ก็เหมือนกันแหละครับ ลองคิดในอีกแบบดูครับ
เช่นการ ปลุกเสกพระเครื่อง ครับ โรงงานปั้มพระมาให้ปลุกเสก
ถ้าผู้ปลุกเสกนั้น ตั้งมั่นดี ดำรงในศิลในธรรม ก็จะออกมาดีครับ
สำหรับผม ใครสักไม่สำคัญ สำคัญที่ ใครเสก
พอดีเคยอ่านเจอมาว่าถ้าจะขลังผู้ที่สักกับผู้ที่เสกต้องเป็นคนเดียวกัน คือเวลาที่ลงเข็มแต่ละครั้งก็ต้องว่าคาถาไปด้วยอะไรทำนองนี้น่ะครับ เลยงง งง
ตามสูตรการลงยันต์โบราณเขาก็ว่าไว้อย่าที่คุณเข้าใจหล่ะครับ แต่ปัจจุบันเห็นหลายๆที่ตอนลงภาพลงยันต์อาจารย์ก็คุยกับลูกศิษย์เป็นปกติ จะกำหนดสมาธิเฉพาะตอนเสกครับ อันนี้ไม่ได้ปรามาทครูนะครับท่านอาจจะภาวนาไว้แล้วในใจขณะที่กำลังลงลายเส้นเลขยันต์ อยากทราบลองถามพระอาจารย์ด้วยความเคารพสิครับว่าทำแบบที่คุณเข้าใจมาหรือไม่
สวนผมไม่กล้าถามครับเพราะก่อนจะยกหลังให้ครูผมเชื่อมั่นแล้วว่าต้องดีไม่ว่าท่านจะทำอย่างไร พระอาจารย์ท่านหนึ่งสอนว่าก่อนจะยกหลังหรือฝากตัวเป็นศิษย์กับใครให้ไปรู้จักท่านก่อนไปพูดคุยไปดูปฏิปทาท่านก่อน อาจจะใช้คำไม่ถูกแต่ในความเข้าใจคือไปดูว่าท่านเป็นคนอย่างไรรู้ธรรมะมากแค่ไหนท่านสักท่านเสกให้เราท่านหวังอะไรหรือท่านแฝงคำสอนอะไรไว้ เพราะสมัยนี้สื่อมันปรุงแต่งให้คนหลงได้ง่าย หลวงพี่บอกว่าเป็นครูบาอาจารย์ ไปสักให้เขาเขาเจ็บเป็นกรรมนะ เราน่ะดีแค่ไหน ไปทำเขาเจ็บฟรีแต่ก็เอาตัวไม่รอด หมายถึงว่าถ้าพระอาจารย์ยังไม่เข้าใจธรรมะพอ ไม่มีจิตระลึกถึงนิพพานเป็นที่ตั้งสักไปก็เท่านั้นไม่มีความหมายไปทำคนเขาเจ็บฟรี ผมพูดกว้างๆนะไม่ได้จะให้ไปจับผิดพระอาจารย์กัน แต่ให้ใช้ปัญญาพิจาณาว่าท่านใดเป็นพระสุปฏิปันโนแล้วก็ยกหลังให้ท่านได้เลยและลบความสงสัยเรื่องปลุกเสกเลขยันต์ออกเสียนะครับ
ยึดมั่นไตรลักษณ์ ภาวนาพุทโธ แล้วจะเห็นเองครับ
หลายๆท่านคงมีความรูสึกเหมือนกับผมก่อนที่จะสู่จุดหันเหในครั้งหนึ่งของชีวิตลูกผู้ชาย หันหน้าเข้าสู่วัด หันแผ่นหลังมอบให้พระอาจารย์เพื่อสักยันต์คุ้มครองตนตามแบบชายไทยในอดีต
ผมเคยสักลายแบบยากูซ่ามาก่อน ก็มีความคิดว่าทำไมถึงให้ช่างเขาสักลายยันต์ เอาแบบสวยๆเลยสมดังใจปราถนาทุกอย่างเลยแล้วไปให้พระลงคาถาเป่าให้ไม่ได้ มันก็เหมือนกับการที่วัดไปจ้างโรงงานผลิตวัตถุมงคลแล้วเอาไปเสกยังทำให้ขลังได้เลย
มาถึงวันนี้หลังจากได้ศึกษาตามบอร์ดต่างๆโดยเฉพาะเว๊ปบางพระ และบอร์ดสักเสก เลขยันต์
ทำให้รู้ว่าในการสักยันต์หรือสักอักขระสักตัวนั้นจิตผู้สักจะต้องเรียกสูตรไปด้วย ซึ่งจะกระทำได้โดยผู้ที่ศึกษาและผ่านการครอบเป็นครูสักแล้วเท่านั้น ส่วนช่างสักลายก็ทำให้แค่สักลายให้เหมือนกับต้นแบบที่ลูกค้าต้องการ ทำให้สวยถูกใจลูกค้า จิตก็จะกำหนดอยู่ที่ ตรงๆ โค้งๆ ขึ้นลง หัวกลมๆ หัวแหลมๆ ฯลฯ พูดคุยกับลูกค้าสองแง่สองงามตลกโปกฮากันไปให้ลูกค้าลืมความเจ็บก็แค่นั้น สรุปจบลงด้วยลวดลายที่สวยสมใจลูกค้ากันไป ซึ่งต่างจากการที่ได้รับการสักจากผู้ที่รับครอบครูสักมาแล้วอย่างสิ้นเชิง
ส่วนสักเสร็จแล้วพระอาจารย์หรือครูที่สักก็จะเป่าครอบให้ หรือจะให้พระอาจารย์อีกท่านเป่าครอบให้อีกครั้งก็ได้เพื่อเพิ่มความขลัง ซึ่งศิษย์ที่สักที่วัดบางพระทุกคนไร้กังวลได้ หลังจากที่ท่านสักให้เสร็จแล้ว พระอาจารย์ทุกท่านก็จะยึดเอาบารมีหลวงพ่อเปิ่นเป็นที่ตั้งเป่ากำกับให้ทุกคนครับ