สักยันต์
การสักยันต์ คือการที่ใช้เข็มสักสมัยเก่านั้นใช้เข็มเดี่ยว การสักยันต์ มีสองแบบคือ
๑. สักยันต์ แบบน้ำมัน
๒. สักยันต์ แบบหมึก
การ สักยันต์ แบบน้ำมัน ในสมัยก่อนมีการใช้ ว่านเป็นหลักว่านที่จะใช้ก็มีการแบ่งออกเป็นสองประเภท
ก. สักยันต์ ว่านประเภทคงกระพัน ใช้ว่านทางด้านคงกระพันเป็นหลัก ซึ่งในสมัยโบราณ์ ได้มีการใช้ว่าทางด้าน
อยู่ยงคงกระพันมาเป็นเวลานานแล้ว เห็นได้ชัดในสมัยกรุงศรีอยุธยา ศึกบางระจัน หรือในยุกของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านก็
ได้ใช้ว่านทางด้านคงกระพันเป็นหลักเป็นยุคสมัยนั้น มีการรบทับจับศึกอยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องของชายชาตรี สมัยนั้นที่ต้องมีของดีไว้ป้องกันตัว
ป้องกันบ้านเมือง ว่านที่ใช่ทางด้านคงกระพันคือ ว่านหนุมาน ว่านสบู่เลือดตัวผู้ ตัวเมีย ว่านนิลพัด ว่านพระเจ้าห้าพระองค์ ฯลฯ
ว่านทางด้านคงกระพัน ที่ใช้แล้วแต่ละอาจารย์นำผสมผสานให้เกิดพุทธานุภาพตามใจปราดถนา แล้วนำมาผลมกับ น้ำ
มันงา เขี้ยว เท่านั้นเองตามคุณสมบัติของว่านทางด้านคงกระพัน
ข้อห้ามทางด้านคงกระพันมีมากมาย ในปัจจุบันนี้เป็นที่ถือกันได้ยากเลยไม่มีผลกับผู้ที่ สักยันต์ ประเภทว่านคงกระพัน
เท่าใดนัก
ข. สักยันต์ ว่านทางด้านเมตตา ใช้ว่านทางด้านเมตตาเป็นหลัก เช่น ว่านางกวัก นางโลม ว่างจังงัง ว่าน
เสนห์จันท์ขาว ว่างช้างผสมโขลง ซึ่งนำมาบดละเอียดแล้วเคี่ยวกับน้ำมันงา เพื่อให้เข้าที่กันแล้วจึงนำมาปลุกเสกตามพิธีกรรมทางด้านเมตตา
โดยหลักจะไม่ใส่ ว่านประเภทคงกระพัน หรือหนังเหนียวเข้าไปด้วย เพราะทำให้คุณภาพเสียหายเกิดขึ้น ( แต่มีบางอาจารยใส่อยู่ )
การสักยันต์ แบบหมึก โดยมากจะใช้แบบพิมพ์ หรือบางครั้งผู้มีความชำนานจะสักขึ้นมาเองโดยไม่ใช้แบบพิมพ์เลยก็มี
ส่วนผสมก็มีหมึกจีน เป็นหลัก แต่เดียวนี้มีการแปลงออกไปโดยใช้หมึกสี เช่น แดง เขียว น้ำเงิน ซึ่งเป็นหมึกทางด้านพวกสักเล่นมากกว่า ที่จะ
ลงอาคม
การลงหมึกนั้นส่วนใหญ่เป็นภาพหนุมาน เสือ หมู และยันต์ต่างๆๆ เพื่อไว้ให้เกิดอำนาจ บางรายไว้ป้องกันตัว แต่ในการ
ลงภาพหมึกหนึ่งน้ำมันต้องเรียกสูตร หรือเรียกคาถาตลอดระยะเวลาการสักไม่ใช่ สักยันต์ ไปคุยไป ผลที่ได้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากภาพที่
สวยเท่านั้น
แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าการสักยันต์ การลงยันต์ ผู้ที่เข้ารับการสักยันต์ต้องรู้ว่าตนเอง อยากสักเพื่ออะไร มิใช่สักตามคำ
ลำลือ หรือสักเพราะเชื่อคำโฆษณา เพราะว่าดวงบางดวงสักยันต์บางประเภทไม่ได้ เช่น
อยากสักยันต์เมตตา แต่มียันตหนุมาร อยู่ ยันต์หนุมาร เป็นยันต์ทางด้านคงกระพัน ออกทางด้านสายรบ สายต่อสู้ แล้ว
จะเมตตาได้ไง ดังคำโบราณ์เข้าเรียกว่า
บารมีไม่ถึง แต่อยากได้ เอามาแล้วไม่เจริญ เอาไม่ทำอะไรละ
หลักการสักยันต์
หลักการสักยันต์
การสักยันต์ ปัจจุบันนี้มีการสำนักสักยันต์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แถมบางสำนักยังมีการใช้สื่อโฆษณาเพื่อให้ประชน
หรือคนที่อยากศึกษาวิชาอาคมตามบรรมครูทั้งหลายได้มีการบรรหยัดเอาไว้ ไม่ได้ผลเท่าที่ควร แถมยังเสียเงินเสียทองเป็นจำนวนมากอีกด้วย
กลับกลายเป็นการทำให้วิชาการที่มีมาแต่โบราณกาลเสื่อมเสียไปเป็นอย่างมาก และไม่เห็นแก่บาปกรรมที่ได้กระทำ ทั้งยังอวจอ้างสรรพคุณต้าง
ๆที่ตนเองสักยันต์อีกด้วย
อาจารย์เขียว ยังมีการยึดถือรูปแบบเดิม แต่ก่อนที่จะมีการสักยันต์ อาจารยเขียว ได้คนพบตำราโบราณ์ ของครูผู้เฒ่า ได้บรร
ทึกเอาไว้ว่า ก่อนมีการดำเนินการสักยันต์ ให้ดำเนินการทำน้ำมนต์ก่อนทำการสักยันต์ เสียก่อนเพื่อให้ได้ผล
การทำน้ำมนต์ของ อาจารย์เขียว ได้พิจารณาตามหลักแห่งความเป็นจริงว่า ถ้าคนเราไม่ทำความสะอาดร่างกายก่อนการที่จะ
ลงของหรือการสักยันต์ ผลที่ได้รับจะไม่ได้เลย เปรียบเสมือนกับ แจกัน ถ้าเก็บไว้นานแรมปี ไม่มีการขัด เราจะเอาทองลงไปได้ไงละ หรือถ้า
เรามีรถยนต์ ไม่เคยล้างรถ แต่จะขัดเงารถยนต์ของตนเอง รถนั้นจะเงาหรือไม่ละ ด้วยเหตุผลที่กล่าว อาจารย์เขียว ได้ทำน้ำมนต์ด้วยบทมนต์
พิธีการแก้อาถรรพ ถอดถอนอวมงคล แก้อุบาท์ทั้งปวง แก้ต้องธรณีศาล หรือชายใดหรือหญิงใดที่มีใฝ่ปานในที่ลับก็ตาม
โดยผู้ที่จะมาดำเนิการสักยันต์ต้องนำสิ่งของเหล่านี้มาเอง
1. ใบศรีปากชาม 1 คู่
2. มะพร้าว 1 กล้วยน้ำไท 1
3. ผลไม้ 9 อย่าง
4. เทียนทำน้ำมนต์ 9 เล่ม
5. ดอกไม้ธูปเทียน
6. ค่าครู 99 บาท
ได้รับน้ำมนต์ไปแล้วให้อาบเป็นเวลา 3 วัน ให้อาบกลางแจ้ง ตอนเที่ยงวัน
เมื่อได้อาบน้ำมนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว อาจารย์เขียวจึงจะดำเนินการสักยันต์ หรือลงของมงคลให้กับผู้ที่ต้องการสักยันต์ได้
ข้อห้ามของผู้ที่สักยันต์
ข้อห้ามของผู้สักยันต์นั้น โดยหลักนั้นก็เหมือนกับทั่วไป แต่อาจารยืเขียวได้แยกออกเป็นสองสายคือ ข้อห้ามทางสายคง
กระพัน หนึ่ง ข้อห้ามสายทางเมตตา อีกหนึ่ง
ข้อห้ามทางสายคงกระพัน
1. ห้ามกินฟัก
2. ห้ามกินแฟง
3. ห้ามกินปลาไหล
4. ห้ามลอดสะพานหัวเดียว
5. ห้ามลอกปลีกล้วย
6. ห้ามผิดลูกผิดเมียเขา
7. ห้ามด่าพ่อแม่
ข้อห้ามทางสายเมตตา
1. ห้ามด่าบิดามารดา
2. ห้ามผิดลูกเมียเขา
แต่ในยุคสมัยนี้ การที่ผู้ที่สนใจการสักยันต์ และ เป็นผู้ที่เล่นวิชาทางด้านคงกระพันจริง ๆ แล้วจะถือตามข้างต้น คงเป็นไปไม่ได้
เพราะขนาดในกรุงเทพยังมีสะพานลอยมากมายเลย หรือ แฟลต อาพาทเม้นต์ คอนโด ก็เดินเข้าไม่ได้แล้ว และอีกอย่าง ในปัจจุบันนี้ ไม่มี
การรบทัพ จับศึก อีกแล้วมีแต่ทางด้านเมตตา ค้าขาย ให้เจ้านายชอบ ค้าขายเจริญรุ่งเรื่อง จึงได้มี
การสักยันต์ ทางด้านเมตตา สักยันต์ค้าขาย สักยันต์เสริมดวง สักยันต์หนุนดวงว่ากันไปตามแต่ละสำนัก ที่เขาโฆษณากัน
แต่ก่อนที่ทำอะไร ถ้าไม่เอาดวงตนเองมาประกอบ หรือตามหลักวิชาที่ถูกต้อง ลงไปแล้วหรือสักยันต์ไปแล้ว
แทนที่จะดวงดี กลับดวงตกไปได้นะ เรียกว่าไม่รู้ถามผู้รู้ดีกว่า แต่บางอาจารย์ดูดวงไม่เป็นก็ต้องระวังไว้เอาด้วยนะ
หลักพิจารณาการสักยันต์ว่าควรลงอะไรดี
หลักการพิจารณาการสักยันต์
๑. สักยันต์เพื่ออะไร
๒. อาจารย์ผู้สักยันต์
๑. สักยันต์ เพื่ออะไร การสักยันต์ ในปัจจุบันนี้ เริ่มเป็นที่นิยมของบุคคลในชั้นวงการต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะดารา หรือการโป
รโมททางสื่อต่าง ๆ ทำให้ประชาชนนิยม การสักยันต์ เป็นจำนวนมากขึ้น ไม่ว่าวัยรุ่น หรือ วัยทำงาน บางคนไปสักกราฟิกไปเลยก็มี แต่ในที่นี้
อาจารย์เขียว จะกล่าวในเรื่องของการสักยันต์ที่น่าจะลงหรือที่ผู้สนใจการสักยันต์ เพื่อเสริมบารมีให้ตนเองมีชีวิต ในหน้าที่การงาน หรือครอบ
ครัว เจริญรุ่งเรื่อง เป็นที่เมตตาต่อบุคคลทั้งหลาย โดยขอให้ยึดหลักดังนี้
ก. วัตถุประสงค์ของตนเองในการสักยันต์ ถ้าต้องการภาพสวยก็ต้องดูที่อาจารย์ไหน สักยันต์ได้สวยมิใช่แบบไข่ปลา และ
ราคาต้องไม่เกี่ยง ถ้าต้องการสักภาพทางด้านอาคม ให้แยกออกไปอีกว่าจะลงทางด้านใด ทางคงกระพัน ควรพิจารณาว่าในยุคนี้เหมาะกับ
เราแล้วหรือยัง มีการรบทัพจับศึกหรือไม่ แต่ถ้าอยากลงก็ไม่เป็นไรนะ ส่วนทางด้านเมตตาก็พิจารณาว่าเราจะลงเพื่อใช้ทางด้านใดในหน้าที่การ
งาน
2. อาจารย์ผู้สักยันต์ ในยุคนี้นับตั้งแต่หลวงพ่อเปิ่น มรณะภาพไปแล้ว หลวงพ่อแล ท่านก็มิได้สักยันต์อีก นับแต่มีอาจารย์คา
รวาอ แถวปทุมท่านหนึ่งที่ได้มีชื่อเสียงเพราะการาต่างประเทศมาสักยันต์ พร้อมทั้งดาราไทยมาสักยันต์
ดาราต่างประเทศมาสักยันต์กับอาจารย์ท่านนี้เพราะอะไร ถ้าพิจารณา เพราะชาวต่างชาติ ชอบศิลปไทย การสักของท่าน
อาจารย์นี้ สักลายเส้นสวยเหมือนการเขียน จึงมาสัก ทางด้านพุทธคุณเข้ารู้หรือไม่ไม่มีใครทราบ
ส่วนดาราไทยสักกันนั้นเพราะแห่ตามกันมามีผลทางด้านไหน ให้ถามแต่ละคนเอาเอง อาจารย์ไม่ขอตอบ
อาจารย์ที่สักยันต์นั้นได้สักยันต์ตรงตามตำราของอาจารย์สมัยโบราณ์ จริงหรือไม่ มีที่มาที่ไปหรือไม่ บางท่านอ้างว่าเรียน
จากหลวงพ่อต่างๆๆ ก็มีเช่นอ้างเรียนจากหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ หลวงพ่อก่วย ก็มี แต่แท้ที่จริงเรียนหรือไม่ต้องดูอายุ ของอาจารย์ และการ
เดินทางของท่านเป็นหลักด้วย
บางอาจารย์ชอบโจมตีสำนักอื่นว่าสักไม่ถูก สักผิด แล้วไปแก้ไขยันต์ที่อาจารย์เขาสัก โบราณ์กาลเขาว่าผิดนัก เพราะการแก้
ไขยันต์ หรือมีการสักทับยันต์เข้าเรียกว่าวิบัติ ทำให้ผู้ที่ถูกแก้ไขวิบัติเกิดขึ้นในครอบครัว
ฉะนั้นผู้ที่สนใจการสักยันต์ต้องพิจารณาให้ดีๆๆนะครับ
นำมาจาก เวป http://www.checkduang.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=151986