ผู้เขียน หัวข้อ: ครูบาเหนือชัย โฆสิโต วัดถ้ำอาชาทอง  (อ่าน 5430 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ umpawan

  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 3112
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด


ครูบาเหนือชัย โฆสิโต วัดถ้ำอาชาทอง ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย

ปุจฉาวิสัชชนา ครูบาเหนือชัย... “นักบุญแห่งขุนเขา”

ภาพ "พระเณรขี่ม้าออกบิณฑบาต" นำโดย "ครูบาเหนือชัย โฆสิโต" นอกจากสร้างความประทับใจต่อ พุทธศาสนิกชนไทยแล้ว ยังกระฉ่อนโด่ง ดังไปทั่วโลก เหตุที่พระ เณรและลูกศิษย์ต้องขี่ม้าบิณฑบาต เนื่องจาก สำนักอยู่ห่างไกลจากชุมชน และถนนหนทางยังไม่สะดวก การใช้ม้าจึง มีความสะดวกในการเดินทาง กว่า ๑๐ ปี ของการออกธุดงค์ เผยแผ่หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าตาม ชายแดนไทย-พม่า โดยไม่แบ่งชาติพันธุ์ ในที่สุดท่านก็ได้รับการขนาน นามว่า "นักบุญแห่งขุนเขา"

นอกจากจะมีชื่อเสียงในรูปแบบและวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแล้ว นักบุญแห่งขุนเขายังมีชื่อ เสียงใน เรื่องของเครื่องรางของขลัง ด้านอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยมและเกี่ยวกับการค้าขาย ให้มีความเจริญก้าวหน้า ร่ำรวยอีกด้วย จนเป็นที่กล่าวขวัญของบรรดาชาวบ้านและพุทธศาสนิกชน ทั้งในเมืองไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนจะดีเพียงใดนั้น ต่อไปนี้คือบทสัมภาษณ์แบบ “คม ชัด ลึก”

"คำว่า “นักบุญแห่งขุนเขา” ใครเป็นผู้ตั้งให้ครับ ?"

“นักบุญแห่งขุนเขา” ฉายานี้ได้มาจากเจ้าหน้าที่ที่ร่วมงานกันในโครงการ “มิตรมวลชน คนชาย แดน” ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังเฉพาะกิจ กรมการทหารราบที่ ๑๗ กองพันที่ ๓ (ฉก.ร.๑๗ พัน ๓) ตั้งให้ เพราะเห็นว่าเราเป็นพระที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่า เผยแผ่ธรรมะอยู่ในป่า"

"การตั้งสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทองมีที่มาที่ไปอย่างไรครับ ?"

"ครูบาเผยแผ่ธรรมะอยู่ในป่า มานั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่หน้าถ้ำป่าอาชาทองแห่งนี้ มีชาวบ้านมา ถวายภัตตาหาร และมาทำบุญบ่อยๆ ก็เลยมีคนบอกว่าน่าจะตั้งเป็นวัดดีกว่า ประกอบกับท่านเจ้า ประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จสังฆราช องค์ปัจจุบัน มีดำริให้ดำเนินโครงการ "บวร" พุทธ ศาสนา อันหมายถึง บ คือ บ้าน ว คือ วัด ร คือ โรงเรียน เป็นการนำหลักธรรมเผยแผ่ให้ครบทั้งสาม สถาบัน"

"ที่สำนักปฏิบัติธรรมมีพระเณรและเด็กวัดเท่าไรครับ ?"

"พระ ๔ รูป สามเณร ๑๗ รูป และมีเด็กในอุปการะอีก ๒๐ คน เด็กที่รับอุปการะส่วนใหญ่เป็นเด็ก กำพร้าพ่อแม่ เพราะติดคุกเรื่องยาเสพติด บางคนพ่อแม่เสียชีวิต ก็เพราะไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็เลยรับอุปการะเด็กๆ เหล่านี้ไว้ แล้วส่งให้เรียนหนังสือและช่วยทำงานต่างๆ ในสถานปฏิบัติธรรม เช่น เลี้ยงม้า ทำความสะอาด รวมถึงหัดแม่ไม้มวยไทย ให้เด็กๆ ด้วย"

"ปัจจัยส่วนใหญ่ได้มาจากไหนครับ ?"

"ส่วนใหญ่เป็นเงินรายได้ที่คนมาบูชาเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคลต่างๆ อีกทางหนึ่งได้มาจากการ ขายปุ๋ยอินทรีย์คือ ปุ๋ยที่ได้จากม้า เด็กๆ ก็จะมีรายได้จากการทำงานด้วย วันหยุดเสาร์อาทิตย์ เด็กๆ จะมีรายได้วันละ ๑๐๐ บาท เอาไว้เป็น เงินค่าขนมตอนไปโรงเรียน"

"นอกจากนั้นยังมีการชกมวยทุกๆ วันเสาร์ การชกมวยไม่เหมือนมวยตู้ ไม่มีการพนัน ชกจบมีค่าขนม ให้ทั้งคู่ คนชนะ ได้ ๗๐๐ บาท คนแพ้ได้ ๓๐๐ บาท เป็นการฝึกให้เด็กๆ ออกกำลัง แต่ไม่สนับสนุน ให้เด็กๆ ชกมวยหาเงินนะเพราะเป็น การพนัน เด็กจะเสียคน อีกอย่างผิดวัตถุประสงค์ของมวยที่ฝึก ในวัด คือ มวยคู่แผ่นดิน ใช้สำหรับป้องกันตัว"

"ความคิดเรื่องขี่ม้าออกบิณฑบาตมาจากไหนครับ ?"
 
"ครั้งแรกเลยไม่เคยมีความคิดจะใช้ม้าในการออกรับบิณฑบาตหรอก แต่มีชาวบ้านบนขอให้หายป่วย พอหายป่วยก็ เลยเอาม้ามาแก้บน ครูบาเห็นว่าเราอยู่ในป่าเขา ใช้ม้าเป็นพาหนะ ย่อมมีความสะดวกกว่า ม้าไม่ต้องใช้น้ำมันด้วย ก็เลย ใช้ม้ามาตั้งแต่ตอนนั้น"

"ม้าตัวแรกได้มาจากไหนครับ ?"

"ก็ชาวบ้านเอาม้ามาแก้บนไง เลยต้องเลี้ยงไว้เพราะเขาเอามาถวาย เราเป็นพระไม่รับก็ไม่ได้ การขี่ม้าเพื่อออกบิณฑบาต นั้นก็เพราะแต่ละหมู่บ้านอยู่ห่างไกลกันมาก ต้องข้ามเขาเป็นลูกๆ การเดินด้วยเท้าจะลำบาก ยิ่งหน้าฝนทางเดินลื่นมาก ใช้ม้าช่วยให้การออกรับบาตรสะดวกขึ้น และยังช่วยให้การเผยแผ่หลักธรรมตามหมู่บ้านชาวเขาในแนวชายแดนที่ห่างไกล ได้สะดวกขึ้นด้วย ส่วนความเหมาะสมหรือไม่ที่พระขี่ม้า เห็นว่าน่าจะดูที่การปฏิบัติกิจของสงฆ์มากกว่า ครูบาได้ใช้ม้าเพื่อเผย แผ่ศาสนาในโครงการ "มิตรมวลชน คนชายแดน" ที่สมเด็จพระสังฆราชทรงรับเป็นองค์สังฆราชูปถัมถ์โครงการนี้ด้วย

"การฝึกให้พระเณรขี่ม้านี่ยากไหมครับ ?"

"ของแบบนี้ต้องใช้เวลา เริ่มตั้งแต่ให้พระและเณรเลี้ยงม้าเอาหญ้ามาเป็นอาหารของม้า ม้าของพระเณรรูปใด พระเณร รูปนั้นจะต้องเป็นคนดูแลเอง เมื่อทำความคุ้นเคยแล้วก็จะเริ่มหัดขี่ม้าได้ไม่ยากหรอก สามเณรที่นี่อายุ ๑๐ ปี ก็ขี่ม้าเป็นแล้ว"

"ใครเป็นผู้ตั้งชื่อม้าครับ ?"

"ชื่อม้าแต่ละตัวที่เห็นนั้น สมเด็จพระสังฆราช ทรงพระเมตตา ประทานชื่อให้ ครูบาไม่ได้ ตั้งเองหรอก จำได้ทุกตัว ตัวแรกชื่อ เพชรเทวดา อาชาทอง หนุ่ม โพธิ์ชัย อาเธอร์ ส่วนตัวที่เห็นนี่ ชื่อคชสีห์อาชาทอง ปัจจุบันที่นี่มี ม้าทั้งหมด ๒๐๐ ตัว ตอนหลัง นอก จากม้า ๒๐๐ ตัวแล้ว ก็ยังมี ไก่อีกประมาณ ๑,๐๐๐ ตัว ช้าง ๙ เชือก วัว ๑๕ ตัว และควายอีก ๑๖ ตัว"

"ใช้ม้าออกรับบิณฑบาตแล้วชาวบ้านว่ายังไงบ้างครับ ?"

"ชาวบ้านไม่ว่าอะไรหรอก เขาอยู่ในพื้นที่ เขารู้เขาเห็นเขาเข้าใจถึงเหตุผล แต่หลังจากที่เป็นอันซีน ไทยแลนด์นี่แหละ มีเสียงสะท้อนออกมา ทั้งดีบ้างไม่ดีบ้าง บางท่านก็ว่าไม่เหมาะสม"

"ครูบาสักยันต์เพื่ออะไรครับ ?"

"ไม่มีคำว่ากลัวตายหรอก ตายไวเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น เพราะถ้ามีชีวิตอยู่ยิ่งนานเท่าไรก็ต้องแบกรับ ภาระทุกอย่างไว้ เหตุที่ครูบาสักยันต์เต็มตัวนี่เพื่อประกาศให้ทุกคน รวมทั้งโยมผู้หญิง (เมีย) รู้ว่าเรา ได้มอบร่างกายและจิตใจเพื่อพระพุทธศาสนาแล้ว เพราะในเมื่อใจเรามุ่งไปในพุทธรรมแล้วก็เหมือน ได้ตายจากทางโลก รอยสักที่เห็นตามร่างกายก็คือคำสอนในพุทธศาสนา"

"รู้สึกอย่างไรที่ ททท.มาโปรโมทท่านเพื่อการท่องเที่ยว ?"

"เรื่องนี้ก็ใช้เวลาคิดอยู่นานเหมือนกันคือประมาณปี ๒๕๔๕ มีเจ้าหน้าที่จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เขาเข้ามาสำรวจ เขาเห็นว่าแปลกดี ต้องการ สนับสนุนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เราก็ยังไม่ตกลงเพราะเราต้องการความ สงบมากกว่า เราไม่อยาก ดังหรอก"

"เพราะอะไรถึงตกลงเข้าร่วมโครงการได้ล่ะครับ ?"

"ก็พอดีปี ๒๕๔๕ เขามาสำรวจ เราไม่ตอบตกลง เขาก็ติดต่อมาอีกหลายครั้ง แล้วอีกประมาณ ๒ ปีได้ คือปี ๒๕๔๗ เราก็มานั่งคิดว่าถ้าต้องการให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เห็นว่าการท่อง เที่ยวนี่แหละที่จะช่วยให้ชาวบ้านมี ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้เร็วกว่าวิธีอื่น เพราะถ้ากลายเป็นแหล่ง ท่องเที่ยว ชาวบ้านก็สามารถขายของได้ มันเร็วกว่าที่ จะไปทำไร่ทำนา ก็เลยจัดสินใจเข้าร่วมเป็น อันซีน ไทยแลนด์"

"การปฏิบัติธรรมยังเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ ?"

"เรายังปฏิบัติเหมือนเดิม แต่ก็ต้องเพิ่มเวลาที่ใช้ปฏิบัติธรรมเพิ่ม เพราะเวลาที่มีญาติโยมมาพบก็จะมีเวลา ปฏิบัติธรรมน้อยลง"

"ที่ว่าใช้เวลาเพิ่มนี่ ครูบาทำอย่างไรครับ ?"

"เวลาที่ใช้ในการปฏิบัติธรรมก็ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เคยใช้เวลาในการปฏิบัติเท่าไรก็ให้เวลา เหมือนเดิม จนบางคืนต้องนอนดึกกว่าปกติ ส่วนพื้นที่ใน สถานปฏิบัติธรรมก็ต้องมีการแบ่งเขต เป็นส่วนฆราวาสและส่วนสงฆ์ ให้เป็นสัดส่วน"

"ครั้งหนึ่งท่านเคยถูกรุมทำร้ายระหว่างเผยแผ่ธรรมจริงหรือเปล่าครับ ?"

"เป็นความจริง เหตุเกิดที่บ้านหัวแม่คำ มีคนมาทำร้ายประมาณ ๔๐ คน แต่ก็เอาตัวรอดมาได้"

"แสดงว่ามีของขลังเลยรอดมาได้สิครับ ?"

"(หัวเราะ) ไม่ใช่ด้วยของขลัง แต่เป็นเพราะมีสติและใช้วิชาความรู้ที่ได้เรียนมา เลยเอาตัวรอด"

"วิชาอะไร แล้วครูบาทำอย่างไรครับ ?"

"วิชาแม่ไม้มวยไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าครูบาสู้กับคน ๔๐ คนนะ อาศัยว่าวันนั้นกำลังปฏิบัติธรรมอยู่ เราก็จุดเทียนใช้ตอนกลางคืน เมื่อมีคนเข้ามาเราก็ใช้วิธีดับเทียน ทีนี้มันก็มืดใช่ไหม แล้วคนตั้ง ๔๐ คน มองอะไรก็ไม่เห็น เราก็หมอบลงอยู่กับพื้นเฉยๆ นี่แหละ บาง คนก็วิ่งชนกัน ชกกันเอง กลายเป็นพวกเดียวกัน จัดการกันเอง ก็เลยกลายเป็นที่เล่าขานกันมาจนทุกวันนี้"

"มีเหตุหนักกว่านี้ถึงขนาดมีคนจ้องทำร้ายถึงขั้นยิง วางยาสั่งกันเลย จริงหรือเปล่าครับ ?"

"เรื่องนี้ไม่เคยคุยกับใครเลยนะ รู้มาจากไหน ครูบาเป็นพระป่า อยู่ในพื้นที่นี้ ซึ่งก็ทราบกันดีว่าเป็น พื้นที่ ชายแดน และก็ต่อต้านเรื่องยาเสพติดอยู่แล้ว เราก็อาจจะไปขวางทางใครเข้าก็ไม่ทราบ เลย โดน ครูบาก็มีครูบาอาจารย์ เขาใช้วิธี ฟัน แทง ยิง ไม่ได้ผล ก็เลยโดนยาสั่ง ตอนปลายปี ๒๕๔๓ แทบแย่ ตอนนี้ก็ยังรักษาตัวอยู่เลย ร่างกาย ก็ฟื้นมาได้ซัก ๘๐ เปอร์เซ็นต์"

"ครูบาโดนยาสั่งได้อย่างไร และมีอาการอย่างไรบ้างครับ ?"

"มีศรัทธามาทำบุญตักบาตร เราก็นำมาฉัน ก็เลยรู้ว่าโดนยาสั่ง เวลาโดนจะอาเจียนออกมา ครั้งนั้น เต็มถังน้ำ อาเจียนจนหมดแรงเลย ก็ต้องใช้วิธีนั่งเข้ากรรมฐานแก้พิษ"

"แล้วยาสั่งนี้เขาทำกันอย่างไรครับ ?"

