การศึกษาและปฏิบัติธรรมนั้น ในทางพุทธศาสตร์ เป็นไปเพื่อการ ลด ละ เลิก
ซึ่งอัตตา มานะ กิเลส ตัณหา อุปาทาน และขบวนการทางจิตในการคิดและทำ
ซึ่งเราต้องเริ่มจากฐานกายเป็นที่ตั้ง ต้องทำความเข้าใจในเรื่องของกายเป็นเบื้องต้น
อันว่ากายนั้นประกอบขึ้นมาด้วยธาตุทั้ง ๔ คือมหาภูตรูป อันได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ
ธาตุลม ธาตุไฟ มาประชุมรวมกัน เกิดช่องว่างระหว่างธาตุ คือ อากาศธาตุ และมีจิต
เข้ามารับรู้อยู่อาศัยและควบคุมคือ วิญญาณธาตุ ธาตุทั้ง ๔ มาประชุมรวมกันก่อเกิดให้เป็น
อวัยวะน้อยใหญ่คืออาการ ๓๒ ซึ่งนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายจำเป็นต้องรู้และเข้าใจในเรื่องกายและ
เรื่องธาตุเป็นเบื้องต้น โดยการฝึกจิตให้มีสติระลึกรู้อยู่กับกาย ให้มีความรู้ความเข้าใจในความสัมพันธ์
ของธาตุในกายทั้งหลาย และเมื่อจิตชัดเจนในฐานกาย จิตก็มีที่อยู่ที่อาศัยมีฐานที่มั่นคง การหลงในสภาวะทั้งหลาย
ก็เกิดขึ้นได้น้อย เพราะมีสติคอยดูแลและควบคุมอยู่ เมื่อจิตรู้ชัดในฐานกาย จิตก็จะจางคลายในการยึดถือซึ่งตัวตน
เพราะเหตุที่ว่าเห็นกายนี้สักแต่ว่าเป็นธาตุที่ประชุมรวมกัน และไม่นานก็ต้องสลายไป คืนทุกสิ่งกลับไปสู่ธรรมชาติ
จิตนี้เป็นเพียงผู้ที่เข้ามาอยู่อาศัย หาใช่เจ้าของแห่งกายนี้ เมื่อเห็นและเข้าใจเช่นนี้ การยึดถือในตัวตนก็จะจางคลาย
ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจในจิตแยกแยะความคิดที่เป็นกุศลและอกุศลของตนเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รู้จักคิดและพิจารณา
ให้เห็นคุณ เห็นโทษ เห็นประโยชน์ และมิใช่ประโยชน์ของความคิดทั้งหลาย จนเกิดความรู้และเข้าใจ ว่าสิ่งใดที่ควรคิดและควรทำ
เพราะเข้าใจในกุศลและอกุศล มองเห็นความเป็นสาระของธรรมะทั้งหลายที่อยู่รอบกายของเรา รู้ในสิ่งที่ควรและไม่ควร
ของกาย ของจิต ของความคิด ของการกระทำ จิตนี้ก็จะไม่ตกต่ำ เพราะมีธรรมคุ้มครองและรักษา มีสติและปัญญาคอยควบคุม
มีองค์แห่งคุณธรรม คือหิริและโอตตัปปะคอยเกื้อหนุนและดูแล ในการดำรงค์ชีวิต ไม่ให้เดินผิดทางไปสู่อบาย จิตก็ไม่ตกต่ำ
เพราะมีธรรมะเป็นที่อยู่ที่อาศัย เป็นที่พึ่ง เป็นสรณะ และเมื่อเรารักษาธรรม ธรรมนั้นจะรักษาเรา....
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต-แด่มิตรผู้ใคร่และใฝ่ธรรมทั้งหลาย
รวี สัจจะ-วจีพเนจร-สมณะไร้นาม
๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๖.๓๔ น. ณ หมู่บ้านจัดสรรค์แห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต ปักษ์ใต้ ประเทศไทย