ผู้เขียน หัวข้อ: นั่งกระบะหลังมีสิทธิเสี่ยงตายมากกว่า 8 เท่าของคนนั่งหน้า...  (อ่าน 1625 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ suwatchai

  • การนิ่งเงียบต่อคนโง่คนสามหาว เป็นทางยาวสู่เกียรติที่ใฝ่ฝัน ทั้งรักษาในศักดิ์ศรีเป็นเกราะกัน ไม่หุนหันฉันท์หมาวัดที่จัญไร เราจงดูราชสีห์น่าเกรงขาม ทุกผู้นามเกรงกลัวได้ไฉน ไม่เคยเห่าเคยหอนไล่ผู้ใด แล้วไซร้ใยมีเกียรติเป็นราชันต์...
  • สมาชิกที่ถูกแบน
  • **
  • กระทู้: 241
  • เพศ: ชาย
  • Death Is Beautiful & Sweet ....
    • MSN Messenger - suwatchai.com@windowslive.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุเผยสถิติรถกระบะเทกระจาดพุ่ง นั่งหลังเสี่ยงตายกว่านั่งหน้า 8 เท่า หลายประเทศออกกฎหมายห้ามนั่งท้ายกระบะกันแล้ว

นายศาตราวุธ   ผลบูรณ์   แห่งศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย   มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า สถิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 6 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่ 2545-2550 พบว่าอุบัติเหตุที่เกิดกับรถกระบะสูงเป็นลำดับที่ 3 คือ 18% รองจากรถจักรยานยนต์ 41% และรถยนต์ส่วนบุคคล 25% แม้รถกระบะจะมีสถิติอุบัติเหตุน้อยกว่ารถส่วนตัว   แต่ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตกลับมีมากกว่า   เนื่องจากผู้โดยสารกระบะหลังเป็นกลุ่มผู้ใช้รถที่ไม่ได้รับการป้องกันเหมือนผู้ใช้รถยนต์อื่นๆ  เมื่อเกิดอุบัติเหตุ  ผู้โดยสารกระบะหลังจะพุ่งเคลื่อนที่อย่างไร้ทิศทาง ไปกระแทกกับสิ่งต่างๆ ภายในรถ หรือพุ่งไปชนวัตถุข้างทางอื่น เช่น พื้นถนน ข้างทาง เสา ต้นไม้ จนเกิดความรุนแรงมากกว่าที่ควรจะเป็น

ขณะที่การศึกษาสถิติการบาดเจ็บของผู้โดยสารรถกระบะของศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทยสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย พบว่าผู้โดยสารกระบะหลังจะได้รับความรุนแรงจากการบาดเจ็บมากกว่าผู้โดยสารตอนหน้า  สอดคล้องกับการศึกษาในสหรัฐที่ยืนยันว่าความเสี่ยงที่ผู้โดยสารกระบะหลังจะเสียชีวิตมีมากกว่าผู้โดยสารตอนหน้าถึง 8 เท่า ซึ่ง 25-50% ของผู้ประสบอุบัติเหตุเกิดจากการเสียหลัก โดยที่ไม่ได้ชนกับรถคันอื่นๆ

นายศาตราวุธกล่าวว่ามีคนจำนวนน้อยที่จะรู้ว่าการบรรทุกคนหรือของบนกระบะหลังมากๆ  ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเสียหลักหรือพลิกคว่ำมากกว่าปกติ เพราะจุดศูนย์ถ่วงสูงขึ้น เมื่อประเมินปัจจัยด้านเสถียรภาพของรถแล้ว  พบว่าหากมีผู้โดยสารนั่งอยู่บนกระบะหลัง 10 คน  น้ำหนักเฉลี่ยคนละ  60  กิโลกรัม จะมีโอกาสพลิกคว่ำมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า แต่หากผู้โดยสารทั้งหมดยืนขึ้น  โอกาสพลิกคว่ำจะสูงกว่าเดิมถึง 4 เท่า จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ที่ไม่เคยชินกับการบรรทุกของหนักเป็นประจำ  หลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย กลุ่มประเทศอียู และอีก 30 รัฐในสหรัฐ จึงออกกฎหมายห้ามผู้โดยสารนั่งกระบะหลัง

อย่างไรก็ตาม นายศาสตราวุธเห็นว่า   สำหรับประเทศไทยเรื่องนี้คงเกิดขึ้นได้ยาก เพราะปัจจัยต่างๆ  ที่ทำให้การโดยสารด้วยรถกระบะ ยังมีความจำเป็นสำหรับการใช้งานที่สำคัญในบ้านเรา จึงได้แต่ฝากผู้ขับขี่ว่าต้องระลึกอยู่เสมอว่ายิ่งบรรทุกของหรือบรรทุกผู้โดยสารมากเท่าใดโอกาสที่จะเสียหลักพลิกคว่ำและเกิดอุบัติเหตุจะมีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งการลดความเร็วลงจากปกติ ไม่เปลี่ยนช่อง ไม่หักเลี้ยวกะทันหัน  จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุของรถกระบะได้ เพื่อไม่ให้อุบัติเหตุแบบเทกระจาดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในประเทศไทย.