พฤศจิกา ๒๕๔๖
กลับจากปฏิบัติธรรมที่วัดทุ่งนางามแวะพักที่วัดเพชรน้ำผึ้ง อ.ลานสัก
พร้อมกับพระภิกษุที่ร่วมในกลุ่มยุทธธรรมสัญจรจำนวน ๒๘ รูป
เพื่อรอชมฝนดาวตกและเมื่อถึงวันที่กำหนดไว้จึงได้เดินทางไปยังจุดนัดหมาย
ปักกรดกันที่อ่างเก็บน้ำทับเสลา ในเขตอุทยานห้วยขาแข้ง เขตอำเภอลานสัก
เป็นค่ำคืนที่เหน็บหนาวท่ามกลางสายลมที่พัดแรงอยู่ในที่โล่งแจ้งไร้ที่มุงที่กำบัง
และสิ่งที่มุ่งหวังก็บังเกืดขึ้นหลังเที่ยงคืนได้ผ่านไป ท่ามกลางท้องฟ้าที่แจ่มใส
ไร้ซึ่งเมฆมาบดบัง "ฝนดาวตก"ก็ได้บังเกิดขึ้นบนท้องฟ้าตกลงมามากมายไม่ขาดสาย
เป็นภาพที่งดงามในยามค่ำคืน เป็นที่ตื่นเต้นและยินดีสมกับที่ได้รอคอย
พฤศจิกา ๒๕๕๒
กลับจากกิจนิมนต์ที่ภาคใต้ ภาคกลางและภาคตะวันออก
พักผ่อนฟื้นฟูร่างกายเพื่อปรับสภาพให้เข้ากับอากาศของท้องถิ่น
หลังจากเดินทางมาตลอดไม่มีเวลาพักผ่อนเลยตั้งแต่ออกพรรษามา
ดูข่าวจากทีวีว่าเดือนนี้จะมีฝนดาวตกปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้าอีกครั้ง
จึงได้ตั้งใจรอเพื่อที่จะได้เห็นภาพที่ประทับใจเหมือนที่เคยได้เห็นมา
คืนนี้ท้องฟ้าโปร่งอากาศหนาวและลมแรงอยู่ที่ประมาณ ๑๔-๑๖ องศา
พยายามนอนตั้งแต่ประมาณ สามทุ่มกว่าๆเพื่อที่จะตื่นมาในตอนตีสาม
เพราะเขาประกาศว่าเป็นช่วงเวลาที่จะเห็นปรากฏการฝนดาวตกได้ดี
ตื่นมาตอนตีสองกว่าๆล้างหน้าล้างตาชงกาแฟแล้วออกไปที่ลานพระธาตุเจดีย์
ท่ามกลางสายลมหนาวที่พัดกระหน่ำข้ามลำน้ำโขงมา ท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีเมฆหมอก
หมู่ดาวมากมายส่งแสงประกายบนท้องฟ้า จิบกาแฟและตั้งตารอ เมื่อไหร่หนอดาวจะตกลงมา
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนใกล้จะตีห้า ฟ้าเริ่มสาง ตามสว่างเริ่มมาเยือน กาแฟหมดไปสองแก้ว
และแล้วก็ยังไม่เห็นฝนดาวตกชุดใหญ่ เพราะที่ผ่านไปนับได้ประมาณไม่เกิน ๒๐ ดวง
สายลมหนาวกับฝนดาวตก ปีนี้ไม่เหมือน ๒๕๔๖ นี้คือกฏของพระไตรลักษณ์
คือเป็นอนิจจัง สิ่งที่คาดหวังอาจจะไม่เป็นดังที่หวัง คือกฏแห่งความเป็นอนิจจัง
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้และแน่นอน.....
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-วจีพเนจร-สมณะชายขอบ
๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๗.๓๔ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย