แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - nok2009

หน้า: [1]
1



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม  

ล็อคเก็ตสี่เหลี่ยมครึ่งองค์ หลังฝังเกศา หวาย ตะกรุด ปี 2537
nok 2009  comeback    
ห่างหายไปนานเลยครับ .....  


สวัสดีปีใหม่ 2557 (ย้อนหลังด้วยนะครับ) และอีกไม่กี่วันก็เป็นวันตรุษจีน ซินเจี่ยอยู๋ยี่ ซินนี้ฮวดใช้ ร่ำรวย เฮง ๆ กันทุกท่าน นะครับ
  
ขอบคุณที่เข้ามาชมกันครับ[shake] กดขอบคุณ [/shake] สักนิดเพื่อเป็นกำลังใจให้กันเหมือนเดิมครับ                                                                             [/font] [/color]            

ขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น  คุ้มครองทุกท่าน   สวัสดี...    :114: :114: :114: :114: :114: :114: :114:
 :090:    
ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี      

2



ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์      
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

ห่างหาย ไปนาน เลย   :001: :001: :001: วันนี้ ขอนำเสนอเหรียญ พิเศษ รุ่นพิเศษ พร้อมห่มจีวร
อาจจะเคยชมกันไปบ้างแล้ว จึงนำกลับมาให้ชมกันอีกครั้งครับ

ใกล้วันปีใหม่ พ.ศ. 2556
ขอให้ ท่านสมาชิก ร่ำ ๆ รวย ๆ เงินทองไหลมาไม่ขาดสาย  คิดเงินให้ได้เงิน คิดทองให้ได้ทอง สุขภาพร่างกายแข็งแรง บารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองครับ
:001: :001: :001:

ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม กด [shake] ขอบคุณ [/shake]เป็นกำลังใจให้กันนะครับ ...สวัสดี[/font][/color]

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    


[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

3



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม
ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์

เหรียญ รุ่นพิเศษ 2519 เหรียญยอดนิยม    นะ มะ พะ ทะ

ขอบคุณที่เยี่ยมชม  รับฟังคำติชม จากทุกท่าน   
กดขอบคุณเพื่อเป็นกำลังใจ กันต่อไปครับ

สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ท่านสมาชิก ทุกท่าน มีความสุข ปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ คิดสิ่งไหน ขอให้ได้สิ่งนั้น รวย รวย กันทุกท่าน นะครับ ...สวัสดี     
 

*** ขออภัย  เคยโพสให้ชมไปแล้วครั้งหนึ่ง นำกลับมาให้ชมกันอีกครั้งหนึ่ง

งดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี

4



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม
ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์


รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น ขนาดห้อยคอ  รุ่น มหามงคล ๗๙ 
เนื้อนวะโลหะ ก้นแผ่นปั๊มเงิน  จัดสร้างจำนวน 999 องค์ ในปี 2544
  ครบรอบ วันเกิด 12 สิงหาคม 2544



ขอบคุณที่เยี่ยมชม  รับฟังคำติชม จากทุกท่าน   
กดขอบคุณเพื่อเป็นกำลังใจ กันต่อไปครับ


สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ท่านสมาชิก ทุกท่าน มีความสุข ปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ คิดสิ่งไหน ขอให้ได้สิ่งนั้น รวย รวย กันทุกท่าน นะครับ ...สวัสดี   :001: :001: :001: 

[shake]งดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา[/shake]

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี

5


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม
ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์

 
เหรียญคล้ายวันเกิด หลวงปู่เปิ่น  12 ส.ค. 41

ขอบคุณที่เยี่ยมชม  รับฟังคำติชม จากทุกท่าน   
กดขอบคุณเพื่อเป็นกำลังใจ กันต่อไปครับ


สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ท่านสมาชิก ทุกท่าน มีความสุข ปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ คิดสิ่งไหน ขอให้ได้สิ่งนั้น รวย รวย กันทุกท่าน นะครับ ...สวัสดี  :001: :001: :001:

[shake]งดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา [/shake]

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี

6


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม
ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์
:054: :054: :054:

ห่างหายไปนานมากมาย วันนี้ขอนำเสนอ เหรียญนั่งเสือ รุ่นแรก (คร่อมเสือ) ห้าว เหนียว ดุ จัดสร้างใน ปีพ.ศ.2520
เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์ มาก อีกเหรียญหนึ่ง เลยทีเดียว  :001: :001: :001:

ขอบคุณที่เยี่ยมชม  รับฟังคำติชม จากทุกท่าน  :002: :001: :001:
กดขอบคุณเพื่อเป็นกำลังใจ กันต่อไปครับ


สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ท่านสมาชิก ทุกท่าน มีความสุข ปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ คิดสิ่งไหน ขอให้ได้สิ่งนั้น รวย รวย กันทุกท่าน นะครับ ...สวัสดี :114: :114: :114:

ปล. เคยโพสให้ชมกันมาแล้วครั้งหนึ่ง นำมาโมดิฟายด์ ให้ชมกันใหม่ ครับ

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี

7




น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

พระสมเด็จ ปรกโพธิ์ ฝังพระธาตุ  เนื้อผงพุทธคุณ ๑๐๘
และ ฝัง ตะกรุดทองคำ ๕ ดอก แถมมีเม็ดกระดุมเงิน ฝังไว้ด้านหลัง
ในยันต์ขอมเชียง จัดสร้างในปีพ.ศ. ๒๕๔๔  


พระผงสมเด็จปรกโพธิ์  รุ่น บูชาครู ปีมะเส็ง ๔๔  

nok 2009  comeback   :002: :002: :002:
ห่างหายไปนานเลยครับ .....  :001: :001: :001:
  
ขอบคุณที่เข้ามาชมกันครับ [shake]กดขอบคุณ[/shake] สักนิดเพื่อเป็นกำลังใจให้กันเหมือนเดิมครับ                                                                                       

ขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น  คุ้มครองทุกท่าน   สวัสดี...
:001: :114:


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี      

8



ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์     :054: :054: :054:          
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม


ก่อนวันไหว้ครู  ... วันนี้ ขอนำเสนอ เหรียญ หัวเสือ รุ่นใหญ่ จัดสร้างในปี 2535 ที่ระลึกในการซื้อที่ดินสร้างโรงพยาบาล  

มาให้พี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ได้ศึกษาและสะสม   ^^ "


ขอบคุณที่เยี่ยมชม  รับฟังคำติชม จากทุกท่าน
กด   [shake]ขอบคุณ[/shake]
 เพื่อเป็นกำลังใจ กันต่อไปครับ ... สวัสดี       [/size][/font]


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี

9




ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์   :054: :054: :054:          
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

วันนี้ ขอนำเสนอ เหรียญพิเศษ ภาค 2 เหรียญ ยอดนิยม ของวัดบางพระ

มาให้พี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ได้ชมกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะเคยได้โพสให้ชมไปแล้ว เลยนำกลับมาชมกันก่อนวันไหว้ครูที่จะถึงนี้ แล้วเจอกัน วันไหว้ครู นะครับ ^^ "

ขอบคุณที่เยี่ยมชม  รับฟังคำติชม จากทุกท่าน
กด   [shake]ขอบคุณ[/shake]   เพื่อเป็นกำลังใจ กันต่อไปครับ ... สวัสดี      
[/font]


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี

10



ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์           
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

วันนี้ขอนำเสนอเหรียญ ปี 2520 (พิเศษ) มาให้พี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ได้ชมกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะเคยได้โพสให้ชมไปแล้ว เลยนำกลับมาชมกันก่อนวันไหว้ครูที่จะถึงนี้ แล้วเจอกัน วันไหว้ครู นะครับ ^^ "

ขอบคุณที่เยี่ยมชม  รับฟังคำติชม จากทุกท่าน
กด   [shake]ขอบคุณ[/shake]   เพื่อเป็นกำลังใจ กันต่อไปครับ ... สวัสดี     
[/font][/color] 


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี

11




ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์    :054: :054: :054:  
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม


ที่ระลึกไหว้ครู หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นำไปเลี่ยม พลาสติก พร้อมฐานตั้ง ไม่สงวนลิขสิทธิ์ นะครับ

ขอบพระคุณ คุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้ความเมตตา และอบรม สั่งสอน  
ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์  
 

ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม [shake]กด  ขอบคุณ[/shake] เป็นกำลังใจให้กันนะครับ ...สวัสดี[/font][/color]

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    

12


ขอประชาสัมพันธ์ ข่าว
เชิญเที่ยวงานประจำปี วัดนก 3 - 4 - 5 กุมภาพันธ์ ประจำปี 2555
ปิดทองรอยพระพุทธบาท◊พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
บูชาบรมสารีริกธาตุ 9 ประเทศ 10 วัด บรรจุพระผงธรรมขันธ์-ต่อชะตาเสริมบารมี-ถวายมหาสังฆทาน-ตักบาตรพระประจำวันเกิด –ประจำปีเกิด

ณ วัดนก ซอยพณิชยการธนบุรี ถนนจรัญสนิทวงศ์ (ซอย13) เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร

กลางวัน เชิญร่วมพิธีมงคล เพื่อความเป็นสิริมงคล ร่มเย็นเป็นสุข จากพระเกจิอาจารย์ ดังนี้

3-4 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 09.00 น.-17.00 น. หลวงพ่อชาติ เขมจาโร วัดหนองยายอ่วม หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ศิษย์ผู้เคยรับใช้หลวงพ่อเปิ่น สมัยอยู่วัดโคกเขมา มาตรวจดวงชะตาราศี-ลงนะเมตตา- เสริมดวง-เสริมบารมี

ท่านที่ลงนะเมตตากับหลวงพ่อชาติ ท่านจะได้รับพระปิดตา อุดมมงคล เนื้อกะลาตาเดียว ที่หลวงพ่อเปิ่นให้ไว้เมื่อปี พ.ศ.2538 ฟรี 1 องค์


5 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 09.00 น.-17.00 น. พระอาจารย์จิ สมจิตฺโต วัดหนองหว้า เพชรบุรี ศิษย์หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ได้เมตตามาประกอบพิธีลงนะเมตตา แก่สาธุชนทั่วไป

กลางคืน เชิญชม ฟรี นิมิคอนเสิรต์ลูกทุ่ง –นักร้อง-ศิลปินตลก-แดนเซอร์เต็มเวที

นำมาประชาสัมพันธ์ ให้ท่านสมาชิกให้ทราบโดยทั่วกัน...สวัสดี :001: :001: :001:

ที่มา   Facebook วัดนก (ขอบคุณครับ)


13


ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์    :054: :054: :054:     
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม


วันนี้ขอนำเสนอ รูปหล่อ มหามงคล  เป็นเนื้อนวะก้นหน้ากากเงิน จัดสร้างปี 2544 จำนวนการสร้าง 999 องค์    องค์นี้เป็นหนึ่งใน 999 องค์ :001: :001: :001:
 
ขอบคุณที่เยี่ยมชม  รับฟังคำติชม จากทุกท่าน
กด   [shake]ขอบคุณ[/shake]   เพื่อเป็นกำลังใจ กันต่อไปครับ ... สวัสดี   
[/font][/color] :027: :027: :027:


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี 

14




ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์   

วันนี้ขอนำเหรียญ 19 อีกสักเหรียญ 
        มาให้ท่านสมาชิกได้ ติชม กันนะครับ ว่าชอบหรือไม่ อย่างไร
บล๊อคอะไร ดีไม่ดีอย่างไร เชิญ ได้เลยครับ ขอบพระคุณครับ ทุกท่าน กับคำติชม

                                                                       ศึกษาและสะสม  ...สวัสดี

15


ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์   :054: :054: :054:    
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม


วันนี้้ขอนำเสนอ เหรียญ จันทรประภา รายละเอียดเชิญอ่านในรูปได้เลยครับ
ขออภัย ถ่ายแต่ด้านหน้า
ขออภัย นำกลับมาโพส อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นวิทยาทาน ต่อสมาชิกท่านอื่น


ขอบคุณที่เยี่ยมชม  รับฟังคำติชม จากทุกท่าน
กดขอบคุณเพื่อเป็นกำลังใจ กันต่อไปครับ ... สวัสดี
  :001: :001: :001:


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี  

16
ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์

ขอบพระคุณ คุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้ความเมตตา และอบรม สั่งสอน  
ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์
:054: :054: :054:

ขอบคุณ คุณเว็บมาสเตอร์ มาก ๆ ครับ
ที่สอนวิธีการโพสจากยูทูบ
:001:

กดขอบคุณเพื่อเป็นกำลังใจ กัน ต่อไปครับ ...สวัสดี

17




ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์   :054: :054: :054:
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

วันนี้ ขอนำเสนอเหรียญ พิเศษ รุ่นพิเศษ และเป็นพิเศษ รับคำติชม ครับ

ในวันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นซึ่งวันครูแห่งชาติ

ครูนับเป็นปูชนียบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมาก  ในการให้การศึกษาเรียนรู้ทั้งในด้านวิชาการและประสบการณ์
เป็นผู้มีความเสียสละ กำลังกายและใจ

เรามาระลึกนึกถึงท่านกัน นะครับ  ที่ท่านได้ประสิทธิฺ์ประสาท วิชาความรู้ ให้เราอ่านออกเขียนได้ ให้เราเอาตัวรอดอยู่ในสังคม ได้

ขอบพระคุณ คุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้ความเมตตา และอบรม สั่งสอน  
ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์
:054: :054: :054:
 
ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชม กด  [shake]ขอบคุณ [/shake] เป็นกำลังใจให้กันนะครับ ...สวัสดี[/font][/color]

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    

18



ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์  :054: :054: :054:
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม


สวัสดีครับ วันนี้ขอนำเสนอ เหรียญ พระอธิการเปิ่น จัดสร้างในปี 2506 ทองแดง บล๊อคขี้กลาก
เป็นเหรียญที่น่าสะสมอีกเหรียญครับ นำมาให้ชมเป็นวิทยาทาน พร้อมรับคำติชม แสดงความเห็นเห็นได้นะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมกัน กดขอบคุณและแสดงความคิดเห็น 


ในเทศกาล ตรุษจีนนี้ ขอให้ได้อั่งเปา เป็นหมื่น โบนัส เป็นแสน มั่งมี ศรีสุข ร่ำรวยเงินทอง  เฮง ๆ รวย ๆ ตลอดปี ทุก ๆ ปี :001: :002: :001: :002: :001:


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       


19



ศิษย์น้อม..บูชาครูบาอาจารย์

วันนี้ขอนำเสนอ เสมา หลวงปู่หิ่ม อดีต เจ้าอาวาสวัดบางพระ พร้อมรับคำติชม
ขอบคุณทุกท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมชม ศึกษาและสะสม  ... สวัสดี
:001: :001: :001:

 [shake]ใครกดขอบคุณ ขอให้ รวย ๆ ๆ ๆ ๆ ครับ [/shake] :001: :002: :001: :002: :001:

20






ศิษย์น้อม...บูชาครูบาอาจารย์  :054: :054: :054:

วันนี้ขอนำเหรียญ 19 มาให้ท่านสมาชิกได้ ติชม กันนะครับ ว่าชอบหรือไม่ อย่างไร
บล๊อคอะไร ดีไม่ดีอย่างไร เชิญ ได้เลยครับ ขอบพระคุณครับ ทุกท่าน กับคำติชม

                                                                       ศึกษาและสะสม  ...สวัสดี

21



ศิษย์น้อม บูชาครูบาอาจารย์ :054: :054: :054:

สวัสดีปีใหม่ 2555

ห่างหายไปนาน วันนี้ ขอนำเสนอ รูปภาพเก่า ๆ ขาวดำ  แถมมีรอยเขียนด้วยปากกา หมึกดำ
นำมาให้ท่านสมาชิกได้ชมกันเป็นวิทยาทาน ศึกษาและสะสม


ปีใหม่แล้ว ก็ขอให้ท่านสมาชิก ทุกท่าน มีความสุข ปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ คิดสิ่งไหน ขอให้ได้สิ่งนั้น รวย รวย กันทุกท่าน นะครับ ...สวัสดี
:001: :001: :001:


22
ขอแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์
วัดนก ได้จัดพิธี สวดมนต์ข้ามปี จัดขึ้นเป็นครั้งแรก
เพื่อเป็นสิริมงคล แก่ผู้ร่วมพิธี


พิธีสวดมนต์ข้ามปี นิมนต์พระสงฆ์ มาร่วมสวดมนต์
ประมาณการ 30 รูป


วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม 2554 เริ่มพิธีเวลา 23.30 น.
ถึงวันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2555 เวลา 01.00 น. โดยประมาณ


ท่านสมาชิกท่านใด อยู่แถว ๆ วัด นก ซ.จรัญฯ 13 ขอเชิญร่วมพิธีได้ ตั้งแต่ 23.30-01.00 น.



[shake]ขอให้มีความสุข ตลอดปี นะครับ สวัสดีปีใหม่ 2555[/shake]

23

เขาอยากดี เท่าไร ให้เขาเถิด
ไม่ต้องเกิด แข่งดี มีแต่เสีย
ริษยา คือทุรกรรม ทำให้เพลีย
ทั้งลูกเมีย พลอยลำบาก มันมากความ



เขาอยากเด่น เท่าไร ให้เขาเถิด
จะไม่เกิด กรรมกะลี ที่ซ่ำสาม
มุทิตา สาธุกรรม ทำให้งาม
สมานความ รักใคร่ เป็นไมตรี


เขาอยากดัง เท่าไร ให้เขาเถิด
ช่วยชูเชิด ให้ประจักษ์ ด้วยศักดิ์ศรี
ให้ดังก้อง ท้องฟ้า อย่างอสนี
ต่างฝ่ายมี ผลงาม ตามเรื่องตน


ชนะแล้วได้อะไร แพ้แล้วมีอะไร
ดีแล้วยังไง เด่นแล้วได้อะไร
สุขจะสักเท่าไหร่ ทุกข์จะนานสักแค่ไหน
เกิดมาแล้วมีอะไร ดับแล้วเหลืออะไร


คนเราจะหวังสิ่งใด มีพอดี ไม่ยึดติด จิตเป็นสุข

"อนิจจ ทกขข อนตตา"




ที่มา ธรรมจักรดอทเน็ต

24






วันนี้ที่ วัดนก
ดูเพิ่ม ได้ที่ เฟรสบุ๊ค วัดนก ครับ...สวัสดี
:001: :001: :001:

25
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ณ วัดนก
« เมื่อ: 06 พ.ย. 2554, 04:51:04 »

ท่านสามารถดูภาพเพิ่มเติมได้ที่ เฟรสบุ๊ค วัดนก ...สวัสดี
:001: :001: :001:

26




น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญพัดยศ อุดมประชานาถ เนื้อเงินลงยาสีน้ำเงิน (หน้าทองคำ)
จัดสร้างในปี 2537


หลวงพ่อเปิ่น ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ
"พระอุดมประชานาถ" 5 ธันวาคม 2537
นำมาซึ่งความปราบปลื้มปีติยินดี แก่ คณะสงฆ์ ชาววัดบางพระ
และศิษยานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง

พระอุดมประชานาถ หมายถึง พระผู้เป็นที่พึ่งสูงสุดของประชาชน

เป็นเหรียญที่ระลึกฉลองสัญญาบัตรพัดยศ "เจ้าคุณ" (รุ่น อุดมประชานาถ)
 
วันนี้ขอนำเสนอเหรียญพัดยศ และได้นำเหรียญนี้ไปเข้ากรอบตลับเงิน
 เลี่ยมพลาสติกกันน้ำ  ใส่ตลับแล้วดูสวยงามมากครับ ติชมกันได้นะครับ

ปล.เคยได้โพสไปแล้วและนำมาให้ท่านสมาชิกได้ชมกันอีกครั้งหนึ่ง

[shake]กดขอบคุณเพื่อเป็นกำลังใจกันต่อไปครับ ... สวัสดี   [/shake] :001: :001: :001:

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    

ขอบคุณที่เยี่ยมชม :001: :002: :001: :058:

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

27





น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญหลวงพ่อเปิ่น รุ่นแรก (รุ่นพิเศษ19)
เป็นเหรียญยอดนิยมและมีประสบการณ์  มีทั้งเนื้อนวะโลหะ เนื้อทองแดง เนื้อทองแดงชุบกะไหล่ทองลงยาสีแดง, สีน้ำเงิน, สีเหลือง
เป็นเหรียญอีกรุ่นหนึ่งที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาต่างเสาะแสวงหาเพื่อที่จะได้ครอบครอง
                  เป็นเหรียญในฝันของใครอีกหลาย ๆ ท่าน


ไม่แน่ใจว่าได้เคยโพสไปหรือ เพราะจำไม่ได้  :010: :045: :058:
เนื่องจากพลาสติกดูหมองมัวและมีรอยร้าว เลยนำไปเลี่ยมพลาสติกกันน้ำใหม่ ให้ดูสดใสสวยกริบ
ท่านใดมีเหรียญ 19 นำมาร่วมด้วยช่วยกันโพสให้ท่านสมาชิกท่านอื่นได้ชมกันและ ติชมได้นะครับ...ขอบคุณครับ :001: :002: :001: :095:

[shake]กดขอบคุณเพื่อเป็นกำลังใจกันต่อไปครับ ... สวัสดี[/shake][/font][/color] :001: :001: :001:

ปล. ดูกระทู้นี้แล้วท่านคิดว่าเหรียญนี้เป็นเนื้ออะไรครับ  :086: :062:
 รบกวนท่าน หอมเชียง
 และ ท่าน amazing2511
 และ ท่าน คนรักษ์พระ รบกวนช่วยดูด้วยนะครับ...ขอบคุณ
 พี่ใหญ่ใจดีของเรา ทั้ง 3 ท่านเลย ขอบคุณอีกครั้งครับ
:001: :001: :001:

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    
ขอบคุณที่เยี่ยมชม


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

28


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญสรงน้ำหลวงพ่อเปิ่น (เนื้อนวะโลหะหน้าทองคำ)
ที่ระลึกสรงน้ำ วันสงกรานต์ วันที่ 18 เมษายน 2541


ได้เหรียญนี้มาในวันสงกรานต์ที่ผ่านมาครับ พอได้มาก็นำไปเลี่ยมเข้าตลับกรอบเงินและเลี่ยมกันน้ำเลยครับ
เป็นเนื้อนวะโลหะ หน้าทองคำ แท้ๆ (ตอนนี้ราคาทองคำสูงมากครับ)
เฉพาะนวะหน้าทองคำจะมีโค๊ต กอ ไก่ ตอกอยู่ครับ
เป็นอีกเหรียญหนึ่งที่มีรูปแบบงดงามมากเลยทีเดียว
            ควรค่าแก่การสะสมครับ
กดขอบคุณเพื่อเป็นกำลังใจกันต่อไปครับ ... สวัสดี


ปล. ขอขอบคุณ ท่าน amazing2511 ด้วยนะครับ พี่ใหญ่ใจดีของเรา

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    
ขอบคุณที่เยี่ยมชม


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

29





น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

วันนี้ขอนำเสนอเหรียญรูปไข่หลวงพ่อเปิ่นค่อมบนหลังเสือ
หรือเรียกกันว่า เหรียญ ค่อมเสือ จัดสร้างในปีพ.ศ.2520

ดุ  ห้าว เหนียว เหรียญในฝันของใครอีกหลาย ๆ คน
เหรียญรุ่นนี้จัดได้ว่าเป็นเหรียญที่มีประสบการณ์อีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
ประสบการณ์จากเหรียญรุ่นนี้ สรุปสั้น ๆ เลยนะครับ
 ว่า โดนคมกระสุนโดยไม่ระคายผิวหนัง
กดขอบคุณเพื่อเป็นกำลังใจกันต่อไปครับ ... สวัสดี
:001: :001: :001:

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    
ขอบคุณที่เยี่ยมชม


[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น[/shake]


30




น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

ล็อคเก็ตหลวงพ่อเปิ่นฉันภัตตาหาร
ที่ระลึกถวายภัตตาหารเพล วันที่ 12 สิงหาคม 2554
วันนี้ได้นำไปใส่กรอบเงินมาครับ เลยถือโอกาสนำมาให้ชมกันครับ

ยังไงก็กดขอบคุณเพื่อเป็นกำลังใจกันต่อไปครับ ... สวัสดี


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    
ขอบคุณที่เยี่ยมชม
:100: :100: :100:

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

31


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญเสมา สร้างสะพาน (ปลาตะเพียน) ปี 2530 เนื้อนวะโลหะ
กลับมาแล้วครับ.....กลับมาแล้วจากการห่างหายไปนานพอสมควรเลยนะครับ วันนี้ก็เลยนำเหรียญเสมาสร้างสะพาน 30 มาให้พี่น้องเวบบอร์ดได้ชมกันครับ
ยังไงก็กดขอบคุณเพื่อเป็นกำลังใจกันต่อไปครับ ... สวัสดี


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    
ขอบคุณที่เยี่ยมชม


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

32



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญหลวงพ่อเปิ่น รุ่นพิเศษ ย้อนยุค ปี 2537 เนื้อเงิน
ห่างหายไปนานเลยครับ ..... :001: :001: :001: ขอบคุณที่เข้ามาชมกันครับ กดขอบคุณ สักนิด เพื่อเป็นกำลังใจให้กันครับ ขอบคุณครับ


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี      



33
บทความ บทกวี / ลิง 3 ตัว ของขงจื้อ
« เมื่อ: 03 พ.ค. 2554, 10:07:59 »


สาระสำคัญ ทฤษฎีลิง 3 ตัวนี้
 เป็นทฤษฎีของนักปราชญ์ชาวจีน โดยมีความเชื่อว่าการเป็นผู้บริหารที่ดีนั้น ต้องรู้จักควบคุมการฟัง ควบคุมการมอง และควบคุมการพูด
ซึ่งเปรียบเทียบได้กับสัญลักษณ์ของลิงทั้ง 3 ตัวนี้มีลักษณะแตกต่างกัน


ก็เปรียบเสมือนกับคนเราย่อมแตกต่างกัน ลิงตัวเดียวไม่สามารถปิดหู ปิดตา ปิดปากได้ในเวลาเดียวกัน
 เพราะมีมือเพียงสองมือเท่านั้น มนุษย์ก็เช่นกันไม่สามารถทำอะไรในเวลาเดียวกันได้ทุกอย่าง
เพราะฉะนั้นผู้บริหารควรจะเลือกนำมาใช้ว่าสถานการณ์ใดควรใช้แบบใด
ทฤษฎีลิง 3 ตัว มีรายละเอียด ดังนี้


ลิงตัวที่ 1 นั่งปิดหูหนึ่งหู ก็หมายความว่า คนเราควรจะรู้จักควบคุมว่าอะไรที่ควรฟังหรือไม่ควรฟัง ต้องแยกแยะในสิ่งที่ฟังมา ต้องฟังหูไว้หู แล้วนำสิ่งที่ฟังมาวิเคราะห์ว่ามันเป็นอย่างไร โดยใช้หลักการและเหตุผลมาประกอบเข้าด้วยกัน อย่าเชื่อในสิ่งที่เราฟังทั้งหมด เพราะมันอาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมดก็ได้

ลิงตัวที่ 2 นั่งปิดตาหนึ่งตา ก็หมายความว่า รู้จักควบคุมการมองว่าอะไรควรมองหรือไม่ควรมอง อย่าเชื่อในสิ่งที่เรามองเห็นทั้งหมด เพราะบางครั้งสิ่งที่เรามองเห็นก็ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด มองแล้วพิจารณาไตร่ตรอง อย่าตัดสินคนทันทีที่เห็น

ลิงตัวที่ 3 นั่งปิดปากครึ่งปาก ก็หมายความว่า รู้จักควบคุมการพูดว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูดอย่างไร การเป็นผู้บริหารหรือผู้ปฏิบัติงานก็ตาม ควรจะไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกมา เพราะบางครั้งคำพูดของเราอาจจะไปกระทบกับบุคคลอื่นโดยไม่รู้ตัว หรืออาจจะนำความเสียหายมาสู่องค์การได้ เพราะฉะนั้นการที่เราจะทำอะไรก็ควรจะคิด และพิจารณาให้ดีก่อนที่จะพูดออกไป...

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันครับ :001: :001: :001:
ขอบคุณท่านขงจื้อนักปราชญ์ชาวจีน 


ที่มา ..... http://www.oknation.net/blog/thammarerk/2009/11/01/entry-2

34


ความพ่ายแพ้...ของนักสู้..

ไม่มีความท้อแท้ในหัวใจของคนชนะ
และ ไม่มีชัยชนะในหัวใจของคนที่ท้อแท้
คนที่เกิดมาเพื่อเป็นนักสู้
จะไม่มีวันรู้ว่า ความพ่ายแพ้เป็นอย่างไร
เพราะการทำทุกอย่างที่ผ่านไป...
หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น

"ความผิดพลาดจะเป็นบทเรียนและประสบการณ์
ไม่ใช้ความพ่ายแพ้..
เวลาที่เหลืออยู่ ก็ไม่ได้เป็นเวลาที่ล้มเหลว
แต่เป็นเวลาที่ "รอ" เพื่อจะชนะ"

นักสู้ จะไม่มีเวลามาคร่ำครวญกับความผิดพลาด
ในเวลาที่สิ่งต่างๆ ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้
นักสู้ จะใช้ความล้มเหลวเป็นพลังในการฟื้นแรง
ให้สองขาได้ยืนหยัดเพื่อจะเอาชัยชนะในเวลาต่อไป
นักสู้ จะใช้เวลาทุกนาทีมองดูปัญหา
เพื่อที่จะได้รู้ว่า จะต้องแก้ไขปัญหาอย่างไร


ความพ่ายแพ้ของนักสู้ จึงหมายถึงเพียงแค่การรอคอย
การรอคอย...ที่ไม่ใช่ความว่างเปล่า และเปลืองเวลา

นักสู้ จะเฝ้าเตือนตัวเองว่า..
บางทีการหยุดรออะไรบ้าง ก็จะทำให้รอบคอบขึ้น
มีสติขึ้น มีเวลาได้ทบทวนทั้งในสิ่งที่ผ่านไป
และกำลังจะผ่านเข้ามา...

เหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ...
ต้องให้เวลาตัวเองได้หลบเลียบาดแผล
ขณะที่นอนพักรักษาตัว
ดวงตายังกวาดมองไปข้างหน้า
ครุ่นคิดถึงการดำรงชีวิตในวันต่อไป
สัตว์ใหญ่ที่กำลังล่าเหยื่อ ต้องไม่รีบร้อน
บางเวลาของนักล่า ต้องรู้จักรอ..


นักสู้..ย่อมรู้ว่าอะไรคือโอกาส อะไรคือจังหวะ
และรู้ว่า เวลาไหนควรรุก และเวลาไหนควรรอ..


ขอบคุณข้อมูลจากทำดีดอทเน็ต (จั่นเจา)
 

35












ขอเชิญไหว้บูชาพระบรมสารีริกธาตุ จาก 8 ประเทศ 10 วัด
ปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลอง-พระพุทธเจ้า 5 พระองค์
ตักบาตรประจำวัน-ประจำปี-ถวายมหาสังฆทาน
บรรจะพระธรรมขันธ์ สะเดาะเคราะห์เสริมอายุต่อดวงชะตาบารมี ให้มีความสุขอิ่มเอิบบุญ


ในงานเทศกาลประจำปี วัดนก
ซอยพณิชยการธนบุรี ถนนจรัญสนิทวงศ์ 13 เขต ภาษีเจริญ กทม.
ชมนิมิคอนเสริต์ลูกทุ่งร่วมสมัย ศิลปินตลก ตลอดงาน อย่าพลาด


วันศุกร์ที่ 4 ก.พ.54
พบกับ เสรี รุ่งสว่าง * เอิ้นขวัญ วรัญญา
ตลกชื่อดัง 2 คณะ


วันเสาร์ที่ 5 ก.พ.54
พบกับ จักจั่น วันวิสา * มนต์สิทธิ์ คำสร้อย
ตลกชื่อดัง 2 คณะ


วันอาทิตย์ที่ 6 ก.พ.54
พบกับ แพรวา พัชรี * เอ๋ พจนา
 ตลกชื่อดัง 2 คณะ


***วันเสาร์ที่ 5 และวันอาทิตย์ที่ 6 ก.พ. 54 เวลา 9.00-17.00 น.
พระอาจารย์จิ สมจิตฺโต วัดวังหว้า จังหวัดเพชรบุรี ศิษย์เอกหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก
ได้เมตตามาประกอบพิธีลง นะเมตตา แก่สาธุชนทั่วไป(2 วัน)


จึงประชาสัมพันธ์มาเพื่อทราบกัน...สวัสดี

ภาพที่เห็นเมื่อปี 2553 ขอขอบคุณท่าน job@loveสำหรับภาพถ่ายที่ให้ท่านสมาชิกได้ชมกันครับ :001: :001: :001:

36



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เนื้อทองคำ สร้าง 99 องค์
เนื้อเงิน สร้าง 2000 องค์
เนื้อนวะโลหะ สร้าง 3000 องค์
เนื้อระฆัง สรา้ง 5000 องค์


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       
:001: :001: :001:

37



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญเจ้าสัวเสาร์ 5 นั่งเสือ รุ่นสร้างโรงพยาบาล ปี 2535  เนื้อเงิน

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       


 :001: :001: :001:

38



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญนั่งพานเสาร์ 5 เนื้อเงิน จัดสร้างในปี 2537

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       
:001: :001: :001:

39


.. ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า
แม้แต่คนโง่ที่สุดยังฉลาดในบางเรื่อง
และคนฉลาดที่สุด
ก็ยังโง่ในหลายเรื่อง ..

.. ไม่มีอะไรเสียเวลาไปมากกว่า
การคิดที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีต

ไม่เคยมีอะไรช้าเกินไป
ที่จะทำใหสิ่งที่ตนฝัน ..


.. คนที่ไม่เคยหิว
ย่อมไม่ซาบซึ้งรสของความอิ่ม

ความสำเร็จที่ผ่านความล้มเหลว
ย่อมหอมหวานกว่าเดิม ..

.. อันตรายที่สุดของชีวิตคนเราคือ การคาดหวัง
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
เหตุผลขอคนๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่เหตุผลของคน
อีกคนนึง ถ้าคุณไม่ลองก้าว คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า
ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร


ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง ..

.. คนเรา
ไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง
แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้น
ที่ได้ทำ ..

หัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย
หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทาง .. มากกว่า
:001: :001: :001:

ที่มา ธรรมจักรดอทเนต

40



อานิสงส์การบวชพระ-บวชชีพราหมณ์
[บวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ, อุทิศให้พ่อแม่-เจ้ากรรมนายเวร]


1. หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา

2. เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย

3. สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย

4. เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆ ไป

5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา

6. จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต

7. เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา

8. ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ

9. โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย

10. ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่
สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้
เพราะติดภาระกิจต่างๆ ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้
ด้วยการสร้างคนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริมอาสาการให้คนได้บวช

 
ไม่มีอริยะใด ยิ่งใหญ่เท่าพระคุณบิดรมารดา
ไม่มีปัญญาหรือแสงสว่างใด เสมอการได้ทดแทนพระคุณบุพการี


ที่มา ธรรมจักรดอทเนต

41
บทความ บทกวี / ....อนุโมทนา.....
« เมื่อ: 15 ม.ค. 2554, 07:25:20 »


มีคำอยู่คำหนึ่งที่ชาวพุทธพูดกันจนติดปาก คำนั้นก็คือ "อนุโมทนา"
ความหมายของอนุโมทนาคืออะไร และเมื่อไหร่ที่ควรใช้คำนี้
 คำตอบก็คือ...

ในหนังสือ ‘คำวัด' โดยพระธรรมกิตติวงศ์ ได้อธิบายความหมายของคำนี้ไว้ว่า


อนุโมทนา หมายถึง การ แสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ การอนุโมทนานั้นอาจทำได้ด้วยการพูด เขียนหนังสือ หรือแสดงกิริยาก็ได้ เช่น เมื่อได้ยินเสียงย่ำฆ้องกลองที่วัดในตอนเย็น แสดงว่าพระท่านทำวัตรเย็นจบ ก็ยกมือขึ้นประนมไหว้ เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วก็ยกมือขึ้นสาธุ เป็นการอนุโมทนาบุญของเขาด้วย ..
 
เรียกการพูดแสดงความยินดีในความดีของผู้อื่นว่า "อนุโมทนากถา" เรียกหนังสือรับรองการบริจาคที่วัดออกให้แก่ผู้บริจาคทรัพย์ทำบุญว่า "อนุโมทนาบัตร หรือใบอนุโมทนา" เรียกบุญที่เกิดจากการอนุโมทนาตามตัวอย่างข้างต้นว่า "อนุโมทนามัยบุญ"

และ การที่ภิกษุกล่าว สัมโมทนียกถา อันแปลว่า ถ้อยคำอันเป็นที่บันเทิงใจ ใช้เรียกการที่ภิกษุพูดแสดงความขอบคุณหรือกล่าวถึงประโยชน์และอานิสงส์ของ ความดี ของบุญกุศล ที่ทายกทายิกาได้ทำ เช่น ถวายอาหาร สร้างกุฏิ สร้างหอระฆัง เป็นต้น ไว้ในบวรพระพุทธศาสนา บางทีเรียกว่า อนุโมทนากถา ..

ส่วนในหนังสือศาสนพิธี เล่ม ๒ ฉบับมาตรฐาน โดยคณาจารย์แห่งโรงพิมพ์เลี่ยงเชียง ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ธรรมเนียม ของพระภิกษุสามเณร เมื่อได้รับถวายปัจจัยสี่ ไม่ว่าจะเป็นภัตตาหาร หรือทานวัตถุใดๆ ก็ตามจากทายกทายิกา จะต้องทำพิธีอนุโมทนาทานนั้น ไม่ว่าจะได้รับรูปเดียวหรือหลายรูปก็ตาม ต้องอนุโมทนาทุกครั้ง จะละเว้นเสียมิได้ถือว่าผิดพระพุทธานุญาต ต่างแต่ว่าอนุโมทนาต่อหน้าหรือลับหลังเท่านั้น

   ธรรมเนียมนี้ปฏิบัติ กันมาแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว ฉะนั้นการอนุโมทนาทานจึงเป็น ประเพณีมานานในหมู่สงฆ์ การประกอบพิธีอนุโมทนาลับหลังทา ยกทายิกามีวิธีเดียว คือ การบิณฑบาตที่ต้องออกรับในสถานที่ต่างๆ ทั่วไปไม่จำกัด กรณีเช่นนี้ไม่ต้อง อนุโมทนาต่อหน้าขณะที่รับบิณฑบาต แต่กลับมาถึงวัดฉันอาหารเรียบร้อยแล้ว จึงอนุโมทนา หรือยกไปอนุโมทนาในช่วงทำวัตรสวดมนต์ เช้า-เย็นก็ได้
ส่วนพิธีอย่างอื่นนอกจากนี้ควรจะอนุโมทนาต่อหน้าเสมอไปจึงจะสมควร พิธีอนุโมทนาแบ่งออกเป็นหัวข้อใหญ่ๆ ได้ ๒ หัวข้อ คือ (๑) สามัญอนุโมทนา คือ การอนุโมทนาที่นิยมใช้ปฏิบัติกันโดยทั่วไป ไม่จำกัดงานหนึ่งงานใด ก็คงใช้คำอนุโมทนาแบบเดียวกัน (๒) วิสามัญอนุโมทนา คือ การอนุโมทนาด้วยบทสวดพิเศษ คืออนุโมทนาเฉพาะทาน เฉพาะกาล และเฉพาะเรื่อง
สำหรับคำว่า "สาธุ" แปลว่า "ดีแล้ว ชอบแล้ว" ดังนั้นการเปล่งวาจาว่าสาธุก็เพื่อแสดงความเห็นชอบ ด้วยชื่นชม หรือยกย่องสรรเสริญ เพื่ออนุโมทนาในบุญ หรือความดีที่ผู้อื่นทำนั่นเอง

ในพระไตรปิฎก ได้พูดเรื่องผลบุญของการอนุโมทนาที่ทำให้ไปเกิดในวิหารวิมานว่า

ท่านพระ อนุรุทธเถระได้ถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า เหตุใดมีวรรณะงามยิ่งนัก มีรัศมีส่องสว่างไสวไป ทั่วทุกทิศ สถิตอยู่เหมือนดาวประกายพฤกษ์ มีเสียงอันเป็นทิพย์น่าฟัง รื่นรมย์ใจ มีกลิ่นทิพย์อันหอมหวนยวนใจ เสียงของเครื่องประดับผมก็ดังเสียงไพเราะดุจเสียงดนตรี แม้พวงมาลัยบนศีรษะก็มีกลิ่นหอมชวนให้เบิกบานใจ หอมฟุ้งไปทั่วทุกทิศ ขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร ?

นางเทพธิดาตอบว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นสหายของดิฉัน อยู่ในเมืองสาวัตถี ได้สร้างมหาวิหารถวายสงฆ์ ดิฉันเห็นมหาวิหารนั้น แล้วมีจิตเลื่อมใสอนุโมทนา ก็วิมานอันเป็นที่รักนี้อันดิ ฉันได้แล้ว เพราะการอนุโมทนาด้วยจิตบริสุทธิ์แต่อย่างเดียวเท่านั้น วิมานนี้เป็นวิมานอัศจรรย์น่าดูน่าชม โดยรอบสูง ๑๖ โยชน์ เลื่อนลอยไปในอากาศ ได้ตามความปรารถนาของดิฉัน ดิฉันมีปราสาทเป็นที่อยู่อาศัย อันบุญกรรมจัดแจงเนรมิตให้เป็นส่วนๆ งามรุ่งโรจน์ตลอดร้อยโยชน์โดยรอบทิศ วิมานอันมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ น่าอัศจรรย์ น่าดูน่าชมเช่นนี้ เกิดแต่ดิฉันเพราะกุศลกรรมทั้งหลาย ควรทำบุญโดยแท้


สรุปแล้วการอนุโมทนา เป็นสิ่งดี แต่สิ่งที่ดีกว่าก็คือ การลงมือทำความดี สร้างบุญกุศลนั้นๆ ด้วยตนเอง :001: :001: :001:

ที่ีมา ธรรมจักรดอทเนต

42



ผู้หญิงเข้าวัดแต่แต่งตัวไม่สำรวม


ผู้หญิงที่เข้าวัดแต่แต่งตัวไม่สำรวมอวดเนื้อหนังให้พระหวั่นไหวต่อไปจะได้รับ
ผลกรรมอย่างไร...?

ขอบเขตของคำถามที่ว่า ‘แต่งกายไม่สำรวม’ เข้าวัดนั้น อาจทำให้เพ่งโทษคับแคบ ต้องค่อยๆ
มองให้คลุมข้อเท็จจริงตามลำดับครับ

โดยความเป็นเพศหญิง มีธรรมชาติดึงดูดใจ หรือล่อตาอยู่ในตัวเองเดินๆไปถ้าเป็นที่สนใจได้ก็ถือว่ามีรูปสมบัติอันพึงมี สมเพศตนถ้าวันไหนแต่งองค์ทรงเครื่องได้ถึงขนาดชายหญิงมองเหลียวหลังกันทั่ว ทุกหัวระแหงก็จะยิ่งภาคภูมิเต็มอิ่มประมาณเดียวกับที่นักวิ่งเข้าเส้นชัยได้ เป็นคนแรกทีเดียว

ฉะนั้นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาดีเกือบทุกคนจึงอดไม่ได้กับการอยากทดสอบเสน่ห์ของตนแล้ว
อะไรจะเป็นเครื่องทดสอบได้ดีไปกว่าผู้ประกาศตนว่าสละเรื่องทางเพศแล้วไม่สนใจเพศหญิงอีกแล้ว

สมัยนี้พระทั่วไปไม่ใช่เครื่องทดสอบที่น่าท้าทายอะไร นักเนื่องจากข่าวฉาวที่ประดังเข้าหูเข้าตาผ่านหน้าหนังสือพิมพ์แทบไม่เว้น แต่ละวันทำให้ผู้หญิงยุคใหม่มองพระไม่ต่างจากชายนุ่งกางเกงนอกวัดทั้งหลาย หากทำให้สนใจได้ยังไม่ถือว่าแน่อะไรนัก เท่าที่ทราบจากคำให้การของสาวๆส่วนใหญ่จะรู้สึกสมเพชและนึกดูถูกพระที่ไม่ สำรวมเพ่งเล็งตนด้วยสายตากรุ้มกริ่มตั้งแต่แรกเห็นยิ่งกว่าสมเพชและดูถูก ผู้ชายทั่วไปมากเนื่องจากใส่เครื่องแบบที่ควรจะมีสง่าราศีเยี่ยงภิกษุผู้ อิ่มแล้วแต่กลับทำตัวกระจอกไม่ต่างจากนักโทษที่หิวโซ

แต่หากกลับเป็นตรงข้ามถ้าเป็นพระชื่อดัง ที่มีคนร่ำลือว่าเป็นผู้สงบ เป็นผู้สำรวมการทำให้
ท่านสนใจได้ นับว่าน่าภาคภูมิใจเป็นพิเศษระดับความอยากให้สนใจก็ต่างๆกันไปตามพื้นความคิดความอ่านของผู้หญิงแต่ละคน


เท่าที่ได้ทราบจากปากของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งตั้งใจสละโลกและเข้าประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ เธอยอมรับว่ารู้สึกผิดและละอายคือพออยู่ๆในวัดไปแล้วอดไม่ได้เห็นชายที่ เคร่งๆแล้วอยากลองเสียหน่อยว่าเขาจะทนเสน่ห์เธอไหวไหมในระดับของเธอ ก็จัดได้ว่ามีสติดีและยอมรับตามจริงมากพอที่จะเห็นแม้อาการตั้งใจเล็กๆน้อยๆ ของตน เช่นชม้ายตาหรือไม่มีอะไรเลยก็เดินด้วยความรู้สึกเป็นเป้าล่อความสนใจของผู้ เคร่งในธรรม

ธรรมดาผู้หญิงที่เคยถูกจับจ้องมามากจะสำเหนียกรู้ได้ ว่ากำลังมีผู้ชายสนใจตนอยู่หรือเปล่าและเป็นการแอบชำเลืองหรือเพ่งเล็งเขม็ง เป็นความสนใจด้วยความชื่นชมหรือเจืออยู่ด้วยราคะและราคะนั้นถึงขั้นหื่น กระหายหมดรูปหรือว่าเป็นเพียงความวาบหวามแบบอ่อนๆ


หากทำได้ครั้งหนึ่งก็นึกยินดี หรือนึกภูมิใจว่าตนแน่ยิ่งพระที่ขึ้นชื่อว่าปลอดกิเลสเท่าไร ยิ่งอยากทำให้สนใจตนมากขึ้นเท่านั้นแต่หากปลูกฝังจิตสำนึกในทางละอายเอาไว้ ก่อนก็จะรู้สึกผิดรุนแรงที่ทำเรื่องไม่งาม ไม่สมควร หรือบางคนยั่วให้สนใจสำเร็จเห็นพระทำตาหวานใส่ ก็พานเกลียดชัง พานสาปส่ง หมดความนับถือไปเลยไม่เหลือเกียรติให้ต้องเคารพกันอีก และไม่คิดหวนกลับไปทำบุญที่วัดนั้นตลอดชีวิตนี่นับเป็นความขัดแย้งในตัวเอง ที่น่าปวดหัว


ที่กล่าวมาคือหญิงผู้มีสำนึกในธรรมแล้วนะครับตั้งใจจะ เดินบนเส้นทางสีขาวแน่นอนแล้วยังเจอเรื่องมิติมืดภายในตนเล่นงานให้ย่ำแย่ เข้าได้ แล้วผู้หญิงธรรมดาโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับการรับรู้ข่าวคาวๆ ฉาวๆของพระล่ะ?

เท่าที่ทราบแนวโน้มของสาวรุ่นใหม่จะไม่มีความรู้สึก เกี่ยวกับเครื่องแบบที่เหมาะหรือไม่เหมาะกับเขตวัดถ้าเพิ่งเข้าวัดใหม่ๆหรือ นานๆเข้าวัดทีจะนึกไม่ถึงว่าเสื้อยืดและกางเกงรัดรูปที่‘แต่งกันเป็นปกติ’ นั้นอาจมีความยั่วตายวนใจ และรบกวนตบะของพระสงฆ์ได้ง่ายๆ

แต่จะมีสาวอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จงใจแต่งตัวหวือหวาขัดกับสถานที่ให้เป็นที่สนใจของคนอื่น ไม่ว่าจะพระเณรหรือฆราวาสด้วยกันเข้าหลักถ้าอยากเด่นต้องทำตัวให้ไม่มีใคร เหมือน เขาหลิ่วตาเราอย่าหลิ่วตามเขาแต่งขาวเราต้องแต่งดำ ผู้หญิงอื่นปกปิดเราต้องเปิดโปง

เอาเฉพาะเจตนาอันหนักแน่นข้อนี้นะครับถ้าแต่งตัวโป๊ เพื่อล่อตาล่อใจเพศตรงข้ามในวัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำด้วยความภาคภูมิใจและไม่ สำนึกผิดภายหลังหญิงนั้นได้ชื่อว่าเพาะเชื้อแห่งความเป็นธิดาพญามารไว้ในตน แล้ว

การทำบุญสร้างความเป็นธิดาพญามารมีหลายระดับถ้าแจกแจงละเอียดยิบคงเป็นปึก ในที่นี้ขอแยกเป็นคร่าวๆให้เห็นภาพง่ายสุดคือ

๑) เมื่อถึงเวลาทำบุญ ก็ทำด้วยน้ำจิตเลื่อมใสของที่นำมาถวายเป็นการจัดหาของตนหรือตั้งใจร่วมสวด หรือฟังเทศนาธรรมด้วยอาการสำรวม ก็เป็นบุญที่มีกำลังมากหากเสน่ห์ที่นำมาโปรยในวัดมีกำลังอ่อน แค่ในระดับล่อตาล่อใจไม่ถึงขั้นรู้สึกว่าถ้าสึกพระได้ถือว่าเจ๋ง อย่างนี้มีวิบากเป็นกระแสดึงดูดใจแต่เจือด้วยปัญหาร้อนใจในการคบเพื่อนต่าง เพศ เพราะใครๆก็จ้องตาเป็นมันและมักเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ทางเพศเป็นหลักแต่ กว่าจะกอบโกยประโยชน์จากเนื้อหนังไปได้เต็มอิ่ม กว่าจะรู้สึกจืดชืดก็เนิ่นนานแรมปี

เมื่อตายไป กำลังของบุญอาจเป็นแรงฉุดขึ้นสวรรค์ถ้าจิตไม่ผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะอยู่ในหมู่เทวดาที่เสวยบุญรื่นเริงเช้าค่ำตามปกติ แต่หากจิตผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัดก็จะไปอยู่ในหมู่เทวดาฝ่ายมาร มีใจขวางผู้ปรารถนาความหลุดพ้นเห็นใครประพฤติพรหมจรรย์เก่งๆก็อาจทุรนทุราย อยากลองของเช่นลองมาเข้าฝันแสดงภาพงามวิจิตรล่อใจเสียหน่อย ดูซิว่าจะเผลอหลุดฟอร์มไหมพร่ำละเมอเพ้อพกถึงนางในฝันได้ไหม

๒) เมื่อถึงเวลาทำบุญ ใจก็ยังวอกแวกคอยสังเกตว่ามีใครมองตนไหม เมื่อร่วมสวดมนต์กับคนอื่นก็ไม่ตั้งใจเมื่อฟังเทศนาธรรมก็ฟุ้งซ่านเรื่องแฟน อย่างนี้เป็นบุญที่มีกำลังอ่อนและเจืออยู่ด้วยราคะ หากเสน่ห์ที่นำมาโปรยในวัดมีกำลังกล้าแข็งถึงขั้นเห็นว่าถ้าสึกพระได้นับ เป็นยอดหญิง อย่างนี้มีวิบากเป็นกระแสน่ารังเกียจไม่น่าเข้าใกล้ ไม่น่าจับต้อง ตัวไม่เหม็นแต่ก็เหมือนเหม็นอย่างไรบอกไม่ถูกผู้ชายเข้ามาด้วยความหน้ามืด สถานเดียวและมักเป็นประเภทที่เสพสมครั้งเดียวแล้วเบื่อทันทีอยากทิ้งขว้าง เหมือนกระดาษชำระที่ใช้แล้วทันที แทบไม่มีแก่ใจอยากแตะต้องต่อเว้นแต่รอให้หน้ามืดอีกทีคราวหลัง

เมื่อตายไปกำลังของบาปมักรั้งลงต่ำถึงอบายภูมิ อาจไปเป็นเปรตจำพวกอสูรยิ่งถ้าจิตผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะอยู่ในเขตอสุรกายใจทรามชอบเข้าฝันพระหรือชายดีๆ แสดงเป็นแต่ภาพลามกจกเปรต ล่อให้คิดถึงกามารมณ์และมักเป็นกามารมณ์ที่ผิด หรือสถานเบาถ้ามีวาสนาได้กลับมาเป็นมนุษย์ก็อาจมีความต้องการทางเพศสูง อย่างที่เรียกกัน (แบบผิดความหมายเดิม)ว่าเป็นฮิสทีเรีย อยากมีอะไรกับผู้ชายไม่เลือกหน้า เป็นต้น

สิ่งที่ค่อนข้างแน่นอนคือถ้าผู้หญิงเข้าวัดโดยมีใจ เจืออยู่ด้วยเรื่องทางเพศหรือเรื่องเกี่ยวกับการดึงดูดใจชาย เกิดใหม่มักจะเป็นหญิงอีกและห่วงเรื่องความดึงดูดใจของตนเป็นที่หนึ่งจะ กระวนกระวายมากถ้ารู้สึกว่าตนเองขาดความดึงดูดใจ ไม่น่าชมได้เงินเดือนมามักถมลงไปกับเรื่องความสวยความงามเป็นหลัก

ทางที่ดีที่สุด ถ้าเริ่มเข้าวัดด้วยใจที่สะอาด ไม่มีเจตนาให้พระมาเพ่งพิศตนจะปลอดภัยที่สุดครับ การแต่งกายปกปิดมิดชิดก็เป็นการสะท้อนถึงเจตนาอันดีผมทราบว่าสุภาพสตรีหลาย ท่านมี‘ชุดปกติ’ รัดรูป ตอนเข้าวัดยากจะหา ‘ชุดปกปิด’ ได้เจอ อันนี้ขอแนะนำว่าหากทราบแน่ว่าต้องตามที่บ้านไปเข้าวัดประจำ ก็ควรหาซื้อ ‘ชุดพิเศษ’ มาเพื่อแสดงเจตนารมณ์อันดีในการเข้าวัดโดยเฉพาะครับ

ดังตฤณ

ที่มา http://club.hunsa.com/tumbun/story_detail/1/12/4773

ขอบพระคุณสำหรับเจ้าของภาพทุกภาพครับ :001: :001: :001:


43
บทความ บทกวี / ***สัปเหร่อ***
« เมื่อ: 07 ธ.ค. 2553, 12:25:09 »


สัปเหร่อ

คนเรามีกรรมเหมือน คำพุทธภาษิต
ว่าคนเราเกิดมาใช้หนี้ชีวิต
ลิขิตไปตามบาปกรรมสร้างมา
เกิดมาเป็นคนบ้างมีบ้างจนเป็นธรรมดา


เหมือนเป็นสัญญาโลกเรานี้หนาเปรียบโรงละคร
เกิดมาทุกคนไม่พ้นเชิงตะกอน
เหลือตัวล่อนจ้อนที่หลับที่นอนเหมือนกันคือโลง
คนเรามีกรรม ต้องทำกุศลไว้บ้าง


เพื่อแบ่งเบาหนี้บาปตามล้าง
คิดสร้างแต่บุญเป็นทุนเชื่อมโยง
อย่าหยิบอย่าฉวยหาทางร่ำรวยด้วยการกินโกง
แม้ตายเข้าโลงบาปกรรมเพราะโกงติดตามเรื่อยไป


ถึงเป็นเศรษฐีมั่งมีเงินทองเพียงใด
หมดลมแล้วไม่อาจนำเงินไปได้เลยสักคน
เวรกรรมตามทัน เห็นกันทันตาก็บ่อย
เข้าอยู่ในคุกก็ไม่ใช่น้อย


ไม่ค่อยจดจำในความทุกทน
สวรรค์ในอก และมีนรกในดวงกมล
ขอเตือนทุกคน ว่ามีหรือจน ไม่เห็นสำคัญ
หมดลมหายใจแล้วไปนอนเรียงกัน

ที่ป่าช้านั้น ไม่พ้นมือฉันพวก สัปเหร่อ
ขอให้กำลังเจ้าหน้าที่(สัปเหร่อ)ทุกท่านครับ


ขอบคุณที่มา ธรรมจักรดอทเนต

44
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ
(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม


ภาพรวมๆครับ

เหรียญเก่าแต่ถ่ายมาใหม่ครับ(เคยโพสแล้วนำกลับมาให้ชมกันอีกครั้ง) :001:

เหรียญอะเมซิ่ง 2541



เหรียญนั่งหมู ปี 2534



เหรียญแปดทิศ ปี 2533



เหรียญ บูชาครู ปี 2536

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี      
:001: :001: :001:

45



รวมความประทับใจสำหรับการเปิดงาน แผ่นดินของเรา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธ.ค. 5


ตามลิงค์นี้เลยครับ http://www.job1hit.com/news/2659/

ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ

ขอบคุณแหล่งที่มา  : posttoday   http://www.job1hit.com/news/2659/

46



http://www.9forking.com

ขอเชิญร่วมลงนามถวายพระพรออนไลน์ได้ที่  http://www.9forking.com

ขอพระองค์ท่านมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร แก่พสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศตลอดไป ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม


47


พ.ศ.๒๕๕๕
ผืนน้ำกลืนกินผืนดิน

หลวงปู่สรวง (เทวดาเล่นดิน) พูดถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นาน...

พอดีผมพึ่งได้ซื้อหนังสือรวมเล่ม ประวัติของ หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล มาเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว บอกตามตรงเมื่อก่อนผมไม่เคยรู้จัก หลวงปู่สรวง แต่พอดีวันนี้ไปเดินซื้อหนังสือ เจอหนังสือเล่มนี้น่าสนใจดีเลยซื้อมา

และมาตั้งกระทู้นี้ก็เพราะว่า ผมก็อ่านหนังสือเล่มนี้ไปตามปกติแต่ยังอ่านไม่จบ วันนี้อ่านไปเจอตอนหนึ่งที่คิดว่าตรงกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันมากๆ เป็นที่น่าแปลกใจ จึงลอกข้อความจากหนังสือมาให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านกันครับ


เรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัตินี้ เป็นคำบอกเล่าจาก พระครูจันทธรรมานุโยค (ลมัย จันทโร) เจ้าอาวาสวัดโคกตาเขียว อ.สังขละ จ.สุรินทร์ ซึ่งท่านได้เมตตาเล่าให้ทางนิตยสารลานโพธิ์ถึงเรื่องต่างๆ แต่ผมขอยกเรื่องที่ท่านเคยได้ยิน หลวงปู่สรวง พูดถึงเรื่องภัยพิบัติมาดังนี้

หลวงปู่สรวง พูดถึงภัยพิบัติ

เมื่อประมาณปี 2541 หลวงปู่สรวง ท่านแวะมาที่วัดของ หลวงพ่อลมัย ในช่วงเข้าพรรษา และก่อนท่านจะจากไป ท่านพูดเป็นภาษาเขมรกับหลวงพ่อลมัยว่า

'พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว  กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรมจะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรม จะอยู่รอดปลอดภัยได้'

ต่อไปนี้ พ.ศ. 2555 คนเก่งอยู่ในเมืองไทย อยู่ที่ไหนก็ตามแต่ มุมไหนก็แล้วแต่ พ่อ - แม่ - ญาติพี่น้อง ไม่ต้องสู้ จะตายหมด น้ำทะเลตีข้างล่างได้ครึ่งโลกแล้ว ไม่ใช่ครึ่งประเทศนะ ครึ่งโลกแล้ว มาบอกให้หยุดนะ ไม่ต้องอยากชนะกันให้ออกไป อย่ามีเวร อย่ามีกรรม (หลวงปู่เตือนคนเก่งทั้งหลายทั่ว ประเทศไทย แต่ไร้ศีลธรรม ต้องการเอาชนะพระโพธิสัตว์ ผู้สูงยิ่งด้วยบารมี ให้พวกนี้เปลี่ยนใจเสียก่อนที่พวกเทพจะตัดสินมาเอาชีวิตไปสิ้นทั้งครัว เรือน)

ครั้งที่สองบอกอีก เป็นภาษาเขมรว่า ให้ออกก่อน 'พวกที่ทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ออกไปก่อน นางนาคเป่าน้ำน้ำทะเลเต็มไปหมด'  ให้มันไปแต่พวกนี้ ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ กลับเข้ามาก็ตีท่วมภูเขา มีทั้งดินมีทั้งโคลน   (หลวง ปู่สรวง เมตตาเตือนผู้หลงผิดให้เลิกกระทำเวรกรรมต่อสถาบันต่างๆของผืนแผ่นดินไทย ที่บรรพบุรุษ ได้สร้างมากับมือมาช้านาน อีกคำรพที่ 2 โดยให้เวลา 2 ชั่วโมงเศษ ก่อนที่ทั้งน้ำและโคลน จะทะลัก มาเอาชีวิตไปสิ้น)

'พวกทำไม่ดีตายหมด'  แกว่า...เทวดาตัดสินเอง เจ้ากรรมนายเวรตัดสินเอง หลวงพ่อไม่กลัว (หลวงปู่สรวง) แล้วก็ไม่หนีด้วย หลวงพ่อนี่ในตัวสังขละ ท่านสร้างมาหลายวัดเหมือนกัน ไปอยู่ที่นั่น เขาเอาระเบิดเข้าไป สามปีมอบตัวกันหมด ที่ถนนดินแดงหลวงพ่อก็ไป'  (หลวงปู่ลมัย ท่านบอกเป็นนัยๆ ถึง บารมีและอิทธิฤทธิ์ ของอภิญญาในหลวงปู่สรวง)

ถาม - ที่ หลวงปู่สรวง พูดหมายความว่ายังไง ?

ตอบ - แปลว่า ไม่ต้องกลัว 2555 นางนาคเป่าน้ำ ท่วมทั้งน้ำทั้งดิน ตายวอดวาย คนที่ไม่ดีตายหมด คนดีไม่ตาย

'คนดีมันเป็น ไม่ตายจะรอด'  (เทวดา แยกเป้า เอาชีวิตเฉพาะคนชั่วหลงผิด คิดมุ่งทำร้าย ประเทศชาติ สถาบัน ของบรรพบุรุษ ฬฬที่ ดร.ปริญญา บอกว่าพวกเจ้ากรรมนายเวร ใช้สีดำกากบาทเอาไว้ที่หน้าผาก แยกคน 2 พวกออกจากกันเอาไว้ล่วงหน้า ใครตาดีก็จะเห็นเอง)

ท่านบอกให้คอยดู แต่มาเป่านี่มันปี 2547 - 2550 ไม่ใช่สึนามินะ นางนาคสิเป่า ปี 55 แถวเราน้ำไม่มี เขาว่านางนาคเอาขึ้นข้างบน สามวันสามคืนก็เป็นลูกเห็บ ลูกที่หนึ่ง ลูกที่สอง ถูกใครตายระเนระนาด อย่าให้ถึงขนาดนั้น 'คนดีไม่ตาย'  

(เทวดาใช้เวลา ปฏิบัติงาน เก็บคนเป้าหมาย 3 วัน 3 คืน ด้วยระเบิด น้ำแข็งจากฟ้า แล้วจึงใช้น้ำและโคลน มาถล่มซ้ำ ใน ปี 2555 เป็นการบอกให้คนดีรู้ล่วงหน้า จะได้พิจารณา หลบออกไปจากวงเผด็จศึกของเบื้องบน ที่จะมาทำภารกิจของผืนแผ่นดินไทยอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ชนส่วนใหญ่รู้ๆกันว่า กรุงเทพมหานคร มีทีมงานของพระสยามเทวาธิราช ดูแลอยู่ ร่วมกับคณะพระโพธิสัตว์ทั้งมวล ซึ่งท่านผู้ใหญ่ในบ้านเมืองออก มาพูดให้ฟังอยู่บ่อยๆ นั่น เป็นของจริงในอีกมิติหนึ่ง ที่หลายๆคนอาจเข้าไม่ถึงมิตินี้...ซึ่งหลวงปู่สรวงได้เมตตา นำมาตักเตือนผู้หลงผิด ด้วยกันถึง 2 วาระ)

แกว่างั้นนะ ถ้าคนมีศีลห้าไม่ถูก ก็เรา ไม่ได้กบฎพระเจ้าอยู่หัว  คนที่กบฎ คนที่อยากชนะ ผืนแผ่นดินนี้ตายแน่ จะยึดแผ่นดินเป็นหลักแค่นั้นแหละ ปีนี้นาคไม่ขึ้นที่หนองคาย นาคไม่ขึ้น


หลวงปู่สรวง ท่านละสังขารเมื่อ วันที่ 8 กันยายน 2542 (ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีมะโรง) สรีสังขารของท่านตั้งอยู่ที่ศาลาออยเตียนสรูล วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ

ประวัติสังเขปหลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล

ออยเตียนสรูล เป็นภาษาเขมรแปลวว่า ให้ทานความสุข  ซึ่งความหมายของคำนี้คือหลวงปู่สรวงท่านเป็นผู้ให้ ให้แก่ลูกหลาน ลูกศิษย์ ทุกคนที่ผ่านมาในชีวิตท่าน ท่านให้ได้ทุกอย่าง ทรัพย์สินเงินทองที่มีผู้ถวายท่าน ท่านไม่เคยเก็บเป็นสมบัติส่วนตัว ท่านจะให้แก่คนที่ท่านเห็นว่าเขาควรจะได้ โดยที่ไม่มีกำหนดแน่นอนว่าจะเป็นใคร และที่สำคัญท่านให้ความสุขกับ ผู้มีความทุกข ์แล้วมาหาท่าน หรือแม้แต่ผู้ที่แค่นึกถึงชื่อท่าน ท่าน ก็เผื่อแผ่พลังเมตตานั้นมาช่วยให้เขาคนนั้นคลายทุกข์ได้ ถ้าไม่เนื่องด้วยความทุกข์นั้นเกิดจากกฎแห่งกรรมแล้ว ท่าน ก็จะช่วยเสมอ นี่แหละคือที่มาของฉายาท่าน

โพสต์โดยคุณ KK วันที่ 2009-05-23 21:19:55

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หลวงปู่เพ็ง พุทธธัมโม พูดถึง อดีตนายกเศรษฐี และน้ำท่วม กทม. และโลก

หลวงปู่เพ็ง พุทธธัมโม  เป็นพระลูกชายของหลวงปู่บัว สิริปุณโณ ท่านก็เคยพูดไว้ เมื่อตอนที่อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเศรษฐีนายทุนกำลังหาเสียงเลือกตั้ง ตอนนั้นหลวงปู่ท่านมาพักที่บ้าน ท่านเรียกเข้ามาดูทีวี แล้วชี้ไปที่นายทุนคนนั้น ท่านบอกว่า

'มึงจำคำกูไว้นะ  ไอ้คนนี้ เมื่อไหร่ที่ไอ้คนนี้ขึ้นมาครองเมือง เมื่อนั้นคนจะตายเป็นเบือ ยังกับใบไม้ร่วง และไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย จะเป็นไปทั่วโลก เพราะว่าฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมันมาเจอกันพอดี๊พอดี'
 
ท่านว่า อย่างนั้น และเมื่อนายทุนรายนั้นขึ้นเป็นนายกฯ ครั้งแรก ก็ทราบว่า ที่อเมริก็กาจอร์จ ดับเบิ้ลยูบุช อังกฤษก็โทนี่ แบลร์ ก็รู้สึกว่าบ้าอำนาจพอๆ กัน (ตรงตามคำที่หลวงปู่พูดหน้าทีวีเป๊ะ)

ทีนี้หลวงปู่ท่านก็พูดอีกว่า 'ไอ้คน นี้มันบ้าอำนาจ มันจะพยายามหาคนมาแทนพระสังฆราช จ้างก็ไม่มีทาง มันช่างไม่รู้เอาเสียเลย ว่าพระสังฆราชกว่าจะมาเป็นได้นั้นมาจากไหน หวังจะล้มพระเจ้าแผ่นดิน เมินเสียเถอะ กว่าจะมาได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เขาคัดเลือกมาเพื่อคู่กันกับพระสังฆราชแล้ว'   (หลวงปู่ท่านอธิบายให้ฟัง ตามทัศนะของผู้มีอตีตังสญาณ)
 
ตอนนั้นผู้เขียนก็กราบเรียนถามท่านถึงเรื่องนี้ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังจนจบ ไม่ขอเล่าตรงนี้มันยาว และเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมาย

ต่อจากนั้นท่านก็พูดอีกว่า 'น้ำจะท่วม เมืองทั่วโลก เพราะเขาเริ่มคัดคน มันเป็นทีของพวกนาคแล้ว ทีใครทีมัน เมื่อก่อนหากมีเรื่องใครตายใครเป็น ใครเจ็บ จะมีลมพัดมาเรียกว่าลมส่า (ภาษาอีสานเรียกว่าส่า ภาษาไทยหมายถึง ลมกระพือข่าว) คือเทวดาเขาส่งข่าว และถ้าดีเทวดาก็จะดูแลรักษา แต่ไม่ดีก็ไม่รักษา
 
แต่คนปัจจุบันนี้ หาดียากมาก และไม่ค่อยสนเทวดา มันว่ามันเก่งกว่าเทวดา เทวดาเลยไม่สนคนเหมือนกัน เรื่องของมึงเรื่องของกู ทีนี้คนก็เป็นเหมือน 'คน' จริงๆ คนกันอยู่นั่นะแหละ คนเท่าไหร่ก็ไม่ทั่ว มีแต่เรื่องราวให้ตีแตก แยกแยะกัน พวกมึงเร่งทำบุญภาวนาเข้า พวกมึงจึงจะรอด'

'ต้องทำยังไงบ้างหลวงปู่'

'มันจะยากอะไรก็ให้รักษาศีล ข้อไหนที่มันขาด ก็เอาใหม่เริ่มต้นเสียแต่เดี๋ยวนี้ ข้อไหนพร่องหย่อนยานไปก็ให้ดึง ให้มันตึงเข้าไว้ ในที่สุดมันก็จะเข้าใจและรักษาได้สบายๆ แล้วก็ทำบุญไปอย่าไปขัดบุญใคร บุญเราก็เร่งทำของเราไป ภาวนาไปด้วย'

'ภาวนาอย่างไรบ้างปู่ อยากได้แบบลัดๆ'

'คนสมัยนี้ความดีมันไม่ค่อยอยากทำ แต่พออยากได้มันก็อยากได้ลัดๆ เลย'

'ก็มันไม่มีเวลาแล้ว ขอได้ไหมปู่'

'มึงพอไหว เริ่มเข้าเดี๋ยวนี้ ชำระสิ่งชั่วจากใจเดี๋ยวนี้เลยนะ รู้ไหมว่า จะมีน้ำท่วมใหญ่ เขาคัดคน เขาบอกว่าโลกจะแตกนั้น มันไม่ใช่แตกดังโป๊ะ เหมือนลูกโป่งนะ มันค่อยๆ แตกทีละน้อยๆ คือเลือกคนนั่นแหละ'

'คนที่ทำบุญจะรอดไหมปู่'

'รอด คนมีศีลมีธรรมเท่านั้นจึงจะรอด พยายามกันเข้า มันจะแย่ไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่คนนั้นขึ้นครองเมือง การสู้รบตบมือมากมาย และมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ให้ดูไว้นะ ข้าวจะยากหมากจะแพง....จนถึงปี 2555 วิกฤตสุด'

ตอนนั้นผู้เขียนไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งมีช่วงหนึ่งอาหารการกินขึ้นราคาแพงหมด ท่านพยากรณ์เอาไว้ก่อนท่านมรณภาพ 2 ปี หลังจากนั้นก็เป็นตามที่ท่านพูดทุกอย่าง และตอนนั้นท่านพูดถึงการบาดเจ็บของหลวงพ่อคูณด้วย
 
และก็เป็นจริงว่าหลวงปู่จะถูกรถชน (รถชนกันหลวงพ่อคูณอยู่ในรถตู้) ก็รถชนกันจริงๆ ซึ่งถือว่าท่านมีญาณอนาคตบอกลูกหลาน

อีกครั้งหนึ่งเคยไปกราบหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม ท่านบอกกับผู้เขียนว่า น้ำจะท่วมใหญ่ให้รีบทำบุญ

'เมื่อน้ำท่วมจะมีกองถั่วอยู่ 4 กอง กองที่ 1 จะไหลไปกับน้ำอย่างรวดเร็ว หายไปเลย กองที่ 2 จะไหลไปกับน้ำ บางเมล็ดก็จะสามารถเกาะเกี่ยวอยู่ได้รอดจากน้ำ แต่ก็ร่อแร่เต็มที กองที่ 3 จะกระทบเพียงเล็กน้อย เพราะสงสารกองที่ 2 เลยต้องอาสา กองที่ 4 ไม่กระทบกระเทือนใดๆ เลย'

'หลวงปู่กำลังหมายถึงว่ากองถั่วนั้นคือคนใช่ไหม'

' ใช่ '

'กองที่ 1 ไปทั้งคนทั้งบ้าน ทั้งรถ ทุกอย่างจมหายไปเลย'

'กองที่ 2 ไปบ้างก็รอดบ้างหรือคะ'

'ใช่ กองที่ 3 คือคนที่ปฏฺบัติธรรมมีศีลธรรม กระทบเพียงเพื่อส่งสาร ขอช่วยเหลือเขา ส่งข้าวส่งน้ำเท่านั้น'

'ถ้าอย่างนั้นกองที่ 4 ก็คือพระอริยเจ้าหรือเจ้าคะ'

'ถูกต้อง ไม่กระทบเลย แม้แต่ใจก็ไม่กระทบ'    (หลวงปู่ บอกให้ทราบทางอ้อม ว่าท่านจบมรรคสมบูรณ์แล้ว)

ท่านว่าอย่างนั้น และเมื่อก่อนจะเกิดสึนามิ ท่านก็ยังบอกด้วยว่าเมื่อมารวมตัวเลย ในการเคยสร้างความชั่วเอาไว้ ก็จะเกิดขึ้นด้วยการรับกรรมร่วมกันอีกต่อไป

ท่านบอกต่อไปว่า ให้ท่องคาถาวิรูปักเขเอาไว้มากๆ มันเป็นทีของพวกสัตว์มีเขี้ยวทั้งหลาย งู ตะขาบ แมงป่องฯ ท่านว่าอย่างนั้น

มีพระอีกหลายรูปที่ท่านพูดเอาไว้ ล่วนใหญ่เป็นพระอริยะทั้งสิ้น จึงเชื่อ เพราะเห็นมากับตาแล้วมากมาย
 

 

ข่าวสารจากจิตจักรวาล
 

 จาก การสื่อสารรับข้อมูลจาก 'จิตจักรวาล' ของอาจารย์ปริญญาที่ได้รับบอกกล่าวกันไว้ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ผ่านทางรายการ งสำนึกรักแผ่นดินง โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่องสุวรรณภูมิ เวลา 18.00 - 20.00 น
 
.อาจารย์ปริญญาได้บอกถึงหายนะทางธรรมชาติไว้ ล่วงหน้า เป็นการเตือนให้มนุษย์ตระหนัก และสร้างจิตสำนึกที่ถูกต้องดีงามกันใหม่ จึงนำมาเสนอไว้

ค.ศ. 2012 ( พ.ศ. 2555) กรุงเทพฯ ธนบุรีน้ำท่วมหนัก - พายุใหญ่ถล่มกรุง - คอนโดใหญ่ และตึกสูงพัง ถล่มสะพานแขวนขาด เพราะพายุ และฟ้าผ่า จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง

ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ไทย-พม่า-อินเดีย-ศรีลังกา จะประสบภัยร้ายแรงระดับที่ต้องเขียนแผนที่โลกกันใหม่ แผ่นดินส่วนหนึ่งจะจมหายไปในทะเล จะมีผู้ประสบภัยไร้ที่อยู่ที่กิน-เสียชีวิตรวมกัน 3.23 ล้านคน / คนไทย 1.2 แสนคน เหตุการณ์นี้จะทำให้ด้ามขวานของไทยหักจมทะเล ตรงประมาณหลัก กม.ที่ 346 จาก กทม. ไปตามถนนเพชรเกษม ทำให้ทะเลเชื่อมต่อกันสองด้าน เป็นระยะห่างประมาณ 1,823 เมตร ในส่วนที่หักจมทะเลหายไป
 
 โพสต์ข้อความโดยคุณ ประมวล รุจนเสรี วันที่ 23/8/2009

ขอบคุณที่มา http://www.naewna.com/news.asp?ID=


http://ainews1.com/article445.html

48


ทุกข์เกิดจากใจ ... เอาใจล้างทุกข์

อย่าปล่อยให้ความทุกข์มาทำร้ายชีวิตเราเลย
เมื่อใดที่จิตใจเกิดทุกข์
หันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่
ยิ้มรับกับความทุกข์นั้น
ยิ้มให้มันและหาหนทางสะสางมันออกไปจากจิตใจให้เร็วที่สุด



ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไปใช่ไหมครับ
หากเรามัวแต่นั่งอมทุกข์...
มันก็จะยิ่งฝังความทุกข์ไว้ลึกเสียจนสายเกินแก้


"โคลนเกิดจากน้ำ น้ำนั่นแหละล้างโคลนได้ดีที่สุด
ความทุกข์เกิดจากใจ ใจนั่นแหละล้างทุกข์"

มีสติแล้วค่อยๆพยุงตัว นั่งคิดทบทวนว่า
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น เราจะแก้ไขมันอย่างไร
อันไหนแก้ง่ายก็รีบแก้

ส่วนอันไหนที่แก้ยากก็ค่อยๆกะเทาะมันออกไป


ทาโร่.
"พลังใจ บินไปคว้าฝัน". กรุงเทพฯ : ใยไหม, 2546. หน้า 79.
ที่มา  http://www.udon108.com/board/index.php?topic=36385.0

49









ตำนานของพ่อแก่

พ่อแก่ หรือพระฤาษี ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนในแวดวงศิลปะแขนงต่างๆ ล้วนนิยมเคารพนับถือบูชา เนื่องด้วยเกิดจากความเชื่อที่ว่า ในอดีต พ่อแก่หรือพระฤาษีได้เป็นผู้นำเอาศิลปะ แขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องรำทำเพลง หรือแม้แต่การร่ายรำ นาฏศิลป์ต่างๆ มาถ่ายทอดให้แก่มนุษย์ได้รับรู้ความงาม ความอ่อนช้อยของศิลปะ รู้จักความอ่อนโยน รู้จักรัก รู้จักเมตตา และ

การให้อภัย ก่อให้เกิดความสุขแก่มวลมนุษยชาติ ดังนั้นศิลปิน หรือผู้เกี่ยวข้องในศิลปะทุกแขนง ในประเทศไทยจึงได้เคารพบูชาพ่อแก่ หรือครูฤาษีว่าเปรียบดังบรมครูแห่งศาสตร์ของการแสดง เมื่อได้บูชาแล้วจะก่อให้เกิดศิริมงคล มีความเจริญก้าวหน้าในด้านการงาน มีเสน่ห์ เมตตามหานิยมในตัว
ความเป็นมาของพ่อแก่

พ่อแก่, พระฤาษี หรือบางครั้งก็เรียกกันว่า ครูฤาษี ถือเป็นบรมครูแห่งศาสตร์ของการแสดง ตามตำนานกล่าวไว้ว่า พระฤาษีมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 108 องค์ ปางเสมอเถรถือว่าเป็นปางที่มีฤทธิ์มากที่สุดในบรรดาทั้ง 108 องค์ คำว่า ฤาษี มาจากคำว่า ฤาษิ แปลว่า ผู้เห็นด้วยความรู้พิเศษอันเกิดจากฌาน ซึ่งสามารถแลเห็นอดีตปัจจุบัน และอนาคตได้ บางครั้งก็เรียกพ่อแก่หรือฤาษีว่า

"ตฺริกาลชฺญ" แปลว่า ผู้รู้กาลทั้งสาม นอกจากนี้พระฤาษียังถือว่าเป็นผู้ประทานสรรพวิชาความรู้ ทั้งมวลแก่มนุษยชาติ เนื่องด้วยตำราทางโหราศาสตร์ และตำราทางเทววิทยา กล่าวไว้สอดคล้องกันว่า พระพฤหัสบดีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นอาจารย์แห่งสรรพวิชาความรู้ทั้งมวล
"วันครู"

เนื่องด้วยพระอิศวรมหาเทพ ร่ายพระเวทให้ฤาษี 19 ตน ป่นเป็นธุลี แล้วห่อด้วยผ้าสีแก้วไพฑูรย์ ประพรมด้วยน้ำอมฤต บังเกิดเป็นเทวราช มีสีกายดั่งแก้วไพฑูรย์ มีวิมานบุษราคัม ทรงกวางทองเป็นพาหนะ รักษาเขา พระสุเมรุด้านทิศตะวันตก มีร่างกายแสดงด้วยสัญลักษณ์ของฤาษีจึงมีปัญญาบริสุทธิ์ เฉลียวฉลาด พูดจาไพเราะเสนาะหู เป็นอาจารย์แห่งสรรพวิชาความรู้ทั้งมวลรวมถึงเป็นอาจารย์ของ

เหล่า เทพเทวดา จึงให้ถือว่าวันพฤหัสบดีอันแสดงด้วยสัญลักษณ์ของฤาษีเป็นวันครูจึงมีการไหว้ ครูกัน ในวันนี้ ซึ่งมีสืบทอดมาจนถึงยุคปัจจุบัน



50















ขอบคุณเสน่ห์ต้นน้ำครับ สำหรับภาพถ่ายสวย ๆ นำมาให้ท่านสมาชิกได้ชมกัน

51





ขอโทษนะครับพอดีจะประชาสัมพันธ์
งานกำหนดการพระราชทานเพลิงศพ พระครูสุภัทรคุณ(หลวงปู่พวง อดีตเจ้าอาวาสวัดตะโน)
พอดีเข้าเวบบอร์ดวัดบางพระไม่ได้เลยโพสกำหนดการล่าช้า
อภัยมา ณ โอกาสนี้...สวัสดี


52


เครื่องราง ของขลัง
ปลัดขิคกวางเหลียวหลัง
ปลัดขิค นวะโลหะตัวจิ๋ว
จิ้งจกสองตัวสองหาง
จิ้งจกทับกันมหาเสน่ห์
น้ำเต้าดูดทรัพย์

ศึกษาและสะสมนำมาเป็นวิทยาทานครับ
ยินดีให้คำปรึกษาครับ ขอบคุณที่เยี่ยมชม...สวัสดี
:001: :001: :001: :002: :114: :089:

53



ประวัติพระอัญญาโกณฑัญญะ
๑.  สถานะเดิม
 ชื่อ โกณฑัญญะ  ส่วนที่มีคำว่า  อัญญานำหน้านั้นเกิดจากพระศาสดาทรงเปล่งอุทานตอนท่านได้ดวงตาเห็นธรรมว่า  อญญาสิ  วต  โภ  โกณฑญฺโญ  แปลว่า  โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ  คำว่า  อัญญา  จึงเป็นคำนำหน้าชื่อของท่านตั้งแต่นั้นมา
 เกิดที่บ้านพราหมณ์ชื่อโทณวัตถุ  อยู่ใกล้กรุงกบิลพัสด์  วรรณะพราหมณ์  การศึกษาจบไตรเพท  และรู้ตำราทำนายลักษณะ

๒.  มูลเหตุแห่งการบวชในพระพุทธศาสนา
 ท่าน เป็น  ๑  ในจำนวนพราหมณ์  ๘  คน ที่คัดจากพราหมณ์  ๑๐๘  คน  เพื่อทำนายพระลักษณะของพระราชกุมาร  ซึ่งท่านได้ทำนายว่า  พระราชกุมารจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  อันต่างไปจากพราหมณ์อื่นอีก  ๗  คนที่ทำนายว่า  พระราชกุมารมีคติเป็น  ๒  คือ  ถ้าอยู่ครองฆราวาสจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช  ถ้าออกบวชจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 เพราะเชื่อตำราทำนายลักษณะของตน  เมื่อทราบข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะ  เสด็จออกบรรพชา  จึงได้ออกบวชตาม

๓.  การบรรลุธรรม
 ท่าน ได้บรรลุโสดาปัตติผล เพราะฟังปฐมเทศนาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน และบรรลุพระอรหัตผล  เพราะฟังอนัตตลักขณสูตรที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันเช่นกัน  เมื่อท่านได้บรรลุโสดา-ปัตติผลแล้ว  ได้ทูลขอบวชกับพระผู้มีพระภาคเจ้า  ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุด้วยพระวาจาว่า  จงเป็นภิกษุมาเถิด  ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว  จงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด  วิธีบวชแบบนี้เรียกว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา  ท่านเป็นพระสงฆ์สาวกรูปแรกในพระพุทธศาสนา


๔.  งานประกาศพระศาสนา
 พระ อัญญาโกณฑัญญะ มีผลงานสำคัญคือ ให้นายปุณณะ บุตรของนางมันตานีน้องสาวของท่านบวชในพระพุทธศาสนา  ซึ่งต่อมาได้เป็นกำลังสำคัญในการช่วยประกาศศาสนา  โดยมีกุลบุตรบวชในสำนักของท่านเป็นจำนวนมาก

๕.  เอตทัคคะ
 พระอัญญา โกณฑัญญะ  ได้รับยกย่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า  เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย  ผู้รัตตัญญู  แปลว่า  ผู้รู้ราตรี  หมายความว่ารู้ธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนก่อนใครทั้งหมด

๖.  บุญญาธิการ  (  การสร้างบารมี )
 ใน กาลแห่งพระพุทธเจ้า  ทรงพระนามว่า  ปทุมุตตระ  ท่านได้ปรารถนา  ตำแหน่งรัตตัญญู  คือรู้ธรรมก่อนใคร  แล้วได้ทำบุญมาตลอดจนถึงกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า  วิปัสสี  ได้เกิดเป็นกุฎุมพี  ชื่อมหากาล  ได้ถวายทานอันเลิศ  ๗  ครั้ง  จึงได้รับเอตทัคคะนี้


๗.  ปรินิพพาน
 ในบั้นปลายชีวิต  ท่านได้ทูลลาพระศาสดาไปจำพรรษาในป่าหิมพานต์  ที่ฝั่งสระฉัททันต์  ๑๒  พรรษา  เมื่อใกล้จะปรินิพพานได้มาทูลลาพระศาสดา  แล้วกลับไปปรินิพพาน  ณ  สถานที่นั้น
 นิพพานมี  ๒  อย่างคือ  สอุปาทิเสสนิพพาน  แปลว่าดับกิเลสมีเบญจขันธ์เหลือ  หมายถึงพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่  อนุปาทิเสสนิพพาน  ดับกิเลสด้วยเบญจขันธ์ดับด้วย  หมายถึงพระอรหันต์ที่สิ้นชีวิต  ดังนั้น  อนุปาทิเสสนิพพานจึงน่าจะใช้คำว่า  ปรินิพพาน  จึงได้ใช้อย่างนี้

 


ขอบคุณ gongtham.net

54







กราบนมัสการหลวงพ่อติ่ง วัดบางพระ   :054: :054: :054:

เหรียญพระอาจารย์ติ่ง  ศิษย์หลวงพ่อเปิ่น (รุ่นแรก) 2553
เนื้อเงิน เนื้อจ้าวน้ำเงิน เนื้อทองแดง
และสติ๊กเกอร์

ออกแบบเหรียญได้สวยงามมากครับ
เป็นอีกเหรียญหนึ่งที่น่าจับตามอง ครับ
และเป็นรุ่นแรกของท่านด้วย


ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ
ขอบารมีหลวงปู่คุ้มครองทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ...สวัสดี :001:




55
บทความ บทกวี / >>>ใครทำ ใครได้<<<
« เมื่อ: 20 พ.ย. 2553, 03:53:17 »


ใครทำ ใครได้

บุคคลผู้ที่จะได้รับประโยชน์จาก...'ธรรมะ'
...จาก...'หลักธรรม'...
คำสั่งสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า...

