ลองอ่านดูนะครับนำมาแบ่งปันกัน
คุณของการสวดมนต์คือ สวดแล้วรู้เรื่อง - รู้ความหมาย -
ปฏิบัติได้ถูกต้องตามที่สวดนั้น - และสวดด้วยจิตใจอิ่มเย็นโอบอ้อมอารี
เพราะมนต์ทั้งหมดในพระพุทธศาสนาคือคำสอนแม้จะเป็นคำสรรเสริญก็ืคือคำสอน
ถ้าจะสวดเป็นบาลีก็ต้องสวดให้ถูกต้องตามอักขระฐานกรณ์ของภาษาบาลีด้วย
(แต่ต้องเป็นมนต์ที่พระพุทธเจ้าพาทำมาและสอนไว้)
โทษของสวดมนต์คือ สวดแบบไม่รู้เรื่อง - ไม่รู้ความหมาย - ทำไม่ถูกตามที่สวด -
สวดเพื่อให้ขลัง - อ้อนวอน - สวดเสก - เป่าให้ผู้อื่นฉิบหาย หรือ
สวดแล้วรู้เรื่องและเข้าใจอย่างดีแต่ไม่ทำตาม เช่น พระสวดพระวินัยทุุกๆ 15 วัน
แต่ก็ทำผิดพระวินัยมากมาย และโยมสวดประกาศปฏิญาณตนมอบกายถวายชีวิต
นับถือ พุทธ - ธรรม - สงฆ์ เป็นที่พึ่ง แต่ไม่กระทำตามนั้น
ยังไปนับถือสิ่งอื่นเพิ่มอีกเช่น ผี - เทวดา - เครื่องรางของขลัง ฯลฯ
เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมผิดต่อคำสวดที่ตนเองสวดคำพุทธเจ้าสอนอยู่
และโทษย่อมเกิดขึ้นกับตนผู้ไม่ได้ศึกษาพุทธศาสนาให้ดี
สำหรับผู้ชอบสวดมนต์เป็นภาษาบาลี ถ้าไม่รู้เรื่องคือไม่ได้แปล
เมื่อไม่แปลก็ไม่เข้าใจความหมาย เมื่อไม่เข้าใจความหมายของบทสวดมนต์
ถึงแม้จะมีสติกำกับอยู่อย่างดี แต่สตินั้นก็เป็น มิจฉาสติ
แม้กระทั่งมีความเลื่อมใสปลาบปลื้มปิติอยู่ด้วย ก็ยังเป็นความเลื่อมใสปลาบปลื้มปิติที่ผิด
สตินั้นมีอยู่ของมันทุกเมื่ออยู่แล้ว แต่ถ้าไประลึกผิด ก็เป็นสติที่ผิด
ทุกอย่างต้องเข้าใจชัดเจนถูกต้อง จึงจะเป็นสัมมาสติ
จึงจะเป็นสติที่ถูกในความหมายของพระพุทธศาสนา
พุทธเจ้าสอนเอาไว้แล้วว่า ผู้ที่จะเรียนธรรม - วินัยของพระองค์
ต้องเรียนด้วยภาษาที่ผู้เรียนสามารถเข้าใจได้
ถ้าหากเรียนธรรม - วินัยด้วยภาษาที่ผู้เรียนไม่เข้าใจ
พุทธเจ้าตำหนิเอาไว้แล้วว่าเป็นการ " ปฏิบัติผิด "
การปฏิบัติผิดนี่ต้องได้บาป
ต้องไปรับโทษในนรก - เปรต - สัตว์เดรัจฉาน
เมื่อได้หมุนวนกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ก็เป็นมนุษย์ที่มีสติ - ปัญญาไม่ดี
เรียนรู้อะไรก็เข้าใจยากมาก เงอะงะๆ เซ่อๆซึมๆ
สาเหตุก็เพราะได้สร้างความงงงวย - งมงาย - ไม่รู้เรื่อง
เหยียบย่ำตัวเองเอาไว้แล้วเรียบร้อยในคราวนี้ด้วยการสวดมนต์คือคำสอนของพระพุทธเจ้าแบบผิดๆ
คำสั่งพระพุทธเจ้าให้กล่าวธรรม วินัย ด้วยภาษาที่เข้าใจ เล่ม 23 หน้า 329
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอรณวิภังค์นั้น การปรักปรำภาษาชนบทและการล่วงเลยคำพูดสามัญ
