ผู้เขียน หัวข้อ: วัวธนูหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง  (อ่าน 23764 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ suwatchai

  • การนิ่งเงียบต่อคนโง่คนสามหาว เป็นทางยาวสู่เกียรติที่ใฝ่ฝัน ทั้งรักษาในศักดิ์ศรีเป็นเกราะกัน ไม่หุนหันฉันท์หมาวัดที่จัญไร เราจงดูราชสีห์น่าเกรงขาม ทุกผู้นามเกรงกลัวได้ไฉน ไม่เคยเห่าเคยหอนไล่ผู้ใด แล้วไซร้ใยมีเกียรติเป็นราชันต์...
  • สมาชิกที่ถูกแบน
  • **
  • กระทู้: 241
  • เพศ: ชาย
  • Death Is Beautiful & Sweet ....
    • MSN Messenger - suwatchai.com@windowslive.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
           
    หลวงพ่อน้อย คนฺธโต  อดีตเจ้าอาวาสวัดศีรษะทอง  จ.นครปฐม   นอกจากท่านจะสร้างกะลาแกะราหูอมจันทร์อันลือลั่นสะท้านแผ่นดินแล้ว หลวงพ่อน้อยท่านยังได้สร้าง ? วัวธนู ? ซึ่งเป็นเครื่องรางของขลังอีกชนิดหนึ่งที่มีความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
   โดยตามตำนานที่แท้จริง    หลวงพ่อน้อยท่านได้สร้างวัวธนูขึ้นตามตำราที่ได้ตกทอดกันมาโดยเชื่อกันว่าสมเด็จพระวันรัตน์  วัดป่าแก้ว ( เดิมชื่อวัดพระยาไทย )   หรือในปัจจุบันก็คือวัดใหญ่ชัยมงคลนั่นเอง  เป็นเจ้าของต้นตำรับในการสร้างวัวธนู   ซึ่งวิธีการสร้างวัวธนูของหลวงพ่อน้อยนั้น ท่านจะสร้างในโบสถ์ โดยมีการจัดเตรียมโรงพิธีซึ่งใช้ผ้าขาวขลิบทองขึงปิดทั่วห้องพิธี  รวมทั้งเพดานฝ้าด้วย   มีเครื่องเซ่นบัดพลีเป็นหัวหมู   พร้อมทั้งอาหารคาวหวาน   ผลไม้นานาชนิด   ล้อมวงด้วยด้ายสายสิญจน์รอบโบสถ์  พอถึงฤกษ์สิทธิโชคที่หลวงพ่อได้กำหนดไว้  ก็เริ่มพิธีด้วยการจุดธูปเทียนชัย
   ในสมัยนั้น    ผู้ที่จะเข้าพิธีปลุกเสกวัวธนู   ต้องเป็นผู้ชายล้วนที่บำเพ็ญเพียรถือศีลห้าก่อนพิธีเจ็ดวัน   อีกทั้ง   ต้องนุ่งขาวห่มขาว ทั้งนี้  ซึ่งการสร้างวัวธนูนั้น จะต้องสร้างให้เสร็จภายในเวลา ๒ ชั่วโมง ๒๗ นาที   และต้องสร้างในวันมาฆบูชาหรือในวันวิสาขบูชาเท่านั้น    จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้แต่เนิ่น ๆ
   การสร้างวัวธนูนั้น สิ่งที่ต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนเข้าพิธีก็มี....
   ๑.ผูกโครงสร้างของวัวธนูด้วยเส้นลวด
   ๒.เตรียมแผ่นโลหะสำหรับทำตะกรุดดอกเล็ก ๆ
   ๓.ชันโรงจากต้นพุทรา   ซึ่งมีทั้งหลวงพ่อน้อยท่านเก็บไว้และผู้ให้สร้างวัวธนูนำมาเองโดยนำ ไปใส่ในภาชนะตั้งไฟ    แล้วทำการเคี่ยวเตรียมไว้
   การสร้างวัวธนูของหลวงพ่อน้อยนั้น   ก่อนอื่นต้องสร้างโครงสร้างให้เป็นรูปร่างวัวธนูขึ้นมาก่อนด้วยเส้นลวดที่ทำจากเนื้อโลหะ ซึ่งโลหะที่นำมาทำเส้นลวดนั้น  มักได้แก่โลหะจำพวกทองแดง  เงิน  นาค  ทองคำ  เป็นต้น   แต่ส่วนใหญ่แล้ว มักจะเป็นพวกทองแดงเสียมากกว่า
   ส่วนแผ่นโลหะที่นำมาทำเป็นตะกรุดดอกเล็กก็เช่นกัน     มีทั้งโลหะเนื้อทองแดง  เงิน  นาคและทองคำ
   พอถึงฤกษ์ที่กำหนดไว้   หลวงพ่อน้อยจะลงจารอักขระขอมในแผ่นโลหะพร้อมกับม้วนเป็นตะกรุด   ท่านลงจารด้วยคาถาหัวใจพระฉิม ? นะชาลิติ ?     บางแผ่นอาจมีลงจารคำว่า ? นะ ๑๒ ? และ ? โม ๒๑ ? เข้าไว้ด้วย  ซึ่งหมายถึงพระคุณบิดามารดาผู้ให้กำเนิด )
   เสร็จแล้วท่านจะส่งต่อให้ผู้เข้าร่วมพิธีนำไปใส่บรรจุในโครงลวดที่จะสร้างวัวธนู แล้วให้เอาชันโรงที่เคี่ยวไว้พอกทับโครง แล้วจึงปั้นเป็นวัวธนูต่อไป
   วัวธนูที่ปั้นเสร็จแล้ว  ท่านจะนำมาเจิมเขาด้วยน้ำมันจันทน์ทุกตัว พร้อมทั้งภาวนาพระคาถากำกับซ้ำอีกครั้ง
   นอกจากสร้างด้วยโครงลวดแล้ว   วัวธนูของหลวงพ่อน้อย  วัดศีรษะทองที่สร้างด้วยชันโรงล้วน ๆ ก็มี แต่ไม่มากนัก โดยเกิดจากการที่ว่าในขณะที่ทำพิธีนั้น ชันโรงที่เคี่ยวเตรียมไว้เกิดมีเหลือ และผู้เข้าร่วมพิธีต้องการวัวธนูเพิ่มอีก หลวงพ่อท่านก็จะปั้นให้โดยไม่ต้องมีลวดเป็นโครงร่าง
   วัวธนูของหลวงพ่อน้อยนั้น  จะมีรูปลักษณ์ขนาดเล็กและใหญ่ต่างกันไป  แล้วแต่ผู้สร้างจะออกรูปแบบโครงสร้างของลวดเป็นแบบไหน วัวธนูตัวที่ใหญ่ที่สุด มีการสร้างตัวยาวขนาด ๖ นิ้วก็มี แต่ก็มีจำนวนไม่มากนัก
   ส่วนวัวธนูที่สร้างด้วย ? เขากระทิง ? นั้น   จะมีการสร้างไว้ไม่มาก ส่วนใหญ่ผู้สร้างแกะเขาเป็นรูปวัวมาแล้วเอาเข้าร่วมในพิธี ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายฝีมือทีเดียว

ลักษณะที่พึงสังเกตวัวธนูของหลวงพ่อน้อย:   
   ๑.วัวธนูที่แท้จริง    จะมีโครงลวดและแผ่นตะกรุด  จึงทำให้มีน้ำหนัก  หากวัวธนูตัวใดมีน้ำ หนักเบา ต้องถามที่มาที่ไปให้ละเอียดถี่ถ้วนแน่ชัด
   ๒.วัวธนูที่สร้างจากชันโรง เนื้อชันโรงจะมีความแห้งและแน่นตัวมาก เมื่อใช้กล้องส่องดู จะเห็นเนื้อชันโรงเหมือนผสมผงอยู่ด้วย แต่แท้ที่จริงแล้ว มันคือเปลือกต้นพุทราผุที่เอามาเคี่ยวรวมกันนั่นเอง
   ๓.ชันโรงที่ปั้นเป็นวัวธนู   จะต้องมีสีแดงดำอมน้ำตาล  สีจะไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน   ผิวกายของวัวธนู จะมีลักษณะหยาบ ไม่เรียบร้อย
   ๔.ไม่มีการลงอักขระใด ๆ ที่ตัววัวธนูทั้งสิ้น      หากมีนั่นย่อมแสดงว่าเอามาลงในภายหลัง นอกจากนี้  ไม่มีการปิดทองที่ตัววัว ถ้ามีปิดก็ปิดเป็นบางจุดเท่านั้น    ถ้าปิดทั้งตัวเป็นการปิดทีหลังแน่นอน   ทั้งนี้ เพราะการสร้างวัวธนูนั้น มีกำหนดเวลาในการทำพิธีน้อยและต้องเสร็จให้ทันภายในพิธีด้วย

วิธีบูชาวัวธนู:   
            ในการบูชาวัวธนูของหลวงพ่อน้อย จะเหนื่อยหน่อยก็ตรงครั้งแรกเท่านั้น   กล่าวคือจะต้องไปหาน้ำจากสระถึง๕แห่ง   สระละนิดสระละหน่อยมาใส่แก้วไว้บูชา  ต่อจากนั้นให้หาใบพุทรา ๕ ใบ  หาใบหญ้าคา ๕ ใบ แล้วนำมารวมเป็นขอดไว้ใบละเปาะ  แต่ละขอดให้ภาวนาพระคาถา ? อุปคุตมัดมาร ? ที่ว่า ? อิมํ  อฺงคพนฺธนํ  อธิฎฐามิ ?
   เสร็จแล้วให้จุดเทียน ๑ คู่ ธูป ๔ ดอกบูชา   แล้วให้น้อมรำลึกถึงปรมาจารย์ผู้ริเริ่มการสร้างวัวธนู ซึ่งก็คือสมเด็จพระวันรัตน์  วัดป่าแก้วเป็นท่านแรก และองค์สุดท้ายให้น้อมรำลึกถึงหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เสร็จแล้วให้ภาวนาพระคาถากำกับวัวธนู ซึ่งมีข้อความดังนี้....
   ? เวทาสากุกุ  ทาสาเวทา ยัสสะตะถะสาสา  ทิกุกุทิสาสา กุตะกุ  ภูตะภุโค โหตุเต ชัยยะมังคลานิ ?

พุทธคุณและคุณประโยชน์ของวัวธนู :   เชื่อกันว่าวัวธนูของหลวงพ่อน้อย  วัดศีรษะทองนั้น มีพุทธคุณแบบที่เรียกว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมตตามหานิยม  มีเสน่ห์ การค้าการขายดีเยี่ยม    ทั้งปกป้องคุ้มครองตนเองและบ้านพักอาศัย   ทำให้ศัตรูกลับมารัก ทำน้ำมนต์ก็ดีเลิศ กล่าวคือใช้น้ำที่อาบวัวธนูนั้นมาอาบตัวเรา เชื่อว่าจะไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยอยู่ ก็จะหายวันหายคืน ถ้าอาบประจำ ก็จะทำให้เกิดมีโชคลาภทั้งปี


   

    หลวงพ่อน้อย  คนฺธโชโต วัดศีรษะทอง    เดิมชื่อว่า ? น้อย ?   นามสกุล  ? นารารัตน์ ?  ชา ตะเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๔๓๕ แรม ๑๓ ค่ำ ปีมะโรง ณ ตำบลศีรษะทอง จ.นครปฐม  ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๘๘ เวลาเพลพอดีด้วยอาการสงบ

*********************

สาระประโยชน์อันใดที่เกิดจากบทความนี้ ข้าพเจ้าขอมอบอุทิศคุณความดีและกุศลบุญทั้งหลายแด่ดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระเดชพระคุณหลวงพ่อน้อย คนฺธโชโต วัดศีรษะทอง ตลอดจนครูบาอาจารย์และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งในอดีตชาติและปัจจบันชาติของข้าพเจ้า...สุวัจชัย สมไพบูลย์
   

ออฟไลน์ umpawan

  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 3112
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วัวธนูหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 18 ส.ค. 2552, 06:51:45 »
กราบนมัสการหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทองครับ


 :054:  :054:


ขอบคุณฯสำหรับข้อมูลวัวธนู

ออฟไลน์ tuxky

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1132
  • เพศ: ชาย
  • ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วัวธนูหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 18 ส.ค. 2552, 08:13:58 »
ใครว่าราคาวัวถูก ตัวในภาพเล็กนิดเดียวราคาเป็นหมื่นๆแล้วครับท่าน :005:

ออฟไลน์ ชลาพุชะ

  • เราอาจไม่รู้มากนัก แต่เรารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1526
  • เพศ: ชาย
  • ที่นี่คือเว็บวัดบางพระ เราก็ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วัวธนูหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 18 ส.ค. 2552, 08:17:38 »
       ปลัดขิก หลวงพ่อเหลือ  เสือ หลวงพ่อปาน หนุมาน หลวงพ่อสุ่น  วัวธนู หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เบี้ยแก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรง
     ใจจริงผมก็อยากมีไว้มี 2 เหตุผลที่ไม่สามารถหามาบูชาได้ 1.ราคาสูง แต่ไม่ใช่แพง 2.ไม่รู้ว่าของจริงนั้นดูที่ตรงไหน เป็นอะไรที่ดูยากมากๆครับ
        หากพูดถึงวัวธนูก็มีทางเลือกที่ดีครับผมก็ไปบูชาวัวธนูของวัดกลางบางพระที่หลวงพ่อพุตที่สร้างไว้ อันนี้ทันหลวงพ่อแน่นอน ขอบคุณท่าน สัวัจชัยนะครับ ที่นำให้อ่านเพิ่มความรู้นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ส.ค. 2552, 08:25:05 โดย ชลาพุชะ »

ออฟไลน์ ....

  • อดทนต่อความเจ็บใจ
  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 119
  • เพศ: หญิง
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วัวธนูหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 18 ส.ค. 2552, 10:10:47 »
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
[shake]รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต[/shake]

ออฟไลน์ cho presley

  • ------> I'm Cho Presley
  • นวมะ
  • ****
  • กระทู้: 2049
  • เพศ: หญิง
  • สุดท้ายก็กาหลง!
    • MSN Messenger - cho.khalong@hotmail.com
    • AOL Instant Messenger - เมืองเสน่ห์กาหลง
    • Yahoo Instant Messenger - มหาเสน่ห์+เมตตา+มหานิยม
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.khalong.com
ตอบ: วัวธนูหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 18 ส.ค. 2552, 04:07:44 »
นู๋ก้อเพิ่งพามะม๊าไปไหว้มานะ.. เคยลงภาพไปทีนึง แล้วน่าจะดีลีทไปแล้วเด่วหามาลงใหม่นะ..

cho presley       

ออฟไลน์ พ่อขุนผาเมือง

  • สัปปิติโย วินัสตูมาเต๊
  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 147
  • เพศ: ชาย
  • ร่วมกันเชิดชูธง เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: วัวธนูหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 18 ส.ค. 2552, 04:33:21 »
หาไม่เจอแล้วครับของแท้คนที่มีก็หวงทั้งนั้นตอนท่านมรณะภาพไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหนใท้องแม่ ขอบคุณที่นำมาให้ชมขอรับ
ความสุขจงเกิดกับคนทั้งประเทศเถิด สาธุ สาธุ สาธุ