กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 19 ก.ย. 2554, 05:16:39

หัวข้อ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๘ กย. ๕๔....
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 19 ก.ย. 2554, 05:16:39
คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๘ กย. ๕๔....
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
จันทร์ที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔
..........วันเวลาผ่านไปกับสถานที่แห่งใหม่และรูปแบบชีวิตที่เปลี่ยนไป
ไม่มีกฏเกณฑ์กติกา แต่ว่าขึ้นอยู่กับกฏของธรรมชาติ ตามจังหวะเวลา
และโอกาศ เป็นไปตามความเหมาะสม ไม่ต้องไปจัดระเบียบต่อสังคม
และหมู่คณะ แต่มีภาระที่จะต้องจัดระเบียบให้กับตนเอง กฎกติกานั้น
เกิดขึ้นมาจากความต้องการของมนุษย์ ซึ่งคือตัวตัณหา ความอยากทั้งหลาย
ที่อยากจะให้เป็นอย่างนั้น อยากจะให้เป็นอย่างนี้ หรือไม่อยากจะเป็นอย่างนั้น
ไม่ให้เป็นอย่างนี้ ความพอดีจึงไม่มีในกฏกติกา เพราะว่าแต่ละคนในสังคมนั้น
ย่อมมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน จึงไม่มีบรรทัดฐานแห่งความพอดี จึงไม่มีกฎกติกา
อะไรที่ดีที่สุด มีเพียงแต่ความเหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับ จังหวะ เวลา โอกาศ สถานที่
และตัวบุคคล เป็นไปเพื่อความสอดคล้องเหมาะสมกับธรรมชาติทั้งหลาย
และแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์แห่งยุคสมัย.....
..............ในความเป็นสมณะนั้นมีกฏเกณฑ์กติกาของความเป็นสมณะคุ้มครองอยู่
โดยศีลและธรรม ไม่ผิดข้อวัตรตามพุทธบัญญัติและไม่เป็นไปให้ชาวโลกเขาติเตียนได้
มันจึงมิใช่เรื่องง่าย ที่จะทำให้ใจนั้นสงบ ท่ามกลางความวุ่นวายของสังคมที่กำลังดำเนินไป
จึงต้องมีการปรับใหม่ ปรับกาย ปรับจิต ปรับความคิด ปรับการกระทำ เร่งความเพียร
เพิ่มกำลังของสติและสัมปชัญญะ ให้มีกำลังมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับผัสสะสิ่งกระทบ
ที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและโอกาศ จากอายตนะทั้งหก คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ให้มีสติและสัมปชัญญะรู้เท่าทันการเกิดดับของสรรพสิ่งรอบกาย รู้จักควบคุมและข่ม
ซึ่งกิเลสตัณหา ลดละอัตตาและมานะทิฏฐิให้เบาบางลง พยายามทรงไว้ซึ่งอารมณ์สมาธิ
ให้มีปิติหล่อเลี้ยงจิต พยายยามนึกคิดถึงสิ่งที่เป็นกุศล ฝึกตน ด้วยการเจริญสติ
ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร ๔ อันมี เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขาเป็นหลักที่พักจิต
ปรับความคิดให้มองโลกในแง่ดี พิจารณาให้เห็นถึงคุณ ถึงโทษ ถึงประโยชน์
และมิใช่ประโยชน์ในทุกๆสิ่ง เห็นความเป็นจริงของกฏแห่งธรรมชาติ ซึ่งเป็นกฎ
ของพระไตรลักษณ์ คือความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป
โดยใช้หลักธรรมในอริยสัจ ๔ มาประกอบในการคิดและพิจารณา สิ่งที่มากระทบ
ทั้งหลายล้วนเป็นเหตุแห่งทุกข์ ค้นหาซึ่งเหตุที่มาแห่งทุกข์นั้น จนเห็นที่เกิดแห่งทุกข์
พิจารณาให้เห็นการดับไปแห่งทุกนั้น เมื่อรู้เห็นและเข้าใจในเหตุและปัจจัยให้เกิดทุกข์
พิจารณาหาหนทางที่จะดับซึ่งเหตุและปัจจัยแห่งทุกข์ทั้งหลายนั้น ให้เป็นสมุทเฉจ
คือการดับเหตุและปัจจัย ตัดวงจรแห่งทุกข์นั้น แล้วน้อมนำเอาสิ่งที่ได้คิดพิจารณา
ได้รู้ ได้เห็น ได้เข้าใจ มาลงมือปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม การดับทุกข์ย่อมบังเกิดขึ้น
จิตจะเข้าถึงซึ่งความสงบ เมื่อจิตนั้นพบกับธรรม....
...ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต แด่มวลมิตรทุกผู้คน...
............. รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร...................
๑๙ กันยายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๔.๕๘ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๘ กย. ๕๔....
เริ่มหัวข้อโดย: saken6009 ที่ 19 ก.ย. 2554, 05:51:53
พรหมวิหาร ๔ อันมี เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา
                                         
เป็นหลักที่พักจิต ปรับความคิดให้มองโลกในแง่ดี
                                   
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป
                                 
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ :054: :054:  รักษาดูแลสุขภาพด้วยนะครับ :054: :054:
   
ขอบพระคุณ ท่านพระอาจารย์ สำหรับคำสอนดีๆ ที่นำมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ
                                                                                                                                             
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบพระคุณมากครับ) :033: :033: 
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๘ กย. ๕๔....
เริ่มหัวข้อโดย: เตโช ที่ 19 ก.ย. 2554, 08:10:22
กราบนมัสการพระอาจารย์...............โยนิโสมนสิการ...............เตโช
หัวข้อ: ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๘ กย. ๕๔....
เริ่มหัวข้อโดย: boomee ที่ 19 ก.ย. 2554, 03:12:11
กราบนมัการครับพระอาจารย์