แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ชินฺนปญฺชร

หน้า: [1]
1
อานิสงส์ของการบำรุงบิดามารดา มี ๑๓ ประการ คือ
๑. ทำให้มีความอดทน
๒. ทำให้เป็นคนมีสติรอบคอบ
๓. ทำให้เป็นคนมีเหตุผล
๔. ทำให้พ้นทุกข์ได้
๕. ทำให้พ้นภัยได้
๖. ทำให้ได้ลาภโดยง่าย
๗. ทำให้แคล้วคลาดภัยในยามคับขัน
๘. ทำให้เทวดาลงมาพิทักษ์รักษาผู้ที่ทำ
๙. ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
๑๐. ทำให้มีความเจริญก้าวหน้า
๑๑. ถ้ามีลูกก็จะได้ลูกที่ดี
๑๒. ทำให้มีความสุข
๑๓. ทำให้เป็นตัวอย่างอันดีแก่อนุชนรุ่นหลัง

วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่
๑. เลี้ยงดูท่านยามชรา เอาใจใส่การกินอยู่หลับนอนของท่านไม่ให้เดือดร้อน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านแก่ เช้าวันใหม่ท่านแก่ไปอีกวันแล้ว เรารู้ว่าท่านแก่ทุกวันก็แล้วกัน จะได้ตอบแทนได้ทุกวัน ไม่ต้องดูอายุ
๒. ช่วยเหลือกิจการงานของท่าน ช่วยแบ่งเบาภาระของท่านเพื่อให้ท่านมีโอกาสพักผ่อนเพราะท่านเหนื่อยมามาก แล้ว หรือเปิดโอกาสให้ท่านได้เข้าวัดฟังธรรมะ
๓. ไม่ทำตัวให้เสื่อมเสียแก่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของท่าน รักษาวงศ์ตระกูลที่ท่านให้มา ดำรงอยู่ได้นานๆคือ ทำความดีนั้นเอง
๔. ประพฤติตนดีควรแก่การรับมรดก ไม่ใช่อยู่เพื่อหวังมรดก ไม่เกะกะเหลวไหล ไม่สุรุ่ยสุร่ายผลาญทรัพย์สมบัติที่ท่านมอบให้
๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้อย่างสม่ำเสมอ แม้ท่านจะเกิดในภูมิที่สูงกว่าหรือไม่สามารถรับกุศลได้ การระลึกและแผ่เมตตาจิตให้แก่พ่อแม่เป็นมงคลอันประเสริฐ
พระพุทธองค์ตรัส ว่า ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่าสองข้างของตน ประคับประคองท่านให้อยู่บนบ่านั้น ป้อนข้าวป้อนน้ำให้ท่าน ถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่านั้นเสร็จ แม้บุตรจะมีอายุถึง ๑๐๐ ปี และปรนนิบัติท่านเช่นนั้นตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนบุณคุณท่านยังไม่หมด พระพุทธองค์ตรัสเพื่ออะไร เพื่อจะได้ให้รู้ว่าสิ่งที่เราควรกระทำก่อนจะไปแสวงหานอกบ้านนั้นอยู่ใกล้ เราเหลือเกิน แต่เราไม่เคยมองดูคุณค่าอันนี้เลย ทำให้แก่พ่อแม่ พ่อแม่ก็มีวิบากดีที่ได้ลูกดี แต่คนที่ทำมีมงคลชีวิต

วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ให้หมด มี ๕ ประการ คือ
๑. เมื่อท่านยังไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็พยายามชักนำให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธาให้ได้
๒. ถ้าท่านยังไม่ถึงพร้อมด้วยการให้ทาน ก็พยายามชักนำท่านให้บริจาคทานให้ได้ เริ่มต้นด้วยเราทำแล้วให้ท่านจบ
๓. ถ้าท่านยังไม่มีศีลรักษา ก็พยายามชักนำให้ท่านรักษาศีลให้ได้
๔. ถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิ ยังไม่มีความสงบ ก็พยายามชักนำให้ท่านหาความสงบให้ได้
๕ . พยายามส่งเสริมท่านเดินทางสู่มรรค ผล นิพพาน อย่าขวางท่าน
เมื่อท่านถึงมรรค ผล นิพพาน ตอบแทนหมดไหม ? ฉะนั้นอะไรก็แล้วแต่ที่พ่อแม่กำลังทำเพื่อสร้างทางสู่มรรค ผล นิพพาน อย่าขวางท่าน

3




ตะกรุดดอกไม้ทองถือเป็นตะกรุดเมตตาขนานเอกสร้างโดยหลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน ลักษณะตะกรุดเป็นแผ่นจารเงิน ทองเหลือง และทองแดงขนาด 2 นิ้วครึ่งโดยประมาณ จารอักขระคาถา ม้วนแล้วร้อยด้วยเชือกร่มให้อยู่ติดกันจากนั้นจึงเสกซ้ำอีกครั้งเป็นอันเสร็จพิธี

สาเหตุที่ตะกรุดดอกไม้ทองโด่งดังและเป็นที่รู้จักโดยทั่วกันก็เพราะว่าได้ เกิดประสบการณ์ กับผู้ที่บูชาตะกรุดมากมายไม่ว่าจะเป็นด้านเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี ค้าขายร่ำรวย มีโชคลาภจากการเสี่ยงโชค รวมถึงการใช้ตะกรุดทวงหนี้ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ จากหนึ่งสู่หลักสิบ จากหลักสิบสู่หลักร้อย เล่าสู่กันปากต่อปากทั้งจากผู้ที่มีประสบการณ์โดยตรงและผู้ที่อยู่ใน เหตุการณ์จึงทำให้ ้ตะกรุดดอกไม้ทองเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

ตะกรุดดอกไม้ทองเดิมชื่อชื่อ ตะกรุดดอกทอง มีอานุภาพดีเด่นเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง แต่ต่อมาเริ่มมีอานุภาพหลากหลายมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเมตตา มหานิยมอีกทั้งชื่อเรียกฟังดูไม่เพราะจึงได้เปลี่ยนใหม่เป็นตะกรุดดอกไม้ทอง แทนและ ได้เรียกสีบต่อกันมา

นอกจากด้านเมตตาแล้ว ในด้านคงกระพันชาตรีก็หาใช่ย่อยคนในละแวกบ้านแพน-เสนาต่างรู้กันดีว่าผู้ที่ มีตะกรุดดอกไม้ทองบูชาอยู่รับรองแมลงวันไม่ได้กินเลือดดังจะเห็น ได้จากอิทธิปาฏิหารย์และประสบการณ์ที่ลงเคยลงตามหนังสือพระเครื่องฉบับต่างๆ สมดังคำที่ท่านปรารภอยู่เสมอๆ ว่า “ตะกรุดของฉันดีทางเมตตาก็จริงแต่ก็สามารถอยู่ปืนได้ด้วยนะ”

สำหรับข้อห้ามในการใช้ตะกรุดนั้น หลวงพ่อชี้แจงว่ามีข้อห้ามอยู่ข้อเดียวเท่านั้นคือ ผู้ที่มีตะกรุดห้ามด่าอย่างเด็ดขาด ถ้าเผลอด่าให้รีบปลุกใหม่ทันที เคยมีคนถามท่านว่าถ้าด่าแล้วของจะเสื่อมใช่หรือไม่ท่านตอบว่า “ตะกรุดฉันไม่เสื่อมหรอก แต่มันจะไม่ช่วยต่างหาก”

4
พาเที่ยววัดสรพงษ์...ที่อำเภอสีคิ้ว โคราชครับ

อันที่จริงก่อนไปเที่ยว โคราช ครั้งนี้ เราก็ไม่รู้จักที่นี่มาก่อนหรอกค่ะ เพราะไม่ได้ไปโคราชบ้านเองหลายปีแล้ว ตอนแรกเพื่อนเราก็เรียกชื่อวัดนี้ว่าอะไรสักอย่างหนึ่งจำไม่ได้ (ซึ่งก็เรียกผิดวัดน่ะ)เราก็นึกว่าเออดีเหมือนกัน ชื่อไม่คุ้น ลองไปวัดที่ไม่เคยไปมั่ง ก็เลยพากันไปเที่ยวที่นี่ ขับรถไปไม่นานเท่าไรพอเพลินๆ เพราะคนขับก็ขับไป คนนั่งอย่างเราก็หลับสบาย กรั๊กๆๆๆ



อันที่จริง "วัดสรพงษ์" นี่ไม่ใช่วัดนะครับเป็น อุทยานมูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งก่อตั้งโดยแรงศรัทธาของคุณ สรพงษ์ ชาตรี มหาเถรคันฉ่องในภาพยนต์สมเด็จพระนเรศวรแห่งสยามประเทศ ดาราที่ใครๆ ก็รู้จักครับ ผู้คนเลยเรียกชื่อที่นี่ว่า วัดสรพงษ์ ซะเลย สะดวกปากดีค่ะ แห่ะแห่ะ

สถานที่ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว ก่อนถึงโคราช 45 กิโลฯ ครับ



พอพวกเราจอดรถที่ลานจอดอันกว้างขวางใหญ่โตแล้ว ก่อนจะเข้าไปทำบุญอันใด แทบทุกคนต้องแวะที่นี่ก่อนค่ะ โรงทาน หรือ โรงอาหาร ที่ลือลั่นสนั่นเมือง ที่แจก "ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าชาววัง" ที่แสนอร่อยบาดจิตให้แขกทุกคนที่มาเยือนได้กินกันให้อิ่มหนำสำราญกันก่อนครับ

โอวส์ ขอบอกว่าของเขาดีจริงๆ ครับ ไม่ใช่ของแจกที่สักแต่ว่าแจก หมูเป็นหมู น้ำราดหน้าเป็นน้ำ(ไม่เป็นน้ำแล้วจะเป็นอะไรยะ)คุณสรพงษ์ประกาศออกไมค์เจื้อยแจ้วว่าทานให้ได้คนละ 9 จาน ฮ่าๆๆ เรารับท้า กินไป 3 จานจุกแอ๊กเลยครับ เอิ๊กๆๆ ทานเสร็จมีตู้บริจาคเพื่อต่อยอดให้ผู้มาทำบุญวันต่อๆ ไปได้ทานกันอีกนะครับ



กินราดหน้าแสนอร่อยไป ตาก็มองไปรอบๆ โรงอาหาร เห็นโต๊ะวางเครื่องปรุง ซึ่งเครื่องปรุงก็ไม่ได้ใส่ถ้วยอันใด เพราะใส่ถ้วยก็คงไม่พอกับจำนวนคน แต่เขาใส่อยู่ในโอ่งเคลือบใบย่อมๆ เลยทีเดียวล่ะค่ะ ใจก็แอบคำนวณไปว่าวันเสาร์-อาทิตย์แบบนี้ มีคนเยือนที่นี่วันละหลักหมื่น จะหมดค่าทำราดหน้านี่วันละเท่าไรกันเนี่ย เหอๆ เค้าเลี้ยงกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็นเลยนะครับ


ตอนไปถ่ายรูปคุณพี่ที่ทำราดหน้านี้ เห็นคุณพี่มองเหล่ๆ ผ่านมาสก์ที่คาดปากกันเชื้อโรคอยู่นี่ นึกว่าคุณพี่แกจะด่าเราที่ไปเกะกะตอนทำงาน เพราะมีคนมารับจานราดหน้าตลอดเวลา ที่ไหนได้ คุณพี่แกพูดผ่านมาสก์ครอบปากออกมาว่า


"หนูๆ ก่อนจะถ่ายรูป บอกพี่ก่อนซิจ๊ะ คุณพี่จะได้ยิ้มให้ จะได้ออกมาสวยๆ"


เอ่อ...คุณพี่ครับ แล้วพอคุณพี่ยิ้ม หนูจะมองเห็นไหมคะเนี่ยว่าคุณพี่ยิ้มแล้วอ๊ะ คิกๆๆ



จัดการเรื่องปากเรื่องท้องเสร็จสรรพ ก็ออกมาจากโรงอาหาร ได้ยินเสียงคุณสรพงษ์ประกาศออกไมค์แซวแฟนเขา คือคุณ ดวงเดือน จิไธสงค์ คุณสรพงษ์แซวว่าคุณดวงเดือนอยู่ในซุ้มกาแฟในเกาะกลางน้ำนี่ แกชอบชงกาแฟกับทำโดนัท เราเลยแวะเข้าไปชิมกาแฟคุณดวงเดือนซักหน่อย อยากเห็นตัวจริงน่ะครับ



คุณ ดวงเดือน จิไธสงค์ นางงามรองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์เวิลด์ พ.ศ.2529 ปีที่ แสงระวี อัศวรักษ์ ได้เป็นและมีการแย่งมงกุฏกันน่ะครับ มีคนแย่งเอามงกุฏออกจากหัวคุณแสงระวี ซึ่งยืนยิ้มแป้นไม่รู้ไม่ชี้ถ่ายรูปอยู่ และเอามงกุฏมาครอบหัวคุณดวงเดือน ซึ่งเธอก็ร้องไห้และพยายามเอามงกุฏออกไป วันรุ่งขึ้นเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์ครึกโครม


คุณดวงเดือนในวันนี้ยังรูปร่างดีอยู่เลย ถึงจะผอมไปหน่อยแต่ก็ยังดูหุ่นเป็นนางงามอยู่เลยนะครับ




เอาล่ะ ทีนี้เราจะเข้าไปบริเวณวิหารสมเด็จโตสักที จะมีศาลาหลังใหญ่ๆ อยู่ก่อนถึงวิหารใหญ่ครับ คุณสรพงษ์ใส่ชุดขาวนั่งต้อนรับอยู่ที่กลางอาคารนี้



ส่วนใหญ่คนที่มาทำบุญที่นี่ ก็จะบริจาคกันตรงนี้ เพราะจะได้วัตถุมงคลกลับไปด้วย ได้ถ่ายรูปกับคุณสรพงษ์ และได้ลายเซ็นด้วยค่ะ คุณสรพงษ์ก็ถ่ายรูปไป เซ็นไป พร้อมกับสลับพูดผ่านไมค์ลอยดังไปทั่ววัดครับ ใครถามอะไรใกล้ๆ แก แกก็ตอบผ่านออกไมค์ดังไปทั่วคุ้งน้ำเลยทีเดียวเชียว อิอิ



แกเล่าผ่านไมค์ เมื่อเราไปถาม ว่าจุดเริ่มที่นี่ คือเมื่อปี 2541 ด้วยแรงศรัทธา และนับถือต่อสมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสีที่แกมีอยู่เต็มเปี่ยมหัวใจ จากเงินเพียงศูนย์บาท และตั้งใจจะสร้างให้ใหญ่ที่สุดในโลก (ปัจจุบันถูกล้มแชมป์ไปแล้ว)


แกตั้งใจจะสร้างให้เป็นมูลนิธิ ไม่มีวัด ไม่มีพระสงฆ์ สร้างขึ้นเพื่อให้คนที่เคารพบูชาสมเด็จโตเข้าไปกราบไว้ สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการบำเพ็ญประโยชน์ ช่วยเหลือสังคม เป็นมูลนิธิที่ส่งเสริมการเรียนการสอนของเด็กด้อยโอกาสครับ



จบการสนทนากับคุณสรพงษ์แล้ว(มีแซวออกไมค์ด้วยว่ากล้องเราใหญ่ดี มาจ่อๆ หน้าแก แกชอบ อิอิ เราใช้เลนส์ 10-20 มม.ต้องจ่อๆ อ่ะ)เราก็เดินผ่าความร้อน ซึ่งจริงๆ เขามีร่มให้หยิบกางไปถึงวิหารสมเด็จโตได้เลย



วิหารใหญ่โต สวยงาม อลังการดีนะครับ



นี่เป็นโมเดลของวิหารแบบสมบูรณ์ ก็งดงามสมราคาจากเงินบริจาคกว่า 300 ล้านบาทค่ะ เริ่มจากบนพื้นที่โล่งๆ 15 ไร่เมื่อสิบปีที่แล้ว จนมาถึงวันนี้ใกล้จะสมบูรณ์แล้วครับ



องค์สมเด็จโตนี้ หล่อมาจากทองเหลืองหนัก 61 ตันนะคะ สูงเท่าตึก 2 ชั้น ตอนหล่อทองเหลือง หล่อเป็นชิ้นๆ ทั้งหมด 127 ชิ้น แล้วนำมาเชื่อมต่อกันภายหลังครับ



