แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ขุนแผนเมืองลำปาง

หน้า: [1]
1
กำหนดวันและเวลาไหว้ครู หลวงพี่ญา แน่นอนดังนี้ครับ     เสาร์  7  ธันวาคม 2556 เวลา 09.00น.
   ยืนยันอีกเสียงครับ

2
[bgcolor=#d70000][/bgcolor]ถ้าเจออาจารย์แบบนี้หลีกให้ไกลเลยครับแสดงว่าอาจารย์ท่านนี้ไม่มีดีสักเท่าไหร่แบบว่าไม่รู้ลึกซึ้งถึงกลเม็ดการวางอักขระของแต่ล่ะสำนักครับ สำนักแต่ล่ะอาจารย์ย่อมมีวิธีวางอักขระไม่เหมือนกันครับ ยกตัวอย่าง นะ โม พุท ธา ยะ แต่ล่ะสำนักก็วางตำแหน่งไม่ตรงกันแล้วครับ..

3
โห...เวปวัดบางพระไม่มีใครรู้เรื่องพระของหลวงพ่อเลยหรือครับ

4









พอดีมีคนเอามาปล่อย แต่ผมดูไม่เป็น รบกวนสายตรงหน่อยครับ ว่ารุ่นไหน ราคาเท่าไหร่

5
[bgcolor=#ff3100]ไม่เป็นไรครับผมถามให้แล้วอาจารย์ท่านบอกว่าทุกอย่างอยู่ที่เจตนาครับ ถ้าขาดเจตนาไม่เป็นไรครับ[/bgcolor][/font][/b]

6
ท่านเก่งทั้งข่ามคงทั้งเมตตามหานิยมครับ

7
เราชาวพุทธมักจะเข้าใจอะไรผิดๆผมขอนำเสนอบทความที่ผมไปเสาะหามาจากพระไตรปิฎกเราทั้งหลายจะได้เข้าใจเรื่องขันธ์(ไม่ใช่ขันที่ โน๊ต อุดม เอามาพูดในเดี่ยว 8 นะครับ)
  พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้แจ้งสภาพธรรมทั้งปวง พระองค์ทรงประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมแต่ละลักษณะด้วยพระองค์เอง    พระองค์ทรงพระมหากรุณาธิคุณ   แสดงพระธรรมให้สัตว์โลกได้รู้ลักษณะของสภาพธรรมโดยนัยต่างๆ   เพื่อจะได้เข้าใจสภาพธรรมทั้งภายในและภายนอกลึกซึ้งยิ่งขึ้น   
สภาพธรรมทั้งหลายโดย ปรมัตถธรรม คือ  จิต  เจตสิก  รูป   นิพพาน
จิต  เจตสิก  รูป   เป็นสังขารธรรม   เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป   ไม่เที่ยง   นิพพานปรมัตถ์   เป็นวิสังขารธรรม   เป็นธรรมที่ไม่เกิดและไม่ดับ    ปรมัตถธรรมทั้ง 4   เป็นอนัตตา
จิต  เจตสิก  รูป   ซึ่งเป็น สังขารธรรม นั้นจำแนกได้อีกนัยหนึ่ง  คือ   โดยเป็นขันธ์ 5   
ขันธ์ หมายถึง  กลุ่มหรือกอง    ขันธ์ 5  คือ
1.   รูปขันธ์           ได้แก่   รูปทุกรูป
2.   เวทนาขันธ์      ได้แก่  ความรู้สึก(เวทนา)
3.   สัญญาขันธ์     ได้แก่  ความจำ (สัญญา)
4.   สังขารขันธ์      ได้แก่  เจตสิก 50 ดวง                                     (ประเภท)
5.   วิญญาณขันธ์  ได้แก่   จิตทุกดวง
เจตสิก 52 ดวง  จำแนกเป็น ขันธ์ 3  คือ  เวทนาเจตสิก 1 ดวง   เป็น เวทนาขันธ์    สัญญาเจตสิก 1 ดวง  เป็น สัญญาขันธ์    เจตสิกที่เหลืออีก 50 ดวง   เป็น สังขารขันธ์  เช่น   เจตนา  โลภะ  โทสะ  โมหะ   เมตตา  อโลภะ  และปัญญา เป็นต้น   อีกประการหนึ่ง   สังขารขันธ์  หมายถึง   สภาพซึ่ง "กระทำ"  หรือ   "นามธรรมที่ปรุงแต่งจิต"
สำหรับจิตปรมัตถ์นั้น จิตทุกดวง เป็น วิญญาณขันธ์    ในภาษาบาลี  คำว่า  วิญญาณ   มโน  จิตเป็นคำที่หมายถึงสภาพธรรมอย่างเดียวกัน   คือสภาพธรรมที่มีลักษณะ รู้อารมณ์    เมื่อจำแนกจิตโดยนัยของ ขันธ์  ก็ใช้คำว่า "วิญญาณ"   
ฉะนั้น  ขันธ์ 5   จึงเป็นรูปขันธ์ 1   เป็นนามขันธ์ 4  นามขันธ์ 3   ได้แก่  เจตสิก 52 ดวง   นามขันธ์ 1  ได้แก่  จิต 89 หรือ 121 ดวง
นิพพานไม่ใช่ขันธ์   นิพพานเป็นขันธวิมุตติ   พ้นจากความเป็นขันธ์    ข้อความใน วิสุทธิมัคค์   ทัสสนวิสุทธินิทเทส   แสดงการเกิดและดับของนามรูป

ไม่มีกองหรือที่รวมสำหรับนามรูปนี้ที่ยังไม่เกิด   ในเวลาก่อนเกิดแห่งนามรูปนี้   แม้นามรูปที่กำลังเกิด   ก็มิได้ชื่อว่ามาจากกองหรือที่รวม    แม้นามรูปที่กำลังดับ   ก็มิได้ชื่อว่าแล่นไปสู่ทิศใหญ่น้อย   แม้นามรูปนี้ดับแล้ว   ก็ไม่มีชื่อว่าการหยุดพัก   แต่กองหรือแต่บ่อขัง   หรือแต่ที่พำนักในฐานะแห่งหนึ่ง   ก็เปรียบเหมือนบุคคลกำลังดีดพิณ   เสียงที่เกิดขึ้นแล้วก็มิได้เก็บขังอยู่ก่อนแต่จะเกิด   เมื่อเกิดก็มิได้มาจากที่เก็บขัง   เมื่อดับก็มิได้แส่ไปสู่ทิศใหญ่น้อย   เสียงดับแล้วก็มิได้ถูกเก็บขังตั้งอยู่ในที่ไหนๆ   
อันที่แท้  เสียงย่อมอาศัยพิณ 1   สายพิณ1   และความพยายามของบุรุษอันเหมาะสมกับพิณและสายพิณนั้น 1   (เสียง) ไม่มีก็เกิดมีขึ้น   มีแล้วก็หายไปฉันใด   รูปธรรมและอรูปธรรมทั้งหมด   ไม่มีก็เกิดขึ้น   มีแล้วก็หายไปฉันนั้นฯ

