:059:วิเวกกาย จากหมู่ สู่สงบ
จึงได้พบ วิเวกจิต นิมิตรใหม่
สงบจิต สงบกาย อยู่ภายใน
เฝ้าดูใจ ภาวนา หาแก่นธรรม
นิ่งแล้วดู รู้เห็น จึงเด่นชัด
และคอยตัด อบาย ไม่กรายกล้ำ
ให้เป็นไป ตามหน ผลแห่งกรรม
สิ่งที่ทำ นั้นชอบ ประกอบการ
ผ่านวิตก วิจารน์ การครวญคิด
แล้วดวงจิด เกิดปิติ ให้อาจหาญ
เข้าสู่สุข ต่อไป ไม่ช้านาน
จิตก็ผ่าน สู่สงบ พบหนทาง
เห็นแสงทอง แสงธรรม นำชีวิต
เห็นถูกผิด จิตนั้น พลันเปิดกว้าง
รู้จักการ ปล่อยปละ และละวาง
จิตออกห่าง จากอบาย คลายกังวล
อวิชา มืดมิด เคยผิดพลาด
ก็สามารถ รู้ได้ โดยเหตุผล
เห็นอัตตา ความยึดถือ ในตัวตน
เห็นมรรคผล ต้นแสง แห่งพระธรรม
พบหนทาง สร้างจิต ชีวิตใหม่
ที่จะให้ ชีวิตนี้ ไม่ตกต่ำ
เป็นหนทาง ที่ชอบ ประกอบกรรม
แล้วน้อมนำ ปฏิบัติ เพื่อขัดเกลา
ขัดเกลาจิต และกาย ให้สดใส
ขัดเกลาใจ มิให้ ไปโง่เขลา
สำรวมจิต สำรวมกาย ในตัวเรา
นำจิตเข้า สู่ธรรม ดำรงค์ตน
มีมรรคแปด เป็นแนวทาง ที่ย่างก้าว
เพื่อสืบสาว ให้เห็น เป็นเหตุผล
วิริยะ พากเพียร บำเพ็ญตน
ด้วยหวังความ หลุดพ้น "พระนิพพาน".....
:054:แด่แสงสีทองที่ส่องขอบฟ้าเวลาเช้า...ที่ทำให้เข้าใจธรรม
เชื่อมั่นและศรัททธาในหลักธรรมคำสอนของพระศาสดา
จะน้อมนำมาปฏิบัติเพื่อขัดเกลากิเลส
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๑๒ กรกฏาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๐๙ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย