เสือหลวงพ่อปาน วัดมงคลสุทธาวาส (บางเหี้ย) สุดยอดเครื่องรางแห่งสยามประเทศ
ยุคสมัยของหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย นั้น อยู่ในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2411-2453 เป็นช่วงที่ท่านออกธุดงค์ เป็นอาจารย์สอนวิปัสสนา รวมถึงเป็นเจ้าอาวาสวัดบางเหี้ยด้วยครับ ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็น "พระครูพิพัฒนนิสิรธกิจ" จวบจนกระทั่งเข้าสู่วัยชรา และถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2453 (รวมสิริอายุประมาณ 75 - 80 ปี)
หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ยนั้นท่านเป็นคณาจารย์ ยุคเก่าสมัยโบราณ ถ้าผมจำไม่ผิดหลวงปู่สี วัดเข้าถ้ำบุญนาค เคยกล่าวถึงท่านไปเมื่อตอน มีคนถามท่านว่ารู้จักหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคไหม? ท่านตอบว่ารู้จักแต่หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย และกล่าวว่า "หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย นั่งเรือไม่ต้องแจวเรือ เรือแล่นได้เอง" หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย นั้นท่านมีชื่อเสียง ในเรื่องการสร้างตะกรุด ผ้ายันต์ต่างๆ รวมทั้งเครื่องรางประเภทอื่นๆมากหลายอย่าง ซึ่งปัจจุบันหาชมได้ยากมาก ใครมีต่างหวงแหนกันทุกคน การหาของแท้ๆ และทันยุคนั้น หาได้ยากเต็มทีครับ เพราะเครื่องรางที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ก็ขาดการจดบันทึกไว้ ทำให้มีผู้รู้จริงยาก และเครื่องรางของท่าน บางครั้งผู้ที่ได้ไว้ในครอบครองก็ไม่ทราบว่าเป้นของคณาจารย์ท่านใด บางครั้งจะเป็นของหลวงพ่อนก วัดสังกะสี ลูกศิษย์ ซึ่งขลังเหมือนกัน คนถูกยิงตกเรือไม่เข้ามาแล้วเหมือนกันครับ
ดังนั้น เครื่องรางที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของสำนักนี้ และถือเป็นสุดยอดเครื่องรางที่มีค่าบูชาสูงในอันดับต้นๆในบรรดาเครื่องรางของขลัง ของพระเกจิอาจารย์ในยุคอดีต และปัจจุบัน นั่นคือ รูปเสือลอยองค์ ที่แกะมาจากเขี้ยวเสือจริงๆ ทั้งเต็มเขี้ยวบ้าง ครึ่งเขี้ยวบ้าง มีขนาดเล็ก ใหญ่ต่างๆกัน ตามแต่ลักษณะของเขี้ยวเสือที่ได้ชาวบ้านได้มา ฝีมือการแกะเป็นลักษณะของช่างฝีมือท้องถิ่นแท้ๆ แกะให้ท่านปลุกเสกเรื่อยๆ แลดูเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความขลัง และดูน่าครั่นคร้าม แลดูมีตบะมหาอำนาจสูงมาก ไม่เชื่อถ้าท่านมีลองนำมามองจ้องเสือดูซิครับ แลดูน่าเลื่อมใส ศรัทธามากครับ
มีเรื่องเล่ากันว่า การปลุกเสกเสือของหลวงพ่อปานนั้น ท่านจะต้องมีการเรียกธาตุ 4 คือ ?นะ มะ พะ ทะ? เรียก รูป เรียกนาม ปลุกเสกจนกระทั่ง เสือนั้นเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิตจริงๆทีเดียวเชียว กำหนดอุคหนิมิต ให้เครื่องรางรูปเสือนั้นมีชีวิต โดยปลุกด้วยคาถาเฉพาะ หนึ่งในบทพระคาถาที่เคยได้รับทราบมา คือ คาถาพยัคคัง ฯ เล่ากันว่า เมื่อท่านปลุกเสกเสร็จขณะนั่งเรือไปท่านจะนำเสือนั้นเทลงคลอง จากนั้นท่านจะนำชิ้นหมูมาล่อข้างเรือ และบริกรรมคาถา สักพักเสือจะโดดขึ้นมาติดชิ้นเนื้อหมูโดยทันที เป็นอันว่าเรียบร้อยครับ แจกลูกศิษย์ลูกหาได้
ขอนำเข้าเรื่องของการพิจารณาเสือ ของหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย แบบหลักสากลนิยม กันน่ะครับ...
เสือหลวงพ่อปานแบบมาตรฐานนิยมนั้น ต้องอยู่ในลักษณะ เสือนั่งชันขาหน้า หางม้วนรอบฐาน หรือม้วนพาดขึ้นหลัง มีทั้งเสือนั่งหุบปาก และเสืออ้าปาก นิ้วเท้าแต่ละเท้าโดยมากมี 4 นิ้ว แต่มีบางตัวมีแค่ 3 นิ้วก็มี หลักการดูเสือหลวงพ่อปาน นี้ท่องกันมาเป้นคำกลอนว่า
"เสือหน้าแมว หูหนู ตาลูกเต๋า ยันต์กอหญ้า"
เมื่อดูพิมพ์เข้าเค้าแล้ว ต่อไปต้องพิจารณา ความเก่าของเนื้อเขี้ยวกันต่อไปละครับทีนี้ ต้องเก่าจัด และมีเนื้อฉ่ำ การพิจารณา
1. เสือหลวงพ่อปาน ต้องแกะจากเขี้ยวเสือเท่านั้น จะไม่แกะจากกระดูก หรือวัสดุอื่นใด เขี้ยวจะต้องมีเนื้อทึบ จะไม่ใส (ถ้าใสจะเป็นวัสดุประเภทเรซิ่น ที่ทำเลียนแบบขึ้นมา ควรระวังให้มาก กันโดนต้มครับ)
2. เขี้ยวเสือ ที่นำมาแกะมีทั้งแบบเต็มเขี้ยวทั้งอัน และเขี้ยวครึ่งซีก (เรียก เขี้ยวซีก) เขี้ยวเต็มอันจะมี "รูกลม" ตรงกลางผ่านตลอดจากด้านบนสู่ด้านล่าง และต้องมีรอยแตกอ้าทุกเขี้ยว ส่วนเขี้ยวครึ่งซีกจะไม่มีรอยแตกอ้า เขี้ยวด้านหนึ่งต้องมีสีอ่อน อีกด้านจะมีสีแก่ ด้านที่มีสีอ่อน นั้นคือ ด้านแกนในของเขี้ยวนั่นเอง ส่วนด้านที่มีสีแก่ คือด้านนอกของเขี้ยว "เขี้ยวจะมีสีเดียวกันทั้งตัวไม่ได้" ห้ามลืมครับ
3. ความเก่า ต้องพิจารณาจากความแห้งเก่า และความฉ่ำของเนื้อเขี้ยว เขี้ยวต้องมีความฉ่ำ กรณีเสือสภาพเดิม ผ่านการใช้บูชามาไม่มาก ผิวจะแห้งเก่า ผิวไม่ตึงเรียบนัก แต่เสือที่พบส่วนใหญ่จะผ่านการใช้ สัมผัสเหงื่อ น้ำมัน คราบไคลต่างๆของร่างกายคน สิ่งเหล่านี้จะซึมเข้าไปสู่เนื้อเสือส่งผลให้เนื้อเขี้ยว แลดู "ฉ่ำ" มาก ฉ่ำใสมีสี เหลืองอมขาวขุ่น ลักษณะเหมือนเช่นเทียนไข โดยเนื้อเขี้ยวควรมีสี "อ่อน-แก่" แลดูเป็นธรรมชาติ มีลายเนื้อในคล้ายๆลายสัปปะรดมีรอย "แตกลาน" เล็กๆ หน่อยๆเป็นกลุ่มๆ ซึ่งเกิดจากการที่เนื้อเซ็ทตัวแห้งลงตามธรรมชาติ จึงดึงให้เนื้อเขี้ยวหดตัวด้วย และให้ระวังเขี้ยวเสือที่ทำจากเรซิ่นด้วยครับ
4. รอยลงเหล็กจาร ก็เป็นจุดสำคัญในการพิจารณา ลักษณะการจารจะเป็นแบบหวัดๆ เส้นคมลึกไม่เท่ากัน จารเป้นขีดๆคล้ายๆลายเสือ จารอักขระยันต์คล้ายๆเลขเจ็ดไทย และเลขสามไทย ลายมือลงจารจะเอียงๆ แหลมๆ จะลงจารบริเวณลำตัว สะโพก และขาหน้า ถ้าน้ำหนักการลงเหล็กจารเท่าๆกันลงแบบไม่แน่ใจในการเขียน ลายเส้นไม่หนักเบา แต่ลึกเท่ากันทุกเส้นอันนี้ควรตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยครับ
5. ใต้ฐาน จารยันต์กอหญ้า ลักษณะเป็นยันต์กลมๆ รีวนไปวนมา ซ้อนกันหลายวง และเป็น ฤ ฤา หรือ ตัวอุ ร่วมกันด้วยก็มีครับ
พุทธคุณ เสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย นั้นมีพุทธคุณครบเครื่องทั้งเมตตา แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี แต่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นทางด้านคงกระพันชาตรีครับ
เขี้ยวเสือหลวงพ่อปานนี้เป็นที่แสวงหาของคนทั่วไปมากครับ ของเลียนแบบมีมาก ห้ามโลภเด็ดขาด....
ที่มา
http://board.palungjit.com/showthread.php?t=138567ขอบคุณ อ.นิลศิลป์ สำหรับข้อมูลครับ