ขันธ์มีจริง  เรารู้ขันธ์ได้   เช่น   เรารู้ รูปขันธ์   
เมื่อรู้สึกแข็ง    รูปไม่เที่ยง   เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
รูปขันธ์ไม่ใช่เพียงร่างกายเท่านั้น   แต่สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรก็เป็นรูปขันธ์ด้วย   เช่น  เสียงเป็นรูปขันธ์   เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป   ไม่เที่ยง
เวทนาขันธ์ มีจริง   เรารู้เวทนาขันธ์ได้   ความรู้สึกทุกอย่างเป็นเวทนาขันธ์   เวทนาจำแนกได้หลายนัย
บางครั้งก็จำแนกเป็น 3 คือ   สุขเวทนา  ทุกขเวทนา อุเบกขาเวทนา (อทุกขมสุขเวทนา)
บางครั้งก็จำแนกเป็น 5 คือ   โสมนัสเวทนา  โทมนัสเวทนา   อทุกขมสุขเวทนา  สุขเวทนา   ทุกขเวทนา
ความรู้สึกทางกายมีกายปสาทซึ่งเป็น รูป ที่สามารถกระทบสัมผัสทางกายเป็นปัจจัย   
ความรู้สึก เป็น นามธรรม   แต่มีกายปสาทรูปเป็นปัจจัย   เมื่ออารมณ์กระทบกับกายปสาท   ความรู้สึกจะเป็นทุกข์หรือสุข   ไม่เป็นอุเบกขา    เมื่อเป็นทุกขเวทนาก็เป็นอกุศลวิบาก (ผลของอกุศลกรรม)   เมื่อเป็นสุขเวทนาก็เป็นกุศลวิบาก (ผลของกุศลกรรม)
เพราะเวทนาต่างๆ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปๆ   จึงยากที่จะรู้ว่า เป็นเวทนาแต่ละประเภท  เช่น   เราอาจปนสุขเวทนาทางกายซึ่งเป็นวิบาก   กับโสมนัสเวทนาที่พอใจในสุขเวทนานั้น   ซึ่งเกิดขึ้นภายหลัง   หรืออาจเข้าใจว่า   ทุกขเวทนาและโทมนัสเวทนาซึ่งเกิดขึ้นภายหลังนั้นเป็นความไม่สบายใจ
ทุกขเวทนาเป็น วิบากเจตสิก ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับวิบากจิตซึ่งรู้อารมณ์ที่กระทบกาย   โทมนัสเวทนา อาจเกิดขึ้นภายหลัง
โทมนัสเวทนาเกิดร่วมกับอกุศลจิต   ไม่ใช่วิบากโทมนัสเวทนาเกิดเพราะโทสะที่สะสมไว้เป็นปัจจัย
แม้ว่าทุกขเวทนาและโทมนัสเวทนาเป็นนามธรรม   แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ต่างกัน   เกิดเพราะปัจจัยต่างกันเมื่อดับเหตุที่ทำให้เกิดโทสะแล้ว   ทุกขเวทนาก็ยังเกิดได้   แต่ไม่มีโทมนัสเวทนาอีกต่อไป   
พระอรหันต์ยังมีอกุศลวิบากตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่   แต่ไม่มีโทสะเลย
ในสังยุตตนิกาย  สคาถวรรค   มารสังยุตต์  ทุติยวรรคที่ 2   สกลิกสูตรที่ 3  ข้อ 452   มีข้อความว่า

สมัยหนึ่ง   พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ มัททกุจฉิมิคทายวัน   เขตกรุงราชคฤห์ฯ   ก็โดยสมัยนั้นแล   พระบาทของพระผู้มีพระภาคถูกสะเก็ดหินเจาะแล้ว   ได้ยินว่า  เวทนาทั้งหลาย   อันยิ่ง  เป็นไปในพระสรีระ   เป็นทุกข์  แรงกล้า   เผ็ดร้อน  ไม่เป็นที่ยินดี   ไม่เป็นที่ทรงพระสำราญ   ย่อมเป็นไปแด่พระผู้มีพระภาค   พระองค์มีพระสติสัมปชัญญะ   อดกลั้นซึ่งเวทนาเหล่านั้น   ไม่กระสับกระส่ายฯ

เวทนาจำแนกเป็น 6   โดยนัยของ ทวาร 6   เวทนาเกิดทางตา  ทางหู   ทางจมูก  ทางลิ้น  ทางกาย   และทางใจ   เวทนา 6 นี้ต่างกันเพราะเกิดจากปัจจัยต่างกัน   เวทนาเกิดดับพร้อมกับจิตที่เวทนานั้นๆเกิดร่วมด้วย   ฉะนั้ทุกขณะจึงไม่ใช่เวทนาเดียวกันเลย
ในสังยุตตนิกาย  สฬายตนวรรค   เคสัญญสูตรที่ 2   มีข้อความว่า

.....ดูกรภิกษุทั้งหลาย   ภิกษุพึงเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ   รอกาลเวลา   นี้เป็นคำเราสั่งสอนพวกเธอฯ
.....ถ้าเมื่อภิกษุมีสติสัมปชัญญะ   เป็นผู้ไม่ประมาท   มีความเพียร   มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่อย่างนี้   สุขเวทนาย่อมเกิดขึ้น     เธอย่อมรู้อย่างนี้ว่า   สุขเวทนาเกิดขึ้นแล้วแก่เรา   ก็สุขเวทนานั้นแล   อาศัยจึงเกิดขึ้นไม่อาศัยไม่เกิดขึ้น   อาศัยอะไร  อาศัยผัสสะนี้เอง   ก็แต่ว่าผัสสะนี้ไม่เที่ยง   ปัจจัยปรุงแต่ง   อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น 
ก็สุขเวทนาซึ่งอาศัยผัสสะอันไม่เที่ยง   ปัจจัยปรุงแต่ง   อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น
เกิดขึ้นแล้วแก่เรา   จักเที่ยงแต่ที่ไหนดังนี้
เธอย่อมพิจารณา   เห็นความไม่เที่ยง   เธอย่อมพิจารณาเห็นความเสื่อมไป   พิจารณาเห็นความคลายไป   พิจารณาเห็นความดับไปพิจารณาเห็นความสละคืน
เมื่อเธอพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง   พิจารณาเห็นความเสื่อมไป   พิจารณาเห็นความคลายไป   พิจารณาเห็นความดับไป พิจารณาเห็นความสละคืน   ในผัสสะและในสุขเวทนาอยู่   ย่อมละราคานุสัยในผัสสะและในสุขเวทนาเสียได้ฯ
ข้อความเกี่ยวกับผัสสะและทุกขเวทนา...ผัสสะและอทุกขมสุขเวทนาก็โดยนัยเดียวกัน....

เวทนายังจำแนกได้อีกหลายนัย   เมื่อรู้วิธีจำแนกเวทนาโดยนัยต่างๆ   ก็จะทำให้เข้าใจจริงๆว่า   เวทนาเป็นเพียงนามธรรมชนิดหนึ่งซึ่งเกิดเพราะเหตุปัจจัย   เรามักยึดมั่นในเวทนาที่ดับไปแล้ว แทนที่จะระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏทางตา   ทางหู  ทางจมูก  ทางลิ้น   ทางกาย  ทางใจ
ในวิสุทธิมัคค์ที่กล่าวถึงข้างต้นนั้น   อุปมานามธรรมและรูปธรรมที่เกิดขึ้น เสมือนเสียงขลุ่ยซึ่งไม่ได้มาจากที่ใดเลย   หรือไปดังที่ใดเลยเมื่อเสียงดับไป   หรือสะสมเก็บไว้ ณ ที่ใดเลย   แต่เราก็ยึดติดในเวทนานั้นเสียจนไม่รู้เลยว่า   เวทนาที่ดับไปแล้วนั้นดับไปหมดไม่เหลืออยู่เลย     เวทนาขันธ์ไม่เที่ยง
สัญญาขันธ์ มีจริง   และจะรู้ได้เมื่อจำสิ่งใดได้   สัญญาเกิดกับจิตทุกดวง   จิตแต่ละดวงเกิดขึ้นรู้อารมณ์   และสัญญาซึ่งเกิดกับจิตก็จำและหมายรู้อารมณ์นั้น เพื่อจำอารมณ์นั้นได้อีก   แม้ขณะที่จำไม่ได้   จิตขณะนั้นก็รู้อารมณ์   และสัญญาที่เกิดกับจิตก็หมายรู้อารมณ์นั้น   
สัญญาเกิดและดับพร้อมกับจิต   สัญญาไม่เที่ยง   ตราบใดที่ไม่รู้ลักษณะของสัญญาตามความเป็นจริงว่า   สัญญาเป็นนามธรรมชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทันที   ก็ยังยึดถือสัญญาว่าเป็นตัวตน
สังขารขันธ์  (เจตสิก 50 ดวง  เว้นเวทนาและสัญญา) มีจริงและรู้ได้   เรารู้สังขารขันธ์ได้ในขณะที่มีโสภณเจตสิก   เช่น   ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่   กรุณาหรือในขณะที่มีอกุศลเจตสิก   เช่น  โทสะ  มัจฉริยะ สภาพธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป   สังขารขันธ์ไม่เที่ยง
วิญญาณขันธ์ (จิต) มีจริง   รู้ได้เมื่อมีการเห็น   การได้ยิน  การได้กลิ่น   การลิ้มรส   การกระทบสัมผัสทางกาย   หรือการคิดนึก    วิญญาณขันธ์เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป   ไม่เที่ยง   สังขารธรรมทั้งหลาย (ธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย) คือ  ขันธ์ 5 ไม่เที่ยง
ขันธ์ 5 ได้ชื่อว่า   อุปาทานขันธ์   เพราะเป็นที่ตั้งแห่งการยึดถือ   ผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ยังยึดมั่นในขันธ์ 5   เรายึดถือร่างกายว่าเป็นตัวตน   ฉะนั้น เราจึงยึดมั่นในรูปขันธ์   เรายึดนามธรรมว่าเป็นตัวตน   เราจึงยึดมั่นในเวทนาขันธ์   สัญญาขันธ์  สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ 
เมื่อเรายึดมั่นในขันธ์ 5 และไม่รู้ขันธ์ 5 ตามความเป็นจริง   ก็ย่อมเป็นทุกข์    ตราบใดขันธ์ 5 ยังเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นแล้ว   ตราบนั้นเราก็เป็นเสมือนบุคคลที่ถูกเบียดเบียนด้วยโรคาพยาธิ
ในสังยุตตนิกาย  ขันธวารวรรค   นกุลปีตวรรคที่ 1   นกุลปีตสูตร  มีข้อความว่า   คฤหบดี  ชื่อ   นกุลบิดาเป็นผู้แก่เฒ่า เจ็บป่วยเนืองๆ   เข้าไปเผ้าพระผู้มีพระภาคซึ่งขณะนั้นประทับอยู่ ณ เภสกฬาวัน (ป่าเป็นที่นางยักษ์ชื่อ   เภสกฬา  อาศัยอยู่) อันเป็นสถานที่ให้อภัยแก่หมู่มฤค ใกล้เมืองสุงสุมารคิรในภัคคชนบท   พระผู้มีพระภาคตรัสให้นกุลบิดาคฤหบดีพิจารณาว่า   "เมื่อเรามีกายกระสับกระส่ายอยู่   จิตของเราจักไม่กระสับกระส่าย"   หลังจากนั้นท่านพระสารีบุตรก็ได้อธิบายขยายความว่า

ดูก่อนคฤหบดี  ก็อย่างไรเล่า   บุคคลจึงชื่อว่าเป็นผู้มีกายกระสับกระส่ายด้วย   จึงชื่อว่าเป็นผู้มีจิตกระสับกระส่ายด้วย   ดูกรคฤหบดี  คือ   ปุถุชนผู้มิได้สดับแล้วในโลกนี้   มิได้รับแนะนำในอริยธรรม   ย่อมเห็นรูปโดยความเป็นตน 1   ย่อมเห็นตนมีรูป 1   ย่อมเห็นรูปในตน 1   ย่อมเห็นตนในรูป 1   เป็นผู้ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า   เราเป็นรูป  รูปของเรา
เมื่อเขาตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่นว่า   เราเป็นรูป  รูปของเรา   รูปนั้นย่อมแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป    เพราะรูปแปรปรวนเป็นอื่นไป   โสกะ  ปริเทวะ  ทุกข์   โทมนัสและอุปายาสจึงเกิดขึ้น   ย่อมเห็นเวทนาโดยความเป็นตน 1   ......ย่อมเห็นสัญญาโดยความเป็นตน 1 ....ย่อมเห็นสังขารโดยความเป็นตน 1 .....ย่อมเห็นวิญญาณโดยความเป็นตน 1 ....   ดูกรคฤหบดี   ด้วยเหตุนี้แล   บุคคลจึงชื่อว่าเป็นผู้มีกายกระสับกระส่าย   และเป็นผู้มีจิตกระสับกระส่าย
ดูกรคฤหบดี  ก็อย่างไรเล่า   บุคคลแม้เป็นผู้มีกายกระสับกระส่าย   แต่หาเป็นผู้มีจิตกระสับกระส่ายไม่    ดูกรคฤหบดี   คืออริยสาวกในธรรมวินัยนี้.....ย่อมไม่เห็นรูปในความเป็นตน 1....ย่อมไม่เห็นเวทนาโดยความเป็นตน 1....ย่อมไม่เห็นสัญญาโดยความเป็นตน 1....ย่อมไม่เห็นสังขารโดยความเป็นตน 1.....ย่อมไม่เห็นวิญญาณโดยความเป็นตน 1....   เมื่ออริยสาวกไม่ตั้งอยู่ด้วยความยึดมั่น   เมื่อวิญญาณนั้นย่อมแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไปเพราะวิญญาณแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป   โสกะ  ปริเทวะ  ทุกข์   โทมนัส    และ
อุปายาสจึงไม่เกิดขึ้น   ดูกรคฤหบดี  อย่างนี้แล   บุคคลแม้มีกายกระสับกระส่าย   แต่หาเป็นผู้มีจิตกระสับกระส่ายไม่ฯ

ตราบใดที่ยังยึดติดในขันธ์ 5    ก็เป็นเสมือนคนป่วยแต่ความป่วยไข้ก็อาจจะหายได้เมื่อประจักษ์แจ้งขันธ์ 5  ตามความเป็นจริง    ขันธ์ 5 ไม่เที่ยง  จึงเป็นทุกข์ ในสังยุตตนิกาย  ขันธวารวรรค   
ขันธสังยุตต์  จุลลปัญณาสก์  อันตวรรคที่ 1   
ทุกขสูตร   พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอริยสัจจ์ 4 
กะภิกษุทั้งหลายว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย   เราจักแสดงทุกข์
(คำว่า "ทุกข์" บางทีแปลว่า ความทุกข์  บางทีแปลว่า ความไม่สบาย   แต่ในข้อความภาษาอังกฤษ   ใช้ความหมายที่ว่าความทุกข์)    ทุกขสมุทัย  ทุกขนิโรธ   และทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาแก่เธอทั้งหลาย   เธอทั้งหลายจงฟังฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย   ก็ทุกข์เป็นไฉน  คำว่า   ทุกข์นั้นควรจะกล่าวว่า   อุปาทานขันธ์ 5    อุปาทานขันธ์ 5  เป็นไฉน   คือ  อุปาทานขันธ์คือรูป 1   อุปาทานขันธ์คือเวทนา 1   อุปาทานขันธ์คือสัญญา 1   อุปาทานขันธ์คือสังขาร 1   อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ 1   ดูกรภิกษุทั้งหลาย   นี้เรียกว่าทุกข์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย   ก็ทุกขสมุทัยเป็นไฉน  คือ   ตัณหาอันนำให้เกิดในภพใหม่.... มีปกติเพลิดเพลินยิ่งในภพหรืออารมณ์นั้น   คือ  กามตัณหา  ภวตัณหา   วิภวตัณหา    ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่าทุกขสมุทัย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย   ก็ทุกขนิโรธเป็นไฉนคือความดับไม่เหลือแห่งตัณหานั่นแล ด้วยมรรค  คือ  วิราคะ   ความสละ  ความสละคืน   ความหลุดพ้น   ความไม่มีอาลัยดูกรภิกษุทั้งหลาย   นี้เรียกว่า  ทุกขนิโรธ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย   ก็ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาเป็นไฉน   คือ  อริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8....ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาฯ
ตราบใดที่ยังยึดติดในขันธ์ 5   ขันธ์ 5 ก็จะเกิดขึ้นในภพชาติต่อไป   ซึ่งก็ต้องเป็นทุกข์   เมื่ออบรมเจริญมัคค์มีองค์ 8   ก็จะเริ่มรู้สภาพของขันธ์ 5 ตามความเป็นจริงเป็นการดำเนินไปสู่ความดับทุกข์ซึ่งไม่มีการเกิด   แก่  เจ็บ  ตาย  อีกเลย    ผู้ที่บรรลุอริยสัจจธรรมขั้นสุดท้าย   คือ  ขั้นอรหันตบุคคล   เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว  ขันธ์ 5 ก็ไม่เกิดอีกเลย
 

8
[bgcolor=#ff2700][bgcolor=#0000ff] :002:[/bgcolor][/bgcolor]อ่านแล้วก็น่ากลัวอยู่ครับสำหรับคนกลัวผี แต่ผมมีวิธีครับที่จะทำให้ทุกท่านไม่กลัวผีอีกต่อไป
      ผมเมื่อตอนเป็นเด็กกลัวผีเหมือนกับทุกๆท่านแหละครับแต่พอถึงอายุ 21 เข้าเกณท์คัดเลือกทหาร ช่วงนั้นผมเรียนจบใหม่ครับไม่มีงานทำผมจึงไปสมัครเป็นทหารครับ ได้ไปประจำการที่ค่ายแถวอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ครับ ตอนนั้นเกิดสงครามร่มเกล้าที่พิษณุโลกผมอยากรับใช้ชาติจึงสมัครไป เหตุผลที่ทำให้ผมเลิกกลัวผีก็เกิดขึ้นช่วงนี้แหละครับ คือช่วงที่ฝึกทหารใหม่ครับตอนที่ใกล้จบหลักสูตรจะมีการซ้อมออกเดินป่าครับ การเดินป่าต้องไปพักแรมในป่าช้าครับ ผู้ฝึกให้ไปตั้งเต้นท์ในเมร เผาศพครับ ผมกะคู่หูกลัวมาก แต่ด้วยความเป็นทหารต้องเชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาเลยจำต้องนอนที่นั่นครับ แต่จ่าผู้ฝึกให้ได้ข้อคิดว่าตอนกลางวันที่เรามานั่งพักถางหญ้าทำกับข้าวกันที่ป่าช้าแห่งนี้ มีใครกลัวผีบ้าง พวกผมก็ตอบว่าไม่กลัวครับจ่าจ่าถามว่าทำไมพวกเอ็งไม่กลัวล่ะ พวกทหารทั้งหลายตอบเกือบพร้อมกันว่า อ้าวจ่าก็มันเป็นกลางวันอยู่จะไปกลัวผีทำไม ผีมันจะมาตอนกลางคืน จ่าแกเลยตอบกลับมาว่าเออ!ข้าถามจริงๆเหอะว่าที่พวกเอ็งกลัวนี่กลัวผีหรือกลัวความมืดกันแน่ แล้วข้าถามทีว่าตั้งแต่พวกเอ็งเกิดมาจนอายุป่านนี้พวกเอ็งเคยเจอผีแบบเห็นตัวเลยหรือเปล่า แบบว่าเดินมาหาแล้วบอกว่าข้าคือผีเหมือนในหนังผีแม่นาค หรือผีปอบ แล้วแหกอก ควักตา แลบลิ้นหลอกพวกเอ็งไม๊ พวกผมก็ตอบว่าไม่เคยครับ จ่าก็บอกว่าเออ!ข้าก็จะ 50 แล้ว ข้าก้ไม่เคยเจอเหมือนกัน เพราะฉะนั้นที่เอ็งกลัวกันคือกลัวความมืดไม่เชื่อถ้าพวกเอ็งกลับไปบ้าน ให้ไปถามคนแก่ๆอายุสัก70-80 ดู ว่าเคยเจอผีแบบตัวเป็นๆหรือเปล่า ซึ่งตอนหลังพวกผมฝึกเสร็จได้ลาพักกลับบ้านผมก้ไปถามคนแก่แถวหมู่บ้านว่าท่านเคยเจอผีหรือเห็นผีหรือเคยถูกผีหลอกแบบในหนังในละครทีวีไม๊ ทุกท่านที่ผมไปถามมาล้วนตอบว่าไม่เคยเจอ ตั้งแต่นั้นผมไม่เคยกลัวผีอีกเลย

9
ไม่เสื่อมหรอกครับของแบบนี้มันเป็นธรรมชาติ ครูบาอาจารย์ที่ผมเคยถามมาว่าถ้ารอดราวตากผ้าหรือสะพานหัวเดียวของจะเสื่อมไม๊ อาจารย์บอกว่างูเห่าไปรอดอะไรต่อมิอะไรมา แต่ผลสุดท้ายไปฉกคน คนก้ตายเหมือนกันทุกคน ฉันใดก้ฉันนั้นครับ ของที่ครูบาอาจารย์ท่านลงให้ล้วนสำเร็จด้วยจิต และอำนาจพุทธคุณ เปรียบเสมือนพิษของงู ไม่ว่าจะผ่านจะลอดอะไรมาไม่มีวันเสื่อมหรอกครับ แต่ไอ้ที่เสื่อมนั่นคือเสื่อมศรัทธาต่อครูบาอาจารย์ และที่สำคัญที่สุดนั่นคือจิตเสื่อมครับ

10
:027:ไม่เสื่อมครับของที่ครูบาอาจารย์ท่านลงให้สำเร็จด้วยอำนาจจิตของอาจารย์และพุทธคุณครับทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟครับ

11
วันเสาร์5ผมจะไปสักที่ครูบาธรแต่ไม่เคยไปวัดท่าน ผมเคยไปหาอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์ ไม่ทราบว่าไปทางเดียวกันไหม ชาวเจียงใหม่ใครรู้ช่วยบอกทางไปให้ที
  ขอบคุณล่วงหน้าครับ

12
วางตำแหน่งยันต์ได้พอเหมาะพอดี สวยงามครับ

15
ทำความสะอาดสิครับ โดยการแช่เข็มในแอลกอลฮอล์ครับ

16
:053: :053: :053: :053: :053:ผมล่ะนั่งลุ้นน้องซิมเปิ้ลกลัวคุณน้องจะเป็นลมแต่ที่ไหนได้น้องซิมหัวใจเกินร้อยนั่งนิ่งไม่ไหวติงเสียงเข็มกระแทกลงหลังดังแจ็กๆๆปึกๆๆๆผมเตรียมเปิดยาดมไว้แต่น้องก้มีหัวจิตหัวใจสุดยอดต้องยกนิ้วให้
 ปล.พอสักเสร็จผมถามว่าน้องเป็นอะหยั๋งเจ็บนักก่อ น้องนางบอกว่าต้ะกี้ถ้ามีหมอนอยู่ใกล้ๆสักใบจะเอามากัด เอิ้กๆๆ

17
น้องคนนี้ผมอาสาพาไปสักเมื่อไม่กี่วันมานี้เองครับ หัวจิตหัวใจสุดยอดๆๆ

18
[.jpg .jpeg .png .gif .bmp .tif .tiff .swf ขนาดไม่เกิน ๓๐๐ กิโลไบต์ (KB)/size]จัดให้ครับเป็นหลังน้องในเวปบางพระนี่แหละผมอาสาพาไปสักกับหลวงพี่ญา วัดนางเหลียว ลำปางครับ

19

ใช้น้ำมันงาครับทาตามรอยสักรับรองไม่มีขุย ไม่แตก ไม่ตกสะเก็ดครับ แถมทำให้ลายสักเข้มอีกต่างหาก ผมทาหลังการสักไม่ถึง 1 อาทิตย์ สักพร้อมกับเพื่อน เพื่อนยังคันเกายิกๆอยู่ส่วนผมไม่เป็นไรเลย สักลายอื่นๆต่อได้แล้วครับ

20
ถ้ามีจริงก็ดีครับ ให้โทรไปหานักการเมืองที่โกงชาติบ้านเมืองให้ตายๆไปหมดเลย

21
ยันต์ด้านหลังชัดๆอีกที

22
ขุนแผนเมืองลำปางได้มาตั้งปี2533ไปนั่งรอท่านแกะแล้วปลุกเสกรับมากับมือ หลวงพ่อผู้แกะและปลุกเสกคือหลวงพ่อบุญเลิศซึ่งเป็นหลานแท้ๆของครูบานันตาวัดทุ่งม่านใต้ จังหวัดลำปาง ผู้ซึ่งถ่ายทอดวิชากะลาตาเดียวแกะราหูให้หลวงพ่อน้อยวัดศรีษะทอง จนเป็นที่มาของกะลาแกะราหูที่ผู้คนอยากได้มาเป็นเจ้าของสักอัน ส่วนของผมได้มาคู่หนึ่ง เป็นยันต์สุริยะประภา และจันทระประภา สรรพคุณมากมายเกินจะบรรยายหมด บอกได้ย่อๆแค่พลิกชะตาขุนแผนเมืองลำปางจากทหารรับจ้างมาเป็นเจ้าของธุรกิจมีคนนับหน้าถือตาพอสมควรในลำปางแค่นั้นเอง

23
ถ้าอยากได้สายบางพระแท้ๆผมแนะนำ หลวงพี่ญา วัดนางเหลียว อำเภอเมืองลำปางครับ  ถ้าจะมาบอกผมล่วงหน้าผมจะไปนัดหลวงพี่ท่านไว้ให้
ผมอยากทราบว่าในเมืองเชียงใหม่มีที่ใหนสักยันต์บ้างครับ
หรือไม่ก้อไกล้ๆก็ได้ครับ
รบกวนพี่ๆช่วยตอบหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ

24
วัดครูบาธร ไปทางไหนครับ ผมอยากเจ็บตัวอีกแล้ว

25
ยืนยัน พระอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์ สันป่าตอง ครับท่าน ผมไปสักมาแล้ว ท่านไม่เพียงแต่สักยันต์เท่านั้น มีสีผึ้งชูชก กุมารทองดูดรก และอีกหลายๆอย่าง ใครอยากได้ของดีแบบปลุกเสกต่อหน้าต่อตา รับกับมือแล้วไปลองกันหลังวัด ยิงกันให้เห็นๆ เชิญไปพิสูจน์เลยครับ ผมขุนแผนเมืองลำปางรับประกันความขลัง

27
ข้อ กาเมสิครับรักษายากสุดๆข้ออื่นๆไม่เท่าไหร่ ข้อกาเมนี่ แค่คิดก็ผิดแล้วครับ มนุษย์ทั้งหลายไม่ว่าชนชั้นใด ถ้าไม่ปฎิบัติธรรมเป็นนิจ กิเลสตัณหา คือความพอใจใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส จะครอบงำตลอดครับ

28
คาถาอาคม / ตอบ: คาถา นะอกแตก
« เมื่อ: 10 ม.ค. 2553, 09:23:22 »
อยู่อำเภอเมืองครับ แถวๆมดยิ้มครับ.....
ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าพี่อยู่อำเภออะไรครับพอดีผมกลับบ้านแฟนบ่อยครับ อยู่อำเภอสบปราบครับ

29
หุ หุ  หลงเสน่ห์เมืองเหนือ นี่ถอนตัวง่ายนะทั่น แต่ถ้าหลงเสน่ห์สาวเหนือนี่สิ ยากที่จะถอนตัว....

30

ไปเที่ยววัดเก่าที่อยุธยามาหลายวัดสังเกตุมาอย่างหนึ่งว่าวัดในสมัยอยุธยาไม่มีซุ้มประตูวัด ขากลับมาผ่านวัดต่างๆตั้งแต่อยุธยา ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง กำแพงเพชร วัดเหล่านี้มีซุ้มประตูเป็นบางวัด แต่พอเข้าเขตจังหวัดตากผ่านเข้าแม่พริกอำเภอเถินจังหวัดลำปางมาถึงตัวจังหวัดลำปางสังเกตุดูแทบทุกวัดล้วนสร้างฃุ้มประตูแบบอลังการงานสร้าง วัดบางวัดตัววิหารและอุโบสถยังก่ออิฐถือปูนแบบเปลือย ผนังก็ไม่ได้ฉาบสีก็ไม่ได้ทา แต่ทำซุ้มประตูเสียสวยงามใหญ่โต พอกลับมาถึงลำปางเลยเข้าค้นในกูลเกิลหาดูวัดต่างๆในภาคเหนือที่ดังๆไม่ว่าวัดสวนดอก วัดเจดีย์หลวง ในเชียงใหม่ หรือแม้กระทั่งวัดในจังหวัดลำพูนที่ดังๆเช่นวัดพระธาตุหริภูญไชย ก็มีซุ้มประตูที่ใหญ่โตเสียจริงๆ เลยอยากรู้ว่าที่มาที่ไปของการที่วัดในภาคเหนือที่นิยมสร้างซุ้มประตูแข่งกัน มีต้นสายปลายเหตุหรือรับเอาอารยะธรรมแต่ใดมา วานผู้รู้ช่วยแจ้งแถลงไข เป็นความรู้ด้วยจักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

32

ท่านขุนแผนเมืองลำปางนี่ไม่ธรรมดาเลยค่ะ... บ้านอ้ายอยู่ตี้ได๋..?
อ้ายบ่าวบ้านอยู่ในเขตเทศบาลเน้อ น้องนาง คนงามจ้าดนัก


33


ท่านขุนแผนเมืองลำปางนี่ไม่ธรรมดาเลยค่ะ... บ้านอ้ายอยู่ตี้ได๋..?
อ้ายบ่าวบ้านอยู่ในเขตเทศบาลเน้อ น้องนาง คนงามจ้าดนัก


34
คาถาอาคม / คาถา นะอกแตก
« เมื่อ: 08 ม.ค. 2553, 10:39:30 »

เป็นคาถาที่ครูบาอาจารย์ท่าน เมตตาให้มา อุปเท่ห์การใช้ ให้ภาวนาให้ขึ้นใจ เวลาท่องให้นึกถึงหน้าตาของบุคคลที่เราจะไปคุยด้วย กลั้นใจท่อง สามจบ เอาลิ้นดุนเพดารปากไว้ ท่องจบให้กลืนน้ำลายลงไป แล้วไปพูดกับเขา พูดขออะไรได้ตามนั้นครับ โบราณว่า ไม่รักอกแตกตาย
คาถามีดังนี้ นะนะนะ นะมะอันยัง สาระสาติ สาลิสาตัง ปิยังมะมะ

35
พระอาจารย์กำธร วัดป่าแขม(สันคอกช้าง) อ.สันป่าตอง พระอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์ อ.สันป่าตอง พระอาจารย์ต้น วัดร้องธาร อ.สันป่าตอง หนานแดง อ.สันป่าตอง แรงๆๆๆจริงๆๆๆๆ :054:
ยืนยัน พระอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์ครับ

36
แรงจริงครับ ผมสักกะอาจารย์ญาวัดนางเหลียวจังหวัดลำปางแล้วก็ไปสักกับอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์ ที่เชียงใหม่ สักตั๋วเมือง เป็นอักขระล้านนา เรียกนะพระเจ้าอกแตก สุดยอดทางเมตตามหาเสน่ห์ ผมอายุ 40 แต่ไปไหนมาไหนจะต้องมีสาวๆอายุ 20 กว่าๆนั่งหน้ารถไม่ซ้ำหน้า แต่ล่ะคนระดับดาว วิทยาลัยดาวมหาลัยทั้งนั้น เวลาไปเที่ยวตามสถานบันเทิงภาคกลางคืน รับรองต้องได้ตุ๊กตาที่สวยที่สุดมาขอนั่งด้วยทุกครั้งไป

37
[bgcolor=#0000ff][/bgcolor] :002:]ลายสักของพระอาจารย์ ญา วัดนางเหลียว อำเภอเมืองจังหวัดลำปาง บนหลังผมเองครับ บางพระแท้แน่นอน

38
นะนี้มีชื่อว่านะลวงหรือนะจำผิดครับ สรรพคุณแคล้วคลาดเป็นหลักครับ อย่างเช่นมีคนคอยดักทำร้ายแต่เห็นเราเป็นคนอื่นครับ

39
นะมี 108 นะ ต้องระบุมาว่านะอะไรเพราะแต่ล่ะยันต์มีคุณสมบัติต่างกันครับ

40
ในความคิดผมของที่ครูบาอาจารย์ท่านลงให้ไม่มีคำว่าเสื่อมครับเพราะสำเร็จด้วยอำนาจจิตของผู้เป็นครูบาอาจารย์และอำนาจพุทธคุณครับผมรู้จักคนแก่คนหนึ่งอายุ50กว่า เป็นนักเลงเก่าเคยติดคุกมาแล้วสักจากเขมรมาแต่ตัณหากลับมีเมียเด็ก แกคุยในวงเหล้าว่าเวลามีอะไรกะเมียจะชอบใช้ท่า69 แล้วเมียก็ชอบอยู่บนเพราะแกไม่มีแรง วันนั้นที่ตลาดคนเห็นกันเป็นสิบเลยครับแกมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวตอนค่ำมีคนซ้อนท้าย จยย.มาจอดยิงแก(น่าจะเป็นอริเก่าครับ)คนที่เห็นบอกว่ายิงหมดโม่ไม่ออกสักนัดครับ พอแกรู้ตัววิ่งไปเอามีดในรถจะไล่ฟัน ไอ้คนที่มายิงแกบอกให้เพื่อนบึ่งรถหนีแกวิ่งตามคนร้ายยิงขู่ขึ้นฟ้าออกทุกนัดครับ

41
หลวงพี่ญาวัดนางเหลียวอำเภอเมืองจังหวัดลำปาง ที่ตั้งอยู่หลังวัดพระแก้วดอนเต้าซึ่งเป็นอารามหลวงวัดประจำจังหวัดลำปาง เป็นสายบางพระแน่นอนครับ แต่ที่อำเภองาวไม่มีฃื่อวัดนางเหลียวครับ เพราะผมเป็นคนเมืองลำปางโดยกำเนิด ผู้ตั้งกระทู้ไม่ทราบมีเหตุผลใดถึงตั้งกระทู้เช่นนี้ ศิษย์วัดบางพระโปรดร่วมกันสั่งสอนด้วยครับ

42
:058:ปัญหาหมึกระเบิดในเนื้อสันนิษฐานว่าตอนสักอาจารย์ท่านลงเข็มเบาครับทำให้หมึกไม่ติดลึกอีกอย่างใช้เข็มสักหัวเล็กครับ ถ้าใช้เข็มสักหัวสองแฉกแล้วลงเข็มหนักๆรับรองไม่มีจางครับ ผมสักมาสิบปี ลายเส้นสวยงามคมชัดเหมือนเดิมครับ

43
ของที่ครูบาอาจารย์ท่านประสิทธิ์ประสาธให้ไม่มีวันเสื่อมหรอกครับอาจารย์ญาวัดนางเหลียวจังหวัดลำปางท่านเป็นอาจารย์สักให้ผม ผมเคยถามท่านว่าถ้าทำผิดข้อห้ามบ่อยๆของจะเสื่อมไหม ท่านตอบว่าของที่ครูบาอาจารย์ท่านให้ไม่มีวันเสื่อมครับ ไอ้ที่เสื่อมคือศรัทธาที่มีต่อครูบาอาจารย์ครับ ท่านบอกว่าของทุกอย่างที่ลงให้ศิษย์ล้วนสำเร็จด้วยจิตและอำนาจพุทธคุณ แต่ของที่ลงจะขลังจะเสื่อมหรือไม่ก็อยู่ที่จิตของผู้เป็นศิษย์แหละครับ ถ้าจิตยังมีความศรัทธาเชื่อมั่นแล้วหมั่นสวดคาถาที่อาจารย์ท่านให้มาตอนสักของก็ยังคงไว้ซึ่งอำนาจพุทธคุณเหมือนเดิมทุกประการครับ

44
ผมก็ไม่รู้ความหมายครับแต่สังเกตุทดลองบวกไม่ว่าแนวตั้ง แนวนอน แนวทะแยง จะได้ผลลัพธ์ เท่ากับ 34 ครับ ใครรู้ช่วยเฉลยหน่อยครับ

45
ถ้าอยากได้แถวเชียงใหม่ผมแนะนำให้ไปหาหลวงพ่อ วัลลภวัดดอยแท่นพระครับ อยู่หลังมหาวิทยาลัยแม่โจ้ครับ หลวงพ่อท่านอายุประมาณ 70 กว่า บวชมาตั้งแต่เป็นสามเณร ท่านลงนะหน้าทองครับ ผมไปมาหลายครั้งเรื่องเสน่ห์มหานิยมนี่สุดๆเหมือนกัน ไปเช้าๆหน่อยนะครับเพราะถ้าไปสายคนเยอะมาก แล้วท่านเว้นวันพระครับ เรื่องขันตั้งดอกไม้ธุปเทียนที่วัดมีบริการครับส่วนแผ่นทองที่จะลงถ้าอยากได้ดีๆให้ซื้อทองคำเปลวเกรดดีๆตามร้านทองไปเองครับท่านลงให้ไม่เกินคนล่ะ 9 แผ่นครับ ขอให้โชคดีครับ

46
อืมสวยครับลายเส้นอ่อนพริ้วไหวจุดสักละเอียดสันนิษฐานว่าอาจารย์ท่านคงใช้เข็มหัวเล็กลักษณะลายเส้นอ่อนช้อยงดงามครับ

47
ลายสักของอาจารย์ญาครับ

48

ยินดีต้อนรับศิษย์ผู้น้องครับของผมสักมาได้6ปีแล้วครับตอนนั้นยังมีอุณาโลมครับ

49
ยินดีต้อนรับศิษย์ผู้น้องครับผมสักมาประมาณ6ปีใช้เวลาสักประมาณ6เดือนถึงเต็มหลังเพราะอาจารย์ ญาท่านสักตามฤกษ์ครับ เข็มหนักมากๆแต่ก็คุ้มค่าครับเพราะได้ของดีจริงๆครับ ผมมีอาชีพที่ต้องเสี่ยงภัยประจำ ของที่อาจารย์ ญา ท่านเมตตาให้ชวยได้ทุกเรื่องครับ ไม่ว่าแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตา มหานิยม กันคุณไสย กันแม้กระทั่งหมาดุ ..
มีครั้งหนึ่งเกี่ยวกับงานผมนี่แหละครับมีความจำเป็นต้องเข้าไปในบ้านที่มีหมาดุมากๆ ขนาดลูกน้องผมยังยอมแพ้ไม่เข้าไปเพราะหมาดุ ทั้งหมาไทยหมาฝรั่งประมาณ 5 ตัวเห็นจะได้ ตัวโตๆทั้งนั้นครับ อีกทั้งเจ้าของบ้านก็ไม่ค่อยเป็นมิตรไม่ยอมออกมาหาเพราะมั่นใจว่าไม่มีใครกล้าเข้าไป พอลูกน้องมารายงานผมๆไปเองเลยครับ ไปถึงที่หน้าบ้านพวกหมาทั้งหลายวิ่งมาเห่ากรรโชกที่หน้าประตูเลยทีเดียว ลูกน้องใจฝ่อบอกว่าพี่ๆกลับเถอะอันตราย แต่ผมมั่นใจในครูบาอาจารย์ท่องคาถาที่อาจารย์ ญา ให้กำกับไป ผมเปิดประตูเข้าไปคนเดียวบ้านหลังนั้นอยู่ห่างจากประตูรั้วไปสัก100เมตรครับผมเดินไปช้าๆหมาพวกนั้นก็เข้ามาเห่ากรรโชกผมแต่ก็ไม่ได้ทำอะไร สักพักผมก็หยุดเดินแล้วมองตาพวกมันทีละตัวๆทีนี้แหละครับหยุดเห่าแล้วกระดิกหางครางหงิงๆเลยครับ ผมก็เดินไปจนถึงบ้านเจ้าของบ้าน พอเจ้าของบ้านเจอหน้าผมเท่านั้นแหละครับ ตกใจถามผมว่าเข้ามาได้ไง หมาไม่กัดหรือ ผมก็บอกว่าดูเอาเองสิ เป็นเพื่อนกันแล้วไม่กัดแล้ว เจ้าของบ้านเลยยอมตามผมออกมาโดยดีเพราะเห็นว่าจะขัดขืนผมไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะขนาดหมายังยอมผมเลยครับ

50
ท่านสักเป็นอักขระล้านนาหรือตั๋วเมืองเลยหรือครับผมอยากสักอยู่เหมือนกันเพราะเป็นเอกลักษณ์ของทางล้านนาครับ

51
ผมก็อยากสักลายล้านนาเหมือนกันครับเพราะถือเป็นเอกลักษณ์ของคนทางภาคเหนือที่มีอักษรเป็นของตัวเอง(ตั๋วเมือง)ผมอยู่ลำปางไปเชียงใหม่ประจำเคยเห็นพวกขับรถสองแถวที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่สักลายล้านนาโบราณหลายคนเหมือนกัน ถ้าลองไปถามๆดูผมว่ามีผู้รู้ที่ตอบได้ครับ..

53
นี่ครับอาจารย์ ญาวัดนางเหลียว ลำปาง สังเกตุที่มือท่านครับจับเข็มสักแบบนี้ครับกระแทกลงเต็มๆใครๆที่ว่าอึดลองสักครั้งเถอะครับเข็มหนักมากๆแต่ล่ะอักขระท่านเรียกสูตรเรียกนามทุกตัวครับ

54
สุดยอดครับ ผมขุนแผนเมืองลำปาง ขอยืนยัน ถ้าจะให้ดีต้องสักมนต์ จิ้งจกจินดามณี ที่เห็นเป็นบนหลังผมแหละครับ ตอนสักจิ้งจกมาประสานเสียงแข่งกับอาจารย์เต็มกุฏิเลยครับ พอสักเสร็จอาจารย์ท่านวางเข็มสักลง จิ้งจกพร้อมใจกันหยุดร้อง แล้วหายไปตามซอกหลืบของใครของมัน สรรพคุณล่ะก็ เมตตา มหาเสน่ห์ โชคลาภครับ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงเนี่ยรับประกันเลยครับถ้าได้นั่งคุยกับเรา เราไม่ลุกก่อนไม่มีลุกก่อนเราเลยครับ...

55
ในส่วนของผมตอบในประเด็นว่าผิดหรือไม่ผมตอบว่าไม่ผิดครับ แต่การเข้าไปในที่แบบนั้นมันเป็นที่อโคจรครับ ไม่ควรเข้าไปเป็นอย่างยิ่งเพราะจะทำให้ของเสื่อมขณะที่เราอยู่ในสถานที่แห่งนั้น ถ้าหากเคราะห์หามยามร้ายไปมีเรื่องมีราวในที่นั้น ของที่มีอยู่ไม่สามารถคุ้มตัวได้ครับ อีกอย่างถ้าเป็นข่าวขึ้นมาสิ่งสำคญที่สุด เมียทางบ้านสิครับจะทุบกบาลเอา...ทีนี้ล่ะขลังแค่ไหนโดนสากกระเบือพันผ้าถุงเมียล่ะก็...ไม่อยากคิดเลยครับทั่น

56
นะรานะระหิตังเทวัง นะระเทเวหิปูชิตัง นะรานังกามะปังเกหิ นะมามิสุคะตังชินัง
เมื่อปลุกนะแล้ว ให้ภาวนา ด้วยคาถานี้ จะสิจะมิ
  ขออภัยสีตัวอักษรไม่ชัดเลยลงให้ใหม่

57
คาถาปลุกนะ มีดังนี้ ...


นะรานะระหิตังเทวัง นะระเทเวหิปูชิตัง นะรานังกามะปังเกหิ นะมามิสุคะตังชินัง
เมื่อปลุกนะแล้ว ให้ภาวนา ด้วยคาถานี้ จะสิจะมิ
[/size][/font]

58
ถ้าเป็นรอยสักมาใหม่ยันต์นี้เรียกว่า นะลวงท่าน ครับ สรรพคุณถ้าเดินทางไปในที่ใดถ้ามีคนดักคอยทำร้าย ให้หมั่นท่องภาวนา คาถากับกำนะ ศัตรูจะจำหน้าไม่ได้ครับ
รายงานโดย ขุนแผนเมืองลำปาง

59
หลวงพี่ ญา วัดนางเหลียว จังหวัดลำปาง ท่านก็ศิษย์สายหลวงพ่อเปิ่นครับ ท่านบอกผมว่าทุกอย่างจะสำเร็จได้ด้วยใจครับ ข้อห้ามท่านคือผิดลูกเมียผู้อื่นกับด่าแม่ของคู่ต่อสู้ครับ นอกนั้นท่านไม่ห้าม ท่านบอกว่าอำนาจพทธคุณของการสักยันต์เปรียบเหมือนการชาร์ทแบตเตอร์รี่ครับ ตอนสักไปใหม่ๆแบตเต็มครับ แต่ถ้าไม่หมั่นท่องคาถาใช้ไปๆ แบตก็หมดได้ครับ ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าไม่ทำผิดข้อห้ามครูบาอาจารย์ ให้หมั่นท่องคาถากำกับก็เหมือนการชาร์ทแบตตลอดเวลา ของไม่มีเสื่อมครับ ถ้าศรัทธาไม่เสื่อม...

60
ผมจะเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาไทยแล้วลงรูปด้วย ทำตามที่เวปมาสเตอร์บอกแต่ทำไม่ได้ ใครรู้ช่วยบอกวิธีมาหน่อยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

61
ของที่อาจารย์ลงให้ไม่มีวันเสื่อมหรอกครับ ที่เสื่อมคือศรัทธาเสื่อม ความเชื่อมั่นเสื่อม พระอาจารย์ ญา วัดนางเหลียว ที่ลำปางผู้สักยันต์ให้ผมท่านให้ข้อคิดว่าของที่ลงให้เปรียบเหมือนพิษของงูที่ติดตัวมา งูพิษไม่ว่ามันจะไปลอดอะไรมาพิษมันยังคงอยู่กับตัวมันตลอดไปไม่มีเสื่อมครับ
.....โดย ขุนแผนเมืองรถม้า

62
ผมก็ชอบดูพระเหมือนกันอาจารย์ที่ถ่ายทอดการส่องพระให้ผมท่านมีเคล็ดสอนผมว่าให้เล่นพระด้วยตาอย่าเล่นพระด้วยหูครับ
สิบปากว่าไม่เท่าตา(ตัวเอง)เห็น
สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ(ส่อง)
สิบมือคลำไม่เท่ารู้จริง
.......รายงานโดยขุนแผนเมืองรถม้าครับ

63
มีที่มาที่ไปดังนี้ครับ
นะ มะ พะ ธะ ถอดมาจาก พุทธคุณของพระเจ้า ห้าพระองค์
นะ คือ อาโปธาตุ น้ำ
โม คือ ปถวีธาตุ ดิน
พุท คือ เตโชธาตุ ไฟ
ธา คือ วาโยธาตุ ลม
ยะ คือ อากาศธาตุ ลมหายใจ
สำหรับพระคาถาที่จัดเป็นแม่ธาตุ อันได้แก่ นะ โม พุท ธา ยะ เมื่อจำแนกออกเป็นธาตุทั้ง สี่ ถอดได้ดังนี้
นะ ถอดเป็น นะ
โม ถอดเป็น มะ
พุท ถอดเป็น พะ
ธา ถอดเป็น ธะ
และเมื่อถอดอักขระธาตุทั้งสี่ ออกโดยอนุโลมปฏิโลมแล้วก็จะได้เป็นธาตุดังนี้
นะมะพะธะ อาโปธาตุ น้ำ
มะพะธะนะ ปถวีธาตุ ดิน
พะธะนะมะ เตโชธาตุ ไฟ
ธะนะมะพะ วาโยธาตุ ลม
 โบราณจารย์บอกว่าถ้าจะใช้ธาตุทั้งสี่ ทางพุทธคุณ มีดังนี้
ถ้าจะทำให้ล่องหนให้เสก วาโยธาตุ เจ็ดที เป็นล่องหนแล
ถ้าจะให้เป็นจังงังให้เสก ปถวีธาตุ เจ็ดที
ถ้าจะข้ามน้ำไม่มีเรือ ให้เอาใบไม้มาเสกด้วยปถวีธาตุ สามที
ถ้าจะให้ศัตรูฉิบหายให้เสกด้วยเตโชธาตุ สิบแปดที
ถ้าจะให้เป็นจรเข้ ให้เสกดอกไม้ด้วย อาโปธาตุ สิบเจ็ดที
ถ้าจะให้เป็นต่อแตน ให้เสกใบมะขามด้วยปถวีธาตุ สิบเอ็ดที
 ที่ย่อๆมีเพียงแค่นี้ ถ้าหากท่องบ่นจนขึ้นใจ อยากให้ดีทางไหน ท่อง แม่ธาตุ ครบสี่ธาตุ แล้วอธิฐานเอา สำเร็จทุกประการ...
 รายงานโดย ขุนแผนเมืองรถม้า

64
ในส่วนของผมมีความเห็นต่างออกไปครับ ต้องมาแยกคำออกจากกัน นั่น คือ ต้อง ธรณี สาร คำว่าต้อง ถ้าเป็นกริยา หมายถึงการกระทำในที่นี้หมายถึงการไปถูกหรือการไปสะดุดหรือสัมผัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คำว่าธรณี คำนี้หมายถึง แผ่นดิน ส่วนคำว่า สาร หมายถึงสะสารหรือวัตถุครับ ดังนั้นถ้ารวมกันหมายความว่าการไปสัมผัสกับสิ่งของที่อยู่ในดินครับ ในทางไสยศาสตร์มักหมายความว่าการไปสัมผัสของที่เขาได้ทำการฝังไว้ในดินครับ ส่วนมากจะเป็นทางสามแพร่ง คนที่ไปสัมผัสหรือเดินผ่านมักจะประสบเหตุต่างๆในทางที่ไม่ดี การแก้ไขไม่ยากครับ ถ้าคนสวดมนต์เป็นให้สวดบท ถอนเสมาโบสถ์ ถ้าทำไม่เป็นให้ไปหาพระท่านทำให้ หลังจากทำแล้วให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าของกรรมครับแค่นี้ก็จะหายจากอาการดังกล่าว
..........รายงานโดยขุนแผนเมืองรถม้า





65
หลังจากสวดมนต์ไหว้พระ สวดบูชาครูเสร็จแล้วให้เรียก อาคมเข้าตัวตังนี้
อักขระยันตังสันตังวิกรึงคะเร..3 จบ
แล้วกำหนดจิตให้มั่น ท่อง..เอหิคาถังปิยังกาโร ทิศาปาโมกข์ขังจาริยัง เอหิพุทธานุภาเวนะ เอหิธัมมานุภาเวนะ เอหิสังฆานุภาเวนะ กูจะสูบพระคาถาทั้งปวงขึ้นไว้ในคอ กูจะยอพระคาถาทั้งปวงขึ้นไว้ในอก กูจะยกพระคาถาทั้งปวงขึ้นไว้เหนือเกศ พระครูกูจึงให้กูเป็นเอกกว่าคนทั้งหลาย เอหิคลายๆปิยังมะ มะ พุทธังสรหิ โสมาเรสะระ เอหิมาเรมาระ อาคัจฉายะอาคัจฉาหิ ธัมมังสรหิ โสมาเรสะระ เอหิมาเรมาระ อาคัจฉายะอาคัจฉาหิ  สังฆังสรหิโสมาเรสะระเอหิมาเรมาระ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ (เสร็จแล้วท่อง อักขระ ครบ44ตัว)ตั้งแต่ กะคะกะขะงะจนถึง......ทรงเอ ทรงอัง ทรงอะ.ทรงนะโมพุทธายะ.โอกาเสติ ถาหิติถัตถิ
 ใครปฏิบัติได้ท่องจนขึ้นใจทุกวัน ของไม่มีเสื่อมครับ.

66
ขออภัยครับมือใหม่ขอลงรูปอีกทีครับ

67

หลังขุนแผนเมืองรถม้าครับ ศิษย์หลวงพี่ญา วัดนางเหลียว ลำปางครับ

68
ผมขุนแผนเมืองรถม้าสมาชิกใหม่เป็นศิษย์หลวงพี่ญาวัดนางเหลียวจังหวัดลำปางครับรูปที่ลงเป็นหลังผมเองครับหลวงพี่ญาท่านเมตตาสักให้ใครมีประสบการณ์เข้ามาคุยกันครับ

หน้า: [1]