:059:เพราะว่าจะไปหลายวัน กลัวท่านจะเหงา ก็เลยต้องเล่าทิ้งไว้ ก่อนจะไปหลายวัน
......................................................................
ธุดงคสถานบ่อน้ำทิพย์เจริญธรรม ภูเก้ายอด เมืองสามหมอก
1 สิงหาคม 2545
เกิดธรรมสังเวชขึ้นในจิตขณะที่ปฏิบัติธรรม เพราะจิตพิจารณาในขันธ์ 5 เห็นทุกสิ่งทุกอย่างในขันธ์ 5
ล้วนนำมาซึ่งความทุกข์ และที่เราเคยคิดว่าสุขนั้นก็มิใช่ เพียงแต่เราได้สนองตอบกิเลสตัณหาความอยากของเรา
ซึ่งเราคิดว่านั้นคือความสุข แท้จริงมันเป็นความทุกข์ที่ซ่อนอยู่ แต่เราไม่รู้เพราะเพลินอยู่กับการสนองตอบตัณหา
เมื่อตัณหาได้รับการสนองตอบ เราจึงคิดว่ามันเป็นความสุข ซึ่งแท้จริงแล้วมันเป็นโลกียสุขที่มีทุกแอบแฝงอยู่
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนแต่สมมุติกันขึ้นมา บัญญัติกันตามชาติและภาษาจึงมีชื่อแตกต่างกันออกไป
ไม่มีอะไรจะฝืนกฏของพระไตรลักษณ์ได้เลย " อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา " ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา คือมายา
ของโลกสมมุติ ที่เราหลงไปติดอยู่ หลงเข้าไปยึดถือ จนไม่เห็นสัจจธรรมที่แท้จริง ของสรรพสิ่งที่อยู่รอบกาย
และภายในจิตภายในใจของเรา
ความบริสุทธิ์ของจิตอยู่ที่ไหน อะไรที่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ สภาวะนั้นมันเป็นอย่างไร ได้แต่ถามตัวเอง
เคยได้ยินได้ฟัง ได้อ่านได้รู้ ก็เพียงที่เขาเล่ามา หรือในตำราที่ได้อ่าน มันเป็นเพียงสัญญาคือการจำได้หมายรู้
ที่บันทึกไว้ในสมองเท่านั้น เพียงท่องได้ จำได้ พูดได้ เหมือนว่าจะเข้าใจแต่มันยังไม่ใช่ เพราะมันเป็นเพียงสัญญา
ซึ่งเป็นปริยัติ ตามตัวอักษร ที่เราตีความขยายความ
สภาวะธรรมที่แท้จริงนั้น เรายังไม่พบ ยังไม่ประสพกับตัวเอง เราจึงต้องเร่งความเพียรให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
เพื่อทำความพร้อมของกายและจิต สร้างพละให้กลายเป็นอินทรีย์ ให้มีความเหมาะสมที่จะรองรับสภาวะธรรมนั้น
อย่าอยู่กับจินตนาการและความฝัน จงทำสิ่งนั้นให้ปรากฏ ซึ่งจะเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับกรรม การกระทำของตัวเรา
...................................................................................................
:059:มองย้อนกลับไปจากวันนี้...เจ็ดปีที่ผ่านไป เราได้เห็นอะไรมากมาย เมื่อเราได้นำบันทึกเก่าๆกลับมาอ่าน
ได้เห็นถึงพัฒนาการของจิต ความรู้สึกนึกคิดที่แปรเปลี่ยนไป ซึ่งเกิดจากการสั่งสมอบรมจิตอย่างต่อเนื่องไม่ทิ้งธุระ
ไม่ละศรัทธา พิจารณาอยู่เนืองนิจ จิตจึงได้พัฒนา ความเจริญก้าวหน้านั้นต้องประกอบด้วยปัจจัยสี่ที่เรียกว่า...
" อิทธิบาท 4 อันประกอบด้วย 1.ฉันทะ ความยินดีพึงพอใจในสิ่งที่กระทำ(ทำในสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ใช่)
2.วิริยะ ความเพียรพยายามทำในสิ่งนั้น (คือสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ใช่)
3.จิตตะ ไม่ละความเพียรพยายามทำอยู่สม่ำเสมอไป(ในสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ใช่)
4.วิมังสา พิจารณา ใคร่ครวญ ทบทวนในสิ่งที่ทำ ว่ามันเป็นเช่นไร (ในสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ใช่)
แล้วเราจะเห็นความแปรเปลี่ยนไปทั้งในความเสื่อมและความเจริญ ด้วยองค์แห่งอิทธิบาท 4 ซึ่งถ้ามีความพอดีก็จะนำไปสู่ความเจริญ
แต่ถ้าตัวใดขาดหรือตัวใดเกิน จนเกิดความไม่พอดี ก็จะไม่มีการพัฒนาก้าวหน้าเจริญขึ้นได้ และเมื่อไหร่ที่ความเจริญในธรรมไม่ก้าวหน้า
ให้กลับมาพิจารณาที่" อิทธิบาท 4 " เพราะคำนี้แปลว่าทางสู่ความสำเร็จ....
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
รวี สัจจะ-วจีพเนจร-สมณะชายขอบ
๙ ธันวาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๑.๓๐ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย