ผู้เขียน หัวข้อ: สิ่งที่นักปฏิบัติธรรมควรระวัง..อาการหลงคิดว่าองค์มาประทับ...  (อ่าน 3258 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
 ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๓
     คนทุกคนมีสมาธิพื้นฐาน(สมาธิตามธรรมชาติ)กันทุกคน มากบ้างน้อยบ้าง
ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นฐานการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน  เพราะคำว่าสมาธินั้นคือ
จิตที่จดจ่อ สนใจ แนบแน่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นสมาธิตามธรรมชาติที่ทุกคนมีกัน
สมาธินั้นมิได้เกิดจากการภาวนาเพียงอย่างเดียว การที่มีความคิดอยู่กับสิ่งเดียวเป็น
เวลานานๆโดยไม่มีความคิดอื่นมารบกวนนั้น ก็เป็นสมาธิโดยธรรมชาติอย่างหนึ่งด้วย
    เมื่อจิตสงบนิ่งเป็นสมาธิ จิตนั้นย่อมมีพลังมากขึ้นกว่าปกติ ที่เรียกกันวา่ "พลังจิต"
สิ่งที่ตามมาก็คือจะมี"สัมผัสที่หก"มากขึ้นกว่าปกติ เพราะเมื่อจิตเข้าสู่ระบบแห่งความ
สงบ การรับคลื่นสัญญานทางจิตย่อมจะชัดเจนขึ้น เป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้มีสมาธิ
ซึ่งขึ้นอยู่กับกับจริตของแต่ละคนที่สะสมมาจากอดีตชาติ(ของเก่าบุญเก่าที่เคยสร้างมา)
เป็นอภิญญาชนิดหนึ่ง ภาษานักเลงจิตเรียกว่า"ตัวรู้ตัวเห็น" ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นจิตที่โปร่ง
โล่งเบา เป็นสมาธิตามธรรมชาติ มิใช่เกิดจากการภาวนา
    สมาธิที่เกิดจากภาวนานั้นเป็นจิตเชิงพลังงาน มีความหนาแน่นซึ่งเกิดจากการรวมตัวของจิต
ทำให้พลังงานของธาตุในร่างกายนัี้นมีกำลังเพิ่มขึ้น มีพลังงานเป็นเกราะคุ้มครองจิตอยู่
จึงไม่รับรู้ซึ่งพลังงานภายนอกที่มาสัมผัส เพราะความหนาแน่นของพลังงานทางจิตที่รวมกันอยู่
ทำให้ตัวรู้ตัวเห็นไม่เด่นชัด เหมือนสมาธิตามธรรมชาติที่มีความโปร่ง โล่ง เบา เป็นพื้นฐาน
จึงทำให้ผู้ที่มีสมาธินั้นมีผลแตกต่างกัน เพราะสมาธินั้นเป็นของเฉพาะตัว
     มีสิ่งหนึ่งที่ผู้ปฏิบัติธรรมผู้ฝึกสมาธิพึงระวังก็คือ "สัญญาความจำในอดีต "ที่จะผุดขึ้นเกิดขึ้น
ในสภาวะขององค์ฌาน ระหว่างช่วงการเปลี่ยนอารมณ์ ที่เรียกว่า " ช่องว่างระหว่างฌาน "
ซึ่งจะเกิดขึ้นระหว่างอารมณ์สุขกับเอตัคตตารมณ์(ระหว่างฌาน ๓ กับฌาน ๔ )คือก่อนที่จิตจะเข้าสู่
ความสงบ ถ้าเราเผลอสติหรือสติตามอารมณ์ไม่ทัน จะมีนิมิตเกิดขึ้น ซึ่งนิมิตนั้นมีที่มาหลายประการ
แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจาก"สัญญาความทรงจำใต้จิตสำนึก" ที่เราเคยคิดเคยนึกและเคยศึกษามา
บางครั้งปรากฏเป็นภาพมายาหลอกตัวเราเองว่าเคยเป็นอะไรมาในอดีตชาติ ทำให้เราหลงอารมณ์
คิดว่าเราระลึกชาติได้ หรือบางครั้งก็จะเกิดมโนภาพเป็นทวยเทพเทวดาครูบาอาจารย์มาสอนธรรม
มาประทับทรง ซึ่งถ้าเราไปหลงในนิมิต ยึดติดในอารมณ์นั้น คิดว่าเป็นเรื่องจริง มันก็จะทำให้เราหลง
อารมณ์ ติดอยู่่ในอารมณ์นั้น การปฏิบัติธรรมก็จะไม่ก้าวหน้า
     การแก้ปัญหาก็คือ เราต้องมาเพิ่มกำลังสติให้มากขึ้น ให้สติตามทันและรู้ทันกับสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น
ให้เห็นที่มาและที่ไป เห็นเหตุและปัจจัยของการเกิดสภาวะธรรมนิมิตทั้งหลาย จึงจะไม่ไปหลงยึดติดใน
อารมณ์นิมิตทั้งหลายนั้น ดังคำครูบาอาจารยืที่ท่านกล่าวไว้เสมอว่า "รู้จริง เห็นจริง แต่สิ่งที่รู้และเห็นอาจจะไม่จริง"
เป็นสิ่งที่นักปฏิบัติธรรมพึงควรระวัง ให้เราเพียงตามดูตามรู้ตามเห็นในความเป็นไปของสภาวะธรรมทั้งหลาย
แต่ไม่เข้าไปยึดถือ คือไม่เข้าไปปรุงแต่งในอารมณ์เหล่านั้น ให้ดูอารมณ์เหล่านั้นเหมือนเราดูหนังดูละคร
คือเป็นเพียงผู้ชมที่ดี อย่าเอาจิตของเราเข้าไปเป็นผู้กำกับหรือเข้าไปเป็นผู้แสดง ดูจบแล้วให้มันจบไป
อย่าไปอาลัยเสียดายที่มันหายไป อย่าไปหลงดีใจที่ได้รู้และได้เห็น เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นเพียง
ทางผ่านของอารมณ์ ทางผ่านของสภาวะธรรม เป็นเรื่องธรรมดาปกติที่ต้องพบเจอในขณะปฏิบัติธรรม
    จิตที่เป็นสมาธินั้นย่อมมีพลังงาน สามารถที่จะสร้างภาพนิมิตขึ้นมาได้ และนิมิตทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งที่
อันตรายสำหรับผู้ฝึกจิต ถ้าหลงเข้าไปยึดติดในนิมิตนั้น บางครั้งมันเป็นจิตซ้อนจิต คือจิตปัจจุบันและจิตในอดีต
เพราะในช่วงระหว่างอารมณ์ฌาน ๓ ฌาน ๔ นั้น สัญญาในอดีตชาติจะผุดขึ้น เป็นช่วงการเชื่อมต่อระหว่าง
อดีตและปัจจุบัน ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเกิดจากจิตของเราเอง เกิดจากพลังสมาธิของเราเองที่สร้างขึ้น จึงควรพึงระวัง
อย่าไปหลงยึดติดคิดว่าเป็นเรื่องจริงจังเพราะจะนำไปสู่ความหลงงมงาย สัญญาวิปลาสได้
             เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต-แด่มวลมิตรผู้ใฝ่ธรรม
                          รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๓ เวลา ๒๐.๓๘ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย

ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ ~@เสน่ห์เอ็ม@~

  • ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณ แล ครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน สาธุ..
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 5894
  • เพศ: ชาย
  • ศิษวัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
กราบมนัสพระอาจารย์ และกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่ให้ความรู้

สาธุอนุโมธนาด้วยครับ  :054:

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณที่สอนครับ

มีคนหลงทางกับสิ่งที่เห็นมากมายครับ

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ ธรรมะรักโข

  • มีสติ...กำหนดรู้...อยู่ที่จิต
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 749
  • เพศ: ชาย
  • ผู้รักษาธรรม
    • ดูรายละเอียด
กราบนมัสการ...หลวงพี่ครับ :054:

เป็นคำสอนและความรู้ที่มีประโยชน์มากมายครับ

ขอกราบอนุโมทนา...สาธุด้วยครับ

ออฟไลน์ อภิรัตน์

  • เห็นรอยเท้าพ่อก้มลงดู เห็นรอยเท้าครูก้มลงกราบ
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 692
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ เช้านี้ได้รับบทความดีๆอีกแล้ว  :054:

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ กราบขอบพระคุณที่สอนสั่งและเตือนสติครับ จุดนี้หลายคนหลงทางกันมากมายครับ

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา

ออฟไลน์ หลังฝน..

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 310
  • เพศ: ชาย
  • ทุกอย่างมีเหตุและผลเสมอ
    • MSN Messenger - webmaster@lifesyt-it.net
    • ดูรายละเอียด
    • www.lifestyle-it.net
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ กราบขอบพระคุณสำหรับข้อคิดและเตือนสติ ครับ
ความพยายามนั้นมีอยู่จริงในตัวตนของเรา สุดแท้แต่ความพยายามนั้นจะถูกดึงออกมาใช้ได้มากน้อยแต่เพียงใด

ออฟไลน์ •••--สายัณ--•••

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1322
  • อัครมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ทุกภพชาติ
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ขอเรียนเชิญ ปฎิบัติธรรม แบบธรรมเปิดโลก ตามแนวทาง หลวงปู่คง จัตตมโล
ณ วัดเขาสมโภชน์ และ ที่วัดป่าศรีมหาโพธิ์วิปัสสนาราม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี
แล้วจะรู้ว่าเป็นอย่างไร รู้เอง เห็นเอง สิ่งที่รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน