กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 13 ก.ย. 2554, 07:17:17

หัวข้อ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๒ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 13 ก.ย. 2554, 07:17:17
คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๒ กย. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
อังคารที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔
             วันเวลาที่ผ่านไปในวันหนึ่งคืนหนึ่งนั้น ขณะที่รู้สึกตัวตื่นอยู่
พยายามน้อมจิตเข้าหาธรรมตลอดเวลา โดยการเจริญสติสัมปชัญญะ
ฝึกการระลึกรู้และการรู้ตัวทั่วพร้อม น้อมจิตเข้ามาพิจารณาร่างกาย
ของตนเอง เอาจิตระลึกรู้อยู่ในกาย พยายามไม่ส่งจิตออกนอกกาย
รักษาไว้ซึ่งจิตที่เป็นกุศล คือพยายามระลึกนึกถึงสิ่งที่ดีมีประโยชน์
ไม่เป็นภัยเป็นโทษต่อกุศลธรรมทั้งหลาย วางจิตนั้นให้เป็นสัมมาสติ
ดำริในสิ่งที่ชอบอันประกอบด้วยกุศล เริ่มต้นด้วยความเป็นสัมมาทิฏฐิ
คือการรู้จักแยกแยะในสิ่งที่ควรและสิ่งที่ไม่ควร ความเป็นกุศลและอกุศล
ออกจากกัน รู้เท่าทันในความรู้สึกนึกคิด จิตที่กำลังเป็นอยู่ ระลึกรู้ด้วย
สติและสัมปชัญญะที่เป็นสัมมา.....     
             การฝึกจิตนั้น สิ่งที่เน้นย้ำคือการวางจิตให้เป็นสัมมาสติ
ก่อนเข้าสู่การปฏิบัติเจริญภาวนาเพราะว่าทุกอย่างต้องเริ่มต้นด้วย
ความเป็นสัมมาตามหลักของมรรคองค์ ๘ คือการคิดดี เจตนาดี
เพื่อจะทำดี ทำให้ถูกวิธี ผลก็จะออกมาดี มีผู้ถามมาเรื่องการปลุกจิต
ให้ตื่นว่าทำอย่างไร  การที่จิตจะตื่นนั้นต้องมีกำลังของศรัทธาเต็มที่
มีความปิติยินดีในบุญกุศล เมื่อปิติเกิดขึ้นจิตก็จะตื่นและเบิกบานอยู่ในธรรม
เราต้องสร้างปิติภายนอก เพื่อจะเข้าสู่ปิติภายใน การสร้างปิติภายนอกนั้น
ทำได้โดยการนึกถึงความดีที่ตนได้เคยกระทำ เพราะเมื่อเราคิดถึงบุญกุศล
ที่เราได้เคยกระทำมาแล้วนั้น ใจของเราก็จะเป็นสุข มีความเอิบอิ่มและภาคภูมิใจ
ในความดีที่ตนนั้นได้กระทำมา มันจะมีความเพลิดเพลินและเป็นสุขใจ
 เพราะว่าใจของตนนั้นกำลังอยู่กับความดีเรียกว่าการสร้างปิติตัวนอก
 และเมื่อจิตใจเป็นกุศลจิตแล้ว ให้น้อมจิตมาสู่การเจริญจิตภาวนา
เพื่อให้ความรู้สึกดีๆที่เป็นอยู่นั้นมันพัฒนายิ่งขึ้นต่อไป เพราะคำว่า "ภาวนา " นั้น
แปลว่าทำให้ดีขึ้น เจริญขึ้น อารมณ์ความรู้สึกสดชื่น เบิกบาน สบาย โปร่ง โล่งเบา
ที่เกิดขึ้นจากการเจริญสติภาวนานั้น เราเรียกว่า " ปิติตัวใน " ซึ่งจะทำให้จิตนั้นรู้ตื่น
และเบิกบานอยู่กับกุศลธรรม ไม่หิวกระหาย ไม่ง่วงเหงาหาวนอน เพราะจิตนั้น
ปราศจากนิวรณ์รบกวนแล้ว......
                น้อมจิตสู่การพิจารณาธรรม ยกข้อธรรมที่เคยได้ยินได้ฟังมาจากครูบาอาจารย์
ขึ้นมาคิดพิจารณา เพื่อให้เข้าถึงซึ่งสภาวธรรมเหล่านั้น วิเคราะห์ ทบทวน ใคร่ครวญธรรม
ไม่ติดยึดกับอักขระภาษาคำศัพท์ทั้งหลาย ทำความเข้าใจในเนื้อหาซึ่งเป็นสภาวธรรมนั้น
คือสภาพที่เห็นและเป็นจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป สิ่งที่ใจเรานั้นรับรู้อยู่กับปัจจุบัน
จึงขอฝากหัวข้อธรรม ไว้เพื่อเตือนจิตสะกิดใจ ให้นำไปคิดและพิจารณากัน โดยธรรมที่ยกมานั้น
มีอยู่ว่า " ความโมโหจะนำไปสู่ความตกต่ำ อย่าไปโมโห โกรธผู้อื่น เพราะความโกรธคือไฟ
 ซึ่งมันจะเผาไหม้เจ้าของเอง ถ้าเขาทำตัวไม่ดี มันก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา
การที่เราไปโกรธเขา โมโหเขา จึงเท่ากับเราไปแบกรับเอาทุกข์ เอากิเลสของเขามา
ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า...การเพ่งโทษผู้อื่นเขา  มันเป็นการเพิ่มพูลกิเลสให้ตัวเราเอง "
ฝากไว้เป็นข้อคิดสะกิดเตือนใจแก่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมทั้งหลาย ให้นำไปคิดและพิจารณา.......
             เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
                  รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑๓ กันยายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๗.๑๖ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๒ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: saken6009 ที่ 13 ก.ย. 2554, 07:35:24
ความโมโหจะนำไปสู่ความตกต่ำ อย่าไปโมโห โกรธผู้อื่น
                     
เพราะความโกรธคือไฟ ซึ่งมันจะเผาไหม้เจ้าของเอง
                                 
การเพ่งโทษผู้อื่นเขา  มันเป็นการเพิ่มพูลกิเลสให้ตัวเราเอง
                         
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ :054: :054:  รักษาดูแลสุขภาพด้วยนะครับ :054: :054:
 
ขอบพระคุณ ท่านพระอาจารย์ สำหรับคำสอนดีๆ ที่นำมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ
                                                                                                                                                         
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบพระคุณมากครับ) :033: :033:
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๒ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 13 ก.ย. 2554, 09:42:01
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ :054:

อ้างถึง
การที่จิตจะตื่นนั้นต้องมีกำลังของศรัทธาเต็มที่
มีความปิติยินดีในบุญกุศล เมื่อปิติเกิดขึ้นจิตก็จะตื่นและเบิกบานอยู่ในธรรม
เราต้องสร้างปิติภายนอก เพื่อจะเข้าสู่ปิติภายใน
คือ จุดเริ่มต้น :097:
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๒ กย. ๕๔ ...
เริ่มหัวข้อโดย: boomee ที่ 13 ก.ย. 2554, 12:41:10
กราบนมัสการครับพระอาจารย์   :054: