ผู้เขียน หัวข้อ: บทกวีชี้ทางธรรม(๒)  (อ่าน 1035 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
บทกวีชี้ทางธรรม(๒)
« เมื่อ: 29 เม.ย. 2552, 10:45:56 »
 :059:โลกธรรม   นำไป   ให้เกิดทุกข์
คิดว่าสุข   หลงใหล   ในสรรเสริญ
เพราะลาภยศ   พาใจ   ให้เพลิดเพลิน
จึงหลงเดิน   ตามโลก    ใจโศกตรม
 :016:กินกามเกียรติ   เบียดเสียด   เข้าแข่งขัน
ทุกวี่วัน   ดิ้นรนกัน   อย่างขื่นขม
เมื่อไม่มี   หรือขาดไป   ให้โศกตรม
เพราะไม่สม   ที่หวัง   ดั่งต้องการ
 :059:แต่ความสุข   ในทางธรรม   นั้นล้ำเลิศ
เพราะสุขเกิด   จากกุศล   ผลไพศาล
และสุขนั้น   เคียงคู่   คงอยู่นาน
มีพื้นฐาน   จากความดี   ที่มั่นคง
 :015:อย่าหลงเพลิน   เดินตาม   กระแสโลก
จะทุกข์โศก   เศร้าใจ    เพราะไปหลง
สุขทางโลก   นั้นมัน   ไม่มั่นคง
ไม่ยืนยง    เหมือนทางธรรม   ที่ค้ำจุน
 :059:เป็นชาวพุทธ   อย่าเป็นพุทธ   แต่ในบัตร
จงฝึกหัด   ศึกษาธรรม   เพื่อนำหนุน
ละบาปกรรม   หันมา    หาทางบุญ
เป็นต้นทุน    คุ้มครองใจ    เมื่อภัยมา
 :054:เป็นชาวพุทธ   ควรมีธรรม   ประจำจิต
นำชีวิต    หลุดพ้น    บ่วงตัณหา
หมั่นทำทาน   รักษาศีล    ภาวนา
ให้สมค่า   ชาวพุทธ   บุตรพระองค์.......
                 :059:"ตราบใดที่การเดินทางยังไม่สิ้นสุด  อย่าด่วนสรุปในสิ่งที่เห็น" ขอฝากเป็นข้อเตือนใจไว้ให้เราคิดพิจารณา  ว่าตราบใดที่ยังไม่สิ้นกิเลส ตัณหา อย่าด่วนสรุปว่า เรารู้เราเข้าใจไปหมดแล้ว
สิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็น สิ่งที่คิดว่าเข้าใจในวันนี้ มันยังมีอีกหลายแง่มุมที่เรายังมองไม่เห็น เรายังรู้ไม่จริง  รู้ไม่หมด
เพราะว่าเรายังมี"อวิชชา"และมี"อัตตา"มันจึงทำให้เรามี"อุปาทาน"  อัตตามันมาปิดบังปัญญา ความรู้แจ้ง
รู้จริงในสิ่งที่ควรรู้  มองแต่ในสิ่งที่เราชอบ คิดแต่สิ่งที่ถูกใจ เชื่อและภูมิใจในสิ่งที่เราเห็น  ดีใจเมื่อได้รู้ได้เห็น  หลงว่าตัวเองดีแล้ว  เก่งแล้ว  รู้แล้ว  เราเป็นผู้รู้ เราเป็นผู้เห็น สิ่งที่รู้และสิ่งที่เห็นนี้เป็นของเรา เราไปยึดถือในสิ่งนั้น  ทำให้ใจเรามันคับแคบ  แต่ถ้าเราเปิดใจให้กว้าง คิดและมองอย่างเป็นกลาง คือว่างจากตัวกูและของกู ละอัตตา สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไปตามธรรมชาติของมัน  คือมันเป็นเช่นนั้นเอง(ตถตา) ตามเหตุตามปัจจัยของมัน เพราะว่ามันมีเหตุและปัจจัยอย่างนั้น มันจึงเป็นอย่างนี้
ถ้าเหตุและปัจจัยแปรเปลี่ยนไป ผลย่อมแปรเปลี่ยนตาม ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมอยู่ในกฎของพระไตรลักษณ์
คือ"อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"......
  ขอฝากไว้เป็นข้อคิด โปรดอ่านสักนิด แล้วพิจารณาตาม เพื่อความรู้และความเข้าใจในธรรม
                                  เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
                                                  รวี สัจจะ
                                      วจีพเนจร-คนรอนแรม-คนไร้ราก
๒๙ เมษายน ๒๕๕๒ เวลา ๑๐.๔๘น. ณ ริมฝั่งโขง ประเทศไทย
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

  • *โปรดระวัง - สีลัพพตปรามาส, ๗ เดือน ๑๙ วันจะเก็บแต่ความทรงจำที่ดีๆไว้, ตถตา (เช่นนั้นเอง).
  • ...
  • *****
  • กระทู้: 6436
  • เพศ: ชาย
  • ผู้สอนคือผู้ลวง? ผู้เรียนคือผู้หัดที่จะลวง?
    • ดูรายละเอียด
    • เฟสบุ๊ควัดบางพระ (หลวงพ่อเปิ่น)
ตอบ: บทกวีชี้ทางธรรม(๒)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 01 พ.ค. 2552, 07:55:25 »
ขอบคุณมากครับผม สาธุนะครับ  :054:

ออฟไลน์ Chotipat

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 400
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: บทกวีชี้ทางธรรม(๒)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 01 พ.ค. 2552, 08:38:00 »
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ติดตามผลงานท่านตลอดครับ
[shake]เป็นมิตรกับคนทุกคน เป็นเพื่อนกับลูกเสืออื่นทั่วโลก[/shake]