"เขาก็จะใช้หมูตัวผู้มาทำยาสั่ง เริ่มด้วยเลี้ยงหมูด้วยพิษจากงู เห็ด ว่านต่างๆ หรือคางคก เอาให้กิน ทีละน้อยๆ พอโตได้ที่ก็ฆ่า แล้วนำไปย่างไฟแดง ๗ วัน ๗ คืน แล้วนำมาตากน้ำค้างอีก ๗ วัน ๗ คืน เสร็จแล้วนำมาบดให้ละเอียด แล้วก็ปลูกฟักแฟงในป่าช้า เอาเมล็ดออกแล้วนำผงที่ได้จากหมูมายัด ใส่แทนจนลูกฟักลูกแตงตาย แล้วจึงเอาลูกฟัก ลูกแตง ไปทำพิธีบนกิ่งไม้ใหญ่ เวลาทำพิธีต้องอยู่ เหนือลม เวลานำฟัก แตงมากินก็จะเกิดอาการทันที"

"เครื่องรางของขลังของครูบาที่สร้างขึ้นมีกี่อย่างครับ ?"

"ก็จะมีประเภทอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยม ค้าขายรุ่งเรือง ส่วนใหญ่จะนิยมเรื่องอยู่ยงคง กระพัน เพราะคน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชายแดน"

"ของขลังของครูบาดีดีด้านไหนครับ ?"

"เครื่องรางของขลังปลุกเสกขึ้นเพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัว คนที่นำติดตัวต้องมีพุทธรรมอยู่ในใจจึงจะ เกิดผล แต่หากคิดไม่ดี ทำไม่ดี พุทธะไม่อยู่กับตัว และหลักพุทธรรมก็เป็น หลักธรรมที่ใช้เผยแผ่ ให้กับพุทธศาสนิกชนทั่วไป ครูบาจะบอกเสมอว่าพุทธะอยู่ที่ตัวเรา หากกินเหล้าก็เหมือนกับเราเอา เหล้ามารดพระที่อยู่ในตัวเรา หากเราคิดจะ ฆ่าผู้อื่นก็เหมือนเราคิดจะฆ่าพระในตัวเรา แล้วอย่างนี้ พระจะอยู่กับเราได้อย่างไร เครื่องรางจะขลังได้อย่างไร"

"เรื่องการสอนศิลปะมวยไทยมีมาตั้งแต่ตอนไหนครับ ?"

"เดิมครูบาเผยแผ่ศาสนาให้กับชาวเขาตามแนวตะเข็บชายแดน มีลูกศิษย์มากมาย และได้ออกติด ตามครูบา เพื่อช่วยในเผยแผ่ศาสนาในหลายพื้นที่ ซึ่งบางพื้นที่เราไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ว่าเขา คิดอะไรกับเราอย่างไร ซึ่งลูกศิษย์บางคนก็ถูกทำร้ายร่างกายกลับมา ครูบาจึงได้ถ่ายทอดวิชาศิลปะ มวยไทยที่ตนเองได้รับการถ่ายทอดมา จากบรรพบุรุษ และอาจารย์อีกหลายท่านก่อนที่ครูบาจะบวช เป็นพระได้เคยร่ำเรียนมาจากบรรพบุรุษ เป็นวิชาที่ สืบทอดมาจากบุคคลที่เป็นทหารในการรักษา ขาช้างที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงช้างออกไปทำศึก จึงเป็นศิลปะที่มี ความแข็งแกร่ง ยากที่จะมีผู้ที่ ต่อกรแต่อย่างไร"

"ทำไมครูบามีความคิดที่จะฝึกสอนมวยให้กับเด็กๆครับ ?"

"อยากให้เด็กๆ ที่อยู่ในพื้นที่และเด็กกำพร้าที่รับอุปการะไว้ มีวิชาความรู้เกี่ยวกับแม่ไม้มวยไทย เอาไว้ป้องกันตนเอง ป้องกันประเทศชาติก่อนจะฝึกทุกคนต้องบวชก่อน เพื่อจะได้ซึมซับหลักธรรม และมีธรรมะอยู่ในใจ การฝึกเป็นการฝึก แม่ไม้มวยไทยคู่แผ่นดิน ไม่ต้องการให้ฝึกเพื่อไประรานผู้อื่น"
 
 

ชาติภูมินักบุญแห่งขุนเขา

นายเสมอ ใจปินตา เป็นชื่อและสกุลเดิมของ ครูบาเหนือชัย โฆสิโต เจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ปัจจุบันอายุ ๔๓ ปี พรรษา ๑๔ เกิดเมื่อวัน จันทร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๐๕ ปีขาล บิดาชื่อ สามยอด มารดาชื่อ น้อย เป็นบุตรชายคนโตในจำนวนพี่น้อง ๓ คน

โยมพ่อและโยมแม่พื้นเพเป็นคนเชื้อสายยอง ซึ่งบรรพบุรุษ อพยพมาจาก จ.ลำพูน โยมแม่เป็นคนมีลูกยากจึงไป ขอลูกจากพระธาตุดอยตุง เมื่อกลับมาถึงบ้านคืนหนึ่งโยมแม่ฝันว่ามีม้าสีขาวมารับ แล้วพาท่องไปทั่วจักรวาล สักพักหนึ่ง จึงท้อง แล้วคลอดครูบาเหนือชัยขึ้นมา

สมัยเป็นเด็กเลี้ยงยาก ร้องไห้ตลอดเวลา จึงไปหาหมอดูประจำเผ่า ได้รับคำ แนะนำว่าให้ใช้ช้างและม้ามารับขวัญ ทำให้โยมพ่อซึ่งขณะนั้นไม่มีเงิน แต่ด้วยความเป็น พ่อจึงได้ออกกุศโลบายนำ ถ่านที่ใช้หุงต้มมาเขียนเป็นรูปช้างและม้าติดไว้ที่ฝาผนังบ้าน แล้วบอกกับ ครูบาว่า นี่เป็นช้างกับม้าที่พ่อซื้อมารับขวัญ หลังจากนั้นมาก็กลายเป็นเด็กเลี้ยงง่าย

ครูบาเหนือชัย จบชั้น ป.๗ จากโรงเรียนบ้านแม่คำชั้น และจบชั้น ม.ศ.๕ จากโรงเรียนแม่จันวิทยา คม จากนั้น เดินทางไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ โดยเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ศึกษาถึงปีที่ ๓ ก็ต้องลาออก เพื่อกลับมาช่วยงานที่บ้านเนื่องจากบิดาป่วย

ในวัยเด็ก ครูบาเหนือชัยมีความสนใจในเรื่องพระพุทธศาสนามาก เพราะเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตอยู่ สองแห่ง คือ หากไม่อยู่ที่วัดก็จะอยู่ตามทุ่งนาเพื่อฝึกสมาธิ ชอบเข้าหาพระธุดงค์และหนาน (ทิด) โดยศึกษาธรรมกับเจ้าอาวาสวัดแม่คำ ขณะเดียวกันก็มีความสนใจและศึกษาศิลปะการป้องกันตัว ตามตำรา “อัฏมาศ” หรือที่รู้จักกันในชื่อการต่อสู้ตามแบบ กองกำลังจตุรงคบาท ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทำให้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องกระบี่ กระบอง พลองไทย และแม่ไม้ มวยไทย

เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๕ ได้อุปสมบท ณ อุโบสถวัดล้านตอง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมี ครูบาทองสืบ วิสุทธจาโร เจ้าอาวาสวัดล้านตอง เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาธรรมโดยการออกธุดงค์อยู่ ในป่าเขาตามแนวชายแดน และปฏิบัติธรรมอยู่บริเวณถ้ำป่าอาชาทอง จึงได้ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำ ป่าอาชาทองขึ้นจนถึงปัจจุบัน




ข้อมูลจาก http://www.amulet.in.th ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ กระเบนท้องน้ำ

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 275
  • เพศ: ชาย
  • การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง
    • MSN Messenger - krabentongnam2511@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • บ้านกระเบนท้องน้ำ
ตอบ: ครูบาเหนือชัย โฆสิโต วัดถ้ำอาชาทอง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 19 ธ.ค. 2552, 11:36:49 »
กราบนมัสการ...ครูบาเหนือชัยครับ และขอขอบคุณข้อมูลดีๆครับ :054: