น่าจะเป็น พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว นะครับ ตะกรุดนารายณ์แปลงรูป ท่านจะนำปลอกกระสุนปืน 2 ปลอก มากระกบกันแล้วเชื่อมให้ติดกัน เชื่อมทำห่วงตรงกลางเพื่อความสะดวกในการพกพา
ตะกรุดนารายณแปลงรูป
พระอาจารย์นอง ธมมภูโต
วัดทรายขาว ตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี จากหนังสือ ธรรมกิจโกศลานุสรณ์
สำหรับตะกรุดนารายณ์แปลงรูปของพระอาจารย์นองวัดทรายขาวนั้น ถ้าจะกล่าวถึงความเป็นมาของการสร้าง
แล้วล่ะก็ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำปัจจัยต่าง ๆ อันเกิดจาการเช่าบูชาเพื่อสร้างวิหารจตุรมุขหลวงพ่อหินอ่อน ซึ่งเป็นที่
ประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะพม่า ได้มาจากประเทศพม่าในสมัยพระคูรธรรมสถิต
(หลวงพ่อทวดหมาน) ตลอดจนสนาสนะต่างๆ ภายในวัดทรายขาว
ประเด็นที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ก็คือประวัติความเป็นมาของการสร้างตะกรุดนารายณ์แปลงรูป อันเป็นที่เคารพ
สักการะทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งผู้เขียนจะเล่าความเป็นมาเท่าที่ทราบจากปากของพระเดชพระคุณ
พระอาจารยํนองโดยตรง และจากลูกศิษย์ลูกหาใกล้ชิด พระเดชพระคุณ ฯ เล่าให้ฟังว่า มีหลายคนมาถามว่า
ได้เวทย์มนต์คาถาในการปลุกเสกเพื่อสร้างตะกรุดนารายณ์แปลงรูปมาจากไหน คำตอบอันเป็นที่รู้ดีของลูกศิษย์ใกล้ชิด
และคนในละแวกวัดทรายขาว และใกล้เคียงทราบกันอย่างดี ก็คือ จาก แม่นางจันทร์ ซึ่งเป็นนางไม้ที่เข้าฝัน
พระอาจารย์แล้วบอกคาถาปลุกเสกตะกรุดนารายณ์แปลงรูปให้ ทั้งนี้เพราะแม่นางจันทร์ต้องการช่วย พระอาจารย์นอง
ในการสร้างวิหารจตุรมุขหลวงพ่อหินอ่อน และเสนาสนะอื่นๆ ภายในวัดทรายขาว ทั้งนี้เพื่อต้องการจะมีส่วนรวม
ในบุญกุศลนั่นเอง ดังนั้นหลายครั้งที่พระเดชพระคุณ ฯ พูดติดตลกอยู่บ่อยๆ ว่า "วัดทรายขาวนี่แปลกมีแต่เทวดาสร้างให้"
ผู้เขียนก็พยายามสอบถามจากลูกศิษย์ลูกหาผู้ใกล้ชิดพระเดชพระคุณพระอาจารย์นอง ถึงเรื่องความเป็นมาของการ
สร้างตะกรุดนารายณ์แปลงรูป ลูกศิษย์รูปหนึ่งที่ถือว่าอยู่ใกล้ชิดก็คือท่านพระคูรสังฆรักษ์ยันต์ จนทสโร เจ้าอาวาส
วัดช้างให้ รูปปัจจุบันนี้ ท่านได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า พระเดชพระคุณพระอาจารย์นองเล่าให้ท่านฟังว่า
ในคืนวันหนึ่งในสมัยที่วัดทรายขาวนั้นยังเป็นวัดที่ลำบากมากคือ ยังไม่มีศาสนสถานเหมือนในปัจจุบันนี้ ซึ่งในตอนนั้น
พระเดชพระคุณพระอาจารย์นองได้อาศัยอยู่ที่กุฎิหลังเก่าทางด้านทิศใต้ของวิหารจตุรมุขหลวงพ่อหินอ่อนในปัจจุบันนี้
ก็ได้มีนางไม้ตนหนึ่งมาปรากฏที่เสากุฏิ แล้วก็ได้มอบคาถาในการปลุกเสกตะกรุดนารายณ์แปลงรูปให้เพื่อที่จะได้มีส่วนร่วม
ในการทำบุญกุศลในการสร้างวัดทรายขาวดังที่กล่าวไปแล้ว จากนั้นพระอาจารย์นองก็ได้นำแผ่นทองคำเปลวไปติดที่
ต้นเสานั้น และปัจจุบันกุฏิหลังเก่าอันเป็นกุฎิที่พระเดชพระคุณฯ เคยอาศัยก็ยังอยู่ ซึ่งเก็บไว้เป็นอนุสรณ์
สำหรับนางไม้ที่ชาวบ้านทรายขาวเรียกกันนั้นก็คือ "แม่นางจันทร์" ซึ่งพระภิกษุที่บวชเข้ามาจำพรรษาแต่ละปีมัก
จะฝ้นเห็นกันบ่อยและนำไปเล่าให้พระเดชพระคุณฯ ฟังอยู่เสมอ และในสมัยที่ผู้เขียนได้มาอาศัยใบบุญของ
พระเดชพระคุณฯ คือได้ช่วยสนองงานท่าน เมื่อปี 2540-2541 ต้นๆนั้น พระเดชพระคุณฯ ก็ปรารถอยู่เสมอว่า
จะให้สร้างศาลพระภูมิเป็นทรงไทยให้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้สร้าง เนื่องจากสุขภาพของพระเดชพระคุณฯ
และงานก่อสร้างอย่างอื่นที่กำลังก่อสร้างอยู่นั่นเอง จนในที่สุดพระเดชพระคุณฯ ก็ได้ถึงแก่มรณภาพไปเสียก่อน
นอกจากวัตถุมงคลของพระเดชพระคุณพระอาจารย์นองแล้ว หลายคนยังอยากทราบว่า เมื่อพระเดชพระคุณ ฯ มรณภาพไป
แล้ว ต่อไปใครจะรับช่วงต่อในการปลุกเสก และทำพระเครื่องหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ ต่อจากพระอาจารย์นอง
ในเบื้องต้นทีเดียว พระอาจารย์นองได้ตั้งใจจะมอบให้กับพระคูรสังฆรักษ์สายันต์ จนทสโร เจ้าอาวาสวัดช้างให้รูปปัจจุบัน
แต่ปรากฎว่าท่านพระคูรได้ปฎิเสธ ดังนั้น พระอาจารย์นอง จึงได้มองหาพระภิกษุรูปอื่น เพื่อมารับช่วงแทนในเรื่อง
ของผู้สืบทอดคาถาปลุกเสกพระเครื่องหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ และพระเดชพระคุณ ฯ ก็ได้คัดเลือก
ท่านพระคูรอาทรศุภการ (พระอาจารย์พล อาสโภ) เจ้าอาวาสวัดนาประดู่รูปปัจจุบัน โดยเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 2
พฤษภาคม พ.ศ. 2539 ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 เวลา 09.00น. พระอาจารย์นองก็ได้เรียกท่านพระคูรอาทรศุภการ
หรือพระอาจารย์พล ไปพบยังวัดทรายขาว เพื่อเป็นการครอบครู และถ่ายทอดคาถาปลุกเสกหลวงพ่อทวด วัดช้างให้
และเวทย์มนต์คาถาอื่นๆ การมอบคาถาให้นั้น เป็นการมอบแบบวิธ๊โบราณกาล นั่นก็คือโดยวิธีมุขปาฐะ คือการบอก
ปากต่อปาก โดยในเบื้องแรกสุดนั่น พระเดชพระคุณพระอาจารย์นองได้ท่องคาถาให้ท่านพระอาจารย์พลฟังก่อน
และให้จดตามเอาเอง เมื่อจดเสร็จแล้วท่านอาจารย์พลก็อ่านให้พระเดชพระคุณพระอาจารย์นองฟังอีกครั้งหนึ่ง
เพื่อความแน่นอน เมื่อท่านพระอาจารย์นองฟังแล้วเห็นว่าถูกต้อง จากนั้นพระอาจารย์พลก็ได้ส่งให้กับพระเดชพระคุณ
พระอาจารย์นอง และพระอาจารย์นองก็ได้ส่งมอบคาถาให้กับท่านพระอาจารย์พลอย่างเป็นทางการ พร้อมกับสั่ง
กำชับให้นำคาถาเหล่านี้ไปใช้เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม
จึงนับได้ว่าการมอบคาถาปลุกเสกหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ครั้งนี้ เท่ากับเป็นการหาผู้สืบทอด และครอบครูอย่างเป็นทางการ
ดังนั้นหลายท่านที่สงสัยว่า เมื่อสิ้นพระเดชพรคุณพระครูธรรมกิจโกศล หรือพระอาจารย์นอง ไปแล้วใคร
จะเป็นผู้สืบทอดในการปลุกเสกพระเครื่องหลงพ่อทวดวัดช้างให้รูปต่อไป ก็คงจะได้หายสงสัยกันเสียที
ตะกรุดนารายณ์แปลงรูป หากเป็นในรูปแบบปลอกกระสุนปืนประกบหรือปลอกตะกรุด เงิน - ทอง
ที่ใส่ประกบเข้าด้วยกันนั้น ท่านอาจารย์นอง ห้ามนักห้ามหนาว่า อย่าถอดแยกออกจากกันเด็ดขาด
ถ้าแยกปลอกกระสุนออกจากันแล้วจักต้องนำมาประจุอาคาใหม่อีกครั้ง
(กระผมขอแนะนำให้ท่านที่ครอบครองบัดกรีปลอกกระสุนเสียเข้าด้วยกัน)
ส่วนภายในปลอกกระสุน หรือ ปลอกตะกรุด ท่านอาจารย์นอง ทำการบรรจุ
เศษไม้เล็กๆไว้ภายใน (กระผมเคยมือซนถอดออกสำรวจดูตอนเด็กๆ)
ภายหลังทราบจากท่านผู้รู้ว่าเศษไม้นั้น เป็นของวิเศษที่หายากยิ่ง
คือ แก่นของต้นมะละกอ (โดยธรรมชาติมะละกอจะไม่มีแก่นไม้)
ท่านได้บรรจุลงในตะกรุดทุกๆดอก(ว่าแต่อย่าอยากรู้ไปเปิดดูเข้าหล่ะครับ)
ยุคแรกที่ท่านทำตะกรุดด้วยปลอกกระสุนนั้น ด้วยเหตุที่ท่านถือเคล็ด
แม่ไม่ฆ่าลูกฉันใด แม่ปืนก็ไม่ฆ่าลูกปืนฉันนั้น
แต่ด้วยลูกศิษย์สายมาเลเซียของท่านอยากมีไว้ครอบครองบ้าง ติดด้วยกฎหมายมาเลห้ามพกพาปลอกกระสุน
ท่านอาจารย์นองจึงนำปลอกโลหะ เงิน ทอง มาสร้างตะกรุดแทนในยุคหลังๆ ครับ
(คัดลอกมาจาก หนังสือพระเครื่องกรุงสยาม ฉบับที่ 40 )
อาจารย์นองเริ่มทำตะกรุดครั้งแรกเมื่อปี 2496 ทำเรื่อยมาจนกระทั่งมรณภาพ เมื่อเดือน กันยายน 2542
จะว่างเว้นก็เพียงช่วงที่ท่านอาพาธทำไม่ไหวเท่านั้นเอง ตะกรุดที่ทำท่านต้องประกอบพิธีลงจาร และปลุกเสก
ด้วยตัวท่านเองทุกดอกฉนั้นสิ่งสำคัญก็คือ ตะกรุดนารายณ์แปลงรูปทุกดอกจะต้องผ่านมืออาจารย์นองทั้งสิ้น
วัสดุที่ใช้ทำตะกรุดก็มีทั้ง เงิน ทองคำ และปลอกกระสุนลูกปืน ในสมัยแรกๆนั้นใช้เงิน กับปลอกกระสุนลูกปืน
ขนาด.22 .38 หรือมีขนาดใหญ่มากก็เป็นเฉพาะลูกศิษย์ใกล้ชิดทำไว้ใช้กันเอง ตะกรุดที่ทำด้วยทองคำ
เพิ่งมาทำภายหลังก่อนที่ท่านจะมรณภาพไม่กี่ปี ประมาณ 2 ปีสุดท้าย ได้มีการตอกโค๊ตที่หัวและท้ายตะกรุด
เพื่อให้เป็นข้อยุติในภายหน้าว่านี่คือ ตะกรุดนารายณ์แปลงรูปของอาจารย์นอง เนื่องจากมีการทำตะกรุดเก๊
ออกมาขายโดยเฉพาะตะกรุดลูกปืน.22 ส่วนตะกรุดทองคำที่ไม่ได้ตอกโค๊ตนั้นการเช่าต้องมั่นใจจริงว่า
ผู้รับได้รับจากอาจารย์นองอย่างแท้จริง ลักษณะตะกรุดท่านมีดังนี้
1.ตะกรุดเงิน ทำในสมัยแรกของท่าน ระยะหลังก็มีทำเช่นกัน ถ้าเป็นของยุคแรกจะมีความเก่าชัดเจน
2.ตะกรุดปลอกลูกปืน.22 .38 ทำเรื่อยมา จะเห็นได้ว่าในชุดกล่องพระปี 2514 จะมีตะกรุดปลอกลูกปืนอยู่ด้วย
แสดงว่าท่านทำมานานแล้ว จนมาในระยะหลังที่ท่านอายุมากขึ้นทำจำนวนมากไม่ไหว จึงหันมาทำด้วยทองคำเพื่อให้คน
บูชา ซึ่งทำน้อยแต่ได้เงินเข้าวัดมาก
3.ตะกรุดเนื้อทองคำ ทำมาในช่วง 4-5 ปีหลัง ก่อนท่านมรณะภาพ มี 2 ขนาด คือใหญ่กับเล็ก ช่วง 2 ปีสุดท้าย
มีการตอกโค๊ตหัวกับท้าย ด้วยโค๊ตตัว "นะ" กับตัว "อุ"
4.ตะกรุดที่ทำเป็นกรณีพิเศษ มีหลายแบบทั้งที่ทำด้วยทองคำ ,เงิน หรือด้วยกระสุนปืนขนาดใหญ๋(มีทหารเอาปลอก
ปืนใหญ่มาให้ท่านทำตะกรุดด้วยครับ)
5.ตะกรุด ที่บรรจุอยู่ในองค์พระหลวงพ่อทวด รุ่นต่างๆ ที่ท่านอาจารย์นองสร้างและปลุกเสก ตั้งแต่ปี 2514 เป็นต้นมา
ตะกรุดที่บรรจุในองค์พระจะต่างกับตะกรุดลูกปืนแต่มีคุณวิเศษเช่นเดียวกัน ใช้แทนกันได้ (ผมขอยืนยันครับ)
สิ่งที่บรรจุอยู่ในตะกรุด
ภายในตะกรุดทั้งที่เป็น ทองคำ,เงิน,ปลอกกระสุนลูกปืน อาจารย์นองได้บรรจุของศักดิ์สิทธิ์ไว้ภายใน เป็นเศษไม้ชิ้นเล็กๆ
เรียกว่า "ไม้หลวงพ่อทวด" ซึ่งท่านได้จากภูเขาสันกาลาคีรีที่มีน้ำตกทรายขาว ซึ่งแม่นางจันทร์ เป็นผู้ให้นำมาบรรจุ
ในตะกรุด แต่ที่พิเศษก็คือ มีตะกรุดอยู่จำนวนหนี่งเรียกว่า "ตะกรุดแก่นมะละกอ" เป็นคตมะละกอ ซึ่งท่านได้มาจาก
ชาวบ้านย่านวัดทรายขาวซึ่งกำลังตัดต้นมะละกอ ปรากฏว่าตัดไม่เข้าทั้งที่มีดคมๆ ไม่ระคายผิวต้นมะละกอแม้แต่นิดเดียว
จึงมาเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็หยิบมีดและนำมาบริกรรมคาถา และให้นำมีดนั้นไปตัด ปรากฏว่าขาดกระจุย แต่ปรากฏว่า
พบแก่นไม้เล็กๆ ที่เป็นคต แข็งอยู่ภายใน ซึ่งเป็นของวิเศษมีคุณในตัวเองเกิดโดยธรรมชาติ ท่านอาจารย์จึงนำมาแบ่ง
ลงในตะกรุดนารายณ์แปลงรูป อยู่จำนวนหนี่งไม่มากให้เฉพาะลูกศิษย์ใกล้ชิด ตะกรุดชุดนี้คือสุดยอดตะกรุดนารายณ์
แปลงรูป (ท่านเก็บคตมะละกอไว้ในย่ามท่าน มีคราวหนี่งท่านเข้า ร.พ. ด่วนเพื่อรักษาตัว พระที่ติดตามท่านเห็นว่า
ย่ามท่านมีของรกรุงรังมากมายจึงช่วยทำความสะอาดและทิ้งสิ่งที่คิดไว้ไม่น่ามีค่าลงถังขยะ รวมทั้งคตมะละกอด้วย
ภายหลังมาค้นถังขยะทั้งที่ทิ้ง และที่เก็บขยะรวมของ ร.พ. ก็ไม่พบแต่อย่างใด)
ข้อห้ามของตะกรุดนารายณ์แปลงรูป
ห้ามแกะออกดูโดยเด็ดขาด ถ้าแกะออกเมื่อใด ตะกรุดจะเสื่อม ต้องนำไปให้ท่านปลุกเสกใหม่ ควรหาเชือกผูกไว้
หรือบัดรีเชื่อมติดกัน (ใส่ตลับก็ได้ครับ)
คุณวิเศษตะกรุดนารายณ์แปลงรูป
ท่านอาจารย์นองพูดให้ฟังเสมอว่า "ตะกรุดนี้ใครคิดร้าย ก็จะทำอันตรายไม่ได้ แล้วคนที่คิดร้ายจะมีอันเป็นไปเอง
ใครมีขอให้พกติดตัวไว้ และจะไม่เป็นอะไร ขอให้เราเป็นคนดีมีศีลธรม ความดีนั้นจะเป็นเครื่องป้องกันให้"
คุณวิเศษของตะกรุดนี้คือ กลับร้ายให้เป็นดีหรือแปลงเรื่องร้ายให้เป็นเรื่องดี และโดยนัยสำคัญของตะกรุดที่มีลักษณะ
เหมือนลูกปืน หมายถึงคำว่า แม่ไม่ฆ่าลูก ตะกรุดนี้จึงมีคุณด้านกันปืน แคล้วคลาด หรือมหาอุด ซึ่งเคยปรากฎมาแล้ว
สรุปคือ ตะกรุดลูกปืน ที่สร้างครั้งแรกในประเทศไทย เป็นของ ท่านพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว โดยสร้างครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2496ครับ