คุณสรพงษ์เคยให้สัมภาษณ์ว่า


"ผมผ่านทั้งความเหน็ดเหนื่อย ความท้อ ก็จุดธูปอธิษฐานขอพรว่าหลวงพ่อโต ถ้าดี ขอให้มีคนช่วย ถ้าไม่ดี ขอให้สร้างไม่สำเร็จ และสุดท้ายก็ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาได้ด้วยดี ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปนั้นคุ้มค่า เกิดมาชาติหนึ่งร่างกายเราสมบูรณ์ได้ ทำอะไรช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติได้ อุทิศตนได้ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว 10 ปีที่ผ่านมา ได้ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ เพื่อให้ได้เห็นหลวงปู่ได้เห็นความเจริญงอกงามของงานที่ตนทำ"


ก่อนจะปิดท้ายว่า


"เราไม่จำเป็นต้องเป็นพระเอก ไม่ต้องมีเงินถึง 300 ล้าน แต่ก็สามารถช่วยเหลือ ทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้ แค่เป็นคนดีก็เพียงพอ"



เจ้าของบล๊อกนี้ยังไม่แก่มากถึงขนาดต้องเข้าวัดทุกบ่อยๆ นะครับแต่ชอบไปเพื่อเปิดโลกกว้างในแนววัฒนธรรม จริงๆ ภาคดึกก็ยังตกอยู่ในวังน้ำวนสายชลวนเชี่ยวเป็นเกลียวลึกลง...ของกิเลสตัณหาอยู่ คิกๆๆ


แต่บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป อยู่คนละกองกันค่ะ เอิ๊กๆๆ สวรรค์หรือนรก สองเท้ากับหนึ่งใจของตัวเราเท่านั้น ที่จะพาก้าว "ขึ้น" หรือ "ลง" เนอะ



เป็นอันว่าจบทริปครึ่งวันแรกที่วิหารสมเด็จโตนี่ก่อนนะครับ จริงๆ ภาคบ่ายได้ไปต่อกันที่ปราสาทหินอีก 2-3 ที่(ปราสาทเล็กๆ)ที่โคราชนี้ ก็ขอยกยอดไปเป็นบล๊อกหน้าแล้วกันครับ



สุดท้ายนี้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาลให้เหตุการณ์ร้ายๆ ทางภาคใต้ของเราหมดสิ้นไปเสียที และขอให้ทุกท่านใน เวปบางพระ รวมทั้งเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่าน มีความสุข กินอิ่ม นอนหลับ และแวดล้อมไปด้วยคนดีที่รักของทุกท่านนะครับ


สวัสดีครับ

ขอบคุณภาพสวยๆข้อมูลดีดีจาก OKnation นะครับ

6
พอดีมีงานสมโภช ๑๐๐ ปี ของวัดน่ะครับเลยเอาของดีมาฝาก


เสือแกะจากงาช้างครับสวยงามตามแบบเก่าของหลวงพ่อปาน (วัดบางเหี้ย)







ทุกตัวจะยิงโค้ดด้วยเลเซอร์กำกับไว้ด้วยครับ



เสือหลงใหล เป็นการเอาแร่เหล็กน้ำพี้ กับแร่ผงพลอยมารวมกัน อัดเป็นรูป







รูปนี่คือหนังเสือครับ ราคาไม่แพงอย่างที่คิด





หลวงพ่อปาน พระครูพิพัฒนิโรธกิจ หรือที่รู้จักกันดีในนาม หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองสมุทรปราการ



เสือใหญ่ที่สุดในโลกครับ อิอิอิ

7


ปลาเรียกเงิน ปลาเรียกทอง ครับ





ลูกอมเสือเดือน ๙ ครับ






8




หลวงพ่อท่านบอกว่าไว้ใช้กันงูครับ

9




หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยาครับ





ตามมาติดๆกับ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ครับ









อาจจะแปลกสักหน่อย พลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรีจ้า




10



ตระกรุดไตรมาส วัดเจดีย์แดง ปีนี้ครับผม

หน้า: [1]