นี้เป็นธรรมมีทุกข์ มีความคับใจ มีความแค้นใจ มีความเร่าร้อน เป็นความปฏิบัติผิด
เพราะฉะนั้น ธรรมนี้จึงยังมีกิเลสต้องรณรงค์ แต่การไม่ปรักปรำภาษาชนบท
และการไม่ล่วงเลยคำพูดสามัญ นี้เป็นธรรมไม่มีทุกข์ ไม่มีความคับใจ ไม่มีความแค้นใจ
ไม่มีความเร่าร้อน เป็นความปฏิบัติชอบ เพราะฉะนั้น ธรรมนี้จึงไม่มีกิเลสต้องรณรงค์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ธรรมที่ควรสั่งสมเพื่อความเจริญแห่งปัญญาอันถูกต้อง เล่ม 31 หน้า 396
เจริญธรรม ๔ ประการเพื่อได้ปัญญา
เจริญธรรม ๔ ประการเพื่อปัญญาเจริญ
ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ
การคบสัตบุรุษ ๑ (คบคนดีมีศีลธรรมอันงามในพระพุทธศาสนา)
การฟังสัทธรรม ๑ (อ่าน - ฟังธรรมอันงามที่นำสัตว์ออกจากทุกข์ คือ ธรรมของพระพุทธเจ้า)
การกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ๑ (อ่าน - ฟังแล้วทรงจำไว้ได้ - เข้าใจความหมายได้ดีทะลุปรุโปร่ง)
การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑
(จากนั้นก็ปฏิบัติไปตามธรรมที่ตนจำได้และเข้าใจความหมายได้ถูกต้องนั้น)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการนี้...
ในคำว่า ย่อมเป็นไปเพื่อได้เฉพาะซึ่งปัญญา นี้
พระเสขบุคคล ๗ จำพวก พึงทราบว่า ชื่อว่าผู้ได้เฉพาะซึ่งปัญญา
พระขีณาสพพึงทราบว่าชื่อว่า ผู้ได้ปัญญาแล้ว...
*** คำสอนของพระพุทธเจ้านี้ไม่มีนะ ประเภทเงอะๆงะๆ
สวดแบบไม่รู้เรื่่องแล้วมันจะดีเอง มันจะไปดีได้ยังไงเพราะมันไม่รู้เรื่อง
และถึงรู้เรื่องแต่ไม่ลงมือปฏิบัติ มันก็ยังดีไม่ได้อีก
สวดเฉยๆ แล้วมันจะดี - เจริญเอง คำสอนใครหว่า? พิจารณาซิ พิ - จา - ร ณา
สวดมนต์แล้วต้องรู้เรื่อง - รู้ความหมาย เล่ม 17 หน้า 21
....ใคร ๆ สามารถจะทราบพระดำรัสของ พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งละเอียดอ่อนด้วยนัยต่าง ๆ
เกิดขึ้นด้วยอัธยาศัยอันกว้างขวางสมบูรณ์ด้วยอรรถและพยัญชนะมีปฏิหาริย์หลากหลาย
ลึกซึ้งโดยธรรม โดยอรรถ โดยเทศนา แลโดยปฏิเวธ
มาสู่โสตประสาท (ประสาทรับรู้ทางหู) ของสัตว์ทั้งปวง โดยสมควรแก่ภาษาของตน ๆ
โดยประการทั้งปวง และทั้งให้เกิดความอยากฟังโดยเต็มกำลัง
.
และเล่ม 35 หน้า 62
บทว่า มนสานุเปกฺขิตา ได้แก่ เพ่งด้วยจิต.
พระพุทธวจนะที่ภิกษุใดสาธยายแล้วด้วยวาจา ปรากฏ (ความหมาย) ชัดในที่นั้นๆ
แก่เธอผู้คิดอยู่ด้วยใจ เหมือนรูปปรากฏชัด แก่บุคคลผู้ยืนตามประทีปดวงใหญ่ ฉะนั้น.
บทว่า ทิฏฺฐิยา สุปฺปฏิวิทฺธา ได้แก่ ใช้ปัญญาขบทะลุปรุโปร่ง ทั้งเหตุทั้งผล.
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวดมนต์ไม่ถูกหลักภาษาบาลี เป็นการทำลายคำสอนอีกวิธีหนึ่ง เล่ม 35 หน้า 381
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการนี้เป็นเหตุให้พระสัทธรรมเลอะเลือนอันตรธานไป
ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุทั้งหลายในพระวินัยนี้ เล่าเรียนสูตรอันถือกันมาผิดด้วยบทพยัญชนะที่ใช้ผิด
เนื้อความแห่งบทพยัญชนะที่ใช้ผิด ย่อมมีนัยอันผิดไปด้วย นี้ธรรมประการที่ ๑
เป็นเหตุให้พระสัทธรรมเลอะเลือนอันตรธานไป...
เพราะผู้ที่สวดมนต์เป็นภาษาบาลีสมัยนี้ไม่ได้เรียนรู้จักฐานกรณ์ - ไวยากรณ์ของภาษาบาลี
ให้เป็นอย่างดี ไม่ได้เรียนรู้ว่า พยัญชนะไหนควรออกเสียงสูง - ต่ำ - หนัก - เบา -
เสียงจากลำคอ - เสียงขึ้นจมูก เป็นต้น
เพราะฉะนั้น เรื่องการออกเสียงเมื่อสวดมนต์เป็นภาษาบาลีจึงมีผิดพลาดอย่างมาก
เมื่อการออกเสียงสำเนียงผิดพลาด ความหมายของบทบาลีนั้นๆ
ก็ย่อมผิดพลาดคลาดเคลื่อนตามไปด้วย
เช่น ถ้าเทียบกับภาษาไทยอย่างคำว่า "ไปไหนมา"
ถ้าออกเสียงผิดเพี้ยนก็จะเป็น "ไปไหนหมา"
อย่างคำว่า "ผู้มีความรู้เป็นอย่างยิ่ง" ถ้าออกเสียงผิดเพี้้ยนก็จะเป็น
"ผู้มีความรู้เป็นอย่างหญิง" ทำนองนี้เป็นต้น
ขอท่านที่ชอบสวดมนต์จงคิดดูเถิดว่า มันจะมีผลเสียมากน้อยแค่ไหน ต่อธรรมคำสอนนี้
โดยเฉพาะพวกทิพย์ที่ว่าชอบฟังการสวดมนต์และฟังได้รู้เรื่อง
เขาจะตำหนิติเตียนคนสวดมนต์ที่สวดให้ผิดเพี้ยนไปจากความหมายเดิมมากน้อยอย่างไร
และบาปจะมีกับคนที่สวดมนต์โดยไม่พิจารณาให้ดีมากหรือน้อยเพียงไร
เหตุที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการท่องบ่นสาธยายมนต์
ในคราวที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่คือ การเรียนธรรม - เรียนวินัยในสมัยนั้น
ไม่มีเครื่องบันทึกช่วยเหมือนในสมัยนี้ ต้องอาศัยสมอง - ความจำ
ของผู้เรียนที่มีความสามารถอย่างเช่น พระอานนท์ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นผู้บันทึกธรรม
แล้วจึงแจกจ่ายสอนต่อไปยังบรรดาลูกศิษย์ของท่านหรือผู้ใดก็ตามที่ต้องการเรียนธรรม
ก็มาเรียนธรรมต่อไปจากพระอานนท์นั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ความจำของมนุษย์ย่อมมีการเลอะเลือน - คลาดเคลื่อนไปบ้าง
ผู้เรียนธรรม - วินัยในคราวนั้นจึงหาวิธีแก้ไข - ป้องกันการหลงลืม
ด้วยการท่องบ่นสาธยายบทธรรม (มนต์) ที่ตนเองเรียนมา
โดยอาจจะท่องบ่นสาธยายอยู่แต่เพียงผู้เดียวก็ได้ แต่เมื่อเกิดสงสัยว่าตนเองจำได้ถูกต้องหรือเปล่า
ก็ไปสอบสวนทบทวนบทธรรม (มนต์) ของตนเองกับผู้อื่นที่เรียนธรรมในเรื่องเดียวกัน
หรือบางครั้งอาจจะท่องบ่นสาธยายกันเป็นกลุ่มๆก็มี
และทุกท่านที่ทำการท่องบ่นสาธยายนั้น ก็รู้เรื่องและเข้าใจในคำสอนเป็นอย่างดี
เพราะว่า เป็นภาษาที่ท่านเหล่านั้นเข้าใจได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
พร้อมกับปฏิบัติตามได้อย่างดีเยี่ยม มรรค - ผล - นิพพาน ซึ่งเป็นประโยชน์ที่จะพึงได้ - พึงถึง
จึงบังเกิดให้ท่านเหล่านั้นได้ชื่นชมโดยสมควรแก่ภาวะแห่งตน