มาเล่าให้ฟังเฉยๆค่ะ ไปคนเดียวไม่เคยไปแถวนั้นเลยแต่ด้วยความศรัทธาและอยากสักมากๆก็เลยนั่งรถเมล์ไปพร้อมแผนที่และก็ถามทางคนแถวๆนั้นเอา
ไปมาเมื่อวันพุธนี่เอง ไปถึงประมาณ9โมงกว่าๆ ก็ไปนั่งรอ อิอิ คนไม่เยอะมากคนที่วัดบอกว่าหลวงพี่นันกับหลวงพี่ติ่งไม่อยู่..คิดในใจ..ตายแล้วชั้นมาเสียเที่ยวแน่ๆเลย จะทำไงดีล่ะเนี่ยลางานมาครึ่งวันด้วย(แล้วก็ลาอีกไม่ได้แล้ว)ก็เลยขึ้นไปนั่งรอบนศาลาที่มีแต่ผู้ชายพอเดินขึ้นไปทุกคนพร้อมพระอาจารย์ที่กำลังสักอยู่หันมามองตาเดียวกันหมด(ก็แหงดิ ผู้หญิงคนเดียวนิ) ก็เลยนั่งมองคนนั้นคนนี้เงียบๆว่าจะเมื่อไหร่จาถึงคิวเรา นั่งไปเกือบ10นาที ก็มีผู้หญิงเดินมา2คน อ๊ะใจชื้นขึ้นมามีเพื่อนแล้วเราหุหุ ก็เลยชวนคุยซะเลย ไปๆมาๆกลายเป็นว่าศาลานี้เค้าสักแต่ผู้ชาย
ก็เลยรีบเดินลงมาพร้อมกัน 3คน ไปถามคนแถวนั้นก็ได้ความว่า ต้องไปอีกที่นึงเด็กที่วัดก็เลยพาไปทีนี้ก็โล่งอกซะทีหุหุ ชั้นไม่ได้มาเสียเที่ยวแล้ว เพราะมีผู้หญิงกำลังสักอยู่2-3คนกับพระอาจารย์แป๊วก็ถือพานครูไปนั่งรอคิว..ผ่านไป30นาทีถึงทีเราซะทีก็เลยขอเป็น5แถว พระอาจารย์ก็ไม่ว่าอะไร ก็หันหลังแล้วก็มีพี่ผู้ชายอีก3คนมาช่วยจับ ใจก็เต็นตุ๊บๆว่าจะเจ็บไหมหนอ..พอโดนเข็ม..จิ้มแรกโอวน้ำตาซึม
พอผ่านไปไม่ถึง10วิก็เริ่มชินกับความเจ็บจนรู้สึกเฉยๆ..(สรุปว่าพอทนไหว)..ไม่ถึง10นาทีก็เป็นอันเสร็จสิ้นและก็กราบลาพระอาจารย์ค่ะ..เดินทางออกมานั่งรอรถที่ศาลาค่ะเจอผู้หญิงที่คุยกันตอนรอสักเค้าชวนกลับไปทางเดียวกันก็ขึ้นรถมอไซด์ไปกะเค้าเลย55+ คนไทยใจดีจริงๆ..ถึงที่หมายก็มานั่งรอรถต่อกลับมหาชัย......พอสักเสร็จแล้ว มันเหมือนสุขใจยังไงไม่รู้บอกไม่ถูกค่ะ แบบว่าเราอยากสักมานาน เหมือน มันสมใจเราแล้วและก็ต้องดูแลรักษาให้ดี(ทั้งข้อห้ามด้วย) ..
เดี๋ยวหายแล้วจะมารีวิวให้ดูนะคะขนาดแผลยังไม่หายยังสวยเลยค่ะ
มาเล่าสู่กันฟังเฉยๆค่ะ สุขใจจังเลย