1
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: % % % มอบวัตถุมงคลเนื่องในวันไหว้ครู ๓ % % %
« เมื่อ: 26 ก.พ. 2555, 05:46:53 »
สักยันต์เพราะอะไร อะไรเป็นสิ่งจูงใจ
สิ่งจูงใจของผมไม่มีอะไรมากครับ ผมชอบเรื่องของการสักยันต์ มานานมาก ตั้งแต่ผมเรียนอยู่มัธยมต้น แต่ตอนนี้มหาลัยแล้ว แต่ผมรู้จักพี่คนนึง เขาสักยันต์เต็มหลัง ลายยันต์ดูผ่านๆแล้วคล้ายกับหน้าเสือมาก ผมชอบเพราะดูเข้มขลังมาก ในช่วงสมัยนั้นผมอยู่ประมาณ ม.5ได้ครับ ชอบพระเครื่องมาก(ผมอยู่ยะลา ต้องมีของไว้ป้องกันตัวกันหน่อย ) วันๆหนึ่งต้องแขวนพระเครื่องประมาณ 5 องค์ที่คอ และยังมีตะกรุดคาดเอวอีกนับไม่ถ้วน มันเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบมาก แต่นานๆไปไม่ไหวครับ เริ่มหนักขึ้นทุกวันๆ จึงเริ่มสนใจมากขึ้นกับการสักยันต์ ช่วงปิดเทอมจึงได้โอกาสนัดกับเพื่อนอีกสองคน เอาจักรยานเสือภูเขา ขึ้นรถไฟฟรี ไปลงที่นครปฐม เพื่อปั่นกันไปวัดบางพระ มันเป็นครั้งแรกของการเดินทางที่ผมไม่รู้จักอะไรสักอย่าง ปั่นๆหลงเลี้ยวกลับ จนในตัวเมืองนครปฐม ทุกซอยทุกมุม แทบจะจำได้หมด แต่ผมมีคติอยู่อย่างนึงคือ มีปากไม่หลงหรอก เอาหล่ะครับ ด้วยแรงศรัทธาที่จะต้องไปวัดบางพระ เพื่อสักยันต์ให้ได้ ถามชาวบ้าน และผมก็ปั่นกันไปสามคน แต่ไม่นะ นี้มันถนนเพรชเกษม ครั้งแรกกับการไม่รู้เส้นทาง ผมปั่นบนถนนใหญ่ วันนั้นเป็นวันที่รถเยอะมาก เสียวหลังสุดๆครับ จนได้ไปถึงวัดบางพระ เหนื่อยสุดๆครับ แต่เพราะแรงศรัทธาจริงๆที่ผมได้ไปถึงที่วัดบางพระ จนขากลับ ได้รู้จักพี่ๆ เพื่อนๆ เยอะแยะมากมาย จึงได้รู้ทางลัด เข้าตัวเมือง รถก็ไม่มาก เยี่ยมครับ สักยันต์วัดบางพระไม่ใช่ได้แต่ของไว้ป้องกันตัว ไม่ได้แต่ลายสักยันต์ที่เข้มขลัง แต่ได้มิตรภาพ ได้ประสบการณ์ชีวิตมากมาย บ้านผมอยู่ยะลา ผมมีเพื่อนอยู่ลำปาง ถ้าเราไม่ได้มาเจอกันที่วัดบางพระ ผมคงไม่รู้จักคนที่อยู่ไกลขนาดนั้นได้
ผมอาจตอบไม่ตรงคำถามสักเท่าไหร่นะครับ แต่คำตอบส่วนลึกมีอยู่ในเรื่องที่ผมเล่านี้ เรื่องของแจกมิได้สำคัญ แต่ผมอยากฝากประสบการณ์สนุกๆของผม ให้กับคนอื่นๆ เพราะ เรื่องนี้ เล่ายันลูกบวชก็ไม่มีเบื่อครับ
สิ่งจูงใจของผมไม่มีอะไรมากครับ ผมชอบเรื่องของการสักยันต์ มานานมาก ตั้งแต่ผมเรียนอยู่มัธยมต้น แต่ตอนนี้มหาลัยแล้ว แต่ผมรู้จักพี่คนนึง เขาสักยันต์เต็มหลัง ลายยันต์ดูผ่านๆแล้วคล้ายกับหน้าเสือมาก ผมชอบเพราะดูเข้มขลังมาก ในช่วงสมัยนั้นผมอยู่ประมาณ ม.5ได้ครับ ชอบพระเครื่องมาก(ผมอยู่ยะลา ต้องมีของไว้ป้องกันตัวกันหน่อย ) วันๆหนึ่งต้องแขวนพระเครื่องประมาณ 5 องค์ที่คอ และยังมีตะกรุดคาดเอวอีกนับไม่ถ้วน มันเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบมาก แต่นานๆไปไม่ไหวครับ เริ่มหนักขึ้นทุกวันๆ จึงเริ่มสนใจมากขึ้นกับการสักยันต์ ช่วงปิดเทอมจึงได้โอกาสนัดกับเพื่อนอีกสองคน เอาจักรยานเสือภูเขา ขึ้นรถไฟฟรี ไปลงที่นครปฐม เพื่อปั่นกันไปวัดบางพระ มันเป็นครั้งแรกของการเดินทางที่ผมไม่รู้จักอะไรสักอย่าง ปั่นๆหลงเลี้ยวกลับ จนในตัวเมืองนครปฐม ทุกซอยทุกมุม แทบจะจำได้หมด แต่ผมมีคติอยู่อย่างนึงคือ มีปากไม่หลงหรอก เอาหล่ะครับ ด้วยแรงศรัทธาที่จะต้องไปวัดบางพระ เพื่อสักยันต์ให้ได้ ถามชาวบ้าน และผมก็ปั่นกันไปสามคน แต่ไม่นะ นี้มันถนนเพรชเกษม ครั้งแรกกับการไม่รู้เส้นทาง ผมปั่นบนถนนใหญ่ วันนั้นเป็นวันที่รถเยอะมาก เสียวหลังสุดๆครับ จนได้ไปถึงวัดบางพระ เหนื่อยสุดๆครับ แต่เพราะแรงศรัทธาจริงๆที่ผมได้ไปถึงที่วัดบางพระ จนขากลับ ได้รู้จักพี่ๆ เพื่อนๆ เยอะแยะมากมาย จึงได้รู้ทางลัด เข้าตัวเมือง รถก็ไม่มาก เยี่ยมครับ สักยันต์วัดบางพระไม่ใช่ได้แต่ของไว้ป้องกันตัว ไม่ได้แต่ลายสักยันต์ที่เข้มขลัง แต่ได้มิตรภาพ ได้ประสบการณ์ชีวิตมากมาย บ้านผมอยู่ยะลา ผมมีเพื่อนอยู่ลำปาง ถ้าเราไม่ได้มาเจอกันที่วัดบางพระ ผมคงไม่รู้จักคนที่อยู่ไกลขนาดนั้นได้
ผมอาจตอบไม่ตรงคำถามสักเท่าไหร่นะครับ แต่คำตอบส่วนลึกมีอยู่ในเรื่องที่ผมเล่านี้ เรื่องของแจกมิได้สำคัญ แต่ผมอยากฝากประสบการณ์สนุกๆของผม ให้กับคนอื่นๆ เพราะ เรื่องนี้ เล่ายันลูกบวชก็ไม่มีเบื่อครับ