คือ...'ผู้ที่รู้แล้วพึงปฏิบัติทำตามที่รู้'...
ไม่ว่าจะเป็นสตรี...
ไม่ว่าจะเป็นบุรุษ...


ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่ม...
ไม่ว่าจะเป็นคนสาว...
ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่า หรือผู้แก่...

ทุกคนล้วนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด...
ในการที่จะปฏิบัติธรรม...
และในการที่จะได้รับผลประโยชน์แห่งธรรม...

อันเหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมของตน...
เหตุเพราะ...
ธรรมะของพระพุทธเจ้า...

ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชังในการให้ผล...
ผู้ใดพึงทำพึงปฏิบัติ...ผู้นั้นพึงจะได้รับผล
กล่าวคือ...ใครทำ ใครได้...

ใครไม่ทำ ก็ไม่ได้....ยุติธรรมที่สุด
จะปฏิบัตเช่นไร ก็ตามแต่จริตของแต่ละบุคคล...
เพราะ....พระตถาคตเจ้าทั้งหลาย...
ทรงชี้ทาง...ทรงแนะนำเหตุและผลไว้ให้แล้ว...

ขึ้นอยู่ที่ว่า....
จะทำ...หรือ...ไม่ทำ
จะปฏิบัติ...หรือ....ไม่ปฏิบัติ...ฯ


ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
 :054: :054: :054:

ที่มา  http://www.dhammavariety.com/

56



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

ล็อคเก็ตหลวงปู่เปิ่นยืนถือไม้เท้า ขนาดจัมโบ้
ด้านหลังอุดผง พระนาคปรกจิ๋ว  จีวร เหรียญหน้าเสือ
:001: :001: :001:

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี     

57










น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

รวมพระฤาษีวัดบางพระ
รูปหล่อพระฤาษีนั่งชี้นิ้ว , รูปหล่อพรฤาษียืนชี้นิ้ว , รูปหล่อพระฤาษีนั่งพนมมือ
พระฤาษีเนื้อยาจินดามณี
และเหรียญพระฤาษี


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี      

58


ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน

อะไรๆในโลกนี้มันก็ไม่แน่สักอย่าง
วันนี้ยังคุยกันอยู่ดีๆ
พรุ่งนี้อาจจะได้นอนพักยาวก็ได้
วันนี้ได้หัวเราะอิ่มเอมกับความสุข
พรุ่งนี้ อาจต้องร้องไห้จนน้ำตาท่วมจอ

ชีวิตคนเราหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปทุกวัน
เคยอยู่ในอำนาจวาสนามานาน
อำนาจมันมาแล้วก็ไป
แม้วันนี้ยังมีชีวิตอยู่
หรือต้องเร้นหลบซ่อนหน้า
ไปไกลแสนไกลจากผู้คน...ก็ไม่รู้

คนเรายิ่งสูงยิ่งหนาว
ถ้าหากไม่รู้จักดึงคนอื่นขึ้นไปด้วย
และต้องอยู่กับผู้คนด้วยรักและเมตตา
จึงจะอยู่อย่างเป็นสุข


บางทีการอยู่อย่างโดดเดี่ยว
อาจทำให้เห็นตัวเองชัดเจนขึ้น
ใครบางคนในโลกนี้
จะรู้ถึงสัจจธรรมข้อนี้ไหมนะ
ว่าโลกไม่เที่ยง เป็นอย่างนี้เอง
หรือแค่มองเห็นแต่สิ่งที่ตัวเองอยากเท่านั้น


ธรรมะจักรดอทเน็ต

59



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญรุ่นพิเศษย้อนยุคลงยาสีน้ำเงิน ปี2545
ตอกโค๊ตภาษาจีน ว่า เฮง เป็นเหรียญย้อนยุค
ปัจจุบันเหรียญปี 2519 มีราคาค่อนข้างสูงมาก ใครมีกำลังทรัพย์น้อยก็ยังพอหาบูชากันได้ นะครับ ... สวัสดี :001:



ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี      


60



เหรียญที่ระลึกงานทอดกฐิน ประจำปี 2540
ศึกษาและสะสม


ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ ...สวัสดี :001: :001: :001:

61




4-5-6 ก.พ.54
เชิญไหว้บูชาพระบรมสารีริกธาตุ จาก 8 ประเทศ 10 วัด

 รายละเอียดเชิญอ่านได้ที่ เวบบอร์ด วัดนก นะครับ :001:

http://www.watnok.co.cc/

62


ขอเชิญพี่ๆๆ เยี่ยมชมและสมัครสมาชิกใหม่เข้าสู่ระบบ เวบบอร์ดวัดนก จรัญฯ13
เป็นเวบน้องใหม่ เยี่ยมชมวัตถุมงคลของวัดนกได้ที่

www.watnok.co.cc

มีข้อมูลประวัติและภาพภายในอุโบสถ์ เก่า วัดนก
หลวงปู่อธิษฐานจิตอยู่ภายในอุโบสถ์เก่า วัดนกด้วย เชิญชมได้นะครับ
วัตถุมงคลของวัดนก


ขอบพระคุณท่านเสน่ห์เอด้วยครับ สำหรับเวบบอร์ดวัดนก :001: :001: :001:

63


   พระลักษณ์หน้าทอง หนังกลองแตก มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม
หลวงพ่อเอิบ ฐิตธมฺโม วัดหนองหม้อแกง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท
    หลวงพ่อเอิบ ฐิตธมฺโม ศิษย์หลานหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์, ศิษย์หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ,ศิษย์หลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร , ศิษย์หลวงพ่อผินะ วัดสนมลาว


   “ พระลักษณ์หน้าทอง หนังกลองแตกนี้ บอกได้ว่าดี ด้านเมตตา มหานิยม อย่างที่สุด เป็นมหาเสน่ห์อย่างเอกอุ จำไว้นะโยมนะ พระลักษณ์หน้าทองของฉัน ดีเท่าใจโยม แรงเท่าใจโยม ใจโยมถึง ใจโยมกล้าเท่าไร ของฉันดี และแรงเท่านั้น ใช้ของฉันต้องใช้ด้วยใจเชื่อมั่น อย่าเห็นว่าฉันเป็นพระบ้านนอก เพราะฉันทำของจริง ถ้าเชื่อมั่นจริง ย่อมได้ผลจริง ”
   “ เรื่องเมตตา มหานิยม นี่ฉันทำได้ตั้งแต่ บวช พศ.แรก ๆ แล้ว เขาทดสอบกัน เสกให้หนวดตำลึงพันปลายนิ้ว แต่ของฉันมันพันขึ้นมาถึงศอกแน่ะ เวลาเสกพระลักษณ์นี่ หน้าเป็นทองสดใส สว่างไปทั่ววัด แม่ขาว พ่อขาว ที่มาถือศีลเขาเห็นกันทุกคน ใช้เป็นเมตตามหานิยมดีนัก เมตตาค้าขายก็ได้ มหาเสน่ห์แก่คนทั้งหลายก็ได้”

   หลวงพ่อเอิบเรียนวิชาพระลักษณ์หน้าทอง จากหลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร หลวงพ่อสด เป็นศิษย์น้องหลวงพ่อเดิม มีอาคมขลังนักเล่ากันว่า ท่านไปสร้างโบสถ์ ขณะกำลังตอกตะปู มีพระเผลอเตะกล่องตะปูท่านตกน้ำ พระตกใจ จะโดดน้ำไปงมตะปูคืนให้
   ท่านบอกว่า “ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปงม เดี๋ยวมันก็ลอยขึ้นมาเอง” อัศจรรย์บังเกิด พอท่านพูดจบเท่านั้น ตะปูที่ทำด้วยเหล็ก ก็ลอยเหนือน้ำมาให้พระช่วยกันเก็บมาคืนท่านได้ หลวงพ่อสด รักหลวงพ่อเอิบมาก สอนเสกพระลักษณ์หน้าทองพร้อมเคล็ดลับให้ จนหมดสิ้น ภายหลัง หลวงพ่อสด ท่านมรณภาพในท่านั่งสมาธิ (นับว่าหลวงพ่อเอิบ มีครูอาจารย์ที่มรณภาพด้วยการนั่งสมาธิ ถึง 2 รูปด้วยกัน คือ หลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร และหลวงพ่อผินะ วัดพระสนมลาว)

   พระคาถาปลุกเสกพระลักษณ์หน้าทอง บทใหญ่ของหลวงพ่อเอิบ วัดหนองหม้อแกง ปลุกให้ได้ทุกวัน วันละครั้งศักสิทธิ์ดังใจนึกแล
“พุทธัง โอม หน้ากูเป็นทองคำอย่างพระอาทิตย์ จะเข้ามาสะกิดจิต และหน้าของคนทั้งหลาย สัพเพชะนา พะหูชะนา อิตถีวา ปุริโสวา สะมะณะพราหมะโณวา เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ โอม พระแลงเป็นแสงพระลักษณ์ พระฤาษีจับปากกา พระลักษณ์จับหน้า จับตา สวาหะ เอหิจิตตัง หญิงเห็นหญิงรัก ชายเห็นชายทัก กูจะค้า จะขายก็ให้ได้พันทะนานทอง กูจะหมายปองผู้ใดก็ให้สำเร็จ เสร็จสิ้นโดยเร็วพลัน”

   บทนี้ใช้ภาวนาคู่กับพระลักษณ์หน้าทอง (ได้แล้วรับเลี้ยง)
“ อิติปารามิตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา อิติโพธิมะนุปัตโต อิติปิโส จะเต นะโม พิศวาสหลงใหล พิสมัยแนบเนื้อ ใจจิตคิดถึง เคล้าคลึงวิญญา วิชาจะระณะสัมปันโน อิติปิโส ภะคะวา นะละลวย หันตะวา โมเมามัว พุทเอาตัว ธามาสมสู่ ยะรักกูจนวันตาย ปิโยเทวามนุษสานัง ปิโยพรหมมานะมุตตะโม ปิโยนาคะสุปัณณานัง ปิยินทียัง นะมามิหัง”



ที่มา แผ่นพับที่ติดมากับวัตถุมงคล


64






น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       
กฐินปลอดเหล้า ต่อยอดลด ละ เลิกให้ยั่งยืน
ลดการสูญเสีย ค่าใช้จ่าย สร้างสุขให้สังคม


นำกลับมาให้ชมกันใหม่ครับ ย่อรูปให้เล็กลงแล้วนะครับ ...สวัสดีครับ



65


เหรียญเทวบดี บรมครู ๙ เศียร หลวงพ่ออิฐ วัดจุฬามณี อัลปาก้า พ.ศ. ๒๕๔๒

พระครูโสภิตวิริยากรณ์ "หลวงพ่ออิฎฐ์" วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม ท่านเป็นศิษย์เอก หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี พระเกจิอาจารย์นามกระเดื่องในอดีต แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง นอกจากนี้หลวงพ่ออิฏฐ์ก็ยังได้เคยศึกษาร่ำเรียนเพิ่มเติมจากพระเกจิชื่อดัง ผู้แก่กล้าพระเวทย์วิทยาคมอีกหลายองค์อาทิ หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ และหลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกระเชอ เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลวงพ่ออิฎฐ์มีความรอบรู้เชี่ยวชาญทั้งในด้านพุทธเวท ไสยเวทวิทยาคม เป็นที่ยอมรับนับถือของสาธุชนทั่วไป ดังนั้น ไม่ว่าจะมีพิธีพุทธาภิเษกครั้งสำคัญ ณ ที่ใดก็มักจะปรากฏนามหลวงพ่ออิฏฐ์ได้ร่วมในพิธีนั่งปรกปลุกเสกด้วยเสมอ และจากการที่หลวงพ่ออิฏฐ์รอบรู้เชี่ยวชาญในด้านคาถาอาคมอักขระเลขยันต์ ท่านจึงได้รับเกียรติประวัติให้เป็นผู้ลงจารยันต์ตระกรุดมหาจักรพรรตราธิราช ในแผ่นทองคำ ในพิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 2- 3 พ.ค.2542 เพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในปี พ.ศ.2542 หลวงพ่ออิฏฐ์ ได้จัดสร้างพระกริ่ง เวฬุวัน , เหรียญมหาเทวบรมครู และเหรียญหล่อแม่นางกวัก ขึ้น ซึ่งก็ปรากฏว่าเป็นวัตถุมงคลที่มีความนิยมเป็นที่เสาะแสวงหากันอย่างกว้าง ขวาง สำหรับในปี 2543 หลวงพ่ออิฎฐ์ได้ดำเนินการออกแบบจัดสร้าง เหรียญเทวบดี ขึ้นโดยมอบหมายให้กองกษาปณ์ กรมธนารักษ์เป็นผู้ผลิต นับเป็นเหรียญที่ผ่านการออกแบบอย่างชาญฉลาดมีความสวยงามความหมายลึกซึ้ง และเป็นมหามงคลอย่างยิ่ง คือ

ด้านหน้าเหรียญเทวบดี ได้นำพระยันต์พระลักษณ์หน้าทอง ประทับไว้กึ่งกลางเหรียญ และล้อมรอบด้วย เศียรของมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ 9 พระองค์ ซึ่งแต่ละพระองค์มีรายละเอียดและความสำคัญดังนี้.-
- พระอิศวรเทพเจ้าผู้สร้างโลก กายสีขาว มงกุฎน้ำเต้า ทรงตรีศูลเป็นเจ้าฟ้า พระอุมาภควดี เป็นพระมเหสี
- พระพรหมธาตา เทพเจ้าแห่งพรหมวิหาร กายสีขาว 4 พักตร์ 8 กร มงกุฎน้ำเต้า 5 ยอด ทรงซ้อน ลูกประคำ คนโท คัมภีร์พระเวทย์ มีธนู
- พระนารายณ์ เทพเจ้าผู้รักษาความดี กายสีดอกตะแบก มงกุฎเดินบน มงกุฎชัยห้ายอด ทรงตรี คฑาทอง จักร และสังข์
- พระวิษณุ เทพเจ้าแห่งครูช่างทุกชนิด กายสีเขียว มงกุฎน้ำเต้าทรงลูกดิ่ง และฉาก
- พระคเณศ เทพเจ้าแห่งศิลปะ และวรรณคดี กายสีสัมฤทธิ์ พระเศียรเป็นช้าง สี่กร มงกุฎน้ำเต้ามะเฟือง ทรงวชิระ มีงาข้างเดียว กะโหลกใส่น้ำมนต์ มีเชือกบ่วงบาศก์
- พระปัญจสีขร เทพเจ้าแห่งวิชาการดนตรี กายสีขาว หนึ่งหน้า สี่มือมงกุฎน้ำเต้าสี่ยอด
- พระประโคนธรรพ เทพคนธรรพ์ กายสีหงเสน หรือสีแดงเสน 1 หน้า 2 มือ มงกุฎน้ำเต้า มีวงทักษิณาวรรต ทั้งตัว
- พระพิราพ อสูรเทพบุตร หัวโล้น (พิราพป่า) มีกายเป็นวงทักษิณาวรรต หรือกายม่วงแก่ หนึ่งพักตร์ สองกร สวมกระบังหน้าปากแสยะ ตาจระเข้ อาวุธหอกอยู่เชิงเขาอัคกรรณ มีสวนสำหรับเที่ยวเล่น ปลูกพวาทอง
- พระฤาษี (พระพรตมุณี) พฤฒาจารย์แห่งสรรพวิทยา


ด้านหลังเหรียญเทวบดี ประทับไว้ด้วยพระยันต์มหาจักพรรตราธิราชซึ่งนับเป็นพระยันต์ศักดิ์สิทธิ์ และมีพุทธานุภาพสุดประมาณมีความเป็นมาและรายละเอียดดังนี้

พระยันต์มหาจักพรรตราธิราชนี้ต้นตำหรับเดิมประดิษฐานอยู่ ณ วัดประดู่โรงธรรม กรุงเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตามตำรากล่าวไว้ว่า พระพรหมมุนี อยู่วัดปากน้ำประสบได้ลงเป็นตะกรุดคำถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเจ้ามาแล้ว จนกระทั่งพระองค์ได้ครองเมืองลพบุรี สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นพระราชโอรสสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เมื่อทรงได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ได้พระตำรานี้มาจากมหาเถรเทียรราชวัดงู มาจากพระพิชัยวัดท่างูเห่ากับได้มาจากพระอาจารย์คงโหร และได้มาจากท่านอาจารย์ผู้วิเศษสืบๆ มาหาที่อุปมามิได้ต่อมาภายหลังในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นี้เคยได้มีการประกอบ พิธีลงยันต์ตะกรุดนี้ถวายสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ซึ่งทรงให้มีกาลประกอบพิธีสร้างตะกรุดมหาจักรพรรตราธิราช
อนึ่ง ในวันที่ 2 - 3 พ.ค. 2542 หลวงพ่ออิฏฐ์ ได้ลงยันต์ตะกรุดมหาจักรพรรตราธิราชในแผ่นทองคำ ในพิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก ณ อุโบสถ วัดศรีมหาธาตุวรวิหาร เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจากนั้นก็ได้เลิกลงแผ่นยันต์มหาจักรพร รตราธิราช และจัดสร้างเหรียญนี้ขึ้นโดยมีพระยันต์มหาจักรพรรตาธิราชอยู่ด้านหลังเหรียญ “ เทวบดี ” แทน


พิธีประจุพุทธาคมเดี่ยวจากหลวงพ่ออิฎฐ์ ตลอดไตรมาส และยังนำเหรียญเทวบดีทั้งหมดเข้าร่วมในพิธีมหาพุทธาภิเษก พระพุทธชินราชจำลอง รุ่น ญส.ส. ณ พระวิหารหลวง วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร จ.พิษณุโลก ในวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2543 อีกครั้งหนึ่ง นับเป็นเหรียญที่ควรค่าแก่การบูชาสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างที่สุด เพราะนอกจากจะมีความสวยงามในด้านการพิมพ์ ซึ่งในตัวเหรียญล้วนแล้วแต่เป็นมหาเทพผู้ทรงอิทธิฤทธิ์บุญฤทธิ์ ส่วนในด้านการประจุพุทธาคมก็กระทำกันอย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์

จำนวนสร้าง - เหรียญเทวบดี เนื้อทองคำ จำนวนสร้าง 30 องค์
- เหรียญเทวบดี เนื้อเงิน จำนวนสร้าง 1,000 องค์
- เหรียญเทวบดี เนื้อนิเกิ้ล (อัลปาก้า) จำนวนสร้าง 40,000 องค์


ที่มา  http://www.chulamanee.org

66



พระพุทธรูปภายในวิหารคต


   โครงการพุทธานุภาพใต้ร่มพุทธบารมีขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่การสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ ขนาดกว้าง 15 เมตร ยาว 15 เมตร 3 ชั้น สูง 31 เมตร สำหรับบรรจุ-ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้อัญเชิญมาจาก 8 ประเทศ 10 วัดและได้สร้างวิหารคต ด้านหลังพระบรมธาตุเจดีย์ ขนาดกว้าง 5.7 เมตร ยาว 46 เมตร สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปต่าง ๆ พระบรมธาตุเจดีย์และวิหารคตได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
   

   โครงการพุทธานุภาพลำดับต่อไป ทางวัดได้ดำเนินการสร้างกุฎิสงฆ์ สำหรับเป็นที่พักอาศัยของพระภิกษุสงฆ์ ผู้ดูแลรักษาพระบรมธาตุเจดีย์ กุฎิดังกล่าว เป็นกุฎิตึกคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ขนาดกว้าง 8.20 เมตร ยาว 11.40 เมตร งบประมาณการก่อสร้าง 1.5 ล้านบาท
   
   คณะกรรมการจึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ร่วมบำเพ็ญกุศลทอดกฐินสามัคคี เพื่อหาทุนทรัพย์สมทบทุนในการก่อสร้างกุฎิสงฆ์ดังกล่าว โดยรวบรวมจัดนำไปถวายเป็นหมู่ เป็นคณะ เป็นสาย เป็นกอง นำไปถวายตามกำลังศรัทธาตามกำหนดการดังนี้
   

กำหนดการ
   ถวายผ้ากฐินสามัคคี วัดนก
วันเสาร์ที่    6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553   ตั้งองค์กฐินบริจาคจากสาธุชนทั่วไป
วันอาทิตย์ที่    7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553   
   เวลา 09.30 น. ถวายผ้ากฐินแด่พระสงฆ์
   เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์เป็นการฉลอง

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศลที่เกิดจากการบริจาค ถวายผ้ากฐินในครั้งนี้
จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญ ตลอดกาลนาน


คณะกรรมการอุปถัมภ์ และดำเนินงาน

พระอาจารย์อภิญญา   พระอาจารย์หนึ่ง   พระมาค      พี สะพานใหม่
พระอาจารย์ต้อย      พระจัน      พระเทพฤทธิ์      น๊อต โฟโต้ช็อพ
พระอาจารย์ติ่ง      พระเชษฐ์      อาจารย์หนวด   ยุ้ย พันธุ์ทิพย์
พระอาจารย์นัน      พระปาด      อาจารย์หวอ      หนุ่ม ผมยาว
พระอาจารย์แป๋ว      พระหมี      อ๊อด พญาไม้      จัน บางพระ

อานิสงฆ์ของการสร้างกุฎิถวายพระภิกษุสามเณร

ส่งผลให้ไม่ว่าจะเกิดชาติภพใด จะมีบ้านเรือนเป็นของตัวเอง ชีวิตมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข
แล้วยังเป็นอานิสงฆ์ใหญ่ให้แก่ญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว
หรือแม้แต่ตนเองเมื่อจากโลกนี้ไป ก็จะมีวิมานทิพย์เสวยสุขอยู่ในภูมินั้นๆ  

ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ กำหนดการทอดกฐินสามัคคี ณ วัดนก (จรัญ13)
กราบนมัสการพระอาจารย์ทุกรูป :054: :054: :054:
สวัสดีท่านอาจารย์ทุกท่านและพี่พี่ที่เคารพครับ

ขออนุโมทนาบุญกุศล ที่ร่วมกันทำบุญในครั้งนี้ด้วยครับ...สวัสดีครับ :001:


ที่มาของข้อมูล แผ่นพับในซองกฐินของวัดนก

67


วันออกพรรษา
 
วันออกพรรษา คือวันสิ้นสุดระยะการจำพรรษา หรือออกจากการอยู่ประจำที่ในฤดูฝน ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกๆ ปี

           วันออกพรรษานี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" คำว่า"ปวารณา"แปลว่า "อนุญาต" หรือ "ยอมให้" คือ เป็นวันที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ด้วยกัน ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ในข้อที่ผิดพลั้งล่วงเกินระหว่างที่จำพรรษาอยู่ด้วยกัน ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาวบ้านมักจะกระทำก็คือ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา ของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้ม มัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน และการร่วมกุศลกรรมการ "ตักบาตรเทโว" คำว่า "เทโว" ย่อมาจาก"เทโวโรหน" แปลว่าการเสด็จจากเทวโลกการตักบาตรเทโว จึงเป็นการระลึกถึงวันที่ พระพุทธองค์เสด็จกลับจากการโปรด พระพุทธมารดาในเทวโลก ประเพณีการทำบุญกุศลเนื่องในวันออกพรรษานี้ ทุกวัดในประเทศไทยก็จะมีพิธีเหมือนกันหมด จะผิดกันก็เพียงแต่สถานที่ ที่สมมติว่าเป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่านั้น


ความสำคัญ

               ๑. เป็นวันสุดท้ายของการอยู่จำพรรษา และถือว่าเป็นวันสิ้นสุดระยะการจำพรรษาตลอดระยะเวลา ๓ เดือน
               ๒. เป็นวันมหาปวารณา คือ เป็นวันที่พระภิกษุสงฆ์มีโอกาสได้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ในข้อที่ผิดพลาดล่วงเกินต่อกันในระยะเวลาที่ผ่านมา จะโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี เพื่อเป็นการลดทิฏฐิความถือตัวและได้มองเห็นข้อเสียของตนเอง และเพื่อทำความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
               ๓. เป็นวันคล้ายวันที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากที่เสด็จโปรดพุทธมารดาเป็นที่เรียบร้อยตลอดระยะเวลา ๓ เดือนภายในพรรษา จึงเป็นชื่อเรียกของวันออกพรรษาอีกชื่อหนึ่งว่า วันเทโวโรหนะ (วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากเทวโลกสวรรค์)


กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา

              ๑. ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ
               ๒. ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา
               ๓. ร่วมกิจธรรม "ตักบาตรเทโว" ณ สถานที่หรือวัดที่สะดวกและใกล้บ้าน
               ๔. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการและ ประดับธงชาติและธงธรรมจักรตามวัดและสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
               ๕. ตามสถานที่ราชการ สถานที่ศึกษาและที่วัด ควรจัดให้มีนิทรรศการ การบรรยาย หรือ บรรยายธรรม เกี่ยวกับวันออกพรรษาฯลฯ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป

              

   ในหมู่ชาวไทยและชาวลาวริมฝั่งแม่น้ำโขง เชื่อว่าในช่วงวันออกพรรษา จะเกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคขึ้นในเวลากลางคืน ที่จังหวัดหนองคาย

               ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาวบ้านมักจะกระทำก็คือ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา ของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้มมัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน และการร่วมกุศล "ตักบาตรเทโว" ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑


การทอดกฐิน : อานิสงค์สำหรับพระภิกษุผู้อยู่จำครบพรรษา

               อย่างไรก็ดี ในแต่ละท้องถิ่นยังมีประเพณีอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น การแข่งเรือ การเทศน์มหาชาติ เป็นต้น นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนยังร่วมกันทอดกฐิน ในระยะเวลา ๑ เดือนหลังออกพรรษา มีทั้ง จุลกฐิน และ มหากฐิน

              
               ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก
            
             www.dhammathai.org เว็บไซต์ ธรรมะไทย


พรุ่งนี้เป็นวันออกพรรษา และเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของล้นเกล้ารัชการที่ 5
  (สมเด็จพระปิยะมหาราช)
พุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกท่านอย่าลืมตื่นเช้ามาทำบุญตักบาตรกันนะครับ
ออกพรรษาอย่าลืมชมปรากฎการณ์ธรรมชาติด้วยนะครับ บั้งไฟพญานาค
ขอให้ทุกท่านโชคดีมีความสุขกันนะครับ......สวัสดี
:001: :001: :001:


68

หลวงพ่อคง สุวัณฺโณ วัดวังสรรพรส จันทบุรี

กราบนมัสการหลวงปู่คงครับ
:054: :054: :054:

ข้อมูลประวัติ
ท่านเกิดวันที่ 20 กันยายน 2445  เดิมชื่อ คง ฑีฆายุ  บิดาชื่อ นายส้อง  มารดาชื่อนางโอง

อุปสมบท              
ครั้งแรกที่วัดตาพราย จังหวัดตราด เมื่ออายุ 21 ปี และได้จำพรรษาทีนี้ 9 พรรษา  จึงได้ลาสิกขาบท และต่อมาท่านได้ อุปสมบทอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2477 ที่วัดชมภูลาย อ.เขาสมิง จ.ตราด โดยมีพระอธิการผูก เป็นพระอุปัชฌาย์ และต่อมา พ.ศ. 2508-2532 ได้เป็นเจ้าอาวาสที่วัดวังสรรพรส

ด้านการศึกษา       หลวงพ่อคงได้ศึกษาพระธรรมจนได้นักธรรมโท และได้ศึกษาเวทมนต์
จากอีกหลายพระอาจารย์ เช่น ล.พ.จง, ล.พ.เม,ล.พ.เจาะ เป็นต้น

  หลวงพ่อคงนับเป็นพระเกจิอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ที่ได้รับความเคารพและศรัทธาจำนวนมาก
ท่านได้ทำเสื้อยันต์ ทำธง ตะกรุด แจก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

          เหรียญรุ่นแรก ปี 2505 ได้รับความนิยมมากที่สุด และต่อมาเหรียญรุ่นที่  2  ก็ได้รับความนิยมเช่ากัน และท่านยังสร้างวัตถุมงคลอีกมากมาย จนเป็นพระเกจิดัง แห่งภาคตะวันออก

พุทธคุณที่เล่าสืบทอดกันมา
                พุทธคุณในเหรียญรุ่นนี้เด่นทาง   เมตตามหานิยม และอยู่ยงคงกะพัน




ภาพต้นฉบับ
 

ของNok 2009 เองครับ
พระเนื้อผง หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส พระผงรูปเหมือนซุ้มเว้าข้างไข่ปลา(พิเศษมีสองหน้าสองสี)หลังยันต์องค์พระ



ศึกษาและสะสมครับ
ไม่ทราบว่าท่านใดพอจะทราบไหมว่า พระผงนี้เป็นเนื้อผงอะไรครับใครทราบแนะแนวทางด้วยนะครับ จักขอบพระคุณครับ

ขอบพระคุณที่มาของข้อมูล http://p.moohin.com/199.shtml

69



เหรียญหลวงปู่ทองอยู่ วัดบางพระ ปีพ.ศ.2517 อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ
ขออภัยถ่ายมาไม่ชัด มือใหม่ครับ นำมาให้ชมเป็นวิทยาทานครับ :001: :001: :001:

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       


70


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญเสมาหน้าตรง สร้างในปีพ.ศ.2527

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

71


ธรรมมะจากอรหันต์สวนโมกข์
.ปิด.ปิด.ตา…..อย่าสอดส่าย…..ให้เกินเหตุ
บางประเภท…..แกล้งทำบอด…..ยอดกุศล
มัวสอดรู้…..สอดเห็น…..จะเป็นคน-
เอาไฟลน…..ตนไป…..จนไหม้พอง

.
ปิด.ปิด.หู…..อย่าให้แส่…..ไปฟังเรื่อง
ที่เป็นเครื่อง…..กวนใจ…..ให้หม่นหมอง
หรือเร้าใจ…..ให้ฟุ้งซ่าน…..พาลลำพอง
ผิดทำนอง…..คนฉลาด…..อนาจใจ

.
ปิด.ปิด.ปาก…..อย่าพูดมาก…..เกินจำเป็น
จะเป็นคน…..ปากเหม็น…..เขาคลื่นใส้
ต้องเกิดเรื่อง…..เยิ่นเย้อ…..เสมอไป
ถ้าหุบปาก…..มากไว้…..ได้แท่งทอง


“ธรรมะบทปิดทวารทั้ง 5″ นี้

ลึกซึ้ง..เรียบง่าย..ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

ตั้งแต่ตื่นลืมตาจากที่นอน..จนถึงล้มตัวนอนและหลับ

นี่คือ”พระมหาอุดปิดทวารทั้ง 5 ” ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง

(ทวารทั้ง 5 คือ…ตา 2 ข้าง…หู 2 ข้าง…ปาก 1 ปาก)

เพื่อการจดจำง่าย ๆ ให้ท่องบ่นให้ขึ้นใจว่า…

“ปิดหูซ้ายขวา ปิดตาสองข้าง ปิดปากเสียบ้าง นอนนั่งสบาย”

ด้วยความรักและเคารพ/color]

ที่มา ธรรมจักรดอทคอม

72


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญหลวงพ่อเปิ่น (เสือเผ่น) สร้างในปี พ.ศ.2521
ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

73


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม
รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่นขนาดห้อยคอ นำมาให้ชมเป็นวิทยาทานครับ
ขออภัยถ่ายมาไม่ชัด มือใหม่ครับ

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

74
หลวงปู่ไปล่
วัดดาวเรือง ปทุมธานี


ตอนที่ 1 กล่าวนำ
   
   
   ร่ำลือกันจนทั่วตำบลบางพูด ว่า ท่านพระครูปัญญาพลคุณ หรือที่ชาวบ้านทั่วๆ ไปเรียกท่านว่า "พระครูไปล่"
เป็นพระแท้ มีคุณธรรมสูง มีพรหมวิหาร 4 มีอัธยาศัยโอบอ้อมอารี มีอารมณ์แจ่มใสอยู่เสมอมีแต่ความเมตาแก่บรรดาศิษย์ทุกคนเสมอเหมือนกันหมด ชาวบางพูดยกย่องท่านเป็น เทพเจ้าแห่งความเมตตา ท่านไม่เคยดุหรือกล่าวว่าใคร
จนกระทั่งมีคำกล่าวกันว่า "ท่านมีปากพระร่วง" หรือ "มีวาจาศักดิ์สิทธิ์" ถ้าลองได้ดุหรือว่าใครแล้ว ผู้ที่ถูกว่าจะถึงกับอับโชคไปนานทีเดียว หรือหากมีใครต้องถูกตำหนิจากท่านแล้ว ก็มักจะต้องเป็นจริงตามนั้นเสมอ
หลวงปู่ไปล่ หรือ ท่านพระครูไปล่ ท่านเป็นผู้ที่มีความเกรงใจคนมาก มีความมักน้อย พอใจเพียงสมณสารรูป ไม่มีความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงในลาภ ยศ สรรเสริญ


      คำสอนที่ได้ให้แก่ลูกศิษย์ลูกหาของท่าน ก็จัดว่าเป็นคำสั่งสอนที่เป็นสัจจวาจา และอมตะตลอกกาล เช่น ท่านจะสั่งสอนลูกศิษย์ของท่านอยู่เสมอๆ ว่า "จงอย่าลืมตนอย่าหลงงมงายในลาภ ยศสรรเสริญ มีลาภก็มีเสื่อมลาภมียศก็มีเสื่อมยศ มีสรรเสริญก็มีนินทา มีสุขก็มีทุกข์ เป็นธรรมดาโลก คนเราถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติตัวอยู่ในทางที่ดีแล้วแม้จะมีพระศักดิ์สิทธิ์ เพียงใดห้อยคอ ก็ไม่สามารถจะปกปักรักษาหรือให้คุณแก่เจ้าของได้เลย จงรู้จักกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ แล้วจะไม่มีวันตกอับในชีวิตเลย" ดังนั้นบรรดาศิษย์ที่ได้ผ่านการอบรมสั่งสอนจากหลวงปู่ส่วนมากจะพบกับความ สำเร็จในชีวิต มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวเพราะบารมีของหลงปู่นั่นเอง

ประวัติวัดดาวเรือง
วัดดาวเรือง ตั่งอยู่ริมฝั่งคลองแม่น้ำอ้อมด้านตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิม ในเนื้อที่ 16 ไร่ ตามทะเบียนราษฎร์ เลขที่ 131 บ้านบางพูด หมู่ที่ 6 ตำบลบางพูด อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อาณาเขตทิศเหนือยาว 80วา ติดต่อกับคลองอ้อม ทิศใต้ยาว 60 วา ติดต่อกับถนนสาธารณะ ทิศตะวันออกยาว 85 วา ติดต่อกับที่ดินเอกชนและที่สวน ทิศตะวันตกยาว 125 วา ติดต่อกับที่ดินเอกชน
พื้นที่ตั่งวัดเป็นที่ราบล่มน้ำจะท่วมในฤดูน้ำหลากมาทั้งนี้เพราะอยู่ริม คลองแม่น้ำอ้อม ภายในวัดมีอาคารเสนาสนะต่างๆ ดังนี้ อุโบสถหลังใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ตั้งอยู่คู่กับอุโบสถหลังเก่า ซึ่งชำรุดทรุดโทรมมากแล้ว กุฏิสงฆ์ จำนวน 11 หลัง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กและอาคารไม้ ศาลาการเปรียญหลังเก่า และหลังใหม่ หอสวดมนต์หลังใหม่ฌาปนสถาน (เมรุ)
วัดดาวเรือง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2423 โดยมี นายดาวเรือง กับ ญาติมิตรเป็นผู้ถวายที่ดิน ซึ่งตามประวัติที่คนเก่าแก่และผู้ใหญ่ในสมัยนั้นได้เล่ากันต่อๆ มาว่า นายดาวเรืองได้สร้างบ้านเรือนอยู่บนเนื้อที่ผืนนี้ โดยปลูกบ้านไว้หลายหลัง มีข้าทาสไว้ใช้สอยมาก นายดาวเรืองประกอบอาชีพทำนาและทำสวน และจัดว่าเป็นผู้ร่ำรวยมากในสมัยนั้น แต่ไม่มีบุตร
ต่อมาบ้านของนายดาวเรืองถูกโจนปล้น นายดาวเรืองและภรรยาถูกฆ่าตาย ข้าทาสชายหญิงก็ได้หนีไปหมด หมู่ญาติมิตรพี่น้องของนายดาวเรือง จึงยกบ้านและที่ดิน สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดให้เป็นที่สร้างวัด และได้ให้ชื่อว่า "วัดดาวเรือง"
เดิมทีเดียวในตำบลนี้เรียกว่า ตำบลท้ายโกลน ต่อมาเมื่อมีวัดดาวเรืองเกิดขึ้นซึ่งมีความเจริญรุ่งเรืองกว่าสำนักสงฆ์โกลน ก็เสื่อมและร้างไปในที่สุด
วัดดาวเรือง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2426 และได้ผูกพัทธสีมาในปีเดียวกัน
สำหรับปูชนียวัตถุที่สำคัญของวัดดาวเรือง ก็มี พระศรีอาริยเมตไตร 2 องค์ พระโมคคัลลาน์ และพระสารีบุตรเนื้อดินผสมทาชาดลงรักปิดทอง ศิลปะสมัยลพบุรี พระพุทธโสธรจำลอง หม้อกรักและธรรมมาสน์ประดับมุข
การศึกษา ทางวัดดาวเรืองได้เปิดสอนพระปริยัติธรรม โดยเริ่มมาตั้งแต่แ พ.ศ. 2495 นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนการศึกษาของชาติ โดยให้ทางราชการสร้างโรงเรียนระดับประถมศึกษา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2467 นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานีอนามัย ชั้น 2 และเป็นศูนย์อบรมประชาชนของตำบลบางพูดอีกด้วย

ลำดับเจ้าอาวาส
วัดดาวเรือง ตั้งแต่ก่อสร้างเป็นวัดมาถึงปัจจุบัน มีอายุ 106 ปี มีเจ้าอาวาสปกครองตามลำดับ ดังนี้
1. พระอธิการทองพูน เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก มีตำแหน่งเป็นพระอุปัชฌาย์ มีเรือเก๋งประจำวัด สำหรับ
ไปสมบทพระตามวัดต่างๆ อีกด้วย
2. พระอธิการทองจุ้ย สมภารรูปนี้ท่านชอบเล่นแร่แปรธาตุ มีความถนัดในการทำพลุและลูกหนู ในงานเผาศพ
พระที่วัดต่างๆ ด้วย
3. พระอธิการขาว (ครั้งแรก) เป็นอดีตสมภารที่เรืองวิทยาคม สร้างเชือกคาดเอว ดังอย่าบอกใคร ปัจจุบันหายาก
และราคาแพง ต่อมาท่านถูกฟ้องและต้องอธิการณ์ ทางคณะสงฆ์จึงถอดท่านออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสเป็นพระลูกวัดธรรมดา
4. พระอธิการเผือก ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส แต่เป็นเจ้าอาวาสได้ไม่นาสน ท่านก็มรณภาพ
5. พระอธิการขาว (ครั้งที่ 2) พระอธิการขาวซึ่งถูกถอดจากตำแหน่งเจ้าอาวาสท่านได้ชำระอธิกรณ์ เรื่องราวของ
ท่านจนบริสุทธิ์ ท่านจึงได้รับการแต่งตั่งเป็นเจ้าอาวาสอีกครั้งหนึ่ง ท่านปกครองวัดมีคนเกรงกลัวท่านมาก เพราะท่านดุ ต่อมาท่านชราภาพมากสุขภาพไม่ดี ไม่สามารถปฏิบัติกิจของสงฆ์ได้ ทางคณะสงฆ์จึงยกท่านเป็นเจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์
6. พระอธิการไปล่ ปญฺญาพโล ได้รับการแต่งตั่งเป็นเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2476 ถึงปี พ.ศ. 2528
7. พระภิกษุเผื่อนอชิโต เป็นผู้รักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดาวเรืองอยู่ในขณะนี้ และเป็นผู้จัดการในเรื่องงาน

พระราชทานเพลิงศพท่านพระครูปัญญาพลคุณ
พระครุปัญญาพลคุณ สถานะเดิม ชื่อ ไปล่ นามสกุลเดิม ภูมิจันทร์ เกิดที่บ้านหมู่ที่ 3 ตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสาม
โคก จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันศุกร์ เดือน 5 ปีจอ พ.ศ. 2440 บิดาชื่อ เทศ มารดาชื่อ อำพัน มีพี่น้องร่วม
บิดา-มารดาเดียวกัน 3 คน หลวงปู่เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 3 คน คือ
1. นางปุ่น เพื่อนนัด
2. พระครูปัญญาพลคุณ
3. นางผูก เล็กละมุด
หลวงปู่ไปล่ เมื่อเยาว์วัย บิดา-มารดา ได้นำไปฝากกับพระให้อยู่ที่วัดดาวเรืองเพื่อศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทยหลวง ปู่ได้เล่าเรียนหนังสือกับพระอาจารย์ที่เก่งหนังสือไทยหลายรูป โดยเฉพาะ พระอาจารย์เปรม และท่านเจ้าอาวาสขณะนั้น หลวงปู่ได้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทยจนเก่งและมีความชำนาญมาก

เมื่อเรียนหนังสือไทยจนเก่งและแตกฉานแล้ว หลวงปู่ก็หันมาเรียนหนังสือขอม กับพระอาจารย์ที่เก่งหนังสือขอมในวัดดาวเรื่อง ท่านมีความวิริยะอุตสาหะพยายามศึกษาเล่าเรียนจนเก่งหนังสือขอมสามารถอ่าน และเขียนหนังสือขอมได้เป็นอย่างดี สามารถเขียนและลงจารอักขระขอมได้
ในสมัยเป็นเด็ก หลวงปู่เป็นคนขี้โรค ไม่ค่อยจะแข็งแรง รูปร่างผอมบาง ท่านจึงอยู่วัดนานที่สุด จนโตเป็นหนุ่มภายในวัด และเมื่อมีอายุครบกำหนดเกณฑ์ทหารหลวงปู่ออกจากวัดดาวเรืองไปรับราชการทหาร เป็นทหารมหาดเล็กหลวง ในรัชกาลที่ 6 รักษาพระองค์ เมื่อพ้นจากราชการทหารแล้วก็กลับมาอยู่วัดบ้าง อยู่บ้านบ้าง
ในที่สุด บิดา-มารดา ก็ได้จัดการสู่ขอภรรยา ให้สมรสกับ นางทองอยู่ ซึ่งเป็นธิดาของนายฉิม-นางชุ่ม นามสกุล บุญมี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่หมู่ 6 ตำบลบางพูด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เมื่อปี พ.ศ. 2465 ขณะนั้นหลวงปู่มีอายุ 25 ปี เมื่อสมรสแล้วหลวงปู่ได้ประกอบอาชีพทำส่วนผัก ในตำบลเชียงรากใหญ่ บ้านเกิด อยู่นานถึง 6 ปี มีบุตร-ธิดา รวม 2 คน คือ
1. นางทองสุข เนิดน้อย
2. นายปรุยุทธ์ ภูมิจันทร์
พ.ศ. 2469 ตัดสินใจอุปสมบท
ระหว่างปี พ.ศ. 2469-2470 เกิดโรคระบาดใหญ่ ชาวบ้านเรียกว่า "โรคห่า" (อหิวาตกโรค) หรือโรคท้องร่วง โรคดัง
กล่าวนี้ในสมัย พ.ศ.2469 การแพทย์ยังไม่เจริญเช่นปัจจุบัน จึงเป็นโรคที่น่ากลัวมาก เพราะได้คร่าชีวิตของผู้คนไปมากมาย โดยไม่ละเว้นว่าเป็นคนดีหรือคนไม่ดี เด็กหรือผู้ใหญ่ คนแก่ หรือคนหนุ่มสาว
นางทองอยู่ ภรรยาของหลวงปู่ ถึงแก่กรรมด้วยโรคร้ายนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2469 ทิ้งบุตร ซึ่งยังเล็กมากไว้ 2 คน หลวง
ปู่ขณะนั้นมีความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจมาก หลังจากภรรยาถึงแก่กรรมได้เพียง 13 วัน หลวงปู่จึงตัดสินใจอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดดาวเรือง ตำบลบางพูด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นวัดที่ท่านคลุกคลีและเคยอาศัยอยู่มานานกว่าอยู่บ้านตัวเอง
หลวงปู่ได้อุปสมบท เมื่อปี พ.ศ. 2469 ขณะนั้นมีอายุได้ 29 ปี โดยมี พระครูบวรธรรมกิจ (หลวงปู่เทียน) วัดโบสถ์
อำเภอเมืองปทุมธานี และเจ้าคณะตำบลบ้านกลาง เป็นอุปัชฌาย์ พระอธิการเปลื้อง วัดโพธิ์เลื่อน อำเภอเมืองปทุมธานี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเท่ง วัดบางขันธ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ได้รับฉายาว่า "ปทีโป" ในเรื่องฉายาของท่าน ท่านได้เล่าให้ฟังว่า เดิมพระครูบวรธรรมกิจ (หลวงปู่เทียน) ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ ได้ตั้งไว้ว่า "ปทีโป" หลวงปู่ท่านก็เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด
จนในที่สุด หลวงปู่เทียนได้เปลี่ยนฉายาให้ใหม่ว่า "ปญฺญาพโล" ตั้งแต่นั้นมา หลวงปู่ไหล่ก็ได้หายจากการเจ็บป่วย จึงนับว่าฉายา "ปญฺญาพโล" เป็นนามมงคลของหลวงปู่
เมื่อหลวงปู่อุปสมบทแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดดาวเรืองมาโดยตลอด ท่านมีความขยันอุตสาหะ ท่องบ่นสวดมนต์ศึกษาเล่าเรียนทั้งพระปริยัติธรรม และปฏิบัติ รวมทั้งเรียนเวทมนต์ คาถา อยู่โดยมิได้ขาดมีศิลาจารวัตรเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีความสงบเสงี่ยมในสมณเพศ
หน้าที่ปกครองและสมณศักดิ์

ในพรรษาที่ 3 ปี พ.ศ. 2471 หลวงปู่ไปล่ ได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาสวัดดาวเรือง ทั้งนี้เพราะ พระอธิการขาว ชราภาพมากทางคณะสงฆ์จึงยกพระอธิการขาวขึ้นเป็นกิตติมาศักดิ์ และให้หลวงปู่ไปล่เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดดาวเรือง ผู้แต่งตั้งในครั้งนั้น คือ พระครูศีลานุโลมคุณ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และต่อมาได้แต่งตั้งให้หลวงปู่ไปล่เป็นพระกรรมวาจาจารญ์ เป็นพระคู่สวดนาคในการอุปสมบท
พรรษาที่ 8 ปี พ.ศ. 2476 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดดาวเรือง เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2476 ขณะนั้นหลวงปู่ มีอายุ 36 ปี พรรษา 8 ปี พ.ศ. 2505 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระชั้นประทวน ที่พระครูไปล่ ปญฺญาพโล
ต่อมาในวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2524 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ที่พระครูปัญญาพลคุณ ได้รับเงินนิตยภัตรเดือนละ 60 บาท เป็นประจำทุกเดือน
หลวงปู่ไปล่ ได้ปกครองสงฆ์ ในวัดดาวเรือง ได้เป็นอย่างดี โดยยึดหลัก " เมตตาธรรม" ทั้งพรดะภิกษุ สามเณรอุบาสก อุบาสิกา ชาวบ้านศิษย์วัด ต่างก็ให้การเคารพท่าน เกรงอกเกรงใจท่านหลวงปู่มักจะพูดให้ฟังเสมอว่า "ฉันไม่อยากให้ใครโกรธ และอย่าทำให้คนอื่นโกรธได้เป็นการดี"


ท่านจึงไม่เคยพูดหรือบ่นว่าให้ใครเจ็บซ้ำน้ำใจเลยหลวงปู่จึงเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมด้วยสายธารแห่งเมตตาธรรมเป็น เทพเจ้าแห่งความเมตตา
" หลวงปู่ไปล่ ปญฺญพโล เป็นศิษย์สาย พระครูบวรธรรมกิจ (หลวงปู่เทียน) วัดโบสถ์ จังหวัดปทุมธานี ผู้สร้างพระสมเด็จเนื้อผงอันเลื่องลือว่ามีเนื้อ และมวลสารคล้ายสมเด็จบางขุนพรหม
" หลวงปู่ไปล่ ปญฺญพโล นับว่าเป็นพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งของเมืองปทุมธานีที่คณะศิษย์กลุ่มใหญ่ และประชาชนทั่วไปมีความเคารพ ความศรัทธาเลื่อมใสด้วยความจริงใจด้วยศีลาจารวัตรเสมอต้นเสมอปลายไม่โลดโผน แต่เยือกเย็น จึงได้ฉายาว่า "เทพเจ้าแห่งความเมตตา"
" หลวงปู่ไปล่ ปญฺญพโล ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมจากท่านเจ้าคุณ พระอริยทัตธสังฆปาโมกข์ พระอาจารย์แห่งความเมตตา
" การสร้างวัตถุมงคลแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็นพระสมเด็จเนื้อผง รุ่น 1 พ.ศ. 2500 เหรียญรุ่น 1 พ.ศ. 2519 พระปิดตารุ่น 1 พ.ศ. 2526 ล้วนมีพุทธคุณและประสบการณ์สูง ไม่เคยสร้างความผิดหวังเลย


ที่มา พลังจิตดอทคอม


      

75





น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

วันนี้นำมาให้ชมเป็นวิทยาทานครับ จำนวน 2 เหรียญ
1.เหรียญใบโพธิ์เล็กหลวงพ่อเปิ่นหลังนางกวัก ปี 2519 เนื้อทองแดง
2.เหรียญเสมาเล็กหลวงพ่อเปิ่นหลังนางกวัก ปี 2520 เนื้ออัลปาก้า เมตตาเป็นธรรมอันประเสริฐ
:001: :001: :001:

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       

[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น[/shake]

76
ไม่มีความท้อแท้ในหัวใจของคนชนะ
และ ไม่มีชัยชนะในหัวใจของคนที่ท้อแท้
คนที่เกิดมาเพื่อเป็นนักสู้
จะไม่มีวันรู้ว่า ความพ่ายแพ้เป็นอย่างไร
เพราะการทำทุกอย่างที่ผ่านไป...
หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น


"ความผิดพลาดจะเป็นบทเรียนและประสบการณ์
ไม่ใช้ความพ่ายแพ้..
เวลาที่เหลืออยู่ ก็ไม่ได้เป็นเวลาที่ล้มเหลว
แต่เป็นเวลาที่ "รอ" เพื่อจะชนะ"


นักสู้ จะไม่มีเวลามาคร่ำครวญกับความผิดพลาด
ในเวลาที่สิ่งต่างๆ ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้
นักสู้ จะใช้ความล้มเหลวเป็นพลังในการฟื้นแรง
ให้สองขาได้ยืนหยัดเพื่อจะเอาชัยชนะในเวลาต่อไป
นักสู้ จะใช้เวลาทุกนาทีมองดูปัญหา
เพื่อที่จะได้รู้ว่า จะต้องแก้ไขปัญหาอย่างไร


ความพ่ายแพ้ของนักสู้ จึงหมายถึงเพียงแค่การรอคอย
การรอคอย...ที่ไม่ใช่ความว่างเปล่า และเปลืองเวลา

นักสู้ จะเฝ้าเตือนตัวเองว่า..
บางทีการหยุดรออะไรบ้าง ก็จะทำให้รอบคอบขึ้น
มีสติขึ้น มีเวลาได้ทบทวนทั้งในสิ่งที่ผ่านไป
และกำลังจะผ่านเข้ามา...


เหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ...
ต้องให้เวลาตัวเองได้หลบเลียบาดแผล
ขณะที่นอนพักรักษาตัว
ดวงตายังกวาดมองไปข้างหน้า
ครุ่นคิดถึงการดำรงชีวิตในวันต่อไป
สัตว์ใหญ่ที่กำลังล่าเหยื่อ ต้องไม่รีบร้อน
บางเวลาของนักล่า ต้องรู้จักรอ..


นักสู้..ย่อมรู้ว่าอะไรคือโอกาส อะไรคือจังหวะ
และรู้ว่า เวลาไหนควรรุก และเวลาไหนควรรอ..


ขอบคุณข้อมูลจากทำดีดอทเน็ต (จั่นเจา)
 



77
บทความ บทกวี / ดูแลคนรอบข้างบ้าง
« เมื่อ: 18 ก.ย. 2553, 09:33:06 »



ประโยคหนึ่งที่ซึ้งใจและควรค่าแก่การนำมาปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวัน

"ให้เราคิดว่าคนรอบข้างเป็นคนในครอบครัวของเรา"

หากใครทำได้ โลกนี้ก็จะงดงามเพราะมีแต่น้ำใจให้กัน

ดั่งเรียงความชวนคิดเรื่องหนึ่งจากอีเมลล์ที่ส่งต่อกันมา...

“คนเรายิ่งอยู่สูง ยิ่งต้องมองต่ำ
ส่วนคนที่อยู่ต่ำกว่า ต้องมองสูง
และทั้งคู่จะมองเห็นความสวยงามของกันและกันอย่างไม่ยาก”

"ข้าวที่เต็มรวง จะโน้มลงพื้นดิน
เป็นรวงข้าวที่สมบูรณ์ เป็นที่ต้องการ

แต่ถ้าข้าวรวงไหนมีเมล็ดลีบมากๆ
มันจะตั้งตรง ไม่มีใครอยากเกี่ยวให้
เปลืองแรงหรอก คนเราก็เช่นกัน"


คนเราทุกคนมีค่าเท่ากัน....
การถ่อมตนอย่างถูกกาลเทศะ
จะสร้างความรู้สึกดีให้กับคนอื่น

แปลว่าคนคนนั้นเติมเต็ม
เหมือนข้าวที่เต็มรวง จะยิ่งโน้มลงดิน
เป็นรวงข้าวที่มีค่า...

คนที่อ่อนน้อม ถ่อมตน ไม่ทับถมใคร
จะดูน่ารักในสายตาคนอื่น
คุยด้วยก็รู้สึกดี

ถ้ามัวแต่ดูถูกคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดี
แล้วเมื่อไหร่จะเห็นความสวยงามของโลก...


___________________

ที่มา : Forword mail
ภาพประกอบ อินเตอร์เน็ท

78


เงิน ซื้อเตียงนอนได้ แต่ซื้อการหลับเป็นสุขไม่ได้
เงิน ซื้อกระดาษปากกาได้ แต่ซื้อความเป็นกวีไม่ได้
เงิน ซื้ออาหารดีๆ ได้ แต่ซื้อความอยากรับประทานไม่ได้
เงิน ซื้อความประจบสอพลอได้ แต่ซื้อความจริงใจไม่ได้
เงิน ซื้อการตามใจได้ แต่ซื้อความจงรักภักดีไม่ได้
เงิน ซื้อเพชรนิลจินดาได้ แต่ซื้อความงามไม่ได้
เงิน ซื้อความสนุกชั่วคราวได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้
เงิน ซื้อเพื่อนร่วมเดินทางได้ แต่ซื้อเพื่อนแท้ไม่ได้
เงิน ซื้ออำนาจราชศักดิ์ได้ แต่ซื้อปัญญาไม่ได้
เงิน ซื้ออาวุธยุทธภัณฑ์ได้ แต่ซื้อสันติสุขไม่ได้
เงิน ซื้อเมียที่สวยได้ แต่ซื้อแม่ที่ดีให้ลูกไม่ได้
เงิน จะสำคัญเมื่อจำเป็นต้องใช้เท่านั้น


โดย...หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
คัดลอกจาก...ธรรมะเพื่อชีวิต
กรมประชาสัมพันธ์

79


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น เสือ-สิงห์ สร้างในปีพ.ศ.2528 (กะหลั่ยเงิน)

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       


[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น[/shake]

80
บทความ บทกวี / @@พระคุณ...พ่อ@@
« เมื่อ: 17 ก.ย. 2553, 09:18:11 »


พ่อ..คือผู้นำพาให้มาเกิด

พ่อ..คือผู้ที่เปิดดวงตาใส

พ่อ..คือผู้ชูความหวังให้ตั้งใจ

พ่อ..คือหนึ่งร่มไทรให้ร่มเย็น

พ่อ..ทำได้ ทุกอย่าง เพื่อสร้างค่า

พ่อ..พันผูก ชีวามีค่าเห็น

พ่อ..สอนลูกอย่า เย่อหยิ่ง เกินจำเป็น

พ่อ..เติมพลังเน้น ให้สู้ เป็นผู้คน

ลูก..ไม่มี สิ่งใด จะแทนทด

มีเพียงบท กาพย์กลอน เป็นสร้อยสน

แด่ร่มโพธิ์ ร่มไทร ในกมล

เป็นมิ่งขวัญ ดาลดล ปลูกความดี


ขอบคุณบทความดีดีของคุณภุมริน
ที่มา ธรรมจักรดอทคอม

อ่านแล้วคิดถึงคุณพ่อครับ
รักและคิดถึงคุณพ่อเสมอ จากลูกรัก
:114:

81
บทความ บทกวี / @@@.ดอกบัว ๔ เหล่า.@@@
« เมื่อ: 14 ก.ย. 2553, 10:37:24 »


พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบมนุษย์
...จากดีสุดจนเลวขั้นเหลวไหล
......เหมือนดอกบัวสี่เหล่าให้เข้าใจ
.........เราจะป็นเหล่าไหนให้เลือกเอา


เหล่าที่หนึ่งบริสุทธิ์ผุดพ้นน้ำ
...รู้แจ้งธรรมพุทธพจน์หมดโง่เขลา
......เหล่าที่สองปริ่มปริ่มน้ำพอทำเนา
.........สั่งสอนเอานิดหน่อยค่อยรู้ความ


เหล่าที่สามบัวใต้น้ำไม่ช้ำชอก
...ต้องคอยบอกสอนไปไม่หยาบหยาม
......ก็จะรู้ธรรมมะพยายาม
.........อุตส่าห์ถามจะพบสุขพ้นทุกข์ทน


เหล่าที่สี่อยู่ใต้ตมโสมมต่ำ
...ไม่ดื่มด่ำสอนเท่าไรก็ไร้ผล
......เป็นอาหารเต่าปูปลาพาร้อนรน
.........เสมือนคนดื้อรั้นพาลเกเร


สมจริงดั่งพุทธธรรมคำท่านว่า
...ยังไม่ช้ามุ่งหน้าไปไม่ไขว้เขว
......จงคิดดี ทำดี มิลังเล
.........ผลแห่งธรรม ที่ทุ่มเท...เอวังดี


ที่มา ธรรมจักรดอทคอม

อ่านแล้วจะเลือกเหล่าไหนดีหนอ :062: :062: :062:

82
บทความ บทกวี / @@...เหนื่อยไหม....?@@
« เมื่อ: 14 ก.ย. 2553, 10:17:06 »


เหนื่อยไหม...

เคยถามไถ่หัวใจตนเองบ้างหรือเปล่า

ทุกรอยก้าวในชีวิตที่ล่วงผ่าน

สูญเปล่าหรือค้นพบสิ่งดีดีบ้างไหม ?...


เหนื่อยไหม...

กับวันเวลาที่ต้องดิ้นรน ค้นหา ในทุกสิ่งที่ผ่านมา

แต่จะอย่างไร...

ไม่ว่าชีวิตจะเคว้งคว้างไปในทิศทางใด

ขอให้อดทนและก้าวต่อไปเถิดนะ

อย่าไปกังวลว่าจะไปได้ถึงจุดหมายหรือไม่

อย่าไปคำนึงว่ายังเหลือหนทางอีกยาวไกลเพียงใด

ขอเพียงให้ทุกก้าวที่ผ่านไป...

หนักแน่น มั่นคง เปี่ยมด้วยพลังแห่งชีวิต

ขอเพียงทุกขณะเราได้ระลึกเสมอ

ว่าได้กระทำในสิ่งที่เรารัก และศรัทธา

ให้ทุกหยาดเหงื่อ..คือการทุ่มเทอย่างเต็มขีดความสามารถ

ให้ทุกเรี่ยวแรง..คือการตัดสินใจที่ดีที่สุด


เพียงเท่านี้...

ชีวิตก็ประสบกับความสำเร็จแล้ว

แม้วันนี้เราจะยังไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางก็ตาม...



บทความโดย......มนต์สุนทร สุราช


ขอบคุณทำดีดอทเน็ต


อ่านแล้วทำให้มีกำลังใจและหายเหนื่อยครับ ท่านสมาชิกอ่านแล้วรู้สึกหายเหนื่อยไหมครับขอบคุณเจ้าของบทความมา ณ โอกาสนี้ครับ...สวัสดี :001: :001: :001:
 

83





น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

ลูกอมมหามงคลเสาร์ ๕ หลวงพ่อเปิ่น
อธิษฐานจิตปลุกเสก ณ วัดบางพระ วันเสาร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๔๓
เวลา 0๕.0๕(ตี๕)
วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง  เพื่อหาทุนทรัพย์สร้างระฆังใหญ่ที่สุด


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       


[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น[/shake]



84

น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญที่ระลึกพิธีไหว้ครู amazing  วันเสาร์ที่14 มีนาคม พ.ศ.2541

เนื้อทองคำสร้าง    75 เหรียญ    (ตอกโค๊ตและหมายเลขกำกับ)
เนื้อเงินลงยาสร้าง    575 เหรียญ (ตอกโค๊ตและหมายเลขกำกับ)
เนื้อนวะโลหะสร้าง    975 เหรียญ (ตอกโค๊ตและหมายเลขกำกับ)
เนื้อทองแดงบริสุทธิ์ไม่เจาะห่วงสร้าง 9,999 เหรียญ (ตอกโค๊ตกำกับ)
เนื้อทองแดงรมมันปูสร้าง 19,975 เหรียญ  (ตอกโค๊ตกำกับ)
เนื้อตะกั่วหลังจารสร้าง 1,299 เหรียญ (ตอกโค๊ตและหมายเลขกำกับ)

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        


[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น[/shake]

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ ติชมไำด้นะครับ... สวัสดี :001: :001: :001:

85




น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญหลวงพ่อเปิ่น รุ่นเอกลักษณ์นั่งเสือ เนื้อเงิน โค๊ต ก. (โค๊ตกรรมการ)

          ในปี 2537 พระเดชพระคุณหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ. นครปฐม พระเกจิอาจารย์นักบุญ นักพัฒนาได้บำเพ็ญบารมีธรรม ครั้งยิ่งใหญ่ ในวาระครบ 6 รอบ (72 ปี) โดยรับเป็นประธานอุปถัมภ์หาทุนทรัพย์สร้างอุโบสถวัดนก ซึ่งเป็นอุโบสถอเนกประสงค์ 2 ชั้น ซึ่งใช้งบประมาณการก่อสร้าง 25 ล้านกว่าบาทในปีนั้น โดยหลวงพ่อเปิ่นได้รับเป็นประธานในการวางศิลาฤกษ์ ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2538 เวลา 15.19 น.นั้น

          ในโอกาสแรกเริ่มในการหาทุนทรัพย์ หลวงพ่อเปิ่น ได้อนุญาติให้คณะกรรมการจัดสร้างเหรียญเอกลักษณ์นั่งเสือ ซึ่งเป็นเหรียญที่ทำให้หลวงพ่อเปิ่นเป็นที่รู้จักของนักนิยมพระเครื่อง และตลอดจนศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย จากรุ่นแล้วรุ่นเล่า พิมพ์แล้วพิมพ์เล่าจนพูดกันติดปากว่า "หลวงพ่อเปิ่นขี่เสือ"

          เหรียญเอกลักษณ์นั่งเสือ(ขี่เสือ) รุ่นนี้สร้างอย่างปราณีตบรรจง พิถีพิถันสวยงามกว่าทุกพิมพ์ที่สร้างมาแล้ว โดยช่างวิชัย ศรีลอยเมือง ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังด้านออกแบบพิมพ์ในยุคนั้น ทั้งนี้เพราะต้องการให้เหรียญรุ่นนี้เป็นที่นิยมสนใจของนักนิยมพระเครื่อง สืบต่อไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน


         ด้านหน้าเหรียญ หลวงพ่อเปิ่นนั่งสมาธิบนหลังเสือ เป็นเอกลักษณ์แห่ง อำนาจ วาสนา บารมี

          ด้านหลังเหรียญ  เป็นหงษ์คู่เอกลักษณ์ แห่งศํกดิ์ศรี เมตตาและโชค


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        

[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น[/shake]

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ ติชมไำด้นะครับ... สวัสดี :001: :001: :001:

86



เหรียญนั่งพาน ฉลองอายุ 6 รอบ สร้างปีพ.ศ.2537
เนื้อเงิน เนื้อนวะ เนื้อทองแดง เนื้อทองฝาบาตร



ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       

[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น
[/shake]
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ ติชมไำด้นะครับ... สวัสดี

87



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น รุ่นแรก หลังเสือ ปี พ.ศ.2527 อุดเกศาใต้ฐาน

ขอเล่าถึงประสบการณ์ของรูปหล่อรุ่นนี้นะครับ  ประสบการณ์ที่จะเล่านี้เป็นเรื่องประสบการณ์ของคุณนิมิต มงคลประสิทธิ์
ตามในหนังสือเลยนะครับ

   
   ประสบการณ์ด้านพระเครื่อง เครื่องรางของขลังของหลวงพ่อเปิ่นนั้น ข้าพเจ้าก็เคยประสบมากับตนเองหลายครั้ง ดังจะนำมาเล่าสู่กันฟังพอสังเขป
    เมื่อต้นปี พ.ศ.2527 พรรคพวกที่เป็นทหารเรือชวนเป็นกรรมการสร้าง"พระรูปหล่อหลังเสือรุ่นแรก" มีคนอุตรินำมาใส่ปากปลาช่อน ฟันจนเกร็ดกระจุย แต่ไม่เข้า! พอเอารูปหล่อออกจากปากปลาช่อนแล้วฟันลงไปอีกครั้ง คราวนี้ ขาด 2 ท่อน ! จึงเป็นสาเหตุที่ข้าพเจ้าไม่กินปลาช่อนด้วยความสงสารทาตั้งแต่บัดนั้น!
   นี่คือ บุญญาบารมีหลวงพ่อเปิ่น บางประการที่เกิดกับตัวข้าพเจ้า ... สวัสดีครับ


ขอขอบคุณนิมิต มงคลประสิทธิ์ ขอบคุณครับ
นำมาให้ทุกท่านได้อ่านถึงเรื่องราวประสบการณ์ของพระรูปหล่อรุ่นแรกหลังเสือ
ท่านใดมีประสบการณ์มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ที่ได้ประสบเจอมาให้ทุกๆท่านได้อ่านกันนะครับ สวัสดีครับ จาก nok2009

ที่มา : บุญญาบารมี หลวงพ่อเปิ่น ฉบับ สมโภชสัญญาบัตรพัดยศ "เจ้าคุณ"
    พระอุดมประชานาถ (เปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        

[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น[/shake]

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ ติชมไำด้นะครับ... สวัสดี

88



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

ล็อคเก็ตหลวงพ่อเปิ่น รุ่น มหามงคล สหัสวรรษ 2000
ขนาด 3.9 ซม. บรรจุตะกรุดทองคำ 9 ดอก
จัดสร้างในปี 2543 จำนวนการสร้าง 399 องค์

 
ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี         


[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น [/shake]

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ ติชมไำด้นะครับ... สวัสดี :001: :001: :001:

89



คำสอนหลวงปู่ทวด


อยู่ให้สบาย สวัสดี :001:

90



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

กริ่งรูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น รุ่นแรก ออกที่วัดโคกเขมา  ปีพ.ศ.2506
จำนวนการสร้างไม่ทราบแน่ชัด
รบกวนท่านพี่ amazing 2511 ว่าจำนวนการสร้างจำนวนเท่าใดครับ ขอบพระคุณครับ

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี         


[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น [/shake]

ติชมได้นะครับพี่พี่เื่พื่อนเพื่อนน้องน้อง ... สวัสดีครับ :001: :001: :001:

91





เหรียญหล่อสิงห์ป้อนเหยื่อ รุ่นแรก หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย อยุธยา 2535

ตอนแรกย้ายของแล้วหาเหรียญนี้ไม่เจอ ไม่รู้เอาไปไว้ที่ไหน หายไปอยู่ 5-6 เดือน แล้วเจอโดยบังเอิญ
เลยหยิบกล้องตัวน้อยถ่ายรูปมาให้ชมกันอีกหนึ่งครั้งครับ ติชมได้ครับ...สวัสดี :001: :001: :001:





92



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม


เหรียญเสมาสร้างสะพาน(ปลาตะเพียน)สร้างปี2530
เนื้อทองแดงรมมันปู จำนวนการสร้าง 10,000 เหรียญ


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี         


[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น [/shake]



93



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม


ล็อคเก็ตบูชาครู ปี2550 ครับ ด้านหลังมีเศียรพ่อแก่ จีวรและเส้นเกศาหลวงปู่ครับ

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี         


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

ขออภัยนะครับ ถ่ายไม่ค่อยชัด ติชมได้ครับ :001: :001: :001:

94


พระนารท หรือ พระนารอด หรือ พระนาระทะ แล้วแต่จะเรียก
     เป็น1 ใน พระประชาบดี (เทวฤษีที่เป็นพระผู้สร้าง) ๑๐ องค์ คือ เป็นผู้ประดิษฐ์ "วีณา" -- พิณน้ำเต้า
     พระฤๅษีนารทบำเพ็ญพรตอยู่เชิงเขาโสฬส นอกเมืองลงกา เมื่อคราวหนุมานไปถวายแหวนแก่นางสีดาได้เหาะเลยเมืองลงกาเพราะไม่รู้จักทาง ไปพบกันเข้าจึงเกิดการประลองฤทธิ์กัน แต่หนุมานเกิดพ่ายแพ้ต่อฤทธิ์พระฤๅษีจึงยอมอ่อนน้อม และเมื่อคราวหนุมานไปเผากรุงลงกาไฟที่ติดหางหนุมานจะดับอย่างไรก็ไม่สามารถดับได้ หนุมานจึงไปหาพระฤๅษีนารทให้ช่วยดับไฟให้
    พระฤาษีนารอด เป็นครูของฤาษีทั้งปวง ทรงกำเนิดจากเศียรที่ ๕ ของพระพรมธาดา ทรงเพศเป็นฤาษี พระฤาษีนารอดถือว่าเป็นฤาษีองค์แรกของไตรภูมิ ไม่ว่าจะมีการบูชาสิ่งใด หากไม่มีการเชิญท่านแล้ว พิธีกรรมนั้นมักไม่สมบูรณ์
    รูปลักษณ์ของท่านที่สร้างเป็นหัวโขน(ศรีษะครู)สำหรับบูชาเป็นรูปหน้าพระฤาษีหน้าปิดทอง สวมลอมพอกฤาษี มี(กระดาษ)ทำเป็นผ้าพับเป็นชั้นลดหลั่นกันไป เสียบอยู่กลางลอมพอก

สิ่งที่เกี่ยวกับพระฤาษีนารอด เพิ่มเติม
     พระรอดเป็นพระเครื่องราง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้พระสมเด็จฯ และพระนางพญา ได้ถูกขนานนามว่าเป็น " เทวีแห่งนิรันตราย " ทั้งได้แสดงคุณวิเศษทางแคล้วคลาดเป็นที่ประจักษ์มาแล้วมากมาย ตามตำนานกล่าวว่า "พระนารทฤาษี" เป็นผู้สร้างพระพิมพ์นี้ขึ้น จึงเรียกพระพิมพ์นี้ว่า "พระนารท" หรือ "พระนารอด" ครั้นต่อมานานเข้ามีผู้เรียกและผู้เขียนเพี้ยนไปเป็น "พระรอท" และในที่สุด ก็เป็น"พระรอด" อีกทั้งเหมาะกับภาษาไทยที่แปลว่า รอดพ้น จึงนิยมเรียกพระพิมพ์เครื่องรางชนิดนี้ว่า พระรอด เรื่อยมาโดย ไม่มีผู้ใดขัดแย้ง พระรอดพบในอุโมงค์ใต้เจดีย์ใหญ่วัดมหาวัน หรือที่เรียกว่า มหาวนาราม ณ จังหวัดลำพูน ซึ่งปรากฏอยู่ถึงจนปัจจุบันนี้ อนึ่ง วัดมหาวันเป็นวัดโบราณของมอญลานนาในยุคทวาราวดี ขณะที่พระเจ้าเม็งรายยกทัพมาขับไล่พวกมอญออกไปราว พ.ศ.1740 นั้น ก็พบว่าวัดนี้เป็นโบราณสถานอยู่ก่อนแล้ว ฉะนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาใดเลยว่า พระรอดนี้ควรมีอายุ เกินกว่าพันปีเป็นแน่ แต่เพิ่งมาพบเมื่อประมาณ 50 ปีมานี่เอง



 พระฤษีนารอด ท่านเป็นหมอยาที่มีคาถาอาคมเก่งกล้า ทั้งยังเป็นอาจารย์รดน้ำมนต์ที่เก่งที่สุดอีกด้วยท่านมีบารมีมาก ปวงชนทั่วไปก็มักจะรู้จักพระนามของท่านแทบทั้งนั้น รูปร่างหน้าตาของท่านก็ยังมีหนวดเครายาวลงมาจากคางถึงในระหว่างอกมือถือดอกบัว ตรงด้านหน้ามีบาตรน้ำมนตร์ตั้งอยู่เป็นประจำ เก่งในทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ชงัดนักแล ถ้าหากผู้ใดมีความทุกข์ที่เกี่ยวกับการเจ็บไข้ได้ป่วย ก็จงบนบานศาลกล่าวกับท่านดูแล้วท่านก็จะต้องเมตตาเสด็จลงมาปัดเป่ารักษาให้โรคภัยนั้นหายไปในเร็ววันมักจะมีคนพูดกันทั่วไปว่า พระฤษีนารอดเป็นพี่ชายของ พระฤษีนารายณ์แต่บำเพ็ญพรตกันอยู่คนละแห่ง นานๆจึงจะได้พบกันสักครั้งหนึ่ง แต่เรื่องนี้มีความคลาดเคลื่อนอยู่ ที่จริงแล้วผู้ที่เป็นน้องชายของพระฤษีนารอดก็คือ พระฤษีนาเรศร์ มิใช่พระฤษีนารายณ์ ที่ถูกต้องก็คือ พระฤษีนาเรศร์ นี่แหละที่เป็นน้องชายแท้ๆของ พระฤษีนารอด และก็ได้บำเพ็ญตบะอย่างมุ่งมั่นอยู่กันคนละแห่ง สำหรับพระฤษีนาเรศร์นี้ ท่านเก่งในคาถาอาคมศักดิ์สิทธิ์มีเวทมนตร์ขลังเป็นที่สุด ชอบสันโดษบำเพ็ญพรตอยู่แต่ในป่าลึกๆ ไม่ค่อยชอบสมาคมกับใครเท่าใดนัก แม้แต่พี่น้องกันแท้ๆ ยังนานๆได้พบกันที พอพบกันก็จะดีใจถึงกับกอดกันแน่นด้วยความปลื้มปิติยินดีท่านที่กราบไหว้บูชาพระฤษีสององค์พี่น้องก็จะเป็นมงคลอันสูง ท่านก็จะได้แผ่บารมีแห่งความเมตตามายังท่าน มาป้องปัดบำบัดรักษา และคุ้ม
ครองมิให้โรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนตลอดกาล....


พระฤษีนารอดสวมเทริดฤษี ยอดบายศรีลายหนังเสือ เป็นพระฤษีที่บำเพ็ญพรตอยู่ที่เชิงเขาโสฬสนอกกรุงลงกา เมื่อครั้งหนุมานไปถวายแหวนนางสีดา เหาะเลยกรุงลงกาไปจึงไปพบพระฤษีนารอด(ฤษีนารท) โดยบังเอิญ แล้วต่อสู้กัน หนุมานแพ้จึงยอมอ่อนน้อมให้พระฤษี และเมื่อครั้งหนุมานเผากรุงลงกาไฟที่ติดหางดับไม่ได้ พระฤษีนารอดจึงดับให้....


อีกที่มาหนึ่ง..........

ตำนานพระปรคนธรรพ หรือ พระฤาษีนารอท ดุริยเทพที่ประทานความสำเร็จ เสน่ห์เมตตามหานิยม

คำ ว่าพระฤาษีนารอดเป็นคำที่คนไทยเราคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่หาก ถามถึงความเป็นมาหลายคนก็ไม่รู้ ที่รู้ก็อาจไม่ถูกต้อง ดังนั้น จึงขอนำประวัติที่น่าสนใจของพระฤาษีตนนี้มาเล่าสู่กันฟังให้ผู้อ่านที่สนใจ ได้รับความรู้ที่ถูกต้อง เกี่ยวกับพระฤาษีตนนี้ด้วย

พระฤาษีนารอด เป็นพระฤาษีที่เกี่ยวข้องกับการดนตรีและมีชื่อเยกอยู่หลายชื่อ สำหรับชื่อคนทางนาฏศิลป์และดุริยางคศิลป์ ดนตรีไทย คุ้นเคยและกราบไหว้บูชากันคือ "พระปรคนธรรพ" ถ้ากล่าวชื่อนี้ในหมู่นาฏศิลป์ย่อมรู้จักกันดีแต่คนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ใน แวดวงนาฏศิลป์ก็คงไม่รู้จัก หรือบางคนอาจเพิ่งเคยได้ยินนามนี้เป็นครั้งแรก

ใน หนังสือบูชาครูดุริยะเทพ เรียบเรียงโดยพระอาจารย์ศิริพงศ์ ครูพันธ์กิจ เล่าเรื่องพระปรคนธรรพไว้ว่า มีนามจริงว่า "นารท" มีประวัติปรากฏในวรรณคดีต่างๆมากมาย ทั้งฝ่ายพราหมณ์และทางพระพุทธศาสนา พระปรคนธรรพแปลว่า ยอดของฤาษี ราชาแห่งฤาษี ผู้ประดิษฐ์พิณขึ้นเป็นท่านแรก บางแห่งออกนามว่า "เทพคนธรรพ์" "คนธรรพราช" เป็นผู้เชี่ยวชาญในการบรรเลง ขับร้อง โหราศาสตร์ กฏหมาย และทางการแพทย์ นักเลงไสยศาสตร์เรียกว่า "พระฤาษีนารอด" (พระฤาษีนารท) คามภัมภีร์โบราณของอินเดียกล่าวว่า พระฤาษีนารทเป็น พรหมฤาษี มหาประชาบดี พระนารทเป็นบุตรของมนู บางตำราว่า พระนารท เกิดจากพระนลาตของพระพรหมจึงได้รับสมญาว่าเป็นบุตรแห่งพรหม

 ในคัมภีร์วิษณุปุราณะกล่าวว่า พระนารทเป็นบุตรของพระกศยปเทพบิดร พระนารทได้รับการยกย่องนับถือมากกว่าบรรดาฤาษีทั้งปวง นอกจากพระปรคนธรรพจะมีนามจริงว่า นารท แล้ว ยังมีชื่ออื่น ๆ อีกมากมาย เช่น พระปิศุนา แปลว่า ผู้สื่อข่าว บางทีเรียกว่าพระกสิการกะ (ผู้ทำให้เกิดการถกเถียงต่อสู้ทะเลาะวิวาท) บางแห่งเรีกพระกปิพัตร (หน้าลิง) พระนารทนอกจากจะมีเพศเป็นชายแล้ว ยังมีเพศเป็นหญิงอีกปางหนึ่งชื่อนาง นารที เป็นภรรยาของพระนารายณ์แปลง ชื่อพราหมณ์สันนยาสี มีบุตรด้วยกัน 60 คน


คราวหนึ่งพระปรคนธรรพ (นารท) แปลงกายเป็นพญานกบินไปเกาะที่กิ่งของต้นมะเดื่อใหญ่ริมแม่น้ำ ด้วยกำลังของพญานกทำให้ผลมะเดื่อร่วงลงน้ำ ทำให้เกิดเสียงสูงต่ำต่างกันตามระดับความสูงต่ำของผลมะเดื่อ ทำให้พระปรคนธรรพ (นารท) คิดประดิฐ์เครื่องดนตรีได้อีกชิ้นหนึ่ง

ด้วย นิสัยประจำตัวของพระปรคนธรรพ (นารท) นี้เป็นผู้มีนิสัย ชอบแนะนำ ยุแหย่ให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมากมายในหมู่เทวดา จึงได้นามว่า "ปิศุนา" พระบาทสมเด็จพระมงกูกเกล้าเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงกล่าวถึงความสามารถของพระนารทว่า เป็นตริกาลสัชณระ ผู้รอบรู้ในกาลทั้งสาม คือ อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต สามารถสอดส่องเห็นทั่วไปด้วยตบะ เป็นผู้มีวชาทางเสน่ห์ เมตตามหานิยม เป็นผู้แต่งคัมภีร์ทางกฏหมาย ชื่อ "นารทิยธรรมศาสตร์" และเป็นผู้เล่าเรื่องรามายะณะได้ พระฤาษีวาลมิกิฟัง และพระฤาษีวาลมิกิจึงรถจาคัมภีร์รามายะณะขึ้นตามเทวโองการของพระพรหม

นัก ดนตรีปี่พาทย์และนาฏศิลป์ยกย่องนับถือพระปรคนธรรพ (นารท) มาก และถือว่าพระปรคนธรรพเป็นประธานควบคุมดูแลการบรรเลงคุมจังหวะหน้าทับ กำกับการบรรเลงและการฟ้อนรำ จึงนับถือตะโพนซึ่งมีหน้าที่บรรเลงคุมจังหวะหน้าทับว่าเป็นตัวแทนขององค์พระ ปรคนธรรพ

  ทุกครั้งเมื่อเลิกจากการบรรเลงจะนำตะโพนเก็บไว้ในที่สูงกว่าเครื่องดนตรี ประเภทอื่นๆ และก่อนการบรรเลงทุกครั้งจะมีการถวายเครื่องกำนลบูชาครูตะโพน ตลอดถึงการบรรเลงปี่พาทย์ประกอบการไหว้ครูทุกครั้งจะมีการห่มตะโพนด้วยผ้า ขาว และปูลาดผ้าขาวเพื่อรองเท้าตะโพน จัดวางขันกำนลสำหรับให้ผู้บรรเลงเพลงหน้าพาทย์ทุกคนได้บูชาครูที่หน้าผ้าขาว ที่ปูลาดหน้าตะโพน และก่อนที่พิธีกรผู้ประกอบพิธีไหว้ครูจะทำพิธีไหว้ครูจะต้องมาบูชาครูตะโพน ก่อน แล้วนำสังข์บรรจุน้ำสะอาด ขอพลีน้ำล้างหน้าตะโพน เพื่อทำน้ำมนต์ธรณีสาร ประพรมเครื่องดนตรีและผู้ร่วมพิธีไหว้ครู

เรื่อง ตำนานของพระปรคนธรรพ หรือ พระปรโคนธรรพ หรือพระนารท หรือพระฤาษีนารอดนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะมีตำแหน่งเป็นทั้งมหาฤาษี เทพฤาษี พรหมฤาษี ซึ่งหมายถึงเป็นผู้ที่มีตบะฌานแก่กล้า มีญาณหยั่งรู้กว้างขวาง ทรงความรู้รอบด้าน ทั้งพระเวท ทั้งการดนตรี กฏหมาย นอกจานี้ยังเป็นประชาบดี หมายถึงผู้เป็นใหญ่เหนือประชา คือ กลุ่มผู้สร้างมนุษย์กลุ่มแรก ตามตำนานกล่าวว่า ประชาบดีนั้นมีด้วยกัน ทั้งหมด 10 คน

1.มรีจิ
2.อัตริ
3.อังคีรส
4.ปุลัสสตะยะ
5.ปุลหะ
6.กระตุ
7.วสิฐ
8.ประเจตัส (ทักษะ)
9.ภฤคุ
10.พระนารท

นอก จากนี้พระนารทยังเป็นหนึ่งสัตปฤาษี หรือเจ็ดยอดฤาษีที่ได้รับความนับถือสูงสุดอีกด้วย ส่วนคำว่าพระปรคนธรรพ หรือปรโคธรรพ นั้นก็หมายถึงท่านเป็นยอดแห่งคนธรรพทั้งหลาย นี่แสดงให้เห็นว่าพระนารทนี้มีความสำคัญและได้รับการยกย่องมากที่สุด

ใน บางแห่งกล่าวว่า พระฤาษีนารท (นารอด) เป็นพวกกระเทพ เรื่องี้เห็นจะเป็นเพราะว่า พระฤาษีนารทนั้นบางครั้งเป็นหญิง บางครั้งเป็นายและยังชอบทางการดนตรีด้วย แต่เรื่องนี้ถือว่าเป็นความเข้าใจผิด เพราะหากพิจารณาดูแล้วทางด้านคุณธรรมที่เป็นถึงพรหมฤาษีนั้น แสดงว่า พระนารทหรือพระฤาษีนารอดนี้อยู่ชั้นพรหม ตามตำราทางพระพุทธศาสนา และพราหมณ์กล่าวคล้ายกนว่า ในชั้นพรหมนั้นผู้ที่เข้าถึงไดต้องได้ฌานสมาบัติตั้งแต่ฐมฌานขึ้นไป ผู้เข้าสู่ชั้นพรหมนั้นจะเป็นผู้หมดจากอุปาทานทางเทศ ในพรหมจึงไม่ปรากฏว่าเป็นชายหรือหญิง เสวยสุขด้วยกำลังฌานตามแต่ละขั้นของตน

พระ นารท หรือพระฤาษีนารอด คือผู้สำเร็จฌานแก่กล้า จึงย่อมเป็นผู้ไม่อยู่ในวิสัยของกะเทย เพราะย่อมละ อัตภาพของความเป็นหญิงและชายไปแล้ว ทั้งผู้ที่ถึงเรื่องพรหมย่อมไม่มีกามราคะ เพราะกามราคะนั้นนอนนิ่งเหมือนตะกอนใต้น้ำ หรือดั่งหญ้าโดนหินทับด้วยอำนาจตบะฌานนันแล ส่วนเรื่องวาจาไม่อยู่สุขและเรื่องราวต่างๆ ที่มักปรากฏขึ้นในวรรณคดีนั้น หากพจารณาแล้วจะเข้าใจได้ว่าแท้จริงเรื่องราวทั้งหมดที่ เกิดขึ้นก็ล้วนเป็นมายา พระนารทเป็นประดุจลมที่พัดเอาวาจาหรือคำพูดของแต่ละคนไปเท่านั้นเอง พระนารทเสมือนหนึ่งเป็นผู้ดำเนินเรื่องให้สมบูรณ์ และเรื่องทั้งหมดแท้จริงเป็นเพียงมายา หามีสาระอย่างใดไม่ เป็นเพียงคติสอนใจว่าการพูดจาสิ่งใด การกระทำสิ่งใดควรไตร่ตรองพิจารณาให้ดี แล้วจึงทำทุกอย่างย่อมเป็นสุขไม่มีทุกข์เกิดขึ้นในภายหลัง



ที่มา : http://www.yimwhan.com...บทความ เกี่ยวกับ เครื่องราง ของขลัง วัตถุมงคล วัตถุอาถรรพณ์ ต่างๆ


95
ขออนุโมทนาบรรดาศิษยานุศิษย์หลวงพ่อเปิ่น ที่ได้สละเวลามาร่วมในงานบูชาบูรพาจารย์ หลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระ ลูกศิษย์ได้ร่วมทำบุญกับพระอาจารย์อภิญญา พิธีครอบเศียรในวันนี้รวมเป็น จำนวนเงิน 24,500 บาท รายได้ทั้งหมดนี้ จะนำไปสมทบทุน ก่อสร้างอุโบสถ ณ วัดโพธิ์เผือกทุ่งมะขามหย่อง ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ................................. .........จึงขออนุโมทนา

96







น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี         

97


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญคร่อมเสือ รุ่นแรก จารมือ
สร้างในปี 2520  ห้าว ดุ เหนียว
มีประสบการณ์ กระสุนปืนไม่ทะลุทะลวง  เพราะทราบมาจากผู้มีประสบการณ์ ครับ...สวัสดี


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ 
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี         





98




เหรียญยอดนิยม ปี2519 หลังเสือ
เนื้อทองแดง ครับผม 
ติชมได้นะครับท่าน ... สวัสดี
:001: :001: :001:

99


แผ่นยันต์หอมเชียงปี44 
ถ่ายไว้นาน แล้ว นำมาแบ่งกันชมครับ...สวัสดี
:001: :002:

100


วัตถุมงคลหลวงพ่อเปิ่น องค์เล็ก ๆ นำมาติดในกรอบรูป ครับ
รุ่นไหนปีไหน ลองทายมาเล่นๆได้ครับ ติชมได้ครับผม
ห่างหายไปนานเลยครับ   ... สวัสดี
:001: :001: :001:
 

101






งานประจำปี-ปิดทองรอยพระพุทธบาท-พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ บรรจุแผ่นดวงชะตาใต้ฐานพระประธาน
ไหว้บูชาพระบรมสารีริกธาตุจาก 7 ประเทศ 9 วัด
 ณ วัดนก ซอย พณิชยการธนบุรี ถนน จรัญฯ13 เขต ภาษีเจริญ กทม.
เชิญชม ฟรีคอนเสริต์ลูกทุ่งและสินค้าการกุศล


5 ก.พ.53
นักร้องรับเชิญ
สาวมาด เมกกะแดนส์(ดาวมหาลัย)  
ตลก 2 คณะ *ดอกกระโดน ฟีเวอร์ *ไชโย ดอกกระโดน


6 ก.พ.53
นักร้องรับเชิญ
*ดวงตา คงทอง *ข้าวทิพย์ ธิดาดิน
ตลก 2 คณะ *ตลก (คุณประจวบจัดหามา) *แก็งค์ร็อคข้าวปุ่น


7 ก.พ.53
ดารารับเชิญ
*เสรี รุ่งสว่าง  ปะทะ *กระแต โฟร์ทีน (เปิดใจสาวแต)
ตลก ดู๋  ดอกกระโดน
      เพ็ชร ดาราฉาย
      โจอี้  ดอกกระโดน


***7 ก.พ.53
ตั้งแต่เวลา 09.00 น. พระอาจารย์จิ สมจิตฺโต วัดหนองหว้า ศิษย์เอกหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก
ได้เมตตาประกอบพิธีลงนะเมตตาแก่สาธุชนทั่วไป



นำมาประสัมพันธ์ให้ทราบกันนะครับ... สวัสดี :001: :001: :001:

102


รายนามพระเกจิอาจารย์ ที่นิมนต์ นั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคล
วัดนก   เขตภาษีเจริญ   กรุงเทพมหานคร
วันที่ ๓๐   มกราคม  ๒๕๕๓    เวลา ๑๕.๑๙ น.


ลำดับ    รายนาม               วัด         จังหวัด
         
๑   พระธรรมธีรราชมหามุนี   (เที่ยง)   ระฆังโฆสิตาราม   กรุงเทพมหานคร
๒   พระธรรมรัตนากร         ปากน้ำ ภาษีเจริญ   กรุงเทพมหานคร
๓   พระเทพมงคลรังษี   (เฉลียว)   อรุณราชวราราม   กรุงเทพมหานคร
๔   พระพิพัฒน์วิริยาสภรณ์   (แย้ม)   ไร่ขิง         นครปฐม
๕   พระปริยัติกิจวิธาน   (สมศักดิ์)   โสธรวราราม      ฉะเชิงเทรา
๖   พระมงคลวชิราจารย์   (สุข)   เขาตะเครา      เพชรบุรี
๗   พระสมุทรวชิรโสภณ   (โสภณ)   บ้านแหลม      สมุทรสงคราม
๘   พระสิทธิญาณมุนี   (โหนก)   คูหาสวรรค์      กรุงเทพมหานคร
๙   พระครูวิทิตสุตคุณ   (บุญมี)   นวลนรดิศ      กรุงเทพมหานคร
๑๐   พระครูโอภาสสุวรรณวัฒน์   (น้อม)   กระโจมทอง   กรุงเทพมหานคร
๑๑   พระครูพิพิธพัฒนพิมล   (สิทธิทัต)   มะพร้าวเตี้ย   กรุงเทพมหานคร
๑๒   พระครูโสภิตบุญรังสี   (เรือง)   ปากน้ำฝั่งใต้      กรุงเทพมหานคร
๑๓   พระครูสมุทรธรรมาภรณ์   (เจิม)   ปรกรวยไม่เลิก   สมุทรสาคร
๑๔   พระครูถาวรวิริยคุณ   (คง)      เขากลิ้ง           เพชรบุรี
๑๕   พระครูธรรมสารรักษา   (ป่วน)   บรรหารแจ่มใส   สุพรรณบุรี
๑๖   พระครูอนุกูลพิศาลกิจ   (สำอางค์)   บางพระ   นครปฐม
๑๗   พระครูปลัดไชยวุฒิ อาภานนฺโท   จันทร์ประดิษฐาราม   กรุงเทพมหานคร
๑๘   ครูบากฤษณะ  อินฺทวณฺโณ      สำนักสงฆ์เวฬุวัน   นครราชสีมา
๑๙   พระอาจารย์ จิ  สมจิตฺโต      หนองหว้า      เพชรบุรี
๒๐   พระอาจารย์ติ่ง         บางพระ      นครปฐม
๒๑   พระอาจารย์ อภิญญา  คณุตฺตโม   บางพระ      นครปฐม
๒๒   พระอาจารย์ขาว  กตปุญฺโญ   สาวชะโงก      ฉะเชิงเทรา
๒๓   หลวงพ่อเอิบ  ฐิตธมฺโม      ซุ้มกระต่าย  สรรพยา   ชัยนาท
๒๔   พระครูวิมลจันโทภาส   (อ่าง)   ใหญ่สว่างอารมณ์   นนทบุรี
๒๕   พระครูวิบูลธรรมานุกิจ   (สมพร)   บางพลีใหญ่ใน   สมุทรปราการ
๒๖   พระครูวิบูลสิริธรรม   (เพี้ยน)   ตุ๊กตา         นครปฐม
๒๗   พรครูภัทรกิจวิมล   (ต้อม)      โพธิ์เผือก      อยุธยา
๒๘   พระอาจารย์แป้ว         บางพระ      นครปฐม
๒๙   พระครูพิพัฒน์วรคุณ   (สำราญ)   มะกอก      กรุงเทพมหานคร
๓๐   หลวงปู่ ตี๋  ฉนฺทธมฺโม      ท่ามะกรูด      สุพรรณบุรี
๓๑   หลวงพ่อ ประทุม อคฺคปุญฺโญ   ขรัวตาหนู      สุพรรณบุรี
๓๒   พระครูสุจิตตาภรณ์   (สมเจต)   นก         กรุงเทพมหานคร


นำข่าวสารมาประชาสัมพันธ์ ให้ทราบกันครับ สวัสดี :001: :001: :001:

   


103


คำปฏิเสธทั่ว ๆ ไป
เป็นการแสดงถึงการบ่งบอกว่า “ไม่”

การดำเนินชีวิตของเรา
บ่อยครั้งที่เราใช้การปฏิเสธไม่เป็น
เราจึงต้องตกที่นั่งลำบาก
ทั้ง ๆ ที่จิตใจบางครั้งก็ฝืนความรู้สึก


คำว่า “ไม่”
จึงเป็นคำปฏิเสธที่มีความหมาย
ในทางธรรมะถือว่า
เป็นสุดยอดของธรรมะที่เราต้องใช้บ่อย ๆ

เมื่อเวลาที่เรา
ถูกกิเลส คือ ความอยากต่าง ๆ ครอบงำ
วิธีง่าย ๆ คือ
เราต้องรู้จักปฏิเสธให้เป็น
ต่อความอยากที่ไม่ดีที่เกิดขึ้น

จงอย่าที่จะพยายาม
“ยอมรับ” สิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้น

การปฏิเสธ
เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางธรรมได้เป็นอย่างดี

เวลาที่เกิดความอยากได้
สิ่งโน้น..สิ่งนี้
ถ้าพิจารณาแล้วและเห็นว่า
เป้นความอยากหลอก ๆ
เราก็ต้องกล้าที่จะปฏิเสธ
หากได้พิจารณาเห็นถึงความจำเป็น
ในสิ่งนั้น ๆ อย่างถ่องแท้แล้ว
ก็ควรรีบปฏิเสธทันที

แต่ในทางตรงกันข้าม
หากสิ่งใดเป็นสิ่งที่ดีงาม..ถูกต้อง..ถูกธรรม
เราก็ควรรับและปฏิบัติ

สิ่งที่ไม่ดี..
ควรรีบปฏิเสธว่า “ไม่”
สิ่งใดที่ดีงาม..ควรรีบรับและลงมือทำ..ทันที

จิตใจที่ถูกปฏิเสธ
ในเรื่องที่ไม่ดี
เมื่อเราปฏิเสธบ่อย ๆ
ความเข้มแข็งในจิตใจก็จะเพิ่มมากขึ้น

แต่เมื่อใด
จิตใจต้อนรับสิ่งที่ไม่ดีบ่อย ๆ
ความอ่อนแอทางจิตใจก็เพิ่มมากขึ้น


บทความ..โดย..ชายน้อย


                                        ขอบคุณข้อมูลจาก วัดปทุมคงคา


104





น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

พระผงขุนแผน หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันไหว้ครู 14 มีนาคม 2541
เกศา ฝังตะกรุดเงิน 3 ดอก
มีตัวเลขอยู่ใต้ฐานครับ
ด้านหลังมีโค๊ต ตัว ปอ ปลา  ( ป ):001:


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ   :114:
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        

105
บทความ บทกวี / ^ 0 ^... ป-า-ก... ^ 0 ^
« เมื่อ: 11 ธ.ค. 2552, 07:14:22 »



เมื่อตอนเป็นสามเณรเล็ก ๆ เวลาจะสวดมนต์ หรือ เทศน์อ่านคัมภีร์ใบลาน ต้องใช้สีผึ้งสีปากหรือทาปากก่อน
 แล้วกำหนดว่าจะใช้นิ้วไหนเพื่อพูดกับใคร โดยกำหนดความรัก ความชื่นชม ความสำเร็จ




ถ้าเข้าหา                ผู้ใหญ่                   ใช้นิ้วโป้ง
งานจะโปร่ง            ต้องนิ้วชี้                สีเข้าไว้
ยุติธรรม                 นิ้วกลางหนอ         ขอโทษภัย
หารักไซร้              ใช้นิ้วนาง               ไม่จางรัก
พูดกับเด็ก              ใช้นิ้วก้อย              กระจ้อยริด
เด็กใกล้ชิด             หัวเราะริก              กันกิ๊กกั๊ก
ท่องคาถา               ชัดชัด                     ชะงัดนัก
สีผึ้งจัก                    สำแดงฤกทธิ์         สมจิตปอง


คาถาที่ท่องก็เป็นคาถาที่รู้จักกันทั่วไปว่า “นะโมพุทธายะ” แล้วเสกแยกว่า..
                         นะ.          เมตตา
                        โม            กรุณา
                         พุท          ปรานี
                         ธา           ยินดี
                         ยะ           เอ็นดู


ถ้าจะถามว่าได้ผลไหม ?
ก็ขอตอบว่าได้ผลดีทีเดียว ! ซึ่งถ้าใครไม่เชื่อก็แล้วไป เดี๋ยวนี้ก็ยังใช้เวลาจะเทศน์ก็เสกสีผึ้งฝรั่ง (ลิปสติก) ซึ่งเป็นลิป  
เพราะสีผึ้งในกรุงเทพฯไม่มีขาย   ต่อมาก็วิเคราะห์ว่าทำไมต้องใช้นิ้วไม่เหมือนกัน   จึงประจักษ์ความจริงในความฉลาดของคนโบราณว่าให้เรารู้หน้าที่ของปากว่าจะพูดกับคนระดับใด  
 จะได้เตรียมการพูดในเหมาะสม เรียกว่า ปุคคลัญญุตา   คือ   รู้จักคนที่เราจะเข้าไปเจรจาด้วย
              

 ต่อมาก็ได้อ่านหนังสือของ น.อ. (พิเศษ) แย้ม   ประพัฒน์ทอง   ซึ่งเป็นอนุศาสนาจารย์กองทัพอากาศ   ท่านถึงแก่กรรมไปหลายปีแล้ว   ท่านเขียนเรื่องปาก   แล้วท่านก็แสดงคำโคลงซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าเป็นของใคร ทำให้รู้ว่าปากนั้นบรรดาลความสำเร็จ และให้ผลอันเผ็ดร้อน
  

คำโคลงนั้นพอจำได้ว่า...
ปากเป็นเอกเลขตั้ง               เป็นโท
เพราะพูดดูดดวงมโน            แน่นได้
ร้อยรักหักโมโห                     หาลาภ รวยแฮ
ฤาอาจพูดเพื่อให้                  ปากเย้ ฟันเยิน

      

 เมื่อรู้ฤทธิ์และพิษสงของปากแล้วก็เฝ้าระวัง   ปากบางครั้งก็พลาดเพราะ...อารมณ์ตน   และเพราะผู้คนที่ยุยง..จึงกำหนดจดจำพระพุทธภาษิตว่า...
                                 ทุฎฐสฺส    ผรุสวาจา (ทุฎฐัสสะ ผะรุสะวาจา)
                                 คนโกรธย่อมกล่าววาจาหยาบคาย

คนโกรธมีวาจาหยาบคาย คือ...
พูดคำหยาบ
สาปแช่ง
ตะแบงส่งเสียงดัง
ไม่ฟังคำเตือนของผู้ปรารถนาดี
ผลจากกล่าววาจาข้างต้นบังเกิดผลเสีย คือ...
เสียความดี
เสียไมตรีจิต
กิริยามารยาทวิปริต
เสียความเป็นมิตรที่เคยมีมา
เสียสง่าราศี
มีท่าทีเหมือนคนบ้า
เห็นใคร ๆ ขวางลูกนัยน์ตา
คิดแต่จะก่นด่าเขาร่ำไป
ใส่ร้ายป้ายสี
ไม่มีคนรักใคร่
ขาดขันติควบคุมใจ
ต้องไปอยู่ในคุกตะราง

เมื่อรู้ผลร้ายดังกล่าวแล้ว  
ตอนนี้นำสีผึ้งมาสีปากครั้งใดก็ภาวนาคาถา

              
         “ นะโมพุทธายะ” เสริมเสน่ห์ของสีผึ้งว่า...
นะ   เมตตา             ยามเจรจา              เมตตา   นะ
โม   กรุณา              อย่ากักขฬะ           ละ..โมโห
พุทธ ปรานี             มีใจพิสุทธิ์             ดั่ง...พุทโธ
ธา   ยินดี                 ดับโมโห                ความ...โกรธา
ยะ   เอ็นดู               รู้พูดเล่น                 เป็น...ระยะ
คำของพระ             สอนสั่ง                   ฟังไว้หนา
ยึดมงคล                 สุภาสิตา                 จะ ยา วาจา
พิเคราะห์ว่า            พูดอย่างไร             ให้คนรัก.
 
 


นำมาเป็นความรู้ครับเห็นว่าน่าอ่านก็นำมาเสนอแก่ท่านสมาชิกได้อ่านกัน ... สวัสดี
 :001: :002: :001: :002: :001: :057:

ขอบคุณบทความจาก กิติคุณดอทคอม
 
 


106



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญฉลองพัดยศ พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น)  สร้า้งปี 2537
เนื้อเงิน สร้า้งจำนวน 3,999 เหรียญ


ห่างหายไปนาน เลยครับ ถ้ามีโอกาสจะนำมาให้ชมกันอีกในครั้งต่อไปนะครับ...สวัสดี

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ   :114:
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        

107


การขอขมาพระรัตนตรัย

         เราไม่รู้ว่า ในอดีต ทั้งในอดีตชาติที่ล่วงมาหลายภพชาติ จนถึงปัจจุบัน เราได้เคยปรามาส ล่วงเกินพระรัตนตรัย พระธรรม พระอริยเจ้าผู้ทรงคุณธรรมสูง ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไว้บ้างหรือไม่

         เราได้เวียนว่ายตายเกิดมาหลายชาติจนนับไม่ถ้วน และไม่รู้ว่าเคยได้ล่วงเกินปรามาสใครไปบ้างหรือไม่

         เพราะกรรม การกระทำที่ทำแล้วต่อพระอริยเจ้า ผู้มีคุณธรรมสูง ถ้าเป็นกรรมดี ย่อมส่งผลดีมหาศาลและรวดเร็ว แต่ถ้าเป็นกรรมชั่ว ย่อมให้ผลเป็นความทุกข์มากและยาวนาน     


        ผลจากเศษกรรมที่อาจได้รับในชาติปัจจุบัน เช่น การศึกษาไม่ก้าวหน้า เรียนไม่รู้เรื่อง ความรู้ไม่เข้าหัว การทำมาหากินเป็นไปด้วยความยากลำบาก งานไม่ก้าวหน้า ตกงาน ครอบครัวแตกแยก ถูกข่มเหง หรือ ทุกข์จนอยากฆ่าตัวตาย หาทางออกในชีวิตไม่ได้

         ดังนั้นเราจึงควรขอขมาพระรัตนตรัยบ่อยๆเพื่อให้จิตของเราได้ขอขมาท่าน และคลายจากกรรมที่ไม่ดี การทำบารมีใหม่ จะง่ายขึ้น ไม่ติดขัดทั้งทางโลกทางธรรม


 
ขอบคุณพลังจิตดอทคอม
 
 
 

108


วิธีทำบุญง่ายๆ สำหรับคนไม่มีเวลา สามารถทำได้ทุกวัน โดยได้บารมี 10 ทัศ ครบถ้วนบริสุทธิ์ บริบูรณ์

         พูดถึงเวลาถ้าเราทำบุญ คนส่วนใหญ่มักนึกถึงการ ตักบาตรหรือเข้าวัดทำบุญ เป็นส่วนมาก ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่มีเวลา ก็เลยเสียโอกาสในการสั่งสมบุญ บารมี วันนี้จึงมีเรื่องมาเล่าให้ทุกๆท่านได้อ่านและพิจารณา เผื่อจะได้แง่มุมใหม่ๆในการสร้างบุญกุศล สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา เพื่อจะได้นำมาปฏิบัติอย่างง่ายๆ เพื่อสั่งสมบุญบารมี มีดังนี้


1. หา กระปุกออมสิน หรือ บาตรพลาสติก ( ร้านสังฆทานต่างๆจะมีขาย ) หรือภาชนะที่สะดวก ในการหยอดเงิน นำมาวางไว้ที่ในห้องพระ หรือหิ้งพระ สำหรับคนที่อยู่คอนโด หรืออพาร์ทเม้นต์ ถ้าไม่มีห้องพระ ให้หารูปพระ มาติดที่ฝาผนังก็ได้

2. ทุกวันให้เราสละเวลา เพียงวันละประมาณ 20-30 นาที สวดมนต์ไหว้พระเวลาไหนก็ได้ที่เราว่าง เราสบายใจ เช้า สาย บ่าย เย็น หรือก่อนนอน โดยเริ่มจากบท


คำบูชาพระ

อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ (ข้าพเจ้าขอบูชาอย่างยิ่งต่อพระพุทธเจ้า ด้วยเครื่องสักการะนี้)
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ (ข้าพเจ้าขอบูชาอย่างยิ่งต่อพระธรรม ด้วยเครื่องสักการะนี้)
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ (ข้าพเจ้าขอบูชาอย่างยิ่งต่อพระสงฆ์ ด้วยเครื่องสักการะนี้)

คำบูชาพระรัตนตรัย

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ(กราบ)
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ(กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ(กราบ)

นมัสการพระพุทธเจ้า

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ



     *ระหว่างที่ตั้งนะโม ก็ให้เรานำเงินมา จบเอาไว้ในมือ จะกี่บาทก็ได้ 5 บาท 10 บาท หรือ 20 บาท หรือจะมากกว่านั้นตามแต่ศรัทธา จากนั้นก็เริ่มสวด

คำกล่าวบูชาไตรสรณคมน์

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.

บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ

สวากขาโต ภะคะวา ธัมโม
สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหี
ติ.

บทสรรเสริญ พระสังฆคุณ

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสสะ ยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย
อัญชะลีกะระนีโย อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสา

พาหุงมหากา หรือ พุทธชัยมงคลคาถา (ถวายพรพระ)

๑. พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

๒. มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

๓. นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

๔. อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโย ชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

๕. กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

๖. สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

๗. นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ

๘. ทุคคาหะ ทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถาโย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะ


สวดจบแล้วให้กลับมาสวด พระพุทธคุณ บทเดียวหรือ 9 จบ เท่าอายุบวกหนึ่ง

* * * ถ้าไม่มีเวลา ให้กลับมาสวด บทพระพุทธคุณบทเดียว 9 จบ เท่าอายุบวกหนึ่ง


3. ต่อจากนั้น ตั้งสมาธิจิตสักระยะหนึ่ง แล้วอธิษฐานจิตจนเสร็จ จากนั้น เอาเงินที่จบไว้ในมือ ใส่เข้าไปในภาชนะที่เตรียมไว้ที่หิ้งพระหรือโต๊ะหมู่บูชา หรือหน้ารูปพระ เสร็จแล้วอย่าลืม แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลทุกครั้งให้เจ้ากรรมนายเวร ทำอย่างนี้ทุกวันอย่าให้ขาด

คาถาแผ่เมตตา (แผ่ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย)

สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ


4. หลังจากนั้น เราก็จะได้บารมีครบถ้วน เพียงแค่สวดมนต์ไม่กี่นาที และสิ่งเหล่านี้ก็จะสะสมในใจเราทีละน้อย เหมือนกับเราเก็บเงินวันละ บาท 10 วันก็ได้ 10 บาท แต่ถ้าเราไม่ทำอะไร เราก็จะไม่ได้อะไรเลย แล้วเงินที่เราหยอดทุกวัน ที่ได้จากการสวดมนต์ ก็เหมือนเราตักบาตรทุกวัน โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เมื่อมีโอกาศเข้าวัด หรือจะไปทำบุญตามสถานที่ต่างๆ เราก็นำเงินนั้นแหละไปทำบุญ หยอดตู้ ใส่ซอง ทำให้จิตของเราติดอยู่กับบุญกุศล ทุกวัน

บารมีครบถ้วน 10 ประการมีดังนี้

1. ทานบารมีี = ขณะที่เราสวดมนต์เสร็จ เราทำทานคือเอาเงินที่จบใส่ใน กระปุกออมสิน หรืออื่นๆ เป็น ทานบารมี

2. ศีลบารมี = ขณะที่เราสวดมนต์อยู่ในขณะนั้นเราไม่ได้ทำบาปกรรมกับใคร มีศีลอยู่ในขณะที่สวดมี ศีลบารมี

3. เนกขัมมบารมี = ขณะที่เราสวดมนต์อยู่ จิตของเราปราศจาก นิวรณ์มารบกวนจิตใจ ถือว่าเป็นการบวชใจ ถือว่าเป็น เนกขัมมบารมี

4. ปัญญาบารมี = การสวดมนต์ทำด้วยความศรัทธา ทำด้วยปัญญาที่เห็นว่ามันเป็นประโยชน์ช่วยฝึกฝนให้เกิดสติ มีสมาธิเป็น ปัญญาบารมี

5. วิริยะบารมี = ถ้าเราไม่มีความเพียร เราก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นความเพียรเป็น วิริยะบารมี

6. ขันติบารมี= มีความเพียรแล้ว ไม่มีความอดทน ความเพียรก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องมีความอดทน ความอดทนเป็น ขันติบารมี

7. สัจจะบารมี = มีความเพียร มีความอดทนแล้ว และมีความจริงใจในการประพฤติปฏิบัติ ซึ่งความจริงใจคือ สัจจะบารมี

8. อธิษฐานบารมี = เมื่อเราสวดมนต์เสร็จ ทำสมาธิ ตั้งจิตอธิฐาน การอธิฐานเป็น อธิษฐานบารมี

9. เมตตาบารมี = ใส่บาตร สวดมนต์เสร็จ ก็ต้องแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล การแผ่เมตตาเป็น เมตตาบารมี

10. อุเบกขาบารมี = ขณะที่แผ่เมตตา เราต้องทำใจของเราให้มีเมตตา ต่อสัตว์ทั้งหลาย ทำใจให้เป็นพรหมวิหาร 4 อุเบกขา วางเฉย อโหสิกรรม กับบุคคลที่เราเคยล่วงเกินกันมา ไม่โกรธใคร ไม่เกลียดใคร ไม่ชอบใคร ไม่ชังใคร ทำใจให้นิ่ง ทำจิตให้สงบ วางใจให้เป็นอุเบกขา เป็น อุเบกขาบารมี

  ยิ่งสวด ยิ่งได้ ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ ทำบุญ แล้วทำทาน ประพฤติปฎิบัติรักษาศีล  จะเกิดอานิสงค์กับตัวท่านเอง ร่ำรวยเงินทองจงมีแก่ทุกท่าน
ขอบคุณพลังจิตดอทคอม
 

 

109



โอลิเวอร์ โกลด์สมิธ กล่าวไว้ว่า

“ความภูมิใจอันยิ่งใหญ่ มิใช่อยู่ที่การไม่เคยหกล้ม
แต่.....อยู่ที่การลุกขึ้นทุกครั้ง ที่หกล้มต่างหาก...”

จะเข้มแข็ง.... หรือจะอ่อนแอ
:001: :001: :001:

        ชีวิตคนเราบางครั้งก็มีความท้อแท้ อ่อนแอ เกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่หากมีความอ่อนแออยู่เป็นประจำ ก็จะทำให้เป็นคนล้มเหลว ระหว่างผู้เข้มแข็งและผู้ที่อ่อนแอนั้นมีบุคคลิกลักษณะที่แตกต่างกันดังนี้


๑. ผู้ที่เข้มแข็งจะไม่ลดละความพยายาม ไม่ยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น จะพยายามหาข้อมูล และหาเหตุผลเพื่อที่จะเอาชนะปัญหา อุปสรรค.....แต่ผู้ที่อ่อนแอมักทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม

๒. ผู้ที่เข้มแข็งจะไม่พร่ำบ่นถึงปัญหาส่วนตัว หรือนำมาเกี่ยวข้องกับการทำงาน แต่จะจัดลำดับความสำคัญของงาน แยกแยะปัญหางานออกจากปัญหาส่วนตัว.....แต่ผู้ที่อ่อนแอมักทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม

๓. ผู้ที่เข้มแข็งจะคิดใหญ่ คิดว่าตนเองมีความสามารถ พัฒนาความรู้ของตนอยู่เสมอ มีความมุ่งมั่น และคิดว่าตนเองเป็นผู้ที่มีความสามารถเช่นเดียวกับผู้อื่น.....แต่ผู้ที่อ่อนแอมักทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม

๔. ผู้ที่เข้มแข็งจะไม่บอกความลับแก่ใคร และไม่ต้องการรู้ความลับของผู้อื่น อีกทั้งสนใจเฉพาะสิ่งที่สร้างสรรค์.....แต่ผู้ที่อ่อนแอมักทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม

๕. ผู้ที่เข้มแข็งไม่กลัวความล้มเหลว คิดว่าความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติ ที่สามารถเริ่มต้นใหม่ แก้ไข ปรับปรุงใหม่ ได้เสมอ.....แต่ผู้ที่อ่อนแอมักทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม

๖. ผู้ที่เข้มแข็งไม่ต้องการทราบว่าผู้อื่นคิดเห็นกับตนอย่างไร มีความเชื่อมั่น ทำในสิ่งที่ถูกต้องและมีความมุ่งมั่น.....แต่ผู้ที่อ่อนแอมักทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม

๗. ผู้ที่เข้มแข็งไม่คิดว่าตัวเองเคราะห์ร้าย แต่มีความยินดีที่ยอมรับและต่อสู้กับอุปสรรคอย่างหน้าชื่นตาบาน ไม่คิดท้อแท้ยอมจำนน.....แต่ผู้ที่อ่อนแอมักจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม


บางครั้ง ความท้อแท้อาจทำให้เราอ่อนแอ แต่ความพยายามในการสร้างความเข้มแข็งให้กับตนเอง ย่อมนำมาซึ่งสิ่งดี ๆ ในชีวิต...ตลอดไป ^ - ^  :001: :001: :001: :001: :001:



 

(บางส่วนจากหนังสือ ขอให้เปี่ยมล้นกำลังใจ...โดย เบญญาวัธน์)



110


ชีวิตสมัยใหม่ ... ดำเนินไปอย่างเร่งรีบ ฉับไว
แต่ไม่ว่าจะเร่งให้เร็วแค่ไหน ... ก็ไม่เคยทันใจคนใจร้อนสักที
คนใจร้อน ที่ดูเหมือนจะรู้ว่า ... เวลาเป็นของมีค่า

แต่แน่ใจหรือว่า ...
ได้ใช้เวลาไปอย่างคุ้มค่าจริง ๆเพราะบางครั้งการยอมสูญเสียเวลาอย่างยาวนาน เพื่อให้ได้มาซึ่งผลงานอันประณีต สมบูรณ์อาจเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุดก็เป็นได้



     มีพระราชาองค์หนึ่งพระนามว่า ปเจตนะ พระองค์ต้องการรถที่จะใช้ในการสงคราม จึงไปหาช่าง เพื่อให้ทำล้อรถคู่หนึ่ง โดยให้เวลา ๖ เดือน

นายช่างก็ลงมือทำล้ออย่างประณีตเวลาผ่านไปเหลือเพียง ๖ วันจะครบ ๖ เดือนเขาเพิ่งจะทำล้อเสร็จข้างเดียวเท่านั้น

เมื่อพระราชาทรงทราบดังนั้น จึงตรัสถามว่า " เหลือเวลาอีกแค่ ๖ วัน ก็จะครบกำหนดแล้ว ล้ออีก ข้างจะทำเสร็จหรือ "

นายช่างกราบทูลว่า " เสร็จพระเจ้าข้า"

พอครบ ๖ เดือน นายช่างก็ทำล้อเสร็จคู่หนึ่งได้อย่างที่รับปากไว้ เมื่อเขานำไปถวายพระราชา พระองค์มองดูล้อคู่ใหม่นั้น พร้อมตรัสถามว่า

"ล้อทั้งสองข้าง ข้างหนึ่งใช้เวลาเกือบ ๖ เดือน อีกข้างหนึ่งใช้เวลาเพียง ๖ วัน ไม่เห็นว่าจะต่างกันตรงไหนเลย"

นายช่ายทูลว่า " ดูภายนอกเหมือนกันแต่ประสิทธิภาพนั้นแตกต่างกัน ของพระองค์ทอดพระเนตรดูความแตกต่างกันเถิด"

ว่าแล้ว นายช่างก็เอาล้อข้างที่ทำเพียง ๖ วัน กลิ้งไปบนพื้นดิน พอสุดกำลัง มันก็ล้มลง ส่วนล้อข้างที่ใช้เวลาทำนานเกือบ ๖ เดือนนั้น พอกลิ้งไปสุดกำลังแล้ว ก็ยังคงตั้งอยู่ดังเดิม

พระราชาทรงแปลกใจ จึงถามถึงสาเหตุที่ทำให้ล้อทั้งคู่แตกต่างกัน

นายช่างก็กราบทูลว่า "ขอเดชะ ล้อที่ทำเพียบ๖ วันนั้น ส่วนประกอบเป็นไม้ที่อบยังไม่แห้งสนิท จึงไม่สมดุลย์ ส่วนล้อข้างที่ใช้เวลาเกือบ ๖ เดือน ทำด้วยไม้ที่แห้งสนิทดี จึงสมดุลย์พระเจ้าข้า"

นายช่างผู้ชำนาญ ยอมสละเวลายาวนานในการสร้างล้อรถ ซึ่งมีความสมดุลย์เป็นเยี่ยม แม้จะหมุนกลิ้งไปไกล ก็ยังสามารถทรงตัวตั้งอยู่ได้อย่างมั่นคง เวลายาวนานที่ผ่านไปจึงมิใช่เป็นการเสียเวลาเลย หากแต่เป็นเวลาแห่งความสุข และความภาคภูมิใจ เป็นเวลาแห่งการสร้างสรรค์ผลงานอันยิ่งใหญ่ของนายช่างผู้นั้น

        การปฏิบัติธรรม ของเราก็เช่นกัน แม้ต้องใช้เวลานาน แต่ผลการปฏิบัติที่ได้ก็จะมั่นคง เมื่อเราทำถูกวิธีแล้ว ขยันแล้ว แต่ยังเข้าไม่ถึงธรรม ก็ขอให้ทำไปอย่างมีความสุข

 ...เพราะ.....
เวลาแห่งความสุข ย่อมเป็นเวลาที่มีค่ามากที่สุด
แม้ชีวิตวันนี้ ... เราจะต้องก้าวไป อย่างฉับไว
แต่จะเป็นไรไป ... หากเราจะยอมสูญเสียเวลา
เพื่อที่จะมีความสุขนาน ๆ ... และได้ผลงานดี ๆ :001: :001: :001:


แหล่งที่มา:พลังจิตดอทคอม



111
บทความ บทกวี / *..*"กาย" กับ "ใจ"..*..*
« เมื่อ: 26 พ.ย. 2552, 06:22:04 »


คำว่าชีวิตประกอบขึ้นมาจาก "กาย" กับ "ใจ" เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "กาย" กับ "นาม" องค์ประกอบทั้งสองของชีวิตนี้ "ใจ" มีความสำคัญมากกว่า "กาย" เพราะ "ใจ" เป็นอย่างไร "กาย" จะเป็นอย่างนั้น

เรื่อง ว.วชิรเมธี

ความสำคัญของใจที่มีผลเหนือกายนั้นมีตัวอย่างมากมาย อภิปรายกันไม่รู้จบ เช่นวันหนึ่งเมื่อมีนักข่าวสัมภาษณ์ว่า ไทเกอร์ วู้ด มีเคล็ดลับในการตีกอล์ฟอย่างไร จึงตีได้แม่นเหมือนจับวางทุกครั้ง เขาตอบสั้นๆ ว่า ผมจินตนาการเห็นลูกกอล์ฟลอยละลิ่วลงหลุมก่อนที่ผมจะเริ่มตีมันเสียอีก" คำตอบของนักกอล์ฟอัจฉริยะสะท้อนว่าใจของเขานั้นไม่ได้สั่งได้เฉพาะกายคือมือของเขาเท่านั้น แม้แต่ไม้ตีกอล์ฟเอง ก็หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา เข้าทำนอง กระบี่อยู่ที่ใจ ใจอยู่ในกระบี่ โดยแท้



ครั้งหนึ่งมีการทดลองกันในทางจิตวิทยาว่า ใจสำคัญต่อกายจริงหรือไม่ นักจิตวิทยาร่วมมือกับนายแพทย์ท่านหนึ่ง ไปตรวจร่างกายของนักกีฬายกน้ำหนักถึงโรงยิม เมื่อไปถึง นายแพทย์ก็ตรวจวัดร่างกายของนักกีฬายกน้ำหนักคนหนึ่ง ซึ่งมีร่างกายที่แข็งแรงมาก เขากำลังฝึกยกน้ำหนักอยู่พอดี เมื่อไปถึงนายแพทย์ใช้ปรอทวัดไข้อยู่สักพักหนึ่ง รอไม่กี่นาที ท่านก็รายงานด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า นักกีฬาคนนี้กำลังมีปัญหาใหญ่ เพราะตรวจพบ บางอย่าง ในร่างกาย ขอให้งดการฝึกซ้อม ฃเอาไว้ก่อน พอนายแพทย์พูดจบ นักกีฬาร่างล่ำบึ้กมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที เขายกน้ำหนักต่อไปไม่ไหว ยกอย่างไรก็ไม่เป็นที่พอใจ อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด เขาจึงขออนุญาตลากลับไปพักหลายวัน



ต่อมานายแพทย์และนักจิตวิทยา จึงขอโทษนักกีฬาคนนั้น พร้อมทั้งบอกความจริงว่า ผลการตรวจสุขภาพไม่เป็นอันตรายอย่างที่เป็นกังวลสักนิด ที่แจ้งผลไป ก่อนหน้านั้น เป็นเพียงการทดลองอย่างหนึ่งเท่านั้น ซึ่งทั้งครูฝึก นักจิตวิทยา และนายแพทย์ร่วมมือกันและรู้กันมาแต่ต้นอยู่แล้ว ทันทีที่ทราบผลว่า ตนไม่เป็นอะไร วันรุ่งขึ้นนักกีฬาคนนั้นก็มาฝึกซ้อมต่อและคราวนี้เขาสดชื่นรื่นเริงอย่างเห็นได้ชัด การทดลองคราวนี้ ก็สะท้อนหลักการที่ว่า ใจเป็นอย่างไร ร่างกายเป็นอย่างนั้น จริงๆ



ความจริง ในชีวิตของคนเรานั้น หากสังเกตให้ดีเราจะพบว่า พฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงผลออกมาทางกายนั้น ล้วนได้รับอิทธิพลของใจทั้งสิ้น คนที่มีสีหน้าสดชื่น ผ่องใส ใจเย็นโดยธรรมชาติ (ไม่ใช่ใสเพราะฝีมือหมอ) ก็เพราะลึกๆ แล้ว เขาไม่มีความเครียดเจือปนอยู่ในใจ คนที่หงุดหงิดงุ่นง่าน ก็เพราะในใจเขาเต็มไปด้วยความกังวล คนที่มีพฤติกรรมฉ้อฉล คอรัปชั่น ก็เพราะใจเขามี ไถยจิต ซึ่งแปลว่า จิตที่มีธาตุแห่งความเป็น หัวขโมย แฝงอยู่ คนที่สู้ชีวิต ก็เพราะใจเขาเปี่ยมด้วย ปรักกมธาตุ ซึ่งแปลว่า ใจนักสู้ อยู่ข้างใน ส่วนคนที่เต็มไปด้วยความอิจฉาตาร้อน ก็เพราะข้างในของเขา หมักหมมอยู่ด้วยไฟริษยานั่นเอง นอกเป็นอย่างไร ก็สะท้อนว่าใจเป็นอย่างนั้น กาย จึงเป็นเหมือนเงาสะท้อนของใจ

ใจ ของเรานั้น ไม่ต่างอะไรกับห้องที่ว่างเปล่า เมื่อเราใส่อะไรเข้าไปในห้องที่ว่างเปล่านั้น สถานภาพของห้องก็จะเปลี่ยนไปทันที เป็นต้นว่า เรามีห้องว่างเปล่าอยู่ห้องหนึ่ง เมื่อ - -


เราใส่น้ำเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องน้ำ
เราใส่พระพุทธรูปเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องพระ
เราใส่เครื่องมือปรุงอาหารเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องครัว
เราใส่เครื่องนอนเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องนอน
เราใส่ชุดรับแขกเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องรับแขก
เราใส่บุคคลสำคัญเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องวีไอพี



ห้องแห่งหัวใจของเราก็ไม่ต่างอะไรกับห้องว่างเปล่าที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเลย ทุกครั้งที่เราบรรจุอะไรเข้าไปในใจ ใจของเราก็จะเปลี่ยนสถานภาพเหมือนกัน


เราใส่ความเมตตาเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจดี
เราใส่ธรรมะเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจบุญ
เราใส่ความโกรธเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจร้อน
เราใส่ความเลวเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจทราม
เราใส่ความกลัวเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจเสาะ
เราใส่ความเป็นนักสู้เข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจสู้
เราใส่ความขาดสติเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจลอย

เห็นด้วยกับผู้เขียนหรือไม่ว่า ใจของเรานั้นเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือกาย เป็นสิ่งที่คอยออกแบบชีวิตของเราให้เป็นไปอย่างไรก็ได้


พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า

ใจเป็นนาย ใจเป็นผู้นำ ใจเป็นผู้สร้างสรรค์...
หรือบางทีก็ตรัสว่า จิตฺเตน นียติ โลโก แปลว่า โลกหมุนไปตามใจสั่งการ โลกในที่นี้ หมายถึง ชีวิตของเรานั่นเอง โลกคือชีวิต จะหมุนซ้าย หมุนขวา หมุนตรงหรือหมุนเอียง หมุนไปข้างหน้า หรือว่าหมุนไปข้างหลัง ทั้งหลายทั้งปวงนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของใจทั้งหมดทั้งสิ้น



ใจของเราไม่ต่างอะไรกับห้องที่ว่างเปล่า เราบรรจุอะไรลงไป ชีวิตของเราก็เป็นไปตามสิ่งที่บรรจุนั้น ทุกวันนี้ เราเคยถามตัวเองบ้างไหมว่า เราบรรจุอะไร ลงไปในห้องแห่งหัวใจของเราบ้าง ความรู้ ความงมงาย ความรัก ความโกรธ ความเกลียด ความโลภ ความดี ความชั่ว ความริษยา ความหน้าด้าน ความสะอาด สว่าง สงบ หรือความตื่นรู้ ชีวิตจะเป็นอย่างไร รุ่งโรจน์หรือร่วงโรย ขึ้นสูงหรือลงต่ำ สำคัญที่เราบรรจุอะไรลงไปในใจของเราเอง


 
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Livingetc ฉบับภาษาไทย

 
 

112


ผู้สุจริต...ย่อมผ่องใส

ผู้มีความสุจริต...
คือ คิดสุจริต พูดสุจริต ทำสุจริต
แม้จะเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ชั่วเวลาใดเวลาหนึ่ง
แล้วลองพิจารณาใจตัวเอง
...ตลอดเวลานั้น


จะพบความผ่องใสไม่เศร้าหมอง
เพราะผู้มีความสุจริตเท่านั้น
เป็นผู้ที่ไม่ต้องรับรู้ความจริงว่า
ตนคิดไม่ได้ พูดไม่ดี ทำไม่ดี...อันเป็นบาป

“บาป” นั้น...
ส่วนหนึ่งเข้าใจกันว่าหมายถึง...
การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเขาเท่านั้น
แต่ที่จริงมีความหมายกว้างกว่านั้น
การทำความเดือดร้อนให้เกิดแก่คน...สัตว์
...ล้วนแต่เป็นบาปทั้งสิ้น


เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำทั้งสิ้น
เพราะเมื่อบุคคลใดกระทำแล้ว
ย่อมเป็นไปตามพุทธศาสนสุภาษิตว่า...
“ตนทำบาปเอง...ย่อมเศร้าหมองเอง” :001: :001: :001:

: ธรรมนิพนธ์
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

 
 
ขอบคุณบทความจาก ลานธรรมจักร
 

 
  

113


๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน ?
 
ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ

๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี ?

( ๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
( ๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
( ๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
( ๔) ขออย่าให้ตายในสงคราม ระหว่างคนไทยด้วยกันเอง

๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี ?
 
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข

๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน ?
 
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน

๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา ?


โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์ ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง

๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี ?

( ๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
( ๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
( ๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา

๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร ?

เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้

๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี ?

( ๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
( ๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
( ๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ

๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร ?
 
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้ เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา

๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี ?

( ๑) หางานใหม่
( ๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
( ๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
( ๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอด จ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่

๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย ?

คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า
แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย

๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม ?
 
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาป
แทนที่จะไถ่โคกระบือ คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า

๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน ?

ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน

๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี ?

มีลูกค้าจู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียน ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ

๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร ?
 
( ๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
( ๒) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาจากใคร
( ๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง

๑๖. สวดมนต์บทไหนดี ?
 

( ๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
( ๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
( ๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้ คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง

๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี ?

( ๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
( ๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
( ๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด

๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก ?

( ๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
( ๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย
( ๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน

๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม ?
 
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน

๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ ?

ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน

นำบทความของท่าน ว.วชิรเมธี
มาให้ท่านสมาชิกได้อ่านเป็นความรู้เพิ่มเติมและหวังว่าคงได้ประโยชน์จากการอ่านบทความนี้ไม่มากก็น้อย
ขอบารมีหลวงปู่เปิ่น คุ้มครองทุกท่านครับ...สวัสดี... :001: :001: :001: :001: :001: :002:

จากForwardmail

114


เปิดเว็บ"ฤาษีดัดตนดิจิตอล"
สอนท่ากายบริหารไทยทั่วโลก (ข่าวสด)

"เนคเทค" เปิดเว็บไซต์ "ฤาษีดัดตนฉบับดิจิตอล"
สอนวิธีการทำท่ากายบริหารแบบไทยเป็นครั้งแรกของโลก


เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่อุทยานการเรียนรู้ "ทีเคปาร์ค" ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)
พร้อมด้วยนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)
และดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์
และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ร่วมแถลงข่าวการเปิดตัวเว็บไซต์ http://www.rusiedotton.thai.net


คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า หลังจากเนคเทคได้รับประสานจากคณะกรรมการแห่งชาติ
ว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลกของประเทศไทย
เพื่อพัฒนาท่ากายบริหาร "ฤาษีดัดตนฉบับดิจิตอล"
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า คณะกรรมการองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ "ยูเนสโก"
ได้มีมติรับรองศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราช วรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
ขึ้นทะเบียนเป็นเอกสารมรดกความทรงจำของโลก
ซึ่งการจารึกโคลงประกอบรูปฤๅษีดัดตน ถือเป็นส่วนหนึ่งของศิลาจารึกดังกล่าวด้วย
ดังนั้นนอกจากจะเป็นการเผยแพร่ท่าฤาษีดัดตนไปทั่วโลกแล้ว
ยังช่วยอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญาของไทยไว้ในรูปแบบดิจิตอลออนไลน์เป็นครั้งแรกของโลก

ฤาษีดัดตนดิจิตอล

ดร.พันธ์ศักดิ์ ผอ.เนคเทค กล่าวว่า ในการวิจัยและพัฒนาฤาษีดัดตนฉบับดิจิตอล
แบ่งวิธีการออกเป็น 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย
ขั้นตอนที่ 1 ใช้ซอฟต์แวร์สามมิติขึ้นรูปฤาษีจำลองตามแบบ
การขึ้นรูปจะใช้ลักษณะโครงสร้างแบบไวร์เฟรม
และใช้เทคนิคการปั้นโพลีกอนในการสร้างโมเดลฤาษีสามมิติ
คำนึงถึงการสร้างโพลีกอน 2 ประเภทหลัก
คือ 1.ใช้ Face แบบ 3 จุด (Triangle) 2.ใช้ Face แบบ 4 จุด (Quad)
ซึ่งทั้ง 2 แบบจะให้ผลที่ดีในการทำโมเดลสามมิติให้มีความโค้งมนนุ่มนวล

ส่วนขั้นตอนที่ 2 เทคนิคในการสร้างภาพเคลื่อนไหว
ใช้วิธีเลียนแบบวิดีโอที่เรียบเหมือนการเคลื่อนไหวของมนุษย์
ทำให้ได้ภาพที่เหมือนจริงมากกว่า

และขั้นตอนที่ 3 ใช้เทคนิคการ Rendering ด้วย Grid Computing
ในการทำ Render เป็นการคำนวณแสงเงาตกกระทบวัตถุในโมเดลสามมิติ
ซึ่งอยู่ในรูปโพลีกอน หรือ NURBS ภายในโปรแกรมสามมิติต่างๆ
โดยแปรผันการใช้เวลา Render มากหรือน้อยเพียงใด
ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของ Model,Texture,Shading,Light
และคุณภาพของการกำหนดค่า Render
โดยจำเป็นต้องอาศัยศักยภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถสูง
ในด้านความเร็วประมวลผลและความเสถียรของระบบ
ได้รับความร่วมมือให้ใช้คอมพิวเตอร์กริด
ของศูนย์ไทยกริดแห่งชาติในการทำ Render ทั้งหมด


"ฤาษีดัดตนในรูปแบบดิจิตอล เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม
ของการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ต่อการพัฒนาประเทศของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เพื่อเก็บรักษามรดกทางปัญญาของชาติไว้ และเพื่อเผยแพร่ให้คนทั่วโลก
นำไปใช้เป็นท่ากายบริหารได้ด้วย" ดร.พันธ์ศักดิ์กล่าว



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก...
ที่มา... http://health.kapook.com/view6994.html



115


แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝนต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน
ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำคนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้
ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนทั้งวันก็ยังโง่เท่าเดิม

นัยอันล้ำลึกของคำว่า "ขอบคุณ"

ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้เป็นคนมุมานะ
ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ

ขอบคุณความผิดพลาด ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม
ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ

ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์
ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่
ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ

ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่น ที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่
ขอบคุณความป่วยไข้ ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ
ขอบคุณความทุกข์ที่ ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน


ขอบคุณความพลัดพราก ที่ทำให้เราสละจากความยึดมั่น ถือมั่น
ขอบคุณเพลิงกิเลส ที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน
ขอบคุณความตาย ที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ... :089: :089: :089: :001:

 
โดยท่าน ว. วชิรเมธี 
ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักร

 

116


อันความแก่หง่อม ย่อมทุลัก ทุเลมาก
ดังคนบอด ข้ามฝาก ฝั่งคลองหา
วิธีไต่ ไผ่ลำ คลานคลำมา
กิริยา แสนทุลัก ทุเลแล

 
ถ้าไม่อยาก ให้ทุลัก ทุเลมาก
จงข้ามฝาก ให้พ้น ก่อนตนแก่
ก่อนตามืด หูหนวก สะดวกแท้
ตรองให้แน่ แต่เนิ่นๆ รีบเดินเอย

 
คนจะงาม งามน้ำใจ ใช่ใบหน้า
คนจะสวย สวยกายา ใช่ตาหวาน
คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน
คนจะรวย รวยศีลทาน ใช่บ้านโต
 

อันความตายชายนารีหนีไม่พ้น
มีหรือจนก็ต้องตายกลายเป็นผี
ถึงแสนรักก็ต้องห่างล้างทันที
ไม่วันนี้ก็วันหน้าจริงหนาเรา
   

ดินจะกลบลบกายวายสังขาร
ไฟจะผลาญเผาซากสิ้นสาปสูญ
แต่ความดีมีอยู่คู่ค้ำคูณ
ช่วยเทิดทูนแทนซากที่จากไป

 
 
ขอบคุณบทความจาก ธรรมะออนไลน์
 

 

117


ปัญหาทั้งหลายบรรดามีในโลกนั้น    “ทุกอย่างเกิดมาจากใจ” 

ใจเป็นตัวสะสมความสุขความทุกข์  ทุกคนก็รู้ แต่ก็แก้ไม่ได้ 

มันยุ่งยากจนไม่อยากจะแก้  มันแย่จนแก้ไม่ถูก 

แล้วเราก็มอง ตัณหา ว่าเป็นทางแก้ทุกข์  ต่างคนต่างวิ่งเข้าหาตัณหา

ต่างจุดไฟราคะ  ไฟโทสะ  ไฟโมหะ  ซึ่งเผาได้ไม่เลือกที่  ไม่เลือกกาลเวลา


การหลุดพ้นจากทุกข์เกิดได้เพราะการฝึกฝนจิต 

โดยการเจริญสติให้มีพลังถึงขั้นเป็นสมาธิแล้วเกิดปัญญาเห็นแจ้งในธรรมทั้งปวง 

เห็นธรรมชาติของชีวิตนี้ตามความเป็นจริงแห่งสัจจะ 

แล้วการดำเนินชีวิตก็จะทำได้อย่างถูกต้องไม่อึดอัดขัดสน 

ไม่หวังว่าจะเอาอะไรกับโลก  ไม่หวังว่าโลกจะให้อะไรกับเรา
 
 

ขอบคุณบทความจาก ธรรมะจักร
 


118


กราบนมัสการหลวงพีี่เอี้ยง วัดมะนาวหวาน  :054: :054: :054:

วันนี้นำมาฝากกันเช่นเคยครับ ... สวัสดี

119



นมัสการ หลวงพี่เอี้ยง วัดมะนาวหวาน ขอรับ
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
ยิ้มไว้ไม่ทุกข์ สนุกดี
ภาพนี้เหมาะกับผู้ทำงานในออฟฟิตครับผม :001: :001: :001: :002: :002: :002: :001: :001: :001:

ที่มา ธรรมจักรดอทเนต

120


วิธีการอธิษฐานก่อนนอน เพื่อตัดกรรมตนเอง
อธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดก่อนนอนก็ได้


(นะโม 3 จบ) “ สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
อุกาสะ ขะมามิ ภันเต “


หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้งล่วงเกิน บิดา-มารดา
ครูบาอาจารย์พระพุทธ พระธรรม
พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วย กายวาจา ใจ ก็ดี
ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย


หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมาขออนุญาตมีคู่
มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป
ขอถอนคำอธิษฐานคำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต
ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน
ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูกที่ชอบที่ควร
ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัวตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้องจงเจริญด้วย
อายุ วรรณะ สุขะ พละลาภ ยศ สุข สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ
อุปสรรคใดๆ โรคภัยใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก
ทางธรรมตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ


หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า
ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความพยาบาท
ความอาฆาตและคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุกภพ
ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรมนายเวร
ขอให้พ้นนรกภูมิ พบแสงสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม เทอญ …

 
ขอบคุณธรรมะคิดดอทคอม
 

121




เปิดบันทึกตำนานโบราณ เข็มทอง คะนองฤทธิ์
วันนี้ตอนเวลา 18.00 น. ใครได้ชมบ้างครับ เล่าประสบการณ์ให้ฟังได้นะครับ ..ขอบคุณครับ :001:

ที่มาของภาพ

http://www.kantana.com/2009/index.php?Itemid=66&id=121&option=com_content&view=article

122


อุปสรรคหรือมารคือความเห็นแก่ตัว....
เวลาที่เหลืออยู่เล็กน้อยนี้จะขอพูดเรื่องอุปสรรค หรือมาร มารคืออุปสรรค
ป้องกันไม่ให้เป็นอย่างนั้น เรามีมารที่ทำให้เราไม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด หรือ
เรามีมารที่ทำให้โลกนี้ไม่มีสันติภาพ สิ่งเหล่านี้เราเรียกกันว่ามารหรือ
อุปสรรค กำลังมีอยู่ในโลกและมีมากขึ้นๆ โลกนี้ก็จะวินาศก็เพราะสิ่งนี้


เมื่อโลกยังไม่เจริญ ยังเป็นคนป่า คนไม่นุ่งผ้านั้น มันไม่ค่อยจะมีมาร
เรื่องนี้ พอมีความเจริญ มารนี้มันก็มากขึ้นๆ ท่านลองทายซิว่ามันคือ
อะไร? คำตอบก็คือ...'ความเห็นแก่ตัว' มารร้ายทั้งหลายทั้งหมดทั้ง
สิ้นมันรวมอยู่ที่ความเห็นแก่ตัว ขันธมารก็เพราะความเห็นแก่ตัว กิเลส
มารก็เพราะความเห็นแก่ตัว มารไหนๆก็เพราะความเห็นแก่ตัว เมื่อเห็น
แก่ตัวแล้วมันก็เกิดกิเลส แล้วมันก็ได้รับผลของกิเลส คือจมอยู่ในกอง
ทุกข์ ความเห็นแก่ตัว มันเป็นสิ่งที่มีอยู่ทั่วไป แล้วก็ไม่รู้จัก แล้วก็ไม่
สนใจ


ขอให้รู้จักและสนใจ อาตมาขอยืนยันว่าคุ้มค่าที่สุด ในการที่เราจะมา
ศึกษากันเรื่องความเห็นแก่ตัว ซึ่งกำลังทำให้โลกวินาศ มนุษย์ทีแรก
ไม่ได้เห็นแก่ตัว มนุษย์สมัยคนป่าไปเก็บของในป่ามากิน เก็บเช้ากิน
เช้า เก็บเย็นกินเย็น ต่อมามีคนเห็นแก่ตัวไปเก็บมาไว้มากๆ กินหลายๆ
วัน มันก็เกิดความขาดแคลนไม่พอกิน มันก็เกิดความยุ่งยากลำบาก
กิน มันก็ต้องปลูก ต้องฝัง ต้องเลี้ยง ต้องสร้าง มันก็เห็นแก่ตัว มันก็
ทำลายล้าง ขโมย มันก็เดือดร้อนเห็นแก่ตัว ใครมีอะไรมันก็คอยขโมย
กัน มันก็เป็นเรื่องยุ่งยากลำบาก ไม่มีความสงบสุข เพราะความเห็น
แก่ตัว ต่อมายิ่งเจริญ ยิ่งอยากกินดีอยู่ดี สวยงาม เอร็ดอร่อยยิ่งขึ้น
มันก็ต้องเบียดเบียนกันมากขึ้น


เดี๋ยวนี้เจริญทางวัตถุสูงสุด ความเห็นแก่ตัวก็มากขึ้นในโลก ไปเทียบ
กับสมัยคนป่าแล้วน่าหัวเราะ คนป่าจะหัวเราะคนสมัยนี้ที่เจริญด้วยวัตถุ
แล้วก็ยิ่งเห็นแก่ตัว หาความสงบสุขไม่ได้ แม้นอนก็ฝันร้าย เรียกว่า
ความเห็นแก่ตัว


มาระบุกันที่ความเห็นแก่ตัวดีกว่า ผู้เห็นแก่ตัวเป็นอย่างไร?
ผู้เห็นแก่ตัวขี้เกียจ ไม่อยากทำงานแต่จะเอาประโยชน์ ผู้เห็นแก่ตัวก็ลำเอียง ไม่ให้
ความยุติธรรม คอยแต่จะคัดค้าน หาความสนุกสนานด้วยการคัดค้าน
คนเห็นแก่ตัวบิดพลิ้ว ไม่ทำสิ่งที่ควรจะทำ คนเห็นแก่ตัวทำอะไรชุ่ยๆ ไม่
ละเอียด ไม่ประณีต ไม่สุขุม คนเห็นแก่ตัวทำอะไรก็เอาเปรียบผู้อื่น ตระหนี่
ขี้เหนียวแล้วก็คดโกงซึ่งหน้า ผู้เห็นแก่ตัวอิจฉาริษยา ผู้เห็นแก่ตัวไม่สามัคคี
ผู้เห็นแก่ตัวไม่กตัญญูมันอกกตัญญู ผู้เห็นแก่ตัวลบหลู่พระคุณของท่าน
ผู้เห็นแก่ตัวยกตนข่มผู้อื่น ผู้เห็นแก่ตัวโกรธง่ายโกรธเร็ว คนบ้าๆบอๆ อะไร
ก็ไม่รู้ คนเห็นแก่ตัวก็ชอบใส่ความผู้อื่น คนเห็นแก่ตัวไม่ซื่อตรงแม้แต่เวลา
ไม่ซื่อตรงต่อเวลา ไม่ซื่อตรงต่อเพื่อนมนุษย์


คุณลองคำนาณดูว่า ผู้เห็นแก่ตัวเป็นอย่างนี้ มันจะทำอะไรได้ มันเป็นเสนียด
จัญไรที่สุดในโลกนี้ คือผู้เห็นแก่ตัว มันเห็นแก่ตัวๆอย่างที่มีอยู่เดี๋ยวนี้ ดูเถอะ
ความเห็นแก่ตัวมีอยู่กี่มากน้อย ทวีขึ้นตามความเจริญทางวัตถุ ความเจริญ
ทางวัตถุล่อให้หลงในความสวยงาม ความเอร็ดอร่อย ความสนุกสนาน คนก็
ต้องเพิ่มความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวก็มากขึ้นในโลก แล้วความเห็นแก่-
ตัวก็สร้างปัญหา ที่เรียกว่าปัญหาโลก ปัญหาของคนทั้งโลก...ฯ




>>ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์<< :054: :054: :054:
ขอความสุขความเจริญในกุศลธรรมจงมีแด่ทุกๆท่านนะครับ...ฯ


ที่มา : บทความจากหลวงปู่(ท่านพุทธทาสภิกขุ)

123
บทความ บทกวี / ...คนหนอคน...
« เมื่อ: 06 พ.ย. 2552, 07:43:50 »


ปากปราศรัย...น้ำใจ...ช่างเชือดคอ
ที่แหละหนอ...มารยา...แสนสาไถย
ของบทบาท...มนุษย์...ที่เป็นไป
เพื่อหวังให้...เห็นใจ...แล้วโจมตี


บทละคร...ชีวิต...เมื่อปิดฉาก
เหลือเพียงซาก...เน่าเหม็น...เป็นสักขี
จะจนรวย...สูงต่ำ...ไพร่ผู้ดี
ก็ไม่หนี...ความตาย...ได้สักคน

 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:
คนหนอคน ก็เท่านี้
.....................................................

ขอบคุณบทความจาก ธรรมะไทย

124


งานทำบุญครบ 100 วัน หลวงปู่พวง วัดตะโน กทม.
วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2552
เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล
ขอเชิญศิษยานุศิษย์หลวงปู่พวง วัดตะโน
ร่วมงานทำบุญครบ 100 วัน โดยพร้อมเพรียงกันครับ.


ขออนุญาตแจ้งข่าวมาให้ทราบกันนะครับ...สวัสดี

125


วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย
ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา "มักจะ" ตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติ

ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา
บางหลักฐานเชื่อว่า เป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที
และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก

สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทง ได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่
ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป

ในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" จากวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตบแต่ง
เป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์
ลงไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล)
เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป
นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาพระแม่คงคาด้วย


ประเพณีในแต่ละท้องถิ่น

ภาคเหนือตอนบน นิยมทำโคมลอย เรียกว่า "ลอยโคม" หรือ "ว่าวฮม" หรือ "ว่าวควัน"
ทำจากผ้าบางๆ แล้วสุมควันข้างใต้ให้ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างบอลลูน ประเพณีของชาวเหนือนี้เรียกว่า
"ยี่เป็ง" หมายถึงการทำบุญในวันเพ็ญเดือนยี่
(ซึ่งนับวันตามแบบล้านนา ตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองในแบบไทย)

- จังหวัดตาก จะลอยกระทงขนาดเล็กทยอยเรียงรายไปเป็นสาย เรียกว่า "กระทงสาย"

- จังหวัดสุโขทัย ขบวนแห่โคมชักโคมแขวน การเล่นพลุตะไล ไฟพะเนียง

- ภาคอีสานจะตบแต่งเรือแล้วประดับไฟ เป็นรูปต่างๆ เรียกว่า "ไหลเรือไฟ"

- กรุงเทพฯ จะมี งานภูเขาทอง เป็นรูปแบบงานวัด เฉลิมฉลองราว7-10วัน
ก่อนงานลอยกระทง และจบลงในช่วงหลังวันลอยกระทง

- ภาคใต้ อย่างที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาก็มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่
นอกจากนั้น ในจังหวัดอื่นๆ ก็จะจัดงานวันลอยกระทงด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ในแต่ละท้องถิ่น ยังอาจมีประเพณีลอยกระทงที่แตกต่างกันไป และสืบทอดต่อกันเรื่อยมา


ประวัติ

เดิมเชื่อกันว่า ประเพณีลอยกระทงเริ่มมีมาแต่สมัยสุโขทัย ในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง
โดยมีนางนพมาศ เป็นผู้ประดิษฐ์กระทงขึ้นครั้งแรก โดยแต่เดิมเรียกว่าพิธีจองเปรียง ที่ลอยเทียนประทีป
และนางนพมาศได้นำดอกโคทม ซึ่งเป็นดอกบัวที่บานเฉพาะวันเพ็ญเดือนสิบสองมาใช้ใส่เทียนประทีป

แต่ปัจจุบันมีหลักฐานว่าไม่น่าจะเก่ากว่าสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอ้างอิงหลักฐานจากภาพจิตรกรรมการสร้างกระทงแบบต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่ 3

ปัจจุบันวันลอยกระทง เป็นเทศกาลที่สำคัญของไทย ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย
และต่างประเทศมาเที่ยวปีละมากๆ
ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวมักจะเป็นช่วงต้นฤดูหนาว และมีอากาศดี

ในวันลอยกระทง ยังนิยมจัดประกวดนางงาม เรียกว่า "นางนพมาศ"



ความเชื่อเกื่ยวกับวันลอยกระทง


- เป็นการขอขมาพระแม่คงคา ที่มนุษย์ได้ใช้น้ำ ได้ดื่มกินน้ำ รวมไปถึงการทิ้งสิ่งปฏิกูลต่างๆ
ลงในแม่น้ำ

- เป็นการสักการะรอยพระพุทธบาท ที่พระพุทธเจ้าทรงได้ประทับรอยพระบาทไว้หาดทราย
แม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย

- เป็นการลอยความทุกข์ ความโศกรวมถึงโรคภัยต่างๆ ให้ลอยไปกับแม่น้ำ

- ชาวไทยในภาคเหนือมีความเชื่อว่า การลอยกระทงเป็นการบูชาพระอุปคุต
ตามตำนานเล่าว่า พระอุปคุตทรงสามารถปราบพญามารได้



http://www.thaihealth.or.th/node/6494

126
บทความ บทกวี / ...อะไรก็ไม่เท่า...
« เมื่อ: 02 พ.ย. 2552, 08:14:43 »



ได้อะไรก็ไม่เท่า ได้คิด

เสียอะไรก็ไม่เท่า เสียสามัญสำนึก (ไม่รู้ดีรู้ชั่ว)

มีอะไรก็ไม่เท่า มีบุญ

รู้อะไรก็ไม่เท่า รู้สึกตัว (mindfulness)

เจ็บอะไรก็ไม่เท่า เจ็บใจ

หนาอะไรก็ไม่เท่า หนาทิฐิ

กลัวอะไรก็ไม่เท่า กลัวใจตัวเอง

สูงอะไรก็ไม่เท่า ใจสูง


ร้อนอะไรก็ไม่เท่า ร้อนเสน่หา

กินอะไรก็ไม่เท่า กินสินบน

จนอะไรก็ไม่เท่า จนปัญญา

บ้าอะไรก็ไม่เท่า บ้าอำนาจ

ติดอะไรก็ไม่เท่า ติดการพนัน

ขาดอะไรก็ไม่เท่า ขาดความรู้

ดูอะไรก็ไม่เท่า ดูจิต

หลงอะไรก็ไม่เท่า หลงตัวเอง

เห็นอะไรก็ไม่เท่า เห็นผิดเป็นชอบ

ตอบอะไรก็ไม่เท่า ตอบแทนบุญคุณ

ให้อะไรก็ไม่เท่า ให้ธรรมะเป็นทาน

สุขอะไรก็ไม่เท่า สุขภาพ

 
 
โดย .ว.วชิรเมธี
 
 

127
เมื่อผิดศีล 5 จะมีผลกรรมอย่างไร…
เชิญอ่านได้นะครับ


ผิดศีลข้อ 1
(ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนทำร้ายสัตว์ กักขังทรมานสัตว์)

ผลกรรมคือ
1.มักมีปัญหาสุขภาพ ขี้โรค มีโรคเรื้อรัง รักษาไม่หาย รักษายุ่งยาก
2.มีอุบัติเหตุบ่อย ๆ อาจมีอุปฆาตกรรม คือกรรมตัดรอน ทำให้ตายก่อนอายุขัย
3.อาจพิกลพิการ มีปัญหาร่างกายไม่สมส่วน ไม่สมประกอบ
4.กำพร้าพ่อแม่ คนใกล้ตัวโดนฆ่า
5.อายุสั้น ตายทรมาน ตายแบบเดียวกับที่ไปฆ่าไปทรมานสัตว์ไว้
6.อัปลักษณ์ มีปมด้อยด้านสังขาร

แนะนำหนทางทุเลา : ตั้งสัจจะว่าจะพยายามไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายหรือเบียดเบียน ไม่แกล้ง ไม่กักขัง ว่าง ๆ ก็ไถ่ชีวิตสัตว์ เช่น ไปตลาดซื้อปลาที่เค้ากำลังจ ะขายให้คนไปทำกินให้เราซื้อไปปล่อยในเขตอภัยทาน (ท่าน้ำของวัด) หรือ ซื้อยาสมุนไพรยาแผนปัจจุบันไปให้ถวายพระที่วัด หรือไปตามโรงพยาบาลทั้งของคนปกติและของสงฆ์เพื่อบริจาคค่ารักษา หรือรับอุปถัมภ์ค่ารักษาพยาบาลบริจาคเลือดและร่างกาย ให้สภากาชาดไทยหรือตามโรงพยาบาลต่าง ๆ และอื่น ๆ ตามแต่จะสะดวกและตามกำลัง



ผิดศีลข้อที่ 2
(ลักทรัพย์ ขโมย ฉ้อโกง ยักยอก ทำลายทรัพย์)

ผลกรรมคือ
1.ธุรกิจไม่เจริญก้าวหน้า เจ๊ง ขาดทุน ฝืดเคือง โดนโกง
2.มีแต่อุบัติเหตุให้เสียทรัพย์สิน ต้องชดใช้ให้คนอื่นอย่างไร้เหตุผล
3.ทรัพย์หายบ่อย ๆ หลงลืมทรัพย์วางไว้ไม่เป็นที่ หาก็ไม่เจอ
4.มีคนมาผลาญทรัพย์เรื่อย ๆ ทั้งคนใกล้ตัวและคนทั่วไป
5.ลูกหลานแย่งชิงมรดก โดนลักขโมยบ่อย ๆ
6.ตระกูลอับจนไม่มีที่สิ้นสุด มีแต่คนมาทำลายทรัพย์

แนะนำหนทางทุเลา : ตั้งสัจจะไม่ยุ่งกับทรัพย์สินของคนอื่น หากอยากได้ให้ขอเสียก่อน จนกว่าเจ้าของจะอนุญาตด้วยความเต็มใจ หมั่นทำบุญสังฆทาน บริจาคค่าน้ำ ค่าไฟวัดเ พื่อที่ศาสนาจะได้ไม่ขาดแคลนปัจจัย ส่งผลบุญให้เราไม่ขัดสน มอบทุนการศึกษาแด่ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ผลบุญทำให้เรามีปัญญาที่จะหาทรัพย์อย่างสุจริตรวม ทั้งต้องตั้งสัจจะที่จะมีสัมมาอาชีพ ไม่ฉ้อโกงใคร แม้แต่สลึงเดียวและอื่น ๆ ตามแต่จะสะดวกและตามกำลัง



ผิดศีลข้อ 3
(ประพฤติผิดในกาม ผิดลูกเมียเขา ล่วงเกินบุตรธิดาของผู้อื่นก่อนได้รับอนุญาต แย่งคนรักของคนอื่น กีดกันความรักคนอื่น นอกใจคู่ครอง หลอกลวง ข่มขืน ค้าประเวณี ล่วงเกินทางเพศต่าง ๆ)

ผลกรรมคือ

1.หาคู่ครองไม่ได้,ไม่มีใครเอา, หน้าตาอัปลักษณ์, โดนเพศตรงข้ามล้อเลียนจนมีปมด้อย
2.เป็นหม้าย, ผัวเมียตายจาก, ผัวหย่าเมียร้าง, คบใครก็มีเหตุให้หย่าร้างเลิกรา
3.คนรักนอกใจ, คนรักมีชู้, มีเมียน้อย, คบใครก็เจอแต่คนเจ้าชู้, โดนหลอกฟัน, ท้องไม่รับ, เสียตัวฟรี, โดนข่มขืน
4.ไม่มีมิตรจริงใจ, เพื่อนฝูงไม่รัก, พี่น้องก็ไม่รัก, พ่อแม่ทอดทิ้ง, ชีวิตขาดความอบอุ่น, มีแฟนก็ไม่มีใครจริงจังด้วย, ครอบครัวไม่อบอุ่น
5.มีความผิดปกติทางเพศ, ทางร่างกาย, ทางจิตใจ, ถูกกีดกันทางความรัก, สังคมไม่ยอมรับความรักของตน, มีความรักหลบ ๆ ซ่อน ๆ
6.ต้องมีเหตุพลัดพรากจากคนรักและของรักอยู่เสมอ (ก่อนเวลาอันควร)

แนะนำหนทางทุเลา : ตั้งสัจจะว่าจะไม่ทำผิดเรื่องทางเพศ ไม่ทำให้ใครรู้สึกผิดหวังเสียใจในเรื่องความรัก ไม่กีดกัน ไม่คิดแย่งหรือไปรักกับคนรักของใคร ไม่คิดทำร้ายความรู้สึกคนรัก ไม่ล่วงเกินบุตรธิดาของใครก่อนได้รับอนุญาต รักเดียวใจเดียว ไม่นอกใจไม่มีกิ๊ก พอใจในคู่ครองของตนเอง หมั่นทำบุญถวายเทียนคู่ให้วัด ถวายธงคู่ประดับวัด ช่วยออกค่าใช้จ่ายงานแต่งงานและอื่น ๆ ตามแต่จะสะดวกและตามกำลัง หรือให้ธรรมะด้านความรักแก่คู่รักที่รู้จักเอาใจใส่คู่ครอง คนรักเอาใจใส่พ่อแม่ของตนเอง หากรักพ่อแม่เอาใจใส่พ่อแม่อย่างดีจะได้รับผลบุญ ทำให้ความรักของเราสดใสไม่เจ็บช้ำหากทรมานพ่อแม่ ทำอย่างไรกับพ่อแม่ไว้ต่อไปชีวิตรักก็จะเลวร้ายพอ ๆ กับความรู้สึกเสียใจของพ่อแม่ที่เราได้กระทำไว้



ผิดศีลข้อ 4
(โกหก ปลิ้นปล้อน กลับคำ ไม่มีสัจจะ หลอกลวงผู้อื่นใส่ร้ายผู้อื่น ยุแยงให้คนแตกกัน ใช้วาจาดูหมิ่น พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ ขี้โม้ นินทา ด่าทอ ด่าพ่อล้อแม่ ด่าและเถียงผู้มีพระคุณ ผิดสัญญาสาบานแล้วไม่ทำตาม)

ผลกรรมคือ

1.ปากไม่สวย ฟันไม่สวย มีกลิ่นปาก มีปัญหาเรื่องปากเรื่องฟันอยู่เนืองนิจ
2.มีแต่คนพูดให้เสียหาย มีคนซุบซิบนินทาเรื่องของเรา มีคนคอยใส่ร้ายดูหมิ่นและส่อเสียดเราอยู่เสมอ
3.ไม่มีใครจริงใจด้วย มีแต่คนมาพูดจาหลอกลวง ผิดสัญญาต่อเรา
4.เกิดในสังคมที่พูดแต่คำหยาบคำส่อเสียดปลิ้นปล้อน นินทาอยู่เนืองนิจ เพียงตื่นมาก็พบเจอความไม่เป็นมงคล (สังคมที่ปากไม่เป็นมงคล)
5.หลงเชื่อคนอื่นได้ง่าย โดนหลอกได้ง่าย ไม่มีความระวังเวลาโดนโกหก
6.ไม่มีใครเชื่อถือในคำพูดของเรา, เป็นคนที่พูดอะไรแล้วคนเมิน,พูดติดๆขัดๆ, นึกจะพูดอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ

แนะนำหนทางทุเลา : ตั้งสัจจะว่าจะไม่พลั้งปากโกหกหรือส่อเสียดนินทายุแยงใคร ไม่ด่าใคร พูดตามความเป็นจริงทุกอย่าง สิ่งใดควรพูดก็ควรพูด ไม่ควรพูดก็อดทนไว้ ไม่ด่า ไม่เถี ยง ไม่นินทาผู้มีพระคุณ เช่น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ให้คำสั ญญาใครไว้ต้องรักษา อย่าสาบานอะไรพร่ำเพรื่อ ว่าง ๆ ก็ออกค่าใช้จ่ายให้ค่าทำฟันแก่คนยากคนจนและอื่น ๆ ตามแต่จะสะดวกและตามกำลัง หมั่นให้สัจธรรมความจริงแก่คนทั่วไป พูดแต่ธรรมะ สอนธรรมะอยู่เสมอ หมั่นพูดหรือเผยแพร่ธรรมะให้คนอื่นฟังบ่อย ๆ ทำตัวให้มีธรรมะให้มีสัจจะพูดอะไรก็ไม่ผิดคำพูด ไม่กลับคำ ไม่หลอกลวงใคร คนจะเชื่อถือมากขึ้น


ผิดศีลข้อ 5
(ดื่มของมึนเมา เสพยาเสพติด ให้ยาเสพติด ให้ของมึนเมา ขายของมึนเมา ขายยาเสพติด)

ผลกรรมคือ
1.สติปัญญาไม่ดี ขี้หลงขี้ลืม เรียนไม่เก่ง อ่านหนังสือไม่จำ อ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ
2.เกิดในตระกูลที่โง่เขลา เต็มไปด้วยอบายมุข
3.หากกรรมหนักจะเกิดเป็นเอ๋อ ปัญญาอ่อน เป็นโรคทางปัญญา
4.ลูกหลานสำมะเลเทเมา มีลูกหลานติดยาเสพติด
5.เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ไม่มีสติระวัง มีแต่ความประมาท
6.มักลุ่มหลงในสิ่งผิดได้ง่าย เป็นคนที่โดนมอมเมาให้หลงใหลในสิ่งผิดได้ง่าย (ขาดสติ)

แนะนำหนทางทุเลา : ตั้งสัจจะว่าจะไม่ดื่มของมึนเมาและยาเสพติดทุกชนิด ไม่จำหน่ายจ่ายแจกของมึนเมาและยาเสพติดทุกชนิด หมั่นทำธรรมทาน วิทยาทานให้ปัญญาความรู้แก่คนทั่วไปและอื่น ๆ ตามแต่จะสะดวกและตามกำลัง


ดังนั้น พวกเรามาถือศีล 5 กันเถอะ เพื่อสังคมจะได้น่าอยู่มากขึ้นกว่านี้ และเราจะได้บุญด้วยนะครับ :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ที่มา ... บ้านมหา ดอทคอม เว็บไซต์ส่งเสริมการศึกษา ศิลปะวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น


128


ชีวิตมนุษย์นั้น เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ถาวร มนุษย์มีช่วงเวลาที่สุข แต่ก็อาจจะกลับกลายเป็นทุกข์ได้ในช่วงเวลาต่อไป การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่สิ่งที่ปรารถนาและสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาเช่นนี้ ย่อมมีต้นเหตุมาจากการกระทำเมื่อกาลก่อน …

     หากในอดีตเคยทำสิ่งที่ดีเป็นบุญกุศลไว้ ชีวิตย่อมได้รับสิ่งดี แต่หากในอดีตเคยกระทำสิ่งไม่ดีไว้ ก็ย่อมต้องรับความทุกข์จากอกุศลกรรมที่ตนเคยกระทำไว้ เมื่อความสุขเกิดแก่ผู้ใด ผู้นั้นย่อมไม่พึงปรารถนาให้มันจากไป แต่หากความทุกข์เกิดแก่มนุษย์เพียงช่วงหนึ่งวินาที มนุษย์ย่อมไม่พึงปรารถนาให้มันคงอยู่ต่อไป

ความทุกข์ที่เกิดแก่มนุษย์นั้น มีทั้งความทุกข์ที่เกิดจากการกระทำในปัจจุบันที่มนุษย์เป็นผู้กระทำให้ตนเองเกิดความทุกข์ และมีทั้งความทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะการรับผลกรรมที่ตนได้กระทำไว้ในอดีตชาติ ความทุกข์ที่เกิดจากกระทำสิ่งไม่ดีไว้แก่จิตดวงอื่นนั้น หาจุดจบแทบมิได้ เหตุเพราะเมื่อจิตดวงหนึ่งถูกกระทำให้ทุกข์ จิตดวงนั้นย่อมเกิดความอาฆาตจองเวรซึ่งกันและกัน

ด้วยเหตุนี้จึงอาจกล่าวได้ว่า ความทุกข์เช่นนี้ยากที่จะหาจุดจบได้ แต่หากมีจิตดวงใดยอมเป็นผู้เสียสละให้อภัยแก่จิตดวงอื่นก่อน ความทุกข์จากการจองเวรเช่นนี้ย่อมจบลงได้ ดังนั้น มนุษย์ควรมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการผูกพยาบาทต่อผู้อื่น อีกทั้งควรมีชีวิตอยู่อย่างไม่เบียดเบียนผู้อื่น

การกระทำของเราที่ได้กระทำลงไปแล้วในอดีตนั้น เราคงไม่สามารถกลับไปแก้ไขการกระทำนั้นได้ ตลอดจนไม่สามารถที่จะไปควบคุมเจ้ากรรมนายเวรของเราได้ ถึงแม้ว่าบางครั้งเราจะทำการขออโหสิกรรมแก่เจ้ากรรมนายเวรของเราแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้ากรรมนายเวรของเราทุกดวงจิตจะให้อภัยแก่เรา

ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำก็คือเราไม่ควรกระทำสิ่งไม่ดีต่อผู้อื่นรวมทั้งไม่ควรกระทำสิ่งไม่ดีต่อตนเองด้วย เราควรจะรักษาศีลไว้ให้มั่นเพื่อการดำรงชีวิตที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่นถึงแม้เราจะพยายามรักษาศีลให้คงมั่น แต่ก็มีบางครั้งสิ่งที่ยั่วยุจากภายนอกนั้นมีกำลังมากจนทำให้เรากระทำผิดศีลลงไปได้

แล้วมีธรรมใดหรือไม่ ที่ช่วยให้เราสามารถรักษาศีลไว้ให้คงมั่นตลอดไปได้
แล้วมีธรรมใดหรือไม่ ที่ช่วยให้เราสามารถรักษาศีลไว้ให้คงมั่นตลอดไปได้
บางส่วนจากหนังสือ “ถึงคราวเคราะห์หรือเพราะเวรกรรม” ได้มีโอกาสอ่านแล้วเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย จึงเอามาแนะนำกันครับ “ถึงคราวเคราะห์หรือเพราะเวรกรรม


จาก เว็บธรรมะไทย


129
ธรรมะ / ...ธรรมะจากหลวงปู่ทวด...
« เมื่อ: 29 ต.ค. 2552, 09:15:10 »

ธรรมะจากหลวงปู่ทวด

พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์   
หลวงปู่ทวด


วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ท่านเป็นพระมหาเถระที่รู้จักกันทั่วประเทศ ในนาม   
" หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด " 

คาถาบูชาท่าน คือ นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
ชาติกาล 3 มีนาคม พ.ศ. 2125
ชาติภูมิ บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา
บรรพชา เมื่ออายุได้ 15 ปี
อุปสมบท เมื่ออายุ 20 ปี
มรณภาพ 6 มีนาคม พ.ศ.2225
สิริรวมอายุได้ 99 ปี


คติธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ทวด

ธรรมประจำใจ
พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์

ละได้ย่อมสงบ
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ

สันดาน
" ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได้ แต่ สันดานของคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง
ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยาก

ชีวิตทุกข์
การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ
จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ  จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ
เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ เมื่อเราจะออกจากบ้าน
ก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ  การเลี้ยงตนชอบ
นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย

บรรเทาทุกข์
การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม
เราต้องเป็นตัวของเราเองและเราจะต้องวินิจฉัย ในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง
กับตัวเราว่าส่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ


ยากกว่าการเกิด
ในการที่เราเกิดมา ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก
เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย

ไม่สิ้นสุด
แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด
กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น

ยึดจึงเดือดร้อน
ทุกวันนี้ เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโนน่ ยึดนี่ ยึดพวกยึดพ้อง
ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ  โดยไม่คำนึงถึงธรรม สากลจักรวาลโลกมนุษย์นี้
ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม
ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน เกิดการฆ่าฟันกัน
เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า
สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะ

อยู่ให้สบาย
ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด   
อยู่กันอย่างไม่ยินดี อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย   
อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์
เหนือคำสรรเสริญ เหนือนินทา เหนือความผิดหวัง เหนือความสำเร็จ เหนือรัก เหนือชัง


ธรรมารมณ์
การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน
และรู้หน้าที่ในการงาน คือรู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ
ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน   เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆแล้ว   
ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น เราย่อมเกิดความโทมนัส เสียใจน้อยใจ เป็นทุกข์

กรรม
ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า เกิดเพราะกรรม อยู่เพ่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรม แล้ว
ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์ มีความรื่นเริง

มารยาทของผู้เป็นใหญ่
" ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิดก่อน ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง "   มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่
ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ

โลกิยะหรือโลกุตระ
คนที่เดินทางโลกุตระ ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้
คนที่เดินทางโลกิยะย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก เพราะอะไร ?
ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้งโลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว
ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม ต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า
ถ้าเป็นไปได้ พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้งธรรมราชา ไม่ดีหรือ?
แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน  เราต้องตัดสินใจ
ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง


ศิษย์แท้
พิจารณากาย ในกาย พิจารณาธรรม ในธรรม พิจารณาวิญญาณ
ในวิญญาณ นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

รู้ซึ้ง
ทุกอย่างจะต้องมีเหตุ  เมื่อมีเหตุจึงจะมีผล ผลนั้นเกิดจากเหตุ
เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา

ใจสำคัญ
การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์ จะต้องทำด้วยความศรัทธา
ผลสะท้อนมันจะเกิดขึ้น เกินความคาดหมาย

หยุดพิจารณา
คนเรานี้ ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเวกคนเดียว จิตมันจะฟุ้งซ่าน
และถ้าภาวะนั้นตนไม่ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือ หยุดพิจารณา
แล้วค้นสัจจะของ ศีล สมาธิ ปัญญา  ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้

บริจาค
ทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอ ก
การสวดมนต์เป็นการภาวนา การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน
เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ   
การบริจาคภายในย่อมได้กุศล มากว่า การบริจาคภายนอก นี่คือเรื่องของนามธรรม

ทำด้วยใจสงบ
เราจะทำบุญก็ดี เราจะทำอะไรก็ดี จงทำด้วยความสงบ อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน
เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น มันจะพาเราไปสู่หายนะ เมื่อเกิดอารมณ์ร้อน
เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จงอย่าทำ นั่งให้จิตใจมันสบายเสียก่อน เมื่อจิตใจสบายแล้ว
ปัญญาก็เกิด เมื่อเกิดปัญญาแล้ว จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก

มีสติพร้อม
จะทำสิ่งใดก็ตาม เราต้องมีสติพร้อม คือ อย่าให้มีโทสะ อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ
อย่าให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผลมาอยู่เหนือความจริง


เตือนมนุษย์
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีงานทำในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า

พิจารณาตัวเอง
คืนหนึ่งก็ดี วันหนึ่งก็ดี ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที ไม่ติดต่อกับใคร
ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ  ว่าที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร
คือให้ปลีกตัว มีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง  คิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น
เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้ มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิด ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง


คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน
เล่มของหลวงปู่ทวดขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
   

130
บทสวดมนต์ / ...คำขอขมาอโหสิกรรม...
« เมื่อ: 28 ต.ค. 2552, 07:59:10 »


ตั้งนะโม ๓ จบ
   
      "ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้ประมาทพลาดพลั้งละเมิดล่วงเกิน
ปฏิฆะปรามาส ลบหลู่ ดูหมิ่น ต่อองค์คุณเบื้องสูง คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ :054: :054: :054:
คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ ทุกภพทุกชาติ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ทุกพุทธันดร
พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้า พระมหาโพธิสัตว์เจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พรหมเทพทุกองค์ เทพไท้ เทวา
เบื้องบนถึงที่สุด ท่ามกลางถึงที่สุด เบื้องล่างถึงที่สุด ผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม ทุกรูป ทุกนาม
ทุกดวงจิตดวงวิญญาณ มนุษย์ อมนุษย์ ทั้งหลาย ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ ซึ่งข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินไว้
ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ในทุกภพ ทุกชาติ ทุกกัลป์ ทุกกัป ทุกพุทธันดร


กราบขอขมาลาโทษ ขอขมากรรม
โปรดเมตตา อโหสิกรรม ให้กรรมทั้งหลายเป็นโมฆะกรรม เพื่อความไม่ติดขัดในดวงใจ ลุล่วงพ้นทุกข์
ตามพุทธประสงค์ ตรงต่อพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันกาลนี้ด้วยเถิด สาธุ"


การขอขมากรรม ณ ที่ใดก็ตาม ให้น้อมในองค์คุณมหาพุทธะ (คือพระพุทธเจ้าทุกพระองค์)
มหาอรหันต์ มหาโพธิสัตว์ ทุกพระองค์ รวมเป็น ๑ คือ
อิทธิอานุภาพ เป็นเมตตามหากรุณา ไม่มีประมาณ
ขออโหสิกรรม ได้ผลฉับพลันทันใด น้อมขอขมา สำนึกด้วยใจจริงๆ

131



เวลาเราโกรธคนอื่น เราเป็นผู้ทุกข์ใจ แต่คนที่ถูกโกรธอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้มันก็เหมือนจุดไฟเผาตัวเอง


     เมื่อคุณโกรธ จิตใจก็ร้อนรุ่ม บางครั้งความโกรธทำให้เราทำเรื่องแย่เกินกว่าเหตุออกไปก็ได้
เช่น โกรธแล้วทุบตี-ชกต่อยฝ่ายตรงข้าม โกรธแล้วทำลายข้าวของ บางครั้งคนที่มีอาวุธอยู่ในมือก็อาจใช้อาวุธนั่นเข่นฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้เช่นกัน

      
    ในทางพุทธศาสนา  ท่านไม่ได้ห้ามว่า "ห้ามโกรธ" แต่ให้เราทำความเข้าใจว่าโกรธเป็นอารมณ์แบบหนึ่ง  เมื่อโกรธแล้ว ให้สังเกตใจ ความรู้สึก และร่างกายของตัวเอง ว่าขณะนั้นเราเป็นอย่างไร

      คุณจะพบว่า ความโกรธ (รวมถึงอารมณ์อื่นๆ ไม่่ว่าจะเป็นหงุดหงิด โมโห เบื่อ ฯลฯ) เป็นเหมือนลมที่พัดผ่านมาชั่ววูบ แล้วมันจะผ่านไป
แต่สำคัญที่ คุณต้องรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังโกรธอยู่ เมื่อปล่อยไว้เฉยๆ มันจะหายไปเอง ไม่มีอะไรที่จะอยู่กับเราตลอดไป

      ทำความเข้าใจกับทุกอารมณ์-ความรู้สึกของตัวเองได้แบบนี้บ่อยๆ คุณจะเริ่มเห็น "ความไม่เที่ยง" แล้วจิตใจจะปลงตก
และรับมือกับความโกรธในใจตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

ยิ้มวันละนิดจิตแจ่มใสวันนี้คุณยิ้มแล้วหรือยัง

ที่มาธรรมจักรดอทเนต

132


นิทานชื่อ "ถังน้ำสองใบ"

   :050: :050: :050: ...ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร

ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก
ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง

.....แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็ม   :114: :114: :114:  

ที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง   :001: :001: :001:  

ในขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา   :011: :011: :011:  

หลังจากเวลา 2 ปี ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า


“ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะรอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้า ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทางที่กลับไปยังบ้านของท่าน”

คนตักน้ำตอบว่า

“เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่ง เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่ ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้า และทุกวันที่เราเดินกลับ ... เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว ... เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้”

        


 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:
คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้

สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง

มองโลกหลายๆ ด้าน เพราะคนเราไม่ได้มีแต่ข้อเสียเท่านั้น

  :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:        
(จาก FW Mail)


เจริญในธรรมครับ    

ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมนฺติ
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นทั้งหมดมีดับเป็นธรรมดา

133



บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่ให้ทานเพราะเหตุแห่งสุข
อันก่อให้เกิดอุปธิเพื่อภพต่อไป
แต่บัณฑิตทั้งหลายเหล่านั้น
ย่อมให้ทานเพื่อความหมดสิ้นอุปธิ
เพื่อพระนิพพานโดยส่วนเดียว


บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่รักษาศีลเพราะเหตุแห่งสุข
อันก่อให้เกิดอุปธิเพื่อภพต่อไป
แต่บัณฑิตทั้งหลายเหล่านั้น
ย่อมรักษาศีลเพื่อความหมดสิ้นอุปธิ
เพื่อพระนิพพานโดยส่วนเดียว


บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่เจริญฌานเพราะเหตุแห่งสุข
อันก่อให้เกิดอุปธิเพื่อภพต่อไป
แต่บัณฑิตทั้งหลายเหล่านั้น
ย่อมเจริญฌานเพื่อความหมดสิ้นอุปธิ
เพื่อพระนิพพานโดยส่วนเดียว


บัณฑิตทั้งหลายย่อมให้ทาน
ย่อมรักษาศีล ย่อมเจริญฌาน
เพื่อความหมดสิ้นอุปธิ
เพื่อพระนิพพานโดยส่วนเดียว
มีจิตเอนไปในพระนิพพาน
มีจิตน้อมไปในพระนิพพาน
เหมือนแม่น้ำทั้งหลายไหลไปสู่ทะเลฉะนั้น


ที่มา ธรรมจักร

134











ขอบคุณ พี่ต้นน้ำมากครับ สำหรับภาพถ่ายในครั้งนี้ :001: :001: :001:

135
ธรรมะ / ...หิริโอตตัปปะ...
« เมื่อ: 20 ต.ค. 2552, 07:51:41 »
     การทำชั่ว เหมือนการเดินตามกระแสน้ำ เดินไปได้ง่าย ทุกๆ คนพร้อมที่จะ กระทำสิ่งต่างๆ ไปตามกระแสกิเลสอยู่แล้ว ถ้าไม่ควบคุมให้ดี ยอม ตกเป็นทาสของกิเลส กระทำสิ่งต่างๆ ตามอำนาจของความอยากก็จะประสบทุกข์ในบั้นปลาย

     การทำดี เหมือนการเดินทวนกระแสน้ำ เดินลำบากต้องใช้ความอดทน ใช้ความมานะพยายามต้องระมัดระวังไม่ให้ลื่นล้ม การทำความดีเป็นการทวนกระแสกิเลสในตัว ไม่ทำสิ่งต่างๆ ตามอำเภอใจ คำนึงถึงความถูกความดีเป็นที่ตั้งไม่ยอมเป็นทาสของความอยากเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ต้องใช้ความสุขุมรอบคอบ ใช้ความมานะพยายามสูง แต่จะประสบสุขในบั้นปลาย การทำกลางๆ เหมือนยืนอยู่เฉยๆ กลางกระแสน้ำ ไม่ช้าก็ถูกกระแสน้ำพัดพาไปได้


หิริ คือ ความละอายบาป เป็นความรู้สึกรังเกียจ ไม่อยากทำบาป เห็นบาปเป็นของสกปรกจะทำให้ใจของเราเศร้าหมอง จึงไม่ยอมทำบาป

เหตุที่ทำให้เกิดหิริ
1. คำนึงถึงความเป็นคน หรือชาติตระกูล “เรานี่มีบุญอุตส่าห์ได้เกิดเป็นคนแล้ว ทำไมจึงจะมาฆ่าสัตว์ ทำไมต้องมาขโมยเขากินนั่นมันเรื่องของสัตว์เดียรัจฉาน ทำไมต้องมาแย่งผัวแย่งเมียเขา ไม่ใช่หมู หมา กา ไก่ ในฤดูผสมพันธุ์นี่ เรานี้มันชาติคน เป็นมนุษย์สูงกว่าสัตว์ทั้งหลายอยู่แล้ว” พอคำนึงถึงชาติตระกูล หิริก็เกิดขึ้น

2. คำนึงถึงอายุ “โธ่เอ๋ย เราก็แก่ป่านนี้แล้ว จะมานั่งเกี้ยวเด็กสาวๆ คราวลูกคราวหลานอยู่ได้อย่างไร โธ่เอ๋ยเราก็แก่ป่านนี้แล้วจะมาขโมยของเด็กรุ่นลูก รุ่นหลานได้อย่างไร” พอคำนึงถึงวัย หิริก็เกิดขึ้น

3. คำนึงถึงความดีที่เคยทำ “เราก็เคยมีความองอาจกล้าหาญทำความดีมาก็มากแล้ว ทำไมจะต้องมาทำความชั่วเสียตอนนี้ล่ะ ไม่เอาละ ไม่ยอมทำความชั่วละ” พอคำนึงถึงความดีเก่าก่อน หิริก็เกิดขึ้น

4. คำนึงถึงความเป็นพหูสูต “ดูซิ เราก็มีความรู้ขนาดนี้แล้ว รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ รู้สารพัดจะรู้แล้วจะมาทำความชั่วได้อย่างไร” พอคำนึงถึงความเป็นพหูสูต หิริก็เกิดขึ้น

5. คำนึงถึงพระศาสดา “เราเองก็ลูกพระพุทธเจ้า พระองค์สู้ทนเหนื่อยยาก ตรัสรู้ธรรมแล้วทรงสั่งสอนอบรมพวกเราต่อๆ กันมา เราจะละเลยคำสอนของพระองค์ ไปทำชั่วได้อย่างไร” พอคำนึงถึงพระศาสดา หิริก็เกิดขึ้น

6. คำนึงถึงครูอาจารย์ สถานศึกษา “ ฮึ เราก็ศิษย์มีครูเหมือนกัน ครูอาจารย์สู้อบรมสั่งสอนมา ชื่อเสียงสถาบันของเราก็โด่งดังเป็นที่ยกย่องสรรเสริญ แล้วเราจะมาทำชั่วได้อย่างไร” พอคำนึงถึงครูอาจารย์ สำนักเรียน หิริก็เกิดขึ้น


โอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัวบาป เป็นความรู้สึกกลัว กลัวว่าเมื่อทำไปแล้ว บาปจะส่งผลเป็นความทุกข์ทรมานแก่เรา จึงไม่ยอมทำบาป

     สังคมทุกแห่งมีกฎหมายห้ามคนกระทำชั่ว หากใครละเมิดกฎหมายก็จะได้รับโทษ กฎหมายเป็นข้อห้ามที่มีไว้เพื่อให้สังคมดำเนินไปอย่างปกติสุข หน่วยย่อย ๆ ในสังคม เช่น โรงเรียน ก็มีกฎและระเบียบให้นักเรียนปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยเช่นกัน

     การที่คนเราไม่ทำความชั่วหรือความผิดตามกฎหมายหรือระเบียบของโรงเรียนห้ามไว้นั้น อาจเป็นเพราะเหตุผล 2 กรณี คือ กลัวถูกลงโทษและติดตะราง หรือมิฉะนั้นก็กลัวถูกคนอื่นติเตียนประการหนึ่ง ที่ไม่ทำความชั่วเพราะละอายต่อความชั่วและเกรงกลัวความชั่วอีกประการหนึ่ง

      การละอายต่อความชั่วนั้น ทางพระเรียกว่า “หิริ” การละอายต่อความชั่ว คือการละเว้นความชั่วเพราะละอายแก่ใจตนเอง มีความสำนึกตัวว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งชั่วไม่ควรทำ การที่ไม่ทำความชั่วมิใช่เพราะกลัวถูกจับหรือกลัวคนเห็น คนที่มีจิตสำนึกทางจริยธรรมนั้น ที่ไม่ทำความชั่วมิใช่เพราะกลัวการถูกลงโทษที่มาจากภายนอก แต่เพราะความรู้สึกภายในยับยั้งไว้ มิใช่เพราะกลัวคนอื่นเห็น แต่เพราะตัวเองละอายที่จะเห็นตนทำเช่นนั้น

      ส่วนความเกรงกลัวต่อความชั่วนั้น ทางพระเรียกว่า “โอตตัปปะ” คนที่กลัวความชั่วนั้น ไม่ยอมทำผิดเพราะกลัวความชั่ว มิใช่กลัวตะรางหรือคำติเตียน เขาไม่ทำความชั่วเพราะสิ่งนั้นเป็นความชั่ว เขาเห็นความชั่วเป็นสิ่งโสโครก ไม่อยากเข้าใกล้ เพราะกลัวจะเกิดความสกปรกขึ้นในจิตใจ


เหตุที่ทำให้เกิดโอตตัปปะ

 1. กลัวคนอื่นติ “นี่ถ้าเราขืนไปขโมยของเขาเข้า คนอื่นรู้คงเอาไปพูดกันทั่ว ชื่อเสียงที่เราอุตส่าห์สร้างมาอย่างดี คงพังพินาศหมดคราวนี้เอง “เมื่อกลัวว่าคนอื่นเขาจะติเอา โอตตัปปะก็เกิดขึ้น จึงไม่ยอมทำบาป”

 2. กลัวการลงโทษ “อย่าดีกว่า ขืนไปฆ่าเขาเข้า บาปกรรมตามทันตำรวจจับได้ มีหวังติดคุกตลอดชีวิตแน่” เมื่อกลัวว่าบาปจะส่งผลให้ถูกลงโทษ โอตตัปปะก็เกิดขึ้น จึงไม่ยอมทำบาป

 3. กลัวการเกิดในทุคติ “ไม่เอาละ ขืนไปขโมยของเขา อีกหน่อยต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรก สัตว์เดียรัจฉาน เป็นเปรต เป็นอสุรกาย ไม่ทำดีกว่า" เมื่อกลัวว่าจะต้องไปเกิดในทุคติ โอตตัปปะก็เกิดขึ้นจึงไม่ยอมทำบาป

       หิริโอตตัปปะ หรือความละอายต่อความชั่วและเกรงกลัวความชั่วนี้ เป็นหลักธรรมที่สำคัญมาก พระพุทธศาสนาเรียกว่า “โลกปาลธรรม” หรือธรรมที่คุ้มครองโลก เป็นหลักที่จะอำนวยสันติสุขให้เกิดขึ้นในโลกได้อย่างแท้จริง ลำพังเพียงกฎหมายอย่างเดียวไม่อาจทำให้สังคมสงบสุขได้ เพราะหากขาดหิริโอตตัปปะแล้ว คนจะตกเป็นทาสของสิ่งเย้ายวน และโอกาสที่จะทำผิดก็เกิดขึ้นได้เสมอ

       การอบรมปลูกฝังให้คนมีสำนึกดีชั่ว มีความละอายและเกรงกลัวความชั่ว เป็นการตัดต้นตอของความชั่วอย่างถึงรากถึงโคน เพราะการไม่ทำชั่วนั้นอยู่ที่ตัวเองมิให้ผันแปรไปตามสิ่งเย้ายวนภายนอก




[แก้ไข] วิธีปลูกฝังหิริโอตตัปปะ


          สังคมจะเป็นสุขเมื่อคนทุกคนมีหิริโอตตัปปะ ดังนั้นเราแต่ละคนจะต้องปลูกฝังสิ่งนี้ให้แต่ตัวเอง การพัฒนาตัวเองให้เป็นคนมีหิริโอตตัปปะนั้น เริ่มจากง่าย ๆ ก่อน คือ ฝึกตัวเองให้เคารพกฎหมายและระเบียบของโรงเรียนไว้ ข้อนี้ทำไม่ยากเพราะการละเมิดกฎหมายและระเบียบนั้นตัวเองต้องถูกลงโทษอยู่แล้ว หัดตัวเองให้กลัวการถูกลงโทษก่อน ถ้าหากจะพยายามหาอุบายหลีกเลี่ยงกฎหมายและระเบียบ จงระลึกอยู่เสมอว่าท่านอาจจะพลาดพลั้ง หรือถ้าท่านคิดว่าท่านฉลาดเอาตัวรอดได้ จงนึกว่าอาจมีคนฉลาดกว่าและจับได้ ถ้าท่านกำลังจะทำผิดเพราะคิดว่าไม่มีใครรู้เห็น จงจำไว้ว่าความลับไม่มีในโลกนี้

          เมื่อฝึกตนให้เป็นคนเคารพและกลัวกฎหมายแล้ว ขั้นต่อไปก็ฝึกให้เคารพตนเอง หัดปกครองตนเอง การปกครองตนเอง คือ การยับยั้งใจตนเองมิให้กระทำผิด จงคิดว่าเราเป็นมนุษย์ซึ่งแปลว่าผู้มีใจสูง มนุษย์เท่านั้นที่อาจฝึกให้รู้จักละอายต่อความชั่วได้ การฝึกสัตว์เดรัจฉานนั้นฝึกได้ทางเดียวคือ การลงโทษ ถ้าสุนัขตัวโตที่บ้านของเรารังแกตัวเล็กเสมอ เราฝึกให้มันละเว้นการรังแกนี้ได้โดยใช้ไม้ตีมันทุกครั้งที่มันรังแกตัวเล็ก ในที่สุดมันจะละเว้นการรังแกได้ แต่เราไม่อาจสั่งสอนมันโดยการ อบรมจิตใจให้มันเกิดความละอาย เพราะมันปกครองตัวเองไม่ได้ มันไม่อาจรับการฝึกให้เคารพตัวเองได้ ฝึกได้ก็แต่การเคารพไม้เรียว

           แต่มนุษย์ประเสริฐกว่าสัตว์ มนุษย์เท่านั้นที่ฝึกให้ละอายความชั่วได้ นั่นคือรู้จักยับยั้งชั่งใจมีสำนึกผิดชอบชั่วดี มนุษย์เท่านั้นที่อบรมให้ละเว้นความชั่วและทำความดี เราเกิดมาเป็นคนแล้วควรทำตนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทำให้ตนเป็นผู้มีศักดิ์ศรีเหนือกว่าสัตว์เดรัจฉาน หากใช้สติปัญญาไตร่ตรองอย่างนี้แล้ว และเมื่อเคยชินกับการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบมาแล้ว หลักธรรมข้อนี้ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถกระทำตามได้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

คลังปัญญาไทย
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี





136



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

วัตถุประสงค์ในการจัดสร้างรุ่น มหามงคล 79
    
      เพื่อหาทุนทรัพย์ สมทบทุนสร้าง พิพิธภัณฑ์พี้นบ้านวัดบางพระ เพื่อเก็บรักษาวัตถุโบราณอันล้ำค่า ของเก่าตั้งแต่สมัยทวาราวดีและใช้เป็นสถานที่รวบรวมผลงานด้านการพัฒนาของหลวงพ่อ ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาค้นคว้าชื่นชมสืบต่อไป
    
ด้านพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว ณ วัดบางพระ ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. 2544 ถึงวันที่ 2 ส.ค. 2544

    
   รุ่น มหามงคล79 มีรายการ ดังนี้
-พระแก้วมรกต เนื้อผงจินดามณี, ผงพุทธคุณ ตะกรุดทองคำ 9ดอก, 5 ดอก
 และตะกรุดเงิน 3 ดอก
-รูปหล่อบูชา นั่งเก้าอี้เสือคู่ 9 นิ้ว เพ้นท์สีและไม่เพ้นท์สี
-รูปหล่อเล็กห้อยคอ เนื้อทองคำ ,เงิน ,นวะก้นทองคำ ,นวะ และเนื้อสัมฤทธิ์
-ลูกอมกุมารทอง เอกลักษณ์แห่งโชคลาภ ขนาดบูชา 3 นิ้ว  เนื้อเงิน ,นวะ, โลหะผสม
-ลูกอมกุมารทองรับทรัพย์ พกพา เนื้อทองคำ ,เงินชุบ 3 กษัตริย์ ,เงิน ,นวะก้นทองคำ
,นวะก้นเงิน, เนื้อสัมฤทธิ์
-ลูกอมกุมารทอง อุ้มทรัพย์  
-เสือมหาอำนาจ ขนาดบูชา 5 นิ้ว เพ้นท์สีและไม่เพ้นท์สี


***รูปหล่อเล็กห้อยคอ เนื้อเงินพ่นทราย
จำนวนการสร้าง 179 องค์ จัดสร้างในปี พ.ศ. 2544


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  :001: :114: :089:
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        


137
ธรรมะ / ***เศรษฐีไปนรก(ธรรมชาดก)***
« เมื่อ: 17 ต.ค. 2552, 07:49:19 »
"ข้าวเปลือก ทรัพย์ เงิน ทอง หรือข้าวของที่หวงแหน อย่างใด
อย่างหนึ่งที่มีอยู่ ทาส กรรมกร คนใช้ และผู้อาศัยของเขา พึ่งพา
เอาไปไม่ได้ ทุกสิ่งจะต้องถูกทอดทิ้งไว้หมด
ก็บุคคลทำกรรมใด ด้วยกาย วาจา หรือด้วยใจ กรรมนั้นแหละ
ย่อมเป็นของๆเขา และเขาก็ย่อมจะพาเอากรรมนั้นไป อนึ่ง กรรม
นั้นย่อมติดตามเขาไป เหมือนเงาติดตามตนฉะนั้น เพราะฉะนั้น
บุคคลควรทำกรรมดี สั่งสมไว้สำหรับภพหน้า บุญทั้งหลายย่อม
เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งปวงในโลกหน้า"
(ทุติยาปุตตกสูตร ๑๕/๑๓๐)

*****
พระพุทธดำรัสนี้ พระพุทธองค์ได้ตรัสกับพระเจ้าปเสนทิโกศล โดย
ปรารภมหาเศรษฐีคนหนึ่ง ที่ตายลงแล้วไม่มีทายาทรับมรดก เหตุ
เพราะในอดีตชาติ มหาเศรษฐีท่านนี้ ได้ฆ่าบุตรของพี่ชาย เพื่อหวัง
ครองมรดกแต่ผู้เดียว มาในชาตินี้จึงทำให้ท่านไม่มีลูก เมื่อท่าน
ตายลงทรัพย์สมบัติมหาศาลก็เลยตกเป็นของหลวง

หลังจากพระเจ้าปเสนทิโกศล ได้อำนวยการขนทรัพย์ของมหาเศรษฐี
เข้าท้องพระคลังแล้ว ก็เลยไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และได้ทูลเรื่องราวให้
ทรงทราบ

พระพุทธองค์ได้ทรงเล่า ถึงอดีตกรรมของมหาเศรษฐีถึงเหตุที่ท่าน
ไม่มีบุตร และได้ทรงแสดงด้วยว่า ขณะนี้มหาเศรษฐีกำลังไปสู่มหา
โรรุวนรก ถูกไฟนรกแผดเผาอยู่อย่างสาหัส


เหตุที่เป็นดังนี้ ก็ด้วยเหตุ ๓ ประการคือ

๑. เพราะบาปเก่าในชาติก่อน ที่ฆ่าลูกของพี่ชายไว้ ในชาตินี้ท่าน
จึงไม่มีบุตร และเมื่อตายไปในชาตินี้ ก็ต้องเสวยผลบาปเก่าอีก
เพราะยังไม่สิ้นอกุศลกรรมเก่า

๒. ในชาตินี้ แม้ว่าท่านจะร่ำรวย เป็นถึงมหาเศรษฐี แต่ท่านก็เป็น
อยู่อย่างแร้นแค้น ต้องกินปลายข้าวกับน้ำผักดอง ใช้ของเก่าๆเลวๆ
ตายแล้วก็ต้องไปนรก เพราะไม่ได้สร้างบุญทานการกุศลไว้ในชาติ
นี้เลย

๓. เหตุที่ทำให้ท่านมาเกิดเป็นมหาเศรษฐีนั้น พระพุทธองค์ทรง
เล่าว่า ในอดีตชาติท่านเคยตักบาตรพระปัจเจกพุทธะ แต่พอถวาย
ไปแล้ว ท่านเกิดเสียใจ ว่าอาหารถวายไปนั้นเป็นของเลว แม้ทาส
และกรรมกรยังกินดีกว่านี้เสียอีก ผลกรรมอันนั้น จึงทำให้ท่านได้
มาเกิดเป็นมหาเศรษฐีก็จริง แต่ยินดีและพอใจที่จะกินและใช้ของ
เลวๆ...ฯ


~ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์~ :054: :054: :054:

ที่มา ธรรมจักรดอทเนต

 
 
 

138
อันเหตุผลนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะแสดงให้ปรากฏว่าผู้ใดมีปัญญา
มากน้อยเพียงใด และก็อีกเหตุผลอีกเหมือนกันที่จะแสดงให้ปรากฏ
ว่าผู้ใดมีจิตใจอย่างไร ดีเลวอย่างไร เห็นแก่ตัวหรือไม่ เห็นแก่ตัว
อย่างไร


     ที่จริงนั้น เมื่อพูดว่าไม่ได้ดั่งใจ ก็เหมือนกับพูดว่าจะเอาแต่ใจนั่น
เอง เวลาเราพูดถึงความรู้สึกของเรา เราก็จะพูดว่าไม่ได้ดังใจ แต่
ถ้าเห็นคนอื่นแสดงความรู้สึกของเขาไปในทำนองไม่ได้ดังใจ เรา
ก็จะพูดเสียว่า เขาจะเอาแต่ใจ พิจารณาสักหน่อยจะเห็นว่า เมื่อพูด
เกี่ยวกับตนเองจะเป็นเหมือนพูดว่าผู้อื่นทำให้ไม่เหมือนที่ใจเราชอบ
เป็นไปในทำนองผู้อื่นนั่นแหละผิด แต่เมื่อพูดเกี่ยวกับผู้อื่น ก็จะเป็น
เหมือนว่าผู้อื่นผิด จะเอาแต่ใจตัวเองเท่านั้น แต่ที่จริงก็เป็นดังกล่าว
ไว้แล้วข้างต้น คือที่เรียกว่า ไม่ได้ดังใจ หรือจะเอาแต่ใจนั้นก็มีความ
หมายตรงกันนั่นเอง


     ทีนี้ก็น่าจะเห็นง่ายขึ้น ว่าความรู้สึกไม่ได้ดังใจนั้นจะดีได้อย่างไรใน
เมื่อมีความหมายว่าจะเอาแต่ใจ คนเอาแต่ใจก็เป็นที่รู้กันว่าไม่ใช่
เป็นคนที่มีผู้นิยมชมชอบ ตรงกันข้าม หาคนชอบคนที่มักเอาแต่ใจ
ตัวไม่ค่อยจะมี ทุกคนก็น่าจะเคยรู้สึกรำคาญไม่ชอบ หรือบางทีก็ถึง
กับเกลียด หรือรังเกียจคนที่มักจะเอาแต่ใจตัว และก็มีจำนวนไม่น้อย
ทีเดียวเมื่อรู้สึกดังกล่าวแล้วก็มิได้เก็บความรู้สึกไว้ในใจ
      แต่แสดงออกเป็นกิริยาวาจาให้รู้เห็นเสมอ เป็นการแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ผู้
เอาแต่ใจโดยหาได้ย้อนดูใจตนเองไม่ ว่าวันหนึ่งๆเกิดความรู้สึกแบบ
จะเอาแต่ใจมากน้อยเพียงไหน ความรู้สึกไม่ได้ดังใจเกิดขึ้นมากน้อย
เพียงไหน ก็คือ ความรู้สึกจะเอาแต่ใจเกิดขึ้นเพียงนั้นนั่นเอง ควร
พยายามทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดพอสมควร ให้ยอมรับ
ว่าความรู้สึกไม่ได้ดังใจนั้นก็คือ ความจะเอาแต่ใจนั่นเอง
     เมื่อยอมรับแล้วก็ย่อมจะเห็นความไม่ดีงามของความรู้สึกไม่ได้ดังใจง่ายขึ้น จะ
ยินดีระงับดับเสีย ตามกำลังความสามารถแห่งเหตุผลคือ...สติปัญญา
ระงับดับได้มากเพียงใด ความเย็นกายเย็นใจก็จะเกิดเป็นผลติดตาม
มาเพียงนั้น

     
     ความรู้สึกไม่ได้ดังใจหรือความจะเอาแต่ใจตัว เป็นเหตุแห่งความวุ่น
วายเป็นเหตุแห่งความร้อน ทั้งทางกายและทางใจทั้งแก่ตนเอง และ
ทั้งแก่ผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง ยิ่งเมื่อคนจำนวนมากอยู่รวมกันเป็นครอบครัว
เป็นประเทศชาติ
      ความรู้สึกไม่ได้ดังใจหรือความจะเอาแต่ใจของแต่
ละคนอันมีเป็นจำนวนมากนั้น ก็จะเป็นเหตุแห่งความวุ่นวายอย่างยิ่ง
ความร้อนอย่างยิ่งทั้งทางกาย ทางใจ วิธีแก้ก็ยากนัก...


     นอกเสียจากว่า ทุกคนจะต่างแก้ที่ตนเอง ที่่ใจตนเอง ไม่ให้คอยแต่
จะรู้สึกไม่ได้ดังใจ หรือคอยแต่จะรู้สึกจะเอาแต่ใจ เวลาเห็นคนพวก
หนึ่งกลุ่มหนึ่งคิดพูดทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ตนเองเห็นว่าเป็นการเอาแต่ใจ
คือไม่คำนึงถึงอะไรอื่นนอกจากที่ตนพอใจ ก็ควรย้อนดูใจตนเอง
ย้อนเข้าควบคุมใจตนเอง อย่าให้คิดพูดทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นการ
เอาแต่ใจตนเอง...

     แม้ทุกคนพยายามทำเช่นนี้ ความวุ่นวายก็จะสงบลง ความร้อนกาย
ร้อนใจก็จะสงบลง ทุกคนก็จะเป็นสุข ตัวเองก็เป็นสุข คนอื่นก็เป็นสุข
รวมเข้าเป็นบ้านก็เรียกว่าบ้านเป็นสุข รวมเข้าเป็นประเทศ ก็เรียกว่า
ประเทศชาติเป็นสุข ความร่มเย็นเป็นสุข เกิดได้ก็ด้วยความพร้อมใจ
กัน ไม่เป็นคนเอาแต่ใจหรือคอยแต่จะรู้สึกไม่ได้ดังใจในเรื่องนั้นเรื่อง
นี้ ในคนนั้นคนนี้ อยู่เสมอ...ฯ


สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก|
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์  :054: :054: :054:
ที่มา ธรรมจักรดอทเนต

139


มืดทางชั่ว สว่างทางดี
แต่เราท่านทั้งหลายโปรดพิจารณา ในวันเดือนดับลับแล
และข้างขึ้นเดือนหงาย ข้างแรมเดือนมืด โปรดตีความว่า...
ให้มันมืดตรงไหน? ให้มันสว่างตรงไหน?
ให้มันมืดทางชั่ว...ให้สว่างทางดี จะได้มีปัญญา
เราจะได้แก้ปัญหาชีวิตอันแน่นอนและถูกต้อง



พฤติกรรมกับการสร้างความดี
อย่าทำสับสนเลยพี่น้องที่รัก...ชีวิตสับสนเหมือนพระอาทิตย์ พระจันทร์
ผลัดกันลง ผลัดกันขึ้น เดี๋ยวก็คืน เดี๋ยวก็วัน
แล้วเราก็หมดวันไป แล้ววันนี้ก็หมดไปอีกแล้ว
เสียดายเวลาเหลือเกินว่า...เวลาที่ผ่านมานี่ชั่วโมง


ตั้งแต่เช้ามา เราทำความดีอะไรกันบ้าง?
ชีวิตนี้คือความดี หรือความชั่วประการใด?
ตั้งแต่เช้ามาจนบัดนี้ ยุคปัจจุบันนี้ เราคิดอะไรไปบ้าง?
แก้ไขอะไรไปบ้าง? จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอะไรบ้าง?
และเป็นประโยชน์ต่อบุตรธิดาประการใด?
จะเป็นประโยชน์ต่อคุณบิดรมารดา ปู่ย่าตายาย ครูบาอาจารย์อย่างไร?
จะเป็นประโยชน์ต่อกับพื้นที่ดิน ที่เราอาศัยอยู่ทำมาหากินอะไรบ้าง?
จะมีประโยชน์แก่แม่พระคงคา แก่แม่พระพายประการใด?

กรรมฐานเปลี่ยนพฤติกรรมได้แน่นอน
ฉะนั้น ผู้มาเจริญกรรมฐานจึงเปลี่ยนพฤติกรรมได้
กรรมฐานเปลี่ยนพฤติกรรมได้แน่นอน
แต่ท่านที่จะมาเปลี่ยนทางไหนรีบจัดการด่วน
ถ้าท่านปฏิบัติโดยตั้งใจปฏิบัติแล้วท่านสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ในปัจจุบัน
เพราะอดีตที่ผ่านมานั้นเป็นความฝันเหลือเกิน
จึงได้แต่เขียนกฎบทความนี้ว่า เรื่องเก่าอย่ารื้อฟื้น เรื่องอื่นอย่าคิดอีก
จริงไหมท่านทั้งหลาย?...ได้ฟังกันมาทุกวันพระไปไหน
“ปากอย่าไว ใจอย่าเบา เรื่องเก่าอย่ารื้อฟื้น”


ทำดีต้องมีมาร
เรื่องอื่นสิ่งที่ชอบทำ...ไม่ไปทำ ไปทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำ
ซ้ำร้ายสร้างเติมเสริมส่งขณะทำ
เหมือนอย่างเราไปทำ ความชั่ว...มันหวานเหลือเกิน
น่ากินน่าใช้ แต่มันยังไม่ซึมซาบเข้ามาถึงภายใน จึงเป็นพิษเป็นภัย
ความดีมันขื่นขมเหลือเกิน มีอุปสรรคขัดขวางตลอดรายการ
ความดีไม่มีคนอยากจะกิน ไม่มีคนอยากจะทำเหมือนโบราณว่าเอาไว้
ขมเป็นยา
...หวานเป็นลม ขมเป็นยา...ไม่มีใครอยากกิน
มันขมมันขื่น ความดีมันก็ขื่นอย่างนี้
ทุกคนจึงไม่สนใจจะสร้างความดี เปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางดี
จึงสร้างแต่ความไม่ดีเป็นขนมหวานย้อมใจเรา
ให้หลั่งไหลไปอยู่ที่ต่ำ จิตใจที่เลวร้ายในสังคมต่อไป เขาจึงเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้


คัดลอกบางส่วนจาก...ทำดีต้องมีมาร
ที่มา   บทความคำสอนของ  หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม   :054: :054: :054:


140
ธรรมะ / ...กรรม ๔ ประเภท ...
« เมื่อ: 16 ต.ค. 2552, 07:53:06 »
ท่านทั้งหลาย! กรรม ๔ ประเภทนี้ เรากระทำให้แจ้งด้วยปัญญา

อันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ทราบกรรม ๔ ประการเป็นไฉน? คือ
๑. กรรมดำ มีวิบากดำก็มี
๒. กรรมขาว มีวิยากขาวก็มี
๓. กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวก็มี
๔. กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาวก็มี


ท่านทั้งหลาย! ก็กรรมดำ มีวิบากดำเป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมปรุงแต่งกายสังขารอันมีความเบียด
เบียดเบียน ย่อมปรุงแต่งวจีสังขาร อันมีความเบียดเบียน ย่อม
ปรุงแต่งมโนสังขารอันมีความเบียดเบียน

ครั้นแล้ว ย่อมเข้าถึงโลกที่มีความเบียดเบียนผัสสะอันมีความ
เบียดเบียน ย่อมถูกต้องบุคคลนั้นผู้เข้าถึงโลกที่มีความเบียดเบียน
เขาอันผัสสะที่มีความเบียดเบียนถูกต้องนั้น ย่อมได้เสวยเวทนา
ที่มีความเบียดเบียน เป็นทุกข์โดยส่วนเดียว เปรียบเหมือนสัตว์
นรก นี้เราเรียกว่า..'กรรมดำมีวิบากดำ'


ท่านทั้งหลาย! ก็กรรมขาว มีวิบากขาวเป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร วจีสังขาร มโน
สังขาร อันไม่มีความเบียดเบียน

ครั้นแล้ว ย่อมเข้าถึงโลก ที่ไม่มีความเบียดเบียน ผัสสะอันไม่มี
ความเบียดเบียน ย่อมถูกต้องบุคคลนั้น ผู้เข้าถึงโลกที่ไม่มีความ
เบียดเบียน เขาอันผัสสะที่ไม่มีความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว ย่อม
ได้เสวยเวทนา อันไม่มีความเบียดเบียน เป็นสุขโดยส่วนตัว เปรียบ
เหมือนเทพชั้นสุภกิณหะ นี้เรียกว่า 'กรรมขาวมีวิบากขาว'


ท่านทั้งหลาย! ก็กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว เป็นไฉน?
บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร วจีสังขาร มโน
สังขาร อันมีความเบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง

ครั้นแล้ว ย่อมเข้าถึงโลกที่มีความเบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียด
เบียนบ้าง ผัสสะอันมีความเบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียน
บ้าง ย่อมถูกต้องบุคคลนั้นผู้เข้าถึงโลกที่มีความเบียดเบียน ไม่มี
ความเบียดเบียนบ้าง เขาอันผัสสะที่มีความเบียดเบียนบ้าง ไม่มี
ความเบียดเบียนบ้าง ถูกต้องแล้ว ย่อมได้เสวยเวทนา อันมีความ
เบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง มีทั้งสุขและทุกข์ระทม
กันไป เปรียบเหมือนมนุษย์ เทพบางพวก และวินิปาติกสัตว์บาง
พวก นี้เราเรียกว่า'กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว'


ท่านทั้งหลาย! ก็กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็น
ไปเพื่อความสิ้นกรรม เป็นไฉน?
เจตนาใดเพื่อละกรรมดำ อันมีวิบากดำ ในบรรดากรรมเหล่านั้นก็ดี
เจตนาใดเพื่อละกรรมขาวอันมีวิบากขาวก็ดี เจตนาใดเพื่อละกรรม
ทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวก็ดี นี้เราเรียกว่า'กรรมไม่ดำไม่
ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม'


ท่านทั้งหลาย! กรรม ๔ ประการนี้แล เรากระทำให้แจ้งด้วยปัญญา
อันยิ่งเองแล้วประกาศให้ทราบ...ฯ


~วิตถารสูตร >>พระไตรปิฎกและอรรถกถา เล่ม ๓๕ หน้า ๕๘๔<<~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์  :054: :054: :054:
 ที่มา ธรรมจักรดอทเนต





141


พระพุทธองค์ตรัสถึงกฎแห่งกรรมว่า
อดีตชาติได้แต่ประกอบแต่กรรมดี
จึงได้เกิดมามียศสูงศักดิ์และร่ำรวยในโภคทรัพย์ ผู้ใดบำเพ็ญธรรมมาตลอดจะได้บุญวาสนาไปทุกภพทุกชาติ มนุษย์จงฟังให้ดี
ฟังตถาคตกล่าวผลกรรมของไตรภพผลกรรมของไตรภพเป็นเรื่องใหญ่
จงอย่าดูหมิ่นพุทธพจน์ จงฟังผลกรรมดังต่อไปนี้


*ปัจจุบันเป็นขุนนางเพราะเหตุใด
ชาติก่อนนำทองคำสร้างพระพุทธรูป

*สิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้
ถวายเครื่องทรงสักการะพระพุทธองค์

*ทองคำสร้างองค์ดั่งสร้างตนเอง
เครื่องทรงสักการะคืออาภรณ์ประดับกาย

*ดังนั้นอย่าคิดว่าขุนนางนั้นเป็นง่าย
หากไม่ได้สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ ไฉนเลยจะได้รับ

*มีรถนั่งมีเรื่อขี่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน

*มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน

*มีอาหารอิ่มสมบูรณ์เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ยากจน

*ที่ไม่มีจะกินจะใส่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย

*มีตึกรามบ้านบ้านช่องเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้

*มีบุญมีวาสนาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา

*มีหน้าตามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปดอกไม้เครื่องหอม

*มีปัญญา มีความปราดเปรื่องเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสวดมนต์สรรเสริญพระนามพระพุทธเจ้า

*มีภรรยาดีมีมรรยาทพร้อมเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนได้สร้างสมบุญกุศลมาร่วมกัน

*สามีภรรยามีอายุยืนยาวเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนได้แต่งริ้วธงประดับหน้าพระพุทธรูป

*มีพ่อแม่อยู่ครบเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า

*ไม่มีพ่อแม่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา

*เลี้ยงลูกไม่รู้จักโตเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแค้นผู้อื่น

*ชาตินี้ไม่มีลูกเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกชาวบ้าน

*ชาตินี้อายุยืนเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต

*ชาตินี้อายุสั้นเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

*ชาตินี้ไม่มีภรรยาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบผิดประเวณี ข่มขื่นลูกเมียเขา

*ชาตินี้เป็นม่ายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบดูหมิ่นดูแคลนสามี

*ชาตินี้เป็นทาสเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนไม่รู้จักบุญคุณผู้อื่น

*ชาตินี้มีตาดีเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนซื้อน้ำมันเติมตะเกียงบูชาพระ

*ชาตินี้ตาบอดเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบอ่านหนังสือลามก

*ชาตินี้ปากแหว่งเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนกล่าวร้ายใส่ความผู้อื่น

*ชาตินี้หูหนวกเป็นใบ้เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนปากร้ายด่าว่าพ่อแม่

*ชาตินี้หลังค่อมเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนหัวเราะคนที่ไหว้พระ

*ชาตินี้มืองอแขนคดเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเคยตีพ่อแม่

*ชาตินี้ขาเป๋ตีนเป๋เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนทำลายถนนและสะพาน

*ชาตินี้เป็นวัวเป็นควายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเป็นหนีเขาแล้วไม่ใช้คืน

*ชาตินี้เป็นหมูเป็นหมาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนมีใจคิดหลอกลวงเขา

*ชาตินี้มีสุขภาพแข็งแรงเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคยารักษาโรค

*ชาตินี้ติดคุกติดตะรางเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเห็นคนตกทุกข์ได้ยากแล้วไม่ช่วยเหลือ

*ชาตินี้อดอาหารตายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนหัวเราะขอทาน

*ชาตินี้ต้องถูกเขาเบื่อยาตายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเบื่อปลาในคลอง

*ชาตินี่โดดเดี่ยวทุกข์ทรมานเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนใจบาปคิดแต่จะทำร้ายผู้อื่น

*ชาตินี้แคระแกรนเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบเหยียดหยาบดูแคลนคนรับใช้

*ชาตินี้อาเจียนเป็นโลหิตเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนปลุกปั้นยุแหย่คนอื่นให้แตกแยกกัน

*ชาตินี้ถูกฟ้าผ่าตายเพราะอะไร
เพราะชาติก่อนพูดจาเสียดสีผู้ออกบวช

*ชาตินี้ถูกสัตว์ร้ายกัดตายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนก่อศัตรูคู่อาฆาต


*สรรพกรรมที่ก่อไว้กรรมตามสนอง
ต้องตกนรกทุกข์ทรมานจะโทษใครเล่า
อย่าพูดว่ากฏแห่งกรรมไม่มีใครเห็น
กรรมสนองเร็วก็ตกที่ตัวเอง กรรมสนองช้าก็ตกที่ลูกหลาน

*ถ้าไม่ศรัทธาในพระรัตนตรัย ไม่รีบทำทาน
ก็จงดูบุคคลที่มีบุญวาสนาสิเพราะเขาทำบุญไว้แต่ชาติก่อน ชาตินี้บุญจึงตอบสนอง
แม้ปัจจุบันสั่งสมบุญกุศล บุญนั้นก็จะคุ้มครองถึงบุตรหลาน

*หากใครกล่าวร้ายเรื่องกฎแห่งกรรม
ชาติหน้าก็ไม่ได้เกิดเป็นคนอีก(เกิดอยู่ในอบายภูมิ)

*หากเชื่อถือยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
ความเจริญมั่งมีศรีสุข ก็จะมาเยือนถึงบ้าน

*หากใครค่อยแนะนำเผยแพร่เรื่องกฎแห่งกรรม
ก็จะเจริญยิ่งๆขึ้นชั่วลูกชั่วหลาน

*หากใครยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
ฆาตเคราะห์ภัยพิบัติจะอยู่ห่างไกลตัว

*หากใครเที่ยวบรรยายเรื่องกฎแห่งกรรม
ทุกๆชาติจะเป็นผู้มีปัญญาเลิศ

*หากใครหมั่นสวดมนต์ในเรื่องกฎแห่งกรรม
ชาติหน้าไปถึงไหนถึงไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตา

*หากใครพิมพ์หนังสือเรื่องกฎแห่งกรรมแจก
ชาติหน้าก็จะมีกายมงคลรุ่งโรจน์

*หากใครถามเรื่องกฎแห่งกรรมเมื่อชาติก่อน
ควรศึกษาเรื่องราวของพระกัสสปพระพุทธเจ้าที่มีรัศมีแวววาว

*หากถามเหตุผลของชาติหน้า
ก็ให้ดูพวกที่กล่าวร้ายพระธรรมในเมืองนรก

*หากใครก็ตามยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
ก็จะได้ไปเกิดในสุขาวดีแดนพุทธเกษตร

*เรื่องกฎแห่งกรรมในสามโลกนี้พูดกันไม่จบ
สวรรค์ไม่เคยขาดคนจิตกุศลในพระรัตนตรัยเป็นแก้ววิเศษ
รู้จักสละบ้างผลได้รับเหลือคณานับเหมือนดั่งสะสมอริยทรัพย์ไว้ในเซฟที่มั่นคง
จะได้รับผลประโยชน์ทุกๆชาติไป

*หากถามเรื่องชาติปางก่อน
ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบัน

*หากจะถามเรื่องชาติหน้า
ก็ให้ดูในสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน



คัดลอกมาจาก ธรรมจักรดอทเน็ต

142







น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

กุมารทอง เอกลักษณ์แห่งโชคลาภขนาดบูชา 3 นิ้ว(น้องเงินไหลมา)
เนื้อโลหะรมดำ จำนวนการสร้าง 999 องค์ จัดสร้างในปี พ.ศ.2544



ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ :001: :114: :089:
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี         

143


ความเป็นจริง...
ทุกครั้งที่เราเห็นคนอื่น...
ประสบความสำเร็จ..
ไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ ก็ตาม...

เป็นธรรมชาติของจิตใจ...
ที่ยังไม่ได้ถูกฝึกมา...
มักจะคิดอิจฉาริษยา...
ในความสำเร็จของเขาผู้นั้น...


สาเหตุก็เกิดจาก..
>>>…การไม่อยากเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตน...
>>>…เพราะเหตุว่า...ตัวเอง..เป็นคนสำคัญที่สุด..

บ่อยครั้งที่เราจะเห็นว่า...
คงที่ดีใจ...ปลื้มใจ...กับความสำเร็จของเรา...
ส่วนใหญ่..จะเป็นคุณพ่อคุณแม่...
และเพื่อนสนิท..ที่เคยร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาก่อน..
เมื่อครั้งในอดีต..นั่นแหละ..
ที่จะกล้าหาญ...ทางจิตใจ..
ที่จะแสดงมุทิตาจิต(พลอยยินดี..เมื่อผู้อื่นได้ดี)...กับเรา
ได้อย่างจริงใจ..จริงแท้..และแน่นอน...

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย...
กับคนที่เราไม่จักอะไรด้วย...
>>>…เขาจะไม่ยินดีปลื้มใจ...ในความสำเร็จของเรา...
>>>…เพราะเขายังไม่รู้..ไม่ได้สัมผัส..กับตัวตนของเราอย่างแท้จริง...


คุณธรรม คือ มุทิตาจิต...
>>>…ถือว่า..เป็นคุณธรรมชั้นสูง...
>>>…ที่เรียกว่า...พรหมวิหารธรรม...
>>>…ถ้ามนุษย์ในโลกของเรา...
>>>…รู้จักที่จะใช้ธรรมข้อ ...มุทิตาพรหมวิหารธรรม...นี้บ่อย ๆ...

ผลดีที่เกิด..คือ..
>>>…ความปลื้มใจ..เอิบอิ่มใจ...และเป็นสุขอีกอย่างหนึ่ง..
>>>…ที่แสดงออกมาทันที..แบบที่ไม่ต้องรอ..
>>>…เพียงแค่คิด..จิตยินดี...เมื่อเห็นผู้อื่นได้ดี...
>>>…ปลื้มใจไปกับเขา...
แค่นี้ความรู้สึกดี ๆ เหล่านั้น...
จะตอบสนองกลับมาหาเราทันที...
เป็นความสุขที่สัมผัสได้จริง ๆ


หลายต่อหลายคน...
ที่ประสบปัญหาอีกอย่างหนึ่ง...
>>>…ก็คือ..เห็นคนอื่นได้ดีเป็นไม่ได้...
>>>…เดือดเนื้อ..ร้อนใจ..ขึ้นมาทันที...


นั่นเป็นเพราะว่า...
จิตใจไม่ได้ผ่านการฝึกฝน...
>>>…เป็นจิตใจที่ไม่เคยมองเห็นคุณค่า...
>>>…ในตัวตนของบุคคลอื่น....


หากเราคิดว่า...
>>>…ความสำเร็จของเขา..คือ..ความสำเร็จของเรา...
>>>…มองเขาเป็นเรา...
>>>…เข้าใจเขา..เข้าใจเรา...ได้อย่างแท้จริง....
>>>…และมีความจริงใจอย่างจริงใจแท้...

คุณธรรมข้อ..มุทิตาจิต...
>>>…จะช่วยระงับความอิจฉาริษยาได้เป็นอย่างดี...
>>>…และการแสดงมุทิตาจิตนั้น...
>>>…ต้องแสดงออกมาจากใจจริง ๆ
>>>…เป็นการนำ..ความอิจฉาริษยา..ออกจากจิตใจ..
ด้วยมุทิตาจิต..(พลอยยินดี..เมื่อผู้อื่นได้ดี..ชื่นชอบในความสำเร็จของผู้อื่น)...
จากหัวใจเต็มเปี่ยมด้วย...ความรู้สึกแห่งจิตใจที่งดงาม....
:001: :001: :001:  :114: :114: :089:

บทความโดย...ชายน้อย
ขอบคุณบทความจาก ธรรมะไทย

144
บทความ บทกวี / ***ที่สุดของชีวิต***
« เมื่อ: 14 ต.ค. 2552, 04:13:31 »


ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด...ของชีวิต...คือตัวเราเอง
ความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด...ของชีวิต...คือการทนงตน


ปัญญาอ่อนที่สุด...ของชีวิต...คือการโกหก
หยั่งรู้ยากที่สุด...ของชีวิต...คือใจคน
น่าเศร้าที่สุด...ของชีวิต...คืออิจฉาริษยา
ไร้ค่ามากที่สุด...ของชีวิต...คือไม่ทำความดี
กุศโลบายที่ดีที่สุด...ของชีวิต...คือความซื่อสัตย์
ประมาทที่สุด...ของชีวิต...คือคบเพื่อนชั่ว


มีค่ามากที่สุด...ของชีวิต...คือเวลา
น่าสงสารที่สุด...ของชีวิต...คือดูถูกตัวเอง
น่านับถือยกย่องที่สุด...ของชีวิต...คือความมานะหมั่นเพียร
ล้มละลายที่หนักที่สุด...ของชีวิต...คือสิ้นหวัง


ความร่ำรวยที่มั่งคั่งที่สุด...ของชีวิต...คือสุขภาพแข็งแรง
ความยากจนที่สุด...ของชีวิต...คือไม่รู้จักพอ
ความรักมากที่สุด...ของชีวิต...คือรักตัวเอง
บาปกรรมที่ใหญ่หลวงที่สุด...ของชีวิต...คือไม่กตัญญู


ความโง่เขลาที่สุด...ของชีวิต...คือติดยาเสพติด
ความชั่วช้าต่ำต้อยที่สุด...ของชีวิต...คือเหยียดหยามผู้อื่น
ความผิดพลาดร้ายแรงที่สุด...ของชีวิต...คือเล่นการพนัน
ของขวัญที่ดีที่สุด...ของชีวิต...คือให้อภัย
ความสุขที่มากที่สุด...ของชีวิต...คือการช่วยเหลือผู้อื่น


การยอมรับและนับถือมากที่สุด...ของชีวิต...คือความก้าวหน้า
สุดท้ายของชีวิต...คือความตาย
 ...จะวุ่นวายกันไปทำไม... 
:001: :001: :001: :114: :089:

ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักร

145
การคิดไกล..มองไกล..
หรือที่เรียกว่า..มีวิสัยทัศน์..
>>>…มีความคิดสร้างสรรค์..
>>>…มีมุมมองต่าง ๆ หลายแง่หลายมุม..

ในความเป็นจริง..
ทุกท่านก็คงเห็นว่า...
>>>…เป็นสิ่งที่ดี..ควรส่งเสริม..
>>>…ให้คิดไกล...มองไกล..


แต่ในอีกมุมหนึ่ง...
การมองไกลเกินตัวมากไป...
>>>…ก็อาจจะเป็นสิ่งหนึ่ง...
>>>…ที่ทำให้เราลืมที่จะหันมามองตัวเอง...

หากมองไกลแล้ว...ลืมมองตัวเอง...
ก็เป็นการยากที่จะเห็นสิ่งต่าง ๆ
>>>…เวลาที่เรามีความทุกข์..
>>>…เสียใจ..ผิดหวัง...
>>>…กับสิ่งที่ใจไม่ได้...ดังใจปรารถนา..
>>>…จนทำให้เกิดความรู้สึก...
>>>…ที่รู้ไม่เท่าทันอารมณ์...
>>>…จากทุกข์ที่เกิดขึ้น....


ความทุกข์ในตัวเอง...
ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์..
มันก็อยู่ในตัวของเรานั่นเอง...

ในมุมมองความคิดของคนเรา...
บางครั้งเขาเห็นปัญหา...
>>>…แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขได้...
>>>…ทั้งที่รู้ว่า...
>>>…นี้คือ.. “ปัญหา”...
>>>…ปัญหาที่เรากำลังประสบอยู่

แต่เป็นเพราะการมองไกล..
ที่ขาดคุณธรรมในจิตใจ..
ก็จะทำให้เกิดมุมมองที่ว่า...
มองกว้าง...มองไกล...คิดไกล..
>>>…แต่จิตใจไหลลงสู่ที่ต่ำ...
>>>…เป็นธรรมชาติของจิตเรา...
>>>…ที่มีเหตุการณ์อะไรมากระทบ...
>>>…ก็มักจะไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ...


ดังนั้น...
การที่เราจะยกจิตให้สูงขึ้น...
>>>…จึงอยู่ที่..การมองไกล..คิดไกล..ใฝ่สูง..
>>>…และต้องไม่ลืมว่า..อย่าลืมมองตัวเอง...

เวลาที่เรามีความทุกข์..
>>>…เรากลับมามองตัวเองได้เร็วเท่าไหร่..
>>>…เราก็จะสามารถรู้และเข้าใจทุกข์ได้มากยิ่งขึ้น..


แต่ถึงอย่างไร..
วิธีการมองไกล...คิดไกล..ใฝ่สูง..
ก็คือ..

๑. มองไกลไปถึงจุดมุ่งหมาย..
>>>…ในการดำเนินชีวิตที่พออยู่...พอดี..และพอเพียง...

๒. คิดไกลไปถึงการกระทำความดี...
>>>…การตั้งอยู่ในความดี..
>>>…และลงมือปฏิบัติทันทีโดยไม่ต้องรอ...

๓. ใฝ่สูง คือ การรู้จักยกจิต...
หรือพัฒนาจิตของตนเองในแต่ละวัน...
>>>…เรียนรู้และดูแลใจตนเองอย่างเข้าใจ...
>>>…สำรวจความรู้สึกของเรา..
>>>…อย่างเท่าทันอารมณ์ต่าง ๆ...ที่มากระทบ...
>>>…ไม่ว่าโลภ..โกรธ..หลง..
>>>…เพื่อที่จะยกจิตใฝ่สูง..
คือ...พยายามลดความโลภให้น้อยลง...
พยายามลดความโกรธให้น้อยลง...
พยายามมีสติไม่หลงผิดจากทำนองคลองธรรม...


เพราะฉะนั้น..
มุมมองวิสัยทัศน์ต่าง ๆ
>>>…หากประยุกต์หลักในการมองไกล คิดไกล ไปเท่าไหร่???
>>>…ต้องหันกลับมามองตนเองอย่างละเอียดและเข้าใจ...


