก 3 ปี ครับ.เค้าเีรียก วันเสาร์๕ ใหญ่ ใช่มั้ยครับครับ   วันเสาร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕....ถ้ามีลูกเกิดวันนี้จะเปงงายเนอะ...
วันเสาร์ที่ ๕ เดือน ๕ ปีมะโรง(ปีที่ ๕) เวลา ๐๕.๕๕ น.
รอครับอีก สามปีเอง....วางแผนวันจะให้ลูกคลอดครับ  ไม่รู้จะได้ป่าว...ดวงจะแข็ง  จิงหรือป่าวครับ

ถ้าไม่พึ่งพาเทคโนโลยีนี่ ลำบากเลยนะครับ คงกะยากน่าดู เอาเป็นวันไหนก็ได้ดีกว่าครับ ดีทุกวัน ก็ลูกเรานี่ครับ วันเสาร์ห้าที่แรงที่สุดต้องเป็น วันเสาร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือนห้าไทยครับ ดูข้อมูลเสาร์ห้าได้จากกระทู้นี้ครับ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=1990.0

167
ดูไม่ออกเหมือนกันครับ มาทั้งซ้ายและขวา เดาว่าเป็นหงส์คู่แล้วกันครับ ไม่รู้จริงๆ  :002:

168
พุทโธ ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ
ธัมโม ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ
สังโฆ ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ

เป็นคาถาพระขรรค์เขาควายเผือก ของ หลวงพ่อโสก วัดปากคลอง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ครับ  :002:

169
ขอบคุณครับที่ให้ความรู้เพิ่มเติม แล้วส่วนยาสั่งน่ะแถวบ้านผมยังมีอยู่น่ะคับ มีคนมาให้ผมติดต่อชื่อยาสั่งให้เขาเสนอ20000บาทแต่ผมไม่ติดต่อให้เหรอมันเป็นบาป (บ้านผมอยู่ จ. สุรินทร์น่ะคับ) เมือประมาณ2-3ปีก่อนโน้นได้มีคู่อริของน้าชายมาที่บ้านและช่วงนั้นมันเป็นวันสงกราน มันก็มาชงเหล้าให้กินน่ะคับ น้าผมก็มีของอยู่เหมือนกัน พอน้าผมแตะแก้วเท่านั้นละครับ น้ำที่เคยเป็นสีอำพันกลับกลายเป็นสีดำออกคล้ำๆเลย น้าผมเลยสาดทิ้งพอน้ำกระทบกับหญ้าเท่านั้นเองครับหญ้าตายเลย ส่วนคู่อริมันก็เผ่นเกืยบไม่ทัน(เพราะน้าผมวิ่งไปเอาปืนมีคนมาล็อกไว้ก่อน)พอเรืองจบไปแล้วผมได้ถามน้าว่าเป็นยาสั่งชนิดไหน น้าบอกว่าเป็นแบบตายทั้นที่เลย น้ายังบอกเลยว่ายาสั่งมันมีหลายชนิดน่ะคับ มีแบบตายฉับผลันและก็ตานแบบทรมาณประมาณ3วันบ้าง7วันบ้างเดือน1บ้าง


งานนี้ไปสุรินทร์ต้องไม่กินสุราซะแล้ว ขอโทษนะครับอยากรู้ว่า ของที่น้าคุณมีคืออะไรครับ ถึงช่วยให้ป้องกันพวกยาสั่งได้ด้วยครับ อยากรู้จริงๆครับ  :002:

170
ศึกษารายละเอียดได้ตามเวปนี้ครับ ช่วงนี้หลวงปู่ป่วยยังไงก็อย่ารบกวนท่านมากเกินไปนะครับ  :002:

http://www.pantown.com/board.php?id=34549&area=3&name=board4&topic



171
อดไปเพราะโดดงานไม่ได้  :070:

172
มันไม่แกล้งอ่ะคับ อันเน้

ผมเห็นๆ แบบเต็มๆตาเลย

ขึ้นท่า หนุมารตัว 10 มาเลยครับ

เพื่อนๆรีบตะครุบกันเต็มเลยๆ - -*

ท่าหนุมานตัว 10 เป็นยังไงครับ
แน่ใจนะครับว่าเพื่อนคุณไม่กะถือโอกาสนี้เอาคืนรุ่นพี่  :002:

173
ผมสักยันต์มาหกอย่างแล้ว ล้วนแต่เป็นอักขระ ไม่เป็นไรทุกสิ่งที่อาจารย์ให้ย่อมดีเสมอ ถ้าถึงเวลาเมื่อไหร่คงได้เอง ยังไงแผ่นหลังผมก็สักได้เรื่อยๆไม่มีขอบเขตอยู่แล้ว เพราะผมสักน้ำมัน Ha Ha Ha  :002:

174
ศิษย์ที่สักยันต์สายวัดพระทรงยังมีอยู่ไหมครับ  :002:

175
ถ้าเป็นสายวัดบางพระ กับวัดท้องไทรข้อห้ามจะคล้ายกัน มีแค่นี้เองครับ

1. ห้ามผิดลูกเมียเขา
2. ห้ามด่าบุพการี
3. ห้ามกิน น้ำเต้า มะเฟือง
4. ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย สะพานหัวเดียว
5. ให้ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด ทำแต่กรรมดี ( ข้อนี้อาจจะได้ไม่ครบศีล   )

ห้ามกินของงานศพนี่ไม่ห้ามนะครับ  :002:


176
ผม เล่าให้ฟังเกิดขึ้นจริง ซัก2-3วันก่อนนี่เอง ไม่รู้ช่ายของขึ้นหรือป่าว ยังสงสัยอยู่ว่าผมขาดสติ หรืออะไร คือมีคนมาติดแฟนผม ผมเลยเรียกมาเคลียที่ร้านคาราโอเกะ เห็นว่าจะมายกมือขอโทดผม ก้อเลยไปนัด5โมงพี่ท่านมา 2ทุ่ม ระวังนั่นผมอารมย์ไม่ค่อยดีเลยสั่งเหล้ามากินรอ ทางนั่นมา3คนเลย ผมคนเดียว มาถึงก้อจะลุยผมเลยผมก้อถามว่ายังงาย แต่อยู่ดีดี ผมก้อจำอารายไม่ได้ มันเหมือนภาพขาดๆๆหายๆๆ จำได้แต่เสียงแฟนเถียงกะ3คนนั่น แล้วจำได้ว่า3คนนั่นจากไป มารู้ตัวอีกทีอยู่ที่อาพาสเมนแฟน นอนอยู่บนกองซากห้องซากเตียงข้าวของตู้เย็นโทรทัด พังหมด *0* ทั้งที่ผมเกียจการทำลายข้าวของมา เก็บซากจนเหนื่อย ตามหายแฟนเจอตอน9โมง แฟนบอกเป็นยร้าอะไร-*- เรียกก้อไม่ฟังจับแขนผมผมสบัดแฟนเขียวเลย แฟนเลยออกไปนอนบ้านเพื่อน สรุปคือผมเมา(ทั้งทีปกติผมกินเหล้า1-2กลม แต่วันเกิดเรื่องกินไปไม่ถึงกัก -*- )งง  หรือผมขาดสติ เล่าให้หลวงพี่ฟังหลวงพี่ไม่สักภาพให้ผมเลย บอกลงอักขระเมตตา ช่วยก่อน จบ

ผมว่านั่งสมาธิบ่อยๆก็ดีนะครับ ถ้าของขึ้นแล้วขาดสติทำลายข้าวของคงไม่ดีแน่ๆครับ ข้าวของเสียหาย ต้องใช้เงินซื้อทั้งนั้นนะครับ  :075:

177
ไปสักมาเรียบร้อยแล้วครับ

ช่วงเช้ายันต์แรกกับหลวงพ่อต้อย วัดบางพระ เนื่องจากหลวงพ่อเมตตาลูกศิษย์เลยสักให้เบามือครับ เลยไม่สามารถถ่ายรูปมาให้ดูได้ครับ รู้สึกว่าจะเป็นยันต์บัวแก้วหรือบัวทองนี่ละครับ แต่เป็นดอกเดียวกลางหลัง

ช่วงสายยันต์ที่สองกับอาจารย์อั้น แห่งวัดท้องไทรครับ หลวงปู่อั๊บเป่าให้ครับ เป็นยันต์นารีสวน




ช่วงเที่ยงยันต์ที่สามกับหลวงพี่ปราโมช ที่กุฏิหลวงพ่อต้อยวัดบางพระ เป็นยันต์เฑาะว์




ช่วงบ่ายยันต์ที่สี่กับหลวงพี่แป๊ว วัดบางพระ เป็นยันต์เจ็ดยอด




จากนั้นก็ไปกวาดลานวัด แล้วก็ไปลงทองกับหลวงพ่อสำอางค์ แล้วก็เดินทางกลับปทุมธานีครับ เป็นอันจบ 1 ทริป  :002:

178
มาเพิ่มแผนที่ไปวัดยางงาม กับ วัดประดู่ ครับ



แผนที่โดยคุณปี๊ด ปู่นนท์ ครับ  :002:

179
ไม่น่าดีอย่างแน่นอนครับ จากพิมพ์จะเห็นได้ว่าเค้าโครงองค์พระกรอบจะจัดเข้าไปอยู่ที่ไก่หางพวง แต่ตัวไก่ไม่ใช่นะครับ อีกข้อครับ สังเกตกันดีๆยังเห็นรอยตัดอยู่เลยครับนั่น   :001:

ผมก็ว่าอย่างนั้นครับ องค์พระเป็นพิมพ์ไก่หางพวง แต่ไก่ก็ไม่ใช่ ถ้าเป็นไก่หางห้าเส้น หรืออย่างอื่นองค์พระก็ไม่ใช่อย่างนี้ เพราะฉะนั้นอาจเป็นรุ่นใหม่หรือสำนักอื่น แต่ไม่น่าจะทันหลวงพ่อปานครับ  :002:

180
ขอบคุณมากๆครับ แล้วปัจจุบันนี้ท่านอยู่ประจำที่วัดบางพระ หรือยังไงครับ  :002:

181
พอดีเมื่อวานผมไปสักยันต์ที่กุฏิหลวงพี่ต้อยมาครับ ปกติจะเห็นแต่หลวงพี่ต้อย กับอาจารย์หนวดที่ทำการสัก แต่คราวนี้พบพระอาจารย์อีกองค์ที่ทำการสักอยู่ (อยู่ด้านซ้ายมือของหลวงพี่ต้อย) ใครไปสักกับหลวงพี่ต้อย ถ้าคนเยอะหลวงพี่ต้อยก็จะชี้ให้ไปสักกับพระอาจารย์องค์นี้น่ะครับ ตัวผมเองก็สักกับท่านเหมือนกัน แต่น่าเสียดายดันลืมถามชื่อของท่านน่ะครับ (ผิดอย่างใหญ่หลวง) ผู้ใดรู้ชื่อของพระอาจารย์ท่านช่วยบอกผมด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ  :002:

182
ลองไปดูเวปนี้ครับ  :002:

http://www.pantown.com/board.php?id=23691&area=4&name=board4&topic=191&action=

183
แล้วกุมารทอง มีชื่อว่าอะไรล่ะครับ  :002:

185
พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันที่ผมนิยมเดินทางไปสักยันต์ที่วัดบางพระ กับวัดท้องไทร แต่เห็นว่าพรุ่งนี้เป็นวันพระ เลยอยากสอบถามเพื่อนๆว่า พรุ่งนี้ที่วัดบางพระ กับวัดท้องไทร ยังคงมีการสักยันต์ไหมครับ

ขอบคุณมาก  :002:

186
เพื่อน ๆ มีกันหรือยังครับ วันนี้ผมพึ่งได้มาครับ  :002:


       
       เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่วัดบวรนิเวศวิหาร สำนักเลชานุการสมเด็จพระสังฆราช จัดแถลงข่าวเปิดตัว โครงการสายรัดข้อมือสมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 96 พรรษา ในวันที่ 3 ตุลาคม 2552 โดยมีพระราชรัตนมงคล (มนตรี อภิมนฺติโก) ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช และพระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ เป็นประธานแถลงข่าว
       
       พระครูสังฆสิทธิกร (อิริค สิริภทฺโท) กล่าวว่า ในวโรกาสมหามงคล ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชนมายุครบ 8 รอบ 96 พรรษา ในวันที่ 3 ตุลาคม 2552 และสถาปนาครบ 20 ปี ทางสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้จัดทำโครงการ ?สายรัดข้อมือมหามงคลสมเด็จพระสังฆราช? ซึ่งสายรัดข้อมือดังกล่าว มี 3 สี ร้อยเกี่ยวเข้าด้วยกัน ได้แก่ สีเหลือง หมายถึง สีของพระพุทธศาสนา สื่อถึงการเป็นพระเถระที่ทรงภูมิธรรมด้านการปฏิบัติธรรม สายสีขาว หมายถึง สีของพระบริสุทธิคุณ สื่อถึงการเป็นพระเถระที่ทรงเพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตร และสายสีฟ้า หมายถึง สีของวันประสูติ สื่อถึงการเป็นพระเถระที่ทรงภูมิธรรมด้านปริยัติ
       
       พระครูสังฆสิทธิกร กล่าวต่อไปว่า ลักษณะของสายรัดข้อมือ สายสีเหลือง ด้านนอก จารึกภาษาบาลีว่า พุทธํ ธมฺมํ สงฺมํ สรณํ คจฺฉามิ อภิปูชยามิ เอเตน สจจฺ วชฺเชน โสตฺถิเม โหตุ สพฺพทา ซึ่งจะเป็นลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชและเป็นบทสวดมนต์ที่พระองค์ใช้สวดทุกวัน ด้านใน จารึกลายพระหัตถ์ มีตัวเลข 220 ซึ่งเป็นตัวเลขมงคลหมายถึงการครบรอบสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช และตัวเลข 896 เป็นตัวเลขครบ 8 รอบ 96 พรรษา ส่วนสายสีขาว ด้านนอก อัญเชิญตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ และจารึกพระนาม สด.พระญาณสังวร (ลายพระหัตถ์) ด้านใน จารึกพระราชทินนาม สมเด็จพระสังฆราช เป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ สายสีฟ้า ด้านนอกจารึกคติธรรมว่า ปุญญเมว โสสิกฺ เขยฺย ควรศึกษาทำความดีแล และจารึกภาษาบาลี อายุ วณฺโณ ๙ สุขํ พลํ ด้านใน จารึกคติธรรมปีใหม่ เว้นการควรเว้น ทำการควรทำ เพื่อพัฒนาตนและประเทศชาติ
       
       ?สายรัดข้อมือมหามงคลสมเด็จพระสังฆราช ได้จัดสร้างที่เดียวกับสายรัดข้อมือของในหลวง ได้ผ่านพิธีมังคลาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ซึ่งทางสำนักเลขานุการฯได้จัดทำขึ้น 2 แสนเส้น พุทธศาสนิกชนที่สนใจสามารถร่วมบริจาคได้ในราคาชุดละ 199 บาท ที่ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรฯ ร้านจิตรลดาทั้ง 14 สาขา, ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ และธนาคารออมสินทุกสาขา โดยรายได้ จะนำไปจัดพิมพ์หนังสือพระนิพนธ์ อาทิ วิธีสร้างบุญบารมี หายใจให้เป็นสุข แจกจ่ายเป็นธรรมทานแก่วัดและสถานศึกษาทั่วประเทศ?หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ กล่าว
       
       พระครูสังฆสิทธิกร กล่าวอีกว่า สำหรับพระอาการของสมเด็จพระสังฆราชขณะนี้ มีพระอาการแจ่มใส พระพลานามัยสมบูรณ์ แต่จะต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ และการดูแลของคณะแพทย์อย่างใกล้ชิด จึงอยากให้พุทธศาสนิกชนร่วมกันถวายพระพรให้พระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรง และร่วมกันใส่สายรัดข้อมือเป็นการเทิดพระเกียรติอย่างพร้อมเพรียงกัน

ที่มา  ASTVผู้จัดการออนไลน์

187
ผมเชื่อนักวิทยาศาสตร์ครับ เพราะผมเรียนทางด้านไฟฟ้ากำลังมาครับ  :002:

188
ยิ่งคุณรู้สึกว่าตัวคุณเองฉลาดมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ตัวคุณโง่มากขึ้นเท่านั้น  :002:

189
ตอนผมยังไม่ได้สักอะไรก็เป็นนะครับ ตัวแดงมือสั่น เห็นเขาเรียกว่าโกรธจนตัวสั่นน่ะครับ เลือดก็เลยสูบฉีดดีทำให้หน้าแดงด้วยครับ  :002:

190
ช่วงนี้ใครจะไปกราบหลวงปู่แย้ม ขอให้เกรงใจหลวงปู่กันหน่อยนะครับ อย่าหวังเอาแต่ได้นะครับ ลายละเอียดตามนี้ครับ  :069:

http://www.pantown.com/board.php?id=34549&area=3&name=board4&topic=327&action=view


191
เสือเนี่ยที่วัดยังมีอยู่ไหมครับ  :002:

192
อย่าคิดมากครับ ถ้าไม่สบายใจงวดหน้าก็ระวังครับ ของไม่ได้จะเสื่อมกันง่ายๆนะครับ ถ้าคุณรักษาศีลห้าได้มั่นคง ผมว่ายังไงก็ไม่เสื่อมครับ สักมาให้มายมายเต็มตัว แต่ไม่ถือศีลสวดมนต์ ไม่นั่งสมาธิเลย ยังไงก็เสื่อมครับ คนน่ะครับ เสื่อมแน่นอน  :002:

193
คาถาอาคม / ตอบ: รบกวนหน่อยครับ
« เมื่อ: 18 พ.ค. 2552, 03:21:12 »
คาถานี้ต้องรอคุณ Cho Presley มาตอนแล้วละครับ  :075:

194
ตามนี้ครับ  :002:

"ปลัดขิก" เครื่องรางศิลปะอีโรติก
ความเชื่อ ความกลัว และเพศ เป็นสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ จากสัญชาตญาณสามสิ่งนี้ทำให้ท่านไม้ที่ดูแสนจะธรรมดาท่อนหนึ่ง เมื่อผ่านการแกะ เหลา ขัดเกลา สร้างส่วนโค้งเว้า ด้วยอารมณ์และแรงขับตามธรรมชาติ ให้เป็นรูปลักษณ์ของอวัยวะเพศชาย แล้วไม้ธรรมดานี้เมื่อได้ผ่านกระบวนการปลุกเสก ลงคาถาอาคม อักขระเลขยันต์จากเกจิอาจารย์ชื่อดัง ท่อนไม้นี้จึงไม่ธรรมดาอีกต่อไป เพราะมันคือ "ปลัดขิก"

ปลัดขิกถือเป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังที่คนไทยมีติดตัวไว้ จนมีการท่องไล่เลียง "ของดี" หรือของสุดยอดของเครื่องรางที่คู่ควรสะสมไว้ว่า "ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ เสือหลวงพ่อป่าน หนุมานหลวงพ่อซุ่น วัวปั้นหุ่นวัดศรีษะทอง เบี้ยแก้กันของวัดนายโรง ตะกรุดทองหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง"

ตามเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมา ปลัดขิกน่าจะมีรากเหง้าความเชื่อมาจากอิทธิพลของอินเดียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 ซึ่งชาวฮินดูมีการนับถือแท่งหินที่แกะสลับเป็นรูปร่างของอวัยวะเพศชายตั้งอยู่บนฐานโยนี เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระศิวะหรือพระอิศวร ในลัทธิไศวนิกาย อันเป็นตัวแทนของธาตุทั้ง 5 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และเป็นบิดา มารดาของทุกสิ่งในจักรวาล

สำหรับปลัดขิกในประเทศไทยแล้ว ไม่แน่ว่ามีความเป็นมาตั้งแต่สมัยใดแน่ แต่ต่างจากการนับถือศิวลึงค์ของชาวฮินดู เพราะปลัดขิกของคนไทยถูกสร้างและปลุกเสกจากผู้ที่มีวิชาความรู้ทางด้านอาคม และชาวไทยสมัยโบราณนิยมห้อยปลัดขิกไว้ที่เอวหรือคอของเด็ก แทบจะทุกคน

ที่ผ่านมาในยุคสมัยหนึ่งเด็กผู้ชายไทยมักมีปลัดขิกผูกติดตัวไว้เป็นเครื่องรางของขลัง เพื่อป้องกันงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ตามความเชื่อที่ผู้ใหญ่บอกไว้อย่างนั้นและก็มีบางส่วนโดยเฉพาะคนทำมาค้าขายก็เชื่อว่า ปลัดขิกช่วยให้เกิดการซื้อง่าย ขายคล่องของขายดีมีกำไร

วัฒนชัย มุตตามระ เซียนพระจากจังหวัดชลบุรี อายุ 49 ปี กล่าวว่า พ่อแม่ผูกปลัดขิกใส่เอวให้เขา จนกระทั่งทุกวันนี้เขายังคงมีเครื่องรางนี้ติดตัวอยู่

"ผมเชื่อในเรื่องของพุทธคุณ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับจิตใจเราด้วย ส่วนตัวผมก็เชื่อในตัวหลวงพ่อท่านเป็นเกจิรุ่นเก่าที่ใครๆ ก็รู้จักนับถือ ไม่ใช่เฉพาะคนแบบชายทะเลเท่านั้น "วัฒนชัย ชาวชลบุรี บอกโดยปลัดขิกของเขาเป็นของหลวงพ่ออี๋

ในด้านความเชื่อทางพุทธคุณหรือความขลังนั้น เป็นเรื่องที่เชื่อกันมาช้านานแล้ว พยัพ คำพันธุ์ ผู้รู้ด้านเครื่องรางแห่งวงการพระเครื่องไทย เปิดเผยว่า การสร้างปลัดขิกในเมืองไทยเกิดจากลูกศิษย์ลูกหาศรัทธาในตัวอาจารย์นำไม้ไปให้ท่านปลุกเสกแต่อาจารย์บางท่านก็ตั้งใจทำสิ่งนี้ขึ้นมาอย่างหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก จังหวัดปราจีนบุรี ท่านก็ทำปลัดขิกขนาดใหญ่ตั้งไว้หน้าวัด ส่วนหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบก็โด่งดังตั้งแต่ครั้งที่ทำแจกให้ทหารเรือออกรบสมัยสงครามอินโดจีน

"ปัจจุบันใครศรัทธาอาจารย์องค์ไหน ก็เอาไม้ไปให้ท่านแกะแล้วทำการปลุกเสก รูปแบบก็แล้วแต่คนแกะซึ่งมันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ด้านหนึ่งก็เป็นศิลปะ อีกด้านก็เป็นความเชื่อด้านพุทธคุณ ส่วนวัตถุที่นิยมนำมาแกะในบ้านเราก็จะทำจากไม้จำพวก ไม้รัก ไม้คูณ ไม้มะยม ส่วนทำจากหินนั้น ไม่มี เพราะถ้าเป็นหิน จะเป็นศิวลึงค์ของพราหมณ์ เป็นแบบทางอินเดียมากกว่า"

แต่เดิมปลัดขิกมีรูปแบบเป็นเพียงลักษณะของอวัยวะเพศชาย ต่อมาก็มีการแกะสลักลวดลายเพิ่มรายละเอียดเข้าไปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปลิง หรือรูปผู้หญิงนอนเปลือยกายในเชิงอีโรติกบนตัวปลัดขิก แต่ละรายละเอียดที่เพิ่มเติมเข้าไปมักมีความหมายในเชิงความเชื่อ เช่น รูปลิง มีคุณด้านความแคล่วคล่อง ทำให้แคล้วคลาดจากภัยอันตราย หรือรูปหญิงเปลือยกายให้ความมีเสน่ห์ เป็นที่รักแก่ผู้อื่น

มนต์เสน่ห์เหล่านี้ทำให้ตัวปลัดขิกเปลี่ยนแปลงไปจากแค่เครื่องรางของขลังที่เด็กผู้ชายชาวไทยใช้เพื่อป้องกันงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ไปสู่งานศิลปะราคาแพง และเป็นที่สนใจสะสมของชาวต่างชาติ

ศุภกิจ ภู่แก้ว วัย 45 ปี เจ้าของร้าน Piece of Art ร้านขายของเก่าและของสะสม ที่ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ ผู้ซึ่งคลุกคลีกับปลัดขิกมากกว่า 20 ปี กล่าวว่า ปลัดขิกที่ดีคนเห็นแล้วต้องหัวเราะ ขำ ชอบใจ จากรูปร่างหน้าตาของปลัดขิกนั้นทำให้คนไทยมีความเชื่อว่า การนำปลัดขิกมาพกติดตัว นอกเหนือจากการป้องกันภัยแบบความเชื่อโบราณแล้ว ยังช่วยในเรื่องของความนิยมชมชอบเป็นที่รักของผู้พบเห็น

"อันที่ผมพกติดตัวเป็นพวงกุญแจนี้ ทำมาจากไม้พยุง" ศุภกิจ บอกพร้อมกับดึงออกมาให้ดู "ชื่อไม้ให้ความหมายในทางการพยุง ยกย่อง มีคนคอยช่วยเหลือ และปัจจุบันนี้ปลัดขิกกลายเป็นเครื่องรางที่สำคัญของคนทำการค้า"

สำหรับไม้ที่นำมาแกะสลักเป็นปลัดขิก จะต้องเป็น

ไม้ที่มีชื่อมงคล เช่น ไม้รัก เพื่อให้คนรัก, ไม้สัก หมายถึงศักดิ์ศรี, ไม้มะขาม เพื่อให้ผู้คนเกรงขาม, ไม้มะยมเพื่อให้คนพกได้รับความนิยม ชมชอบ แต่จะไม่ใช้ไม้โพธิ์เด็ดขาดเนื่องจากเป็นต้นไม้ของพระพุทธเจ้า

ลวดลายที่ทำการแกะสลัก ถ้าเป็นสัตว์ นิยมแกะเป็นรูปของลิงขณะประกอบกามกิจ ด้วยความเชื่อว่าลิงเป็นสัตว์ที่มีความคล่องแคล่วว่องไว เฉลียวฉลาด เอาตัวรอดเก่ง นอกจากรูปสัตว์แล้วจะมีรูปหญิงสาวซึ่งให้คุณในเรื่องของความนิยมชมชอบ เป็นที่รักของผู้อื่น

ส่วน ปวิธพล ตรึงจิตรารัตน์ นักสะสมปลัดขิก แนะนำการดูปลัดขิกว่า ต้องใช้ความชำนาญและต้องมีการศึกษาประวัติอย่างดี ต้องดูลวดลายอย่างละเอียดของการแกะสลัก ไม้ที่ใช้ซึ่งก็แตกต่างกันไป นอกจากนี้การดูความเก่า ตาต้องถึงว่าเป็นปลัดขิกของหลวงพ่อองค์ใด

"เราต้องรู้ว่าหลวงพ่อองค์นั้น ทำปลัดขิกในช่วงปีไหน มรณภาพไปกี่ปี ปลัดขิกก็ต้องมีอายุตามนั้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการลงรัก คาถาอาคม ปลัดขิกบางชิ้นจะมีอักขระ ซึ่งหลวงพ่อแต่ละองค์ก็จะลงอักขระบาลีแตกต่างกันไป" ปวิธพล กล่าว

"กัณหะ เนหะ นี่ของหลวงพ่ออี๋" พยับ อธิบายเพิ่ม "แต่ก็ต้องดูความเก่าและรายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างบนตัวปลัดขิกด้วย"

สำหรับการปลอมปลัดขิกออกขายตามสนามพระต่างๆ นั้น

เอ มรดกไทย เซียนพระแห่งสนามพระบางลำพู และงามวงศ์วาน เล่าว่า ของปลอมมีมากมาย เพราะมันเป็นของที่เหลาด้วยไม้ ใครก็เหลาได้ แต่การดูจะดูที่การเหลา ดูความเก่าของไม้กับวัสดุที่สร้างลายจากของหลวงพ่อ
"เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนลายเซ็นต์ของเราปลอมได้ แต่น้ำหนักของเส้นหนัก เส้นเบาจะไม่เหมือนกัน การที่จะดูของปลอมของจริงนี้ ก็ต้องแยกแยะได้ว่าเราจะเล่นของหลวงพ่ออะไร เขาจะมีเอกลักษณ์ของแต่ละหลวงพ่อที่ไม่เหมือนกัน ราคาก็อยู่ราวๆ หลักหมื่นขึ้นไป ซึ่งก็อยู่ที่ความพอใจของผู้ซื้อกับผู้ขาย"

ทางด้านความนิยมของชาวไทยกลับพบว่าผู้ที่นิยมสะสมปลัดขิกนั้นมีไม่ถึง 20% เทียบกับนักเลงพระเครื่องแล้วถือว่าน้อยมาก และแนวโน้มของปลัดขิกนั้นต่อไป ก็จะยิ่งหายากมากขึ้น เพราะเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกปลัดขิกออกมานั้นแทบจะไม่มีแล้ว เกจิอาจารย์ที่ดังๆ เช่น หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี ที่เชื่อและกล่าวขานกันจากปากต่อปากว่าของแท้ที่หลวงพ่อปลุกเสก ลงคาถาอาคมไว้นั้น เมื่อปล่อยลงน้ำแล้วท่องคาถาที่หลวงพ่อให้ไว้ก็จะว่ายน้ำได้เอง หรือของหลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสวรรค์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ทั้งสองเกจิอาจารย์ก็ได้มรณภาพไปหลายสิบปีแล้ว

นอกจากเกจิอาจารย์ที่มีชื่อด้านการปลุกเสกปลัดขิก 2 ท่านที่กล่าวมาแล้วยังมีหลวงพ่อยิด หลวงพ่อเฮง หลวงพ่อเหลือ หลวงพ่อซ่วน ซึ่งศุภกิจขายปลัดขิกไปแล้วหลายร้อยตัวก็น่าเป็นห่วงว่าต่อไปปลัดขิกมีแนวโน้มที่จะสูญหายไปจากสังคมไทย เนื่องจากปัจจุบันก็ไม่ค่อยมีเกจิอาจารย์ชื่อดังทำปลัดขิกออกมา คนรุ่นใหม่ก็ให้ความสนใจกับปลัดขิกน้อยลง ส่วนปลัดขิกของเก่าที่มีคุณค่า ราคาก็สูง ผู้ที่ซื้อหาไปก็เป็นคนต่างชาติ

ต่อไปไม่แน่ใจว่าคนรุ่นหลังที่เอวเหน็บเพจเจอร์กับโทรศัพท์มือถือถ้าอยากเห็นปลัดขิกอาจต้องบินไปดูในพิพิธภัณฑ์หรือแกลลอรี่ในยุโรปก็เป็นได้

อ้างอิงจาก http://www.pantown.com/board.php?id=119&area=4&name=board1&topic=301&action=view

195
รู้จักแต่องค์ที่สองนะครับ เรียกว่าพระกรุวัดบางยี่หน สุพรรณบุรี รายละเีอียดตามข้างล่างเลยครับ  :002:

พระกรุวัดบางยี่หน สุพรรณบุรี
เมื่อหลายสิบปีก่อน พระกรุบางยี่หน สำแดงปรฏิหารย์ สยบอานุภาพอาวุธปืนสงคราม ที่เมืองขุนแผน ในคราวท้าลอง ?ของดี? ชิงเงินเดิมพัน จนเป็นที่โด่งดังเกรียวกราวไปทั่วแวดวงการฯ

พระกรุบางยี่หน...ยิงไม่ออก
ใช่! ซึ่งเรื่องนี้ ชาวเมืองขุนแผนต่างทราบกันเป็นอย่างดี และด้วยเหตุนี้เอง นักเล่นพระแถบเมืองสุพรรณ อ่างทอง อยุธยา จึงซุ่มเก็บสะสม พระกรุบางยี่หน ไม่ยอมแพร่งพรายเกี่ยวกับประสบการณ์อภินิหารให้คนต่างถิ่นทราบ
เพราะกลัวคนอื่นจะแย่งกันเก็บ พลอยทำให้พระหายาก และมีราคาแพงขึ้นนั้นเอง!
   พระกรุบางยี่หน เป็นพระเก่าเคียงคู่วงการพระเครื่องมาโดยตลอดระยะเวลา ๓๐ ปี ถึงแม้ว่าราคาเล่นหาจะไม่สูงเท่าใดนักก็ตาม แต่นับว่าเป็นพระกรุเก่าที่หายากยิ่งและไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนัก
   เซียนพระรุ่นเก่า ๆ ต่างทราบกันดีว่า...พระกรุบางยี่หน ราคาเบาสบายก็จริงอยู่ แต่เปี่ยมล้นไปด้วยพุทธคุณในด้านมหาอุด และคงกระพันชาตรี สมแล้วกับเป็นพระเก่า ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเน้นพุทธคุณในด้านนี้อย่างแลเห็นได้ชัด
   ปัจจุบัน สันนิษฐานกันว่า พระกรุยี่หน มีอายุการสร้าง เกือบ ๑๐๐ ปี ฉะนั้นท่านผู้อ่านไม่ควรมองข้าม ความสำคัญ ของพระกรุนี้เป็นอันขาดและที่สำคัญราคาเช่าหาก็ยังไม่แพง จนเกินขอบเขตมากนั้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบถึงคุณค่ากับราคา นับว่ายังห่างกันราวฟ้ากับดิน
   วัดบางยี่หน อันเป็นสถานที่แตกกรุของพระกรุบางยี่หน อันเลื่องลือนั้น อยู่ที่ปากคลองบางยี่หน ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี คลองบางยี่หนเป็นคลองขุดสมัยโบราณ มีประตูระบายน้ำของกรมชลประทาน ชาวบ้านแถวนั้นเรีบกว่า ?ประตูน้ำบางยี่หน?
   เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๔ ได้มีชาวมอญตระเวณค้าขายสินค้าทางเรือ มาจอดเทียบท่าใกล้วัดบางยี่หน เพื่อพักอาศัยค้างแรมก่อนที่จะเดินทางต่อไป พอตกกลางคืนชาวมอญพ่อค้าผู้นั้นได้เข้าไปลักขุดพระในองค์เจดีย์ ได้พระไปจำนวนหนึ่ง
   เผอิญขณะที่ชาวมอญหัวขโมยในคราบพ่อค้ากำลังขนถ่ายพระออกจากองค์เจดีย์ สุนัขภายในวัดส่งเสียงเห่าหอนไปทั่ว ทำให้พระอาจารย์พ่วง สุวัณโณ เจ้าอาวาสวัดบางยี่หน ในสมัยนั้น พร้อมพระลูกวัด ตื่นคว้าไฟฉายตรงดิ่งมายังเจดีย์ เพื่อตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้น ?
ปรากฎว่า...
พบพระเครื่ององค์เล็กขนาดปลายนิ้วก้อย เนื้อดินเผากระจัดกระจายตกเรี่ยราดตามพื้นและภายในองค์เจดีย์จำนวนหนึ่ง
พระอาจารย์พ่วง จึงสั่งให้พระลูกวัดช่วยกันเก็บพระดังกล่าวขึ้นไปไว้บนกุฏิของท่าน
จนกระทั่งข่าว พระกรุแตก ที่วัดบางยี่หนแพร่สะพัดไปทั่วบาง ชาวบ้านทั้วใกล้ไกล จึงแห่มาขอพระจากพระอาจารย์พ่วง จนพระใกล้หมด ท่านจึงงดแจก เพื่อเก็บไว้ให้เป็นที่ระลึกแก่คณะผ้าป่าและกฐินซึ่งเดินทางมาทอดที่วัด
ประวัติการสร้างพระกรุบางยี่หน
   พระกรุบางยี่หน ทางวัดได้สืบความเป็นมาจนได้หลักฐานแน่ชัดว่า หลวงพ่อหยัด อดีตเจ้าอาวาสวัดบางยี่หน เป็นผู้สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. ๒๔๔๕ แล้วบรรจุลงไว้ภายในเจดีย์ เพื่อสืบต่อพุทธศาสนาตามคตินิยมโบราณ
   หลวงพ่อหยัด องค์นี้เป็นพระเกจิอาจารย์ดังแห่งเมืองขุนแผนอีกท่านหนึ่ง รุ่นราวคราวเดียวกันกับ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย ว่ากันว่า...หลวงพ่อหยัด ท่านเป็นพระที่คงแก่เรียน เชี่ยวชาญพระเวทอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน และเป็นสหธรรมิก (สหาย) กับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ซึ่งท่านทั้งสองมักไปมาหาสู่แลกเปลี่ยนวิชาอาคมกันและกันเสมอ
   ในราวปี พ.ศ.๒๔๔๕ หลวงพ่อหยัดได้สร้างพระเครื่อง เนื้อดินเผา โดยท่านได้แกะแม่พิมพ์ด้วยตนเอง หลังจากนั้นก็ให้บรรดาพระเณรนำดินภายในวัดช่วยกันกรองกรวดหินทรายแล้วนวดจนได้ที่แล้วนำมากดเป็นพิมพ์พระ
   หลังจากนั้นก็ทำการสุมไป เพื่อเผาพระให้สุกโดย หลวงพ่อหยัด ทำสมาธิเดินวนเวียนอยู่รอบ ๆ เตาเผา เพ่งกสิน เป็นการปลุกเสกไปในตัว แบบเดียวกันกับการปลุกเสกพระเครื่องของหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน และหลวงพ่อแดง วัดทุงคอก
   เมื่อพระสุมไปจนได้ที่ หลวงพ่อหยัดจึงนำพระทั้งหมดปลุกเสกอีกครั้ง เผอิญขณะนั้น หลวงพ่อแก้ววัดสวนหงษ์ อำเภอบางปลาม้า พระเกจิอาจารย์ยุดเดียวกันกับท่านมาเยี่ยมเยียนท่านที่วัดบางยี่หน หลวงพ่อหยัดจึงนิมนต์หลวงพ่อแก้วปลุกเสกพระเครื่องอีกครั้ง
   ก่อนที่จะนำพระดังกล่าวทั้งมดบรรจุเจดีย์
   พระกรุบางยี่หน เป็นพระเนื้อดินเผา มี ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์เชียงแสน และ พิมพ์ชินราช  ขนาดองค์พระทั้งสองพิมพ์ไล่เลี่ยกัน คือกว้างประมาณ ๑.๕ ซ.ม. และสูงประมาณ ๓ ซ.ม.
?   พิมพ์เชียงแสน
เป็นพระพิมพ์ ๒ หน้า ลักษณะรูปทรงห้าเหลี่ยมเว้ามุมตามซุ้มองค์พระ ตรงกลางเป็นรูปองค์พระพุทธปวงสมาธิ ขัดสมาธิเพชร ส่วนมากพระพักตร์เลือน ไรพระศกโค้งเล็กน้อย พระโมลีใหญ่ เกศบัวตูม พระกรรณสั้น องค์ปฏิมากรล่ำสัน แบบพระ ศิลปเชียงแสน
นักเลงพระจึงขนานนาม พระพิมพ์นี้ว่า... ?พิมพ์เชียงแสน?
องค์พระประทับเหนืออาสนะบัวหงาย ๙ กลีบมีซุ้มโดยรอบเป็รัศมี พุทธลักษณะตลอดจนรายละเอียดต่างๆ เหมือนกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
?   พิมพ์ชินราช
เป็นพระพิมพ์ ๒ หน้า ด้านหน้าเป็นองค์พระพุทฑปางสมาธิ ขัดสมาธิเพชร ประทับอยู่บนอาสนฐานบัวคว่ำบัวหงาย ๗ กลีบ ภายในซุ้มเรือนแก้วแบบเดียวกันกับพระพุทธชินราช วัดใหญ่พิษณุโลก ด้านหลังเป็นพระ ๒ ปาง คือ พระปางมารวิชัยองค์หนึ่ง และ พระปางประทับยืนองค์หนึ่ง อยู่ภายในซุ้มเรือนแก้วและซุ้มเส้นลวด
จากการที่ซุ้มองค์พระด้านหน้า ลักษณะคล้ายคลึงกับ พระพุทธชินราช วัดใหญ่พิษณุโลก นักเลงพระจึงขนานนามพระพิมพ์นี้ว่า ?พิมพ์ชินราช?
ส่วนเนื้อพระทั้งสองพิมพ์นั้นเหมือนกัน คือ เป็นพระ เนื้อดินเผา มีความละเอียดและแกร่งมาก แสดงว่าการคัดเนื้อดิน ตลอดจนการกรองกรวดทรายและนวดดินให้เข้ากันทำอย่างประณีต
บางองค์จะปรากฎก้อนขาว ๆ คล้ายกับพระหลวงพ่อโหน่ง แต่ไม่ปรากฎให้เห็นทุกองค์บางองค์ไม่มีก้อนขาวดังกล่าวก็มาก และในบางองค์เมื่อส่องด้วยกล้องขยายจะพบแร่ทรายเงินทรายทองระยิบระยับงดงามยิ่งนัก
ส่วนสีของเนื้อพระนั้น เป็นธรรมดาสำหรับพระเนื้อดินเผาจะต้องมีหลายสี คือ แดง, เทา, น้ำตาล, ดำ และขาวแกมเหลือง
ส่วน คราบกรุ ของพระกรุบางยี่หนนี้คราบ เกาะติดบาง มาก จะปรากฏให้เห็นเฉพาะองค์ที่ยังไม่ผ่านการใช้เท่านั้น หากเป็นพระที่ถูกสัมผัสจับต้องบ่อย ๆ คราบนี้ก็จะหลุดไป เพราะพระกรุนี้บรรจุอยู่ที่สูงไม่จมน้ำ ฉะนั้น คราบกรุจึงไม่หนาแน่นเป็นเพียงฝ้าจับโดยผิวเผือนเท่านั้น

ข้อมูลนำมาจากนิตยสารมหาโพธิ์

196
ตามนี้ครับ

ความหมายของการจุดธูป

ธูป ๑ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องของการเน้น หรือเจาะจง ในเรื่องที่เกี่ยวกับผีบ้านผีเรือน วิญญาณภาคพื้น เช่น การจุดไหว้เจ้าที่ หรือผีบ้านผีเรือน
ธูป ๒ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ และการปักธูปบนอาหาร
ธูป ๓ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ธูป ๔ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๕ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดา คุณมารดา และคุณครูบาอาจารย์
ธูป ๖ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกำลังธาตุไฟ (คนที่เกิดวันอาทิตย์) ใช้สวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๗ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ (ศาลเจ้าพ่อ เจ้าแม่) ครูบาอาจารย์ที่เสียชีวิตแล้ว
ธูป ๘ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเสริมดวง
ธูป ๙ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสักการบูชาเทพ เจ้าป่า เจ้าเขา หรืออรุกขะเทวดา ศาลพระภูมิ ศาลเทพ
ธูป ๑๐ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเสริมดวงชะตา
ธูป ๑๑ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาเทวดาชั้นสูง
ธูป ๑๒ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระราหู (คนที่เกิดวันพุธกลางคืน) ใช้ในการเสริมดวงชะตา
ธูป ๑๔ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาคุณพระสงฆ์ เช่น การจุดบูชาสักการะ รูปปั้นพระสงฆ์
ธูป ๑๕ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกำลังธาตุ (คนที่เกิดวันจันทร์) ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๑๖ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาเทพชั้นสูง เช่น บูชาพระพรหม ฯลฯ
ธูป ๑๗ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๑๙ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจุดบูชาครู และการสวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๒๐ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสวดเสริมดวงชะตา
ธูป ๒๑ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาแม่พระธรณี (ใช้ในพิธีกรรมเบิกพระแม่ธรณี) และการสวดเสริมดวง
ธูป ๓๘ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระธรรม
ธูป ๓๙ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาพระแม่โพสพ
ธูป ๕๖ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบูชาคุณพระพุทธเจ้า
ธูป ๑๐๘ ดอก หมายถึง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการประกอบพิธีกรรม สวดเสริมดวงชะตา

ที่มา http://www.pantown.com/board.php?id=13814&area=1&name=board2&topic=26&action=view  :002:

197
ได้สิครับ พระสมเด็จองค์เป็นล้าน หักครึ่งยังองค์เป็นแสนเลยครับ จะเก็บไว้เลี่ยมขึ้นคอ หรือจะเก็บไว้เป็นมวลสารเพื่อสร้้างพระเครื่องก็ได้ครับ  ของที่เสกมาแล้วยังไงก็ขลังครับ :002:

198
ขอแนะนำตะกรุดเพิ่มเติมครับ

ตะกรุดเมตตา ลงด้วยยันต์โคกินนมเสือ และหนูกินนมแมวครับ เป็นตะกรุด 3 กษัตริย์ครับ



ตะกรุด 8 ทิศลงด้วยยันต์พุทธคุณ ลงแบบตะกรุดเกราะเพชร หลวงพ่อปานครับ บทแรกที่เริ่มต้นด้วย อิระชาคะตะระสา บทต่อมา ติหังจะโตโรถินัง ครบทั้ง 8 บทจึงเรียกว่าตะกรุด 8 ทิศครับ



ตะกรุดสายหลวงพ่อใจอีกแบบที่นิยมมากก็คือ ตะกรุดโลกธาตุ หรือตะกรุดลูกอมครับ





ตะกรุดโลกธาตุมหาอุด ตามตำหรับของหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ กาญจนบุรีครับ



ตะกรุดทีมีชื่อเรียกว่า ตาลยอดเหี้ยน ครับ ท่านเล่าให้ฟังว่าได้มาจากสายหลวงพ่อทบ วัดชนแดนครับ ชื่อของตะกรุดบอกสรรพคุณในตัวเองเลยครับว่า แคล้วคลาด คงกระพันครับ



สุดท้ายครับ พิศมร



ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.watkositaram.com/forum/index.php?topic=3660.0 โดยคุณ sidwat

แต่น่าเสียดายนะครับ ผมไปวัดประดู่ครั้งล่าสุด ปรากฏว่า "ตะกรุดมหาระงับ" ตามตำรับหลวงปู่ใจ ได้หมดจากวัดแล้ว และหลวงพ่อจะไม่สร้างอีกจนกว่าท่านจะอายุครบ 60 ปีครับ นั่นหมายความว่าต้องรอไปอีกสิบกว่าปีครับ ตัวผมเองก็ไม่ได้เช่าบูชาเก็บไว้เหมือนกัน ส่วนด้านล่างคือส่วนที่ผมมีครับ






199
หลังจากที่ได้กราบหลวงปู่ม่วง และหลวงปู่โต๊ะแห่งวัดยางงามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามกระทู้ด้านล่าง

http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,8989.0.html

ต่อไปผมจะพาไปกราบหลวงพ่อสุรศักดิ์ อติสักโข แห่งวัดประดู่



           จะว่าไปแล้วหากพวกเราลองนั่งนับลำดับของพระคณาจารย์ที่เรืองเวทย์ในเมืองไทย...คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ?สองฝากฝั่งของลำน้ำแม่กลอง? อุดมไปด้วยคณาจารย์มากมายหลายท่าน ซึ่งแต่ละองค์ต่างมีความสามารถและจุดเด่นให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของคนไทยที่นิยมในคติความเชื่อเรื่องเหล่านี้..

ก่อนยุค ๒๕๐๐  เช่นหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ หรือยุคหลัง ๒๕๐๐ เช่นหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ซึ่งปัจจุบันแต่ละท่านได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้วก็ตาม แต่ความอมตะทางด้านวิทยาคมและความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลที่ท่านได้สร้างไว้ ก็ยังคงเป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดาผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน....

บันทึกน้อยของผมตอนนี้...เป็นเรื่องของ?พระมหาสุรศักดิ์ อติสักโข เจ้าอาวาสวัดประดู่? อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งท่านเป็นผู้สืบสานตำนานอาคมสองลุ่มลำน้ำครับ?.จะเป็นลุ่มลำน้ำไหนบ้าง..ผมจะพ่นให้ฟังครับ....

?ถึงคลองอัมพวาที่ค้าขาย

เห็นเรือรายเรือนเรียงเคียงขนาน

มีศาลาท่าน้ำน่าสำราญ

พวกชาวบ้านซื้อขายคอนท้ายเรือ?

                 วัดประดู่  เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย  มีเรื่องราวที่เล่าขานกันเป็นตำนานโบราณหลายเรื่อง เช่นเรื่องลายแทงสมบัติ ฯลฯ แต่เรื่องเล่าขานที่เป็นความจริงก็คือวัดประดู่แห่งนี้เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสต้นทางชลมารคมายังวัดประดู่ เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๗๗ และได้ทรงเสวยพระกระยาหารเช้าที่วัดประดู่แห่งนี้...

                  พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาต่อ?หลวงปู่แจ้ง? อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ เป็นอย่างมากและได้ทรงถวายเครื่องราชศรัทธาที่สำคัญๆ เช่น เรือเก๋งพระที่นั่ง พระแท่นบรรทม ตาลปัตร ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันนี้ พระมหาสุรศักดิ์ เจ้าอาวาสได้จัดเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี หากใครสนใจก็ขอเข้าชมได้ที่พิพิธภัณฑ์ของทางวัดครับ...

                  พระมหาสุรศักดิ์ อติสักโข เป็นพระรูปร่างเล็กๆ ผิวขาว อัธยาศัยดีมากครับ สุภาพ อ่อนน้อม ถือว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีเมตตาสูง ...ท่านเมตตาเล่าประวัติให้พวกเราฟังพอสังเขปว่า..

ในช่วงวัยเด็กท่านเป็นเด็กที่มีร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ คุณพ่อของท่านเอาตุ๊กตาเด็กที่ไว้ผมทรงโบราณ เช่น ผมจุก ผมแกละ ผมเปีย ฯลฯ ให้ท่านคลานไปเลือก ท่านเลือกเป็นผมปอยถึงสองครั้ง คุณพ่อของท่านจึงได้ให้ท่านไว้ผมปอยตั้งแต่นั้นมา...

ซึ่งในเรื่องการเลือกไว้ทรงผมนี้ ถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนไทย โดยเฉพาะคนไทยในชนบท สมัยโบราณเรียกการกระทำแบบนี้ว่า ?เอาคุณพระเข้าช่วย?...

ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายท่านคงเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มาบ้าง..ที่ว่าไว้ผมเพื่อเป็นการแก้เคล็ด เนื่องจากเด็กมักเจ็บไข้ออด ๆ แอด ๆ อยู่เสมอ หรือเป็นเด็กที่เลี้ยงยาก ผู้ใหญ่จึงให้เปลี่ยนมาเป็นไว้จุก ไว้แกละ ไว้ปอย หรือไว้เปีย ไปตามแต่จะเห็นสมควร บางทีพอเปลี่ยนทรงผมแล้ว กลายเป็นเด็กแข็งแรงเลี้ยงง่ายไปเลยก็มี?


                 
?คงเป็นเรื่องของวาสนาที่มัน ?รีด? ให้ฉันได้เข้ามาอยู่ในพระพุทธศาสนา?(ยิ้ม)

หลังจากที่จบชั้น ป.๗ ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณรที่วัดประจันตาราม จ.สมุทรสงคราม  ในช่วงที่เป็นสามเณรได้มีเหตุการณ์เฉียดตายกับท่านในเรื่องของอุบัติเหตุทางน้ำแต่ท่านสามารถรอดมาได้หลังจากนั้นเมื่ออายุครบบวช จึงได้บรรพชาที่วัดประจันตารามและเข้าเรียนนักธรรมต่อจนจบเปรียญห้า....



?เขาคงเอาเราไปไม่ได้ เพราะว่าต้องมาเป็นสมภารวัดประดู่? (หัวเราะ)

ด้วยแนวความคิดที่ว่า ?พระพุทธศาสนาเป็นระบบการศึกษา สมภารวัดคือผู้บูรณาการทุกสิ่งให้ดำเนินไปตามจุดมุ่งหมาย? พระมหาสุรศักดิ์ท่านจึงได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ศิลปกรรมต่างๆเช่นการทำหัวโขน การทำหุ่นปั้นจากดินสอพอง เพื่อให้นักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ และประชาชนทั่วไปได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ ...

ในวันที่พวกเราไปกราบนมัสการท่านพบว่ามีคณะครูจากนครปฐม เข้ามากราบขอพรจากท่านเนื่องจากต้องย้ายไปสอนที่โรงเรียนแห่งใหม่..ท่านได้บอกให้พวกเขาไปขอพรจาก ?หลวงพ่อใหญ่? พระประธานศักดิ์สิทธิ์ของวัดประดู่ และท่านได้ให้แนวคิดกับคณะครูเหล่านี้ได้น่าฟังครับ....

?เมื่อจะเริ่มสอนขอให้เราน้อมนำเอาวิญญาณครูเข้ามาสู่จิตใจของเรา...เราจะได้สอนอะไรได้แตกฉาน...

ทุกวันนี้คนเราขาดตรงนี้คิดว่าเป็นครูก็ขึ้นสอนเลย...ลืมเอาจิตวิญญาณของความเป็นครูเข้ามาด้วย?บารมีของครูบาอาจารย์แต่ก่อนเก่ามีจริง.....?

ครับ..?บารมีของครูบาอาจารย์?..สำหรับผมแล้วเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงและมีจริง..ในโลกที่หมุนเร็วทุกวันนี้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นมากมายในสภาพสังคมปัจจุบัน เราจะเห็นได้จากข่าวสารที่มีเข้ามากระทบกับชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในเรื่องของครูบาอาจารย์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม...

ผมคงไม่ต้องยกตัวอย่างเพราะเชื่อว่าเพื่อนๆคงจะผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้ว คนเรานะครับการจะทำอะไรสักอย่างให้ได้ดีนอกจากจะเกิดขึ้นโดยประสบการณ์และความชำนาญแล้ว ?จิตวิญญาณ? ยังมีความสำคัญ..ไม่อย่างนั้นเพลงพระคุณที่สาม คงจะไม่ยืนยงคงกระพันมาจนถึงทุกวันนี้หรอกครับ...

และก็หลายครั้งนะครับที่ ?ความเจริญไม่ได้นำมาซึ่งผลดีต่อทุกอย่าง? เพราะอย่างน้อยที่สุด...สิ่งที่ความเจริญนำมาสู่จิตใจของคนเราในปัจจุบันก็คือ ?ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว?..
 
เห็นท่านพระมหาสุรศักดิ์ เป็นพระนักพัฒนาและทันสมัยขนาดนี้ ทำไมถึงได้มาสนใจในคติความเชื่อเรื่องคาถาอาคม ซึ่งต่างเวอร์ชั่นกันอย่างมาก... เรื่องนี้มีที่มาที่ไปครับ...ท่านได้เล่าให้พวกเราฟังค่อนข้างยาว ผมเลยขอสรุปเอาพอสังเขปครับ....เริ่มจากตอนที่ท่านเป็นเณรบวชอยู่กับหลวงพ่อสุด วัดกาหลง เริ่มสนใจ ?ยันต์ตะกร้อ?..แต่ก็ไม่ได้ศึกษาซักเท่าไหร่หลวงพ่อสุด ท่านก็มรณภาพเสียก่อน..

พอมาบวชเป็นพระได้พรรษาแรก ท่านได้พบกับ ?หลวงตามี? พระลูกวัดประจันตาราม ซึ่งเป็นผู้ที่เขียนยันต์ให้กับหลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านจึงได้ขอเรียนการเขียนอักขระขอม..ในช่วงนั้นด้านหลังโบสถ์ของวัดประจันตาราม ก็มี ?พระอาจารย์รวม? ซึ่งเป็นอาจารย์สักที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะ ?ยันต์หมูทองแดง? ...

พระอาจารย์รวมเป็นพระที่มีอาคมขลังและหนังเหนียว มีฉายาในกลุ่มลูกศิษย์ว่า ?ตารวม หนังแห้ง? ด้วยความเป็นพระที่มีกิริยานอบน้อม พระอาจารย์รวมจึงได้ถ่ายทอดวิชาการต่างๆให้จนหมดสิ้น...ภายหลังพระอาจารย์รวมได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่กับท่านที่วัดประดู่และได้มรณภาพที่วัดแห่งนี้..

ในช่วงนั้นท่านพระมหาสุรศักดิ์ได้พบกับ ?คุณโยมพ่อใหญ่ ยังมีสุข? ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ ?หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ? จึงได้เรียนวิชา ?การลงอุนาโลม และการถักเงื่อนจระเข้ขบฟัน?...ถึงตรงนี้..ผมขออธิบายเพิ่มเติมตามที่ท่านมหาได้เล่าให้ฟัง

?การถักเงื่อนจระเข้ขบฟันคือการถักเชือกหุ้มตะกรุด นัยว่าเป็นเคล็ดเรื่องการปิดกั้นอาวุธไม่ให้แสดงฤทธิ์หรือทำร้ายเราได้??

จะว่าไปแล้วคาถาอาคมหรือไสยศาสตร์นี่สำคัญนะครับ นอกจากตัวคาถาที่แม่นยำแล้วยังต้องมีการฝึกจิตและต้องมีสมาธิที่ดี....ของถึงจะขลัง...

?สายชลแม่กลอง น้ำนองสองฟากล้นฝั่ง
น้ำใจจงหลั่ง พอได้ประทังชีพฉัน
สายน้ำมิอาจ ตัดขาดออกไปจากกัน
สายใยสัมพันธ์ ขาดกันไม่ได้หรอกเอย?

?ประวัติศาสตร์บอกถึงจุดกำเนิด วัฒนธรรมบอกถึงเรื่องราวความเป็นมา?...สายวิชาของการทำ ?ตะกรุดลูกอมโลกธาตุ? เริ่มจาก?หลวงปู่แจ้ง?...

อดีตเจ้าอาวาสของวัดประดู่แห่งนี้ ได้ถ่ายทอดวิชาการทำย้อนลำนำแม่กลองไปยัง?หลวงปู่ยิ้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว? จังหวัดกาญจนบุรี หลังจากนั้น..

?ท่านพระราชมงคลวุฒาจารย์ หรือหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ? ท่านก็ได้ไปขอศึกษาและนำมาถ่ายทอดต่อยัง ?หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี และ หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ? ในช่วงดังกล่าวพระมหาสุรศักดิ์ ได้ปฏิบัติหน้าที่เลขาของหลวงพ่อหยอด จึงได้ขอศึกษาและหลังจากหลวงพ่อหยอดท่านมรณภาพ...

พระมหาสุรศักดิ์ท่านจึงได้นำมาสร้างจนเผยแพร่ในปัจจุบัน.....จะว่าไปแล้วพระมหาสูรศักดิ์องค์นี้แหละครับที่สืบสายตำนานวิชาของลำน้ำแม่กลอง...อีกลำน้ำหนึ่งที่ผมจะขอกล่าวถึงพอสังเขปไว้ในบันทึกน้อยตอนนี้แต่รายละเอียดปลีกย่อยคงต้องขอค้างไว้ก่อน.(เรื่องมันยาว)..คือ?แม่น้ำนครชัยศรี?..จังหวัดนครปฐม..

พูดถึงตรงนี้เข้าใจว่าเพื่อนๆ คงร้องอ๋อ...ครับ ?วิชาการทำเบี้ยแก้? จาก ?หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว? ซึ่งหากมีเวลาว่างพวกเราจะเห็นภาพพระมหาสุรศักดิ์ท่านเข้าไปช่วยหลวงปู่เจือบรรจุปรอทและลงยันต์กำกับ...ในเรื่องการเข้าไปช่วยทำเบี้ยแก้นี้ พระมหาสุรศักดิ์บอกกับพวกเราว่าเป็นการ ?สนองคุณครูบาอาจารย์? ครับ...

?ตะกรุดแต่ละดอก ฉันก็ว่ามันเหมือนคนเรานั่นแหละ มันมีลักษณะ มีเอกลักษณ์เป็นตัวของตัวเอง... ต่อให้ทำและเขียนจากคนๆเดียวกันก็เถอะ... ฉันก็ว่ามันก็จะต้องมีอะไรสักอย่างที่ไม่เหมือนกัน?

คำพูดของพระมหาสุรศักดิ์ที่บอกกับพวกเราในระหว่างสนทนาครั้งนี้ เป็นการยืนยันคุณภาพของผู้ที่ทำได้ว่ามีความชำนาญและวิริยะขนาดไหน..ซึ่งในยุคสมัยใหม่ที่การผลิตตะกรุดของวัดบางแห่งมักจะนิยมสั่งทำจากโรงงาน นัยว่าเพื่อให้ได้ปริมาณตามที่ต้องการ การที่พระซักองค์จะมัวมานั่งเขียนตะกรุดโดยมือที่ละดอกถูกมองว่าเป็นเรื่องชักช้าและไร้สาระ...จะว่าไปแล้วในปัจจุบันจะหาวัดที่มีการสร้างตะกรุดที่เขียนขึ้นจากมือที่ละแผ่นและมานั่งม้วนถักเชือกที่ละดอกค่อนข้างหายาก และแทบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว..

เปรียบไปแล้ว..การเขียนตะกรุดด้วยมือแทนเครื่องจักร...ก็คงเหมือนกับ ?ดอกบัวสีแดง? ดอกหนึ่งที่อยู่ท่ามกลาง ?หมู่ดอกบัวสีขาว? หลายๆดอก เป็นความจริงว่าดอกบัวสีแดงนี้มันอาจจะไม่เหมือนดอกบัวอื่นๆ..แต่อย่างน้อยมันก็น่าสนใจนะครับว่า....ทำไมดอกบัวสีนี้มันถึง?โผล่?ขึ้นมาได้...

ไม่เชื่อเพื่อนๆ ลองแกะตะกรุดของวัดประดู่ออกมาดูซิครับ..จะเห็นว่าโลหะชนิดเดียวกัน อักขระเดียวกัน ม้วนได้ครบรอบเท่ากัน...แต่เชื่อผมเถอะว่ามันต้องมีแตกต่างกัน เช่น ความเรียบของชิ้นโลหะ หรือการลงรักที่หนาบาง ฯลฯ ลองสังเกตดูเถอะครับ แล้วจะรู้ว่าตะกรุดที่ผลิตจากมือ...หนึ่งร้อยดอก ก็มีหนึ่งร้อยแบบ..

อย่างนี้แหละครับที่เป็นเสน่ห์ชวนใฝ่หาของผู้ที่นิยมของขลังประเภทนี้....จริงๆแล้วพระมหาสุรศักดิ์ท่านได้สืบทอดวิชาการทำตะกรุดมาจากหลายคณาจารย์ เช่น ตะกรุด ?ตาลยอดด้วน? ตะกรุด?ดาวล้อมเดือน? ฯลฯ

ในบันทึกน้อยของผมตอนนี้ขอเขียนถึงสายพระราชมงคลวุฒาจารย์ หรือหลวงปู่ใจวัดเสด็จ เพราะเห็นว่าขณะนี้มีประสบการณ์เกิดขึ้นกับลูกศิษย์หรือผู้ที่มีไว้ติดตัวอยู่เนืองๆ...เรามาฟังพระมหาสุรศักดิ์อธิบายพร้อมๆ กันครับ...



?ตะกรุดมหาระงับปราบหงสา...ดีทางระงับดับภัย โทษร้ายกลายเป็นดี เขียนลงแผ่นทองแดงขนาด ๗ นิ้ว พอกยาซึ่งประกอบไปด้วยใบไม้รู้นอน ๗ ชนิดคือ ใบมหาระงับ ใบผักกะเฉด ใบกระทืบยอด ใบสมิ ใบแคขาว ใบชุมเห็ด และหญ้าใต้ใบ...ถักเชือก..เสร็จแล้วก็ลงรักปิดทอง?



?ตะกรุดโภคทรัพย์ หรือตะกรุดคู่ชีวิต ดีทางคุ้มครองดวงชะตาและก่อให้เกิดมีทรัพย์สินเงินทองเพิ่มพูน เขียนลงบนแผ่นทองแดงขนาด ๖ นิ้ว ถักเชือก พอกยาและปิดทองแบบเดียวกับมหาระงับ



ถึงตรงนี้ผมขอคั่นรายการซักนิดเพื่อกล่าวถึง?วิชาไหม ๕ สี? ซึ่งเป็นวิชาที่หลวงพ่อหยอดนำมาสร้างแจกบุคคลทั่วไปและมีประสบการณ์ที่เล่าลือกันไม่หวาดไม่ไหว...ซึ่งพระมหาสุรศักดิ์กล่าวว่า ...

วิชานี้เป็นของ ?หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ? โดยในยุคของหลวงปู่ใจจะสร้างจากไหมญี่ปุ่นจำนวน ๕ สี ได้ความหมายว่าเป็นศีลห้า...นำมาถักขวั้นกัน โดยใช้คาถาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆ์คุณ กำกับเวลาขวั้นไหม..วิชาไหม ๕ สีนี้เมื่อตกทอดมาสู่?หลวงพ่อหยอด? จึงได้เปลี่ยนมาใช้ไหมเทียม โดยโรงงานทำไหมเทียมซึ่งเป็นของลูกศิษย์ท่าน 

วันหนึ่ง ?หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ? ได้มีโอกาสพบกับ ?หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม?..เกิดชอบใจในวิชา ?การขอดเชือก? จึงได้ขอความเมตตาเรียนจากหลวงพ่อแช่ม และหลวงพ่อหยอดก็ได้นำ ?ตัวขอด? นี้มาไว้เป็นส่วนหนึ่งในส่วนของไหม ๕ สี....ในยุคสมัยของหลวงพ่อหยอดรูปร่างหน้าตาของไหม ๕ สีจึงเป็นแบบตามรูปที่ผมลงให้ดู ....และเป็น ?ปกาศิตจากหลวงพ่อหยอดว่า..?



?เมื่อใดที่เชือกขาด ให้เก็บตัวขอดนี้ไว้ เพราะนี่คือตะกรุดหนึ่งดอก?

?ใครที่ใช้ไหม ๕ สี นอกจากจะสวดระลึกถึงหลวงปู่ใจ หลวงพ่อหยอดแล้ว ให้ระลึกถึงหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอมด้วย?

คราวนี้มาพูดถึงตะกรุดอีกประเภทหนึ่งซึ่งผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายท่านกำลังสนใจอยู่..ครับ...?ตะกรุดโลกธาตุ?...ในเรื่องของวิชาการทำตะกรุดโลกธาตุ..มีเรื่องเล่าขานกันว่า..เป็นตะกรุดที่มีคุณวิเศษอเนกอนันต์ ในยามคับขันหรือจวนตัวให้กลืนเข้าไปในท้อง จะสามารถล่องหนหายตัวและป้องกันอันตรายได้ทุกประการ...

เมื่อใครได้กลืนเข้าไปแล้วก่อนนอนให้ตั้งจิตอธิษฐาน ตื่นเช้ามาก็จะพบตะกรุดปรากฏอยู่ข้างตัว ตะกรุดโลกธาตุนี้จะไม่ออกทางทวารเบื้องต่ำอย่างเด็ดขาดและคาถาที่ลงในตะกรุดคือ ?อิจฉันโต จิตโต อิจฉันโต โลกธาตุมหิ อัตตะภาเวนัง นาทุยิ วาระวีสะติ สิทธังละอะ? ....

นอกจากคุณสมบัติที่ลึกล้ำแล้ว การจะลงตะกรุดก็ไม่แพ้กัน กล่าวคือผู้ที่จะเรียนวิชานี้ได้ต้องมีความสามารถนั่งสมาธิเพ่งไส้เทียนจนขาด..นัยว่าเพื่อเป็นการแสดงถึงสภาวะจิตที่เข้มแข็ง......



มีคำกล่าวว่า ?นิทานเป็นอาหารวิเศษสำหรับเด็ก..และเป็นขนมหวานของจิตใจ?...ถึงเรื่องสรรพคุณของ ?ตะกรุดโลกธาตุ? ที่หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ได้เล่ากับพวกเรา จะฟังดูแล้วเหมือนนิทาน เหมือนเรื่องโกหก..ผมเรียนถามท่านว่า

?แล้วหลวงพ่อสามารถนั่งเพ่งจนไส้เทียนขาดไหมครับ?


?ฉันยังทำไม่ได้แบบนั้น?...

?ในระหว่างวันฉันไม่มีโอกาสได้นั่งเขียนตะกรุด และมีเรื่องราวต่างๆ เข้ามาให้คิดตลอด โชคดีที่ตัวเรามีสติ...

ดังนั้นเมื่อฉันเริ่มทำ ฉันจะโยนทุกอย่างทิ้งไปหมด บอกกับตัวเราเองว่า เรามีหน้าที่เขียนตะกรุด ทำออกไปให้กับกลุ่มลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาเรา...

เพราะฉะนั้นเราจะขาดสติและสมาธิไม่ได้...ตราบใดที่เรายังคุมตัวเองไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะสร้างอะไรให้เขาบูชาเลย บาปซะเปล่าๆ?

ผมรูดซิปที่เป้คู่ชีพ...ควานหาถุงพลาสติกที่ใส่ตะกรุดโลกธาตุ รู้สึกอุ่นใจ..ผมไม่ได้นำมาคืนท่านเพราะว่าท่านเพ่งไส้เทียนไม่ขาดหรอกนะครับ การที่ท่านบอกว่า ?ฉันยังทำไม่ได้แบบนั้น? ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ทั้งหมด ไม่ต้องเพ่งขาดหรอกครับ เอาแค่ ?ท่านมหาสุรศักดิ์นั่งเขียน ร้อยไหม ถักตัวขอดได้พวกผมก็เชื่อแล้ว? ..

อีกอย่างการที่ท่านจะมานั่งบอกพวกผมว่าฉันนะนั่งเพ่งจนไส้เทียนขาดไปหลายเล่มแล้ว...เพื่อนๆ ฟังดูแล้วรู้สึกยังไงครับ...นี่คือการพูดอวดตัวเองหรือเปล่าขอโปรดพิจารณา....

?ว่ากันว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกพิกลพิการใบนี้ ย่อมต้องมีสิ่งที่ดีเสมอ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องทุกข์หรือเรื่องสุข? ....ไม่มีใครที่อยากมีความทุกข์หรอกครับ..

และก็เป็นความจริงที่ทุกคนก็อยากมีความสุข ..?การที่เรามีความสุขมากๆจะทำให้เราหลงลืม?...แต่?ความทุกข์จะทำให้เราต้องหันกลับมามองหาความจริงของชีวิตมากยิ่งขึ้น...?

เช่นเดียวกับในสมัยปัจจุบันนี้..พวกเรามักจะมองว่าผู้คนทั่วไปจะยึดติดกับคติความเชื่อในเรื่องคาถาอาคมหรือพิธีกรรมมากกว่าจะมองหาแก่นแท้ของศาสนา...ท่านพระมหาสุรศักดิ์ยิ้มน้อยๆและกล่าวถึงเรื่องนี้สั้นๆว่า...

?เราอยู่ในสมัยที่คนต้องเป็นที่พึงของตัวเองมากขึ้น?(ยิ้ม)

จะว่าไปแล้วผมว่าเรื่องนี้น่าคิดนะครับ...เพราะปัจจุบันนี้จะสังเกตได้ว่าคนรุ่นใหม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวเองว่า ตนชอบนั่งสมาธิ ชอบปฏิบัติธรรมซึ่งแต่เดิมแล้วน้อยมากที่คนเราจะออกมาพูดถึงเรื่องพวกนี้...?การปฏิบัติธรรมในสมัยนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา? ปฏิบัติกันแบบเป็นครอส เป็นแบบโครงการ เรียกได้ว่าทุกวันนี้เป็นที่ยอมรับของสังคม...

?ยาที่รักษาโรคหากใช้ถูกก็มีค่าอนันต์ หากใช้ผิดก็มีโทษมหันต์?..เช่นเดียวกันหากเพื่อนๆ สังเกตดูจะพบว่า ?บทบาทของพระสงฆ์น้อยลง? แต่ ?บทบาทของฆราวาสเพิ่มมากขึ้น? การปฏิบัติธรรมโดยไม่มีพระสงฆ์คอยควบคุมดูแลก็มากขึ้นตามลำดับ..สาเหตุนี้มาจากอะไร..ผมเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้...

ดังนั้นการที่พระซักองค์จะก้าวเข้ามาโดยใช้ ?กุศโลบายทางด้านวัตถุมงคล หรือแนวความเชื่อในเรื่องขนบธรรมเนียมเก่าๆ? เพื่อดึงคนเหล่านั้นให้หันกลับมาเข้าวัดตามแบบเดิม...จึงเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนหรือไม่ก็ต้องฝากเพื่อนๆ..ช่วยคิดละครับ...

ในความเป็นจริงแล้ว..?พระพุทธศาสนาของเราจะมีทั้งกลุ่มที่ไม่ยึดติดวัตถุมงคลและกลุ่มที่ยึดติดวัตถุมงคล?...

ซึ่งทั้งสองกลุ่มก็ยังอยู่ภายใต้บทบัญญัติเดียวกันและเหมือนๆกัน..แต่ก็เป็น ?ความเหมือนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง? กล่าวคือ.....?กลุ่มหนึ่งเน้นในด้านจิตวิญญาณ อีกกลุ่มหนึ่งเน้นในเรื่องของพิธีกรรม?...

แต่บุคลิกที่แตกต่างของทั้งคู่ก็เป็น ?ผลดีต่อการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน?ไม่ใช่หรือครับ...

ดังเช่นคำกล่าวที่ว่า ?การอ่านเป็นพื้นฐานที่ดีที่สุดสำหรับการเขียนที่ดี?....ผมว่าการดำเนินกิจกรรมในร่มเงาของพระพุทธศาสนาควบคู่ไปทั้งสองด้านของพระมหาสุรศักดิ์...?จึงเป็นทั้งการอ่านและการเขียน..ที่ดีเยี่ยม?...สวัสดีครับ

ข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/sitthi/2008/07/19/entry-1 โดยคุณศิษย์กวง






 

200
เคยมีผู้ที่ตั้งกระทู้ถามลักษณะคล้ายๆกันแบบนี้ครับ http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,8287.0.html

ผมขอนำมาลงอีกครั้งนะครับ

เรื่องประจำเดือน......โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

 หลวงพ่อตอบเรื่องประจำเดือน - ในพิธีต่างๆที่ห้ามหญิงมีประจำเดือนเข้ามานั้น  เพราะในสมัยก่อนยังไม่มีผ้าอนามัย  หญิงที่มีประจำเดือนก็เลยต้องใช้ผ้าเตี่ยว  ทำให้ต้องเปลี่ยนบ่อย  ยิ่งวันมามากยิ่งแล้วใหญ่  ไม่ต้องไปไหน  จะไปวัดก็ไม่ได้  จะไปถือศีลอุโบสถก็ไม่ได้  เพราะกลัวจะทำให้วัดวาอารามสกปรก เลอะเทอะด้วยเลือดประจำเดือน  กลัวว่าจะเป็นบาป  ก็เลยถือตามกันมาว่า  ถ้ามีประจำเดือนแล้วอย่าไปงานพิธีมงคลต่างๆ  เลือดเลอะเปรอะเปื้อนแล้วมันจะดูไม่งามครับ

ส่วนถ้าเป็นด้านพุทธคุณ  หลวงพ่อฤาษีลิงดำตอบว่า  ถ้าประจำเดือนทำให้พุทธคุณเสื่อมได้  ต่อไปอาตมาจะนับถือประจำเดือนเป็นศาสดาแทนพระพุทธเจ้า   แล้วท่านก็หัวเราะครับ 
(ผมขออธิบายเพิ่มเติม ที่ท่านพูดอย่างนั้นเพราะในสามโลกธาตุนี้  ไม่มีใครจะบริสุทธิ์เท่าพระพุทธเจ้าแล้ว  ใครจะมาทำให้พุทธคุณของท่านแปดเปื้อนไม่มีอีกแล้วครับ)


ถ้าสายดำ พวกของต่ำ  เขาห้ามกันจริงๆครับ   แต่สำหรับผมไม่กลัวครับ  มันเป็นเรื่องธรรมชาติ  แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้เดินทางสายเดรัจฉานวิชา เลยไม่รู้ว่าจะกลัวไปทำไรนิ  อิอิ


สุดยอดแห่งคำแนะนำ ทั้งไสยศาตร์ วิทยาศาสตร์ และความเป็นจริง ไปด้วยกันเลยครับ ไม่ได้เชื่อกันอย่างงมงาย  :002:

201
ศรัทธาอยู่ที่ใจ ไม่ต้องลองครับ :002:

202
กราบนมัสการหลวงพี่ติ่ง ขอให้อายุมั่นขวัญยืน ปราศจากโรคภัยใดๆมาเบียดเบียน มีแต่ความสุขกายสบายใจครับ  :002:

203
ระวังเรื่องเหรียญชุบ เหรียญกระหลั่ย และรอยจาร เพื่อup ราคาด้วยครับ
  บางรุ่นเสริมมาทำจากโรงงานเลย   

ขอบคุณครับ  :002:

204
อย่างนี้ผู้หญิงสักยันต์ก็ไม่ได้ แถมยังซวยทุกเดือนนะครับ เพราะมีเมนส์มาทุกเดือนเลย Ho Ho Ho ปล่อยวางซะ แล้วต่อไปก็ระมัดระวังหน่อยก็แล้วกัน  :002:

205
ดูคลิปได้ที่นี่ครับ

http://video.sanook.com/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%AD_:_%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-393393-player.html

สุดท้ายก็อยู่ที่ความศรัทธาของคุณแล้วล่ะ ถ้าไม่มีศรัทธา สักไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาครับ  :002:

206
ตามนี้ครับ คุณ Porvfc นำมาโพสไว้ครับ  :002:

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=8989.msg83054;topicseen#new

207
โอ้คุณ Porvfc ไปเอารูปตะกรุดคุณปี๊ด ปู่นนท์ มาเกือบหมดเลยนะครับ เดี๋ยวเจ้าของเขามาทวงครับ Ho Ho Ho คุณปี๊ด ก็เคารพหลวงปู่ม่วงมากๆครับ  :074:

208
สุดท้ายแล้วสำหรับคนที่จะไปกราบทั้งหลวงปู่โต๊ะ และหลวงปู่ม่วง ขออย่าได้รบกวนท่านทั้งสองมากจนเกินไปนะครับ หลวงปู่ทั้งสองมีอายุเกือบ 100 ปีแล้วทั้คู่ และอย่าหวังแต่จะไปขออะไรจากหลวงปู่ทั้งสองเพียงอย่างเดียว แต่ขอให้ทำอะไรดีๆให้แก่วัดยางงามบ้านนะครับ


209
นี่คือพระที่หลวงปู่เมตตาแจกครับ



แต่นี่คือสิ่งที่หลวงปู่ชอบแจกให้ทุกคนมากที่สุดครับ





210
นี่คือส่วนหนึ่งของตะกรุดหลวงปู่ที่ผมมี ขนาดใหญ่สุดประมาณ 7 นิ้ว เล็กสุดก็ประมาณ 1 นิ้วครับ



ตะกรุดหลวงปู่ถ้าเป็นแบบที่เลี่ยมมาจากวัดจะมีเส้นเกศาหลวงปู่อยู่ด้วยครับ





211
จากเพื่อนชาวเวปที่ไปกราบหลวงปู่โต๊ะ แห่งวัดยางงามตามกระทู้ข้างล่างนี้

http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,7914.0.html

http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,8317.0.html

กลัวว่าเพื่อนๆจะพลาดได้กราบพระดีๆอีกองค์หนึ่งในวัดยางงาม นั่นก็คือหลวงปู่ม่วงนั่นเอง



พระครูสุนทรจริยาวัตร (หลวงปู่ม่วง นาคเสโน) แห่งวัดยางงาม จ.ราชบุรี

อัตโนประวัต มีนามเดิมว่า ม่วง พุ่มโรจน์ เกิดเมื่อวันพุธที่ 21 สิงหาคม 2455 ปีชวด ณ บ้านหมู่ที่ 5 ต.ปากท่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ครั้นอายุ 20 ปี ถึงวัยเกณฑ์ทหาร นายม่วงได้เข้ารับการคัดเลือก ปรากฏว่าจับได้ใบดำ จึงตัดสินใจอุปสมบท เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2474 ณ พัทธสีมา วัดปากท่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี โดยมีพระราชเขมาจารย์ ( หลวงพ่อเปราะ ) วัดช่องลม อ.เมือง จ.ราชบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ (หลวงพ่อเปราะองค์นี้ก็สุดยอดแห่งพระเกจิอาจารย์เมืองราชบุรี เป็นศิษย์ของหลวงปู่ห้อง วัดช่องลม อ.เมือง จ.ราชบุรี พระอริยสงฆ์ยุคเก่าในอดีต หลวงปู่ห้องท่านสร้างเหรียญหล่อลักษณะรูปองค์พระจะคล้ายๆเหรียญของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร จนทำให้ในอดีตหลายคนสับสนนึกว่าเป็นของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน สมัยก่อนถ้าหลวงปู่ห้อง สักให้ใคร จะเหนียวทรหด ศาสตาวุธทำอันตรายไม่ได้ จนต้องมาให้ท่านรดน้ำมนต์ และทำพิธีถอนคาถาให้ ศาสตาวุธจึงจะทำอะไรคนคนนั้นได้ ) พระอาจารย์เทียน วัดป่าไก่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสุข วัดปากท่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังจากได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ พระม่วงได้มุ่งมั่นศึกษาหาความรู้ในทางพระปริยัติธรรม เป็นที่ยอมรับของพระอาจารย์ และพระภิกษุรุ่นราวคราวเดียวกัน พ.ศ.2476 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนวัดปากท่อ พ.ศ.2478 สอบได้นักธรรมชั้นโท และพ.ศ.2480 จบพระปาฏิโมกข์ แม้ในชั้นแรก ท่านจะตั้งใจบวชเรียนเพียง 2-3 พรรษา แต่เมื่อได้ร่ำเรียนพระปริยัติธรรม และซาบซึ้งในรสพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านจึงไม่คิดลาสิกขา ตั้งใจเด็ดเดี่ยวหันหลังให้ชีวิตทางโลกอย่างสิ้นเชิง

ต่อมาท่านตัดสินใจเดินทางมาอยู่ที่วัดยางงาม ร่วมกับพระลูกวัด และชาวบ้าน และได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พัฒนาวัดยางงามอย่างต่อเนื่อง จนทำให้วัดซึ่งแต่เดิมเป็นวัดตามชนบท ได้เริ่มฉายแววแห่งความสง่างามขึ้นตามลำดับ

ทางวัดยางงามได้จัดให้มีการสอนธรรมะ เพื่อสร้างประชาชนคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจธรรมมะ มีการเปิดโรงเรียนสอนพระอภิธรรมให้แก่ชาวบ้าน และผู้สนใจ มีชาวบ้าน และผู้สนใจมาร่วมเข้าเรียนกันอย่างมากมาย

งานด้านการศึกษา

พ.ศ.2480 เป็นครูสอนนักธรรม

พ.ศ.2501 เป็นเจ้าสำนักเรียนพระปริยัติธรรมวัดยางงาม และเป็นผู้อุปการะโรงเรียนประชาบาลวัดยางงาม

ในการส่งเสริมการศึกษา หรือการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หลวงปู่ม่วง ยังเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่องอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย จัดให้มีการอบรมศีลธรรม จริยธรรม แก่ประชาชนทั่วไป ในแต่ละปีจะจัดให้มีการบวชชีพราหมณ์ขึ้น ในวันสำคัญต่างๆในทางพระพุทธศาสนา แม้ในวันหยุด เช่นวันเสาร์-อาทิตย์ ก็มีคนมาร่วมบวชชีพราหมณ์กับท่านอยู่เป็นประจำมิได้ขาด นอกจากนี้ยังจัดให้มีการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน อบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานทุกปี จัดสวดพระปาฏิโมกข์ และฟังการอ่านพระปาฏิโมกข์แปล ทุกวันพระ 15 ค่ำ กลางเดือน และสิ้นเดือน

นอกจากนี้ยังจัดให้มีการพิมพ์หนังสือ บทความธรรมะ แจกจ่ายแก่พระภิกษุ สามเณร และบุคคลทั่วไป จัดตั้งกองทุนเพื่อการศึกษา ในเขตโรงเรียนประถมศึกษาต่างๆ พร้อมทั้งการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ งานสาธารณูปการ อีกทั้งบูรณะ และพัฒนากุฏิสงฆ์ไม้เรือนไทย ศาลาหอฉัน สร้างสะพานข้ามคลองยาว 15 เมตร กว้าง 2 เมตร เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม อีกทั้งยังจัดสร้างถาวรวัตถุอีกมากมายหลายอย่าง

ชาวบ้านที่เดินทางมาเข้าร่วมพิธีอุปสมบทหรือบวชชีพราหมณ์ หลวงปู่ม่วง จะเป็นผู้ที่สั่งสอนด้วยตนเอง โดยจะเน้นให้ทุกคนปฏิบัติตนให้เป็นคนดี และให้มีจิตใจเมตตา เมื่อมีความเมตตาแล้ว ทุกอย่างจะตามมา และประสบความสำเร็จ

สิ่งที่หลวงปู่ม่วงได้กล่าวเน้นย้ำให้ทุกคนฟัง และให้ทุกคนจำให้ขึ้นใจมีว่า

"ขอให้ทุกคนจงรักษาศีล ทำแต่ความดี เมตตาเขา เขาเมตตาเรา ธรรมะจะรักษาคน ธรรมะจะรักษาตัว ธรรมะจะรักษาใจ ทั้งหมดรวมไว้ในเมตตาธรรม แจกธรรมะ ดีกว่าแจกพระเครื่อง"

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์

พ.ศ.2480 เป็นครูสอนนักธรรม ณ สำนักเรียนวัดยางงาม

พ.ศ.2488 เป็นเจ้าคณะตำบลจอมประทัด

พ.ศ.2501 เป็นเจ้าอาวาสวัดยางงามและเจ้าคณะตำบลปากท่อ

พ.ศ.2508 เป็นพระอุปัชฌาช์

พ.ศ.2540 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอปากท่อ

ลำดับสมณศักดิ์

พ.ศ.2501 เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ เป็นพระครูสุนทรจริยาวัตร

พ.ศ.2521 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม

หลวงปู่ม่วง เป็นพระที่มีความเมตตา ไม่เคยดุด่าว่าใคร ทำให้ชาวบ้านต่างเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง ท่านเคยปรารภว่า อยากให้ทุกคนมีความเมตตา โดยเมื่อมีเมตตาแล้ว สิ่งดีๆจะบังเกิดตามมา

มีคำร่ำลือกันว่า หลวงปู่ม่วง มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดสิ่งใด มักจะเป็นอย่างที่พูดเสมอ ท่านมีศิษยานุศิษย์ที่เคารพนับถือมีทุกระดับชั้น ตั้งแต่ข้าราชการ นักการเมือง พ่อค้าประชาชน ไปจนถึงประชาชนระดับรากหญ้า

นอกจากนี้หลวงปู่ม่วงท่านยังเคยได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ จ.สมุทรสงคราม ร่วมกับหลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ หลวงปู่ม่วงท่านจะมีอายุเท่าๆกับหลวงปู่หยอด สมัยหลวงปู่หยอด ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะไปมาหาสู่กันบ่อยมาก เพราะท่านเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกัน

ด้านวัตถุมงคล ที่หลวงปู่ม่วงได้อธิษฐานจิต เป็นที่ปรารถนาของบรรดาศิษยานุศิษย์ เพราะก่อให้เกิดอิทธิฤทธิ์ต่างๆอย่างมากมาย วัตถุมงคลที่เคยทำออกมา อาทิ เหรียญหลวงปู่ม่วง จัดสร้างปี พ.ศ.2528 งานปิดทองฝังลูกนิมิต จัดเป็นเหรียญรุ่น 1 ต่อมาได้จัดทำเชือกมงคลด้าย 7 สี เหรียญลงยา พระปิดตา ฯ วัตถุมงคลแต่ละรุ่นจะมีประวัติการสร้างไม่ซ้ำกัน ส่วนใหญ่ลูกศิษย์จะสร้างถวาย

วัตถุมงคลต่างๆที่ลูกศิษย์ได้นำไปบูชานั้น ลูกศิษย์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โดดเด่นด้านเมตตามหานิยม และอยู่ยงคงกระพัน เคยมีผู้ที่มีประสบเหตุการณ์รอดตายจากอุบัติเหตุ รอดพ้นภยันตรายต่างๆ แคล้วคลาดไม่ได้รับบาดเจ็บมาหลายคน ทำให้เหล่าลูกศิษย์ต่างเชื่อมั่นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของวัตุมงคลของหลวงปู่ม่วง ที่คอยคุ้มครองปกปักรักษาให้ทุกคนปลอดภัย เสียงร่ำลือจากปากสู่ปากนี่เองทำให้ประชาชนชาวจังหวัดราชบุรี และประชาชนทั่วประเทศ มุ่งหน้าเดินทางมาที่วัดยางงาม เพื่อขอพร และให้หลวงปู่ม่วง เสกเป่ากระหม่อม เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตนเอง และครอบครัว

ถึงแม้อายุขัยจะล่วงเข้าสู่วัย 95 ปีแล้ว แต่ด้วยความมีเมตตาเป็นที่ตั้งหลวงปู่ม่วงมักจะถูกนิมนต์ ให้ไปร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอยู่เป็นเนืองนิตย์ ประกอบกับการที่ท่านยังมีร่างกายที่แข็งแรง มีความคิดพัฒนาอยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ ทำให้ท่านมุ่งมั่นทำงานเผยแผ่พระธรรมอย่างต่อเนื่อง ยึดมั่นที่จะเดินหน้าให้ทุกท่านรับความรู้สัจธรรมแห่งชีวิต สมกับฉายานาม พระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง

ท่านมีเมตตามากๆครับ ใครยังไม่เคยไปกราบท่านควรหาเวลาไปกราบท่านให้ได้ครับ ใจดีมากๆเมตตาสูง ท่านใช้มือทั้ง 2 ข้างประคองจับไหล่ผม และถามว่ามาจากไหน

วัตถุมงคลของท่านปัจุบันก็มีให้บูชาบ้างไม่มากนัก ส่วนใหญ่ศิษย์จะทำถวาย เช่น เหรียญชุด 3 องค์ ชุบทอง นาค เงิน ท่านรองเจ้าอาวาสจัดสร้างขึ้นเพื่อหารายได้สร้างถาวรวัตถุภายในวัด,ล็อคเก็ตรูปเหมือนหลวงปู่ และยังมีตะกรุดจารมือหลายขนาด ขลังมากเลย ท่านเรียนมาจากพระอาจารย์ท่าน คือ หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ สมัยหลวงปู่ใจ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะสร้าง ตะกรุดลูกอมโลกธาตุ ซึ่งถ้าท่านใดที่ชอบสะสมเครื่องรางจะรู้จักกันดี ตะกรุดอีกอย่างที่สร้างชื่อเสียงให้กับหลวงปู่ใจ คือ ตะกรุดนเรศวรปราบหงสา ซึ่งปัจุบันหาได้ยากมาก

หลวงปู่ม่วงท่านก็ได้จัดสร้างตะกรุดตามวิชาของอาจารย์ท่าน คือหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ซึ่งมีการจัดทำขึ้นหลายขนาด ขนาดยาว 9 นิ้ว ก็มี แผ่นโลหะจะจารมือ และพอกผงพุทธคุณ เมื่อแห้งดีแล้วมีการลงรัดปิดทอง แล้วจึงเขียนยันต์ด้วยลายมืออีกที ตะกรุดทุกดอกจะใส่เส้นเกษาหลวงปู่ลงไปด้วยครับ ตะกรุดที่สร้างท่านจะไม่ให้ลูกศิษย์ปัมพ์ยันต์เด็ดขาดต้องจารมือเท่านั้น ผมถ่ายรูปมาให้ชมบางส่วน นอกจากนี้ถ้าใครไปกราบท่าน ท่านจะแจกลูกอม บางครั้งก็เป็นรูปถ่ายหลังยันต์เพื่อให้ประชาชนนำกลับไปสักการะบูชาอีกด้วย

ไปทำบุญกับท่านให้ได้ครับ ท่านชราภาพมากแล้ว ใน จ.ราชบุรี ปัจจุบันนี้ ท่านไม่เป็นสองรองใครครับ ทั้งด้ายวัยวุฒิ และคุณวุฒิ คนราชบุรีนับถือท่านกันมาก ท่านนับถือพระพุทธเจ้ามาก เวลานำพระที่บูชา มาให้ท่านอธิษฐานอีกที ท่านจะนำพระในมือไหว้ไปทาง พระพุทธรูปก่อนอธิษฐาน และพรมน้ำมนต์ลงบนพระครับ

ขอบคุณข้อมูลจากเวบ www.palungjit.com

212
ถ้ามันหนักนักก็ปล่อยวางซะมั่งครับ เอาแต่พอดีจะได้สบายใจ ถ้าเสื่อมได้ง่ายๆชีวิตนี้คงไม่มีความสุขแน่ๆครับ อาจารย์ให้มาดีแล้วยังไงก็ศักดิ์สิทธิ์ครับ ถือให้ได้ตามกฎของอาจารย์ที่ให้มาก็พอครับ อย่าเอากฎโน่นกฏนี่มาถือให้วุ่นวายใจเลยครับ ชีวิตจะไม่มีความสุขเอาครับ  :002:

213
สักน้ำมันถ้าลายหายไปแล้วจะขึ้นเป็นลายอีกไหม ตัวผมเองยังไม่เคยเห็นขึ้นนะครับ ส่วนจะสักหมึกทับได้ไหม ผมว่าสักได้ครับไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ที่วัดบางพระไม่มียันต์ 5 แถวนะครับ มีแต่ลักษณะคล้ากันครับ  :002:

214
สักน้ำมันเจ็บน้อยกว่าสักหมึกเยอะครับ ผมเองก็สักน้ำมันเหมือนกัน จะเป็นรอยแดงๆแค่ช่วงแรกแล้วก็จะหายไปภายใน 1 สัปดาห์ แต่ว่าที่วัดบางพระไม่มียันต์ 5 แถวแบบสำนักสักที่ปทุมธานีนะครับ มีแต่ลักษณะคล้ายกัน แต่คนละอักขระ อีกอย่างหนึ่งจะเลือกสักครั้งแรกเป็น 5 แถวเลยคงไม่ได้นะครับ ส่วนใหญ่ต้องเป็นยันต์ครูก่อน ถ้าจะสักน้ำมันลักษณะคล้าย 5 แถวลองไปที่กุฎิหลวงพี่แป๊วดูครับ ส่วนกุฎิแต่ละหลวงพี่แต่ละองค์ตาม link ข้างล่างเลยครับ

http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,7854.0.html

แต่ทำไมอยากสัก 5 แถวล่ะครับ ถ้าต้องการเรื่องการหนุนดวงให้ดีขึ้นลองคุยกับหลวงพี่ต่างๆดูก็ได้ครับ เพราะผมเชื่อว่าแต่ละยันต์ที่หลวงพี่ต่างๆสักให้ ย่อมดีต่อลูกศิษย์อยู่แล้วครับ ส่วนกุฎิที่สักน้ำมันอย่างเดียวไปที่กุฎิหลวงน้าติ่งเลยครับ แต่จริงๆก็สักน้ำมันได้ทุกกุฏิครับ  :002:

215
ผมเห็นนะครับสักนางพิมไปเหงื่อตกแม่ะๆ ไป เป็นคนขี้ร้อนมากๆนะครับ

ได้กล้องมาใหม่หรือครับ เห็นลองถ่ายใหญ่เลย

วันนี้เจอทั้งคุณชลาพุชะ, คุณต้นน้ำ และคุณปลัดบัพด้วย แต่ขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้ทักทาย แบบว่าเป็นคนขี้อายน่ะครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

วันนี้ผมก็วิ่งรอกระหว่างวัดบางพระกับวัดท้องไทรเหมือนกัน

สักดำเซ็นที่วัดท้องไทร 1 พาน (สักน้ำมัน)

สักที่วัดบางพระกับหลวงพี่ต้อยอีก 3 พาน (สักน้ำมัน)

แล้วก็เดินทางกลับปทุมธานี โดยสวัสดิภาพ  :002:


อ้าว งานนี้ผมพลาดไม่เห็นท่านได้ไง ท่านรู้จักผม แต่ผมไม่รู้จักท่าน ผมนี่แย่จริงๆ ทักบ้างนะครับ ผมไม่กัด ถึงกัดก็ไม่เข้า หากเข้าก็ฉีดยาแล้วแค่เจ็บไม่อันตราย ที่เหงื่อตกนั้น ผมกลัวเมียจะว่าเอานะครับ เมีย ยิ่งบอกห้ามๆไปเอาอยู่ เรื่องกล้อง ก็ แบบไม่เก่งต้องฝึกนะท่านครับ 666

          ครับ งวดหน้าจะเข้าไปทักครับ ตัวผมเองก็เล่นกล้องอยู่เหมือนกันครับ

216
ผมเห็นนะครับสักนางพิมไปเหงื่อตกแม่ะๆ ไป เป็นคนขี้ร้อนมากๆนะครับ

ได้กล้องมาใหม่หรือครับ เห็นลองถ่ายใหญ่เลย

วันนี้เจอทั้งคุณชลาพุชะ, คุณต้นน้ำ และคุณปลัดบัพด้วย แต่ขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้ทักทาย แบบว่าเป็นคนขี้อายน่ะครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

วันนี้ผมก็วิ่งรอกระหว่างวัดบางพระกับวัดท้องไทรเหมือนกัน

สักดำเซ็นที่วัดท้องไทร 1 พาน (สักน้ำมัน)

สักที่วัดบางพระกับหลวงพี่ต้อยอีก 3 พาน (สักน้ำมัน)

แล้วก็เดินทางกลับปทุมธานี โดยสวัสดิภาพ  :002:


217
กลับมาจากวัดท้องไทรแล้วครับ อาจารย์อั้นยังไม่ให้หมูทองแดงวัดท้องไทรครับ ให้ดำเซ็นมาอย่างเดียว แต่พอดีมีคนไปสักหมูทองแดงอยู่เหมือนกันครับ สักตรงตำแหน่งด้านหลังตรงเอว และสักคางคกต่ำลงมากว่าหมูทองแดงครับ ขอบคุณทุกท่านที่ให้ข้อมูลครับ  :002:

218
วันนี้ผมพึ่งไปที่วัดท้องไทรมา เห็นมีทั้งเหรียญรุ่นสร้ายงโรงเรียน หลังหมูทองแดงทั้งเนื้อทองแดง และเนื้อเงินในตู้เช่าวัตถุมงคลครับ ลองไปดูครับ  :002:

219
เอวันนี้วันพระที่วัดบางพระสักยันต์ด้วยหรือครับ  :064:

220
ไม่ทราบว่ายันต์หมูทองแดงวัดท้องไทร สักที่ตรงไหนได้บ้างครับ ต้องสักที่หลังตลอด หรือสักที่หน้าขาได้มั๊ยครับ พอดีหน้าขาไม่ค่อยสูงนักผมกลัวว่าจะเสื่อมได้ง่ายน่ะครับ เลยไม่แน่ใจครูบาอาจารย์ให้สักที่ตำแหน่งนี้ได้บ้างหรือเปล่า (ตอนนี้ผมมีแต่นางพิมที่หน้าขาครับ) ถ้าอยากสักยันต์นี้ขออาจารย์อั้นได้เลยไหมครับ หรือว่าต้องแล้วแต่อาจารย์เมตตาครับ พอดีผมสักน้ำมันน่ะครับ สามารถสักยันต์นี้ยันต์เดียวทับถมกันหลายๆครั้งได้ไหมครับ

ขอบคุณครับที่ให้ความกระจ่าง

 :002: :002: :002: :002:

221
ถ้าบ้วนน้ำลายลงอ่างไม่ได้แล้วแปรงฟันจะทำยังไงครับ อิ อิ อิ  :006:

222
ขอไว้อาลัยต่อหลวงพ่อตัดครับ ในที่สุดก็ไม่ได้ไปกราบ เศร้าจริงๆ  :070:

ส่วนเรื่องดวงไฟนั้นในฐานะที่ผมเล่นกล้องมาพอสมควร ขอยืนยันว่าคือฝุ่นที่ติดเลนส์ครับ จะเกิดได้ง่ายถ้าเป็นกล้องแบบคอมแพค และเปิดแฟรชเวลาถ่ายรูปครับ แต่ยังไงก็แล้วแต่ความเชื่อแต่ละบุคคลครับ บังเอิญผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ และผู้สนใจไสยศาสตร์ในคนเดียวกันครับ  :002:

223
ว่าแต่ว่าอาจารย์ท่านใดสักให้ครับ  :010:

224
เอเสือตีนโตนี่สักตรงนี้ได้เหรอครับ สักกับอาจารย์ท่านใดครับ ใจกล้าดีจัง  :074:

225
Link ใช้ไม่ได้ครับ ถ้ามาช่วยแจ้ง link ให้ใหม่จะขอบคุณมากๆเลยครับ อยากปลูกเหมือนกัน จะเอาไว้เป็นมวลสารสร้างพระในอนาคตน่ะครับ ขอบคุณมาก  :074:

226
ใช่ครับขอโทษแม่ก่อนเลย อย่าลืมนะครับเขาเป็นคนให้กำเนิดคุณ ไม่มีท่านคุณก็ไม่ได้เกิดมาสักยันต์อย่างทุกวันนี้นะครับ หลังจากนั้นค่อยกล่าวขอขมาครูบาอาจารย์  :002:

227
เห็นเขาว่าเป็นน้องสาวหลวงปู่นะครับ คำพูดคำจาแกเป็นอย่างนั้นเองมั้งครับ อย่าไปคิดอะไรมาก จริตคนเราไม่เหมือนกันครับ ผมก็เช่าของจากตู้โดยผ่านป้าเหมือนกันครับ  :002:

228
ได้มาจากไหนล่ะครับ คนที่ให้บอกมาว่าไงครับ โดยส่วนตัวที่เคยได้ยินมามักบอกว่าเป็นสมเด็จกรุวังหน้าที่พระครูเทพโลกอุดรสร้าง หรือไม่ก็เป็นพิมพ์พิเศษที่สมเด็จโตสร้าง มีคุณวิเศษนานับประการครับ ถ้าศรัทธาก็ห้อยเดี่ยวได้เลยครับ ถ้าไม่แน่ใจแต่อยากห้อย ก็เอาไปให้พระอาจารย์ที่นับถือเสกให้อีกทีก่อนห้อยครับ ส่วนผมขอบายครับ ขอให้โชคดีครับ  :002:

229
เศร้าใจครับ ตัวผมเองมัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่งที่จะไปกราบท่าน ท้ายที่สุดก็ไม่ไปกราบท่านจนได้  :070:

230
ตัวผมเองก็ฝังเข็มทองสายหลวงปู่พิมพ์มาลัยเหมือนกัน ยังขาดแต่การสักยันต์สายวัดบางพระ แต่คงสักได้แต่น้ำมันน่ะครับ วันนี้ไปนั่งรอสักอยู่ตั้งนาน แต่เนื่องจากมีภาระรีบด่วนที่ต้องทำก็เลยต้องหลบออกมาก่อน แต่ถวายพานครูไปแล้วก็คงนับเป็นศิษย์วัดบางพระได้เหมือนกันนะครับ งวดหน้าต้องหาเวลาไปขอสักอีกให้ได้ครับ  :002:

231
วันนี้พึ่งไปสักมาครับ

232
อย่าสนใจเรื่องของขึ้นเลยครับ ทุกสิ่งอยู่ที่ศรัทธาและใจครับ ถ้าศรัทธาแล้ว สิ่งดีๆจะตามมาแน่นอนโดยของไม่ต้องขึ้น แต่ถ้าหวังแต่ของต้องขึ้น ผมว่าไม่ดีแน่ครับ ศรัทธาอยู่ที่ใจ ไม่จำเป็นต้องลองครับ :002:


234
พระสนามครับผม  :002:

235
คาถาพระเจ้า 5 พระองค์ ของหลวงพ่อโสธร
ตั้งนโม 3 จบ
นะ ทรงฟ้า โม ทรงดิน พุทธ ทรงสินธุ์ ธา ทรงสมุทร ยะ ทรงอากาศ พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด ศัตรูภัยพาล วินาศสันติ
นะกาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ โมกาโร โกนาคะมะโน นานาจิตเต พุทธกาโร กัสสะโป พุทโธ จะ ทะเวเนเต ธา กาโร ศรีศากะยะมุนี โคตะโม ยะกันเน ยะกาโร อะริยะ เมตตรัยโย ชิวหาทีเต ปัญจะพุทธา นะมามิหัง

 :002:

236
ทำไม่ผมมองไม่เห็นรูปหว่า  :010:

237
เป็นพิมพ์ของหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระครับ แต่แท้ไ่ม่แท้บอกไม่ได้ครับ  :002:

238
ดีครับ จะจำไว้ใช้ครับ เพราะผมเตะสุนัขไม่ได้  :002:

239
ก็ไม่แน่นะครับ ถ้าจะให้ดีก็เอาไปให้หลวงพ่อที่นับถือปลุกเสกให้อีกทีก็จบครับ  :002:

240
ลิเวอร์พูลซิครับ เอ๊ะไม่ได้นี ดันตกรอบซะก่อน งั้นขอเป็น บาร์เซโรน่า ก็แล้วกัน อยากให้ลีกอื่นได้บ้าง  :002:

241
เป็นปิดตายันต์ยุ่งพิมพ์นะหัวเข่าเหมือนกับสายวัดหนัง แต่ว่ามีพระปิดตาลักษณะนี้เยอะครับ คงต้องดูที่มาแล้วล่ะครับ  :002:

242
ไม่ทราบว่าหลวงปู่อั๊บแข็งแรงดีแล้วหรือยังครับ ผมว่าจะไปสักกับอาจารย์อั้นแล้วจะให้หลวงปู่ครอบให้อีกที แต่เห็นว่าหลวงปู่ยังไม่ค่อยแข็งแรงก็เลยยังไม่ได้ไปกราบเสียที กลัวจะไปทำให้หลวงปู่ลำบากน่ะครับ กะว่าจะรอให้หลวงปู่แข็งแรงซะก่อน จึงจะเข้าไปสัก

ขอบคุณมากครับ

243
สักตรงส่วนไหนน่ะครับ  :063:

244
สุดยอดความรู้เลยครับ  :053:

245
คาถาอาคม / ตอบ: อยากรู้จริงๆ
« เมื่อ: 17 เม.ย. 2552, 03:05:06 »
ถ้าลิงจับหลักสายหลวงพ่อดิ่งใช้ คาถานะโมพุทธายะ, มงกุฏพระเจ้า หรือพระเจ้า 16 พระองค์ ครับ ไม่รู้ใช้กับสายหลวงพ่อแลได้หรือเปล่า ตาม link ข้างล่างครับ

http://www.tk49.org/webboard/show.php?Category=tk49&No=1942&page=5

246
V
59 ครับผม
[/qu
59 ครับผม

โอ้มีคนใช้ไปแล้ว เอาข้างเคียงก็แล้วกัน 58 ครับผม

248
ผมก็พึ่งกลับมาจากสังขละบุรีครับ ไปวัดหลวงพ่ออุตมะมาด้วย เดี๋ยวจะเอารูปมาให้ดู

249
ไปฝังมาแล้วครับ หลวงพี่หนุ่มแมตตาฝังเข็มให้ 5 เล่มครับ แถมสอนในเรื่องการปฏิบัติตัวอีกมากมาย  :002:

ขอบคุณทุกท่านที่ให้คำแนะนำ

250
ก็ตามที่คุณOne เอารอยสักของหลวงพ่อออด วัดอัปสรสวรรค์มาโพสในหลายกระทู้ไงครับ ที่ใช้เครื่องสัก

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=8245.msg73432;topicseen#new

ตัวผมเองก็อยากสักครับแต่คงเป็นน้ำมัน ไม่แน่พรุ่งนี้จะไปสักที่วัดท้องไทรเหมือนกัน ไม่ทราบว่าใครพอทราบบ้างครับว่าหลวงพ่ออั๊บแข็งแรงพอจะเสกครอบยันต์ที่สักหรือยังครับ กลัวไปทำบาปกับหลวงพ่อเหมือนกัน  :086:

251
ปกติวันไหว้ครูจะทำการฝังเข็มทองให้เหรอครับ เคยได้ยินว่าวันนั้นคนมากันเยอะ ก็เลยจะไม่ฝังเข็มทองให้ใครเลย

254
เห็นเคยอ่านว่าคุณ noppkun เคยไปฝังตะกรุดทองกับหลวงพ่อออดมา ตอนแรกไม่วิ่ง ไม่ทราบว่าตอนนี้วิ่งหรือยังครับ หรือว่ายังตุงอยู่ที่แขนเหมือนเดิม

255
ของคุณมากครับ

256
พอดีวันเสาร์นี้ว่าง ก็เลยจะไปฝังเข็มทองที่วัดบางแวกน่ะครับ ไม่ทราบว่าใครรู้จักกุฎิหลวงพี่หนุ่มบ้างครับ ไม่ทราบว่ายังมีเข็มอีกหรือเปล่าครับ ผมควรไปที่วัดประมาณกี่โมงดีครับ

ขอบคุณมากๆครับสำหรับคำแนะนะ :054:

257
รู้สึกว่าเสือปลอมจะดูผอมๆนะครับ ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ

258
บทสวดมนต์ / ตอบ: ลูกแก้วพญานาค
« เมื่อ: 05 เม.ย. 2552, 11:12:21 »
หวังว่าคงได้จากคนที่คุณเชื่อถือได้นะครับ ส่วนตัวผมแล้วคิดว่าอภินิหารเยอะเกินไป สัมผัสและเข้าใจได้ยาก ขอเลี่ยงละกัน

259
วันเสาร์หน้านี้ผมว่าจะไปฝังเข็มทองที่วัดบางแวก ไม่ทราบว่ายังมีเข็มทองฝังอยู่หรือเปล่า ยังไงพอจะแนะนำที่อยู่ของกุฎิอาจารย์หนุ่มให้หน่อยได้ไหมครับ แล้วควรไปช่วงเวลาไหนดีครับ

260
เคยอ่านเจอว่าเป็นพระสนามในท่าพระจันทร์ สร้างเหมือนเนื้อเมฆพัฒน์ เหล่าศิษย์ของพระคณาจารย์ในสมัยก่อน มักจะซื้อแล้วเอาไปให้หลวงปู่ที่ศรัทธาปลุกเสกครับ เช่นหลวงพ่ออี๋ (ถ้าจำไม่ผิดข้างหลังจะตะไบอักขระออก) หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แต่ที่เคยเห็นและคล้ายกับพิมพ์แบบนี้ แต่ว่าตรงพระเกศจะเป็นสีทองเป็นของเจ้าคุณสุนทร (พรหม) วัดกัลยาฯ ครับ ผิดประการใดต้องขออภัยนะที่นี้ด้วยครับ

262
นั่นนะซิถ้าผู้หญิงอยู่ข้างบนจะเสื่อมไหมครับ เพื่อเป็นคนประเภทเอาเปรียบน่ะ   :045: :002: :004:

หน้า: [1]