ผู้เขียน หัวข้อ: ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับว่าของที่ไหน  (อ่าน 4444 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ arit

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 35
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล

ออฟไลน์ gottkung

  • จะหมึกหรือน้ำมันไม่สำคัญ จงตั้งมั่นให้อยู่ในความดี
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 4088
  • เพศ: ชาย
  • "จะลูกใครนั้นไม่สำคัญ เป็นศิษย์ฉันเท่ากันทุกคนไป "
    • ดูรายละเอียด
    • www.gottkung.multiply.com
ตอบ: ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับว่าของที่ไหน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 18 พ.ค. 2552, 11:38:50 »
รูปด้านล่าง ผมจำได้ว่าเป็ฯพระกรุครับ
น่าจะเป็นทางอยุธยาหรือยังไงนี่แหละครับ
ลืมไปแล้ว แต่เป็นพระกรุแน่นอน
เราเป็นศิษย์คิดมีครูดูก่อนเถิด อย่าละเมิดคำครูที่พร่ำสอน
ปุถุชนคนธรรมดาพึงสังวรณ์ ครูท่านสอนมอบสิ่งดีแก่เราๆ

ออฟไลน์ porpar

  • ......... ขอคุณพระคุ้มครอง ........
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1274
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับว่าของที่ไหน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 18 พ.ค. 2552, 11:41:52 »
คุ้นๆนะครับท่าน แต่ไม่กล้าฟันธง รอผู้รู้อีกทีนะครับเป็นกำลังใจให้ครับผม..... :002:

ออฟไลน์ Pig_Never_Die

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 264
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับว่าของที่ไหน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 18 พ.ค. 2552, 12:17:54 »
รู้จักแต่องค์ที่สองนะครับ เรียกว่าพระกรุวัดบางยี่หน สุพรรณบุรี รายละเีอียดตามข้างล่างเลยครับ  :002:

พระกรุวัดบางยี่หน สุพรรณบุรี
เมื่อหลายสิบปีก่อน พระกรุบางยี่หน สำแดงปรฏิหารย์ สยบอานุภาพอาวุธปืนสงคราม ที่เมืองขุนแผน ในคราวท้าลอง ?ของดี? ชิงเงินเดิมพัน จนเป็นที่โด่งดังเกรียวกราวไปทั่วแวดวงการฯ

พระกรุบางยี่หน...ยิงไม่ออก
ใช่! ซึ่งเรื่องนี้ ชาวเมืองขุนแผนต่างทราบกันเป็นอย่างดี และด้วยเหตุนี้เอง นักเล่นพระแถบเมืองสุพรรณ อ่างทอง อยุธยา จึงซุ่มเก็บสะสม พระกรุบางยี่หน ไม่ยอมแพร่งพรายเกี่ยวกับประสบการณ์อภินิหารให้คนต่างถิ่นทราบ
เพราะกลัวคนอื่นจะแย่งกันเก็บ พลอยทำให้พระหายาก และมีราคาแพงขึ้นนั้นเอง!
   พระกรุบางยี่หน เป็นพระเก่าเคียงคู่วงการพระเครื่องมาโดยตลอดระยะเวลา ๓๐ ปี ถึงแม้ว่าราคาเล่นหาจะไม่สูงเท่าใดนักก็ตาม แต่นับว่าเป็นพระกรุเก่าที่หายากยิ่งและไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนัก
   เซียนพระรุ่นเก่า ๆ ต่างทราบกันดีว่า...พระกรุบางยี่หน ราคาเบาสบายก็จริงอยู่ แต่เปี่ยมล้นไปด้วยพุทธคุณในด้านมหาอุด และคงกระพันชาตรี สมแล้วกับเป็นพระเก่า ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเน้นพุทธคุณในด้านนี้อย่างแลเห็นได้ชัด
   ปัจจุบัน สันนิษฐานกันว่า พระกรุยี่หน มีอายุการสร้าง เกือบ ๑๐๐ ปี ฉะนั้นท่านผู้อ่านไม่ควรมองข้าม ความสำคัญ ของพระกรุนี้เป็นอันขาดและที่สำคัญราคาเช่าหาก็ยังไม่แพง จนเกินขอบเขตมากนั้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบถึงคุณค่ากับราคา นับว่ายังห่างกันราวฟ้ากับดิน
   วัดบางยี่หน อันเป็นสถานที่แตกกรุของพระกรุบางยี่หน อันเลื่องลือนั้น อยู่ที่ปากคลองบางยี่หน ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี คลองบางยี่หนเป็นคลองขุดสมัยโบราณ มีประตูระบายน้ำของกรมชลประทาน ชาวบ้านแถวนั้นเรีบกว่า ?ประตูน้ำบางยี่หน?
   เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๔ ได้มีชาวมอญตระเวณค้าขายสินค้าทางเรือ มาจอดเทียบท่าใกล้วัดบางยี่หน เพื่อพักอาศัยค้างแรมก่อนที่จะเดินทางต่อไป พอตกกลางคืนชาวมอญพ่อค้าผู้นั้นได้เข้าไปลักขุดพระในองค์เจดีย์ ได้พระไปจำนวนหนึ่ง
   เผอิญขณะที่ชาวมอญหัวขโมยในคราบพ่อค้ากำลังขนถ่ายพระออกจากองค์เจดีย์ สุนัขภายในวัดส่งเสียงเห่าหอนไปทั่ว ทำให้พระอาจารย์พ่วง สุวัณโณ เจ้าอาวาสวัดบางยี่หน ในสมัยนั้น พร้อมพระลูกวัด ตื่นคว้าไฟฉายตรงดิ่งมายังเจดีย์ เพื่อตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้น ?
ปรากฎว่า...
พบพระเครื่ององค์เล็กขนาดปลายนิ้วก้อย เนื้อดินเผากระจัดกระจายตกเรี่ยราดตามพื้นและภายในองค์เจดีย์จำนวนหนึ่ง
พระอาจารย์พ่วง จึงสั่งให้พระลูกวัดช่วยกันเก็บพระดังกล่าวขึ้นไปไว้บนกุฏิของท่าน
จนกระทั่งข่าว พระกรุแตก ที่วัดบางยี่หนแพร่สะพัดไปทั่วบาง ชาวบ้านทั้วใกล้ไกล จึงแห่มาขอพระจากพระอาจารย์พ่วง จนพระใกล้หมด ท่านจึงงดแจก เพื่อเก็บไว้ให้เป็นที่ระลึกแก่คณะผ้าป่าและกฐินซึ่งเดินทางมาทอดที่วัด
ประวัติการสร้างพระกรุบางยี่หน
   พระกรุบางยี่หน ทางวัดได้สืบความเป็นมาจนได้หลักฐานแน่ชัดว่า หลวงพ่อหยัด อดีตเจ้าอาวาสวัดบางยี่หน เป็นผู้สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. ๒๔๔๕ แล้วบรรจุลงไว้ภายในเจดีย์ เพื่อสืบต่อพุทธศาสนาตามคตินิยมโบราณ
   หลวงพ่อหยัด องค์นี้เป็นพระเกจิอาจารย์ดังแห่งเมืองขุนแผนอีกท่านหนึ่ง รุ่นราวคราวเดียวกันกับ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย ว่ากันว่า...หลวงพ่อหยัด ท่านเป็นพระที่คงแก่เรียน เชี่ยวชาญพระเวทอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน และเป็นสหธรรมิก (สหาย) กับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ซึ่งท่านทั้งสองมักไปมาหาสู่แลกเปลี่ยนวิชาอาคมกันและกันเสมอ
   ในราวปี พ.ศ.๒๔๔๕ หลวงพ่อหยัดได้สร้างพระเครื่อง เนื้อดินเผา โดยท่านได้แกะแม่พิมพ์ด้วยตนเอง หลังจากนั้นก็ให้บรรดาพระเณรนำดินภายในวัดช่วยกันกรองกรวดหินทรายแล้วนวดจนได้ที่แล้วนำมากดเป็นพิมพ์พระ
   หลังจากนั้นก็ทำการสุมไป เพื่อเผาพระให้สุกโดย หลวงพ่อหยัด ทำสมาธิเดินวนเวียนอยู่รอบ ๆ เตาเผา เพ่งกสิน เป็นการปลุกเสกไปในตัว แบบเดียวกันกับการปลุกเสกพระเครื่องของหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน และหลวงพ่อแดง วัดทุงคอก
   เมื่อพระสุมไปจนได้ที่ หลวงพ่อหยัดจึงนำพระทั้งหมดปลุกเสกอีกครั้ง เผอิญขณะนั้น หลวงพ่อแก้ววัดสวนหงษ์ อำเภอบางปลาม้า พระเกจิอาจารย์ยุดเดียวกันกับท่านมาเยี่ยมเยียนท่านที่วัดบางยี่หน หลวงพ่อหยัดจึงนิมนต์หลวงพ่อแก้วปลุกเสกพระเครื่องอีกครั้ง
   ก่อนที่จะนำพระดังกล่าวทั้งมดบรรจุเจดีย์
   พระกรุบางยี่หน เป็นพระเนื้อดินเผา มี ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์เชียงแสน และ พิมพ์ชินราช  ขนาดองค์พระทั้งสองพิมพ์ไล่เลี่ยกัน คือกว้างประมาณ ๑.๕ ซ.ม. และสูงประมาณ ๓ ซ.ม.
?   พิมพ์เชียงแสน
เป็นพระพิมพ์ ๒ หน้า ลักษณะรูปทรงห้าเหลี่ยมเว้ามุมตามซุ้มองค์พระ ตรงกลางเป็นรูปองค์พระพุทธปวงสมาธิ ขัดสมาธิเพชร ส่วนมากพระพักตร์เลือน ไรพระศกโค้งเล็กน้อย พระโมลีใหญ่ เกศบัวตูม พระกรรณสั้น องค์ปฏิมากรล่ำสัน แบบพระ ศิลปเชียงแสน
นักเลงพระจึงขนานนาม พระพิมพ์นี้ว่า... ?พิมพ์เชียงแสน?
องค์พระประทับเหนืออาสนะบัวหงาย ๙ กลีบมีซุ้มโดยรอบเป็รัศมี พุทธลักษณะตลอดจนรายละเอียดต่างๆ เหมือนกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
?   พิมพ์ชินราช
เป็นพระพิมพ์ ๒ หน้า ด้านหน้าเป็นองค์พระพุทฑปางสมาธิ ขัดสมาธิเพชร ประทับอยู่บนอาสนฐานบัวคว่ำบัวหงาย ๗ กลีบ ภายในซุ้มเรือนแก้วแบบเดียวกันกับพระพุทธชินราช วัดใหญ่พิษณุโลก ด้านหลังเป็นพระ ๒ ปาง คือ พระปางมารวิชัยองค์หนึ่ง และ พระปางประทับยืนองค์หนึ่ง อยู่ภายในซุ้มเรือนแก้วและซุ้มเส้นลวด
จากการที่ซุ้มองค์พระด้านหน้า ลักษณะคล้ายคลึงกับ พระพุทธชินราช วัดใหญ่พิษณุโลก นักเลงพระจึงขนานนามพระพิมพ์นี้ว่า ?พิมพ์ชินราช?
ส่วนเนื้อพระทั้งสองพิมพ์นั้นเหมือนกัน คือ เป็นพระ เนื้อดินเผา มีความละเอียดและแกร่งมาก แสดงว่าการคัดเนื้อดิน ตลอดจนการกรองกรวดทรายและนวดดินให้เข้ากันทำอย่างประณีต
บางองค์จะปรากฎก้อนขาว ๆ คล้ายกับพระหลวงพ่อโหน่ง แต่ไม่ปรากฎให้เห็นทุกองค์บางองค์ไม่มีก้อนขาวดังกล่าวก็มาก และในบางองค์เมื่อส่องด้วยกล้องขยายจะพบแร่ทรายเงินทรายทองระยิบระยับงดงามยิ่งนัก
ส่วนสีของเนื้อพระนั้น เป็นธรรมดาสำหรับพระเนื้อดินเผาจะต้องมีหลายสี คือ แดง, เทา, น้ำตาล, ดำ และขาวแกมเหลือง
ส่วน คราบกรุ ของพระกรุบางยี่หนนี้คราบ เกาะติดบาง มาก จะปรากฏให้เห็นเฉพาะองค์ที่ยังไม่ผ่านการใช้เท่านั้น หากเป็นพระที่ถูกสัมผัสจับต้องบ่อย ๆ คราบนี้ก็จะหลุดไป เพราะพระกรุนี้บรรจุอยู่ที่สูงไม่จมน้ำ ฉะนั้น คราบกรุจึงไม่หนาแน่นเป็นเพียงฝ้าจับโดยผิวเผือนเท่านั้น

ข้อมูลนำมาจากนิตยสารมหาโพธิ์

ออฟไลน์ arit

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 35
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับว่าของที่ไหน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 18 พ.ค. 2552, 01:18:20 »
ขอบคุณมากครับ

ออฟไลน์ tum72

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 2246
  • ณ ตลาดพลู
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับว่าของที่ไหน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 18 พ.ค. 2552, 04:16:03 »
ผมไม่รู้อ่ะครับ ผมเข้ามาชม มาเก็บข้อมูลครับ ขอบคุณครับ
โอม ราศีกูเอ๋ย  จงมาเป็นอาสน์  สีธาวาส  มาเป็นเกียรติ  ศรีชายมาเป็นช่วง
หญิงชายทั้งปวง รักกูมิรู้วาย  ด้วยราศีกูงามคือฟ้า  หน้ากูงามคือพรหม
หญิงเห็นหญิงรัก  ชายเห็นชายทัก  กูอยู่ทุกเมื่อ  ไม่เบื่อแต่สักวัน
โอม หญิงชายทั้งหลายเอ๋ย  มา

ออฟไลน์ อชิตะ

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 3218
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - aston_25@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับว่าของที่ไหน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 18 พ.ค. 2552, 04:40:24 »
องค์แรก พระแืท้แต่ไม่เด่นครับ คงต้องตามหาวัดกันเหนื่อยหน่อย

องค์สองรับรองตามนั้น กรุบางยี่หน  การันตีได้ว่า เยี่ยมยอด
  :016: :016: