:059:นิมิตในภาษานักปฏิบัติธรรมคือ ภาพ เสียง ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ที่เรารู้เห็นจากภายใน แบ่งออกได้ ๒ประการคือ
๑.สุภนิมิต=นิมิตที่ดี เกิดจากอำนาจแห่งกุศลกรรมเป็นประการสำคัญ
๒.อสุภนิมิต=นิมิตที่ไม่ดี เกิดจากอำนาจของอกุศลกรรมเป็นส่วนใหญ่
การเกิดนิมิตนั้น เกิดได้ใน ๔ สภาวะ อันได้แก่
๑.สุบินนิมิต คือนิมิตที่เกิดขณะหลับ นิมิตที่เกิดขึ้นจากความฝันดีบ้างร้ายบ้าง จริงบ้างไม่จริงบ้าง อันมีสาเหตุมาจาก
๑.๑.อาหารเป็นเหตุให้ฝัน
๑.๒.ธาตุเป็นเหตูให้ฝัน
๑.๓.จิตทำให้ฝัน
๑.๔.เทวดาทำให้ฝัน
๒.บริกรรมนิมิต คือนิมิตที่สร้างด้วยการปฏิบัติสมถะกรรมฐาน ๔๐ ประการ เรียกว่า บริกรรมนิมิต อุคคนิมิต และปฏิบัติภาคนิมิต
๓.อภิญญานิมิต คือนิมิตในอารมณ์ฌาน ซึ่งจะต้องได้ฌานจนถึงปัญจยฌานเสียก่อนและต้องอาศัยบุญบารมีที่เคยกระทำมา
และอธิษฐานไว้ในอดีตชาติเป็นปัจจัย
๔.สังขารนิมิต คือนิมิตที่สังขารปรุงแต่งขึ้นมา เป็นหนทางให้สัตว์โลกทั้งหลายท่องเที่ยวไปในวัฏฏทุกข์มีอยู่ ๒ อย่างคือ
๔.๑.รูปนาม เป็นสังขารนิมิต วิปัสสนานั้นเอารูปนามเป็นกรรมฐาน
๔.๒.กรรม กรรมนิมิต คตินิมิต เวลาใกล้ตายจะมีนิมิตเป็นอารมณ์ ที่เกิดจากเจตนากรรม เป็นปัจจัยไปสู่ปรโลกมี ๓ ประการ
๔.๒.๑.กรรมอารมณ์ จะปรากฏเป็นนิมิตภาพจากการกระทำในอดีต
๔.๒.๒.กรรมนิมิตอารมณ์ จะปรากฏแก่ผู้ใกล้ตายเห็นสัญญาลักษณ์เครื่องหมายของกรรมที่ทำมา จะเป็นกุศลกรรมหรือ
อกุศลกรรมก็แล้วแต่กรรม
๔.๒.๓.คตินิมิตอารมณ์ จะปรากฏแก่ผู้ใกล้มรณะจะเห็นคติของที่ที่จะไป เกิดขึ้นด้วยอำนาจของกรรมซึ่งกระทำไว้
ฉะนั้นเมื่อเกิดนิมิตขึ้นมา เราควรจะพิจารณาว่า มันมาจากสาเหตุใด เกิดขึ้นในอารมณ์ไหน ก่อนที่เราจะไปเชื่อ หรือปฏิเสธ
นิมิตเหล่านั้น ถ้าเชื่อในทันที่ก็จะพาให้เกิดความงมงาย และถ้าปฏิเสธในทันทีมันอาจจะทำให้เสียโอกาศ จงใช้สติเข้าไปพิจารณา
หาที่มาของนิมิตนั้น ว่าที่มามันเป็นอย่างไร อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยให้เกิดนิมิตนั้น และนิมิตนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ ....