:059:นั่งสนทนาธรรมกับท่านปุญญานุสสติ (สิบทัศน์)ตั้งแต่ทุ่มหนึ่งจนถึงห้าทุ่ม
และพรุ่งนี้เช้าจะเดินทางไปปฏิบัติธรรมเข้าปริวาสกรรมกัน เป็นเวลา สิบวันเก้าราตรี
และคงไม่มีเวลาที่จะเข้ามาในบอร์ด เพราะต้องปฏิบัติอยู่ในกรอบระเบียบกฏเกณฑ์
ที่ทางสำนักเขาวางไว้ ไปเพื่อลดมานะ ละทิฐิ และเพื่อชำระศีลของเราให้บริสุทธิ์
ตามที่พระวินัยบัญญัติไว้ในการออกจากอาบัติ ซึ่งจะต้องอาบัติก็ดี ไม่ต้องอาบัติก็ดี
และรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี แต่เพื่อความสบายใจและรักษาไว้ซึ่งกิจวัตร 10 ประการของพระสงฆ์
จึงได้ชักชวนกันไปปฏิบัติธรรม อยู่ปริวาสกรรม เพื่อทำกิจวัตรของความเป็นพระให้สมบูรณ์
รักษาไว้ซึ่งพระธรรมวินัยไม่ให้เสื่อมสูญ และเป็นแบบอย่างให้แก่พระใหม่ได้รู้และได้เห็น
ได้เข้าใจในการประพฤติปฏิบัติในกิจวัตรของความเป็นพระสงฆ์...
:059:การไปอยู่ปริวาสกรรมนั้น ทำให้เราได้มีเวลาประพฤติปฏิบัติอย่างเต็มที่เต็มเวลา
เพราะว่าต้องอยู่ในระเบียบกฏเกณฑ์ที่เขาวางไว้ งดเว้นจากการคลุกคลีต้อนรับญาติโยม
และได้ลดทิฐิมานะไปในตัวด้วย เพราะเมื่อเราอยู่ที่วัดเราเป็นพระมหาเถระ เราเป็นผู้นำ
เป็นผู้วางกฏระเบียบให้ผู้อืนปฏิบัติตาม เป็นผู้ควบคุมดูแลผู้อื่นให้ปฏิบัติตามกฏระเบียบ
แต่เมื่อมาอยู่ปริวาสกรรม เราต้องทำตามกฏระเบียบของสำนักที่เขาวางไว้ อยู่ในความดูแล
และควบคุมของพระอาจารย์กรรม ซึ่งอาจจะมีอายุพรรษาน้อยกว่าเรา และเป็นศิษย์ของเรา
เราต้องกราบไหว้แม้นท่านจะเป็นพระบวชใหม่ซึ่งเป็นพระปกติ(ไม่ได้เข้าอยู่ปริวาสกรรม)
ซึ่งจะให้เกียรติเรียกท่านว่าพระอาจารย์กรรม ซึ่งเราต้องลดมานะทิฐิ ความเป็นครูบาอารย์วางไว้
เป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย ไม่มีปากคำ แล้วแต่พระอาจารย์กรรมท่านจะใช้ให้ทำ(ตามธรรมตามวินัย)
เพราะคำว่าปริวาสกรรมนั้นแปลว่าการอยู่ชดใช้ ชดใช้ในอาบัติที่กระทำ ซึ่งเราจะต้องอาบัติก็ดี
ไม่ต้องอาบัติก็ดี แต่เมื่อเรากล่าวคำขออยู่ปริวาสกรรมแล้ว เท่ากับเรายอมรับผิดยอมรับกรรม
:059:บางท่านอาจจะไม่เข้าใจหรือเข้าใจยังไม่หมด คิดว่าพระที่มาอยู่ปริวาสกรรมนั้นคือ
พระที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสสทั้งหมด เป็นพระที่มีศีลด่างพร้อย จึงต้องมาอยู่ปริวาสกรรมชำระศีล
ซึ่งความจริงหาเป็นเช่นนั้นทั้งหมดไม่ บางรูปท่านอาจจะต้องอาบัติจริง บางรูปท่านอาจจะสงสัย
ว่าท่านต้องอาบัติหรือไม่ หรือบางรูปท่านไม่ได้ต้องอาบัติเลย แต่เพื่อความสบายใจในข้ออาบัตินั้น
ท่านจึงมาขออยู่ปริวาสกรรมเพื่อความบริสุทธิ์ของตัวท่าน และบางรูปท่านก็มาขออยู่ปริวาสกรรม
เพื่อมาลดมานะมาละทิฐิของท่าน และมาเพื่อการประพฤติปฏิบัติธรรม เพราะบางท่านเมื่ออยู่ที่วัด
หรือที่สำนัก ท่านมีภาระหน้าที่ที่ต้องสงเคราะห์อนุเคราะห์ญาติโยม หรืองานบริหารในกิจของสงฆ์
การเรียนการศึกษา มีภาระหน้าที่จนไม่มีเวลาสำหรับการปฏืบัติ ท่านจึงปลีกตัวมาขออยู่ปริวาสกรรม
เพื่อจะได้มีเวลาทบทวนใคร่ครวญและเจริญสติเจริญภาวนา....
เพื่อไม่ให้เป็นกรรมซึ่งกันและกัน กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม จึงนำมาอธิบายขยายความ
ให้ท่านทั้งหลายได้รู้และเข้าใจ ว่าปริวาสกรรมนั้นคืออะไร และทำไมพระจึงต้องไปอยู่ปริวาสกรรม
โปรดคิดพิจารณาและทำความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดอกุศลกรรม..
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิตแด่ทุกผู้คน
รวี สัจจะ-วจีพเนจร-สมณะไร้นาม
๙ ธันวาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๐.๒๖ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย