:059:เมื่อก่อนนั้น....
จิตมันหยาบมันแข็งกระด้าง
เพราะอัตตาและมานะของเรายังไม่ถูกขัดเกลา
จึงหนาแน่นไปด้วยกิเลสคือ ความรัก โลภ โกรธ หลง
เข้าครอบงำจิตเราพฤติกรรมที่แสดงออกจึงกร้าวร้าวรุนแรง
ตอบโต้ทุกครั้งที่มีอะไรเข้ามากระทบจิตไม่รู้จักผิดชอบและชั่วดี
ดำเนินชีวิตอยู่ในวิถีแห่งคนพาลสันดานหยาบ
หมกมุ่นอยู่กับกิเลสตัณหาและอุปาทานโดยคิดว่ามันคือความสุข
จากการที่ได้เสพในสิ่งที่ตอบสนองเหล่านั้น
:059:แต่เมื่อได้ศึกษาและปฏิบัติธรรม.....
ความรู้สึกนึกคิดก็เปลี่ยนไปทำให้เรารู้อะไรๆมากขึ้น
รู้จักผิดชอบชั่วดี มีสติและสัมปชัญญะในการดำรงค์ชีวิต
มีความคิดที่เป็นระบบมากขึ้น รู้จักใคร่ครวญ ทบทวน พิจารณา
หาเหตุและผลของเหตุการณ์ทุกสื่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา
รู้จักการข่มจิตข่มใจต่อสิ่งยั่วยวนทั้งหลาย ควบคุมความรู้สึกนึกคิดของเราได้
มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต จิตน้อมเข้ามาหากุศล ดำรงค์ตนอยู่ในทำนองคลองธรรม
:059:สิ่งนี้คือคุณของพระรัตนตรัย.....
ที่เราได้รับมาจากการที่เราได้เข้ามาศึกษาอาศัยใบบุญของพระศาสนา
ทำให้ชีวิตเรามีคุณค่ากว่าที่เคยเป็นมาในอดีตของชีวิตฆราวาส
พบกับความเย็น ความสงบ ความสุข ที่เราไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจจะบรรยายเป็นตัวอักษรหรือคำพูดได้
มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ รู้ได้เฉพาะตน เห็นผลด้วยการปฏิบัติ
ธรรมะของพระพุทธองค์พิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติ และต้องทำให้จริง
สิ่งที่เรารู้ สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราเข้าใจเป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลีหนึ่งของพระธรรม
:059:ยังมีอีกมากมาย....
ยังมีหนทางอีกยาวไกล ที่เรายังไม่ได้ก้าวเข้าไปและยังไม่รู้ไม่เห็น
บนเส้นทางแห่งสายธรรมนี้ยังมีอีกมากมายให้เราได้เรียนรู้และปฏิบัติ
การเดินทางกลับไปสู่ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของจิตที่ปภัสสร
จิตแท้จิตเดิมที่เริ่มมานั้นมันบริสุทธิ์ แต่กิเลสที่เป็นอาคันตุกะได้เข้ามาอยู่อาศัย
ทำให้จิตเรานั้นต้องเศร้าหมอง เพราะกิเลสที่จรมา
จึงเป็นหน้าที่ของเราผู้เป็นเจ้าเรือน ที่จะต้องทำความสะอาดปัดกวาดกิเลสให้หมดสิ้นไป....
:054:น้อมกายน้อมจิตแสดงความเคารพซึ่งพระรัตนตรัย
เชื่อมั่น-ศรัทธาในสายธรรม
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๘ สิงหาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๔๘ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย