หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล > สนทนาภาษาผู้ประพฤติ
จิตเปลี่ยน...กายเปลี่ยน...
(1/1)
รวี สัจจะ...:
:059:จิตเปลี่ยน...กายเปลี่ยน...จิตเป็นนาย...กายเป็นบ่าว...กายเดียว...จิตเดียว :059:
จิตกับกายมีความสัมพันธ์กัน เมื่อจิตเข้าสู่สมาธิก็จะเกิดการปรับธาตุในกาย ให้สอดคล้องต้องกัน ความสัมพันธ์ของธาตุทั้ง๖ ก็จะเกิดความพอดี(ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาศธาตุ วิญญานธาตุ) เพื่อรองรับสภาวะธรรมที่จะเกิดขึ้น การคิด การทำงานก็มีสติรอบคอบละเอียดขึ้น การเดิน การพูดก็สำรวมมากขึ้น"สติและสัมปชัญญะ หิริและโอตัปปะมีกำลังเพิ่มขึ้น"ทำให้มีความสำรวมมากขึ้น
การปฏิบัติธรรมทั้งหลายมีกุศโลบายเฉพาะตน อาจจะมีความแตกต่างกันในการทำจิตให้รวม(เป็นสมาธิ) แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดก็ตาม
ต้องอยู่ในหลักของพระพุทธศาสนา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา มีองค์แห่งคุณธรรมคือ หิริและโอตัปปะ คุ้มครองอยู่ ถ้าขาดหลักของพระพุทธศาสนาแล้ว สมาธินั้นจะเป็น"สมาธินอกระบบ"ของพระพุทธศาสนา แต่ก็สามารถนำมาเป็นพื้นฐานได้ ถ้าหากเรามีกุศลจิต ปรับความคิด ปรับจิต
ให้เข้ากับหลักของพระพุทธศาสนา ก็จะกลับมาเป็น"สัมมาสมาธิ"ได้
อันตรายของการฝึกจิตเชิงพลังงานก็คือตัวอัตตาและมานะพร้อมทั้งอุปาทาน ถ้าขาดศีลวินัยและหิริโอตัปปะแล้วจะทำให้หลงอารมณ์
หลงตัวเอง ใช้จิตในทางที่ผิดได้ กลายเป็น"มิจฉาทิฏฐิ" เพราะขาดองค์แห่งคุณธรรม การสั่งสมสร้างบารมีนั้นมีอยู่ ๓๐ ประการ และต้องอยู่บนพื้นฐานของพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มีหิริ โอตัปปะ สติและสัมปชัญญะ คุ้มครองจิตอยู่
ในส่วนลึกใต้จิตสำนึกของคนทุกคนแล้ว ปรารถนาอยากจะเป็นคนดี อยากจะทำความดี แต่บางทีสังคมไม่ให้โอกาศเขา "มนุษย์ทุกคนมีส่วนดีในจิตใจ" มองหาความดีของเขาแล้วกล่าวสรรเสริญ ให้เขาเพลินในความดี "แสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง"ความไม่ดีของเขาเราอย่าเอามาคิด ให้จิตของเราเศร้าหมอง จงมองไปที่ความดีของเขา แล้วเราช่วยกันส่งเสริมเพิ่มความดีให้แก่เขา"เติมน้ำดี เพื่อไล่น้ำเสีย"ทำไปทีละนิด เพื่อให้เขาได้ปรับกาย ปรับจิตได้ทัน เมื่อเราไม่ตำนิในจุดด้อยของเขา เราก็จะได้ความเป็นมิตร มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน
:059:เชื่อมั่นและศรัทธาในความคิดปรารถนาดีของท่านทั้งหลาย :059:
รวี สัจจะ
วจีพเนจร-คนรอนแรม
๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๕.๕๐ น. ณ ชายป่าห้วยขาแข้ง อุทัยธานี
۞เณรน้อยเส้าหลิน۞:
"ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน สำเร็จได้ด้วยใจ"
"เห็น จำ คิด รู้ รวมหยุดอยู่จุดเดียวกัน"
สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
cho presley:
คัดมาหน่อยนึงนะคะ... พี่รวี.. :009:
"มนุษย์ทุกคนมีส่วนดีในจิตใจ" มองหาความดีของเขาแล้วกล่าวสรรเสริญ ให้เขาเพลินในความดี
เห็นคนทำดี... อย่านิ่งเฉย.. ควรชื่นชมเขาในที่แจ้ง ด้วยความจริงใจ..
อ้อ... ที่สำคัญ.. เวลาตำหนิ ต้องทำในที่ลับนะคะ
"แสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง"ความไม่ดีของเขาเราอย่าเอามาคิด ให้จิตของเราเศร้าหมอง
พัฒนาจุดแข็งของตัวเอง... อย่าพยายามใช้เวลาไปพัฒนาจุดอ่อน ซึ่งยากและไม่จำเป็น...
"เติมน้ำดี เพื่อไล่น้ำเสีย" ทำไปทีละนิด เพื่อให้เขาได้ปรับกาย ปรับจิตได้ทัน เมื่อเราไม่ตำนิในจุดด้อยของเขา
อย่างที่บอกหากเขาทำดี ชมเขาให้ดังๆ
ส่วนจุดอ่อน หรือจุดด้อย..หากรักเขาให้ฟีดแบคแล้วให้เขาปรับปรุง.. คนที่รู้ว่าตัวเองไม่ดีตรงไหน แล้วยอมรับมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
หากจะตำหนิก็ต่องทำให้ก่อเกิด และกระทำในที่ลับเฉพาะ
'เราก็จะได้ความเป็นมิตร มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน
สุดท้าย... คนเราเดี่ยวก็ตาย... สร้างความรู้สึกที่ดีต่อกัน โลกสดใสจริงๆเลย Good Morning ka..
ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์):
ขอบคุณมากครับ เพื่อสันติภาพที่พึงว่าจะบังเกิดครับ สาธุครับผม :054:
nok2009:
ขอบคุณครับได้ความรู้เพิ่มเติมอีกแล้วครับ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
Go to full version