แต่จะพัฒนาอย่างไรก็ตาม..
การยกระดับจิตให้ใฝ่สูง..คิดดี..ทำดี...พูดดี..ทุกที่ทุกเวลา...
>>>…ก็จะสามารถพัฒนาจิตใจของเรา..
>>>…เป็นแบบ “มองไกล คิดไกล แต่ไม่ลืมตัว”
:001: :001: :001:


บทความ...โดย..ชายน้อย..
ขอบคุณบทความจาก ธรรมะไทย


146
บุญ...ช่วยเราได้อย่างไร


1. บุญช่วยเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์
2. บุญช่วยให้เราเกิดมามีร่างกาย สมประกอบ
3. บุญช่วยเราให้เป็นคนรูปงาม
4. บุญช่วยเราให้เป็นคน เกิดในตระกูลสูง
5. บุญช่วยเราให้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย
6. บุญช่วยเราให้เกิดมาเป็นคนที่มีอายุยืน
7. บุญช่วยเราให้เป็นคนแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ

8. บุญช่วยเราให้เป็นคนฉลาดตั้งแต่เด็ก
9. บุญช่วยเราให้เป็นคนดี
10. บุญช่วยเราให้มีความสุข
11. บุญช่วยเราให้มียศศักดิ์ ชื่อเสียง มีคนเคารพนับถือ
12. บุญช่วยเราให้ได้ลาภต่างๆอย่างปราชญ์
13. บุญช่วยเราให้เกิดบนสวรรค์
14. บุญช่วยเราให้บรรลุพระนิพพาน


ทั้งนี้ทั้งนั้น...'บุญ'...นี้เกิดภายในจิต
ทาน...ศีล....ภาวนา...ย่อมนำพาทางสายบุญ...
หมั่นสร้างบุญบารมี...และจะเป็นการดีถ้ามีปัญญาประกอบ
กล่าวคือ...ทำบุญโดยไม่ติดบุญ...ไม่หลงบุญ...นะครับ...ฯ


ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ :054: :054: :054:

ขอบคุณบทความจาก ธรรมะไทย


147
1.การนั่งสมาธิคือการบังคับจิต ให้นิ่งจริงหรือ?

การนั่งสมาธิ เป็นเรื่องพื้นฐานของการปฏิบัติธรรมเพื่อเจริญ สมาธิ สติ และปัญญา แต่ทำไมเราถึงไม่สามารถนั่งสมาธิได้เป็นเวลานานๆ ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงรู้สึกว่านั่งสมาธิแล้วไม่ได้รู้สึกสงบ เหมือนที่หนังสือธรรมะหลายๆ เล่มบอกกล่าว ผลสุดท้ายการนั่งสมาธิกลายเป็นของแสลงสำหรับคนที่นั่งสมาธิไม่ได้


   ศุภฤกษ์ สกุลชัยพรเลิศ อดีตตัวแทน คณิตศาสตร์โอลิมปิก 2 สมัย และเป็นเจ้าของสถาบันกวดวิชาคณิตศาสตร์ Sup'k Center และเจ้าของหนังสือ “ข้างในนั้น” ซึ่งเป็นหนังสือธรรมะสมัยใหม่ เผยความจริงง่ายๆ ของการปฏิบัติธรรม ที่หลายๆ คน ผู้ไม่รู้เข้าใจผิดมาโดยตลอดเกี่ยวกับการนั่งสมาธิว่า การนั่งสมาธิควรจะนั่งด้วยความรู้สึกตัว เวลานั่งๆ อยู่ จิตเผลอไปคิด ก็รู้ทัน จิตเผลอไปเบื่อ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้อยากเบื่อ ก็รู้ทัน ท้ายสุดจิตเกิด ความสุข ก็แค่รู้ทัน แล้วก็จะเห็นเองว่า จิตเกิดความสุขได้เอง (เนอะ) ทั้งๆ ที่ตอนเราสั่งให้สุข มันก็ ไม่เห็นจะสุขทันทีตามใจอยาก แต่พอเหตุถึงพร้อม มันก็เกิดความสุขได้เอง
   นั่นก็จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ว่า ความสุขที่เกิดก็เป็นอนัตตา “คนทั่วไปต้องการนั่งเพื่อให้ได้ความนิ่งๆ และนานๆ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด คนทั่วไปจะหลงคิดผิดๆ ไปเองว่า หากเรานั่งสมาธิจนกระทั่งจิตนิ่งถาวรคง จะดี บรรลุได้ง่าย การที่เรานั่งสมาธิเพื่อเอาความนิ่ง จะได้เรียนรู้อะไร นอกจากเรียนรู้ความนิ่ง? ไม่ได้บรรลุนิพพาน ไม่ได้เข้าใจความจริงอะไร หรืออีกกรณี หากนั่งเพ่งจ้องจิตให้นิ่ง อาจจะเครียดได้ การนั่งสมาธิที่ถูกต้องตามพุทธพจน์ คือ นั่งด้วยความรู้สึกตัว นั่งเพื่อเรียนรู้ความจริงของกายใจตนเองในแง่
   ไตรลักษณ์ เพราะเมื่อเรียนรู้ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ด้วยสัมมาทิฐิ จิตจะค่อยๆ เกิดปัญญา เข้าใจตนเอง เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต ถอดถอนจากความยึดมั่นในตัวกูของกู และพ้นจากทุกข์ พบความสุขที่แท้ได้ในที่สุด” ศุภฤกษ์ อธิบายเพิ่มเติม ถ้าหากดูประวัติของเขาแล้ว เขาน่าจะเป็นนัก คณิตศาสตร์ระดับประเทศมากกว่า แต่ด้วยความ ใฝ่รู้ศึกษาปฏิบัติธรรมทำให้เขารู้ถึงสิ่งที่เด็กๆ และคนทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องการทำสมาธิ และอีกหลายๆ เรื่องจากคำถามของเด็กๆ ในสถาบันที่ชายคนนี้สอน ซึ่งสามารถติดต่อขอรับหนังสือ “ข้างในนั้น” ได้ที่เว็บไซต์ www.supkcenter.com



ธรรมะสอนให้เรารู้จักอดทนอดกลั้น ให้อภัย แต่ไม่ใช่ให้จมอยู่ในกองทุกข์ 

2.ให้อภัย แต่ไม่ใช่ให้จมอยู่ในกองทุกข์

   สำหรับคนไทยเมื่อมีปัญหาเรามักจะยอมกันได้เสมอ แต่ในหลายๆ เรื่อง ซึ่งเป็นการกดขี่ข่มเหง รังแก เป็นเรื่องที่ไม่ควรยอมให้อภัย จะต้องอดทนให้เขากดขี่ข่มเหงไปตลอดหรือ พระศรีญาณโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก ได้ให้คำตอบว่า เป็นเรื่องถูกต้องแล้วเพราะพระพุทธองค์ทรงสั่งสอนให้คนเราเอาชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ เอาชนะความ ตระหนี่ด้วยการให้
   สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ไม่ต้องเข้าไปพัวพันอยู่ในบ่วงกรรม นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนสั่ง เพราะถ้าเมื่อเราถูกกระทำแล้วโต้ตอบด้วยวิธีการเดียวกัน จะกลายเป็นความแค้นผูกพยาบาทต่อกันข้ามภพข้ามชาติไม่มีจบสิ้น คำถามก็คือ แล้วต้องยอมเสมอไปหรือเปล่า คำตอบคือเปล่า พระธรรมสอนให้รู้จักความอดทนอดกลั้น รู้จักให้อภัย แต่ไม่ได้บอกว่าให้ยอมแพ้ เมื่อเกิดปัญหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมา ต้องรู้จักวิธีการแก้ด้วยสติสัมปชัญญะ แก้ด้วยวิธีการที่เหนือชั้นกว่า คนอื่นทำแย่ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องใช้วิธีการแย่ๆ โต้ตอบกลับไป ใช้สติตริตรองหาทางออกที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด


3.ห้ามโกหก ทำได้ยากจริงหรือ?

   “มุสาวาทา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ” การโกหกเป็นสิ่งไม่ดี แต่คนเราก็มักจะโกหก เพื่อการเอาตัวรอดอยู่เสมอ ทำให้ใครหลายๆ คนมักมองศีลข้อนี้เป็นเรื่องฝืนธรรมชาติ พระศรีญาณโสภณ ได้ให้คำอธิบายถึงเรื่องการโกหกที่หลายๆ คนมักปฏิบัติไม่ได้ไว้ว่า การโกหกนั้นไม่ว่ามองในมุมไหนก็เป็นเรื่องไม่ดีทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่ให้โทษแก่ผู้อื่น แต่โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้วไม่ได้โกหกเพื่อความอยู่รอด
    แต่โกหกเพราะเกิดความโลภ เกิดกิเลส เราถึงได้โกหกเพื่อให้ได้มา หรือโกหกเพื่อปกปิดความจริง แต่การโกหกก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน เช่น การพูดโดยเจตนาที่ดี อย่างกรณีผู้ป่วยหนัก แต่ญาติไม่อยากให้รู้ความจริง เพราะรู้ไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรๆ ดีขึ้นมา มีแต่คนไข้จะเสียกำลังใจ พาให้อาการทรุดหนักลงกว่าเดิม ก็ต้องพูดโดยใช้กุศโลบาย ซึ่งเป็นอุบายที่ดี ทำให้คนไข้หรือผู้ฟังมีความสบายใจ
    จนเมื่อถึงเวลาที่เห็นว่าคนไข้รับความจริงได้แล้ว จึงค่อยบอกออกไปอย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็นการโกหก ไม่ผิดศีลเพราะทำด้วยเจตนาที่ดี การตีความจึงมองที่เจตนาเป็นหลัก หรืออย่างเรื่องข้อมูลความมั่นคงของประเทศ ถามว่าจำเป็นไหมที่ต้องเอามาเปิดเผยให้รู้ทั้งหมด
    คำถามต่อมาก็คือรู้แล้วมีประโยชน์อะไร ถ้ารู้แล้วไม่มีประโยชน์มีแต่โทษถึงความมั่นคงของชาติ ก็ไม่จำเป็นต้องเอามาเปิดเผย อาจจะตอบแบบเลี่ยงๆ แต่อย่าบิดเบือนไปจากความจริง เพราะถ้าบิดเบือนไปจากความจริงแล้วเกิดโทษต่อประชาชน อย่างนี้ผิดศีลไม่ควรทำ ที่สำคัญศีลที่ว่าด้วยการห้ามพูดปด ไม่ได้จำเพาะอยู่เพียงการโกหกเท่านั้น ยังหมายความรวมถึง การนินทาลับหลัง การใส่ร้าย การพูดจาด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งล้วนแต่เป็นคำพูดที่ให้โทษแก่ผู้อื่นล้วนผิดศีลข้อนี้ ทั้งสิ้น 


4.บริจาคมาก ได้บุญมาก
 
    เป็นความเชื่อที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็น เช่นนั้น บริจาคเงินแสนได้บุญมากกว่าเงินร้อย ความจริงแล้วเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า “

    ในเรื่องของการทำบุญ เราต้องเข้าใจก่อนว่าบุญคืออะไร การทำบุญเป็นเครื่องมือชำระจิตใจให้รู้จักการลดละกิเลส รู้จัก การเสียสละ การให้ ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของตน มีมากก็ชำระมาก มีน้อยก็ชำระน้อย ตามแต่กำลังของแต่ละคน แต่การวัดว่าใครได้บุญมากบุญน้อยนั้นวัดกันไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดเมื่อทำบุญแล้วความสุขก็บังเกิดแก่ผู้ที่ทำบุญทุกคน แต่ถ้าถามว่าแล้วคนที่ได้เงินมาโดยไม่สุจริตเป็นพวกค้ายา หรือร่ำรวยโดยไม่ชอบ มาทำบุญบริจาคเป็นแสนเป็นล้านแล้วจะได้บุญมากหรือเปล่า ต้องตอบว่า ได้แต่ไม่เต็มที่ เขาทำบุญคนก็อนุโมทนาสาธุ แต่ที่มาของเงินนั้นไม่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์เขาก็ได้บุญไม่เต็มที่
    ด้วยในใจเขาย่อมรู้อยู่แก่ใจเองว่า เขาควรได้ผลบุญนั้นหรือไม่ เหมือนเราเล่นฟุตบอลใช้กลโกงทำผิดกติกาเพื่อให้ได้ประตู ถามว่าเขาจะได้คะแนนจากการทำประตูนั้นไหม ตัวเขานั้นย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าควรได้ประตูนั้นหรือเปล่า ดังนั้น การทำบุญต้องทำด้วยเจตนาที่ดี ไม่ได้จำกัดว่าทำบุญมากทำบุญน้อย ต้องไม่หวังผลหรือสิ่งตอบแทน เราก็จะได้รับผลบุญนั้นอย่างเต็มที่”
    พระศรีญาณโสภณ ตอบคำถามทางธรรมที่มีผู้คนสงสัยกันมากที่สุด

    นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำสอน และแนวทางปฏิบัติของพระพุทธศาสนา จะด้วยความไม่รู้หรือการ ตีความจากประสบการณ์ของแต่ละคนก็แล้วแต่สิ่งสำคัญคือ การรู้จักใช้สติ ปัญญา คิดพิจารณา ศึกษาจากการอ่านพระไตรปิฎกโดยตรง และลงมือปฏิบัติอาจจะดีกว่าการศึกษาหาอ่านจากตำราที่ผ่านการตีความจนผิดเพี้ยนไปจากความจริงอีกไม่รู้กี่ช่วง
   ทำให้เราจะไม่มีวันเข้าใจถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาได้เลย 

ที่มา ธรรมจักรดอทเน็ต

148

   

   เจ้าเหลือมเลื้อย เป็นวง ตรงที่ตั้ง
ใช้เดือยทั่ง ขีดเป็นวง ตรงที่หมาย
เป็นกับดัก หลุมพราง สัตว์ย่างกราย
เหยื่อเคราะร้าย อ่อนรวยริน สิ้นทางไป
เป็นตำนาน อาถรรพ์ อันลึกลับ
ยามแก่กลับ ใช้เดือย เลื้อยไม่ไหว
ใช้เดือยแทน การล่า หากินไป
มนุษย์ใช้ ความโดเด่น เป็นเครื่องราง.(ฌาณรวีร์/ประพันธ์)


     เดือยงูเหลือมนี้มีตำนานเล่าที่น่าทึ่งมาก เพราะตามธรรมดาเมืองูแก่มากแล้วจะไม่นิยมเลื้อยไปล่าเหลื่อเพราะต้องสงวนพลังงานในการรัดเหยื่อ ว่ากันว่าเดือยงูเหลือมนี้จะมีเฉพาะงูที่แก่มากแล้วเท่านั้นที่เดือยจะโผล่ยาวออกมาทั้งสองข้างลำตัวและงูแก่จะใช้เดือยนี้ขึดเป็นแนววงไว้แล้วนอนรอเหยื่อให้เดินเข้ามาในวง ว่ากันว่าเหยื่อที่เข้ามาภายในรัศมีที่เดือยขีดไว้จะหมดแรงไปต่อไม่ได้งูก็จับกินสบาย สำหรับเดือยที่จะนำมาเป็นเครื่องรางนี้ต้องเป็นของงูที่แก่ตายโดยธรรมชาติหรือตายโดยภัยธรรมชาติเท่านั้นเช่นไฟไหม้ป่าหรือน้ำท่วมเป็นต้น.


สรรพคุณดีด้านการเสี่ยงโชคคือใช้ในการเล่นพนันหรือเสี่ยงทาย
สามารถสะกดฝ่ายตรงข้ามได้
ดีในด้านการทำมาค้าขายคือมักจะมีลูกค้าเข้ามาหาเอง
ดีด้านเมตตามหาเสน่ห์ (คือเพศตรงข้ามเพราะใช้นิยามจากงูตัวผู้ที่จะมีตัวเมียมาให้ผสมพันธ์ไม่ขาดนั่นเอง)

      คาถาประกอบการใช่เดือยงูเหลือม
 ตั้งนะโมสามจบแล้วท่องข้างท้ายนี้

*โอม ตะมังถังปะกาเสนโต สัตทาทะ ไกรสราชะ สีห์วิยะ อิทังคาถะมาหะ สวาหา.

เมื่อจบให้ตั้งจิตขอสิ่งที่ต้องการ.


นำมาให้อ่านกันเป็นวิทยาทานครับ
หวังว่าเป็นประโยชน์และความรู้เพิ่มเติบไม่มากก็น้อยนะครับ ... สวัสดี
:001: :001: :001:

149
"การให้อภัยมิได้หมายถึงการยอมรับการกระทำที่ไม่ดีของเขา แต่หมายถึงการปลดเปลื้องความโกรธ เกลียด อาฆาต พยาบาทออกไปจากจิตใจของเรา แม้เราจะยอมรับการกระทำของเขาไม่ได้ แต่เราสามารถยอมรับเขาในฐานะมนุษย์ได้ เขามีรัก โลภ โกรธ หลง ทุกข์ สุข เศร้า เช่นเดียวกับเรา และเขาสามารถทำสิ่งที่ไม่ดีไปเพราะความพลั้งเผลอ เพราะไม่รู้ ไม่ได้ตั้งใจ เพราะถูกแรงบีบคั้นจากความเจ็บปวดในอดีตที่เคยถูกกระทำย่ำยีตอนเด็กก็ได้ ในฐานะที่เขาก็เป็นเพื่อนทุกข์ของเรา เขาควรได้รับการให้อภัย ในฐานะที่เรามีหน้าที่ทำตนเองให้เป็นสุข เราควรปลดเปลื้องความอาฆาตพยาบาทไปจากจิตใจเราเอง"

มิใช่แต่การล้างแค้นเท่านั้นที่อยู่คู่กับมนุษย์ การให้อภัยและการสมานไมตรีก็เป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติมาช้านาน มนุษย์ยังมีความเมตตา กรุณา และความเข้าใจด้วย ดังนั้นความสามารถในการให้อภัยจึงควรมีอยู่ในใจของเราทุกคน เป็นกลไกปกป้องจากศัตรูภายในใจของตนเองคือความโกรธ เกลียด อาฆาตพยาบาท

"หากความอาฆาตพยาบาทคือมีดกรีดใจ การให้อภัยก็คือยาสมานใจอย่างดี ใจที่ไร้ยาสมานย่อมมีแผลเรื้อรัง ชีวิตที่ให้อภัยไม่เป็นย่อมหาความสุขได้ยาก เราจะสุขหรือทุกข์มิใช่เพราะมีใครมาทำให้ หากอยู่ที่ใจเราเอง ไม่มีใครทำลายศักดิ์ศรีของเราได้นอกจากตัวเอง ที่สุดแล้วเราต้องเลือกว่าเราจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ระหว่างการหล่อเลี้ยงความโกรธ เกลียด เอาไว้กับการบ่มเพาะความเมตตากรุณา ถ้าเลือกอย่างแรกชีวิตก็จมปลักอยู่ในความทุกข์ หากเลือกอย่างหลังก็เป็นสุขอยู่เสมอ"


...สรุปว่าการให้อภัยมิได้เกิดจากการหลงลืม แต่เกิดจากความตระหนักรู้ถึงโทษของความโกรธ ที่สำคัญก็คือ เกิดจากความเข้าใจในคู่กรณีที่เห็นถึงความเป็นมนุษย์มี รัก โลภ โกรธ หลง อีกทั้งเห็นถึงความทุกข์ และแง่มุมในความดีของเขาบ้าง เราสามารถจะให้อภัยได้โดยที่ไม่ต้องลืมก็ได้ความแค้นคือไฟเผาใจเราเอง


ขอบคุณบทความของ คุณสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ

150
บ่อเกิดแห่งความสุขมีอยู่กับเราทุกคนในขณะนี้อยู่แล้ว
เพียงแต่เรามองข้ามไปหรือไม่รู้จักใช้เท่านั้น
เมื่อใดที่เรามีความทุกข์ แทนที่จะมองหาสิ่งนอกตัว
ลองพิจารณาสิ่งที่เรามีอยู่และเป็นอยู่
ไม่ว่า มิตรภาพ ครอบครัว สุขภาพ ทรัพย์สิน รวมทั้งจิตใจของเรา
ล้วนสามารถบันดาลความสุขให้แก่เราได้ทั้งนั้น
ขอเพียงแต่เรารู้จักชื่นชม รู้จักมอง และจัดการอย่างถูกต้องเท่านั้น


แทนที่จะแสวงหาแต่ความสุขจากการได้
ลองหันมาแสวงหาความสุขจากการ มี หรือจากสิ่งที่มี
ขั้นต่อไปคือการแสวงหาความสุขจากการ ให้
กล่าวคือยิ่งให้ความสุข ก็ยิ่งได้รับความสุข
สุขเพราะเห็นน้ำตาของผู้อื่นเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
และสุขเพราะภาคภูมิใจที่ได้ทำความดีและทำให้ชีวิตมีความหมาย
จากจุดนั้นแหละก็ไม่ยากที่เราจะค้นพบความสุขจากการไม่มี
นั่นคือสุขจากการปล่อยวาง ไม่ยึดถือในสิ่งที่มี
และเพราะเหตุนั้น แม้ไม่มีหรือสูญเสียไป ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้
เกิดมาทั้งที น่าจะมีโอกาสได้สัมผัสกับความสุขจากการให้
และ การไม่มี เพราะนั่นคือสุขที่สงบเย็นและยั่งยืนอย่างแท้จริง

 
(พระไพศาล วิสาโล)
ขอบคุณบทความ ลานธรรมจักร

 
 

151
กรรม คือ การกระทำ
เขียนโดย กรรมลิขิต


กรรม คือการกระทำ ทำดีก็เป็นกรรม ทำชั่วก็เป็นกรรม
ทำดีเรียกว่า กุศลกรรม ทำชั่วเรียกว่าอกุศลกรรม...

บางคนบอกว่า ไม่เชื่อ เรื่องกรรม
บอกว่าอยู่ที่ตัวเราเอง อยู่ที่การทำของเราเอง
ตอบอย่างนี้ ชัดเจนเลยว่า ไม่เข้าใจเรื่องกรรม
ก็การกระทำของคุณนั่นแหล่ะเป็นกรรม
กรรมไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายฝ่ายเดียว หรือไม่ใช่ผลร้ายฝ่ายเดียว
ไม่ใช่ผลของอดีตฝ่ายเดียว ถึงปัจจุบันที่ทำอยู่ก็เป็นกรรม
หรือการกระทำ ทำทางกาย จะดีหรือชั่ว เรียกว่า กายกรรม
(ถ้าทำดี เป็นกุศลกรรม ที่เกิดขึ้นทางกาย
ถ้าทำชั่ว เป็นอกุศลกรรม ที่เกิดขึ้นทางกาย)
ทำทางจาวา เช่น โกหก ด่าคนอื่น หรือสวดมนต์ไหว้พระ เป็นวจีกรรม
ทำทางใจ เช่น พยาบาทคนอื่น อิจฉาคนอื่น
หรือมีเมตตาต่อคนอื่น เป็นมโนกรรม


สรุปก็คือ กรรมที่ทำมี 2 ประเภท คือ ดี กับ ชั่ว
เกิดขึ้น 3 ทาง คือกาย วาจา ใจ
เมื่อเป็นเช่นนี้ จะปฏิเสธการกระทำ (กรรม) ของตนเชียวหรือ
(ในกรรม 12 ที่แบ่งตามประเภทต่าง ๆ
ก็สรุปลงในนี้เหมือนกัน คือฝ่ายดี กับฝ่ายชั่ว)


ขอบคุณบทความจาก ธรรมะคิด

 
 
 

152
สังขารทั้งหลายมันก็เป็นไปตามพระไตรลักษณ์...
มีความเปลี่ยนแปลงเป็นต้น อันนี้ไม่มีใครสามารถจะเถียงได้
แต่ทีนี้ถ้าเราปฏิบัติไม่ถูก ความทุกข์ในธรรมชาตินั้น...
ก็กลายมาเป็นทุกข์ในตัวเรา คนคือเราก็กลายเป็นทุกข์ไป
เพราะว่าปฏิบัติไม่ถูกต่อธรรมชาติ...


แต่ถ้าเราปฏิบัติถูกต้อง..
เราก็ทำให้ทุกข์ที่อยู่ในธรรมชาตินั้นเป็นของธรรมชาติไปตาม
เรื่องของมัน เราไม่พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย
นอกจากไม่พลอยเป็นทุกข์แล้ว...
ยังสามารถปฏิบัติให้เกิดความสุขได้ด้วย
ถ้าปฏิบัติต่อทุกข์ถูกต้อง พระพุทธเจ้าตรัสว่า..เราจะเป็นสุข..


...ทุกขํ ปริญฺเญยยํ....
ทุกข์นั้นพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็น..ปริญไญย..
คือ เป็นสิ่งสำหรับรู้ รู้ทุกข์ คือรู้เท่าทันทุกข์
เรารู้เท่าทันทุกข์แล้วเราก็ไม่เป็นทุกข์...
การรู้จักทุกข์กับการเป็นทุกข์ นี่คนละอย่าง
พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสให้เราเป็นทุกข์ มีแต่ทรงสอนให้เราเป็นสุข
พระองค์ตรัสบอกว่าทุกข์นั้นสำหรับกำหนดรู้
คือให้เรารู้เท่าทันทุกข์ เพื่อเราจะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์เท่านั้นเอง


ถ้าเราปฏิบัติต่อทุกข์ถูกต้อง เราก็เป็นสุข แล้วยิ่งกว่านั้นก็คือ
สามารถทำให้ทุกข์เป็นปัจจัยของความสุขด้วย...
ผู้ที่ปฏิบัติถูกต้อง สามารถทำให้ทุกข์เป็นปัจจัยของความสุข
พระอรหันต์ท่านปฏิบัติต่อทุกข์อย่างถูกต้อง
จนกระทั่งท่านหลุดพ้นจากทุกข์กลายเป็นบุคคลที่มีสุข
โดยสมบูรณ์ทีเดียว....


เพราะฉะนั้น เรื่องทุกข์นี้จึงมีเคล็ดลับอยู่ในตัว คือว่า...
พระพุทธเจ้าตรัสให้เรารู้ทันแล้วก็ปฏิบัติต่อมันให้ถูกต้อง...
เมื่อเราดำเนินชีวิตถูกต้อง คือปฏิบัติต่อทุกข์ถูกต้อง เราก็เป็นสุข
และเราก็มีทุกข์น้อยลงทุกที จนทุกข์หมดไป
จะเหลืออะไร ก็เหลือแต่สุข...ฯ


~พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ :054: :054: :054:

ที่มา ศาลาธรรม


นำมาให้อ่านกันครับ เป็นความรู้เพิ่มเติม ไม่มีเจตนาอย่างใดอย่างหนึ่ง นำมาเพื่อเป็นวิทยาทาน
จึงแจ้งมาให้ทราบกัน ... สวัสดี
:001:
 
 

153
บทความ บทกวี / ...ความพอดี...
« เมื่อ: 29 ก.ย. 2552, 09:52:24 »
สรรพสิ่งในโลกนี้มีสองแง่
ความดีแท้สมบูรณ์ค่าหาไม่เห็น
เอาแต่พอดีงามตามที่เป็น
ไม่ยากเย็นเฟ้นหาถ้าพอใจ


ดีกับเสียมีอยู่คู่กันติด
ถูกกับผิดว่างกับวุ่นขุ่นกับใส
ที่เย็นน้อยเพราะร้อนลนจนเป็นไฟ
สองด้านในความเป็นจริงจากสิ่งเดียว


แดดเป็นตัวเร่งให้ไม้ผลิดอก
แย้มบานออกแดดก็เผาจนเฉาเหี่ยว
ข้าวได้ฝนชูช่อรอคมเคียว
พอน้ำเชี่ยวท่วมนาน้ำตานอง


สรรพสิ่งมีทั้งให้ทั้งทำลาย
ถ้ามากมายเกินพอก็เศร้าหมอง
น้อยก็ทุกข์ทนหามาไว้ครอง
โลกจึงพร่องขาดนิยามความพอดี


แม่รักลูกอยากให้ได้ดังใจแม่
จึงเอาแต่สอนพร่ำคอยจ้ำจี้
แม่ก็ทุกข์ลูกก็ทนทุกข์ทวี
ต่างทุกข์ที่ไม่ได้ดังใจกัน


อย่าหาแต่ข้อเสียของคนอื่น
หาความดีเขาไว้ชื่นชูใจมั่น
ข้อเสียตนหมือนงูชูคอชัน
คอยประจัญทำร้ายทำลายตัว


ธรรมชาติล้วนเป็นเช่นนั้นเอง
ตามบทเพลงเหตุปัจจัยใช่ดีชั่ว
สัจธรรมมีสองด้านอยู่พันพัว
อย่าสุดขั้ววางใจให้พอดี


(พระอาจารย์ชาญชัย อธิปญฺโญ)

คนทุกคนก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่มีใครดีหมดหรือเสียหมด การมองสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง จึงจะมองอย่างเที่ยงธรรม ปราศจากอคติ คนเรามักมองไม่เห็นตัวเองว่าเป็นคนเช่นใด เห็นแต่คนอื่นว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งนี้เพราะเราคุ้นเคยกับการมองเห็นสิ่งนอกตัว ไม่ฝึกมองเห็นสิ่งในตัว การเห็นความผิดตนเอง เห็นข้อบกพร่องของตนเอง จึงจะเป็นประโยชน์ในการแก้ไข ปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น.........(อย่าพร่องดี และอย่าเกินดี แค่พอดี)


อัตตะนา โจทะยัตตานัง ยะทัตตะคะระหิ ตะทะกัพพะ มาโน
จงเตือนตนด้วยตนเอง.....ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น


ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักรดอทเน็ต




154
บทความ บทกวี / ...ทำใจ...
« เมื่อ: 28 ก.ย. 2552, 11:18:11 »
แม้จะอยู่ คนเดี่ยว ไร้ที่พึ่ง
ยังมีหนึ่ง ความดี ได้อาศัย
หากปล่อยตัว ปล่อยกาย ไม่เป็นไร
ถ้าปล่อยใจ ความชั่ว เข้าตัวเรา


 แม้จะอยู่ คนเดียว ไร้ที่พึ่ง
ยังมีหนึ่ง คือสติ อย่าให้เฉา
คอยควบคุม กายใจ ให้เบาเบา
ความโง่เขลา จะหาย ได้ปัญญา


 แม้จะอยู่ คนเดียว ไร้ที่พึ่ง
ควรคำนึง ถึงความดี ที่ใฝ่หา
สลัดสิ้น ความทุกข์ ในกายา
ให้มองหา ความสงบ จบที่ใจ


 แม้จะอยู่ คนเดียว ไร้ที่พึ่ง
ยังมีหนึ่ง ใจใฝ่ดี ที่สดใส
แม้จะทุกข์ จะยาก สักเพียงใด
ขอเพียงใจ เป็นหนึ่ง ก็เกินพอ 



ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักรดอทเน็ต

155



รูปที่ท่านได้เห็นนี้ เป็นลายมือของพระอาจารย์ท่านใดครับ  :062:
วอนผู้รู้ช่วยตอบทีครับ ... ขอบคุณล่วงหน้าครับ

คุณลุงอะเมซิ่ง 2511 รบกวนช่วยตอบทีครับ...ขอบคุณครับ

156



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม


เหรียญมหาโพธิสัตว์กวนอิม (รุ่น มหามงคลสหัสวรรษใหม่ 2000) พ.ศ. 2543
เนื้อเงินลงยา ด้านหน้าพระโพธิสตว์ ด้านหลัง มังกรทอง
จำนวนการสร้าง 5,000 เหรียญ


วัตถุประสงค์การสร้าง
เพื่อหาทุนทรัพย์ซ่อมและสร้างถาวรวัตถุอื่น ๆ ที่หลวงพ่อให้การอุปถัมภ์อยู่ เช่น อุโบสถเอนกประสงค์ วัดนก เป็นต้น




รูปหล่อเจ้าแม่กวนอิม เนื้อเงิน ปี 2537




เจ้าแม่กวนอิม พิมพ์สี่เหลี่ยม เนื้อผงพุทธคุณ สร้างโรงเรียน ปี 2533

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

157
บทความ บทกวี / ...มนต์แก้บาดหมาง...
« เมื่อ: 24 ก.ย. 2552, 06:27:36 »
ยามเมื่อเขาและเราเริ่มบาดหมาง
รีบหาทางจางคลายไม่หุนหัน
เติมเชื้อไฟร้อนร้ายเข้าใส่กัน
เพราะว่านั่นเป็นทางออกที่หมองมัว


ขาด่าเราอย่าใจเบาเข้ายึดติด
มาปรุงคิดมากมายให้ปวดหัว
ไปโกรธตอบด่าตอบไปรอบตัว
จะพาลกลั้วบาดหมางไม่สร่างนะ


ฟังเสียงด่าเป็นดั่งเสียงสวดมนต์
มองทุกคนให้เห็นเป็นพุทธะ
รักชอบชิงชังห่วงห่างนั่นหนะ
อยู่ที่ว่าเราจะยึดมั่นเพียงใด


ยามเมื่อเขาด่าเราเร้าบาดหมาง
อย่าหลงทางตามเขาเฝ้าวิ่งไล่
เราไม่ผิดให้นิ่งเฉยไม่ร้อนใจ
ไม่เป็นไรให้เป็นเช่นฟังมนต์


เขาด่าเราหากเรานั้นทำผิด
อย่าหงุดหงิดงุ่นง่านพาลสับสน
ขอบคุณเขาเขาเตือนเราให้ปรับตน
เป็นดังมนต์เลิศค่าราคาธรรม


มองทุกคนให้เห็นเป็นพุทธะ
อย่าตรรกะมองใครในทางต่ำ
เคารพเขาเคารพเราเคารพธรรม
ย่อมน้อมนำสันติสุขทุกสังคม


มองทุกคนให้เห็นเป็นพุทธะ
แล้วท่านจะสุขใจไม่ขื่นขม
ฟังเสียงด่าทั่วไปคล้ายคำชม
ความหมองตรมบาดหมางย่อมจางคลาย


สิริมงคล

ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักรดอทเน็ต

158
อย่ามีชีวิตเหมือนลูกตุ้มนาฬิกา เหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวา รักสุด เกลียดสุด  ทางสายกลางอยู่ที่ไหน?

ทางสายกลางต้องอยู่ที่ตอนทำเหตุ อยู่ที่ตอน

กระทบ ตากระทบรูป หูกระทบเสียง จมูกกระทบกลิ่น ลิ้นกระทบรส กาย

กระทบร้อน เย็น แข็ง อ่อน หย่อน ตึง ใจกระทบธรรมารมณ์ เวลากระทบ

ไม่ว่าทางใดก็ตาม


จะมีวิญญานการรับรู้เกิดขึ้น ตอนนี้แหละสำคัญมาก
ถ้าคุณฝึกฝนที่จะมีสติปัญญา รู้เท่าทันการกระทบ ไม่เดี๋ยวก็ฟู เดี๋ยวก็แฟบ

ไม่เพลินอยู่กับเวทนาที่ชอบ ที่ชัง ถ้าคุณฝึกหัดขัดเกลาอยู่เสมอ คุณจะ

ไม่มีรักสุด เกลียดสุด คุณจะมีแต่ความเข้าใจในทุกเรื่องว่ามันมีเหตุด้วย

ความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมในทุกขณะจิต คุณจะมีชีวิตที่อิสระ ชีวิตจะ

ไม่ขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้อื่น แต่จะสุขหรือทุกข์ขึ้นอยู่กับการกระทำของ

คุณเอง ขอให้รู้จักเมตตาต่อตัวคุณเอง

  
 ขอให้คุณลองฝึกที่จะรักตัวคุณเองให้เป็น แล้วคุณจะเข้าใจที่จะรักคน

อื่น ๆ และรักได้ทั้งโลกเลยทีเดียว จะไม่เลือกปฏิบัติ จะเป็นความรักที่มีสติ

ปัญญา เกลียดจะไม่มี จะมีแต่ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เพราะสิ่งนี้มี สิ่ง

นี้จึงมี สิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จะมีได้อย่างไร


  คัดจาก "เพื่อนทุกข์ ๒ " โดย แม่ชี ศันสนี เสถียรสุต
 
 
  

159
บทความ บทกวี / .....ถ้าคุณท้อ.....
« เมื่อ: 24 ก.ย. 2552, 06:03:48 »
ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา...
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ


ถ้าโกรธกับเพื่อน. . . มองคนไม่มีใครรัก
ถ้าเรียนหนัก ๆ . . . มองคนอดเรียนหนังสือ
ถ้างานลำบาก . . . มองคนอดแสดงฝีมือ
ถ้าเหนื่อยงั้นหรือ . . . มองคนที่ตายหมดลม


ถ้าตังค์ไม่มี . . . มองคนขอทานข้างถนน
ถ้าหนี้สินล้น . . . มองคนแย่งกินกับหมา
ถ้าข้าวไม่ดี . . . มองคนไม่มีที่นา
ถ้าชีวิตแย่ . . .มองคนที่แย่ยิ่งกว่า


อย่ามองแต่ฟ้า . . .ที่สูงเกินตาประจักษ์
ความสุขข้างล่าง . . . มีได้ไม่ยากเย็นนัก
เมื่อรู้แล้ว . . . จัก . . . ภาคภูมิชีวิตแห่งตน



ขอบคุณสาระแนดอทคอม
 
 

160
คนเราจะมีการสร้างความคุ้นเคยกับสิ่งต่าง ๆ ...
และมีการสูญเสียความคุ้นเคย ในบางอย่างเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย...
ซึ่งมันคือหลักฐานในการยืนยันว่าเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตเป็นแค่สิ่งชั่วคราว..
สุดท้ายแล้ว...ไม่มีอะไรตั้งมั่นอยู่ได้อย่างถาวร...
แต่ถึงแม้จะรู้ว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งถาวร
เรายังกลัวจะเสียบางความคุ้นเคยไป
ขณะเดียวกันมีบางความคุ้นเคย หล่นหายโดยไม่รู้ตัว...
เนื่องจากเรายึดความคุ้นเคยแต่ละชนิด ด้วยการถือมั่นไม่เท่ากัน...
แต่ละคนมีวิธีจัดการเรื่องชั่วคราวที่อยู่ในชีวิตได้ไม่เหมือนกัน
มีทั้งคนที่จัดการได้ดีและคนที่จัดการอะไรไม่ได้เลย
บางเรื่อง (ชั่วคราว) ที่สูญหายไปทำให้คนเราพ่ายแพ้อย่างยาวนาน...


 มนุษย์ไม่ควรรู้สึกพ่ายแพ้ติดต่อกันนาน ๆ ...
และการรู้สึกแพ้นั้นเราจะรู้สึกเกินกว่าสถานการณ์จริงเสมอ
แพ้แค่ 3 ก็อาจรู้สึกว่าแพ้ถึง 10
ชีวิตคือการเดินทางผ่านเรื่องชั่วคราวจำนวนมาก
และสุดท้ายชีวิตของเราแต่ละคนก็เป็นเรื่องชั่วคราว...
ถ้าเราตระหนักให้รู้ชัด ๆ ว่ามันชั่วคราว..
ความทุกข์ในใจก็จะลดน้อยลงทันตาเห็น
แต่อย่างว่า...เราตระหนักกันไม่ได้...
เพราะไม่ยอมเรียนรู้ถึงความชั่วคราวในชีวิตอย่างจริงจัง
แทบทุกวันเราจึงเอาเป็นเอาตายกับเรื่องต่าง ๆ
ราวกับเรื่องเหล่านั้นคือความคงทนถาวรที่จะดำรงอยู่ตลอดไป
ที่บอกว่า "เอาเป็นเอาตาย" ไม่ได้เกินความเป็นจริงเลย...


 เด็ก ๆ เอาเป็นเอาตายกับการเรียนพิเศษ...
ผู้ใหญ่เอาเป็นเอาตายกับการทำงาน...
ผู้ชายเอาเป็นเอาตายกับความใคร่...
ผู้หญิงเอาเป็นเอาตายกับความรัก...
บางเวลารู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
และกำลังเป็นอยู่ ในชีวิตคนเราล้วนเพ้อไปทั้งนั้น...
ถ้าหยุดเพ้อลงบ้างก็ดี..การเกลียดใคร หรือรักใคร ก็เป็นการเพ้อ...
ทั้งความรักและความเกลียดไม่ใช่สิ่งถาวร...มันเพิ่มขึ้น...ลดลง...สูญหายได้
การเข้าไปยึดถือ และแบกเอาไว้ ทำให้ชีวิตมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น...
อยู่อย่างเบา ๆ สบายตัวดีกว่า...โปรดสังเกตเวลาที่เราโกรธหรือเกลียดใคร
ความไม่สบายใจ...ความขุ่นข้องใจ...ความหนักใจก็จะเกิดขึ้นในทันที...


ขอบคุณบทความจาก..ทำดีดอทเน็ต


161



พ่อ : รู้มั้ยลูก...ทำไมน้ำตกถึงสวย...

ลูก : ก็เพราะมันเป็นน้ำตกไงคะพ่อ...


พ่อ : ไม่ใช่หรอกลูก..
.
…ที่น้ำตกสวยน่ะ... …เพราะน้ำตกไม่ยอมเก็บน้ำไว้ในชั้นของตัวเองต่างหาก...


ลูก : หมายความว่าไงคะพ่อ...

พ่อ : ลูกสังเกตไหมล่ะว่า...


…เวลาน้ำตกตกลงมาจากชั้นหนึ่งแล้ว...
…น้ำนั้นก็จะถูกส่งต่อลงไปอีกชั้นหนึ่งทันที..
…เพราะวิธีนี้ที่น้ำตก...ไม่เห็นแก่ตัว...
…แต่ยอมส่งน้ำที่ตกมาจากชั้นอื่น..แล้วส่งต่อกันไปเรื่อย ๆ อย่างนี้..
…น้ำตก..ถึงสวย...
…และน้ำตก..จึงยังคงเป็นน้ำตก...ที่มีเสน่ห์..ไงละ


ข้อคิดจากเรื่องนี้...

อย่าลืมน่ะลูก...
ถ้าลูกอยากให้ตัวเองเป็นคนที่น่ารัก...
ลูกควรจะเป็นอย่างน้ำตก..
หากมีสิ่งดี ๆ ตกมาถึงตัวลูก...
อย่าเก็บสิ่งดี ๆ นั้นไว้..คนเดียว..
ลูกต้องเรียนรู้ที่จะ...แบ่งปัน...ออกไปให้มากที่สุด
มีก็แต่คนที่ "ให้" ออกไปเท่านั้นแหละ...ลูก..
จึงจะเป็นคนที่ "ได้รับ" อย่างแท้จริง...


ว.วชิรเมธี
จากธรรมะสวัสดี
บทความจากทำดีดอทเนต

162
บทความ บทกวี / ...มีคนไม่กี่คน ! ...
« เมื่อ: 16 ก.ย. 2552, 08:26:27 »
มีคนไม่กี่คน ! ที่ตระหนักรู้ว่า แท้ที่จริงนั้นเรามีเวลาอยู่ในโลกเพียงน้อยนิด, เราเกิดมาทำไม, และเราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในช่วงเวลาอันแสนสั้นนั้น ?

ชีวิตจะเป็นสุข...เมื่อมองทุกข์อย่างเข้าใจ

การที่เราจะมีความสุขในชีวิตหรือไม่นั้น
สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่จิตใจ และความคิดของตนเอง

หากคิดแต่เรื่องดีๆ
ชีวิตก็มีความสุขและมีความทุกข์อย่างเข้าใจ

ถ้าหากกำลังมีทุกข์
ขออย่าคิดว่าทุกข์ของตนเองมากมายกว่าผู้อื่น

ให้เพียรพยายามคิดว่าผู้อื่นก็มีทุกข์ไม่น้อยไปกว่า
หรืออาจจะหนักหนาสาหัสกว่าเสียอีก


หากนำความทุกข์ไปเปรียบกับผู้ที่แย่กว่า
จะช่วยให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้น
และรู้สึกว่ายังโชคดีกว่าอีกหลายๆ คน



ดังเช่นที่นักปราชญ์เคยกล่าวเอาไว้ว่า :


"ในขณะที่ท่านกำลังร้องห่มร้องไห้เพราะไม่มีรองเท้าใส่
ท่านควรคิดถึงคนที่เขาไม่มีแม้กระทั่งเท้า

หรือหากท่านเสียใจที่ไม่มีเท้า
แต่ยังมีอีกหลายคนที่ไม่มีทั้งเท้าและทั้งแขน"


หรือหากทำงานและธุรกิจล้มเหลวก็ขอให้คิดว่า
ความผิดพลาดและล้มเหลว
คือบทเรียนเริ่มต้นของความสำเร็จ


เหมือนคำกล่าวที่ว่า :

"บทเรียนชีวิตที่ดีที่สุด
ล้วนได้มาจากความผิดพลาดล้มเหลวของตนเอง
ความโง่เขลาเบาปัญญาและความผิดพลาดในอดีต
จะกลายเป็นสติปัญญา และความสำเร็จในอนาคต"


ศาลาธรรม


163
บทความ บทกวี / ...ทำดี ดีกว่าขอพร...
« เมื่อ: 14 ก.ย. 2552, 09:19:59 »
"จงเลือกทำแต่กรรมที่ดีๆนะ"....
เตือนให้เตรียมตัวไว้ดำเนินชีวิตต่อไป เป็นคำแทนคำอวยพร
อย่างสูงสุดประกอบด้วยเหตุผล...
เมื่อทำกรรมดีแล้ว ไม่ให้พรก็ต้องดี...
เมื่อทำชั่วแล้ว จะมาเสกสรรปั้นแต่งอวยพรอย่างไรก็ดีไม่ได้


ทำชั่วเหมือนโยนหินลงน้ำ...หินก็ต้องจมทันที
ไม่มีผู้วิเศษใดๆ จะมาเสกเป่าอวยพรอ้อนวอนขอร้อง
ให้หินลอยขึ้นมาได้ ทำกรรมชั่วก็จะต้องล่มจมป่นปี้
เสียราศี เกียรติคุณ ชื่อเสียง....
เหมือนก้อนหินหนักจมลงไปอยู่กับโคลนใต้น้ำ...



ทำดีเหมือนน้ำมันเบา....
เมื่อเทลงน้ำย่อมลอยเป็นประกายมันปลาบอยู่เหนือน้ำ...
ทำกรรมดีย่อมมีสง่าราศี มีเกียรติคุณ ชื่อเสียง
มีแต่คนเคารพนับถือยกย่องบูชา...
เฟื่องฟุ้งฟูลอยน้ำเหมือนน้ำมันลอย....


ถึงจะมีศัตรูหมู่ร้ายจงใจเกลียดชังมุ่งร้าย อิจฉาริษยาแช่งด่า
ให้จมก็ไม่สามารถจะเป็นไปได้ กลับจะแพ้เป็นภัยของตัวเอง...
ขอให้จงตั้งใจกล้าหาญพยายามทำแต่กรรมดีๆ
โดยไม่มีความเกรงกลัวหวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆทั้งสิ้น


ผู้ที่มีความเลื่อมใสในคุณพระรัตนตรัย ผู้ที่มีโชคดี
ผู้ที่มีความสุขและผู้ที่มีความเจริญประสงค์ใดสำเร็จสมประสงค์
ก็คือ...ผู้ที่ประกอบกรรมทำแต่ความดีอย่างเดียวนั่นเอง...ฯ


พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต...ตรึก จินตยานนท์
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
:054: :054: :054:






 
 
  

164
ผู้ใดมาถึงพระพุทธเจ้า...พระธรรม...พระสงฆ์..
เป็นสรณะที่พึ่งแล้ว ผู้นั้นย่อมชนะได้ซึ่งความร้อน...


'อุณหัสส'คือความร้อนอันเกิดแก่ตน มีทั้งภายในและภายนอก
ภายนอกมีเสือสางค่างแดง ภูตผีปีศาจ เป็นต้น...
ภายในคือ กิเลส...วิชัยคือ ความชนะ...
ผู้ที่มาน้อมเอาสรณะทั้งสามนี้เป็นที่พึ่งแล้ว...
ย่อมจะชนะความร้อนเหล่านั้นไปได้หมดทุกอย่าง
ที่เรียกว่า.....'อุณหัสสวิชัย'....


พระธรรมเป็นของยิ่งในโลกทั้งสาม...
สามารถชนะซึ่งความร้อนนอกร้อนใจอันเกิดแต่ภัยต่างๆ
จะเว้นห่างจากอันตรายทั้งหลาย คืออาชญาของพระราชา
เสือ สาง นาค ยาพิษ ภูตผีปีศาจ...


หากว่ายังไม่ถึงคราวถึงกาลที่จักตายแล้ว ก็จักพ้น
ความตายด้วยอำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์...
ที่ตนน้อมเอาเป็นสรณะที่พึ่งที่นับถือนั้น...

ความข้อนี้มีพระบาลีสาธกดังจะยกมาอ้างอิง
ในสมัยเมื่อสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์
หนุ่ม 500 รูป ประทับอยู่ในราวป่ามหาวันใกล้กรุงกบิลพัสดุ์
เทวดาทั้งหลายพากันมาดูแล้วกล่าวว่า....


'บุคคลบางพวกหรือบุคคลไรๆ มาถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ
ที่พึ่งแล้ว บุคคลเหล่านั้นย่อมไม่ไปสู่อบายทั้งสี่ มีนรกเป็นต้น
เมื่อละร่างกายอันเป็นของมนุษย์นี้แล้ว...
จักไปเป็นหมู่แห่งเทพยดาทั้งหลายดังนี้..


สรณะทั้งสามคือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
มิได้เสื่อมสูญอันตรธานไปไหน ยังปรากฎอยู่แก่ผู้ปฏิบัติเข้าถึง
อยู่เสมอ ผู้ใดมายึดถือเป็นที่พึ่งของตนแล้ว...
ผู้นั้นจะอยู่กลางป่าหรือเรือนว่างก็ตาม
สรณะทั้งสามก็ปรากฎอยู่แก่เราทุกเมื่อ...


จึงว่า...เป็นที่พึ่งแก่บุคคลจริง เมื่อปฏิบัติตามสรณะทั้ง3จริงๆ
จะคลาดแคล้วแก่ภัยทั้งหลาย อันก่อให้เกิด...
ความร้อนนอกร้อนใจได้แน่นอนทีเดียว....ฯ'


ธรรมเทศนา...หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
:054: :054: :054:


165
บทความ บทกวี / ...ข้อความง่ายๆ...
« เมื่อ: 13 ก.ย. 2552, 07:48:04 »
การที่จะฝึกตนเองให้มีความเข้มแข็งนั้นต้องมีความอดทนคือต้องมีขันติ

การที่จะไม่ให้เผลอต้องฝึกอบรมสติ

การให้อาหารใจเรานั้นก็คือการทำสมาธิ

ถ้าจะให้ฉลาดต้องหมั่นศึกษาหาความรู้


งานทุกอย่างจะสำเร็จได้ต้องมีความพากเพียร

ในชีวิตเรานั้นถ้าทำการงานต่างๆถ้าเกินกำลังก็ควรที่จะวางเฉย

การหมั่นให้ทานเป็นการลดความ


ตระหนี่ถี่เหนียว

การรักษาศีล


นั้นมีความหมายว่าข้อปฏิบัติแต่ละข้อนั้นต้องเป็นสิ่งที่ปกติ

ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์นั่นเองส่วนการทำสมาธินั้นให้เกิดความสงบ


ส่วนวิปัสสนานั้น

ทำให้เกิดปัญญา


ขอบคุณบทความจาก ธรรมะไทย

166

 
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

พระผงปิดตาจัมโบ้ รุ่น 1 พิมพ์ขนมเปี๊ยะ ประจุพลอย 5 เม็ด
ผงพุทธคุณ สร้างในปีพ.ศ.2536 จำนวนการสร้าง 500 องค์


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี         


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

167
รู้ทันรู้เท่า รู้เท่ารู้ทัน

"....ในเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ที่กระทบจิตใจของเรา
ถ้าเราไม่รู้ทันไม่รู้เท่าต่อสิ่งนั้น
สิ่งนั้นก็ทำให้เราเป็นปัญหา
พูดภาษาง่ายๆว่า...'มันกัดเรา'...ได้

เราก็เจ็บ...เราก็เป็นทุกข์
เพราะการถูกกัดจากอารมณ์เหล่านั้น
แต่ถ้าเรารู้ทันรู้เท่า...
ก็จะไม่เกิดความเสียหาย

การที่จะรู้ทันรู้เท่าต่อสิ่งเหล่านั้น
ก็โดยอาศัยการศึกษาธรรมะให้เข้าใจ
หลักธรรมะของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ไม่ได้สอนอะไรไกลจากตัวเรา

สอนเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเราทั้งนั้น
เรื่องเกี่ยวกับชีวิต...
เรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต
เรื่องของสิ่งนั้น และเรื่องวิธีการแก้ไข...."


~พระพรหมมังคลาจารย์ (หลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ)~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
 
  :054: :054: :054:
 

168
บทความ บทกวี / .....ยุบ..หรือไม่ยุบ...
« เมื่อ: 11 ก.ย. 2552, 09:29:09 »
โลกธรรม คือ..สิ่งที่เกิดขึ้น...
ในโลกแห่งความเป็นจริง..ตามความเป็นจริง..
ดังที่พระพุทธองค์ ทรงตรัสไว้ว่า..
>>>….มีลาภ - เสื่อมลาภ
>>>….มียศ – เสื่อมยศ
>>>….มีสรรเสริญ - มีนินทา
>>>….มีสุข – มีทุกข์


ขอให้พวกเราพึงทำความเข้าใจว่า...
เวลาใดที่เราเจริญด้วยลาภ ยศ ชื่อเสียง เงินทอง
มีคนสรรเสริญ..มีความสุขสนุกสบาย...

ให้สังเกตดูสภาวะทางจิตใจของเราเป็นอย่างไร ???
>>>….อารมณ์..หรือ..ความรู้สึก..
>>>….มันฟูขึ้น..หรือ..ยุบลง..


มันเป็นอย่างไร ??? เกิดขึ้นอย่างไร ???
>>>….ให้กำหนดรู้อย่างนั้น...
>>>….โดยความเป็นจริง..อย่างเท่าทัน...


หรือเมื่อใดที่เราเสื่อมจากลาภ ยศ สรรเสริญ
ถูกปลดจากตำแหน่งหน้าที่การงาน..
ถูกคนกล่าวร้ายป้ายสี..หรือ..ถูกนินทา..
จนทำให้เกิดความทุกข์ ท้อแท้ใจในชีวิต..
>>>….ก็ให้เรารู้เท่าทัน...ตามสภาวะของจิตใจ..
>>>….ตามความเป็นจริง..
>>>….ที่ไม่มีใครหนีพ้นจากโลกธรรมทั้ง ๘ นี้ได้..


ดังนั้น..ในโลกแห่งความเป็นจริง..
ตามโลกธรรม ๘ ประการนี้..
ไม่มีใครที่จะสุขสบายตลอดเวลา...
และก็ไม่มีใครที่จะทุกข์ตลอดเวลาเช่นกัน..
>>>….มีขึ้น..มีลงบ้าง...
>>>….มีฟูขึ้น..มียุบลงบ้าง..เป็นธรรมดา...


ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น..
ขอให้เราเรียนรู้อย่างเท่าทัน...
ตามความเป็นจริง...เมื่อสภาวะจิตใจฟูขึ้น...
>>>….และจงเตรียมใจรับมือ..
>>>….เมื่อคราวที่สภาวะจิตใจยุบหรือแฟบลง..
>>>….จะได้ไม่เป็นทุกข์ หรือดีใจจนเกินไป..


บทความ...โดย..ชายน้อย..
ขอบคุณบทความจาก ธรรมะไทย

169
เผาศพทั้งที เผาผีเสียบ้าง

การมาเผาศพ คนโบราณเขาว่าได้อานิสงส์มาก...
อานิสงส์มันอยู่ที่ตรงไหน...?
ก็อยู่ตรงที่เราได้ปัญญา ได้จัดความรู้ความคิดเกี่ยวกับศพ
เอามาเป็นเครื่องเตือนใจแล้วเรานำไปประพฤติปฏิบัติ...


ถ้ามาเผาเฉยๆ กลับไปเราก็ได้แต่เพียงว่าได้ประโยชน์ทาง
สังคมเท่านั้นเอง เจ้าภาพเห็นหน้าว่า...
"อ้อ! คนนั้นก็มา คนโน้นก็มา"...สบายใจแพล็บหนึ่ง
แล้วมันก็หายไป ไม่มีอะไรมากนัก...


แต่เราผู้มานี่ควรจะได้ปัญญาด้วยการมองสิ่งที่วางอยู่
เฉพาะหน้า เช่น...ศพ เครื่องประดับศพ อะไรต่างๆ
ล้วนแต่เป็นธรรมะ เป็นเครื่องเตือนใจทั้งนั้น...
กำลังพูดจ้ออยู่ตลอดเวลา แต่ว่าบางทีเราไม่ได้เปิดหูฟัง
เรามีตาแต่ดูไม่เข้าใจ,มีหัวใจแต่ว่าคิดไม่รู้,เลยไม่ได้เรื่องอะไร


จึงขอเตือนญาติโยมว่า ทุกครั้งที่เรามาป่าช้า...
มาในงานศพนี่ขอให้คิดเอาศพเป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจ
ให้เกิดปัญญาความคิดความอ่าน แล้วมีความไม่ประมาท
ในความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน....สมมุติว่าเราเป็นคนมี
อะไรบกพร่องอยู่ในตัวบ้าง...? ประพฤติไม่ค่อยดีไม่ค่อยงาม
ทำตนให้เสียหาย ทำชื่อเสียงให้เสียหาย เมื่อเรามางานศพ
เราก็มองให้เห็นว่าสิ่งนั้นไม่ดีเอาไปเผาเสียด้วย...


ญาติโยมโดยมากก็เอาดอกไม้จันทน์ไปสักการะศพ...
เอาธูปเทียนไปวาง อันนั้นเขาเรียกว่าเผาหลอก แล้วก็เผาจริง
กันอีกทีหนึ่ง เผาจริงๆแท้ๆนั้นไม่ใช่เผาศพ...


เราควรจะมาเผาอะไรๆเสียด้วย...
อะไรๆที่เราควรเผาน่ะ มันคืออะไร...?
คือ สิ่งชั่วร้ายที่มีอยู่ในใจเรานี่แหละ ที่เขาพูดกันง่ายๆ
ว่าไปเผา...'ผี'...นั่นแหละ
ศพ...ไม่ใช่ผี แต่'ผี'นั่นคือ ความชั่วที่อยู่ในตัวเรา...


ผีเหล้ามันเป็นสิ่งชั่ว ผีการพนัน ผีขี้เกียจ ผีเที่ยวกลางคืน
ผีใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ผีไม่เอาการเอางาน...เหล่านี้
ความชั่วน่ะ คือผี ความดีน่ะคือพระ...
ถ้าเรามีความชั่ว ก็คือเรามีผี บางคนเลี้ยงผีตลอดเวลา
เขาเรียกว่าเป็น 'หมอผี' เลี้ยงผีเหล้าไว้ เลี้ยงผีการพนันไว้
เลี้ยงผีเที่ยวกลางคืนไว้ เลี้ยงผีสุรุ่ยสุร่ายไว้ เลี้ยงผีขี้เกียจ
ไม่เอาการไม่เอางานไว้ นี่คือผีทั้งนั้น...


อย่าเลี้ยงมันไว้ เพราะถ้าเอาไว้มันจะทำลายเรา...
แต่ถ้าเราทำลายมันเสียเราก็จะสบาย...เพราะฉะนั้น
ในเวลาที่มาเผาศพ เราก็ควรเผาผีในตัวเราเสียด้วย
ผีอะไรอยู่ในตัวเรา เราก็ต้องนั่งพิจารณาด้วยตัวของเราเอง
แล้วตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่า...
"กูเผาอย่างเด็ดขาดเลยวันนี้ ไม่เอากลับไปบ้านอีกต่อไป"



กลับไปถึงบ้าน ถ้าเราเป็นพ่อบ้าน ไปถึงบ้านก็เรียกแม่บ้าน
มาบอกว่า..."น้อง! พี่ไปเผาผีวันนี้ได้กำไรชีวิตกลับมาแล้ว"
เมียก็คงจะถามว่าได้อะไร...ฉันไปฟังเจ้าคุณปัญญามา...
ท่านมาเทศน์หน้าศพ ท่านบอกให้เผาผีเสีย...


พี่นี่มันก๊งเช้า ก๊งเย็น เลิกกันที ช่วยจำไว้ด้วยนะ ช่วยเตือน
ด้วย เผื่อมันจะเผลอไปในตอนเช้า พอตื่นเช้ามันจะเผลอไป
ก๊งเข้า พอตื่นขึ้นช่วยเตือนนะว่า ผีตัวนั้นเผาแล้ว อย่าเอา
คืนเข้ามาอีก....ช่วยกันเป็นพยาน ช่วยบอกช่วยเตือน...


ใครมีอะไรก็เผากันให้หมดแหละ เลิกมันเสียเลย...
อย่างนี้แหละเรียกว่ามาเผาศพได้กำไร ได้ประโยชน์ ได้อานิสงส์
บางคนเผามาไม่รู้กี่ศพแล้ว ก็ยังเหมือนเดิมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
ขี้เมาอยู่อย่างนั้น ไม่เอาการเอางานอยู่อย่างนั้น...
อย่างนี้เขาเรียกว่าหลับตาไปเผาผี เลยผีไม่ถูกเผา...
ตัวเรามันถูกเผาเสียแย่ไปเลย...
คนโบราณเขาว่าอย่างนั้น...ผีเผาคน ไม่ใช่คนเผาผี...
เราอย่าให้ผีเผาเรา แต่เราควรช่วยกันเผาผี......ฯ


ปาฐกถาธรรมในงานศพ...วันที่ 4 มีค. 2516...
โดย  หลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ

170






การ์ตูนผลงานคุณ "ราชาวดี"
ที่ลงในนิตยสารออนไลน์ธรรมะใกล้ตัว
ฉบับที่ 36 คอลัมน์ สัพเพเหระธรรม

171


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

ปู่ฤาษีประสิทธิมนต์ (เนื้อนวะโลหะ) วัดบางพระ นครปฐม
จัดสร้างในปีพ.ศ.2541
สมทบทุนสร้างปราสาทหินอ่อน
ลักษณะองค์ปู่ฤาษีนั่ง ยกแขนชี้นิ้ว ใต้ฐานฝั่งตะกรุดเงิน 2 ดอก ผสมเส้นเกศาหลวงปู่


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        



งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น


172
เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง
เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน
ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ


ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา
เปรมปรีดา คืนวัน สุขสันต์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า
ใครมีเข้า ควรเรียก ว่าผีสิง


เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง
แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย
คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก
จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย
ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือนเอยฯ


พุทธโอวาทคำกลอนของ...หลวงพ่อพุทธทาส

173
บทความ บทกวี / ...บ้านที่แท้จริง...
« เมื่อ: 01 ก.ย. 2552, 07:52:51 »
บ้านอยู่ในโลกมันก็เป็นไปตามโลกนั่นแหละ
บางคนก็ลืมนะ...ได้บ้านใหญ่บ้านโต สนุกสุขสำราญ...
ลืมบ้านจริงๆของเรา...
บ้านที่จริงของเราอยู่ที่ไหน...?
บ้านที่จริงของเราคือ...มีความรู้สึกที่มันสงบ
คือ...'ความสงบนั่นแหละเป็นบ้านของเราจริงๆ'...


บ้านที่เราอยู้นี้ หรือบ้านที่ไหนอะไรก็ตามทีเถอะ...
บ้านก็สวย แต่อยู่กันไม่ค่อยสงบ...
เดี๋ยวก็เพราะอันโน้น เดี๋ยวก็เพราะอันนี้
เดี๋ยวห่วงอันนั้น เดี๋ยวห่วงอันนี้อยู่อย่างนี้...


เรียกว่าไม่ใช่บ้านเรา...ไม่ใช่บ้านข้างใน
มันเป็นบ้านข้างนอก...
อีกประเดี๋ยววันใดวันหนึ่งเราก็เลิกมันเท่านั้นแหละ...
บ้านนี้เราอยู่ไม่ได้หรอก...มันเป็นบ้านของโลก...
ไม่ใช่บ้านของเรา...


บ้านข้างในก็คือสกลร่างกายของเรานี้เอง...
ก็ยังเห็นว่าเป็นตัวเป็นตน...เป็นเราเป็นเขาอีก...
อันนี้ก็เป็นบ้านหลังหนึ่งซึ่งติดอยู่กับตัวของเรา...
ที่เราเข้าใจว่าตัวเราของเรานี้...อันนี้ก็ไม่ใช่อีก


อันนี้ก็เป็นบ้านของโลก...
ไม่ใช่บ้านของเราอย่างแท้จริง...
อย่างนั้นคนจึงชอบแต่จะสร้างบ้านข้างนอก...
ไม่ชอบสร้างบ้านข้างใน...


บ้านที่อยู่จริงๆ ให้มันสงบจริงๆ...
ไม่ค่อยจะเห็นกัน ไม่ค่อยจะสร้างกัน...
ไปสร้างแต่ข้างนอก ก็เพราะมันเป็นอย่างนี้แหละ....ฯ


ธรรมเทศนา...พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
:054: :054: :054:

174











การ์ตูนผลงานคุณ "กะว่าก๋า"
ที่ลงในนิตยสารออนไลน์ธรรมะใกล้ตัว
ฉบับที่ 48 คอลัมน์ สัพเพเหระธรรม

175



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

อิทธิมงคลเสาร์ ๕
สมทบทุนสร้างโรงพยาบาล
หลวงพ่อเปิ่น อธิษฐานจิตภาวนาปลุกเสกเดี่ยว วันเสาร์ ๕....วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๓๖


เหรียญมหาเศรษฐี ๓ เสือ เต็มองค์ มีห่วง ขนาด ๓ ซม.
เนื้อเงินลงยา,เนื้อเงินลงยาหน้ากากทองคำ (ชุดกรรมการ)


จากกล่องเดิม ๆ ครับ (ส่วนเหรียญที่ไม่เลี่ยมล้างครับผม)
นำมาให้ชมกันใหม่ครับเนื่องจากมีการผิดพลาดของระบบครับ....... :001: :001: :001:

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น



176
บทความ บทกวี / .....ใครทำ ใครได้.....
« เมื่อ: 16 ส.ค. 2552, 07:09:38 »
บุคคลผู้ที่จะได้รับประโยชน์จาก...'ธรรมะ'
...จาก...'หลักธรรม'...
คำสั่งสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า...

คือ...'ผู้ที่รู้แล้วพึงปฏิบัติทำตามที่รู้'...
ไม่ว่าจะเป็นสตรี...
ไม่ว่าจะเป็นบุรุษ...

ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่ม...
ไม่ว่าจะเป็นคนสาว...
ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่า หรือผู้แก่...

ทุกคนล้วนมีสิทธิเท่าเทียมกันหมด...
ในการที่จะปฏิบัติธรรม...
และในการที่จะได้รับผลประโยชน์แห่งธรรม...

อันเหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมของตน...
เหตุเพราะ...
ธรรมะของพระพุทธเจ้า...

ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชังในการให้ผล...
ผู้ใดพึงทำพึงปฏิบัติ...ผู้นั้นพึงจะได้รับผล
กล่าวคือ...ใครทำ ใครได้...


ใครไม่ทำ ก็ไม่ได้....ยุติธรรมที่สุด
จะปฏิบัตเช่นไร ก็ตามแต่จริตของแต่ละบุคคล...
เพราะ....พระตถาคตเจ้าทั้งหลาย...
ทรงชี้ทาง...ทรงแนะนำเหตุและผลไว้ให้แล้ว...

ขึ้นอยู่ที่ว่า....
จะทำ...หรือ...ไม่ทำ
จะปฏิบัติ...หรือ....ไม่ปฏิบัติ...ฯ


ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
ที่มา : ศาลาธรรม

177



ที่มา : ธรรมจักรดอทเนต







178


กราบนมัสการ หลวงพ่อเสือ วัดบางแวก  :054: :054: :054:
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ของชาวบางแวก
ซึ่งในคราวหนึ่งเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่คนไทยเชื้อสายจีนเรียกว่า "เสด็จเตี่ย" ได้ชลมารคผ่านมาทางคลองบางแวกพอมาถึงวัดเรือพระที่นั่งก็เกิดอุปสรรค ไม่สามารถไปต่อได้จึงขึ้นมาชมบริเวณรอบๆ วัดบางแวก เข้าไปกราบพระในพระวิหาร เห็นพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ดำไม่สุกใส เหมือนองค์อื่นๆ

ต่อมา จึงได้สั่งให้ทำพิธีเททองทับก็ไม่สุกดังตั้งใจ จึงสั่งให้เททองทับอีกสองครั้ง ก็ไม่สุกอีก ทรงขนานนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า "พระพุทธรูปหลวงพ่อเสือ" วัดบางแวก ยังมีมรดกอันทรงคุณค่า ที่ได้อนุรักษ์สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันหลายอย่าง คือพระพุทธรูปและศาลาการเปรียญซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี ซึ่งปัจจุบันกรมศิลปากรได้อนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติของชาติ วัดบางแวกแต่เดิมชื่อว่า วัดบางแหวก เหตุที่ชื่อนี้เพราะว่าสมัยก่อนนิยมการสัญจรทางน้ำจะเข้าคลองบางแวกได้ก็ต้องแหวกผักตบชวาเพราะมีมากจนปิดทางสัญจรไปมา




ขอเชิญร่วมงานไหว้ครูพระอาจารย์หนุ่ม วัดบางแวก
ขอเชิญศิษยานุศิษย์ ร่วมงานไหว้ครู โดยพร้อมเพรียงกัน
วันอาทิตย์ ที่ 16 สิงหาคม 2552
เวลา 9.00 น.


ขอเชิญครอบเศียรครูและฝังเข็มทองคะนองฤทธิ์

หลวงพี่ญา พระอาจารย์ตูน พระอาจารย์มาร์ค
อ.ประคอง รุ่นเจริญ ร่วมพิธีในงานไหว้ครูพระอาจารย์หนุ่ม



กวางเหลียวหลัง
ตะกรุดหนังงูเหลือม เมตตา มหาเสน่ห์


กุมารทอง



พระผงขุนแผน รวยทรัพย์ อ.ประคอง


ปลัดขิก

ชมและบูชากันได้ในงานนะครับ
ขออนุญาตนำข่าวสารมาประชาสัมพันธ์ครับ...........สวัสดี
:001: :001: :001: :100:



179
อย่าแบ่งชั้นวรรณะเลยมนุษย์
ถึงที่สุดจุดสุดท้ายกลายเป็นผี
หลุมฝังศพกลบสิ้นซากอินทรีย์
ไพร่ผู้ดีมีหรือจน ไม่พ้นตาย
ทรัพย์สมบัติส่งได้แค่โรงพยาบาล
ลูกหลานส่งได้แค่เชิงตะกอน
บาป บุญ เป็นทุน เป็นรอน
ส่งให้ถึงภพหน้า
บุญยิ่งทำ ยิ่งได้ ยิ่งให้ ยิ่งมี
ไม่ว่าจะเป็น พระราชา และยาจก จะใช้คำว่า
สวรรณคต หรือ ตาย ก็ต้องบ่ายหน้าไปทางเดียวกัน


คำเทศนาของพระพุทธทาส ภิกขุ
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย
ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


180



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

ลูกอมกุมารทอง รับทรัพย์ (เทพกุมาร)
เนื้อเงินชุบ 3 กษัตริย์ จำนวนการสร้าง 399 องค์ จัดสร้างในปี 2544


วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง หาทุนทรัพย์สมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน วัดบางพระ

คาถากุมารทอง

(ตั้งนะโม 3 จบ) กุมาโรมา มะมะ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ โสกุมาโร นะโมพุทธายะ


ใครได้ชมรายการ บันทึก..ลึกลับ บ้างครับ ช่วงกุมารทอง
ดูแล้วก็เลยนำกุมารทอง ของวัดบางพระมาให้ชมกันครับ


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น
:002: :002: :002:


กุมารทองหลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม นครปฐมครับ




181
บทความ บทกวี / ..........ยิ้ม...มหานิยม
« เมื่อ: 13 ส.ค. 2552, 09:09:10 »
 ยิ้ม...มหานิยม 
โดย สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี)


    มนุษย์มีคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งที่หาไม่ได้ในบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตด้วยกัน สิ่งนั้นก็คือ ?ยิ้ม? สัตว์โลกทุกชนิดที่ยกย่องว่ากันว่า เป็นสัตว์ฉลาดและฝึกหัดได้นานัปการ แต่ฝึกให้ ?ยิ้ม? ไม่ได้ ยิ้มของคนซื้อขายไม่ได้ ยิ้มเป็นเครื่องดึงดูดให้คนเข้าใกล้ปราศจากความระแวง ยิ้มสามารถเป็นเกราะป้องกันภัยให้แก่ตนเองได้ด้วย แต่ต้องเป็นยิ้มตามปกติ มิใช่ยิ้มอย่างละคร ลิเก ที่โปรยยิ้มไปรอบๆ เวที เพราะนั่นเป็นยิ้มที่แต่งขึ้น ยิ้มแท้ต้องเป็นยิ้มที่เกิดจากใจจริง มีลักษณะที่เบิกบาน เยือกเย็น สดชื่น เป็นเครื่องดับและบรรเทาทุกข์ร้อนได้ ทำให้ผู้ยิ้มเป็นคนมีสติยั้งคิด ไม่ผลุนผลัน เมื่อฝ่ายหนึ่งหน้าบึ้งมาหา อีกฝ่ายหนึ่งยิ้มรับ เหตุร้ายย่อมกลายเป็นดี

     โบราณท่านจึงให้ยิ้มไว้ก่อนเสมอ ยิ้มได้เมื่อภัยมา ย่อมช่วยให้เกิดสติ ไม่ตื่นเต้น วู่วาม ในเหตุอันใดที่เกิดขึ้น ยิ้มจึงส่งเสริมให้เป็นคนมีสติ ตรงข้ามกับความโกรธซึ่งทำให้ขาดสติ ไร้ความยั้งคิด ยิ้มไม่ต้องลงทุนซื้อหา แต่มีอยู่แล้วประจำตัวทุกคน เหมือนมีอาวุธในตัว ต้องหมั่นชโลมน้ำมันกันสนิมไว้ อย่าปล่อยให้สนิมจับจนฝืดไม่คล่องแคล่วทันท่วงที คนที่ยิ้มยากเพราะไม่เคยยิ้ม ถึงคราวยิ้ม ย่อมยิ้มไม่ออก จึงควรต้องหัดยิ้มไว้เสมอๆ ?ยิ้มได้และยิ้มเป็นจะช่วยให้ปลอดภัยและสบายใจ? ดังคำที่ว่า ยิ้มง่าย สบายทัก รักผู้อื่น ตื่นอยู่เสมอ แล้วจักมีความสุขใจโดยแท้จริง   :002: :002: :002: :002: :002:

จากหนังสือ ๕๐ คติธรรมจากแสงธรรม
โดย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี)

ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักรดอทเน็ต

182
ถาม : เราถือศีลไปเพื่ออะไร ?

ตอบ: ศีล อันดับแรกคือ ความอยู่สุขในปัจจุบัน เราไม่อยากให้ใครฆ่าเรา เราก็อย่าไปฆ่าใคร เราไม่อยากให้ใครขโมยเรา เราก็อย่าขโมยใคร เราไม่อยากให้ใครมาล่วงเกินคนที่เรารัก เราก็อย่าไปล่วงเกินคนรักของใคร เราอยากฟังแต่ความจริงก็อย่าโกหกใคร เราอยากมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ เราก็อย่าไปดื่มสุราเมรัย อันนี้ก็คือในปัจจุบัน

และสุขในอนาคตท่านบอก ?สีเลนะ สุคะติง ยันติ? ศีลย่อมทำให้เราสู่สุขคติ เพราะถ้าจิตเราเกาะความดีเป็นปกติเราก็เกิดเป็นเทวดา เป็นพรหม หรือถ้าหากว่าเต็มที่ไม่ต้องการเกิดอีกกำลังของศีลก็ส่งไปนิพพาน ท่านบอก ?สีเลนะ โภคะสัมปะทา? ศีลทำให้มีโภคทรัพย์มาก คือคนที่รักษาศีลนี่จะมีสติทรงตัวอยู่เสมอ ไม่เบียดเบียนใคร ทำมาค้าขายกันอย่างสัมมาอาชีวะ เงินที่ได้มาทรัพย์สินที่ได้มามันเย็น คือรู้จักจับจ่ายใช้สอยอย่างมีสติก็เลยทำให้มีสมบัติมาก ขณะเดียวกันถ้าเกิดเป็นเทวดา พรหม ก็มีทิพสมบัติมาก แล้วท่านก็ยืนยันบอกว่า ?สีเลนะ นิพพุติง ยัน? ศีลเป็นปัจจัยส่งให้ถึงพระนิพพานได้ นี่เป็นสุขในอนาคต


ฉะนั้นการรักษาศีลนี่หมายเอาความสุขทั้งสองด้าน คือสุขในปัจจุบันและสุขในอนาคตด้วย


ขอบคุณบทความจาก พลังจิตดอทคอม

183



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญหลวงพ่อเปิ่น หน้าเสือใหญ่ เนื้อเงิน ลงยา 2 หน้า
ขนาด 3.9 ซม. ไตรมาส 41 จำนวนการสร้าง 777 เหรียญ
12 สิงหาคม 2541


พรุ่งนี้ก็วันที่ 12 สิงหาคม 2552 แล้วนะครับ กี่ปีแล้วนี่...ลองลบดูนะครับ :002:

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

184



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เม็ดกระดุม  ขวัญถุง มหาลาภ

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี         

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

185
คำเตือน
มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ เหมือนปลาที่ว่ายอยู่ในตู้
ว่ายวนเวียนไปมาไม่รู้จบ จะไม่สามารถหลุดพ้นจากตู้ได้
นอกจากความตายหรือหลุมศพนั่นเอง มนุษย์ทุกชีวิต
จะต้องเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย เป็นของแน่นอนที่สุด...


แล้วทำไมจึงต้องมากลั่นแกล้งกัน ทะเลาะกัน เกลียดชัง
กัน อิจฉาริษยากันเพื่ออะไร ทำไมไม่อภัยให้ซึ่งกันและกัน
ทำให้เกิดสุข จิตจะได้สงบไม่กลุ้มใจ ทำให้ประสาทไม่ตึง
เครียด.....


ดังนั้น...เรามาร่วมกันหันเข้าหาธรรมะ เพื่อจะได้มีจิตสงบ
สบายคลายทุกข์และจะได้ละ โลภ-โกรธ-หลง เพื่อตัดกิเลส
พวกอยากดัง อยากเด่น อยากสวย อยากรวย อยากได้
เกียรติยศ ล้วนแต่เมื่อได้แล้วไม่จีรังยั่งยืนตลอดไป เมื่อได้
แล้ว ถึงเวลาก็เสื่อมได้เช่นกัน...


ดังนั้น...จงปลงเสียเถิดแล้วจะอยู่อย่างสุขสบาย โดยรีบ
สร้างความดีตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้อาจจะไม่มีเวลาทำ....
1. ทางบุญ - ขึ้นสวรรค์...(ผลกรรมดีที่เคยทำไว้)
2. ทางบาป - ลงนรก...(ผลกรรมชั่วที่ทำไว้)


ดังนั้น...เราจงหมั่นสร้างกุศลผลบุญต่างๆ เพื่อเป็นสัมภาระ
ให้เรา ติดตัวนำไปใช้บนสวรรค์ อย่ามัวแต่โง่สร้างความบาป
สร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่น เบียดเบียนตัวเอง สะสมทรัพย์
เงินทองที่ดินตึกแถวมากมาย โดยไม่สร้างกุศลเลย...


~~บทความจากหนังสือ...สมเด็จพระพุทธจารย์ (โต พรหมรํสี)~~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์

 :054: :054: :054:


186
บทความ บทกวี / .....รีเซ็ตอารมณ์
« เมื่อ: 09 ส.ค. 2552, 06:49:33 »
อารมณ์ และความคิด ทำให้คุณสุขหรือทุกข์ได้

การเลือกอารมณ์ หรือกลั่นกรองอารมณ์ จึงเป็นสิ่งจำเป็น



จะมีสักกี่คนที่ทำได้......

เพราะทุกๆ วันเราอยู่กับความเคยชิน

จึงใช้ "ความเคยชิน" เป็นแบบแผนชีวิต

รวมทั้ง อารมณ์ และ ความคิด ด้วย

ที่คุณตั้งเป็น "ระบบอัตโนมัติไว้"


เมื่อมีปัจจัยภายนอก มากระทบ หรือ ความคิดภายในที่ผุดขึ้นมา

ระบบอัตโนมัติก็จะทำงาน สนองเป็นความรู้สึกออกไป

ถึงเวลาหรือยังที่คุณจะ "รีเซ็ต" อารมณ์ และความคิดใหม่

เพื่อไม่ให้อารมณ์ และความคิด ครอบงำชีวิตคุณ


สร้างอารมณ์ที่ควรสร้าง

รักษาอารมณ์ที่ควรรักษา

สลายอารมณ์ที่ควรสลาย

กลั่นกรอง และเลือกบรรจุอารมณ์ใหม่ๆ ดีๆ ให้กับตนเอง

เพื่อไม่ให้อารมณ์มาทำร้าย ตัวเราเอง และคนรอบข้าง

แต่ให้อารมณ์สร้างสุข และเกื้อกูลิ่งดีๆ ให้กันในสังคม


ที่มา : ศาลาธรรม

187
"ศีล" นั้น แปลว่า "ปกติ" คือสิ่งหรือกติกาที่บุคคลจะต้องระมัดระวังรักษาตามเพศและฐานะ ศีลนั้นมีหลายระดับ คือศีล ๕, ศีล ๘, ศีล ๑๐, และศีล ๒๒๗ และในบรรดาศีลชนิดเดียวกัน ก็ยังจัดแยกออกเป็นระดับธรรมดา มัชฌิมศีล(ศีลระดับกลาง) และอธิศีล(ศีลอย่างสูง หรือศีลอย่างอุกฤษฏ์)

คำว่า "มนุษย์" นั้นคือผู้ที่มีใจประเสริฐ มีคุณธรรมที่เป็นปกติของมนุษย์ที่จะต้องทรงไว้ให้ได้ตลอดไปก็คือ ศีล ๕ บุคคลที่ไม่มีศีล ๕ ไม่เรียกว่า "มนุษย์" แต่อาจจะเรียกว่า "คน" ซึ่งแปลว่า "ยุ่ง"

บุญที่หลั่งไหลมา(อานิสงส์)ของผู้ที่รักษาศีล ๕ มีมากมาย ดังต่อไปนี้....


๑. ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๑ ด้วยการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ด้วยบุญนี้ที่ได้นำเกิดเป็นมนุษย์ จะทำให้เป็นผู้มีพลานามัยแข็งแรง ปราศจากโรคภัย อายุยืน ไม่มีศัตรูมาเบียดเบียนให้ต้องได้รับบาดเจ็บ ไม่มีอุบัติเหตุ หรือสิ้นอายุก่อนวัยอันควร

๒. ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๒ ด้วยการงดเว้นจากการลักทรัพย์ที่เจ้าของมิได้อนุญาต
ด้วยบุญที่ได้นำเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้ได้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย การทำมาเลี้ยงชีพราบรื่น มั่งมีทรัพย์ ทรัพย์สมบัติไม่วิบัติหายนะไปด้วยภัยต่างๆ เช่นอัคคีภัย วาตภัย โจรภัย ฯลฯ


๓. ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๓ ด้วยการงดเว้นจากการล่วงประเวณีในคู่ครองหรือหญิงในการปกครองของผู้อื่นด้วยบุญที่ได้นำเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะประสบโชคดีในความรัก ได้พบรักที่แท้จริงและจริงใจ ไม่ต้องอกหัก มีบุตรธิดาก็จะเป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่ถูกผู้อื่นล่อลวงไปในทางอนาจาร

๔. ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๔ ด้วยการงดเว้นจากการกล่าวคำเท็จ คำมุสาด้วยบุญที่ได้นำเกิดเป็นมนุษย์ จะทำให้เป็นผู้มีสุ้มเสียงไพเราะ พูดจาน่าฟัง มีโวหารไหวพริบในการเจรจา น่าเชื่อถือ


๕. ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๕ ด้วยการงดเว้นจากการดื่มสุราเมรัย หรือเครื่องหมักดองของเมา
ด้วยบุญที่ได้นำเกิดเป็นมนุษย์ จะทำให้เป็นผู้มีปัญญา ความคิดแจ่มใส จะศึกษาเล่าเรียนวิชาใดก็แตกฉาน ความจำดี ไม่หลงลืม ไม่ขาดสติ


ขอบคุณบทความจาก พลังจิตดอทคอม

188


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

ตะกรุดแผ่นเงินเสาร์ 5 สร้างปี 2540 เป็นเนื้อเงินนะครับ



ด้านในเมื่อคลี่ออกมาจะเป็นรูปหลวงพ่อเปิ่นนั่งเสือและยันต์ต่าง ๆ ครับ
(ในภาพเป็นเนื้อตะกั่วครับ)


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

189
แข่งขันกับตัวเองดีไหม ถ้าเผื่อเราแข่งกับคนอื่น....
มันเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น เพราะเราไม่อยากให้ใครชนะเรา

เปลี่ยนความคิดที่จะแข่งกับคนอื่น มาเป็นตัวเราเป็นคู่ต่อสู้ดีกว่า
ชีววิตของเรา เราสามารถที่จะพัฒนาได้ทุเหกวัน

เมื่อวานนี้ทำอะไร วันนี้ทำให้ดีกว่าเมื่อวาน
ใช้ตัวเราเป็นเครื่องวัด ในการที่เราจะเห็นว่า....


ชีวิตเราดีขึ้นทุกวัน นั่นก็คือ ศักยภาพในตัวเรานั้น....
ก็จะเติบโตขึ้นด้วย การแข่งขันกับตนเอง....

จะทำให้เราสามารถเป็นคู่แข่งกับคนอื่นได้อย่างคนที่เป็นกัลยาณมิตรด้วย
การที่มีคนอื่นเป็นเครื่องวัด้ จะทำให้เรามีความตระหนักรู้ในการทำหน้าที่ของเรา

ให้เติบโตไปพร้อมกัน ความมีเพื่อนเป็นสิ่งที่ดี มีคนอื่นเป็นคู่แข่ง แต่ก็เพื่อนกันได้
ถ้าอย่างนี้ความคิดของเรา จะไม่คับแคบ จิตใจของเราจะเปิดกว้าง และว่างพอที่

จะเดินไปกับคนอื่นด้วยดี ไม่ได้แข่งขัน มีชีวิตที่มีตัวเองเป็นคู่ต่อสู้ และมีคนอื่น
เป็นเพื่อนร่วมทาง


    ขอขอบคุณบทความจาก เสถียรธรรมสถาน ซ.วัชรพล กทม.

190
เกิดทุกที เป็นทุกข์ทุกที
การเวียนว่ายตายเกิดนั่นเล่า....
ก็คือการทนทุกข์ทรมานโดยตรง...
เกิดทุกที เป็นทุกข์ทุกที....
เกิดทุกชนิด เป็นทุกข์ทุกชนิด...


ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร...
ก็เป็นทุกข์ไปตามแบบการเกิดเป็นอย่างนั้น...
เกิดเป็นแม่ ก็ทุกข์อย่างแม่...
เกิดเป็นลูก ก็ทุกข์อย่างลูก...


เกิดเป็นคนรวย ก็ทุกข์อย่างคนรวย...
เกิดเป็นคนจน ก็ทุกข์อย่างคนจน...
เกิดเป็นคนดี ก็ทุกข์อย่างคนดี...
เกิดเป็นคนชั่ว ก็ทุกข์อย่างคนชั่ว...


เกิดเป็นคนมีบุญ ก็ทุกข์ไปตามประสาคนมีบุญ....
เกิดเป็นคนมีบาป ก็ทุกข์ไปตามประสาคนมีบาป....
ฉะนั้น...
สู้ไม่เกิดเป็นอะไรเลยคือ...'ดับไม่เหลือ'...ไม่ได้


~~พระธรรมโกศาจารย์ (ท่านพุทธทาส อินทปัญโญ)~~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์

:054: :054: :054:

191
หนึ่งในบารมี ๑๐ ทัศ
หากเราได้นำมาใช้ในชีวิตของเรา
ก็จะทำให้เราเป็นอีกคนหนึ่ง
ในจำนวนคนอีกหลายร้อยคน
ที่จะประสบความสำเร็จ


เพราะสัจจบารมี
คือ..การตั้งสัจอธิษฐาน..
มีความจริงจังและจริงใจ
ไม่ว่าเราจะทำ..จะพูด..จะคิด สิ่งใด ๆ


เราก็จะทำจริง..พูดจริง..
ความคิด..ความฝันของเรา..ก็จะกลายเป็นความจริง

หากเราพูดอย่างเดียว..
แต่ไม่ลงมือทำ..และทำไม่จริง..
ความคิด..ความฝันของเรา..ก็ยากที่จะกลายเป็นความจริง
ทำให้กลับกลายเป็นความคิด-ความฝันที่ย่ำแย่


สัจจบารมี..
จึงมุ่งเน้นที่การพูดจริง..ทำจริง..
ตราบใดที่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ..
ก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจ..
พยายามทำให้ได้..
เหมือนดังที่ตนเองเคยพูด..และคิดไว้..


หากทำได้เช่นนี้..
ความคิด..ความฝันของเรา..
ก็จะกลายเป็นความจริง
ทำให้ถึงจุดมุ่งหมายและประสบผลสำเร็จ
สัจจบารมี
จึงเริ่มต้นที่การเคารพตนเอง
เชื่อมั่นและศรัทธา
ในศักยภาพของตนเอง
และเป็นการแสดงความซื่อสัตย์จริงใจต่อตนเอง
และพยายามอย่างถึงที่สุด
ที่จะไม่ลดเลิกละความเพียรพยายามนั้น


เมื่อตั้งใจทำสิ่งใด..
พูดสิ่งใด..หรือคิดสิ่งใด..ที่เป็นความดีแล้ว..
ก็จะพยายามทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ..

นี่คือ..สัจจบารมี
จริงตามความเป็นจริง
ซื่อสัตย์..มั่นคง..เชื่อมัน..และศรัทธา
และเคารพตนเอง



บทความ..โดย..ชายน้อย
ขอบคุณบทความจาก ธรรมะไทย

192
บทความ บทกวี / .....การอุทิศบุญ
« เมื่อ: 05 ส.ค. 2552, 07:55:43 »
...........แต่ละบุคคลที่เกิดมา ล้วนมีความตายเป็นที่สุดด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครหลีกพ้นได้

ขึ้นอยู่กับว่าจะตายช้าหรือตายเร็วเท่านั้น ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ บุคคลรอบข้าง ไม่ว่า

จะเป็นบิดามารดา หรือ ญาติพี่น้องเป็นต้น ย่อมสามารถเป็นที่พึ่ง สามารถช่วยเหลือ

ทำกิจต่าง ๆให้แก่เราได้ แต่พอถึงเวลาตายมาถึง บุคคลเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะช่วย

ต้านทานไว้ได้เลย ดังนั้น ในเมื่อทุกคนต้องตายอย่างแน่นอน จึงควรพิจารณาอยู่

เสมอว่า ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราควรทำอะไร? เรื่องตาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเป็น

เพียงจิตขณะเดียว ที่เกิดขึ้นทำให้เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้ ไม่สามารถ

กลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีก ขณะนี้จิตที่ว่านั้น(จุติจิต)ยังไม่เกิด แต่จะเกิดขึ้นเมื่อใด

ไม่มีใครทราบได้ ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ จึงเป็นขณะที่สำคัญ ดังนั้น การฟังพระธรรม

ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมกุศลในชีวิตประจำวัน ตามกำลัง ย่อมเป็นสิ่ง

ที่สมควร


.....การแผ่ส่วนบุญ อยู่ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ

ในฐานะที่บุตรธิดา พึงเคารพบิดามารดา ผู้เปรียบเสมือน ทิศเบื้องหน้า ดังนี้

1.ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ
2.ช่วยทำกิจธุระการงานของท่าน
3.ดำรงวงศ์สกุล
4.ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท
5.เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน

ยามเมื่อท่านลาลับดับสังขาร
ทำบุญทานแผ่ผลกุศลส่ง
เป็นหนี้ท่านใช้หนี้อย่างนี้ตรง
จุดประสงค์โอวาทพระศาสดาฯ


เราอุทิศบุญ (แผ่ส่วนบุญ) ให้กับเจ้ากรรมนายเวร ผู้มีพระคุณ เช่น พระมหากษัตริย์ ทหารหาญ

ขออนุโมทนาบุญ สาธุ....
  :001:

193
ความสุขจากการให้อภัย

? ผู้ที่อ่อนแอไม่สามารถให้อภัยใครได้ เพราะการให้อภัยได้นั้นนับเป็นความเข้มแข็งแท้จริง ? มหาตมะคานธี

มาลองช่วยกันพิจารณาข้อความนี้


หากคุณให้ความรัก ความไว้วางใจ ช่วยเหลือใครสักคน แต่ภายหลังเขากลับไปคบคิดกับคนอื่นให้ร้ายคุณ พูดถึงคุณในทางที่เสียหาย จนคุณต้องได้รับความอับอาย คุณจะให้อภัยเขาคนนั้นได้ไหม
๑. ให้อภัยได้ ถ้าคนนั้นได้รับโทษอย่าสาสมเสียก่อน
๒. ให้อภัยได้ เพราะเป็นสิ่งดีที่จะให้อภัย ดังเช่นที่พ่อแม่ หรือศาสนาสั่งสอนมา
๓. ให้อภัยได้ เพราะจะช่วยให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข
๔. ให้อภัยได้ เพราะเป็นการแสดงออกของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข

ท่านผู้อ่านจะเลือกข้อใดที่ตรงใจท่านมากที่สุด


ผมได้ลองถามนักศึกษาแพทย์ปี ๕ ที่เรียนวิชาจิตเวชศาสตร์อยู่รวม ๓๓ คน คำตอบที่ได้จากลูกศิษย์แพทย์กลุ่มนี้น่าสนใจทีเดียวครับมีตอบข้อหนึ่งอยู่ ๑๓ คน ตอบข้อสองอยู่ ๑๒ คน ตอบข้อสามอยู่ ๕ คน และตอบข้อสี่อีก ๓ คน ที่กล่าวมานี้คงไม่ถึงกับเป็นโพลสำรวจนะครับ เพียงอยากจะให้เห็นว่าคนเราแต่ละคนมีมุมมองในเรื่องการให้อภัยที่แตกต่างกันมาก

มนุษย์มีแนวโน้มในจิตใจแต่กำเนิดที่จะโต้ตอบทางลบมากขึ้นต่อคนที่แสดงออกทางลบต่อเรา ธรรมชาตินี้เองเป็นที่มาของการแก้แค้นกันและตอบโต้กันจนไม่รู้จบสิ้น สิ่งนี้เกิดจากอะไร นอกจากมนุษย์แล้ว สิ่งมีชีวิตอื่นมีพฤติกรรมการแก้แค้นเช่นมนุษย์หรือไม่ จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พบปรากฏการณ์ของการแก้แค้น เกิดขึ้นได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชั้นสูงบางชนิดด้วย เช่น ลิงชิมแปนซี และพบต่ออีกว่า เมื่อการแก้แค้นเกิดขึ้น การกระทำนั้นมักจะมีความรุนแรงมากกว่าที่ถูกกระทำในตอนแรก จึงมีแนวโน้มให้เกิดวงจรการล้างแค้น ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราพบเห็นตัวอย่างการโต้ตอบที่รุนแรงมากมายในสงครามและประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ การให้อภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยตัดและลดทอนการแก้แค้น ซึ่งมีแต่จะเพิ่มความสูญเสียทั้งสองฝ่าย

.......พัฒนาการ ของการให้อภัยผู้อื่น เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการทางจิตใจด้วย พบว่า คนเราสามารถให้อภัยได้มากขึ้นตามอายุ คือคนในวัยสูงอายุจะให้อภัยผู้อื่นได้ง่ายกว่าคนในวัยผู้ใหญ่และมากกว่าคนในวัยรุ่น ซึ่งน่าจะสะท้อนถึงโลกทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปในคนที่ผ่านชีวิตมานานกว่า มีความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น นอกจากนี้พัฒนาการของการให้อภัยยังมีลักษณะที่เป็นลำดับขั้นเหมือนที่มนุษย์เรามีพัฒนาการทางร่างกาย จากคลานเป็นนั่ง จนถึงการยืนและเดินตามลำดับ คือใน ขั้นต้น การให้อภัยจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ที่กระทำผิดได้รับการล้างแค้นหรือการลงโทษอย่างสาสมเสียก่อน ขั้นกลาง คือ การให้อภัย เป็นสิ่งควรทำเนื่อง จากเป็นสิ่งที่สังคมและคำสั่งสอนของพ่อแม่หรือศาสนาสอนไว้ ในขั้นสูงคือ การให้อภัยควรทำเพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมและในขั้นสูงสุดคือเป็นการแสดงออกของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข (Unconditional love )

......ความจริงแล้วการให้อภัยกลับกลายเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ที่ให้อภัยเอง เพราะการให้อภัยคือการปลดปล่อยตนเองจากซากอดีตที่เจ็บปวดเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ดังที่ คอร์รี่ เทน บูม ( Corrie ten Boom ) ผู้ช่วยเหลือชาวยิวจากค่ายกักกันของนาซีได้กล่าวว่า ? การให้อภัยคือการปลดปล่อยนักโทษ และนักโทษผู้นั้นก็คือคุณนั่นเอง ? และจากประสบการณ์ตรงของเธอเองที่ได้บันทึกไว้ว่า ? ในท่ามกลางเหยื่อที่ถูกนาซีทำทารุณกรรมนั้น ผู้ที่สามารถสร้างชีวิตใหม่ได้ดีและสามารถดำรงชีวิตที่เป็นสุขได้คือ ผู้ที่สามารถให้อภัยต่อความเลวร้ายเหล่านั้น ?

.......ผลดีอีกประการคือผู้ที่มักให้อภัยผู้อื่นได้ง่ายจะมีความเป็นปฏิปักษ์น้อย ไม่หลงตัวเอง ไม่ชอบครุ่นคิดวนเวียน เป็นคนที่มีนิสัยพูดง่าย ไม่เรื่องมาก ทำให้กังวลและซึมเศร้าน้อยกว่า ป่วยเป็นโรคประสาทน้อยกว่า มีลักษณะที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นมากกว่า การให้อภัยจึงเป็นเสมือนภูมิคุ้มกันโรคทางจิต เพิ่มสุขภาพจิตที่ดีสำหรับตัวผู้ให้อภัยนั้นเอง ผมจึงอยากชวนท่านผู้อ่านได้ทบทวนไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งและตั้งใจอย่างแน่วแน่ เพื่อที่จะช่วยกันปลดปล่อยความเคืองแค้นที่ยังฝังใจ เพื่อให้จิตใจได้รับอิสรภาพและเกิดความสุขสงบทางใจ

การที่จะให้อภัยแก่บุคคลผู้ที่เคยทำให้เราเจ็บปวด แม่ชีเทเรซ่าสอนว่า

? เพื่อที่จะให้อภัยใครบางคนที่ทำให้เราปวดร้าว เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่กับผู้ที่เคยทำให้เราผิดหวัง เพื่อที่จะคงความเสียสละไว้แม้เคยถูกหลอกลวง เหล่านี้แม้หากจะเจ็บปวด แต่เป็นการให้อภัยและเป็นรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว ?

Secret Box
? การให้อภัยเป็นเครื่องพัฒนาการของจิตใจ
? การให้อภัยที่สูงที่สุดเป็นการแสดงออกของความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข
? จงเริ่มด้วยการตั้งจิตที่แน่วแน่ในการให้อภัยใครบางคนที่เคยทำให้เราเจ็บปวด
? การให้อภัยจะนำให้เกิดอิสรภาพและความสุขในชีวิต


ที่มา:ชมรมกัลยาณธรรม
ขอบคุณบทความจาก นิตยสารซีเคร็ต

194




     การปล่อยปลาถือว่า เป็นการปล่อยเคราะห์ลงแม่น้ำ ถือว่าผู้เคราะห์ไม่ดี จำทำบุญเให้ชีวิตสัตว์ จะถือเป็นกุศลใหญ่เพราะตั้งใจให้ทานชีวิตสัตว์ ส่งผลให้ชีวิตดีขึ้นและแก้ไขดวงชะตาได้ให้พ้นเคราะห์ได้
การปล่อยปลาแทนการส่งเคราะห์ดังนี้

1. ปล่อยปลาไหล ช่วยด้าน การงานราบรื่นขึ้น
2. ปล่อยหอยขม ช่วยด้าน ให้พ้นความขมขื่นเรื่องต่างๆ
3. ปล่อยเต่า ช่วยด้าน ให้อายุยืนขึ้น
4. ปล่อยปลาหมอ ช่วยด้าน ให้โรคภัยหาย
5. ปล่อยปลาช่อน ช่วยด้าน ให้แคว้นคลาดต่างๆ
6. ปล่อยปลาทั่วไป ช่วยด้าน ให้ร่มเย็นเป็นสุข


...คำอธิฐานในการปล่อยปลา...

ข้าพเจ้า
ชื่อ???????????????????นามสกุล????????????????????.ลูกขอตั้งจิตถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสากลโลก วันนี้ลูกตั้งจิตเป็นมหากุศลในการให้ทานชีวิตสัตว์คือ???????วันนี้ลูกขอปล่อยท่านทั้งหลายให้เป็นอิสระให้ชีวิตท่าน หากลูกมีเคราะห์ขอให้ไปกับสรรพสัตว์ ขอบุญกุศลนี้ส่งผลให้ข้าพเจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้น พ้นเคราะห์ พ้นโศก พ้นโรค พ้นภัย สิ่งไม่ดีทั้งหลายให้ออกไปจากตัวลูกด้วยเถอะ สาธุ
__________________


 ***ข้อควรรู้ ธรรมชาติของสัตว์น้ำบางชนิด เช่น เต่า ไม่สามารถจะอยู่ได้ในน้ำไหลและมีคลื่นแรง เต่าจะอยู่ในที่น้ำนิ่งและมีที่แห้งให้สามารถขึ้นมาพักผ่อนได้ เต่าเมื่อถูกกระแสน้ำและคลื่นแรงก็อยากจะขึ้นบกจึงมาลอยคอกันอยู่ริมฝั่ง คนที่รู้เรื่องนี้ก็จะมาคอยจับกัน ปลาไหลและกบก็เช่นเดียวกัน ธรรมชาติของปลาไหลจะอยู่ตามคู คลอง หนอง บึง ที่เป็นดิน ขุดรูเป็นที่อยู่ กบก็ต้องขุดรูอยู่ตามท้องนา ผู้ที่ต้องการสร้างกุศลโดยการปล่อยสัตว์นั้น ควรจะได้พิจารณาด้วยว่าสัตว์นั้น ๆ จะมีชีวิตรอดอยู่ได้หรือไม่ในสถานที่ที่ตั้งใจจะนำไปปล่อย

 ที่จริง จะปล่อยอะไรก็ปล่อยไปเถอะ
แต่ให้เข้าใจหน่อย ว่าปล่อยเพราะอะไร ไม่ใช่ปล่อยตามๆกัน เขาว่าดีก็ทำ
หรือ ทำเพราะเราจะได้ดี ตามสรรพคุณชื่อสัตว์ที่ปล่อย นั่นย่อมไม่ใช่เหตุของการทำบุญเป็นแน่


เนื้อแท้คือ ความเมตตา กรุณา เป็นทาน
หากเราทำไปด้วยความเมตตา ใจขณะนั้นย่อมเป็นสุขและลดความแข็งกระด้างในใจไปในตัว
และเมื่อใจมันเปิด พร้อมจะรับกับปัญหาใหม่ๆ มันก็ไม่ทุกข์ไม่ร้อน
นี่จึงเป็นเหตุนึงที่คนทำบุญแล้วทำอะไรก็ราบรื่น


ขอให้ท่านมีอายุยืน มีวรรณะผุดผ่องแจ่มใส สุขภาพใจและกายดีเยี่ยม สาธุ....


โจ๊ก ร้อน ๆ ไหมครับ อิอิ เอ๊ะ.....เกี่ยวอะไรนี่ :004: :004: :004:

195
    การที่คนเกิดมาไม่เหมือนกัน เช่นบางคนฉลาด บางคนโง่ บางคนรูปร่างงามบางคนตรงกันข้าม บางคนเกิดในตระตูลต่ำ บางคนเกิดในตระกูลสูง เมื่อถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ? ถ้าตอบแบบวิทยาศาสตร์ ก็ตอบว่า การที่ฉลาดหรือโง่ ร่างกายสมประกอบหรือไม่

     จนหรือมั่งมีก็เพราะไปเกิดในมารดาบิดาที่มีเหตุแวดล้อมดีเลวผิดกัน ความเป็นไปจึงผิดกันเป็นอันว่าบิดา มารดาถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ให้ด้วย เหตุแวดล้อมประกอบด้วย จึงเป็นเช่นนั้น จึงเป็นอันว่า ตอบด้วยหลักพันธุกรรมและเหตุแวดล้อม คราวนี้ถ้าถามต่อไปว่า เหตุไฉนเล่าจึงไปเกิดเป็นลูกของคนมีบ้าง จนบ้าง มีส่วนประกอบทางกายและจิตใจสมบูรณ์บ้างบกพร่องบ้าง ทำไมจึงต่างๆ กันไป ทำไมจึงไม่เกิดในที่ดีๆ เหมือนกันหมด ?


     ในที่สุดก็จะต้องซัดให้ความบังเอิญ แต่ในปัจจุบันเราเลิกทฤษฎีบังเอิญกันแล้ว ทุกสิ่งต้องมีเหตุผล ไม่ใช่บังเอิญ บังเอิญเป็นคำที่เราใช้กันในเมื่อยังหาเหตุผลไม่ได้เท่านั้น

     ทางพระพุทธศาสนาสอนว่า กรรม คือการกระทำในชาติก่อน ได้จัดสรรเสร็จ ให้ไปเกิดในฐานะนั้นๆ ได้รับการถ่ายทอดทางกายดีหรือเลว ได้ประสบสิ่งแวดล้อมดีหรือเลว แล้วแต่กรรมนำไป ไม่ใช่พระเจ้าสร้าง ทุกคนสร้างตัวเองด้วยการกระทำของตนในกรณีเช่นนี้ เราจะไม่ไปโทษคนโน้นคนนี้ว่าสร้างเราไม่ดี แต่เราจะสร้างตัวเราใหม่ในชาตินี้ด้วยการทำดี อบรมให้เกิดอุปนิสัยใจคอที่ดีงามได้ตามประสงค์อาจมีผู้แย้ง จะให้เห็นด้วยตาตามเคยว่า กรรมรูปร่างเป็นอย่างไร จึงจัดสรรได้ และติดตามคนได้ ?


     ข้อนี้เปรียบด้วยพลังงานซึ่งติดไปกับลูกศร เวลายิงไปในอากาศ ลูกศรแล่นไปเรื่อยๆ นั้น เราเห็นพลังงานหรือเปล่า ? หรือผู้ที่ได้รับสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์ถ้าไม่แสดง พระองค์เสด็จปะปนไปในที่ต่างๆ และเราไม่รู้มาก่อน มีอะไรติดตามไป เป็นเครื่องแสดงให้เห็นบ้างว่าท่านผู้นี้เป็นพระราชา เพราะพระองค์ก็มีอวัยวะร่างกายเหมือนคนธรรมดาทุกอย่าง แต่ท่านก็คงเป็นพระราชาอยู่นั่นเอง

     การที่กรรมติดตามคนนั้น ท่านเปรียบเหมือนเงาของคน จะขู่หรือปลอบไม่ให้ติดตามก็ไม่ได้ พระพุทธศาสนาเปรียบกรรมว่า เป็นเนื้อที่ วิญญาณเป็นพืช แสดงว่ากรรมกับวิญญาณมีส่วนสัมพันธ์กัน เนื้อที่ดี พืชก็งอกงามดี คนเราจะดีเลว เพราะการกระทำของตนเช่นนี้
     จึงควรอย่างยิ่งที่จะเลือกทำแต่กรรมดี ละเลิกความชั่วเสีย เมล็ดทุเรียน เก็บความสามารถในการเป็นต้น มีใบดอก และลูกทุเรียนไว้ได้ในตัวเอง เมื่อถึงคราวก็เจริญเติบโต เป็นต้นทุเรียนฉันใด วิญญาณก็มีกรรมติด ไปด้วย อย่างซ่อนเร้น ไม่เห็นตัว แต่เมื่อปรากฏตัวออกมา ก็ปรากฏตามลักษณะที่กำหนดของกรรมนั้นๆ



ขอบคุณบทความจาก ธรรมะไทย

196



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญหยดน้ำ เสือ-หมู (รุ่นแรก)
สร้างในปี พ.ศ. 2530 เนื้อทองแดงรมมันปู


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี         

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

197
หลายท่านอาจจะไม่เข้าใจในความหมายของศีลมากนัก คำว่า "ศีล" แปลว่า ปกติ

ดังนั้นในความหมายของศีล ทั้ง 5 ข้อ



1. ไม่ฆ่าสัตว์ หรือใช้ให้ผู้อื่นฆ่า
2.ไม่ลักทรัพย์ ฉ้อโกง หรือใช้ให้คนอื่นลักทรัพย์
3.ไม่ผิดลุกผิดเมียผู้อื่น
4.ไม่พูดปด พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ
5.ไม่ดื่มสุราเมรัย หรือสิ่งเสพติดทั้งปวง อันให้เกิดโทษแก่ตนเองและผู้อื่น


ดังนั้น ในศีลข้อ 5 สำคัญมาก ซึ่งเป็นข้อที่ผู้ใดผิด อันเป็นเหตุ ที่ทำให้เรา สามารถกระทำผิดได้ทุกข้อ

อันนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัว และควรรู้ไว้ เพราะชีวิตเบื้องหลัง เมื่อครั้งที่เราละโลกไปแล้ว

เราจะต้องไปชดใช้กรรมในยมโลก แล้วผู้ใดที่ผิดศีล แต่ละข้อ เป็นเนืองนิต

ละโลกไปแล้ว ก็ไปสู่มหานรก ตามขุมต่างๆ เป็นเวลายาวนาน ทรมานมากนะคับ


ดังนั้นเราควรหันมารักษาทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาให้มากๆนะคับ

ละเลิกอบายมุขต่างๆ หมั่นสั่งสมบารมีบ่อยๆให้มากๆ

นะคับ อนุโมทนาบุญนะคับ.........สาธุ



ที่มา : บัณฑิตแก้ว
ขอบคุณบทความจาก ธรรมะไทย

198



ล็อคเก็ตหลวงพ่อเปิ่นครับ ปีไหนครับ ใครทราบช่วยบอกทีครับ 
         
                    วอนผู้รู้ตอบทีครับ อยากทราบรายละเอียดครับ
                                               ......... ขอบคุณครับ
:001:

199



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญรูปไข่ รุ่นเปิดสะพาน หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
 ปี 2531 ทองแดงรมดำ


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

200
บทความ บทกวี / .......ลักษณะของคนดี
« เมื่อ: 03 ส.ค. 2552, 09:22:14 »
คนที่เป็นคนดีนั้นย่อมเป็นผู้มีจิตใจงาม

      จะทำอะไรก็ไม่ทำเพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและเบียดเบียนคนอื่น

      มีความปกติ มีความเห็นชอบ เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

      ความสุข ความทุกข์ ความเจริญ อยู่ที่ตัวของเราเอง


      คนดีเป็นผู้ยินดีในการให้ ให้ด้วยความเคารพ แม้ว่าเป็นขอทาน

      ก็ให้ด้วยความเคารพ ไม่โยนให้ ทิ้งให้....ให้ด้วยความอนุเคราะห์


คนดี....

      มีนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

      ยินดีในการให้ ยินดีในการให้ความช่วยเหลือผู้อื่น

      มีปกติที่ไม่คิดเห็นแก่ตัว

      แต่เห็นแก่ประโยชน์ และความสุขของส่วนรวม...ตลอดเวลา

      นี่คือลักษณะของ "คนดี"
.

       ที่มา....คัดจาก ธรรมเพื่อชีวิตที่ดีงาม โดย หลวงพ่อปัญญานันทภิกษุ

201


กราบนมัสการหลวงปู่ทิม วัดพระขาว ครับ :054: :054: :054:




กราบนมัสการหลวงปู่มี วัดมารวิชัย ครับ :054: :054: :054:







กราบนมัสการหลวงพ่อพูน วัดบ้านแพนครับ :054: :054: :054:

202



ทั้งชีวิต ที่ผ่านมา แม่ผู้ให้
แบบที่ใคร ไม่สามารถ มาเปรียบเทียบ
ทั้งส่งเรียน ทั้งส่งเงิน ทั้งเสบียง
ผ้าห่าเตียง ปูไว้ให้ รอกลับมา

แม่ทำงาน แสนเหนื่อยยาก ไม่เคยบ่น
กลับอดทน ทำทุกทาง หารายได้
ให้ลูกใช้ ให้ลูกจ่าย ตามสบาย

ลูกกลับควาย ไม่เคยนึก ถึงมารดา
ลูกติดเกม ลูกติดเพื่อน แม่ไม่บ่น
ลูกมีกิ๊ก ลูกมีแฟน แม่ไม่ว่า
ลูกกลับดึก ลูกกลับเช้า แม่ไม่ด่า
ลูกติดยา ลูกติดบอล แม่อภัย

วันแม่นี้ มีหนึ่งคำ อยากจะพูด
อยากจะจูบ อยากจะหอม อยากกอดแม่
แล้วก็บอก คำๆนี้ โดยไม่แคร์
ผมรักแม่ ที่สุดในชีวิตนี้


 .....ขอบคุณแม่ที่ให้ชีวิต 
          ขอบพระคุณครับแม่ 

...(บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ำนมกิน ทดแทนไม่สิ้น พระคุณแม่เอย)...




 

203


.......ใกล้วันแม่อีกวาระหนึ่งแล้วเราในฐานะกุลบุตรกุลธิดาผู้เป็นบุตรควรที่จะทำความดีเทิดทูนคุณของท่านที่ให้ชีวิตน้อยของเราและท่านกัลญาณมิตรมาเกิดในโลกใบนี้และเราต้องปฏิบัติแทนคุณท่านเป็นอย่างยิ่งที่ให้เรามาพบพุทธศาสนาเพื่อที่จะได้สร้างกุศลในการเกิดของพวกเราทุกคนครับ ผมฝากกลอนนี้ บูชาพระคุณของคุณแม่ทุกท่าน ที่ให้ชีวิตของลูกๆได้มาบำเพ็ญเพียรในโลกมนุษย์หนอ

ขออธิฐานจิตขอกุศลนี้ส่งผลให้คุณแม่ทุกท่านพึงเจริญในธรรมและ สำเร็จผลเป็น คุณอนันต์ให้ท่านทั้งหลายมีความสุขกายและใจในโลกนี้และโลกสวรรค์ครับ


พระคุณแม่ล้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดพระสุธาหาใครเหมือน
แม่ยิ่งใหญ่กว่าใครให้คอยเตือน
เป็นเสมือนที่ปรึกษาคราทุกข์ใจ

ต้องระทมตรมตรอมยอมเพื่อเจ้า
ถึงเดือนเก้าแบกท้องต้องหวั่นไหว
ลูกเกิดมาแม่คอยเฝ้าและเอาใจ
ลูกอยากได้สิ่งนั้นพลันจัดมา

ยามลูกล้มแม่ประคองทั้งสองแขน
คอยหวงแหนทุกทิวาพาห่วงหา
แม้นลูกหลับแม่ยังตื่นทุกคืนมา
เป็นทั้งยารักษาเจ้าทุกเช้าเย็น


การให้ธรรมะเป็นทาน...ชนะการให้ทั้งปวง

204



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญกลมนั่งราหู (นั่งในปากหนุมาน) พ.ศ. 2525
เนื้อทองแดงรมดำ
จัดสร้างจำนวน 7,000 เหรียญ

 :001: :002: :001: :002: :001: :002: :001: :002:

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

205





น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เป็นภาพที่ถ่ายจากในนิตยสารพระเครื่องฉบับหนึ่งครับ ไม่ค่อยได้เห็นที่ไหน (หลวงพ่อเปิ่นฉันภัตตาหาร) เลยถ่ายมาให้ชมกันครับ
เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ นิตยสารฉบับใดลง ข้อมูลเกี่ยวกับหลวงพ่อเปิ่น ก็จะซื้อมาอ่านและเก็บไว้อ่ะครับ


ภาพที่เห็นเป็นภาพหลวงพ่อเปิ่น....อยู่ที่กุฎิเก่าครับ
(บริเวณโต๊ะหมู่บูชาพระพุทธรูป ที่กุฎิหลวงพี่ญา)
ลูกศิษย์คนใด สักเสร็จแล้ว ก็จะต้องมาให้หลวงพ่อเปิ่นเป่าให้ อีกครับ

นำมาให้ท่านได้ชมกันครับ ภาพเก่า ๆ ที่ทรงคุณค่า มากมากครับ



  คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

206


ปลัดกวางเหลียวหลัง รุ่นพิเศษ มหาเมตตา วัดบางพระ นครปฐม

นำมาให้ชมกันครับ ติชมได้นะครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
 :001: :002: :001:


207
การแผ่เมตตา คือ การคิดบวก พูดบวก มองหาดี

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก
แต่ความจริงหากฝึกให้เป็นนิสัย ก็เป็นเรื่องง่าย
เพราะโดยธรรมชาติแล้ว
เราชอบใคร เราก็อยากไปหาคนนั้น
เรารักใครมาก ก็อยากยกให้เขาหมด
มีอะรก็ให้หมดได้โดยไม่รู้สึกเสียดาย

แม้บางครั้ง เขาไม่อยากได้
เรายังอุตส่าห์ยัดเยียดให้เลย ถ้าพอใจ ภูมิใจ
พอเขาไม่รับ ก็อาจเสียใจลึกๆ
หาว่าไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่ยินดีตอนรับ
จากรักก็พาล จะกลายเป็นร้ายไปได้

มาถึงคนที่เราเกลียดชัง
เรื่องจะแบ่งใจให้ไม่มีอยู่แล้ว
เรื่องง่ายก็มักเป็นเรื่องยากเสมอ
จึงจำเป็นต้องหาวิธีแผ่เมตตาที่แยบคาย

โดยธรรมชาติมนุษย์ เกลียดชังใคร
แม้แต่เงา เราก็ไม่อยากเห็น มีอะไร ก็ไม่อยากให้
เราไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนๆ นั้น
ต้องการเดินคนละเส้นทาง ห่างได้ยิ่งดี

แต่เขาลืมคิดไปว่า ทางอารมณ์เราหนีตัวเองไม่ได้
ยิ่งเดินหนีก็ยิ่งวิ่งตาม
อารมณ์โกรธเกลียด ก็มักจะวิ่งตามขนาบเราไป
บางทีก็วิ่งข้ามภพข้ามชาติไปกับเรา
ก่อเหตุร้ายไม่สิ้นสุด
ยุติพยาบาทในชาตินี้ให้ได้
แผ่เมตตาให้ อโหสิกรรมกันให้ได้ในชาตินี้

จะมีใครคิดบ้างว่า
ศัตรูบางคน ตั้งความปรารถนาขอไปเกิดเป็นลูกของเราก็มี
เพื่อจะได้เผาผลาญจิตใจของเราให้ถึงที่สุด
เช่น ลูกบางคนเกิดมา เพื่อผลาญทรัพย์สินสมบัติของพ่อแม่
ทำให้พ่อแม่เกิดทุกข์ สอนไม่ได้ บอกไม่ฟัง
ทำให้พ่อแม่นอนเป็นทุกข์ กินไม่ได้
ไม่เคยมีความภูมิใจในลูก มีแต่ความกลัดกลุ้มใจ

บางคนพ่อแม่ถึงขนาดตัดขาดจากความเป็นพ่อแม่ลูกกันก็มี
สิ่งเหล่านี้ เราต้องมองให้ออก
และหาวิธีแก้ต้นเหตุที่ระบบความคิดของเราให้ได้


แต่ช่างน่าแปลกเหลือเกินที่คนเราชังใครมากๆ
มักจะต้องได้เกี่ยวข้องกับคนนั้น
ไม่อยากเห็นหน้าใคร ก็มักจะได้เห็นเขาอยู่บ่อยๆ
ยิ่งเกลียดยิ่งได้อยู่ใกล้
ถึงขนาดบางคนต้องมาอยู่เป็นคู่ชีวิตก็มี
กรรมเวรมีจริง ผลของการอาฆาตพยาบาท ให้ผลร้ายขนาดนี้

อะไรทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
พลังงานความคิดที่เรา ไม่ยอมปลดปล่อยอารมณ์ออกไปนั้นเอง เป็นเหตุ
สังเกตดูให้ดีจะเห็นว่า เราคิดเกลียดเมื่อใด
ก็เท่ากับเราทาสีลงบนผ้า ที่สีกำลังจะเลือนหายไป

เราคิดโกรธเมื่อใด
เท่ากับเราตอกย้ำให้เกิดความคมชัดทางความรู้สึกขึ้นมาอีกเท่านั้น
เป็นการเติมมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม
ที่มีต่อคนๆ นั้น ให้คงเหลืออยู่ตลอดเวลา
ทั้งๆ ที่ใกล้จะเลือนหายไปแล้ว

คนเราชอบพูดถึงคนที่เราเกลียด
เมื่อพูดบ่อยๆ อารมณ์นั้นก็จะฝังแน่นในใจ
แม้ไม่ปรารถนาจะเก็บความไม่ดีของคนนั้นไว้
เขาหารู้ไม่ว่า นั่นคือ การนำขยะที่เน่าเหม็นมาเก็บไว้ในใจตัวเอง

ในที่สุด ใจเราก็เต็มไปด้วยอารมณ์เกลียด
อารมณ์เน่าเฟะอยู่ในใจเรา
พึงจำไว้ว่า คนที่เราเกลียดชังหรือโกรธแค้น

หยุดพูด...ก็หยุดคิด
หยุดคิด...ก็เลือนหาย

เพียงแต่เราอดใจไม่ได้ มักย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำพูด
สติเราไม่พอกับความรุนแรงของอารมณ์
การยับยั้งชั่งใจไม่เข้มแข็ง
จึงต้องเหยียบย่ำทำกรรมในใจตัวเอง


ขอให้สังเกตดูให้ดี เรื่องนิดเดียวสามารถบานปลาย
ได้ด้วยคำพูดเพียงคำเดียว
บางทีเราพูดนิดเดียว แต่คนฟังนำไปขยายต่ออีกสิบ
พูด ๒ ครั้ง ก็นำไปขยายต่ออีกนับไม่ถ้วน
ความเกลียดชัง อาจเริ่มต้นจากจุดนิดเดียว

แต่กลายเป็นเชื้อไวรัสมากมาย
เพราะคำพูดของเรา เพราะปากของเราเอง
เพราะเห็นแก่ความสนุกปาก

การปรับทุกข์ในบางครั้ง
ก็ไม่ต่างอะไรกับการเติมเชื้อเพลิงความทุกข์ ให้ตัวเอง
เติมเชื้อแห่งความอาฆาตพยาบาท ลงไปในจิตใจเราเอง


ในทางพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงสอน
ให้เราแผ่เมตตาด้วยการใช้คำว่า

?สัพเพ สัตตา แปลว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง?

คำนี้มีนัยที่สำคัญมาก
นั่นคือ ทรงสอนให้เราแผ่เมตตาให้ถึงศัตรูได้ โดยไม่รู้สึกติดขัด

การแผ่เมตตาให้คนที่เราเกลียดทำได้ยาก
แต่จำเป็นยิ่งกว่าแผ่เมตตาให้คนที่เรารัก
เพราะปัญหาอยู่ที่ความรู้สึกเป็นศัตรู มิใช่ความรู้สึกรัก
ยิ่งเกลียดมากยิ่งต้องใช้พลังจิตสูง
แต่ถ้าทำได้แล้ว ก็สบายใจไปตลอดชีวิต

อาจจะยากเพียงครั้งแรกครั้งเดียว...ครั้งต่อไปก็ง่าย
ยิ่งเราได้ปฏิบัติเป็นประจำจนเคยชิน...ของยากก็เป็นของง่าย
ทุกอย่างก็ถือเป็นปกติ ไม่มีอุปสรรคขัดข้อง
และความรู้สึกเป็นศัตรูหรือโกรธเกลียด อาฆาตพยาบาท...ก็จะหมดไป
ก็จะเลือนหายไปจากใจเรา...กระทั่งหมดสิ้น

ในที่สุด คนที่เคยเป็นศัตรูเราก็จะกลับกลายเป็นมิตร...ไม่ช้าก็เร็ว
การก่อเวรข้ามภพข้ามชาติกัน...ก็จะหมดไป
ทุกชีวิตก็จะปลอดจากภัยเวรในสงสารวัฏ
เกิดภพใดชาติใด ก็จะพบแต่คนดี
มีคนอุ้มชูช่วยเหลือ จะทำให้มีครอบครัวดี มีลูกดี
มีรูปสมบัติ มีสติปัญญาดี
เพราะทุกอย่างเริ่มต้นที่ ?ทำใจดี? ให้ได้ในวันนี้

ที่มา : ศาลาธรรม

208
ถ้าสวด -ท่องบทสวดมนต์ผิด...บาปหรือไม่???

ในประเด็นคำถามที่ว่า....

การที่เราสวดมนต์หรือท่องคาถาต่างๆ
แล้วท่องผิดหรืออ่านคำบาลีไม่ถูกต้อง จะมีผลอย่างไร ?
แล้วเราจะได้รับตามวัตถุประสงค์ของคาถานั้นหรือไม่ ?


การสวดมนต์เป็นสิ่งที่ดี
>>>...คือทำให้ใจของผู้สวดเป็นสมาธิ
>>>...จิตผ่องใส มั่นคงมากขึ้น
>>>...ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากที่เราจะลืมเสียไม่ได้
>>>...ก็คือ ช่วยอนุรักษ์คำสอนของพระพุทธเจ้าเอาไว้


เพราะฉะนั้นในแต่ละวันการสวดมนต์โดยเปล่งเสียงออกมาจากลึกภายในใจ
(หรือลองหาบทสวดมนต์บทต่าง ๆ มาฟัง แล้วเราเครียด กลุ้มใจ ไม่สบายใจ)
การได้ฟัง ได้สวดบทมนต์นั้น ๆ ก็สามารถให้จิตใจเราผ่องใส เบาสบาย
ได้เป็นอย่างดียิ่ง (อาตมาได้ปฏิบัติดู ได้ผลจริง ๆ)


ฟังเพลง ดูหนังดูละคร บางครั้งก็ช่วยผ่อนคลายความรู้สึกบ้าง
แต่ก็ยังไม่ดีเท่ากับการได้สวดหรือฟังบทสวดมนต์
เพราะการสวดและการฟังได้บุญด้วย

สำหรับเวลาสวดมนต์ต่างวัดต่าง ๆ
ก็จะมีกำหนดเวลาแน่นอน เป็นกิจวัตรของสงฆ์


เช่น การทำวัตรเช้า ในเวลา ๐๕.๐๐ น. หรือเวลา ๐๘.๐๐ น.
การทำวัตรเย็น ในเวลา ๑๘.๐๐ น. หรือเวลา ๑๗.๐๐ น.


>>>...ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาของการบริหารออกกำลังภายในกาย
>>>...ที่จะทำให้ช่วยบริหารระบบภายในได้อย่างดี
>>>...จะได้ว่า...ส่วนใหญ่พระสงฆ์จะมีสุขภาพจิตดี
>>>...เพราะได้ปฏิบัติตามหลักที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้


ที่พวกเราได้มีหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาศึกษากันอยู่ตราบทุกวันนี้
ก็เพราะการสวดมนต์ของพระสมัยรุ่นแรก ๆ

เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีการบันทึกเป็นหนังสือหรือตำราอย่างเช่นสมัยนี้
พระสมัยนั้น ท่านจึงต้องเรียนวินัย ข้อห้าม คำสอน
และเรื่องราวต่าง ๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้
ด้วยการท่องจำ ที่เรารู้จักกันว่า ?มุขปาฐะ?
คือ..ท่องจำโดยปากเปล่าอย่างขึ้นใจ นั่นเอง


นี่จึงเป็นผลดีของการสวดมนต์
ขณะที่สวด ใจของผู้สวดเป็นสมาธิ
>>>...ไม่วอกแวก ไม่ฟุ้งซ่าน
>>>...ทำจิตใจให้สดชื่นเบิกบาน
>>>...คลายความเครียดกังวลต่าง ๆ ลงได้
>>>>...สุขภาพจิตดีและยังสามารถลดอาการป่วยหรือโรคภัยบางอย่างได้


สาเหตุเพราะว่า...
การสวดมนต์เป็นผลดีแก่ระบบของอวัยวะภายในร่างกายเรา
เป็นการสัมพันธ์กันระหว่างการหายใจ การออกเสียงสั้น-ยาว เป็นจังหวะ
>>>...หากเราสังเกตเวลาที่พระสวด
>>>...แต่ละบทจะมีทำนองแตกต่างกัน
>>>...บางครั้งช้า บางครั้งเร็ว
>>>...ซึ่งเป็นการออกกำลังบริหารอวัยวะภายในได้อย่างวิเศษที่สุด
>>>...ที่พระพุทธเจ้าของเราค้นพบวิธีนี้เป็นบุคคลแรก


ส่วนการสวดผิด ท่องคำผิดนั้น
มีวิธีแก้ไข คือ
>>>...แรก ๆ ให้อ่านช้า ๆ อย่างถูกต้องก่อน
>>>...ให้ชำนาญ ให้คล่องปาก
>>>...และใส่ใจในการสวด มีสติกับการสวด
>>>...หากไม่มั่นใจในคำสวดนั้น
>>>...ก็ถามผู้รู้...ก็สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้..


สำหรับผู้ที่ยังสวดหรือท่องยังไม่ได้ ไม่คล่องปาก
ก็ใช้วิธีดูหนังสือบทสวดก่อน ก็ไม่ผิดอะไร
การดูหนังสือบทสวดมนต์ในขณะสวด
ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เรามีจิตใจจดจ่อเป็นสมาธิในบทสวดมนต์
และถ้าได้รู้ความหมาย แบบสวดมนต์แปลด้วย
ยิ่งทำให้เราซาบซึ้งในอรรถรสทางภาษา
และพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณของพระรัตนตรัยเป็นอย่างดีด้วย


ส่วนการสวดมนต์/ท่องคาถาอย่างถูกต้อง
และคล่องปาก ขึ้นใจ เป็นสมาธิ
จิตแน่วแน่ จะทำให้เกิดผลดีต่อผู้สวดอย่างแน่นอน
>>>...และถ้าเราปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนด้วย
>>>...มีสติ ไม่ประมาท
>>>...ก็จะทำให้มีอานุภาพเป็นอย่างดี


การสวดมนต์ไม่ได้มีจุดมุ่งหมาย
เพื่ออ้อนวอน ขอพร โดยที่ไม่ได้ลงแรง ลงมือทำ
>>>...แต่การสวดมนต์จุดมุ่งหมาย คือ
>>>...เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย
>>>...และน้อมนำหลักธรรมคำสอนมาปฏิบัติต่างหาก
>>>...และทำจิตใจของตนเองให้เป็นสมาธิ
>>>...จิตแน่วแน่...อย่างแท้จริง
>>>...นั้นคือ จุดมุ่งหมายของการสวดมนต์อย่างแท้จริง


ส่วนผลจะเกิดอย่างไรนั้น...
สิ่งที่ได้ทันที หรือทันตาเห็น
หรือที่เรียกว่า ได้รับอานิสงส์จากการสวดมนต์ คือ
๑. ได้กล่าวภาษิตเป็นมงคล
๒. ได้ผลพัฒนาความจำ
๓. ได้ทำสติเจริญยิ่ง
๔. ได้จิตนิ่งเป็นสมาธิ
๕. ได้ผลิปัญญารู้เห็น
๖. ได้บำเพ็ญกุศลที่ถูกต้อง
๗. ไล่ความขี้เกียจ
๘. ตัดความเห็นแก่ตัว
๙. ได้เฝ้าพระพุทธเจ้า


ที่มา : สรรพธรรมนำสรรพากร..ธรรมะสวัสดี ฉบับที่ ๑๑๒
ขอบคุณบทความจาก ธรรมะไทย

209


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญฉลองพระครูชั้นเอก ๓ (พระครูฐาปนกิจสุนทร)
เนื้อทองแดงรมมันปู สร้างจำนวน 50,000 เหรียญ  ในปี พ.ศ.2533
เหรียญรูปไข่  ขอบเหรียญเป็นเกลียวเชือก ด้านหลังเป็นยันต์อักขระ


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

210
การมองโลกในแง่ดีดีกว่าการมองโลกในแง่ร้าย
แต่ทั้งดีและร้ายก็เป็นของคู่กัน

ทั้งสองส่วนนี้อยู่ภายใต้กฏของธรรมชาติ
ลองที่จะฝึกมองโลกตามความเป็นจริงดีกว่า
เราจะเห็นว่าสรรพสิ่งที่กำลังปรากฏขึ้น
เป็นของที่ทนอยู่ได้ยากทั้งสิ้น
มันเกิดขึ้น ทนอยู่ได้ยาก(มีความเสื่อม) และจบลง(สลายไป)
ถ้าเรามองทุกอย่างเป็นจริงอย่างนี้


เราก็จะไม่คิดดี คิดร้าย
เราจะมีอิสระในมุมมองของเราที่เปิดกว้าง
และใจมีที่ว่างพอจะละจากการยึดมั่นถือมั่น
เป็นการฝึกความมั่นคงทางใจ
ที่จะมีชีวิตอยู่เหนือดีและร้าย (ไม่ยึดเลย)


ทุกคนทำได้ ไม่ใช่เรื่องของนักบวช
ถ้าจะเปิดใจของเราที่จะฝึกมองวิถีชีวิตของเราอย่างมีสติ
เราจะพบว่า เมื่อเราทอดสะพานแห่งสติ
ชีวิตของเราจะทุกข์น้อยลง จงมองโลกตามความเป็นจริง
ที่เห็นว่าสรรพสิ่งทั้งหลาย อยู่ภายใต้กฏธรรมชาติ...


     เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และจบลง


   บทความจาก หนังสือสาวิกา จัดทำโดย เสถียรธรรมสถาน
 
 
 

211

ทางเข้ากุฎิหลวงปู่แล ครับ   วัดพระทรง  เพชรบุรี


กราบนมัสการหลวงปู่แล ครับ :054: :054: :054:


หลวงปู่แล แบบใกล้ชิดท่านครับ


หิ้งพระและเศียรครูต่าง ๆ ภายในกุฎิหลวงปู่แล ครับ  (อยู่ภายในกุฎิท่าน ขนลุกซู่ซ่าเลยครับ)



รูปหลวงปู่แล


รูปหล่อหลวงปู่แล อยู่ด้านหน้ากุฎิ









212
บทความ บทกวี / ....ผลช้า..ผลเร็ว..
« เมื่อ: 28 ก.ค. 2552, 06:51:34 »
ผลแห่งกรรม
คือ..ผลแห่งการกระทำ
ที่ประกอบด้วยเจตนา..ทั้งดีและชั่ว

คุณค่าของการให้ผลแห่งกรรมดีและชั่ว
ก็มีข้อดี ? ข้อเสีย แตกต่างกัน

เมื่อใดที่ผลแห่งความชั่ว
ให้ผลช้า..
ก็จะทำให้เรามัวแต่ประมาท
และคิดว่า..ความชั่วที่ทำไม่มีผล..

แต่เมื่อใดที่ผลแห่งความชั่ว
ให้ผลเร็ว..
ก็จะทำให้เราไม่สามารถตั้งตัวรับได้..
และกล่าวโทษ..ความผิด..ความชั่วของตนเอง
และเริ่มเชื่อว่า..กรรมชั่วนั้นมีจริง..ให้ผลจริง..


หากเมื่อใดก็ตาม..ที่ผลแห่งกรรมดี..
ให้ผลช้า..
ก็จะทำให้เรา..เกิดความท้อแท้ใจ..เป็นทุกข์
และคิดว่า..ความดีที่ทำไม่มีผล..

แต่เมื่อใดก็ตาม..ที่ผลแห่งกรรมดี..
ให้ผลเร็ว..
ก็จะทำให้เรา..ชื่นใจ..ยินดี..เป็นสุข
ในผลแห่งกรรมดีนั้น..
และเชื่อว่า..กรรมดีนั้นมีจริง..ให้ผลจริง..

หากเราได้พิจารณาอย่างถ่องแท้แล้ว
จะทำให้เราเข้าใจและรับรู้ว่า..
ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี-กรรมชั่ว..
ย่อมให้ผลแห่งการกระทำนั้น ๆ อย่างแน่นอน

ที่สำคัญ..
จะทำให้เราเข้าใจและรับรู้
ความเป็นไปต่าง ๆ ของชีวิตได้
และจะทำให้เราไม่ประมาทมัวเมาในชีวิต

ละสิ่งที่ไม่ดีได้
ทำแต่สิ่งที่ดีงาม
ต้องพยายามทำจิตใจให้ผ่องใสตลอดเวลา


กาย..ก็พ้นทุกข์
จิต...ก็สุกใส
เพราะรู้และเข้าใจอย่างเท่าทัน


บทความ..โดย..ชายน้อย

ที่มา : ศาลาธรรม

213
บทความ บทกวี / ...~~การระวังใจ~~...
« เมื่อ: 27 ก.ค. 2552, 08:34:23 »
การระวังใจ...สำคัญยิ่งนัก...
การระวังใจ จึงสำคัญยิ่งนัก...
ปล่อยใจให้คิดสูงส่งงดงามไปด้วยบุญกุศล...
ชาตินี้ก็เป็นสุขเบิกบานด้วยอำนาจของบุญกุศลที่ใจคิดถึง


ละชาตินี้ไปแล้วจะได้มีชาติใหม่ที่งดงาม...
ควรแก่ความงดงามของความคิดที่มีอยู่ในจิตใจ...
ผู้พรั่งพร้อมด้วยสมบัติทั้งกายและทางใจที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
คือ ผู้ที่เป็นไปตามอำนาจของใจในอดีต...


อันย่อมมีผลสืบเนื่องถึงอำนาจของใจในภพชาติใหม่ด้วย...
ส่วนผู้ที่ปล่อยใจให้คิดต่ำทรามชั่วร้าย ด้วยบาปอกุศล...
ชาตินี้ก็เป็นทุกข์เร่าร้อนด้วยอำนาจของบาปอกุศลที่ใจคิดถึง..
ละไปแล้วจะได้มีชาติใหม่ที่ต่ำทรามบกพร่อง...


ควรแก่ความต่ำช้าของความคิดที่มีอยู่ในจิตใจ...
ผู้ขาดแคลนทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ
ที่เห็นกันอยู่ไม่น้อยในปัจจุบัน...
คือ ผู้เป็นไปตามอำนาจของใจในอดีต...


อันย่อมมีผลสืบเนื่องถึงอำนาจของใจในภพชาติใหม่ด้วย..
'จึงพึงระวังความคิดให้อย่างยิ่ง'...
ให้งดงามด้วยบุญกุศลไว้เสมอ....
จะได้ไม่ต้องมีสภาพที่ไม่เป็นที่พึงปรารถนา...ฯ


ที่มา : ~~สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก~~

ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
:054: :054: :054:



214
คนโง่ มักจมอยู่ในอารมณ์
ด้วยคิดว่าอารมณ์คือเขา เขาคืออารมณ์
อารมณ์ทั้งหลายจึงขึ้นข่มขี่จิตใจของเขาเสมอ


คนฉลาด ชอบปฎิเสธอารมณ์
เพราะคิดว่าอารมณ์คือสิ่งรบกวน
ทำตัวเหมือนคนสงบทีไร้อารมณ์
จมจ่อมอยู่กับตนอย่างเดียวดาย


คนเจ้าปัญญา ย่อมบริหารอารมณ์
สร้างอารมณ์ที่ควรสร้าง
เสพอารมณ์ที่ควรเสพ
ควบคุมอารมณ์ทีควรควบคุม
รักษาอารมณ์ที่ควรรักษา
สลายอารมณ์ที่ควรสลาย
เขาจึงเป็นนายของอารมณ์โดยสมบูรณ์



คัดจาก...คนโง่ คนฉลาด คนเจ้าปัญญา โดย ไชย
ขอบคุณบทความ ศาลาธรรม

215


ตะกรุดหนังงูเหลือมมหาเสน่ห์ โชคลาภ

เป็นตะกรุด....จำพวกงูหลามและงูเหลือม มีอาถรรพณ์ในตัวสูง เหมือนมันใช้มนต์สะกด ให้สัตว์ทั้งหลาย ทั้งเล็กใหญ่ เข้ามาหามัน มาให้มันกินถึงที่ อ้าปากรอรับเหยื่ออันโอชะ ครูบาอาจารย์ผู้มีภูมิความรู้สูง

เด่นและดีทางด้านโชคลาภ เสน่ห์ บันดาลโชคลาภเป็นที่สุด เข้าหาเจ้านาย ค้าขาย เจรจาธุรกิจ เมตตา  

หนังงูเหลือม เป็นของที่มีอาถรรพ์ในตัวเอง  โดยธรรมชาติของงูจะต้องเลื้อยออกไปหากิน แต่งูเหลือมนั้นเมื่ออายุมากแล้วจะไม่ออกไปหากินแล้ว แต่จะออกเดินทางสร้างอาณาเขตในการนอนรออาณาเขตวงกลมรอบๆที่งูเหลือมนอนอยู่ ในวงอาณาเขตนี้ ถ้าสัตว์ใดหลงเดินเข้ามาอย่าหวังจะได้ออกไปอีก เหมือนโดนคาถาต้องมนต์งงงวย สัตว์เหล่านั้น จะเดินเข้าไปให้งูเหลือมตัวนั้นกินแบบง่ายๆ  แม้แต่งูตัวเมียก็จะเดินเข้ามาให้ผสมพันธุ์อยู่ไม่ขาด เหมือนต้องมนต์สะกด  เหตุนี้ตำราโบราณจึงบอกว่าเป็นของดีที่วิเศษในตัว
อิทธิคุณ  
- ดีในด้านเสี่ยงโชค (สะกดคนที่เล่นการพนันกับเรา)
- ดีในด้านทำมาหากิน มีลูกค้ามาหาเอง (เหมือนที่เหยื่อเดินเข้ามาให้งูเหลือมกินเองแบบสบายๆ)
- ดีในด้านมหาเสน่ห์ (เช่นที่มีงูตัวเมียเข้ามาให้ผสมพันธุ์ไม่ขาด)


มหาเสน่ห์ เมตตาค้าขาย โชคลาภ หากินคล่อง ไม่ฝืดเคือง ไม่อดไม่อยาก มหาเสน่ห์

คาถาบูชา
สาทิโก ปาปาปินัง รานะปิยังมะมะ ปุริสานังปิยังมะมะ อิตถีนังปิยังมะมะ ปัญฑิตานัง ปิยังมะมะ สิททิเสนโต สิริโมหิ


***ปลุกเสกโดยหลวงพี่อภิญญา ใช้เวลาประมาณร่วม 3 ชั่งโมง
ร่วมกับพระคณาจารย์ ประมาณ 30 รูป ที่ วัดระฆังโฆษิตตาราม กรุงเทพฯ
วันที่ 25 ก.ค.52 ที่ผ่านมา


สอบถามได้ที่...คุณอ๊อด บางแค(เทอโบ) :001: :001: :001:






216


กราบนมัสการหลวงปู่ทิมครับ :054: :054: :054:


พระอุโบสถ์ วัดพระขาว


พุทธศาสนิกชน กราบสักการะ สังขาร หลวงปู่ทิม วัดพระขาว อยุธยา


สรีระสังขารหลวงปู่ทิม ไม่เน่าเปื่อย



ตุ๊กตาดินเผา น่ารักดีครับ





217


วัดตูม
วัดตูมพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ริมคลองวัดตูม และริมถนนอยุทธยา-อ่างทอง ห่างจากอยุธยาประมาณ 5-6 กิโลเมตร ทราบกันว่าเป็นวัดโบราณ สร้างมาก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และเคยเป็นวัดร้างมาครั้งหนึ่งเมื่อคราวเสียกรุงใน พ.ศ.2310 จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลที่ 1 จึงได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นอีก ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯให้ยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี และรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาบำเพ็ญกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดนี้หลายครั้ง วัดนี้จึงเป็นพระอารามหลวงที่มีความสำคัญวัดหนึ่งมาแต่ในรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา
   



วัดตูม
สิ่งสำคัญในวัดเฉพาะที่เป็นปูชนียวัตถุคือ พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองปางมารวิชัย สามองค์ และพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ทรงเครื่องปางมารวิชัย ที่เรียกกันว่า "หลวงพ่อสุข"




วัดตูม
"หลวงพ่อสุขสัมฤทธิ์" เรียกกันสามัญว่า "หลวงพ่อสุข? พระพุทธรูปองค์นี้มีลักษณะแปลกประหลาดกว่าพระพุทธรูปองค์อื่นๆในประเทศไทยคือ ที่พระเศียรตอนเหนือพระนลาฏเปิดออกได้ พระเกศมาลาทอดได้ภายในพระเศียร เป็นบ่อกว้างลึกไปเกือบถึงพระศอ มีน้ำไหลซึมออกมาตลอดเวลา เหมือนหยาดน้ำเหงื่อ เป็นน้ำใสเย็นบริสุทธิ์ รับประทานได้ โดยตักออกมาจนแห้งก็ยังมีซึมออกมาอีก ชาวบ้านนับถือกันมากเพราะว่าบัดบัดโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างน่าอัศจรรย์




วัดตูม
นอกจากนี้ภายในวัดตูมยังมีสระน้ำข้างพระอุโบสถ กล่าวกันว่านำในสระนี้ได้ใช้ในการทำพิธีลงเครื่องพิชัยสงคราม เช่น ชุบพระแสงตลอดมา เมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินครั้งหลังสุด พ.ศ. 2451 เพื่อประกอบพิธีชุบพระแสงขรรค์ราชศัตรา มีราษฏรไปรอเฝ้าชมพระบารมีกันเต็มท้องน้ำ

ที่มา : www.thaitambon.com





ภายในพระอุโบสถ์

218
บารมี-อารมณ์-กรรมฐาน
ทางประเสริฐของการดำเนินชีวิต จึงได้แก่....
การวางเฉยในอารมณ์ทั้งปวง...
คือ....'อุเบกขา'


อารมณ์ที่น่ารักดีใจผ่านมาก็เฉย...
อารมณ์ที่น่าชังเสียใจผ่านมาก็เฉย...
อารมณ์ที่น่าตระหนกตกใจผ่านมาก็เฉย...


โดยมีความสำนึกว่า....
อะไรจะเกิดไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี...มันก็ต้องเกิด..
อะไรจะดับไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี...มันก็ต้องดับ...


เราจะห้ามไม่ให้เกิด-ไม่ให้ดับ....ไม่ได้
เหมือนห้ามความร้อน-ความหนาวไม่ได้ ฉันนั้น...
ผลก็คือ....


1.ไม่เสียโครงการของชีวิตที่สำคัญ
2.ไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจ
3.ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
4.ไม่ต้องล่องลอยไปตามอารมณ์


และนี่คือ...ทางแห่งความสำเร็จชั้นยอดของมนุษยชน..
เป็น...'บารมี' ที่ยิ่งใหญ่
เป็น...'ยอดบารมี'....ฯ


ที่มา : พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมโม)

219
บทความ บทกวี / ........ทำ 3 สิ่ง
« เมื่อ: 26 ก.ค. 2552, 08:37:36 »
หยดธรรมะไว้ในดวงใจ...ทีละเล็กละน้อย

คำสอนของพระพุทธเจ้าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก  ประเสริฐยิ่งนักเป็นของจริงแท้แน่นอน เป็นอยู่อย่างมั่นคงทุกยุคสมัย ทุกกาลเวลา



?ทำดี งดทำชั่ว ทำใจให้ผ่องใส?


ทำดี เพราะต้องทำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุดจนกว่าเต็มส่วน

เพื่อเพิ่มพูนบุญบารมีให้มากขึ้นดังเช่นที่พระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีนับแสน อสงไขย กัล์ป

และที่พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปก็ได้สร้างสมบารมีตามที่มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฏก



งดทำชั่ว คือหยุดการทำบาป

เพราะไม่ให้มาถ่วงบุญ  ไม่ให้วิบากกรรมมาหน่วงเหนี่ยวบุญ หรือตัดโอกาสสร้างความดี



ทำใจให้ผ่องใส เพื่อทำใจให้สว่าง ได้ตรัสรู้และได้ปัญญา

ส่วนมากคนทำแต่บุญภายนอก เช่นปล่อยปลา ปล่อยเต่า ทำทาน สร้างพระ สร้างหนังสือธรรมะ



แต่ ไม่ได้ทำบุญภายใน คือการปฏิบัติ การภาวนานั่งสมาธิชำระจิต

อย่างที่พระอรหันต์สาวก บำเพ็ญเพียรให้เห็นอยู่เนืองๆ

ที่สุดท้ายคือสิ่งเดียวกัน
  ..... คือพระนิพพาน

ที่มา : ศาลาธรรม

220




บุญกุศล คือ ความดี ไม่ก่อกวน ไม่สร้างความเดือดร้อน

ที่มา : คำสอนหลวงปู่ชา
  :054: :054: :054:

221
จิตสงบเย็น ไม่เป็นทุกข์

ถ้าท่านไม่มองหาความสงบ...
ไม่ทำจิตให้ปล่อยวาง...
แต่หันไปอยากได้อยากดีกับสิ่งภายนอก...

เห็นสิ่งนั้นก็อยากได้อย่างนั้น...
เห็นสิ่งโน้นก็อยากได้สิ่งโน้น...
จิตของท่านก็จะสับสนวุ่นวาย และเป็นทุกข์...


แต่ถ้าท่านมองเห็นความสงบของ'จิต'....
และควบคุมจิตไม่ให้เกิดความอยาก...
ความทะเยอทะยานที่ไม่รู้จักพอ...ขึ้นมาแล้ว

จิตของท่านก็จะสงบเย็นอยู่ตลอดเวลา...
ไม่ว่าท่านจะยืน-เดิน-นั่ง หรือนอนที่ใดก็ตาม...
ไม่ว่าท่านจะเป็นคนร่ำรวยหรือยากจน..

สักเพียงใดก็ตาม....
ท่านก็จักไม่เป็นทุกข์...


ที่มา : บทความจากหนังสือ...ชีวิตเป็นสุข

ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์

222



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญนั่งเสือ รุ่น 2 เนื้อโลหะผสม (เหรียญหน้าบรรณ)
จำนวนการสร้าง 50,000 เหรียญ
จัดสร้างในปี 2533
เหรียญรุ่นนี้เป็นทุนทรัพย์(ส่วนตัว) ของหลวงพ่อเปิ่น ในการจัดสร้างเหรียญรุ่นนี้ ครับ


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

223


กราบนมัสการหลวงปู่ทิม วัดพระขาว อยุธยา   :054: :054: :054:

วันนี้ได้ดูรายการ บันทึก ลึกลับ ทางช่อง ททบ. 5 เวลา 18.00 น.
 
สัปดาห์หน้า วันศุกร์ที่ 31 ก.ค.52 ทางรายการได้ไปถ่ายทำหลวงปู่ทิม วัดพระขาว อยุธยา สังขารไม่เน่าเปื่อย ครับ

อย่างใกล้ชิดมากมากครับ เพราะดูตัวอย่างมาครับ
ลองติดตามชมกันนะครับ มาแจ้งข่าวให้ทราบกันครับ สวัสดีครับ
:002: :001:

224
คุณอยากรู้ไหม..
ว่า...ทำไมจึงมีคนเกิดมาแล้ว...เป็นกระเทย..


สาเหตุแห่งกรรม...
มาจาก..การผิดศีลข้อที่ ๓
>>>...กาเมสุ มิจฉารา เวระมะณี ฯ
>>>...การผิดลูกผิดเมียของผู้อื่น..
>>>...การเป็นชู้..การเป็นมือที่ ๓..
>>>...จะเป็นกุ๊ก..(เสี่ยเลี้ยง)..หรือจะเป็นกิ๊ก..(ชู้..ทางอารมณ์)..


การทำกรรมเหล่านี้
ได้ชื่อว่า..ประมาทมัวเมา..(ต้องระวัง)...

ผลกรรม..ทำให้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน..
>>>......และถูกจับตอน..๕๐๐ ชาติ..

เศษกรรม..
>>>.....เมื่อเกิดมาแล้ว..เป็นทอมบ้าง..เป็นกระเทยบ้าง..
>>>.....มีเพศวิปริต.. ๒ เพศบ้าง..
>>>.....ด้านบนเป็นชาย...ด้านล่างเป็นหญิงบ้าง...
>>>.....หรือ..ด้านบนเป็นหญิง...ด้านล่างเป็นชาย...บ้าง...(เรียกว่าผิดเพศ)..


และเกิดมาจะไม่สมหวังในรัก..ผิดหวัง..เสียใจ..
จะถูกโกง..จะถูกโกหกหลอกลวง..ไม่มีใครจริงใจ..
และจะเสียของรัก...


แม้ในสมัยพระพุทธเจ้า...
ลูกชายเศรษฐี...
เห็นรูปองค์ของพระมหากัจจายนะ (หล่อเหลา)..
เกิดความรักใคร่ขึ้น..อยากให้พระเถระมาเป็นเมีย..
เพียงแค่คิดเท่านั้น..
ปรากฏว่า..ลูกชายเศรษฐี..กลับกลายเพศเป็นผู้หญิงทันที...
แล้วหนีไปอยู่ที่อื่น..แล้วแต่งงาน..คลอดลูกถึง ๓ คน..
ก็นึกสลดใจมาก..
ในชาติตัวเองเกิดเป็นชาย..กลับกลายเป็นหญิง..
กลับกลายเป็นชาย..อีกครั้ง..

นี่เพียงแค่คิด..(ผลได้บังเกิดขนาดนี้)...
แล้วที่ล่วงละเมิด..จะเป็นเช่นไรหนอ..


ของของใคร...เขาก็รัก..
อย่าแม้แต่จะคิด..มีกิ๊ก..
คนมีกิ๊ก..เป็นคนมีกรรม..ชีวิตจะตกต่ำ..เพราะกรรมมีกิ๊ก(มีที่ ๓-๔-๕ ~X)


นำบทความมาเตือนสติกันครับ
ขอทุกท่านได้โปรด..
จงสำรวมระวัง...จงให้จงดี...


ที่มา : ธรรมบท..ภาค ๔..เรื่องโสเรยยภิกขุ


ขอบคุณบทความจากธรรมะไทย

225
การหัดตาย...ก่อนตาย

การหัดตาย ก็คือปล่อยใจจากสิ่งทั้งหลาย
ก่อนที่จะถูกความตายบังคับให้ปล่อย'......


ปราชญ์ทางพุทธศาสนา...คือผู้มีปัญญา ท่านสอนให้เร่งอบรม
มรณสติ นึกถึงความตาย...หัดตายก่อนตายจริง
จุดมุ่งหมายสำคัญของการหัดตายก็คือ...เพื่อปล่อยใจจากสิ่ง
ทั้งหลายก่อนที่จะถูกความตายบังคับให้ปล่อย....


กิเลสเครื่องเศร้าหมองใจ ตัณหาความดิ้นรนทะเยอทะยานอยาก
อุปทานความยึดมั่นทั้งหลายทั้งปวง หัดใจให้ปล่อยเสียพร้อมกับหัดตาย
สิ่งอันเป็นเหตุให้โลภ ให้โกรธ ให้หลง ให้เกิดตัณหาอุปาทาน หัดละเสีย -
ปล่อยเสีย พร้อมกับหัดตาย ซึ่งจะมาถึงเราทุกคนเข้าจริงได้ทุกวินาที...
ไม่ว่าจะแก่เฒ่า หนุ่มสาว หรือเด็กเล็กเพียงไหน...


ที่มา : พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์

226
ความชั่วมีหลายด้านหลายทาง
แต่มันก็อยู่ในตัวของเรานี่แหละ
เกิดจากตัวของเรา มีที่ตัวของเรา
ปรากฏขึ้นที่ตัวของเรานี่เอง


เช่น เราทำชั่วโดยการลักขโมย ฉ้อโกงหรือคิดอิจฉาริษยา ประหัตประหารคนโน้น อยากฆ่าอยากตีคนนี้ นี่เป็นความชั่ว

คนที่ไม่รู้จักความชั่ว เมื่อได้ประหัตประหารคนอื่น สำคัญว่าเป็นของดี ถือว่าตนมีอำนาจอิทธิพลเหนือคนหรือเหนือสัตว์อื่นๆ อันนี้เรียกว่าไม่รู้จักของดีของชั่ว ผู้นั้นยากที่จะละความชั่วได้ เพราะเห็นของชั่วกลับเป็นของดี

การละทิฏฐิมานะก็เข้าใจว่าเป็นของเลว ไม่อยากยอมให้ใคร

มานะ คือ ความแข็งกระด้าง
ทิฏฐิ คือ ความดื้อรั้น ไม่ยอมคนอื่น


ถ้ายอมก็กลัวจะเสียรัดเสียเปรียบ อันนี้เป็นความเข้าใจผิดเพราะ มีโมหะอวิชชาอยู่ ผู้ที่ละมานะทิฏฐิ โดยไม่เห็นว่าการละเช่นนั้น เป็นการน้อยหน้าต่ำตาหรือโง่เง่าเต่าตุ่นอะไร ผู้นั้นมีความเห็นถูกต้องไม่หลง

เพราะการละทิฏฐิมานะเราไม่ต้องอาศัยคนอื่น


ไม่มุ่งถึงคนอื่น
เรามุ่งในตัวของเราเอง
มานะ อาสวะและกิเลสทั้งหลายเกิดขึ้นที่ตัวของเรา
มันทำให้เดือดร้อนวุ่นวาย
เราไม่ได้ละเพื่อคนอื่น
เราละเพื่อตัวของเราคนเดียว


เพราะความเดือดร้อนเกิดขึ้นที่ตัวของเราต่างหาก เราเห็นโทษแล้วจึงละ คนอื่นจะชมว่าดีหรือชั่วก็เรื่องของเขาต่างหาก เขาจะว่าเราโง่เง่าเต่าตุ่นไม่มีปัญญาสามารถนั่นก็เรื่องของเขาต่างหาก ส่วนเราเห็นโทษแล้วว่ามันไหม้เผาผลาญอยู่ในใจของเรา เราจึงละของเราเอง ผู้เห็นอย่างนี้จึงจะละได้และไม่ต้องรอให้คนอื่นละหมดแล้วเราจึงค่อยละ

เรื่องกิเลสคือความชั่วทั้งปวงท่านผู้ดีทั้งหลายท่านทิ้งแล้วจึงค่อยหนีจากโลกอันนี้ คล้ายๆกับว่าของชั่วเลวทรามต่างๆ ท่านผู้ดีวิเศษ ผู้เป็นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านเห็นโทษเห็นเป็นของสกปรกน่าเกลียด เห็นเป็นของเลวทรามจึงสละปล่อยทิ้งทั้งหมด แล้วจึงค่อยหนีจากโลกนี้


แต่เราปุถุชนคนหนานี่ซิ กิเลสหุ้มห่อปัญญา กลับเห็นเป็นของดิบของดี พากันแย่งชิงกันทุกหนทุกแห่งเพื่อเอาของเหล่านี้ การแย่งชิงของชั่วจึงเป็นเหตุให้เดือดร้อนวุ่นวายคนทั้งหลายในโลกจึงเป็นทุกข์

ส่วนพระอริยเจ้าทั้งหลายท่านเห็นเป็นของไม่ดี ละทิ้งหมดปล่อยวางหมด ท่านอยู่ที่ไหนก็สุขสบาย จะเป็นหมู่คณะหรืออยู่คนเดียวก็เป็นสุขสบาย ไม่มีการกระทบกระเทือน


: เพียรละความชั่ว วัดหินหมากเป้ง พ.ศ. ๒๕๑๕
: หลวงปู่เทศก์ เทศรังสี


ขอบคุณบทความจาก พลังจิตดอทคอม

227




น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

พระผงสมเด็จ 9 ชั้น หลังรูปเหมือนทรงระฆัง ขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟ
บรรจุตะกรุดทองคำ 9 ดอก
เนื้อผงเกสร สีขาวนวล จำนวนการสร้าง 299 องค์
วัตถุมงคล รุ่น สร้างระฆังใหญ่ (เส้นผ่าศูนย์กลาง 120 นิ้ว สูง 190 นิ้ว)
วัตถุประสงค์เพื่อหาทุนทรัพย์สร้างระฆังใหญ่
หลวงพ่อเปิ่นอธิษฐานจิตปลุกเสก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2543 เวลา 16.39 น.


เป็นองค์ลำดับที่ ๒๒๒ เลขตองสวยดีครับ  ไปใส่กรอบมาเห็นด้านในกรอบ บังเอิญเป็น เลข 222 เหมือนกันเลยครับ งวดนี้ไม่แน่นะจ๊ะ อิอิอิ

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

228
หมั่นสร้างบารมีไว้...แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง

"ลูกเอ๋ย...ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด
เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน

เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย
มิฉะนั้น...เจ้าจะเอาตัวไม่รอดเพราะ หนี้สินในบุญบารมี

ที่เที่ยวไปขอยืมจนพ้นตัว เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา
ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว

แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ใช้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้ แล้ว
ฟ้าดินจะช่วยเอง"....

"จงจำไว้นะ เมื่อยังไม่ถึงเวลา..เทพเจ้าองค์ใดจะ
คิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่

อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน...เมื่อบุญเราไม่เคยสร้าง
ไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า"......


ที่มา : เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
:054: :054: :054:

229
ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก

ญาติโยมก็เช่นเดียวกัน เป็นผู้นำเขาต้องตามดูตัวเอง
ว่าทำถูกหรือผิดประการใด แล้วก็ไปดูลูกของตัวเองด้วย...

ลูกดีหรือลูกชั่วประการใด ไปแก้ไขให้ทันปัจจุบัน ถ้าแก้ไขไม่ได้
ลูกเสียหายไม่ต้องไปแก้ จนโตเหมือนต้นตาล เป็นหนุ่มเป็นสาว

ใหญ่ แล้วก็แก้ไม่ได้ แม่ทุกคน ไม้อ่อนบอกอ่อนหัด...ไม้แก่ไปแก้
มันได้หรือ มันจะรัดเอามันแก่...แก่เกินการเกิด แก่เกินแก้ แล้ว

จะแก้ไม่ทัน มันจะเสียกาลเวลา..."ไม้แก่ดัดยาก มันจะหักกลาง
คัน ไม้อ่อนบอกอ่อนหัด พอดัดได้"....นี่อย่างนี้เป็นต้น


ที่มา : พระธรรมสิงหบุราจารย์
(หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี)

230



เหรียญนั่งเสือเมตตาบารมี เนื้อเงินและเนื้อทองฝาบาตร
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม


พระผงหลวงพ่อเปิ่นนั่งเสือเมตตาบารมี เนื้อผงเกษร ฝังตะกรุดทองคำ



พระผงหลวงพ่อเปิ่นนั่งเสือเมตตาบารมี เนื้อผงเกษร โรยเกศาหลวงพ่อ

อิทธิมงคลรุ่นนี้" นั่งเสือเมตตาบารมี"  
วัตถุประสงค์ เพื่อสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น (ห้วยพลู 2)
หลวงพ่อเปิ่นอธิษฐานจิตปลุกเสก ณ อุโบสถวัดบางพระ นครปฐม
วันที่ 29 ตุลาคม 2536


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี         

*(ภาพบางภาพไม่แน่ใจว่าเคยนำมาให้ชมกันหรือยัง ถ้าเคยนำมาให้ชมกันแล้ว ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

231
บทความ บทกวี / สติกับความโกรธ
« เมื่อ: 21 ก.ค. 2552, 05:59:20 »
ที่ใดมีความโกรธที่นั่นไม่มีสติ ที่ใดมีสติที่นั่นไม่มีความโกรธ

ความโกรธเปรียบเสมือนหนู สติเปรียบเสมือนแมว ที่ใดมีแมว

ที่นั่นไม่มีหนู ที่ใดมีหนูที่นั่นไม่มีแมว ฉะนั้น สติจึงเป็นธรรม ซึ่งใช้

เป็นคู่ปรับกับความโกรธได้เป็นอย่างดี ถ้าเราอยากจะหนีความโกรธ

เราก็ควรฝึกสติในทุก ๆ อริยาบถ เมื่อเรามีสติอยู่ในทุกอริยาบถ

ก็คือเรามีความตื่นรู้อยู่ในทุกอริยาบถ จิตของเราที่มีความตื่นรู้


เป็นอารมณ์แล้ว ก็ไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับที่ความโกรธจะแทรกตัวเข้ามา

ฉะนั้นสัญนิษฐานได้อย่างหนึ่งว่า ใครโกรธคนนั้นกำลังขาดสติ


       ที่มา บทสัมภาษณ์ ว.วชิรเมธี (หนังสือพิมพ์แจกในงานศพ)


232
บทความ บทกวี / ผลแห่งความตระหนี่
« เมื่อ: 20 ก.ค. 2552, 09:29:23 »
ผลแห่งความตระหนี่

เมื่อพูดถึงผลดีของทาน การรู้จักให้แล้วถ้าจะไม่กล่าวถึงผลแห่งความตระหนี่ก็ดูจะขาดความสมบูรณ์ไป เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ท่านได้แสดงเอาไว้ว่า "ถ้าเป็นความตระหนี่ถี่เหนียวแล้ว เอาละไปไหน จนตรอก จนมุม แม้อยู่ในหมู่มนุษย์ บริษัทบริวารมีน้อยมากทีเดียว ใครเขาไม่อยากไปเกี่ยวข้องแหละ คนตระหนี่ถี่เหนียว ถ้าเป็นนักเสียสละ เป็นคนใจกว้างใจขวาง ไปที่ไหน เพื่อนฝูงไม่อด เวลาตาย นี้เต็มไปด้วยคนมาในงานศพ คนตระหนี่ถี่เหนียวตาย แล้วไม่ค่อยมีใครมาในงานศพนะ เขาไม่อยากมา ไม่มีแก่ใจที่จะมาเพราะความตระหนี่ถี่เหนียวนี่ละ ไม่ใช่ของดี ความตระหนี่ถี่เหนียว
เอ้า เราจะสมมติให้เห็นชัดๆว่า
เรามีเงินหนึ่งพันบาทเก็บไว้ เก็บไว้เท่าไรก็ไม่เห็นมันแสดงอาการอะไร เก็บไว้อย่างนั้นเจ้าของก็ภูมิใจว่าเรามีเงินพันบาท เงินพันบาทอยู่โน้น เจ้าของอดตายอยู่นี้ ไม่เห็นเป็นประโยชน์อะไรเจ้าของก็เงินพันบาทพอจับเงินพันบาทนี้ไปซื้อสิ่งของปั๊บ ได้ผลได้ประโยชน์มาเลย พอจับเงินนี้ไปเสียสละทำบุญให้ทานนี้ ทางผู้ได้รับ มีความยิ้มแย้มแจ่มใสตอบรับกันเราก็ให้ด้วยความยินดี ให้ด้วยความเมตตาสงสาร เขาก็รับด้วยความยินดี เพราะเราไปสงเคราะห์เขา นั่นแสดงความดีใจขึ้นมาในทันทีทันใด เงินจำนวนนี้นะ จำนวนที่เราเสียสละถ้าเก็บไว้เฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์ไม่เห็นมีอะไร เจ้าของก็ภูมิใจ บ้าไปอย่างนั้นล่ะ ตายแล้วก็มาเป็นเปรตเป็นผีเฝ้าสมบัติภูมิใจกับเปรตของตัวเองนั่นแหละ แต่เวลาเอาไปเสียสละแล้ว ภูมิใจในการได้ให้เขาด้วย เขาก็ภูมิใจในการที่ได้รับจากเราด้วย


นั่นผลประโยชน์ต่างกัน การเก็บไว้กับการเสียสละ การเสียสละ เป็นความดีงาม เอามากทีเดียว เวลาจะเป็นจะตายก็อาศัยจำนวนที่เสียสละเท่านั้น ส่วนที่เก็บไว้นี่ ไม่ได้อาศัยมันแหละ ตายแล้วก็มีแต่เป็นเปรตเป็นผี มาอาศัยเกาะอยู่นั้น ไม่เกิด ประโยชน์อะไร"

บทความคำสอนของพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
ขอบคุณบทความจากธรรมะไทย

233






วัตถุมงคลหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ เป็นของเก่าตกทอดมาครับไม่ทราบที่มาครับ วอนผู้รู้ช่วยดูหน่อยครับ พิมพ์อะไรและเนื้ออะไรครับ ประมาณปี พ.ศ.ไหนครับ ขอบคุณล่วงหน้านะครับ สวัสดีครับ (ไม่ทราบไม่เป็นไรครับ)   :001:

234
บทความ บทกวี / มองคน มองตน
« เมื่อ: 20 ก.ค. 2552, 08:58:15 »
ในมิติของภาพฉาบมุมแง่
หากเลือกแต่ด้านตรงคงเสียหาย
ไม่อาจพิศเพ่งพบครบลวดลาย
ตีความหมายเพี้ยนผิดตามทิศมอง


เรื่องราวมีมากนัยให้วิเคราะห์
หากมุ่งเจาะเพียงประเด็นในส่วนผอง
ก็จะพลาดข้อมูลอีกก่ายกอง
ผลวิเคราะห์คงต้องถูกประนาม


ความดีชั่วของคนก็เช่นกัน
หากเชื่อมั่นความเห็นที่ล้นหลาม
เชื่อตามมาตรฐานตนตัดสินความ
ตาชั่งคงถึงยามเอียงเอนไป


แต่ละเรื่องแต่ละคนมีหลายมุม
ดีไม่ดีคละสุมไม่ผ่องใส
ดูตัวอย่างที่ตนไม่ต้องใคร
ดีไม่ดีรู้แก่ใจอย่างแน่นอน


ให้อภัยให้โอกาสคนอื่นบ้าง
ทิ้งอดีตปล่อยวางละบาปย้อนศร
ไม่ประมาทตีตราเขาให้ร้าวรอน
คิดเสียก่อนกรรมตามทันวันเศร้าใจ


เรื่องนอกตนแต่ละคนต้องรู้รอบ
รู้กฎกรอบมองทุกมุมกระจ่างใส
เพื่อลดความประมาทพลาดผิดนัย
ลดเวรภัยกับผู้อื่นชื่นศีลธรรม


เรื่องในตนแต่ละคนต้องมองแคบ
ดูตามแบบผู้รู้ไม่ถลำ
ดูจิตตนบาปหรือบุญที่กระทำ
ดูให้เห็นเรื่องกรรม-วิบากมี


เรื่องของตนอย่าร้อนรนขาดสติ
ดูอารมณ์ให้ผลิปัญญาศรี
ดูให้ถึงแก่นแท้ที่เกิดมี
ละผงคลีกิเลสครองยามมองตน


มองกันให้ดีดีนะครับ มองคน มองตน

ที่มา : ธรรมจักรดอทเน็ต

 

235


การ์ตูนสั้นเรื่องนี้สื่อธรรมะว่าอะไร
ใครพอจะอธิบายได้บ้างครับผม ?
:001:

ที่มา : ธรรมจักรดอทเน็ต

236
บทความ บทกวี / ......ปลาเป็น...ปลาตาย
« เมื่อ: 18 ก.ค. 2552, 08:21:50 »
[/color]ปลาเป็น...ปลาตาย

ชีวิตที่ดำเนินตามธรรมะจึงเป็นชีวิตที่สงบ
ชีวิตที่ขาดธรรมะ....
เป็นชีวิตที่โกลาหลและวุ่นวาย


ชีวิตของคนเราทั้งหลายนั้น...
...........เป็นสิ่งมีค่า...............
แต่ความมีค่ามันขึ้นอยู่กับงาน


ถ้าเราไม่ได้ทำงานชีวิตมันก็ไม่มีค่าอะไร
การวัดความเป็นผู้มีค่าของคนนั้น
เขาจะต้องวัดกันที่งาน...


อนาคตของชีวิตเราขึ้นอยู่กับ....
การช่วยตัวเอง พึ่งตนเอง.
คนเรานั้นถ้าอยู่โดยไม่มีหลักธรรม....


ก็จะไม่ได้เรื่อง.....
ทำไมจึงไม่ได้เรื่อง....?
ก็เพราะจะกลายเป็นคนประเภทไหลไปตามอารมณ์

ไหลไปตามอำนาจสิ่งแวดล้อม...
อะไรมากระทบ...ก็ไหลไปกับสิ่งนั้น
ไม่มีเครื่องห้ามเครื่องกั้น...


จิตใจก็ไหลไปตามอารมณ์เรื่อยไป...
เหมือนกับปลาที่ไหลไปตามน้ำ....มันก็เป็น'ปลาตาย'
แต่ปลาที่มันยังเป็นอยู่นั้น...
มันจะต้องว่ายทวนน้ำอยู่ตลอดเวลา...ฯ


ที่มา : หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ


237
ความหมายของการปล่อยสัตว์


ปลาไหล หมายถึง การเงิน การงาน การเรียนราบรื่น พ้นจากอุปสรรคทั้งหลาย
ปลาหมอ หมายถึง สุขภาพดี หายจากการเจ็บป่วย

ปลาบู่ หมายถึง ทดแทนผู้มีพระคุณ
ปลาดุก หมายถึง ศัตรูคู่แข่งแพ้พ่าย


ปลานิล หมายถึง ทรัพย์สินเพิ่มพูน
ปลาช่อน หมายถึง สะเดาะเคราะห์ ปรับดวงให้หมดเคราะห์หมดภัย


ปลาสวาย หมายถึง เงินทองคล่องตัว มีโชคลาภ
ปลาจะละเม็ด หมายถึง จะได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ปลาไน หมายถึง ได้เป็นเจ้าคนนายคน


ปล่อยกบ หมายถึง ขออุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวร
หอยขม หมายถึง ให้พ้นความขมขื่นเรื่องต่าง ๆ


หอยโข่ง หมายถึง หนทางโล่งเป็นผู้นำข้าทาสบริวารมาก
ตะพาบ หมายถึง รอดพ้นจากภัยคุกคามต่าง ๆอายุมั่นขวัญยืน
เต่า หมายถึง ให้อายุยืน

 
นำมาฝากกันครับ :001: :002: :001:
 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
 

238




พระรูปหล่อหลวงพ่อมี (ขนาดห้อยคอ) รุ่น 3 พิมพ์สมาธิ ไตรมาส 2535 วัดมารวิชัย อยุธยา

ศึกษาและสะสม   :001: :002: :001:

239
หมื่นตากับความไม่รู้ิ

เรื่องและภาพโดย : กะก๋า ไม่รู้ทุกเรื่องไม่เคืองทุกคนไม่บ่นทุกเรื่องสติเฟื่องเป็นบางครั้ง












คำตอบมีอยู่....มีอยู่แล้วในคำถาม
คำตอบมีอยู่....ก่อนหน้าการเกิดคำถาม
ก่อนการเกิด..ตัวตนแห่งจิต..ในตัวเรา


นำรูปภาพมาให้ท่านสมาชิกได้ชมและได้อ่านกันนะครับ
นำสาระและประโยชน์มาเสนอแก่ท่านสมาชิกและผู้เยี่ยมชมไม่มากก็น้อยนะครับ ผิดพลาดประการใด ขอ อภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
 โปรดติดตามตอนต่อไปคราวหน้านะครับ สวัสดี
:001: :001: :001:

ที่มาธรรมจักรดอทเน็ต      




240


การ์ตูนสั้นเรื่องนี้สื่อธรรมะว่าอะไร
ใครพอจะอธิบายได้บ้างครับผม ?
:001:

ที่มา : ธรรมจักรดอทเน็ต

241
บทความ บทกวี / ......ถ้าเหนื่อย ???
« เมื่อ: 15 ก.ค. 2552, 05:55:06 »
ถ้าเหนื่อย ???
ถ้าพูดถึงคำว่า..เหนื่อย..
หลายคนคงรู้จักมักคุ้นกับคำนี้เป็นอย่างดี..
เพราะเหนื่อย..คำนี้..
ได้สร้างความรู้สึกหดหู่..ท้อแท้ในจิตใจ..
หลายคนต้องถอนหายใจยาว ๆ..
พร้อมปลดปล่อยความทุกข์ออกจากจิตใจ..


หลายคนกว่าจะสูดลมหายใจลึก ๆ..
เพื่อสู้กับความเหนื่อย..
ก็ต้องทำใจอยู่นาน..
เพราะรู้สึกว่า..หดหู่..ท้อแท้..หมดหวัง..
อ่อนเพลีย..อ่อนแรง..และอ่อนใจ..


แต่จะมีใครสักกี่คน..
ที่มองเห็นคำว่า..เหนื่อย..
คือ..ยาพักผ่อน..ยานอนหลับ..ชนิดพิเศษ..


เพราะเมื่อใดที่เรารู้สึกเหนื่อย..
สิ่งที่เราจะต้องทำและรับมือกับความเหนื่อย..
ก็คือ..หยุดพักก่อนสักนิด..
พักใจ..
ให้หายเหนื่อยเสียบ้าง..
กับความทุกข์ท้อใจในชีวิต..


พักใจ..
ให้หายเหนื่อยเสียบ้าง..
กับความยากลำบากจากแรงกาย..


พักใจ..
ให้หายเหนื่อยเสียบ้าง..
หยุดนิ่ง ๆ ให้ใจได้อยู่เงียบ ๆ คนเดียว..
เพื่อสร้างความสุขสงบภายในจิตใจ..


จะเห็นได้ว่า..
ความเหนื่อยสามารถทำให้เราได้มองเห็น..
ความสงบสุขภายในใจได้เร็ว..
โดยเฉพาะเวลาที่เหน็ดเหนื่อย..ท้อแท้..
ต่อปัญหาความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจ..


จงหยุดให้ใจของเรา..
พักเหนื่อยเสียบ้าง..สักนิด..
เพื่อทำใจให้นิ่ง ๆ..
แล้วเราจะพบความสงบสุขในจิตใจ..


เหนื่อยนัก..พักก่อนดีไหม ??
เหนื่อยนัก..พักก่อน..หายเหนื่อย..ลุกขึ้น..ย้ำเดิน..ต่อไป..


บทความ..โดย..ชายน้อย..

ขอบคุณบทความจากธรรมะไทย


242



ปริมาณหรือจำนวนไม่ใช่ตัววัด

เจตนาและศรัทธาสำคัญกว่า


ที่มา : ธรรมจักรดอทเน็ต

243


การ์ตูนสั้นเรื่องนี้สื่อธรรมะว่าอะไรใครพอจะอธิบายได้บ้างครับผม ?  :001:

ที่มา : ธรรมจักรดอทเน็ต

บัณฑิตย่อมไม่ทำบาป เพราะเหตุแห่งตน, ย่อมไม่ทำบาป
เพราะเหตุแห่งบุคคลอื่น, บัณฑิตไม่พึงปรารถนาบุตร
ไม่พึงปรารถนาทรัพย์ ไม่พึงปรารถนาแว่นแคว้น
ไม่พึงปรารถนาความสำเร็จเพื่อตน โดยไม่เป็นธรรม
บัณฑิตนั้นพึงเป็นผู้มีศีล มีปัญญา ตั้งอยู่ในธรรม

244



ก่อทุกข์ให้ท่านสาหัสเพียงไร เวรของเราก็จะหนักเพียงนั้น
แน่นอนขอจงคิดให้ดี และพากันเลิกก่อเวรให้ได้เถิด


[shake][/shake]

ที่มา : สมเด็จพระญาณสังวรณ์ สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวทฺฒโน)
ขอบคุณบทความธรรมจักรดอทเน็ต

245
การพิสูจน์ตัวเอง
มีคนมากมายถูกเข้าใจผิด
เพิ่มเราเข้าไปอีกคนหนึ่ง จะเป็นไรไป
เราก็อยู่ในโลกที่ผู้คนเต็มใจจะเข้าใจผิดอยู่แล้ว


มีคนมากมายถูกเข้าใจผิด
คนอ่อนแอพากันท้อแท้
แต่คนเข้มแข็งรอคอย การพิสูจน์อย่างมั่นใจ


มีคนมากมายถูกเข้าใจผิด
แต่บางคนพยายามเข้าใจตนเองให้ถูกต้อง
และอยู่ให้ เหนือกว่าความเข้าใจผิดของผู้อื่น


มีคนมากมายถูกเข้าใจผิด
แต่คนที่เข้าใจตนเองถูกต้องแล้ว
พอใจ ที่จะให้คำตอบสั้น ๆ มากกว่าคำ อธิบายที่ยืดยาว


มีคนมากมายถูกเข้าใจผิด
แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผยแล้ว
คนที่แก้ตัวน้อยที่สุด จะได้รับความนับถือมากที่สุด


ขอบคุณบทความจากพลังจิตดอทคอม

จงพยายามเข้าใจตนเองให้ถูกต้องและอยู่ให้.....เหนือกว่าความเข้าใจผิดของผู้อื่น

246
ความอดทนเป็นตะบะอันยิ่งใหญ่


เพราะเหตุที่นิสัยจิตใจของคนมันมีต่างกัน ท่านจึงสอนให้มีความอดทน แต่อยู่ด้วยกันแล้วจงหาความดีต่อกัน ไม่อิจฉาพยาบาทไม่จองล้างจองผลาญ ไม่โกรธเกลียดกัน ไม่มีทิฏฐิมานะ มีอะไรก็ควรที่จะปรึกษาหารือเข้าหากันได้ การมุ่งหน้าเข้าหากันได้เป็นการดีมาก
คนในโลกอันนี้มันมีร้อยแปดพันประการดูแต่คอมมูนิสต์กับรัฐบาล ก็เคยฆ่าฟันกันตาย ฆ่าพระเจ้าพระสงฆ์ ถึงขนาดนั้นเขาก็ยังหันหน้าเข้าหากันได้ สิ่งใดที่ควรจะปรึกษาหารือกันก็ทำ มันเป็นประโยชน์ คอมมูนิสต์ก็เหมือนกันนั่นแหละ สิ่งที่ดีเป็นคุณเป็นประโยชน์ คอมมูนิสต์เขาก็เห็นดีด้วย เขาก็ยังอ่อนน้อมยอมเข้าเป็นพลเมืองดี อันนี้เราเป็นพระเป็นสงฆ์แท้ๆก็ควรจะปรึกษาหารือกัน หวังดีด้วยเจตนาอันดี

แต่ว่าการปรึกษาหารือกันอย่าเอาทิฏฐิมานะไปพูดกัน หวังความสงบเยือกเย็น หวังความดีความงาม ตั้งจิตเมตตาปรารถนาหวังดีแล้วจึงเข้าหากัน จึงค่อยพูดกันได้ ผู้น้อยผู้ใหญ่ก็พูดกันได้ อย่าเป็นการเอาฐานะข่มขี่และเหยียดหยามกัน ผู้ใหญ่พูดกับผู้น้อยก็อย่าเป็นการเหยียดหยามดูถูก

คนต้องมีทิฏฐิด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ เรามาปฏิบัติมาละทิฏฐิ แต่ว่ามันไม่ละหรอก ทิฏฐิมันก็มีอยู่ทุกคนๆนั่นแหละ ล้วนแต่มากมาย การเอาทิฏฐิใส่กันแล้วมันไม่มีที่สิ้นสุด มันต้องละด้วยกัน ครั้นหากเรามีทิฏฐิแข็งกระด้าง คนอื่นเขาก็แข็งกระด้างเท่ากัน แข็งต่อแข็งใส่กันก็แตกหักน่ะซี ครั้นยอมลดยอมละทิฏฐิมานะคนหนึ่งเสีย ยอมด้านหนึ่งเสีย อีกด้านหนึ่งมันก็อาจจะลดละลงไปได้
จึงว่าศาสนานี้สอนเพื่อความปรองดองสามัคคีเป็นพื้น เรามาอยู่ในศาสนาของพระพุทธเจ้า แล้วไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้ามันก็ใช้ไม่ได้


ท่านสอนให้มีความอดความทน
อยู่ด้วยกันแล้ว จงหาความดีต่อกัน
ไม่โกรธเกลียดกัน ไม่มีทิฏฐิมานะ
การมุ่งหน้าเข้าหากันได้ เป็นการดีมาก


ที่มา : การละทิฏฐิมานะ ,หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
ขอบคุณบทความจากพลังจิตดอทคอม


นำบทความดีดีของหลวงปู่มาเตือนสติกันครับ
จงมีสติ จะทำอะไรคิดให้ดี รอบคอบกันนะครับ นำมาฝากกันครับ สวัสดีครับ
:001:

247
ไม่มีสิ่งใดในโลก
ที่จะไม่มีประโยชน์

ไม่มีสิ่งใดที่ชีวิตเผชิญแล้ว
จะไม่มีประโยชน์ต่อชีวิต

ความผิดพลาดเป็นครูของความถูกต้อง
เคราะห์ร้ายสร้างความหมายให้โชคดี

ความทุกข์ทำให้ปรกติสุขมีคุณค่า

ผู้เจริญด้วยสติปัญญานั้น
ย่อมพิจารณาหาประโยชน์จากประสบการณ์
มากกว่าโวยวายถึงความทุกข์ทรมานที่ได้รับ

แม้เราจะไม่มั่นใจ และอ่อนแอ
แต่เราก็ควรหัดต่อสู้กับอุปสรรค

ถึงหากเราพ่ายแพ้แก่อุปสรรค
แต่เราก็เรียนรู้ที่จะชนะตนเองบ้างแล้ว.


บางบทจากหนังสือ จาก พรหมจรรยมรรค โดย วรกมล

ที่มา : ธรรมจักรดอทเน็ต

248
หมื่นตากับนิยามของคำว่า "คนดี"

ภาพและเรื่องโดย : กี๋ราณา ภควาขาโต
:001: :001: :001:










ชีวิตของแต่ละคน ย่อมมี รสชาด แตกต่างกัน  อยู่ที่ ตัวเรานั่นเอง ที่จะปรุงรสชาดของ ชีวิตว่าจะมีรสชาด แบบไหน ?  ตัวเราเองเป็นผู้กำหนด จริงไหมครับ
"ดีชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ  สูงต่ำอยู่ที่เราทำตัว"
ไม่มีใครมาบ่งการชีวิตเราได้ นอกจากตัวของเราเอง


สุขา สังฆะสะ สามัคคี
ความสามัคคี ของหมู่คณะ ทำให้เกิดความสุข


สังคมจะอยู่ได้ เราต้องสมัครสมาน สามัคคีกัน ที่สำคัญต้องรู้จักการให้อภัยกัน นะครับ
รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย จะเกิดที่ไหน ก็ไทยเหมือนกัน


นำรูปภาพมาให้ท่านสมาชิกได้ชมและได้อ่านกันนะครับ
นำสาระและประโยชน์มาเสนอแก่ท่านสมาชิกและผู้เยี่ยมชมไม่มากก็น้อยนะครับ ผิดพลาดประการใด ขอ อภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
 โปรดติดตามตอนต่อไปคราวหน้านะครับ สวัสดี 
  :001: :002: :001:

249

 :002: :002: :002: :002: :002: :002: :002: :002: :002:
มนุษย์มีคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งที่หาไม่ได้ในบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตด้วยกัน สิ่งนั้นก็คือ ?ยิ้ม? สัตว์โลกทุกชนิดที่ยกย่องกันว่า เป็นสัตว์ฉลาดและฝึกหัดได้นานัปการ แต่ฝึกให้ ?ยิ้ม? ไม่ได้ ยิ้มของคนซื้อขายไม่ได้ ยิ้มเป็นเครื่องดึงดูดให้คนเข้าใกล้ปราศจากความระแวง ยิ้มสามารถเป็นเกราะป้องกันภัยให้แก่ตนเองได้ด้วย แต่ต้องเป็นยิ้มตามปกติ มิใช่ยิ้มอย่างละคร ลิเก ที่โปรยยิ้มไปรอบๆ เวที เพราะนั่นเป็นยิ้มที่แต่งขึ้น ยิ้มแท้ต้องเป็นยิ้มที่เกิดจากใจจริง มีลักษณะที่เบิกบาน เยือกเย็น สดชื่น เป็นเครื่องดับและบรรเทาทุกข์ร้อนได้ ทำให้ผู้ยิ้มเป็นคนมีสติยั้งคิด ไม่ผลุนผลัน เมื่อฝ่ายหนึ่งหน้าบึ้งมาหา อีกฝ่ายหนึ่งยิ้มรับ เหตุร้ายย่อมกลายเป็นดี

โบราณท่านจึงให้ยิ้มไว้ก่อนเสมอ ยิ้มได้เมื่อภัยมา ย่อมช่วยให้เกิดสติ ไม่ตื่นเต้น วู่วาม ในเหตุอันใดที่เกิดขึ้น ยิ้มจึงส่งเสริมให้เป็นคนมีสติ ตรงข้ามกับความโกรธซึ่งทำให้ขาดสติ ไร้ความยั้งคิด ยิ้มไม่ต้องลงทุนซื้อหา แต่มีอยู่แล้วประจำตัวทุกคน เหมือนมีอาวุธในตัว ต้องหมั่นชโลมน้ำมันกันสนิมไว้ อย่าปล่อยให้สนิมจับจนฝืดไม่คล่องแคล่วทันท่วงที คนที่ยิ้มยากเพราะไม่เคยยิ้ม ถึงคราวยิ้ม ย่อมยิ้มไม่ออก จึงควรต้องหัดยิ้มไว้เสมอๆ ?ยิ้มได้และยิ้มเป็นจะช่วยให้ปลอดภัยและสบายใจ? ดังคำที่ว่า ยิ้มง่าย สบายทัก รักผู้อื่น ตื่นอยู่เสมอ แล้วจักมีความสุขใจโดยแท้จริง


จากหนังสือ ๕๐ คติธรรมจากแสงธรรม
โดย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี)
แหล่งที่มาจากธรรมจักรดอทเน็ต

250
พระสวด
    
"กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา"
พระสวดใจยังวุ่นวาย รับรู้ไม่ได้ว่าสวดอะไร คงสวดให้ผู้ตาย ฟังเฉยๆก็พอ ฟังสวดเพื่อมารยาท คงพลาดอานิสงส์ ใจคงไม่เข้าใจ ถ้าฟังไปภาวนาไป ใจคงเห็นความจริงว่า ที่นอนอยู่นิ่งๆ นั่นมิใช่ใคร คือ คนที่เคยมีหัใจเช่นเรา วันนี้เป็นโอกาสเขา "พรุ่งนี้อาจเป็นโอกาสเรา"


เคาะโลง

     เสียงเคาะโรง มีเสียงเบาๆ จากผู้พูดว่า "รับศีลนะ ทานข้าวนะ ฟังพระสวดนะ" ทำไปเพื่ออะไร? ขอเพียงแค่เคยทำตามกันมา หรือว่า "เคาะประชดคนเป็น"
ในยามที่มีชีวิตอยู่ เตือนแค่ไหนก็เตือนถิด ดูไม่สนใจกับสิ่งเหล่านั้น ในยามนี้เตือนไปก็คงไร้ความหมาย คนตายจะไปรับรู้อะไร เคาะเตือนคนเป็นให้เห็นความจริงว่า "สิ่งที่ดีเร่งขวานขวาย"
     วัว ควาย ช้าง ม้า  ยามมรณาหาปรโยชน์ได้ มนุษย์นี่ซิ เน่าเปลื่อยสูญเปล่า
ดี ชั่ว ทำไว้ส่องให้โลกเห็น


อาหารหน้าโลง

     ชีวิตใครบางคน ถ้าไม่ตายก็คงไม่มีใครให้ความสนใจมากมายเช่นนี้ อาหาร
ผลไม้นานาชนิด จัดเรียงรายด้านหน้าโลง สิ่งใดที่ผู้ตายชอบใจ แพงแค่ไหนก็
แสวงหามา เพื่อเป็นเครื่องเซ่น แด่ ดวงวิญญาน ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ในยามที่ผู้ตายมีชีวิตอยู่ เราคงเห็นสีหน้า และได้รับความขอบใจ อาหารก็ยังเป็น
ประโยชน์กับผู้รับด้วย แต่เวลานี้ ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง คงสภาพเดิม บุคคลที่จะรับ
วัตถุสิ่งของเรา ขณะนั้นเขาไม่รับรู้อะไรแล้ว หรือว่าทำไปเพื่อสนองความรู้สึกเรา
ในยามเรามีชีวิต ถ้าเราแสดงออกซึ่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน คงจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
"อาหารหน้าโลง"เป็นแน่


ชุดสีดำ

     สีดำ เป็นสีแห่งความทุกข์ โลกให้ความหมายไว้เช่นนี้ ยามมีงานศพ เรามักเห็นคนใส่สีดำเป็นส่วนใหญ่ บ่งบอกว่า "กำลังมีทุกข์" ความจริงแล้ว ความทุกข์
ของคน ใช่ว่าจะเป็นเรื่อง "ความตาย" อย่างเดียว "การเกิด ความแก่ การเจ็บ
ความผิดหวัง" สิ่งเหล่านี้ เป็นทุกข์ทั้งนั้น การใส่ชุดดำในงานศพ เพื่อบอกว่าเป็น
การไว้ทุกข์ เป็นการทำตามประเพณี แต่จะให้ดีต้องไว้ทุกข์ด้วยใจ เพ่งถึงสภาวะ
การพลัดพราก ความไม่แน่นอน และเตือนตนเองว่า เหตุการณ์เช่นนี้ คงต้องเกิดขึ้นกับเรา


ทอดผ้าบังสุกุล

     เสียงพระบรกรรม ในขณะพิจารณาผ้าบังสุกุลว่า....
"อนิจจา วะตะสังขารา อุปปาทะวะยะธัมธัมมิโน อุปปัชชิตะวา
  นิรุชฌันติเตสัง วูปะสะโมสุโข"
แปลความว่า...ร่างกายนี้หนอ ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ
แตกสลายไปเป็นธรรมดา นั่นแหล่ะหนา "คือ ความสงบสุข"
บทพิจารณานี้ ถ้ามีอยู่ในใจใคร ถ้าสิ้นลมหายใจไป ก็ไม่จำเป็นที่จะให้พระรูปใด
ต้องมาพิจารณา แต่ดูเหมือนว่าคนไม่กล้าพิจารณา เพราะกลัวว่า"จะตายไว"


เหรียญในปากผี

     การกระทำที่เกิดจากความคิด หวังให้ผู้ตายได้มีเงินใช้ จึงปรากฏเหรียญที่
ปากผี มนุษย์ผู้มีสติปัญญา มองเห็นว่า...นี่แหล่ะหนามนุษย์ในที่สุด แม้เงินที่
ใส่ไว้ในปาก ก็เอาไปไม่ได้ แต่....ทำมหนอ ชีวิตจึงติดแต่กับคำว่า "เงิน" ตลอด
เวลา  "เงิน" คือพระเจ้า ที่สามารถบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างได้
     แต่...ไม่อาจบันดาลให้มนุษย์พบแสงสว่างแห่งความจริงได้ว่า...
            "ชีวิต คือ ความทุกข์"
เพราะว่า...เงิน คือสิ่งโกหกมนุษย์อยู่ตลอดเวลาว่า
            "ชีวิต คือความสุข"


ไฟ

     ไม่กี่นาที ร่างที่ไร้วิญญาน ก็ถูกเผาผลาญ จนเป็นเถ้าถ่านในที่สุด
แต่นั่นไฟมันเผาตอนตายแล้ว ในตอนมีชีวิตอยู่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"มนุษย์ที่ยังไม่พ้นจากกิเลสตัณหา  ย่อมถูกกระแสไฟ แห่งโทสะ ไฟแห่งโมหะ
ไฟแห่งโลภะ เผาอยู่ตลอดเวลา"


ที่เก็บกระดูก

     ยามมีชีวิตอยู่ ใครก็รู้ว่า ที่อยู่เจ้าใหญ่โต
มาบัดนี้ ที่อยู่เจ้าคับแคบเหลือเกิน....
แสวงหา กอบโกย คดโกง ต่อสู้ให้ได้มาทุกวิถีทาง


      ที่สุดชีวิต "ก็...แค่นี้"
     ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม

นำบทความนี้มาจาก   ที่นี่ศาลาธรรม  นำมาเตือนสติท่านสมาชิกกันนะครับ  เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดาของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต  ที่สุดชีวิตก็แค่นี้ กระดูกเพียงชิ้นเดียวก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้  นำมาเตื่อนสติกันนะครับ  สาธุ

251
...หมื่นตากับคำสอน "ชั่ง - มัน - เถิด"...

เรื่องและภาพโดย : ก๋าเอ๊ย ช่างมันช่างเผือกทุกข์มากก็กระเดือกลงคอไปเลย












ฉะนั้น อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด ปล่อยวางบ้าง จะได้ไม่หนัก ท่านจะถือไว้ทำไม จริงไหมครับ
ชั่ง****มัน****เถิด       ครับ

252
หมื่นตากับจิตแห่งคุณธรรม

กะว่าก๋า ล้าลัลลาเด็กน้อยสันกำแพงชอบนอนตะแคงและแฝงไปด้วยคุณธรรมจำเพาะ











นำรูปภาพมาให้ท่านสมาชิกได้ชมและได้อ่านกันนะครับ
นำสาระและประโยชน์มาเสนอแก่ท่านสมาชิกและผู้เยี่ยมชมไม่มากก็น้อยนะครับ
 โปรดติดตามตอนต่อไปคราวหน้านะครับ สวัสดี  :001: :002:

253
หมื่นตากับการทำบุญและสร้างกุศล

กะว่ากี๋ มีไว้เถอะบุญเก่า...สร้างกันเถอะบุญใหม่..สุดท้ายอยู่เหนือบุญเหนือบาป











นำรูปภาพมาให้ท่านสมาชิกได้ชมและได้อ่านกันนะครับ นำสาระและประโยชน์มาเสนอแก่ท่านสมาชิกและผู้เยี่ยมชมไม่มากก็น้อยนะครับ สวัสดี :001: :002:

254
หมื่นตามีตาเดียว

เรื่องและภาพโดย - ก๋าศักดิ์ ศิษย์ครูคะนอง









นำภาพมาเสนอแก่ท่านสมาชิกครับ คงเป็นประโยชน์แก่ท่านไม่มากก็น้อยนะครับ

255

 ทรงพระเจริญ  ทรงพระเจริญ   ทรงพระเจริญ

ในหลวงกับหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์





ในหลวงกับหลวงปู่ขาว อนาลโย
หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกองเพล
ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู




ในหลวงกับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง
ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย



ในหลวงกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร
ต.พรรณา อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร




ในหลวงกับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง
ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่



ในหลวงกับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์
ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย



ในหลวงกับหลวงปู่หลุย จันทสาโร
หลวงปู่หลุย จันทสาโร
วัดถ้ำผาบิ้ง
ต.ผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย



ในหลวงกับหลวงปู่สิม พุทธาจาโร
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
วัดถ้ำผาปล่อง
ต.บ้านถ้ำ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่





256
ต่างอยากเห็นหน้า
เวลานี้เจ้าเป็นเช่นไร   


พอเปิดโลงไป ทุกคนต่าง เมินหน้าหนี
ถึงจะสวยงดงาม ดังเทพี ก็คงไม่มีใคร
ที่จะสนใจดูเจ้า ดูหน้าศพแล้ว ย้อนดูหน้าเรา
คนที่มีชีวิตเขลาหรือไม่หนอ พยายามเสริมแต่ง
ตามคำยอ เพื่อลวงล่อให้คนชม แท้ที่จริงเห็น
ความจริงมั้ย ว่าสวยสักปานใด พอเปิดโลงไป
ทำไมต้องเมินหน้าหนี "ความสวย คงแพ้ความดี"
ทำให้มีดีจะสวยไปตลอดกาล


อันลาภยศหาบไปไม่ได้แน่
คงเหลือแต่ต้นทุนบุญกุศล
ทิ้งสมบัติทั้งหลายให้ปวงชน
ร่างของตนเขายังเอาไปเผาไฟ

ความสวยไม่คงที่ แต่ความดีสิคงทน


ที่มา : ธรรมจักรดอทคอม

257
การอโหสิกรรม......ก็คือว่า
เราจะไม่เป็นผู้จองเวรกับเขาอีกต่อไป

ส่วนบาปที่เขาทำนั้น กรรมจะเป็นผู้ลงโทษเขาเองครับ

โดยไม่ใช่เราที่ไปจองเวรกับเขา ในชาติต่อๆไปอีก


ยกตัวอย่าง ดังเช่น ชาติที่แล้วเขาเคยฆ่าคุณ แต่คุณอโหสิให้เขาแล้ว ชาติต่อไปคุณก็

ไม่ต้องมาพบเจอจองเวรหรือไปฆ่าเขาตอบอีก ส่วนกรรมที่เขาทำนั้น อาจจะถูกคนอื่นฆ่า หรือ

กรรมจะส่งผลให้เขาเป็นไปตามกรรมของเขาที่เคยทำไว้กับคุณ เป็นต้น

 ถ้ามีใครทำกรรมอะไรไว้กับคุณ อโหสิกรรมเขาเถอะครับ คิดว่าเราหมดกรรมซึ่งกันและกัน

แล้ว จะได้ไม่มาพบมาเจอ จองเวรกันอีกไม่รุ้จักจบจักสิ้น

 
ธรรมมะนี้คือการมีชีวิตเพื่อที่จะเรียนรู้ความจริงของชีวิต
ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ตั้งอยู่ไม่ได้
หากยังยึดติด ไม่ปล่อยวาง ย่อมยังเป็นทุกข์


นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา

อโหสิกรรมกันให้มากๆนะครับอย่าจองเวรกันเลย สาธุ

ที่มา : ธรรมจักรดอทคอม

258
รู้มั้ยว่า....คนเรามีกี่หน้า????


เมื่อเราหลับ มีคนปลุก รีบลุกเถิด
เมื่อเราเปิด มีคนปิด อย่าคิดหยาม
เมื่อเราหลง มีคนบอก รีบเดินตาม
เมื่อเราทราม มีคนสอน อย่านอนใจ


ที่มา : ธรรมจักดอทคอม

259
บทความ บทกวี / ไม้ขอเหล็กงอคนคด
« เมื่อ: 09 ก.ค. 2552, 10:01:30 »
ไม้ขอเหล็กงอคนคด

ไม้คดเอาไว้ทำขอ
เหล็กโค้งโก่งงอ
ไว้ตกแต่งเป็นเคียวคม


เลือกใช้ให้เหมาะให้สม
ของขอของคม
สำเร็จประโยชน์แก่งาน


คนคดคิดติดสันดาน
แสร้งมาสมาน
เป็นมิตรนั้นอย่าไว้ใจ


เพราะศัตรูที่ยิ่งใหญ่
รู้หน้ารู้ใจ
ไม่ร้ายเท่ามิตรทรยศ


ไม้ขอเหล็กงอคนคด
จงจำกำหนด
คนคดใช้ประโยชน์มิได้


จากส่วนหนึ่งบทกวี ชุด
พ่อฉันเป็นชาวนา
โดย สิริมงคล

 
 
 

260
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาของชีวิต..
หลายคนคงผ่านบทเรียนแห่งชีวิตมานับไม่ถ้วน..
ทั้งบทเรียนแห่งความผิดหวัง..
บทเรียนแห่งความท้อแท้..แพ้ชีวิต..
บทเรียนแห่งความสำเร็จ..


ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนใด ๆ ก็ตาม..
เมื่อเราเกิดความผิดหวัง...ท้อแท้..ในชีวิต..
เราต้องพยายามปรับใจ..วางใจให้ถูก..
ด้วยวิธีการคิดที่จะปรับเปลี่ยน..ชีวิตของเรา..
ให้มีกำลังใจ..สู้ต่อไป..


๔ วิธีคิดที่จะสร้างพลังใจให้สู้ คือ..
วิธีที่ ๑ คิดแบบตรงกันข้ามกับความรู้สึกในขณะนั้น เช่น
>>>?ถ้าทุกข์ ก็คิดสร้างสุข
>>>?ถ้ายากก็คิดแบบง่าย...
>>>?ถ้าเกิดปัญหา ก็คิดแก้ปัญหา..


วิธีที่ ๒ คิดแบบสร้างกำลังใจ เช่น
>>>?ปลุกปลอบใจตนเอง...ทุกครั้งที่เกิดความท้อแท้..ผิดหวัง
>>>?บอกตนเองเสมอว่า..เราต้องทำได้..เราต้องทำได้อย่างแน่นอน..
>>>?เราต้องทำได้แน่นอนที่สุด..ไม่มีคำว่า..ทำไม่ได้..
>>>?ท่องไว้ในใจว่า..ไม่มี ไม่เป็น ไม่เหนื่อย...
>>>?.ไม่ทุกข์ ไม่ท้อ ไม่หนี ไม่มีปัญหา...


วิธีที่ ๓ คิดแบบมีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว..
>>>?หากยังไม่ประสบความสำเร็จ..
>>>?ก็จะไม่เลิก ลด ละ ความเพียรพยายาม..
>>>?จงสู้ต่อไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ..
>>>?แม้จะเป็นวินาทีสุดท้ายของลมหายใจก็ตาม..


วิธีที่ ๔ คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก..
>>>?มองปัญหาออก..แก้ปัญหาเป็น..
>>>?คิดการใหญ่...ใช้คนเป็น..รู้เห็นตามความถูกต้อง..
>>>?มุ่งปรองดอง...รักษาน้ำใจ..สร้างมิตรภาพ..
>>>?อย่าลืมว่า.. ?ยิ่งสูงยิ่งหนาว? ...
>>>?ต้องคิดดี..ทำดี..พูดดี..ทุกที่ทุกเวลา...


ดังนั้น..
ถ้าท้อแท้..หมดหวังในชีวิต..
จงพยายามคิดให้ใจสู้...
อย่าเชื่อว่า...เราทำไม่ได้..ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ..
อย่าท้อแท้..ตราบใดที่เรายังไม่ได้พยายาม..
อย่าสิ้นหวัง...ตราบใดที่เรายังมีกำลังใจ..
อย่าแพ้ชีวิต...ตราบใดที่ใจของเรายังมีหวัง..
จงอย่าทำลายความหวัง...เพียงเพราะ....
การดูหมิ่นตนเองว่า... ?ทำไม่ได้?...


บทความโดย..ชายน้อย... ธรรมะไทย.org

261


คำสอนหลวงปู่ทวด วัดช้างให้

ที่มา : ธรรมจักรดอทคอม

262
บทความ บทกวี / แจกคาถาหมดศัตรู
« เมื่อ: 08 ก.ค. 2552, 06:56:48 »
คาถาหมดศัตรู 
อันศัตรู คือผู้จู่ มาสอบไล่
ให้รู้ได้ ว่าเรามี ดีแค่ไหน
หรือดีแต่ จะโกรธยืน เป็นฟืนไฟ
บังคับใจ ไว้ไม่อยู่ สักครู่เดียว


อันศัตรู คือผู้สรร สวรรค์ให้
ตรงที่ได้ มีจิต คิดเฉลียว
ว่าอดกลั้น นั่นแหละนะ เป็นพระเทียว
ไม่อดเลี้ยว ไปเป็นมาร พล่านนรก


อันศัตรู คือผู้สอน สัจธรรม
ว่าอาฆาต นั้นคือนำ สกปรก
อย่าเก็บไว้ ในใจ ให้ใจฟก
จะเวียนวก ว่ายสงสาร นานนักเอย


เหตุฉะนั้น ศัตรู คือผู้ให้
แต่กลายเป็น ผู้ร้าย เหตุไรเหวย
เพราะผู้รับ รับไม่เป็น อย่างเช่นเคย
ถ้ารับเป็น พวกเราเอ๋ย หมดศัตรู


ที่มา : ท่านพุทธทาสภิกขุ

263
เหตุที่มนุษย์มีสภาพแตกต่างกัน

แสดงไว้ว่า

ฆ่าสัตว์ ไม่มีความกรุณา...เป็นเหตุให้...อายุ สั้น

ไม่ฆ่าสัตว์ มีความกรุณา...เป็นเหตุให้...อายุ ยืน

เบียดเบียนสัตว์...เป็นเหตุให้...มีโรค มาก

ไม่เบียดเบียนสัตว์...เป็นเหตุให้...มีโรค น้อย

มักโกรธ มีความคับแค้นใจมาก...เป็นเหตุให้...ผิวพรรณ ชั่ว


ไม่โกรธ ไม่มีความคับแค้นใจ ...เป็นเหตุให้...ผิวพรรณ ผุดผ่อง

มีใจประกอบด้วยความริษยาผู้อื่น...เป็นเหตุให้...มีอานุภาพ น้อย

มีใจไม่ริษยาผู้อื่น...เป็นเหตุให้...มีอานุภาพ มาก

ไม่บริจาคทาน...เป็นเหตุให้...ยากจน อนาถา

บริจาคทาน...เป็นเหตุให้...มีโภคสมบัติมาก

กระด้าง ถือตัว...เป็นเหตุให้...เกิดในสุกล ต่ำ


ไม่กระด้าง ไม่ถือตัว...เป็นเหตุให้...เกิดในสกุล สูง

ไม่อยากรู้ ไม่ไต่ถามผู้มีปัญญา...เป็นเหตุให้...มีปัญญา น้อย

อยากรู้ หมั่นไต่ถามผู้มีปัญญา...เป็นเหตุให้...มีปัญญา มาก

สัตว์นรก ครั้นสิ้นกรรมแล้ว มาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมเกิดในสกุลต่ำ
เป็นคนยากจนอดอยาก เป็นอยู่โดยฝืดเคือง มีรูปร่างผิวพรรณไม่สมประกอบ


กิจโฉ มนุสสะปฏิลาโภ...การเกิดเป็นมนุษย์...นั้น แสนยาก

กิจฉัง มัจจานะ ชีวิตัง...การดำรงชีวิตอยู่ของสัตว์ทั้งหลาย...นั้น แสนยาก

กิจฉัง สัทธัมมัสสะวะนัง...การได้ฟัง พระสัทธรรม...นั้น แสนยาก

กิจโฉ พุทธานะมุปปาโท...การบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย...นั้น แสนยาก


ที่มา : ธรรมจักรดอทคอม

264

 :054: :054: :054:




ท้องสนามและบริเวณรอบๆๆมีงานจัดนิทรรศการวันอาสาฬบูชาและวันเข้าพรรษา มีกิจกรรมมากมาย งานมีวัน 2 - 8 ก.ค. 2552



หนังสือที่ได้แจกในงานครับ





ช่วงค่ำที่ผ่านมาครับนำภาพมาเล่าเรื่อง

พรุ่งนี้ ตื่นเช้าทำบุญตักบาตร ไหว้พระ เวียนเทียน กันนะครับ :001: :001: :001:



265
บทความ บทกวี / จริงใจ..สบายจริง
« เมื่อ: 06 ก.ค. 2552, 04:26:43 »
คงเป็นเรื่องน่าเศร้า
หากคนเราต้องบิดเบือนความจริงในใจ
แล้วใส่หน้ากากเข้าหากัน

เราคงมีชีวิตอยู่กับความสุขปลอมๆ
ท่ามกลางความกลัวที่จะผิดหวัง
ทั้งที่ในที่สุดก็ต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี

ถอกหน้ากากออกดีไหม
จะเป็นไรไป หากใครจะอ่านสายตาของเราได้
หรือแม้แต่จะมองทะลุถึงใจของเรา

เพราะเมื่อใดก็ตาม ที่เราไม่ต้องปิดบัง อำพราง
ไม่ต้องไว้ท่าไว้ทางหรือมีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ
เมื่อนั่นใจของเราย่อมมีพลังอย่างเต็มที่
ที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้บังเกิดขึ้น

ซึ่งต่างค้นพบพลังแห่งความจริงใจ
เป็นพลังที่เกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ
แต่มีอานุภาพเหลือประมาณ

ฉะนั้น..
อย่ากลัวเลย..ที่จะเป็นคนจริงใจ
เป็นคนซื่อๆ ใสๆ
ปากกับใจตรงกัน
ถึงแม้เราไม่เก่ง ไม่ดีเด่น
ไม่ได้เป็นคนสำคัญ
ขอเพียงเรามีความจริงใจต่อกัน
แค่นี้ก็สุขสบายใจ..

....................

บทความจากธรรมะจักรดอทคอม

ข้อคิดและสาระดีดีนำมาเล่าสู่กันฟังครับ :001: :002: :001:


266
ไม่ว่าคุณจะอยู่เกิดในภพภูมิใดก็แล้วแต่ จะเป็นวัว ควาย เปรต ฯลฯ

การทำบุญกุศลจะทำให้มีสุข เป็นสุข = มีอาหารของภพภูมินั้นกิน ไม่ขาดแคลน เป็นสุข

บาปอกุศลจะทำให้มีทุกข์ เป็นทุกข์ = ไม่มีอาหารของภพภูมินั้นกิน ขาดแคลน เป็นทุกข์


ตัวอย่าง

เมื่อมีชีวิตใช้จ่ายส่วนตัวฟุ่มเฟือย แต่มีใจอกุศลตระหนี่ถี่เหนียวไม่ยอมให้ทาน จะต้องไปเกิดเป็นเปรต (คูถขาทาเปรต ที่กินอุจจาระปัสสาวะเป็นอาหาร) ทนทุกข์กับความหิวกระหาย ต้องเที่ยวได้ไปหาอุจจาระปัสสาวะกิน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่ก็หาอาหารกินไม่ได้ แม้ได้อาหารมา พอเข้าปากก็กลายเป็นเถ้าถ่านเสียสิ้น

- การขาดแคลนอาหารของเปรตประเภทนี้ เป็นทุกข์
- การที่อาหาร(อุจจาระปัสสาวะ)กลายเป็นเถ้าถ่านเสียสิ้น ยิ่งเป็นทุกข์เพิ่มขึ้น


ทั้งหมดล้วนเกิดจากบาปอกุศล

ส่วนตัวอาหารนั้น ถ้าเป็นมนุษย์ก็จะบริโภคพืชและซากศพของสัตว์เป็นอาหาร แต่เพราะเขาไม่มีจิตใจเป็นมนุษย์ มีจิตใจเหมือนเปรตประเภทนี้ กฎแห่งกรรมก็จัดสรรให้เขาเกิดเป็นคูถขาทาเปรต ที่กินอุจจาระปัสสาวะเป็นอาหารแทน

ถ้าเขาเป็นคนที่รักษาศีล ละอายใจต่อบาป อย่างน้อยก็จะไปเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา บริโภคอาหารทิพย์จากธัญพืช บางครั้งก็เสพแค่กลิ่นก็อิ่มแล้ว แต่ถ้าเป็นคนที่สมานสามัคคี เกื้อกูลคนอื่น หรือรักษาอุโบสถศีลสม่ำเสมอ ฯลฯ ก็จะมีอาหารทิพย์เป็นของบริโภค

ถ้าเป็นผู้ทำสมาธิ โดยเฉพาะผู้ตายในฌาน เมื่อตายแล้วก็จะพรหมในชั้นต่างๆ พรหมชั้นล่างๆจะเสพอุเบกขาเป็นอาหารบ้าง เสพสุขประณีตเป็นอาหารบ้าง ถ้าเป็นพรหมชั้นสูงก็จะเสพปิติเป็นอาหาร ในขณะที่พรหมในชั้นสุทธาวาสจะเสพธรรมรสเป็นอาหาร


สรุป

บุญกุศลทำให้มีกิน บาปอกุศลทำให้ไม่มีกิน ส่วนจะกินอาหารแบบไหน ภูมิไหน ก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของผู้นั้น ว่าจะสอดคล้องกับภพภูมิไหน

ที่มา : ธรรมจักดอทคอม

เห็นว่าบทความนี้ดีเลยนำมาเสนอให้ท่านสมาชิกได้อ่านกันครับ    :001:
 
  

267










นำรูปภาพต้นไม้คุยกันมากฝากท่านสมาชิกทุกท่านครับ
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
:001:

ที่มา : ธรรมจักรดอทคอม

268


หลวงพ่อเปิ่นเป็นประธานปลุกเสก
หลวงพ่ออางค์ ,หลวงตาก๋ง ,หลวงพี่ติ่ง ,หลวงพี่ญา
พิธีปลุกเสกพระพิมพ์นั่งหมูป่า


ที่มา : นำมาจากนิตรสาร ลานโพธิ์ พ.ย.2534




น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญนั่งหมูป่า อายุครบรอบ 70 ปี จัดสร้างในปี พ.ศ. 2534



พระผงพิมพ์นั่งหมูป่า "รุ่นแรก"2534
จัดสร้างขึ้นเพื่อฉลองอายุหลวงพ่อเปิ่น ครบรอบ 70 ปี ในปี พ.ศ. 2534
หลวงพ่อเปิ่นนั่งหมูป่า ซึ่งเป็นปีเกิดของหลวงพ่อเปิ่น จัดสร้าง 2 ชนิด คือ 1. พระผง 2.เหรียญโลหะ





ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

269


วิธีบูชาพระโค หลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ นครปฐม

-ควรตั้งชื้อให้พระโคก่อน ชื้อควรแสดงถึงความเข้มแข็ง กล้าหาญ
-ก่อนนำพระโคเข้าบ้าน ควรจุดธูป 9 ดอก บอกเจ้าที่เจ้าทางและ 1 ดอก บอกผีบ้านผีเรือน
-และควรจุดะปขออนุญาตพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภายในบ้านอีก 1 ครั้ง
-ตั้งพระโครวมกับพระได้ แต่ตั้งให้ต่ำกว่าพระ
-เมื่อจะเริ่มสักการะบูชาพระโค ควรบอกให้พระโคทราบถึงสมาชิกต่าง ๆ ภายในครอบครัว มีใครบ้าง อะไรบ้าง และวัตถุประสงค์ที่ต้องการพระโคคุ้มครองปกป้อง
-สิ่งที่ต่องนำไปบูชาพระโค คือ หญ้าสด และน้ำสะอาด โดยนำน้ำและหญ้าใส่รวมกันในแก้ว ตั้งในที่บูชาพระโค(ควรเปลี่ยนหญ้าและน้ำเมื่อหญ้าเริ่มเหลือง)
-ก่อนออกจากบ้าน ควรบอกให้พระโค ให้ช่วยปกป้องคุ้มครองทรัพย์สินทุกครั้ง
-คาถาสวดบูชาพระโค วันละ 3 จบ


คาถา
ตั้งนะโมฯ 3 จบ
 สาทาเว ทายะสะตะทะสายะ
ทาสาสาทีกุกุ ทีสาสากุกตุกุ
พุตะภูโค สวาหะ ชัยยะมังคลานิ


*******************
ที่มา : วัดกลางบางพระ นครชัยศรี นครปฐม

270
ความเครียดเป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ก็มีกันได้
แต่ใครสามารถจัดการความเครียดได้ดีกว่ากันคนนั้นก็มีความสุขมากกว่า


การจัดการกับความเครียด

1.การตระหนักรู้อารมณ์ของตนเอง
รู้และบอกได้ ว่าอารมณ์ของตนเป็นอย่างไร
รู้สาเหตุ ที่ทำให้เกิดอารมณ์เหล่านั้น
รู้ว่าจะแก้ปัญหาอารมณ์เหล่านั้นให้เย็นลงหรือหมดไปอย่างไร

2 . การมองโลกในแง่ดีหรือมองโลกทางบวก
 มองบวกเป็นบวก , มองทางดีเอาไว้
มองบวกในสิ่งที่ไม่ดี , หาดีจนเจอบ้างแหละ
เห็นความเป็นธรรมดา , ปลงบ้างนะจ๊ะ
เห็นอะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ผลเป็นอย่างไร และ ทำใจ
  
3. การคิดแบบสร้างสรรค์ คิดอย่างไรไม่ให้เครียด
 คิดว่า ฉันน่าจะทำอะไรได้บ้าง ในกรณีแบบนี้
คิดว่า ฉันทำอะไรดี ๆ ไปแล้วบ้างที่ผ่านมา
คิดว่า วิกฤตผ่านได้ ขอเพียงไม่ทิ้งความหวัง มีกำลังใจ และมีแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง

4. การจัดการกับอารมณ์ ความคิดของตนเองเมื่อเครียด
 ระบายออก
ฝึกคลายเครียด เทคนิคต่าง ๆ
ฝึกรู้อารมณ์ ความคิดตนเอง
พยายามเข้าใจความจริง
  
5. การแก้ปัญหา
 พิจารณาทางเลือก
พิจารณาผลเสีย หรือผลกระทบจากทางเลือกต่างๆ
พยายามหาแนวทางลดผลเสียหรือผลกระทบให้น้อยที่สุด


นำไปปฏิบัติดู ,ถ้าไม่ได้ผล ทบทวนใหม่ทั้งหมด และลองทำใหม่

ที่มา - ธรรมจักรดอทคอม
 


271



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญรูปเหมือนใบโพธิ์ หลวงพ่อเปิ่น จัดสร้างในปี พ.ศ. 2533




เหรียญรูปเหมือนใบโพธิ์ พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) มหาบารมี จัดสร้างในปี พ.ศ.2537
ตอกโค๊ตและหมายเลขกำกับทุกองค์หลวงพ่อเปิ่น
เนื้อทองคำ หนัก 24 กรัม สร้างจำนวน 199 องค์
เนื้อเงิน สร้างจำนวน 3,999 องค์
เนื้อนวะโลหะแก่เงิน สร้างจำนวน 9,999 องค์


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

272
.. ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า
แม้แต่คนโง่ที่สุดยังฉลาดในบางเรื่อง
และคนฉลาดที่สุด
ก็ยังโง่ในหลายเรื่อง ..


.. ไม่มีอะไรเสียเวลาไปมากกว่า
การคิดที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีต

ไม่เคยมีอะไรช้าเกินไป
ที่จะทำใหสิ่งที่ตนฝัน ..


.. คนที่ไม่เคยหิว
ย่อมไม่ซาบซึ้งรสของความอิ่ม

ความสำเร็จที่ผ่านความล้มเหลว
ย่อมหอมหวานกว่าเดิม ..


.. อันตรายที่สุดของชีวิตคนเราคือ การคาดหวัง
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
เหตุผลขอคนๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่เหตุผลของคน
อีกคนนึง ถ้าคุณไม่ลองก้าว คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า
ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร
ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง ..


.. คนเรา
ไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง
แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้น
ที่ได้ทำ ..

หัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย
หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทาง .. มากกว่า


บทความจากธรรมจักรดอทคอม

อย่าเพิ่งท้อแท้ หมดหวังกำลังใจนะครับ จะเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ สู้ๆๆๆๆ พรุ่งนี้ก็วันใหม่แล้ว

273

นำภาพมาเล่าเรื่องกันครับ ใกล้วันสำคัญของเราชาวพุทธแล้วนะครับ ไปทำบุญ ตักบาตรกันนะครับ






274

"...การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว
ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทนเสียสละ
แต่สำคัญที่สุดคือความอดทน คือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม
สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง
คือมันครึทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึ ต้องมีความอดทน
เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอน


ในความอดทนของตน ในความเพียรของตน
ต้องถือว่าวันนี้เราทำยังไม่ได้ผล อย่าไปท้อ
บอกว่าวันนี้เราทำแล้วก็ไม่ได้ผล พรุ่งนี้เราจะต้องทำอีก วันนี้เราทำ
พรุ่งนี้เราทำ พรุ่งนี้เราก็ทำ อาทิตย์หน้าเราก็ทำ เดือนหน้าเราก็ทำ

ผลอาจปีหน้า หรืออีกสองปีหรือสามปีข้างหน้า..."



พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา
ครูและอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2516

275
บทความ บทกวี / ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
« เมื่อ: 04 ก.ค. 2552, 12:54:05 »


มนุษย์มีคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่ง
ที่หาไม่ได้ในบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตด้วยกัน สิ่งนั้นคือ ?ยิ้ม?
สัตว์โลกทุกชนิดที่ยกย่องว่ากันว่า
เป็นสัตว์ฉลาดและฝึกหัดได้นานัปการ แต่ฝึกให้?ยิ้ม?ไม่ได้
ยิ้มของคนซื้อขายไม่ได้
ยิ้มเป็นเครื่องดึงดูดให้คนเข้าใกล้โดยปรศจากความระแวง
ยิ้มสามารถเป็นเกราะป้องกันภัยให้แก่ตนเองได้ด้วย


แต่ต้องเป็นยิ้มตามปกติ มิใช่ยิ้มอย่างละคร ลิเก ที่โปรยยิ้มไปรอบเวที
เพราะนั่นเป็นยิ้มที่แต่งขึ้น ยิ้มแท้ต้องเป็นยิ้มที่เกิดจากใจจริง
มีลักษณะเบิกบาน เยือกเย็น เป็นเครื่องดับและบรรเทาทุกข์ร้อนได้
ทำให้ผู้ยิ้มเป็นคนมีสติยั้งคิด ไม่ผลุนผลัน
ฝ่ายหนึ่งหน้าบึ้งมาหาอีกฝ่ายหนึ่งยิ้มรับ เหตุร้ายย่อมกลายเป็นดี
โบราณท่านจึงให้ยิ้มไว้ก่อนเสมอ ยิ้มได้เมื่อภัยมา
ย่อมช่วยให้เกิดสติ ไม่ตื่นเต้นวู่วาม ในเหตุอันใดที่เกิดขึ้น


ยิ้มจึงส่งเสริมให้เป็นคนมีสติ
ตรงข้ามกับความโกรธซึ่งทำให้ขาดสติ ไร้ความยั้งคิด
ยิ้มไม่ต้องลงทุนซื้อหา มีอยู่แล้วประจำตัวทุกคน เหมือนมีอาวุธในตัว
ต้องหมั่นชโลมน้ำมันกันสนิมไว้
อย่าปล่อยให้สนิมจับจนฝืดไม่คล่องแคล่วทันท่วงที
คนที่ยิ้มยาก เพราะไม่เคยยิ้ม ถึงคราวยิ้มย่อมยิ้มไม่ออก
จึงควรต้องหัดยิ้มไว้เสมอๆ


?ยิ้มได้และยิ้มเป็นจะช่วยให้ปลอดภัยและสบายใจ?
คัดลอกจาก...๕๐ คติธรรมจากแสงธรรม
โดย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อุฏฐายี)
สมเด็จพระสังฆราช (องค์ที่ ๑๖)




ยิ้มวันละนิดจิตแจ่มใส น้องเค้ายังยิ้มเลย อิอิอิ  :002: :002: :002: :002: :002: :005: :005: :005: :005:


276



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญล้อแม็กใหญ่ จัดสร้างปี 2535 สร้างโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น ลักษณะเป็นเหรียญกลม ด้านหน้าของเหรียญเป็นรูปหลวงพ่อเปิ่น ครึ่งองค์ มีโค๊ด ด้านหลัง หลวงพ่อเปิ่นนั่งเสือ มีอักขระรอบเหรียญ สร้างโรงพยาบาล 35

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี        


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

277
http://www.dhammajak.net/buddharoom.php

ตามเวบไซด์นี่เลยครับ
สำหรับคนที่ไม่มีเวลาครับ   
สวดที่หน้าคอมพิวเตอร์ก็ได้ครับ   
บอกต่อๆๆๆกันนะครับ

รายการบทสวดมนต์
1. บทสวดบูชาพระรัตนตรัย
2. นโม 
3. พระคาถาชินบัญชร
4. คำสมาทานกรรมฐาน (สมาธิ)
5. คำแผ่เมตตา 
6. คำอุทิศกุศล 
7. คำกรวดน้ำ 


อ า นิ ส ง ส์ ข อ ง ก า ร ส ว ด ม น ต์
- บำบัดทุกข์โศกโรคภัย รวมทั้งความรุ่มร้อนใจ
- ขจัดภัยอันตราย สิ่งชั่วร้ายที่จะพึงมี
- ปัดเป่าอุบาทว์ เสนียดจัญไร สิ่งอวมงคล
- ป้องกันภัยต่างๆ มีโจรภัย อัคคีภัย อสรพิษสัตว์ร้ายทั้งปวง
- ส่งเสริมให้เจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ
- ให้แคล้วคลาดภัย ประสบความสวัสดี มีชัยเจริญงอกงามในชีวิต


ที่มา - ธรรมจักรดอทคอม

278

วันอาสาฬหบูชา
ตรงกับ วันเพ็ญ เดือน ๘ ก่อนปุริมพรรษา (ปุริมพรรษาเริ่ม ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ในปีที่ไม่มีอธิกมาสเป็นต้นไป ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑) ๑ วัน เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ เทศน์กัณฑ์แรก ชื่อว่าธัมมจักกัปปวัตตนสูตร โปรดพระปัญจวัคคีย์ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมือง พาราณสี ในปีแรกที่ทรงตรัสรู้และเพราะผลของพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้เป็นเหตุให้ท่าน พระโกณฑัญญะในจำนวนพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ได้ธรรมจักษุ (โสดาปัตติมรรค หรือ โสดาปัตติมรรคญาณ คือญาณที่ทำให้สำเร็จเป็นโสดาบัน) ดวงตาเห็นธรรม คือ ปัญญา รู้เห็นความจริงว่า สิ่งใดก็ตามมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไป เป็นธรรมดา แล้วขอบรรพชาอุปสมบทต่อพระองค์ เป็นพระอริยสงฆ์องค์แรกของ พระพุทธศาสนา และทำให้พระรัตนตรัยครบองค์ ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

ในเมื่อวันนี้ของทุก ๆ ปี เวียนมาถึงพุทธศาสนิกชน จึงนิยมทำการบูชาเป็นพิเศษ และ พุทธศาสนิกชนในที่บางแห่ง ยังตั้งชื่อวันอาสาฬหบูชานี้ว่า "วันพระสงฆ์" ก็มี อาสาฬหะ คือ เดือน ๘ อาสาฬหบูชา คือ การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน ๘ ความสำคัญ ของวันเพ็ญเดือน ๘ นี้ มีอยู่อย่างไร จะได้นำพุทธประวัติตอนหนึ่งมาเล่าต่อไปนี้ นับแต่วันที่สมเด็จพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ คือ ในวันเพ็ญเดือน ๖ พระองค์ประทับเสวยวิ มุตติสุขในบริเวณโพธิมัณฑ์นั้น ตลอด ๗ สัปดาห์

วันอาสาฬหบูชามีความสำคัญ คือ

๑. เป็นวันแรกที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนา
๒.เป็นวันแรกที่พระบรมศาสดาทรงแสดงพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ประกาศสัจจธรรมอันเป็นองค์แห่งสัมมาสัมโพธิญาณ
๓.เป็นวันที่พระอริยสงฆ์สาวกองค์แรกบังเกิดขึ้นในโลก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้รับประทานเอหิภิขุอุปสัมปทาในวันนั้น
๔. เป็นวันแรกที่บังเกิดพระสังฆรัตนะสมบูรณ์เป็นพระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะพระธรรมรัตนะพระสังฆรัตนะ


เมื่อวันอาสาฬหบูชาซึ่งตรงในวันเดียวกันได้เวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่งในรอบปี คือ เวียนมาบรรจบในวันเพ็ญอาสาฬหบูชาเดือน ๘ ของไทยเรา ชาวพุทธทั่วโลกจึงประกอบพิธีสักการบูชา การประกอบพิธีในวันอาสาฬหบูชาแบ่งออกเป็น 3 พิธีคือ
๑.พิธีหลวง (พระราชพิธี)
๒. พิธีราษฎร์ (พิธีของประชาชนทั่วไป)
๓. พิธีของพระสงฆ์ (คือพิธีที่พระสงฆ์ประกอบศาสนกิจเนื่องในวันสำคัญวันนี้)


การประกอบพิธีและบทสวดมนต์ในวันอาสาฬหบูชาก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับการประกอบพิธีในวันวิสาขบูชา

ที่มา : ธรรมจักรดอทคอม

279
บทความ บทกวี / มะม่วง(ปริศนาธรรม)
« เมื่อ: 03 ก.ค. 2552, 06:20:30 »
มะม่วง
ถ้าพูดให้สั้นเข้ามา
ศีลก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี มันก็เป็นอันเดียวกัน
ศีลก็คือสมาธิ สมาธิก็คือศีล
สมาธิก็คือปัญญา ปัญญาก็คือสมาธิ


ก็เหมือนมะม่วงใบเดียวกัน
เมื่อมันเป็นดอกขึ้นมา มันก็ดอกมะม่วง
เมื่อเป็นลูกเล็ก ก็เรียกว่าผลมะม่วง
เมื่อมันโตขึ้นมา ก็เรียกมะม่วงลูกโต
มันโตขึ้นไปอีก ก็เรียกมะม่วงห่าม
เมื่อมันสุกก็คือมะม่วงสุก
มันก็มะม่วงลูกเดียวกันนั่นแหละ
มันเปลี่ยนๆ ไป
มันจะโตมันก็โตไปหาเล็ก
เมื่อมันเล็กมันก็เล็กไปหาโต


ที่มา  : บทความของหลวงพ่อชา สุภัทโท
          ขอบคุณบทความจากธรรมจักรดอทเน็ต

280
ภาชนะที่หงายรับน้ำฝน

สิ่งที่เราจะเกื้อกูลกันไปอีกภายภาคหน้า คือการหงายของขึ้นมา
หงายของที่มันคว่ำขึ้นมา เพื่อจะรับเอาน้ำฝนที่ตกลงมา ถ้าเราปล่อย

ภาชนะให้มันคว่ำก็คือขาดความยินดี ความพอใจ ขาดศรัทธา เราก็
สำรวจดูสิว่าเรามีความยินดี มีศรัทธา มีความเพียรอันแก่กล้าไหม

นั่นคือ...การหงายภาชนะขึ้นมาเพื่อที่จะรับเอาน้ำฝนที่ตกลงมา ถ้าเรา
ไม่มีความยินดี ไม่มีความศรัทธา ไม่ว่าฝนจะตกลงมากี่ครั้งก็เปล่า


ประโยชน์ ฉะนั้นก็ให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามควร ขณะนี้ก็นับว่าดีอยู่แล้ว
ก็พยายามให้ดีกว่านี้ จิตสงบขณะนี้ยังไม่พอ ก็ให้มันสงบมากกว่านี้

จิตมันฟุ้งซ่านยังไม่พอก็ให้มันฟุ้งดูว่า มันจะฟุ้งไปถึงไหน ตามมันไปดู
มันไปดูอะไร สิ่งที่เราไปเห็นมันเป็นอนิจจัง...ทุกขัง...อนัตตาไหม ?

ถ้าสิ่งที่เห็นมันเป็นอนิจจัง..ทุกขัง..อนัตตา อยู่ที่ไหนก็อยู่ด้วยความทุกขัง
อนัตตา จะทำอย่างไร จิตมันก็หดกับมาหาตนเอง..ถ้ามันฟุ้ง ก็ให้มันฟุ้ง


ให้สุดๆ มันจะเก่งกล้ากว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรงไหน ขึ้นชื่อว่า'กิเลส'
มันต้องยอมแพ้แต่'มรรคผลนิพพาน'ของพระพุทธเจ้า ยอมแพ้ต่อความเพียร

ผู้มีศรัทธาอันยิ่ง ฉะนั้น...เราอย่าไปนอนใจ เราคือผู้ทำงาน เรานอนใจไม่ได้
"เราเป็นผู้เดินทาง จะต้องเตรียมเนื้อเตรียมตัวอยู่เสมอ จะนอนใจไม่ได้"


ที่มา  : ศาลาธรรม

281
บทความ บทกวี / มอง มอง มอง
« เมื่อ: 03 ก.ค. 2552, 01:51:34 »


ขอบคุณบทความจากธรรมะไทย

282



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญรูปไข่ หลวงพ่อเปิ่นครึ่งองค์ รุ่น ทรัพย์อุดม จัดสร้างในปี 2535
พุทธังรักษา ธัมมังรักษา สังฆังรักษา ตอกโค๊ดกำกับ


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี       


งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชาและถวายแด่หลวงพ่อเปิ่น

283
บทความ บทกวี / อารมณ์
« เมื่อ: 02 ก.ค. 2552, 08:40:22 »
อารมณ์

คำว่า ?อารัมมณะ? เป็นคำหนึ่งในภาษาบาลี

ซึ่งภาษาไทยใช้คำว่าอารมณ์ ไม่เหมือนกับความหมายที่เราเข้าใจ

เพราะว่า คนไทยเราเอาภาษาบาลีมาใช้ แต่ใช้ไม่ตรงกับความหมายในพระพุทธศาสนา

เวลาที่เราบอกว่า วันนี้อารมณ์ดี เพราะว่าเห็นดี ได้ยินดี ได้กลิ่นดี ลิ้มรสดี

รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสดี คิดนึกเรื่องราวดี ๆ ก็บอกว่า อารมณ์ดี

แต่คำว่า อารัมณะต้องคู่กับคำว่า ?จิต? เพราะว่าจิตเป็นสภาพรู้ หรือ ธาตุรู้


เมื่อเกิดขึ้น ต้องรู้ไม่รู้ไม่ได้เลย

เพราะฉะนั้น เมื่อจิตเป็นสภาพรู้ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกจิตรู้ หรือว่าจิตกำลังรู้

สิ่งใด สิ่งนั้นเป็น อารมณ์ เสียงในป่า เสียงนอกศาลา เสียงใด ๆ ก็เกิดขึ้นได้

เมื่อมีการกระทบกันของของแข็ง แต่เสียงที่ไม่ปรากฏไม่ใช่ อารัมณะหรืออารมณ์

เพราะว่าขณะนั้นไม่มีจิตที่รู้อารมณ์หรือเสียงนั้น เสียงนั้นเกิดแล้วก็ดับไป ๆ

แต่ขณะใดก็ตาม เสียงปรากฏ หมายความว่า เสียงปรากฏกับสภาพรู้ที่กำลังได้ยินเสียง

ขณะนี้มีจิตขณะหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นได้ยินเสียง

เพราะฉะนั้น ก็จะต้องทราบการเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็วของสภาพธรรม

แล้วก็รู้ว่า ตัวจริงๆของธรรมแต่ละขณะนั้นมีอะไรบ้าง รู้อารมณ์ทางไหนบ้าง



ขอบคุณบทความจากธรรมจักรดอทเน็ต

284



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม
เหรียญจันทรประภา เนื้อเงินลงยา มีโค๊ตและเบอร์กำกับทุกองค์ สร้างจำนวน 888 เหรียญ สร้างในปี 2538
พิธีในวันสุริยุปราคา 24 ตุลาคม 2538
ที่สำคัญเหรียญ รุ่นนี้ ปลุกเสกในพิธีถึง 2 ครั้ง ครั้งแรก คือ จันทรุปราคา 8 ตุลาคม 2538 ครั้งที่ 2 คือสุริยุปราคา 24 ตุลาคม 2538 เป็นรูปการณ์ที่แปลกเหนือธรรมชาติ และเข้าพิธีในโบสถ์อีก 3 ครั้ง ก่อนหน้านี้


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี      

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชา

285



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

รูปหล่อฤาษี ยืน รุ่นแรกชี้นิ้วขึ้น สร้างปี 2537 (รายละเอียดดูจากภาพด้านบนนะครับ)

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี      

งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชา

เนื้ออะไรเอ่ย ลองทายกันเล่นๆนะครับ แต่ไม่มีรางวัลนะจ๊ะ  ตอนแรกดำเลย แล้วใช้น้ำยาล้างครับ เป็นแบบนี้เลยครับ :002: :002:

286
รถใหม่
 หมายถึง การที่ชีวิตตื่นเต้น และหลงระเริงในอุบายโลก ถูกโลกีย์เป็นสายน้ำพัดนำพาไปติดกับดักกรรม ทั้งนี้อาจหมายถึงชีวิตที่ถูกเริ่มขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างดูดี สดชื่นไปหมด เพราะเพิ่งเริ่มต้นชีวิตใหม่ ยังไม่รู้จักอุปสรรคต่าง ๆ ของชีวิตที่จะตามมาทีหลัง เหมือนคนที่ได้ของใหม่ ๆ ย่อมดีใจ จนลืมคิดว่า ของเหล่านั้นย่อมมีการสลายไปตามกาล

การออกรถแต่ละครั้ง
 เหมือนการเริ่มเรียนรู้ชีวิตไปแต่ละก้าว


การเลี้ยวรถ
 หมายถึงเราผ่านช่วงชีวิตมาช่วงหนึ่งแล้ว เตรียมตัวที่จะพบกับชีวิตช่วงต่อไป


สิ่งกีดขวางบนถนน
 หมายถึงอุปสรรคปัญหาชีวิตที่จะต้องเจอ ไม่มีใครที่จะหลีกเลี่ยงได้


เครื่องหมายและป้ายข้างทาง
  หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต มีทั้งดีและชั่ว สิ่งที่ชีวิตต้องรับรู้ และประสบพบเจอเป็นธรรมดา จะดีหรือชั่วนั้นขึ้นอยู่กับการคิดวิเคราะห์ของแต่ละบุคคล


รถจอดอยู่กับที่
  หมายถึงชีวิตที่อิ่มแล้ว ไม่ต้องการเสวยโลกียโลก มีจิตใจที่เป็นสุขนิ่งอยู่กับที่ เพราะได้เปิดรับพระธรรมที่เข้ามาชะโลมจิตใจให้กับชีวิต เหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ตัดแล้วซึ่งกระแสน้ำทางโลก


เมื่อน้ำมันหมด
  หมายถึงเราได้พบกับจุด ๆ หนึ่งของชีวิตที่ทำให้เราท้อแท้ อ่อนแอ และตกต่ำอย่างยิ่ง จุดนี้เป็นจุดอันตรายที่สุดของชีวิตถ้าผ่านไปได้ ชีวิตช่วงต่อไปก็จะไม่มีอะไรยาก


รถเกิดอุบัติเหตุ
 นั่นหมายถึงการเจ็บไข้ ตลอดการตายก่อนวัยอันควร เพราะอุบัตติเหตุ หรือความเห็นผิดเป็นชอบ หลงระเริงเห็นดีชอบไปตามฝูงมิตร โดยไม่คิดว่า นั่นอาจจะนำพาให้เสียชีวิตได้


เมื่อเติมน้ำมันรถเรียบร้อย
  นั่นหมายถึง การผ่านช่วงหนึ่งของชีวิตที่ตกต่ำ และย่ำแย่จนถึงขีดสุดมาได้ เมื่อผ่านจุดที่ยากที่สุดมาได้ก็เหมือนกับได้พลังในการดำเนินชีวิตใหม่


รถใกล้จะเสีย
 หมายถึง ความทรงพลังของชีวิตใกล้จะหมดไป เมื่อย่างเข้าสู่วัยชรา ทุกชีวิตจะต้องมาหยุดอยู่ที่จุดเดียวกัน คือ ไร้เรี่ยวแรงที่จะทำมาหากิน สภาพสังขารเปลี่ยนไป หย่อนสภาพไปอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลภาวะจิตใจที่ลดต่ำลงไป


รถเสีย
 หมายถึง ชีวิตของทุกคนที่ผ่านวัยชรามาแล้ว หมดอายุขัย อำนาจกรรมนำสูเทวโลก อบายภูมิโลก หรือกลับมาสู่อบายภูมิโลก อย่างเช่นคำกลับชาติมาเกิด อันนี้ขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละคนที่ทำมา เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ ลูกหลานรักใคร่ เอ็นดู ใครเห็นก็แสดงความเคารพ การถูกไหว้เมื่อครั้งยังมีชีวิต หมายถึงการสวัสดี แต่การถูกไหว้ภายหลังจากหมดอายุขัยกลับกลายเป็นเครื่องหมายส่งวิญญาณของตนให้ไปสู่สุ
คติ เมื่อตายแล้วไม่มีใครตามไปไหว้ถึงทิพโลก ความดีที่เคยทำไว้จะถูกประดับไว้ในมนุษย์โลก จะเป็นเครื่องกล่าวขานกันต่อ ๆ ไป
ที่มา : ศาลาธรรม

287

ภาพวิวทิวทัศน์ ก่อนไปวัดห้วยมงคล แวะ สูดลมทะเลที่หัวหินก่อนครับผม
อาหารมื้อนี้ เรีบยง่ายครับ

เห็นเค้าเล่น บะนาน่าโบต แล้วอยากเล่นจังเลย อิอิอิ
เอ๊ะๆๆๆ แอบถ่าย

เอี้ยงน้อยก็หิวเหมือนกันนะ

พี่เค้าขายเครื่องบินครับ ซื้อสักลำไหมครับ

จักรยานชายหาด เห็นแล้วอยากขี่จังครับ

อิ่มท้องแล้ว เดินทางกันต่อเลยครับ
 

288
บทความ บทกวี / ตีนกับตา
« เมื่อ: 30 มิ.ย. 2552, 07:18:42 »
ตีนกับตา

ตีนกับตา ... อยู่กันมา ... แสนผาสุก

จะนั่งลุก ... ยืนเดิน ... เพลินหนักหนา

มาวันหนึ่ง ... ตีนทะลึ่ง ... เอ่ยปรัชญา

ว่ามีคุณ ... แก่ตา ... เสียจริงจริง


ตีนช่วยพา ... ตาไป ... ที่ต่างต่าง

ตาจึงได้ ... ชมนาง ... และสรรพสิ่ง

เพราะฉะนั้น ... ดวงตา ... จงประวิง

ว่าตีนนี้ ... เป็นสิ่ง ... ควรบูชา


ตาได้ฟัง ... ตีนคุยโม้ ... ก็หมั่นไส้

จึงร้องบอก ... ออกไป ... ด้วยโทสะ

ว่าที่ตีน ... เดินเหินได้ ... ก็เพราะตา

ดูมรรคา ... เศษแก้วหนาม ... ไม่ตำตีน



เพราะฉะนั้น ... ตาจึง ... สำคัญกว่า

ตีนไม่ควร ... จะมา ... คิดดูหมิ่น

สรุปว่า ... ตามีค่า ... สูงกว่าตีน

ทั่วธานินทร์ ... ตีนไปได้ ... ก็เพราะตา


ตีนได้ฟัง ... ให้คั่งแค้น ... แสนจะโกรธ

เร่งกระโดด ... ออกไป ... ใกล้หน้าผา

เพราะอวดดี ... คุยเบ่ง ... เก่งกว่าตา

ดวงชีวา ... จะดับไป ... ไม่รู้เลย


ตาเห็นตีน ... ทำเก่ง ... เร่งกระโดด

ก็พิโรธ ... แกล้งระงับ ... หลับตาเฉย

ตีนพาตา ... ถลาล้ม ... ทั้งก้มเงย

ตาพาเลย ... มรณา ... ทั้งตาตีน


ที่มา : หนังสืออ้างอิง พระประสงค์ ปริปุณโณ   วัดป่าธรรมชาติ นครชิคาโก

คติสอนใจดีครับไม่ให้หลงผิด
คนเราที่คิดเองเออเอง ว่าตัวเองเหนือคนอื่นนั้นมีมากนัก หารู้ไม่ ทำลายตัวเองทางอ้อมมาตลอด

289
บทความ บทกวี / คนดี กับ คนไม่ดี
« เมื่อ: 30 มิ.ย. 2552, 07:09:13 »
คนหนึ่ง ย่อมสามารถใช้ความดีของเขาให้เป็นประโยชน์ ให้เป็นความดีงาม เป็นความเจริญรุ่งเรืองแก่สถาบันของไทยได้

ตรงกันข้ามกับ คนไม่ดี สักคนหนึ่ง ที่ย่อมใช้ความชั่ว ความเห็นแก่ตัว ความมุ่งร้ายทำลายคนที่มีความน่าริษยา เพราะความดีงามด้วยชื่อเสียงเกียรติยศยิ่งกว่า


ความไม่ดีในความหมายของชื่อที่เรียกขานก็แตกต่างกันกับคำว่าคนดี นิสัยใจขอ ความประพฤติปฏิบัติก็ย่อมแตกต่างกันด้วยเป็นธรรมดา

คนดีคือคนที่ทำความดีเต็มสติปัญญาความสามารถ
คนไม่ดีก็คือคนที่ทำความไม่ดีอยู่
อย่างเต็มสติปัญญาความสามารถเช่นกัน


คนไม่ดียากที่จะส่งเสริมคนดี มีแต่จะทำลายด้วยความอิจฉาริษยา แต่คนดีที่มีจิตใจอ่อนเป็นพื้นฐานสำคัญอยู่ จึงง่ายต่อการที่จะใจอ่อนเข้าร่วมส่งเสริมคนไม่ดี ทำให้เหมือนดังคนดีได้กลายเป็นคนไม่ดีไปด้วย

ซึ่งที่จริงไม่ใช่เช่นนั้น คนดีก็คือคนดี ที่มีความดี ที่มุ่งทำความดี แต่อย่างว่าคนดีมักมีความอ่อนเป็นพื้นนิสัย คือพื้นของจิตใจอ่อนไหวต่อการแสดงออกซึ่งน้ำใจ จะเมตตาไปโดยไม่รู้ความควรไม่ควร

หรือโดยไม่รู้ความถูกความผิดที่แท้จริง ทำบุญจึงเหมือนทำบาป เช่นนี้ปรากฎให้เห็นอยู่ ยิ่งเป็นคนดีเพียงไรอันตรายจากความอ่อนของจิตใจก็ยิ่งมากเพียงนั้น ขอให้รอบคอบให้อย่างยิ่งในจิตใจของตนเอง ที่รู้ตัวว่าเป็นคนดีที่อ่อนโยนยิ่งนักเถิด


ที่มา : แสงส่องใจ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๐
       : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


290



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

อิทธิมงคลเสาร์ ๕
สมทบทุนสร้างโรงพยาบาล
อธิษฐานจิตภาวนาปลุกเสกเดี่ยว วันเสาร์ ๕ ( วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๓๖)


พระปิดตามหามงคลเสาร์ ๕ พิมพ์ยันต์ยุ่ง รุ่น ๑

เนื้อทองคำ ตามสั่งจอง
เนื้อเงิน สร้าง 2,000 องค์
เนื้อนวะโลหะ สร้าง 4,000 องค์
เนื้อเมฆพัด สร้าง 3,000 องค์
เนื้อทองฝาบาตร สร้าง 5,000 องค์


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี     



งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชา

291
ความเสียสละกับความเห็นแก่ตัวผิดกันมากนะ
ถ้าการเสียสละไปที่ไหนเย็นไปหมด

ถ้าความตระหนี่ถี่เหนียว ความเห็นแก่ตัว
เอารัดเอาเปรียบ ไปที่ไหนร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ


ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม นี่แถวทางของกิเลสเป็นอย่างนั้น แถวทางของธรรมไปที่ไหนสมัครสมานได้หมดเรียกว่าธรรม การทำบุญให้ทานนอกจากผู้มาเกี่ยวข้องได้รับการเสียสละจากเราแล้วบุญกุศลเป็นของเราๆ อันที่ออกไปนั้นเป็นส่วนหยาบนะ วัตถุต่างๆ ที่เราไปทานนั้นเป็นส่วนหยาบที่จะยังกุศลเป็นส่วนละเอียดให้เกิดขึ้นภายในใจ ให้พากันเข้าใจ

วัตถุที่ทานไปนั้นไม่ได้ขึ้นสวรรค์-นิพพานที่ไหน ความเสียสละออกไปจากใจนี่จะหนุนเราให้ไปสวรรค์นิพพาน โดยอาศัยวัตถุหยาบเป็นเครื่องหนุน ให้พากันจำเอาไว้

จอมปราชญ์ทั้งหลายชมเชยตลอด ทานบารมี พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์มีทานบารมีเป็นพื้นฐานทุกพระองค์ไม่เว้นเลย การเสียสละเป็นพื้นฐานสำหรับโพธิสัตว์ที่ปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า มีความเสียสละเป็นพื้นฐาน เพราะฉะนั้นบริษัทบริวารท่านจึงมากทีเดียว บรรดาโพธิสัตว์ที่ไหนบริษัทบริวารมาก มากจริงๆ เพราะความเสียสละ


เสียสละจนกระทั่งถึงชีวิตจิตใจท่านก็เสียสละได้
เวลาไปจนตรอกจนมุมนี้ เช่นพาเพื่อนฝูงบริษัทบริวารไปเที่ยวหากิน
ถูกนายพรานเขาดัก เขาจะฆ่าให้ฉิบหายหมด ท่านเป็นหัวหน้าไปโพธิสัตว์
นี่ดูซิถ้าธรรมดาหัวหน้าจะแหวกหนี ปล่อยให้บริษัทบริวารตายเรียบเลย
นี้ไม่เป็นอย่างนั้น

เวลาไปเจอข้าศึกที่เขาดักข้างหน้าไม่มีทางออกแล้ว
จำเป็นจริงๆ ไม่มีทางออกท่านสู้เลย ท่านเตือนบริษัทบริวารให้วิ่งย้อนหลังให้หมด
เราจะเข้าสู่สงครามคนเดียวตัวเดียว วิ่งเข้าหานายพราน
เขาดักหน้าดักหลัง แทนที่จะพาเพื่อนฝูงหรือใครวิ่งหนี ไม่ไปนะ
นี่ละความเสียสละท่าน


ที่มาของบทความ : หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

292




น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

วัตถุมงคล รุ่นสร้างโรงพยาบาล (ไหว้ครู 14 มีนาคม 2535)

เหรียญหน้าเสือ หลวงพ่อเปิ่น รุ่นสร้างโรงพยาบาล (2535)
มี 3 เนื้อ คือ ทองคำ ,เงิน และ นวะโลหะ


เหรียญหลวงพ่อเปิ่นนั่งเสือ พิมพ์เจ้าสัว หล่อโบราณ รุ่น สร้างโรงพยาบาล (2535)
มี 3 เนื้อ คือ ทองคำ ,เงิน และ นวะโลหะ


เหรียญพระพิมพ์สะดุ้งกลับ รุ่นสร้างโรงพยาบาล (2535)
มี 3 เนื้อ คือ ทองคำ ,เงิน และ นวะโลหะ


เหรียญหลวงพ่อเปิ่นนั่งเสือ พิมพ์หยดน้ำ รุ่นสร้างโรงพยาบาล (2535)
มี 3 เนื้อ คือ ทองคำ ,เงิน และ นวะโลหะ


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี     



งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชา

293
...ขอ... เป็นกิริยาที่หลายคนถนัดนัก
เพราะไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมาก
เรามักจะขอเพราะอยากได้
และสิ่งที่เราอยากได้นั้น เพียงแค่นึกถึงก็เป็นสุขแล้ว
เรารู้จักเอ่ยปากขอตั้งแต่ยังเล็ก
เริ่มด้วยขอจากพ่อและแม่ ต่อมาก็ขอจากครู โตขึ้นก็ยังขอ เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก
แต่อาจเปลี่ยนจากขอเงินหรือขอคะแนน มาเป็นขอความรักแทน
แต่ถึงจะได้มาสมใจ ก็ยังมิวายที่จะขอต่อไป
ยิ่งสมัยนี้ด้วยแล้ว ใคร ๆก็อยากจะขอจากท่านพ่อจตุคามรามเทพกันทั้งนั้น ถ้าไม่ขอสิเป็นเรื่องแปลก เพราะว่ากันว่าท่านให้รวดเร็วทันใจจริง ๆ


ใคร ๆ ก็ชอบขอ แต่มีอย่างหนึ่งที่เราไม่ค่อยอยากขอเท่าไหร่
นั่นคือ ?ขอโทษ? ขอโทษเป็นคำที่กว่าจะหลุดปากแต่ละครั้ง
ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน
โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ใช่เจ้านายหรือมีอำนาจให้คุณให้โทษกับเรา
ยิ่งกับเพื่อน ลูกน้อง ลูกศิษย์ หรือลูกของเราเองด้วยแล้ว
การขอโทษเท่ากับเป็นการเสียหน้าอย่างแรง
แต่เคยสังเกตไหมว่า ยิ่งเห็นแก่หน้าของตัวเองมากเท่าไหร่
หน้าก็จะบางลงเรื่อย ๆ ขณะที่ใจกลับแข็งกระด้างมากขึ้น
จนแม้แต่จะขอโทษพ่อแม่ ก็กลายเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง
เพราะกลัวหน้าจะระคาย ยิ่งกว่าที่จะนึกถึงความรู้สึกของท่าน
เวลามีปากเสียงกับท่าน
แล้วเผลอพูดหรือแสดงอากัปกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกมา
มีกี่ครั้งที่เราเอ่ยปากขอโทษท่าน
แม้จะรู้ตัวว่าผิดก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะทำเช่นนั้น


การขอโทษนั้น มิใช่การแสดงความอ่อนแอ
ตรงกันข้าม เป็นการกระทำที่ต้องอาศัยความกล้าทีเดียว
อย่างน้อยก็ต้องกล้าพอที่จะขัดขืนอำนาจของ...หน้าตา...
ใช่หรือไม่ว่าทุกวันนี้เราเห็นแก่หน้าตา
จนมันกลายมาเป็นใหญ่เหนือชีวิตจิตใจของเรา
ใครมาแนะนำตักเตือนก็รู้สึกเสียหน้า
ใส่เสื้อไม่มียี่ห้อก็รู้สึกเสียหน้า
จนแม้กระทั่งเด็ก ๆ ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือก็รู้สึกเสียหน้าไปกับเขาด้วย
สุดท้ายกลายเป็นว่า ผิดถูกไม่ว่าแต่อย่าเสียหน้าแล้วกัน
ชีวิตที่เห็นแก่หน้ามากเกินไปเป็นชีวิตที่หาความสุขได้ยาก
เพราะถูกกระทบได้ง่ายเหลือเกิน
ดังนั้นแทนที่จะปล่อยให้มันมาบงการชีวิตเรา
เราควรเปลื้องใจให้เป็นอิสระจากมัน
วิธีการหนึ่ง ก็คือ การขอโทษนั่นเอง


การขอโทษเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเรายังมีมโนธรรมสำนึก
รู้ถูกรู้ผิด และเห็นว่าความถูกต้องสำคัญกว่าหน้าตา
ทุกครั้งที่เราขอโทษด้วยความจริงใจ
นั่นแสดงว่าเรายังรู้ร้อนรู้หนาวกับความทุกข์ของผู้อื่น
ที่เรามีส่วนทำให้เกิดขึ้น ความเป็นมนุษย์อยู่ที่ตรงนี้
ใครที่ไม่รู้สึกอะไรเลย ควรหันมาตรวจดูว่าจิตใจเป็นหินไปกี่ส่วนแล้ว
แต่ถ้าใจของคุณยังอ่อนหยุ่น
ยังรู้ร้อนรู้หนาวในยามที่ผู้อื่นได้รับความทุกข์จากคุณ
การขอโทษจะช่วยเปลื้องความรู้สึกผิดออกไปจากใจคุณ
ไม่กดถ่วงหน่วงทับให้คุณหนักอกหนักใจอีกต่อไป
ขณะเดียวกันยังช่วยสมานบาดแผลในใจ
ของผู้ที่ได้รับความทุกข์จากคุณ
เชื่อหรือไม่ว่า เพียงคำไม่กี่คำนี้เท่านั้น
มีพลานุภาพที่สามารถเยียวยาจิตใจของคุณและเขาได้อย่างน่าอัศจรรย์
ผู้ที่กราดเกรี้ยวเพราะเจ็บปวด
หลายคนจะรู้สึกสงบลงทันทีที่อีกฝ่ายกล่าวคำขอโทษ


ถ้าคุณรู้จักขอโทษ ไม่นานจะพบว่า
จิตใจสามารถจะให้สิ่งหนึ่งที่ให้ได้ยากมาก นั่นคือ...ให้อภัย...
เป็นเพราะทุกวันนี้เราไม่รู้จักการให้อภัย เราจึงเป็นทุกข์กันมาก
น่าแปลก ก็คือ คนที่เราให้อภัยได้ยากนั้น
ส่วนใหญ่ ก็คือ คนที่อยู่ใกล้ตัวเรานี้เอง
อาจเป็นเพื่อน คนรัก ลูก หรือแม้แต่พ่อแม่
ยิ่งรักมากเท่าไหร่ ยามผิดหวังหรือถูกกระทำ
จะยิ่งเจ็บปวดและเคียดแค้นชิงชังมากเท่านั้น
อาการเหล่านั้นเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์
แต่ปัญหา ก็คือ เรามักจะยึดติดถือมั่น และไม่รู้จักปล่อยวาง
มันจึงเผาลนใจเราไม่รู้จบ บางครั้งอาจยืดเยื้อไปจนสิ้นลม
การขอโทษเกิดขึ้นได้เมื่อใจไม่ยึดติดถือมั่นในหน้าตา
ทุกครั้งที่เราขอโทษด้วยความจริงใจ จิตก็รู้จักการปล่อยวาง
ยิ่งปล่อยวางได้เร็วเท่าไหร่
การแบกยึดความโกรธเกลียดก็เกิดขึ้นได้น้อยลง
ทำให้การให้อภัยกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นเรื่อย ๆ
และยิ่งเราให้อภัยมากเท่าไร บาดแผลในใจเราก็สมานเร็วมากเท่านั้น
ขออะไรก็ไม่ยากเท่าขอโทษ ให้อะไรก็ไม่ยากเท่าให้อภัย
แต่ถ้าเราไม่รู้จักขอโทษและให้อภัย ชีวิตจะมีความสุขได้อย่างไร


ที่มา : IMAGE มิถุนายน ๒๕๕๐
         คอลัมน์ ชวนสังคมคิด เป็นคอลัมน์บทความทั่วไป

294
บทสวดมนต์ / อานิสงค์การสวดมนต์
« เมื่อ: 27 มิ.ย. 2552, 09:38:35 »
อานิสงค์ของการสวดมนต์
สำหรับใครที่คิดว่าเราสวดมนต์ไปวันๆ เพื่อประโยชน์อะไร ท่องๆ ไปบางครั้งสวดไปเราเองก็ไม่ไดรู้หรือทราบถึงคำแปลเลยแม้แต่อย่างใด ดังนั้นมีหลายคนที่ตั้งคำถามที่ว่าเราสวดมนต์ หรือแม้แต่ อ่านหนังสือ ธรรมะ ไปเพื่ออะไรมาดูกันด้านล่างนี้เลยครับ ... .. .


1. ไล่ความขี้เกียจ : ขณะสวดมนต์ อารมณ์เบื่อ เซื่องซึม ง่วงนอน เกียจคร้าน จะหมดไป เกิดความแช่มชื่น กระฉับกระเฉงขึ้น

2. ตัดความเห็นแก่ตัว : เพราะขณะนั้นอารมณ์ของเราหน่วงอยู่ที่การสวด ไม่ได้คิดถึงตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง จึงมิได้กล้ำกลายเข้าสู่วาระจิต

3. ได้ปัญญา : การสวดมนต์โดยรู้คำแปล รู้ความหมาย ย่อมทำให้ผู้สวดได้ปัญญา ความรู้ แทนที่จะสวดแจ้วแจ้ว เหมือนนกแก้ว นกขุนทอง โดยไม่รู้อะไรเลย เป็นเหตุให้ถูกค่อนว่า ทำอะไรโง่ๆ

4. จิตเป็นสมาธิ : เพราะขณะนั้นผู้สวดต้องสำรวมใจแน่วแน่ มิฉะนั้นจะสวดผิด ได้หน้าลืมหลัง เมื่อจิตเป็นสมาธิ ความสงบเยือกเย็นในจิตจะเกิดขึ้น

5. ได้เฝ้าพระพุทธเจ้า : เพราะขณะนั้น ผู้สวดมีกาย วาจาปกติ มีศีล มีใจแน่วแน่ มีสมาธิ มีความรู้ระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า มีปัญญาเท่ากับเฝ้าพระองค์ด้วยการปฏิบัติบูชา ครบไตรสิกขาอย่างแท้จริง ... .. .


ที่มา : หนังสือความรู้เรื่องบทสวดมนต์  โดย สุชีพ ปุญญานุภาพ

295



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

รูปหล่อครึ่งองค์ รุ่นจตุพร 4 ปี 2536

วัตถุมงคลที่ระลึกแก่ผู้บริจาคทรัพย์ร่วมทำบุญทอดกฐินในปี2536
วัตถุประสงค์เพื่อนำจตุปัยจัย ไปสร้าง ระฆัง ,มุงหลังคาโบสถ์ ,อาคารเรียน


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    

[shake][/shake]

[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชา[/shake][/font][/color]

296



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญอะเมซิ่ง  พิธีไหว้ครู ปี2541 เนื้อตะกั่วด้านหลังจาร จัดสร้างจำนวน 1,299 เหรียญ
เหรียญนี้เป็นเหรียญลำดับเลขสุดท้าย และ ท้ายสุด พอดิบพอดีเลยครับ


เหรียญรุ่นนี้ก็มีประสบการณ์อีกรุ่นนะครับ
ที่ทราบมาว่า ย่อๆนะครับ คนที่แขวนรุ่นนี้นั่งรถยนต์ไปแล้วประสบอุบัติเหตุ คนที่นั่งมาด้วยเสียชีวิตหมด เหลือแต่คนที่แขวนเหรียญหลวงพ่อเปิ่น รุ่นอะเมซิ่ง รอดเพียงคนเดียวครับ จบ.....ครับ (ย่อๆครับ)


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    


[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชา[/shake][/font][/color]

297
ในมงคลสูตรบทแรก สอนว่า  อย่าคบคนพาล ให้คบบัณฑิต
แสดงถึงศาสนาพุทธแบ่งคนเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ คนพาล และ บัณฑิต

คนพาล คือ คนมักโกรธ พยาบาท ชอบชักชวนไปทางชั่ว

บัณฑิต ผู้ไม่โกรธ ชักชวนให้ทำความดี


ถ้าแบ่งตามคุณธรรม ศาสนาพุทธก็แบ่ง มนุษย์เป็น ๕ ประเภท คือ

1. มนุษย์เทโว มนุษย์ใจเป็นเทวดา คือ มี หิริ ( ความละอายต่อบาป) และโอตตัปปะ(เกรงกลัวผลของบาป)

2. มนุษย์ภูโต มนุษย์ใจเป็นมนุษย์ รักษา ศีล5 ให้บริบูรณ์

3. มนุษย์เปโต มนุษย์ใจเป็นเปรต มีความโลภมาก ไม่รู้จักพอ

4. มนุษย์เดรัจฉาโน มนุษย์ใจเป็นสัตว์ ปฏิบัติตัวเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน ไม่เว้นลูกเขาเมียใคร

อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องคิดว่าใครจะเดือดร้อนเพราะเรา

5. มนุษย์เนรยิโก มนุษย์ใจเป็นสัตว์นรก ปฏิบัติตัวเยี่ยงสัตว์นรก โหดร้าย ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่มีจิตสำนึก


ถ้าแบ่งตามสติปัญญา ศาสนาพุทธก็แบ่ง มนุษย์เป็น ๔ ประเภท คือ

1.มีสติปัญญา ฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เปรียบเสมือน ดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ (อุคฆฏิตัญญู)

2.มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เปรียบเสมือน ดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำ (วิปัจจิตัญญู)

3.มีสติปัญญาน้อย แต่ เป็นสัมมาทิฏฐิ เปรียบเสมือน ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ (เนยยะ)

4.ไร้สติปัญญาและยังเป็น มิจฉาทิฏฐิ เปรียบเสมือน ดอกบัวที่จมอยู่ในโคลนตม (ปทปรมะ)


พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันที่ 11 ธันวาคม 2512


"ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด

การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี

หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมืองและคุมคนไม่ดี

ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้"

ที่มา : มุมสงบของชีวิต ศาลาธรรม

298
บทความ บทกวี / ดู...ลักษณะคน
« เมื่อ: 26 มิ.ย. 2552, 07:11:07 »
คนเบี้ยว....ชอบหลบหน้า
คนกล้า......ชอบแสดงออก
คนหลอก....ชอบหวาน
คนขยัน.......ชอบมานะ
คนเสียสละ.....ชอบให้
คนดี..........ชอบให้อภัย
คนจัญไร.....ชอบแก้ตัว
คนหลอก......ชอบอำ
คนระยำ........ชอบแต่ติ
คนเอาหน้า.....ชอบพล่อยปาก
คนถาก(ถาง).....ชอบเย้ยหยัน


คนเมามัน.......ชอบเต้น
คนคิดเป็น.......ชอบคิดหน้าคิดหลัง
คนมีตังค์.........ชอบยิ้มย่อง
คนปรองดอง....ชอบมีเหตุผล
คนเหนือคน......ชอบอดทน
คนบ่น...........ชอบงึมงำ
คนใจสีดำ.......ชั่วแล้วชั่วอีก
คนเบี้ยว.......ชอบบูด
คนเปราะ.......ชอบพูด
คนหยุด........ชอบนิ่ง
คนจริง.........ชอบทำ
คนนำ...........ชอบเด่น
คนเป็น..........ชอบหายใจ
คนตาย.........ชอบไม่ชอบก็โดนเผา
ล้วนถูกเผาเหมือนกันหมด.....แล


นี่แหละคนเรา ก็เท่านี้ ตายก็เผากันหมด ฉะนั้น จงทำความดีเสียแต่วันนี้

[shake]งดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา[/shake][/font][/color]

299
ศีล 5 เป็นศีลปกติพื้นฐานสำคัญของความเป็นมนุษย์ ส่วนศีลที่แตกออกไปจนถึง 227 ข้อ เป็นการบัญญัติเพื่อความเป็นระเบียบ เป็นวินัย เป็นความพร้อมเพรียงในคณะสงฆ์ แต่หลักจริงๆ คือศีล 5 เป็นศีลที่ทำให้สังคมสงบสุข ปิดกั้นภัยเวรแก่ผู้รักษาศีล ... ที่พวกเรารู้สึกว่ารักษายากขัดกับชีวิตประจำวัน นั่นเป็นเพราะตาใจของเรามันบอดแสง หรือเจ้ากรรมนายเวรมาบังจิตบังใจเรา ไม่ยอมให้ลุถึงซึ่งความดี ... หลายคนกว่าจะถึงดีมีสุข เจ้ากรรมนายเวรเคยจิตให้คิดผิด พูดผิด ทำก็ผิด ต้องตกระกำลำบากมาก เหตุเพราะเราทำเขาไว้นี่ เขาจองเวรเราก็ลำบาก จะรักษาศีล 5 ให้ถึงความดี ก็ทำไม่ได้สักที กาย วาจา ใจ ก็เลยไม่ปกติ ยังเกลือกกลั้วกับภัยเวร จึงเป็นทุกข์รำไป ...

เมื่อศีล 5 ไม่ครบ ภูมิจิตก็ตำกว่าความเป็นมนุษย์ หากโชคดีตกบันไดตายในขณะจิตนั้น ก็จะไปเกิดในภูมิที่ตำกว่ามนุษย์ คือ มีหวังได้ไปเห่าหอนหรือร้องโหยหวลตามวัดแน่ๆ จึงไม่ควรประมาท ... ครูบาอาจารย์จึงแนะนำเคล็ดลับ 3 ข้อ เพื่อเลี่ยงอบายภูมิต่างๆ ดังนี้

1. รักและเคารพบูชาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ผู้ทรงคุณงามความดีถึงพร้อม...ระลึกรักษาไว้เป็นอารมณ์อยู่เสมอ จนรู้สึกลึกซึ้งในพระคุณของท่าน

2. ระลึกอยู่เสมอว่า ... ร่างกายคนและสัตว์สกปรกพอๆ กัน ต้องตายเหมือนกันทั้งหมด ... ร่างกายเป็นที่อาศัยของเราชั่วคราวเท่านั้น อย่าหลงใหลรูปกายนี้

3. เจริญพรหมวิหาร 4 มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นอารมณ์เย็นอยู่เสมอ และพยายามรักษาศีล 5 ให้ครบสมบูรณ์ ตั้งจิตตรงเฉพาะพระนิพพานที่เดียว "เคล็ดลับ 3 ข้อนี้ ... ท่านให้รักษาไว้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ..."


ที่มา : ธรรมะดอทคอม

300


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

หลวงพ่อเปิ่นได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะที่ พระอุดมประนาถ
สัญญาบัตรพัดยศชั้น เจ้าคุณ


วัตถุประสงค์ เพื่อสมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์ปราสาทหินอ่อน วัดบางพระ งบประมาณการสร้าง 50 ล้านกว่าบาท และบูรณะปฎิสังขรณ์ วัดบางพระ

อธิฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว วันที่ 8 เมษายน 2538


รูปเหมือนใบโพธิ์ อุดมประชานาถ สร้างในปี พ.ศ.2538
เนื้อทองคำ สร้าง 199 องค์
เนื้อเงิน สร้าง 3999 องค์
เนื้อนวะแก่เงิน สร้าง 9999 องค์


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    


[shake]งดเหล้า เข้าพรรษาถวายเป็นพุทธบูชา[/shake][/font][/color]

301
การอโหสิกรรม ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ การยกโทษ หรือ ไม่เอาโทษนั่นเอง
เราไม่รู้ว่าเราได้เคยทำอะไรไว้ ให้ผู้อื่นเขาได้รับความทุกข์กาย ทุกข์ใจ หรือทุกข์ใดๆก็ตาม เมื่อชาติปางก่อนหรือชาตินี้ก็ตาม
ถ้าเราคิดง่ายๆว่า เมื่อมีคนมาทำร้ายเรา เราย่อมแค้นใจ หวังจะแก้แค้นเขาคืน
เมื่อเป็นแบบนี้โดยปกติ คนอื่น สัตว์อื่นก็คิดแบบนี้เหมือนกัน หากเขาถูกทำร้าย เขาย่อมแค้นใจหวังว่า และรอจะแก้แค้นเราเหมือนกัน
ผู้ที่เราทำให้เขาเจ็บและเขายังคงพยาบาท แค้นใจ รอเวลาที่เหมาะสมที่จะ ทำร้าย หรือ แก้แค้นเรา เรียกว่า เจ้ากรรมนายเวร
การขออโหสิกรรม คือ การขอโทษต่อเจ้ากรรมนายเวร ขอให้เจ้ากรรมนายเวรยกโทษ เว้นโทษ ละโทษให้ ซึ่งเขาจะยกให้หรือ ไม่ยกก็สุดแท้แต่เขา ว่าแค้นเรามากหรือ น้อยเพียงใด


เราเจ็บป่วย ปวดหัว ปวดท้อง ไม่สบายตัว โดยไม่มีสาเหตุ โดยไม่รู้ตัว หรือ เป็นแล้วรักษาไม่หาย หากแต่ว่า ถึงเวลาหนึ่งมันก็หายไปเองดื้อๆ อาจารย์บางท่านสอนว่า นี้เป็นผลกรรมเก่าที่เราได้ทำไว้ เจ้ากรรมนายเวรเขามาเอาคืน บางคนร้ายแรงมากถึงขั้น เลือดตกยางออก หรือไม่ก็เสียชีวิตก็มี ซึ่งในชีวิตประจำวันเราจะได้ยินบ่อยๆ
ผมมีตัวอย่างของน้องสาวเอง ซึ่งมีอาการปวดท้องขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุต้องทนเจ็บอยู่ยะระหนึ่ง น้องเล่าว่า เมื่อปวดมากจึงคิดถึงเจ้ากรรมนายเวรว่าคงเคยทำอะไรใครไว้ และที่คุณครูเคยสอนว่า ให้ขออโหสิกรรม น้องผมจึงขออโหสิกรรม แล้วปรากฏว่า อาการปวดท้องที่เป็นอยู่หายไปอย่างรวดเร็ว น้องผมเลยอุทานว่า "ยาทิพย์จริงๆ" ในใจเราก็คิดว่าอาจบังเอิญก็ได้ แต่พอเกิดหลายๆครั้ง หลายอาการ น้องผมก็บอกว่า การขออโหสิกรรมเป็นสิ่งอัศจรรย์มาก ไม่ต้องใช้ยาหมอรักษา การขออโหสิกรรม เป็นเหมือนยาทิพย์จริงๆ
จึงแนะนำว่า ให้ขออโหสิกรรมทุกวันหลังสวดมนต์ก่อนนอน และถ้าเป็นไปได้ก็ตอนตื่นขึ้นมาเช้าด้วย
อภัยทาน ถ้าพูดง่ายๆก็คือการยกโทษให้ผู้อื่นนั้นเองครับ แต่ว่าการยกโทษแบบอภัยทานนี้ เป็นการยกโทษให้แบบเป็นรูปแบบที่จะก่อให้เกิดบุญ ที่เราจะจำได้ ถ้าแปลตามตัว คือ การให้อภัยเป็นทานนั่นเองครับ


การให้อภัยทาน คือ เมื่อเราให้แล้ว ทุกอย่างที่เราโกรธ แค้นเคือง พยาบาทอยู่ ต้องไม่มีอีก ใจเราต้องมีเมตตากรุณา อยากให้ผู้อื่น สัตว์อื่น มีความสุขและพ้นจากความทุกข์ ซึ่งเราเองก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน หรือ หากความแค้น พยาบาทในใจยังมีอยู่ แต่ขอให้การกระทำของเราจบลงสิ้นสุดลงก็ใช้ได้แล้ว (วิปัสนาว่า ใจจะแค้นก็ช่างเรื่องของใจ แต่เราไม่แค้น)
การอภัยทาน เป็นเหมือนการหยุดเวรหยุดกรรมของตัวเราเอง เพราะยังหากมีการล้างแค้นกันอยู่ กรรมเวร ก็ไม่หมดสักที เราก็เกิดซ้ำๆ เพื่อชดใช้กรรมที่ได้ก่อขึ้นเพียงเพื่อความสะใจที่ได้ล้างแค้น ถ้าเราล้างใจตัวเองให้อภัยผู้อื่นสัตว์อื่น แม้ว่าเราจะก่ออันตรายร้ายแรงให้กับเรา ให้ถือซะว่าเป็นกรรมของเราเอง อภัยให้เขา แค่นี้ภพชาติที่ต้องเกิดก็น้อยลง


ที่มา : ธรรมะดอทคอม

302



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

เหรียญหลวงพ่อเปิ่น  วัดบางพระ นครปฐม รุ่นพิเศษ พ.ศ.2519
(ทองแดงรมดำ บล๊อคเข็ม ผิวไฟ)
เหรียญรุ่นปี 2519 เป็นอีกรุ่นที่พบเห็นกันแพร่หลายและนิยมกันมาก ส่วนใหญ่เป็นเหรียญทองแดงรมดำ และเนื้อนวะ (เหรียญลงยามีจำนวนน้อย) เอกลักษณ์ของเหรียญ รุ่นนี้จะมีเศษเนื้อโลหะเป็นกลุ่มก้อนที่ด้านบน เหรียญทองแดงสวยคม รมดำ

เป็นเหรียญยอดนิยมอีกเหรียญหนึ่งครับ
การปลอมแปลงรุ่นนี้ได้มีการปลอมแปลงได้เหมือนมาก โดยใช้คอมพิวเตอร์แกะบล๊อคกันเลย ต้องดูให้ดีนะครับ ถ้านำมาเข้ากรุ ต้องดูให้ดี ไม่งั้นน้ำตาตกได้ครับ


ขอบคุณ คุณลุงอเมซิ่งครับที่เอื้อเฟื้อข้อมูล

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี    


[shake]งดเหล้าเข้าพรรษา ถวายเป็นพุทธบูชา[/shake][/font][/color]

303
บทความ บทกวี / อุบายการเลิกเหล้า
« เมื่อ: 24 มิ.ย. 2552, 01:31:14 »


กราบนมัสการหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จังหวัดนครราชสีมา
(ศิษย์หลวงปู่เสาร์ ,หลวงปู่มั่น)
 :054: :054: :054:

"การทำมาหาเลี้ยงชีพไม่รู้จักหา ไม่รู้จักทำ มีแต่กินท่าเดียว มีสตางค์มาก็วิ่งเข้าร้านขายเหล้า
ลงผลสุดท้าย เราก็จะลำบาก เรายังน้อยยังหนุ่ม รีบพยายามที่จะพิจารณาตัว แล้วรีบเลิกละมัน
เสีย นึกถึงตอนแก่นั่นซิ ตอนแก่แล้ว เรามัวแต่เมา ไม่ประกอบการทำมาหาเลี้ยงชีพ งานการไม่
ทำมีแต่เมา มีแต่กิน เมื่อแก่ลงมา เราหาอยู่หากินไม่ได้ พ่อแม่ล้มหายตายจากไปหมด เราจะไป
พึ่งพาอาศัยใคร ถ้าเราไม่ดี พี่น้องก็พึ่งพาอาศัยไม่ได้ พยายามนึกถึงเรื่องนี้ให้มากๆ ประเดี๋ยว
ใจมันก็ค่อยๆแข็ง ขึ้น มันก็ค่อยๆเลิกไปเอง เรากำลังหนุ่มแน่น กำลังจะเจริญ พยายามทำใจให้
แข็งเสีย


วิธีฝึกตน ก็พยายาม ทีแรกนี่ พยายามว่างๆ ก็ไปจำศีลอยู่กับพระกับเจ้าเสีย ทีละอาทิตย์ สอง
อาทิตย์ มันจะค่อยห่างไปๆ ทางโปรดของหลวงพ่อก็มีอย่างนี้แหละ ให้พยายามทำใจให้แข็ง
อดทน ใครมาหาหลวงพ่อ ก็เทศน์ให้ฟังอย่างนี้ ใครเอาจริง เขาก็เลิกได้ อยู่ที่ใจ... ไม่มีอะไร
แก้ อยู่ที่ใจเรา ถ้าเราเห็นความชั่วความไม่ดีของการกินเหล้า เวลาปกติ ที่เราสร่างเมาแล้ว ก็
ค่อยๆพิจารณา ดูโทษของมัน พยายามรีบๆ ปรับปรุงตัว อดมันเสีย ตั้งใจให้มันเด็ดขาด แล้ว
ก็อย่าไปสบถสาบาน ตั้งใจให้มันแข็ง ให้นึกถึงใจพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ที่เขาก็เป็นห่วง เป็นใย
เรา กลัวเราไม่ได้ดิบได้ดี นึกถึงความหวังดีของพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย"


ที่มา : บทความคำสอนของหลวงพ่อพุธ  ฐานิโย
 


งดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา [move][/move]

304
จากประสบการณ์ ทำให้เห็นปัญหาหลายๆอย่าง ทั้งประสบการณ์ตรงและทางอ้อม ท่านอื่นๆเล่าให้ฟังบ้าง เลยเอามาเล่าให้ทุกๆท่านได้ฟัง
1.พวกขายของ  มีทั่วๆไป ตั้งแต่

- แกงค์ผ้าไตรแลกผ้าไหม ผ้าไตรหนึ่งผืน แลกกับผ้าไหมหนึ่งผืน(ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไหมจริงหรือไหมสังเคราะห์) กลุ่มพวกนี้จะตระเวณตามวัด ขายผ้าไหม หากพระไม่มีเงินจะขอแลกกับผ้าไตรแทน พระท่านก็พาซื่อ เพราะคิดว่าราคาก็คงพอๆกัน แต่หารู้ไม่ว่าผ้าไหมที่เอามาแลก ราคาต้นทุนแค่สามสี่ร้อยบาท ในขณะที่ไตรจีวรชุดหนึ่ง อย่างต่ำๆก็หนึ่งพันห้าร้อยบาท ถ้าเกิดว่ามีพระรู้แกวไม่ยอมแลก พวกนี้จะพยายามหาโอกาสตอนพระเผลอ ขโมยไตรออกไป ตอนนี้ก็กำลังระบาดในหลายๆวัด บางครั้งก็ไม่ได้เอาเฉพาะไตร สิ่งของอื่นๆไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป จาน กระถางธูป ฯลฯ ถ้าเอาได้ก็เอาไปหมด

- แกงค์แขกขายของ แกงค์พวกนี้เป็นแขกอินเดียและปากีเป็นหลัก พูดภาษาไทยได้ชัดพอสมควร มักจะหลอกขายสินค้าปลอมในราคาที่เกินจริง หากหลงกลก็จะเสียท่าพวกนี้ และบางครั้งอาจมาในรูปของแขกนักบุญ เชิญสร้างวัดในสังเวชนียสถาน พร้อมทั้งมีรูปสังเวชนียสถานและภาษาแขกที่อ่านไม่ออก ถ้าไม่หลงกลก็จะมีไม้ต่อไปคือ ทำนายโดยคัมภีร์พราหมณ์ พร้อมทั้งมีรูปของนักบวชเครายาวเป็นกลุ่มๆ(เคยเห็นแล้ว ทำนายได้มั่วมาก(พอดีมีความรู้เรื่องโหราศาสตร์นิดหน่อย) มักจะโกหกว่าเหยื่อจะได้รับโชคใหญ่ เพื่อให้ความโลภบดบังใจจนลืมระวังตัว) หลังจากนั้นก็จะต้องจ่ายค่าดู 299 ถ้าไม่จ่ายก็จะแสดงท่าทีข่มขู่คุกคาม


 2.พวกมูลนิธิ พวกนี้มาในรูปของเจ้าหน้าที่มูลนิธิ มักจะมาเคาะประตูห้องตอนวันเสาร์ วันอาทิตย์และวันเทศกาล เช่น ตรุษจีน เป็นต้น เพราะรู้ว่าวันเหล่านี้พระจะออกกิจนิมนต์ มีเงิน เมื่อหลายปีก่อนจะใช้เจ้าหน้าที่จริงๆ ดูภูมิฐาน มีหลักฐานและเอกสารพร้อม โทรไปเช็คก็มีชื่อและที่อยู่ตามนั้น แต่เงินบริจาคจากพระจะถึงทุกบาททุกสตางค์หรือไม่ ไม่มีใครรู้ ส่วนปัจจุบันจะเน้นใช้นักเรียน นักศึกษา หรือกระเทย ที่รูปร่างหน้าตาสวยงาม แต่งตัววับๆแวมๆ เพื่อล่อให้พระเกิดอาการ หลังจากนั้นก็จะได้บริจาคให้มูลนิธิเยอะๆ จากการสืบข้อมูลจากเบอร์โทรศัพท์ที่พวกนี้ให้ไว้ ผมโทรไปปรากฏว่าเป็นเบอร์บ้านใครก็ไม่รู้ ถึงได้รู้ว่ามูลนิธินี้อุปโลกน์ขึ้นมา ส่วนพวกนี้ก็จะนำเงินบริจาคที่ได้ไปแบ่งกัน โดยหักเปอร์เซ็นต์ให้หัวหน้าที่คุมทีม.

 3. พวกต้มตุ๋น มักมาในรูปมุขคลาสสิค คือ ซื้อนมและดอกไม้มาถวาย โดยอ้างเป็นประจำว่า ตกรถ ไม่มีเงินค่ารถกลับบ้าน(ได้ยินบ่อยๆถึง 90 %) นอกนั้นก็อ้างว่าไม่มีเงินซื้อนมลูก ไม่มีเงินไปโรงพยาบาล(มีหลวงพี่เล่าให้ฟังว่า มันมีคนหนึ่งลงทุนมาก ขนาดยอมกรีดหน้าท้องตัวเองให้ไส้โผล่ เพื่อขอเงินไปโรงพยาบาล --") ลงท้ายก็ต้องควักให้มันไปตามระเบียบ ถ้าไม่ให้บางครั้งอาจแสดงอาการข่มขู่ เช่น เพิ่งออกมาจากคุก หรือเพิ่งหนีคดีฆ่าคนตายมา เป็นต้น.

4. พวกขอของ พวกนี้จะแปลกกว่านิดหน่อย คือจะไม่ขอเงิน แต่จะขอเป็นของอย่างอื่น เช่น ผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น เพื่อจะนำไปขายต่อให้ร้านค้า แต่ถ้าขอไม่ได้ก็พร้อมจะขโมยเช่นกัน

5.พวกขโมยรองเท้า แกงค์พวกนี้จะเล็งขโมยรองเท้าอย่างเดียว เพราะเป็นสิ่งที่ขโมยง่าย เวลาญาติโยมไปทำทานที่วัดที่คนเยอะ อย่างเช่น วัดเทพลีลา วัดสังฆทาน เป็นต้น รองเท้ามีเยอะ ทำให้ไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร ง่ายต่อการหยิบฉวย พวกนี้จะเล็งที่รองเท้ามียี่ห้อ ใหม่ และ ราคาแพง หากใส่ไปวัดล่ะก็ หายทุกราย(คำแนะนำคือ ให้ถือถุงผ้าไปด้วย ไว้ใส่รองเท้าหิ้วไปด้วยเวลาไปทำบุญ)

6.แกงค์ผ้าป่า แกงค์พวกนี้จะตั้งกลุ่มกัน โดยไปตกลงกับทางวัดว่า จะเรี่ยไรเงินเพื่อสร้างวัด หลังจากทำการขออนุญาตแล้วก็จะออกเรี่ยไรตามที่ต่างๆ เช่น บ้านคนหรือตลาด หลังจากได้เงินแล้วบางส่วนจะนำไปให้วัด และบางส่วนจะแบ่งกันเอง ส่วนอีกพวกหนึ่งคือพวกเอากระป๋องไปแจกตามบ้าน โดยชวนคนให้ทำบุญ หลังจากนั้นก็จะมาเก็บกระป๋องไป พอดีมันลืมบ้านหลังหนึ่งไว้ เจ้าของบ้านกลัวจะเป็นบาป จึงเหมารถไปส่งถึงนครสวรรค์ หลังจากไปถึงวัดสอบถามแล้ว ปรากฏว่า วัดไม่เคยสั่งให้ออกเรี่ยไรด้วยวิธีแบบนี้ และไม่เคยรู้จักกลุ่มคนกลุ่มนั้น ถึงได้รู้ว่า...โดนเข้าแล้ว


นี่คือประสบการณ์บางส่วนที่นำมาเล่าให้ทุกๆท่านได้ฟัง จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับพระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน
นำมาเล่าสู่กันฟังครับ
ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
 :054: :054: :054:

305


หลวงปู่ดู่ จะเมตตาสั่งสอนหลาย ๆ คนที่มากราบท่านในวันแรกว่า พวกแกอย่าเอาแต่เที่ยวกราบพระที่นั่นที่นี่จนลืมพระที่บ้านนะ ทำบุญกับพ่อแม่ก็เหมือนกับทำบุญกับพระอรหันต์ หลวงปู่มีเรื่องเล่ามากมายที่ยืนยันว่าคุณของพ่อแม่คุ้มครองเราได้จริง ๆ

เรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจที่สำคัญมาก ไม่ให้เรามองข้ามพระที่อยู่ใกล้เราที่สุด ไม่พูด ไม่ทำ ในทางที่จะทำให้ท่านไม่สบายใจ ให้ความสำคัญกับท่านเป็นลำดับต้น ๆ แน่นอนว่าท่านอาจไม่ใช่พระอรหันต์ (ผู้หมดกิเลส) แต่หลวงปู่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็ยืนยันว่าการทำบุญกับท่านจะได้อานิสงส์ เหมือนทำกับพระอรหันต์

การ ปฏิบัติดีต่อพ่อแม่ของเราจึงเป็นตัววัดการปฏิบัติธรรมที่ดีอีกตัวหนึ่ง ว่าเราก้าวหน้าขึ้นไหม มิใช่วัดจากการไปกราบพระมาได้มากน้อยแค่ไหน

ที่มา : คำสอนของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ฉะนั้นควรให้ความเคารพ ตอบแทนคุณ ทั้งพระสงฆ์ และพ่อแม่ ทั้งหมด

ดังที่ พระพุทธองค์ทรงสอน สิงคาลมานพ ให้ตอบแทนบุคคลต่าง ๆ เปรียบเทียบดังทิศ 6 (หน้าที่ของทิศทั้ง 6)

คือ พ่อแม่ ครูอาจารย์ เพื่อนสหาย คู่ครองของตน คนรับใช้ลูกน้อง และ สมณะพราหมณ์ ดังในรูป







306


น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม
รูปหล่อหนุมาน ขุนกระบี่ เนื้อนวะโลหะ จัดสร้างจำนวน 1,500 องค์ ในปี พ.ศ.2539  (รุ่น1)


รวมหนุมาน
หนุมานหลวงพ่อมี กำแหงหนุมาน 4 หน้า ปี 2535 วัดมารวิชัย อยุธยา
หนุมานหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม นครปฐม
หนุมานหลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย เพชรบูรณ์


หนุมาน พญาลิงขุนกระบี่ ผู้ไม่เกรงกลัวใคร
หนุมาน อาถรรพ์ เกรียงไกร ทรหด คงทน ศาสตราวุธทุกสิ่ง


คาถาหนุมาน ตั้งนะโม 3 จบ

โอม....ผงเผ่าเถ้าธุลี
คงกระพันชาตรี สวาหะ
หะนุมานุ คลุกคลีตี
มะอะ ฯ


ที่มา : หนังสือมหัศจรรย์ไสยเวท ในวัตถุอาถรรพ์

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี   

307
บทความ บทกวี / อันธพาล กับ บัณฑิต
« เมื่อ: 23 มิ.ย. 2552, 09:35:50 »


หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ. หนองคาย


บัณฑิต บางทีท่านเรียกว่า กัลยาณมิตร คำว่า มิตรมาจาก เมตตา คนที่เป็นมิตรกันนั้น จะหวังดีปรารถนาดีต่อกัน ชักชวนกันแต่ในทางที่ดีที่ชอบเป็นบุญกุศล จึงเรียกว่าว่า มิตร

ในทางตรงข้ามก็เป็นมิตรเหมือนกันแต่เรียกว่า บาปมิตร มิตรชักชวนไปในทางชั่ว เมื่อติดต่อสังคมกันไปนานๆ เข้าก็เป็นอันเดียวกันคบคนชนิดใดก็เป็นคนชนิดนั้นๆ

คบบาปมิตรก็เป็นอันธพาล
คบกัลยาณมิตรก็เป็นบัณฑิต


นั่นเป็นมิตรภายนอก

แต่ว่าอันธพาลและบัณฑิตตัวจริงนั้นไม่ใช่อยู่ที่มิตรภายนอกอย่างนั้น มันอยู่ที่ใจของเราต่างหาก มันเกิดขึ้นที่ใจของเราเอง

ใครๆ ก็รู้จักใจของตนกันทุกคนว่ามันคิดชั่วก็ได้คิดดีก็ได้
เมื่อใดคิดทางชั่วทางไม่ดีแล้วเราไปสนับสนุนมันเข้าก็คือ ไปคบค้ากับคนพาล
ไม่ต้องไปคบใครที่อื่นหรอก มันมีอยู่ในตัวของเรานั่นเอง

ถ้ามันคิดดีคิดชอบประกอบสุจริตแล้วเราสนับสนุน
ได้ชื่อว่าเราคบ บัณฑิต

การสนับสนุนเกิดขึ้นที่ตัวเรานั่นเองไม่ต้องโทษคนอื่น
จะไปโทษเขาทำไม

เขาก็มี บาปมิตรและกัลยาณมิตร ของเขาอยู่แล้วเหมือนกัน
ต่างคนต่างมีของตน
เมื่อเรารู้แล้วว่า


อันธพาล เกิดขึ้นที่ตัวของเรา
บัณฑิต ก็เกิดขึ้นที่ตัวของเรา
ดังนั้นเมื่อต้องการจะเป็น บัณฑิต
ก็สร้างขึ้นมา สนับสนุนส่งเสริม บัณฑิต ให้เจริญขึ้นมา
อย่าไปคบ พาล สนับสนุน พาล ก็แล้วกัน


ถึงคนอื่นจะเป็นพาลกันทั้งโลก
หากเราไม่คบพาลในตัวของเราแล้ว
เราก็ไม่เป็นพาลไปได้


ที่มา : บทความของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ. หนองคาย


308
บทความ บทกวี / น้ำมันกับน้ำ
« เมื่อ: 23 มิ.ย. 2552, 09:25:17 »
น้ำมันกับน้ำท่ามันต่างกัน
เหมือนกับคนฉลาดก็ต่างกับคนโง่


พระพุทธเจ้าก็ทรงอยู่กับ เสียง รูป กลิ่น รส โผฏะฐัพพะ ธรรมารมณ์
แต่พระองค์ทรงเป็นพระอรหันต์
พระองค์จึงทรงเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่ง "สักว่า" เท่านั้น
พระองค์ทรงปล่อยวางมันไปเรื่อย
ตั้งแต่ทรงเข้าพระทัยแล้วว่า


ใจก็สักว่าใจ
ความคิดก็สักว่าความคิด


พระองค์ไม่ทรงเอามันมาปนกัน

ถ้าคิดได้รู้สึกได้อย่างนี้
เราก็จะแยกมันได้

ความคิด ความรู้สึก อยู่ทางหนึ่ง
ใจก็อยู่อีกทางหนึ่ง

เหมือนกับน้ำมันกับน้ำท่าที่อยู่ในขวดเดียวกัน
แต่มันแยกกันอยู่


ที่มา : เหมือนกับใจคล้ายกับจิต รวบรวมคำอุปมาของ พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท), หน้า๖๐

309
บทความ บทกวี / ทางแห่งความหลุดพ้น
« เมื่อ: 23 มิ.ย. 2552, 09:03:54 »
ทางแห่งความหลุดพ้น
โดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)


...เจ้าประคุณสมเด็จฯ มักจะกล่าวกับสานุศิษย์ทั้งหลายอยู่เสมอว่าชีวิตมนุษย์อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยปีก็ต้
องตายและถูกหามเข้าป่าช้า ดังนั้นจึงควรประพฤติปฏิบัติอยู่ใน


ศีล
สมาธิ
และปัญญา


เพื่อให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏ
ท่านเปรียบเทียบว่า มนุษย์อาบน้ำ ชำระกายวันละสองครั้งเพื่อกำจัดเหงื่อไคลสิ่งโสโครกที่เกาะร่างกาย แต่ไม่เคยคิดจะชำระจิตให้สะอาดแม้เพียงนาที

ด้วยเหตุนี้ ทำให้จิตใจของมนุษย์ ยุคปัจจุบันเศร้าหมองเคร่งเครียดและดุดัน ก่อให้เกิดปัญหาความพิการในสังคมความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน จนกระทั่งเกิดความขัดแย้ง และกลายเป็นสงครามมนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกัน


แต่งใจ
 

...ขอให้ท่านได้พิจารณาไตร่ตรองให้จงดีเถิดว่า ร่างกายของเรานี้ไฉนจึงต้องชำระทุกวันทั้งเช้าและเย็นจะขาดเสียไม่ได้ทั้งที่หมั่นทำ
ความสะอาดอยู่เป็นนิจ แต่ยังมีกลิ่นไม่น่าอภิรมย์ออกมา แม้จะพยายามหาของหอมมาทาทับ ก็ปกปิดกลิ่นนั้นไม่ได้

...ใจของเราล่ะ ซึ่งเป็นใหญ่กว่าร่างกายเป็นผู้สั่งบัญชางาน ให้กายแท้ๆ มีใครเอาใจใส่ชำระสิ่งสกปรกออกบ้าง ตั้งแต่เล็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มันสั่งสมสิ่งไม่ดีไว้มากเพียงใด หรือว่ามองไม่เห็นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง ทำความสะอาดหรือ?


ที่มา : ธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน
       : สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี

310
กล่าวถึงในพระไตรปิฎก พบเรื่องพระมหากัสสป และพระมหาโมคคัลลานะป่วย
พระพุทธเจ้าทรงทราบเข้า เสด็จไปเยี่ยมทรงแสดงหรือตรัสโพชฌงค์ 7 ประการ
เมื่อจบลงพระมหากัสสป พระมหาโมคคัลลานะหายป่วย หายจากทุกขเวทนากล้าแข็ง
อันนี้ปรากฏใน สังยุตนิกาย มหาวารวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 19 หน้า 113-115

ในเมืองไทยก็นิยมสวดโพชฌงค์ให้กับผู้ป่วยเหมือนกัน เมื่อผู้สูงอายุป่วย
ญาติพี่น้องมักจะนิมนต์พระสงฆ์ไปสวดโพชฌงค์ ผู้ป่วยหายบ้าง ตายบ้าง สุดแล้วแต่เหตุปัจจัยของผู้ป่วยนั่นเอง


ทำไมพระเหล่านั้น ท่านฟังโพชฌงค์แล้วท่านหาย แต่ทำไมผู้ป่วยในเมืองไทยนี้ ส่วนมากตาย ส่วนน้อยหาย
ที่หายนั้นก็คือ ถึงแม้จะนิมนต์พระไม่สวดโพชฌงค์ ก็หายเองอยู่ได้บ้างแล้ว
ที่ตายนั้นเพราะอะไร ก็เพราะว่าโพชฌงค์ 7 นั้นมีบริบูรณ์อยู่ในพระอรหันต์เหล่านั้น
แต่ว่าผู้ป่วยของเรานั้น มีโพชฌงค์อยู่บ้างหรือเปล่า

คนเราธรรมดา มีโพชฌงค์อยู่เท่าใด หรือไม่มีเลย เมื่อเป็นเช่นนี้
จะเอาอะไรมาเป็นยาหรือเป็นธรรมโอสถสำหรับรักษา คุณสมบัติภายในไม่เหมือนกัน
แม้ทำอาการภายนอกให้เหมือนกัน ผลก็ไม่เหมือนกัน


เหมือนผลไม้พลาสติกกับผลไม้จริง มันดูอาการภายนอกมันเหมือน
แต่ผลไม้พลาสติกมันกินไม่ได้ ความสำเร็จประโยชน์ในการบริโภคไม่เหมือนกัน

เพราะฉะนั้น การทำอะไรแต่เพียงพอเป็นพิธีกรรม หรือกระทำในรูปลักษณ์ภายนอก
กับการทำด้วยการเข้าใจคือกระทำเข้าไปในจิตใจอันแท้จริง จึงได้ผลไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน

ที่มา   :   หนังสือ สวดมนต์เพื่ออะไร ของ วศิน อินทสระ

311
พระภูมิเจ้าที่ เป็นความเชื่อมีมาเก่าแก่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่โบราณกาล

จึงได้มีการสร้างศาลสถิตย์ไว้สำหรับเป็นที่ติดต่อเซ่นไหว้ตามแต่ฐานะ

นำมาเล่าสู่กันฟังครับ



อันนี้แบบคลาสสิกที่นิยมกันมาทุกสมัย


อันนี้แบบประยุกต์




อันนี้แบบพัฒนาร่วมสมัย เมื่อวิชาการออกแบบบ้านเจริญก้าวหน้าขึ้น

อันนี้แบบสมถะ ตามฐานะ

นำมาให้ท่านสมาชิกได้ชมกันครับ
ที่มา : ศาลาธรรม

312


พระผงนั่งหมูป่าพิมพ์ใหญ่ ประจุตะกรุดทองคำและฝังพลอย




นั่งหมูป่าพิมพ์เล็กโลหะ เนื้อทองแดง
น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

วัตถุมงคล นี้จัดสร้างขึ้นเพื่อฉลองอายุหลวงพ่อเปิ่นครบ 70 ปี
หลวงพ่อเปิ่นนั่งหมู ซึ่งเป็นปีเกิดของหลวงพ่อเปิ่น นับว่าเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของหลวงพ่อเพราะเป็นพญาหมูป่า
วัตถุมงคลนี้ จัดสร้าง มี 2 ชนิด คือ พระผงและเหรียญโลหะ(ประเภทโลหะจะตอกโค๊ตกำกับทุกองค์)


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี
:054: :054: :054:

313
เมื่อเราจับกลุ่มนินทาผู้อื่น                  เราคิดว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์
เมื่อคนอื่นจับกลุ่มนินทาเรา                เราคิดว่าเป็นการนินทา

เมื่อเราใช้จ่ายไม่อั้น                         เราคิดว่าเราเป็นคนขว้างขวาง
เมื่อคนอื่นใช้จ่ายไม่อั้น                     เราคิดว่าเขาเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย

เมื่อเราตระหนี่                               เราคิดว่าเราเป็นคนมัธยัสถ์
เมื่อคนอื่นตระหนี่                            เราคิดว่าเขาเป็นคนขี้เหนียว

เมื่อเราเสียเปรียบผู้อื่น                      เราคิดว่าเราเป็นคนซื่อสัตย์
เมื่อคนอื่นได้เปรียบเรา                     เราคิดว่าเขาเป็นคนโกง

เมื่อเราทำผิด                                เราคิดว่าเป็นความพลั้งเผลอ
เมื่อผู้อื่นทำผิด                              เราคิดว่าเขาเป็นคนเซ่อ


ที่มา : ขอบคุณบทความจากทำดีดอทเน็ต

314
บทความ บทกวี / กรรมจากความโกรธ
« เมื่อ: 22 มิ.ย. 2552, 09:16:40 »
ผู้ใดก็ตามที่รู้สึกโกรธขึ้นมา กรรมของความโกรธนั้นจะกลับมาหาเขาอีกในอนาคต

ส่วนจำนวนนั้นจะขึ้นอยู่กับกำลังของศีล เช่น ถ้าผู้ที่เขาโกรธนั้นไม่มีศีล ความโกรธที่เขากระทำไปจะกลับมาหาเขา 1,000 ครั้ง ถ้าผู้ที่เขาโกรธเป็นผู้มีศีล 5 เขาจะได้รับผลกรรมนั้น ประมาณ 10,000 ครั้ง แล้วยิ่งถ้าโกรธและไปเบียดเบียนไฟนรก 7 กองเข้า อันนี้ก็จะถือเป็นกรรมใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น พ่อแม่ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ของลูกและเป็นไฟนรกกองที่ 4 ผลกรรมนั้นจะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านเท่าเป็นอย่างน้อย ซึ่งควรระวังเป็นอย่างยิ่ง

ยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งหรือความเจริญในการงานจะไม่ก้าวหน้ากลับลดลงด้วยซ้ำ ทั้งที่ ขยันและทำผลงานได้ดีกว่าคนอื่นซึ่งเข่าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ผู้โกรธจะต้องสูญเสียทรัพย์จากภัยทั้ง 3 ได้แก่ ราชภัย โจรภัย และโรคภัย


ราชภัยได้แก่ ภัยจากหลวงหรือจากทางราชการ เช่นทางการขอเวรคืนที่ดิน โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง โดยตำรวจจับผิดตัว ทำให้ต้องประกันตัวสู้คดีเสียเงินเสียทองมากมาย หรืออาจไปเจอเลขเด็ดจึงแทงหวยรัฐบาลเสียเต็มที่ สุดท้ายก็ถูกกินเรียบ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีภัยอื่นมากมายที่มาจากทางราชการ โดยที่ผู้นั้นไม่รู้ถึงต้นเหตุเลย

โจรภัยก็ได้แก่ ภัยอันเกิดจากโจรนั่นเอง โดยอาจจะถูกโจรงัดบ้าน ลูกน้องขโมยของในร้าน หรือบางทีของต่างๆ อยู่ๆ ก็หายไปโดยไม่รู้ว่าหายไปไหน เป็นต้น

โรคภัย ได้แก่ โรคภัยไข้เจ็บที่ทำให้ เราต้องเสียเงินเสียทองรักษาตัว เช่น ถ้าเรามีประกันสุขภาพ เราอาจจะไม่เป็นอะไร แต่ลูกเมีย พ่อแม่หรือใครสักคนก็มีอันต้องเจ็บไข้ และเราต้องเป็นผู้จ่ายเงินค่ารักษาในที่สุด

ภัยทั้ง 3 จะเกิดแก่ผู้ที่โกรธอยู่ร่ำไป โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย เมื่อเสียเงินเสียทองไปแล้วก็จะโกรธต่อไปอีก

ความโกรธเป็นกรรมที่นำไปเกิดในอนาคตได้ เมื่อโกรธบ่อยๆ เข้า และทำเป็นประจำ กรรมที่โกรธก็จะรวบรวมกลายเป็นอาจิณกรรม และอาจกลายเป็นชนกกรรมซึ่งนำไปเกิดในนรกได้ เมื่อผู้โกรธที่ตกนรกได้ใช้กรรมในนรกหมดแล้ว เมื่อมีโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์ จะเป็นคนที่มีใบหน้าขี้ริ้วขี้เหร่และดูน่ากลัวซึ่งเป็นผลของเศษกรรมที่ติดมา

315
บทความ บทกวี / สติ กับ กิเลส
« เมื่อ: 22 มิ.ย. 2552, 08:24:59 »
?..สติเป็นของสำคัญ ให้พากันตั้งสติให้ดี ควบคุมจิตใจ ถ้าสติมีอยู่กับใจกิเลสไม่เกิด มันจะหนาแน่นขนาดไหนก็ไม่เกิด อำนาจของสตินี้รุนแรงมาก ขาดสติแพล็บเดียวเท่านั้นกิเลสเอาไปถลุงห้าทวีปนู่น หาความสงบเย็นใจไม่ได้

ให้พากันตั้งอกตั้งใจภาวนาบ้าง วันนี้เป็นวันสำคัญ ขอให้ทำตัวเป็นคนสำคัญในบุคคลหนึ่งในวันนี้ให้ได้ทุกคนๆ ให้ภาวนา จิตใจสำคัญมาก ถ้าไม่ได้รับการอบรมก็มีแต่ฟืนแต่ไฟแหละ ถ้าได้รับการอบรมจิตใจก็สงบเย็นสบายๆ...?


ที่มา: หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

316



น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม
เข็มกลัดหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ  อายุครบรอบ 60 ปี
โรงเรียนวัดบางพระ 2525
มีทั้งกะไหล่ทองและกะไหล่เงินครับ
เพิ่งได้มาเข้ากรุอีกหนึ่งองค์ครับ


ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี

317
กราบนมัสการพระอาจารย์วิจิตร ญาณโสภโณ วัดปริณายก (กรุงเทพ)    :054: :054: :054:




ขออนุญาตนำเรื่องราวการรักษาแบบฝังเข็ม เป็นศาสตร์ของจีน ที่สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
(นำมาเล่าสู่กันฟังครับ)


ขอเคารพครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิประสาทวิชามาตั้งเล็กจนโตทุกท่านครับ
อาจารย์หมอไสว มาลยเวช อาจารย์ของหมอเลิศ ไกยะฝ่าย ผู้สืบสานวิชาฝังเข็ม
นำรูปภาพมาถ่ายทอดเรื่องราว ครับ






คำปวรณาตัวเป็นศิษย์-อาจารย์วิชาแทงเข็มลงยา



318
http://www.polyboon.com/worship/inside/worship.html

นำเวบไซด์ดีดีมานำเสนอแด่ท่านสมาชิกได้มีเวลาสักการะพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์กันครับ

ท่านสามารถเลือกโต๊ะหมู่บูชาจากสถานที่ต่างๆ  ได้
ท่านสามารถเลือกบทสวดมนต์และพระคาถา  ได้
ท่านสามารถเลือก ดอกไม้บูชาพระ ได้
ท่านสามารถ ธูป เทียน ได้ (คลิ๊กนะ)


นำมาบอกเล่ากันครับ  กรุณาบอกต่อๆๆกันนะครับ ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยครับ

ที่มา : http://www.polyboon.com/worship/inside/worship.html


319
คุณรู้จัก "ดักแด้" ไหม มันเป็นอย่างไร?
เขาจะเป็นคนอย่างที่เราเห็นเพียงภายนอกเหรอ?


คนที่ท่าทางขึงขัง ดุดัน ดูภูมิฐานมั่นคง
มักจะอ่อนแอกว่าที่เห็นภายนอก เสียน้ำตาง่ายๆ กับบางเรื่อง


คนที่ท่าทางอ่อนแอ ถูกรังแกเสมอ จะเป็นคนเข้มแข็ง
เพราะเขาผ่านช่วงเวลาแสนเจ็บปวดมามากมาย


คนที่อารมณ์ดี ร่าเริงตลอดเวลา มักจะโมโหร้าย
และพร้อมที่จะระเบิดตลอดเวลาที่โมโห
เพราะเขาไม่เคยรู้จักยับยั้ง จะปล่อยออกมาทุกสภาพอารมณ์


คนที่หน้ามุ่ย ดูอารมณ์เสียตลอดเวลา
จะไม่เที่ยวพาลคนอื่น เพราะเขาจะเก็บความเครียดเอาไว้เอง


คนที่มีเพื่อนเยอะ มักจะไม่พบเพื่อนแท้ เมื่อเขาโกรธเพื่อนคนไหน
เขาก็จะแยกไปอยู่กับคนอื่นเสมอจะไม่มีการคุยปรับความเข้าใจกัน
เพราะเขาจะคิดเสมอว่าเขามีเพื่อนเยอะเขาไม่จำเป็นต้องง้อใคร


คนที่มีเพื่อนเพียงแค่หนึ่งหรือสองคน
เขาจะไม่มีที่พึ่งที่ไหนนอกจากเพื่อนสนิทของเขา
ดังนั้นไม่ว่าเขาจะโกรธกันแค่ไหนก็ตาม
เขาจะให้เวลาเพื่อปรับความเข้าใจกัน
เพราะต่างคนต่างรู้ดีว่า เพื่อนนั้นมีค่ามากแค่ไหน


คนที่ไม่เคยพ่ายแพ้ มักจะทนไม่ได้ที่จะดูความอับอายของตนเมื่อ
ได้ทำพลาดไป และจะโทษคนอื่นเสมอ


คนที่ไม่เคยได้พบกับความสำเร็จ
มักจะไม่กระตือรือร้นที่จะสร้างชื่อเสียง
เพราะเขารู้สึกชินชาที่ไม่ได้รับการสรรเสริญ


ที่มา : FW

320
บทความ บทกวี / ความหมายของอารมณ์
« เมื่อ: 21 มิ.ย. 2552, 05:55:27 »
คำว่า ?อารัมมณะ? เป็นคำหนึ่งในภาษาบาลี

ซึ่งภาษาไทยใช้คำว่าอารมณ์ ไม่เหมือนกับความหมายที่เราเข้าใจ

เพราะว่า คนไทยเราเอาภาษาบาลีมาใช้ แต่ใช้ไม่ตรงกับความหมายในพระพุทธศาสนา เวลาที่เราบอกว่า วันนี้อารมณ์ดี เพราะว่าเห็นดี ได้ยินดี ได้กลิ่นดี ลิ้มรสดี รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสดี คิดนึกเรื่องราวดี ๆ ก็บอกว่า อารมณ์ดี แต่คำว่า อารัมณะ ต้องคู่กับคำว่า ?จิต? เพราะว่าจิตเป็นสภาพรู้ หรือ ธาตุรู้ เมื่อเกิดขึ้น ต้องรู้ไม่รู้ไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้น เมื่อจิตเป็นสภาพรู้ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกจิตรู้ หรือว่าจิตกำลังรู้ สิ่งใด สิ่งนั้นเป็น อารมณ์ เสียงในป่า เสียงนอกศาลา เสียงใด ๆ ก็เกิดขึ้นได้ เมื่อมีการกระทบกันของของแข็ง แต่เสียงที่ไม่ปรากฏไม่ใช่ อารัมณะ หรืออารมณ์ เพราะว่าขณะนั้นไม่มีจิตที่รู้อารมณ์หรือเสียงนั้น เสียงนั้นเกิด แล้วก็ดับไป ๆ แต่ขณะใดก็ตาม เสียงปรากฏ หมายความว่า เสียงปรากฏ กับสภาพรู้ที่กำลังได้ยินเสียง ขณะนี้มีจิตขณะหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นได้ยินเสียง


เพราะฉะนั้น ก็จะต้องทราบการเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็วของสภาพธรรม แล้วก็รู้ว่า ตัวจริงๆของธรรมแต่ละขณะนั้นมีอะไรบ้าง รู้อารมณ์ทางไหนบ้าง

ที่มา : ขอบคุณบทความจากธรรมะไทย

321
บทความ บทกวี / เมตตาระงับความโกรธ
« เมื่อ: 21 มิ.ย. 2552, 05:40:16 »
วิธีที่จะแก้ไขจิตใจ
ให้มีความโกรธน้อย
ให้มีความโกรธยาก
จนถึงไม่ให้มีความโกรธเลย
จำเป็นต้องสร้างความเมตตา
ให้เกิดขึ้นในจิตใจให้มากพอ
จะยอมเข้าใจในเหตุผลของบุคคลอื่นที่ทำผิดพลาด หรือ บกพร่อง


ขณะเดียวกันจำเป็นต้องฝึกใจให้มีเหตุผล
ให้เห็นเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญเป็นสิ่งควรเคารพ
เมื่อเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญในจิตใจของผู้ใดแล้ว
ผู้นั้นจักเป็นผู้ไม่ใช้อารมณ์
ถึงแม้จะโกรธแล้ว แต่เมื่อเหตุผลเกิดขึ้น
ก็จะสามารถทำให้ความโกรธดับลงได้
จะไม่แสดงอารมณ์โกรธอย่างผู้ไม่มีเหตุผล


และถ้าหมั่นอบรมเหตุผลหรือปัญญา
ประกอบด้วยเมตตาให้เกิดขึ้นเสมอในจิตใจ
แม้มีเรื่องที่ผิดหูผิดตาผิดใจเกิดขึ้น
เหตุผลอันประกอบด้วยเมตตาก็จะเกิดขึ้นก่อน
อารมณ์จะเกิดไม่ทัน หรือเกิดทันบ้าง
ตามวิสัยของผู้เป็นปุถุชนไม่สิ้นกิเลส
ก็จะเบามากและน้อยครั้งมาก


ทั้งผู้โกรธยาก โกรธน้อย และผู้โกรธง่าย โกรธมาก
ควรอย่างยิ่งที่จะได้สนใจสังเกต
ให้รู้ว่าจิตใจของตนมีความสุขทุกข์เย็นร้อนอย่างไร
ทั้งในเวลาที่โกรธและในเวลาที่ไม่โกรธปกตินั้น
เมื่อโกรธก็มักจะเพ่งโทษไปที่ผู้อื่น
ว่าเป็นเหตุให้ความโกรธเกิดขึ้น
คือ มักจะไปคิดว่าผู้อื่นนั้นพูดเช่นนั้น
ทำเช่นนั้นที่กระทบกระเทือนถึงผู้โกรธ


การเพ่งโทษผู้อื่นเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการทำให้จิตใจตนเองสบาย
ตรงกันข้าม กลับเป็นการเพิ่มความไม่สบายให้ยิ่งขึ้นเพียงนั้น
แต่ถ้าหยุดเพ่งโทษผู้อื่นเสีย
เขาจะพูดจะทำอะไรก็ตาม อย่าไปเพ่งดู
ให้ย้อนเข้ามาเพ่งดูใจตนเอง
ว่ากำลังมีความสุขทุกข์อย่างไร มีอารมณ์อย่างไร
ใจจะสบายขึ้นได้ด้วยการเพ่งนั้น


กล่าวสั้นๆ คือ การเพ่งดูผู้อื่นทำให้ตนเองไม่เป็นสุข
แต่การเพ่งดูใจตนเองทำให้เป็นสุขได้
แม้กำลังโกรธมาก หากเพ่งดูใจตนเองให้เห็นว่ากำลังโกรธมาก
ความโกรธก็จะลดลง

เมื่อความโกรธน้อย หากเพ่งดูใจตนเองให้เห็นว่ากำลังโกรธน้อย
ความโกรธก็จะหมดไป
จึงกล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะกำลังมีอารมณ์ใดก็ตาม
โลภหรือโกรธ หรือหลงก็ตาม
หากเพ่งดูใจตนเองให้เห็นอารมณ์นั้นแล้ว
อารมณ์นั้นจะหมดไป ได้ความสุขมาแทนที่ทำให้มีใจสบาย
ทุกคนอยากสบาย แต่ไม่ทำเหตุที่จะให้เกิดเป็นความสบาย


ดังนั้น จึงยังหาผู้สบายได้น้อยเต็มที
ยิ่งกว่านั้น ทั้งๆ ที่ทุกคนอยากสบาย
แต่กลับไปทำเหตุที่จะให้ผลเป็นความไม่สบายกันเป็นส่วนมาก
ดังนั้น จึงได้รับผลเป็นความไม่สบายตามเหตุที่ทำ
เพราะดังได้กล่าวแล้ว ทำเหตุใดต้องได้รับผลของเหตุนั้นเสมอไป
เหตุดีให้ผลดี เหตุชั่วให้ผลชั่ว
เหตุแห่งความสุขให้ผลเป็นความสุข
เหตุแห่งความทุกข์ให้ผลเป็นความทุกข์
ต้องทำเหตุให้ตรงกับผล
จึงจะได้ผลที่ปรารถนาต้องการ
ควรมีสติระลึกถึงความจริงนี้ไว้ให้สม่ำเสมอ


ใจที่ไม่มีค่า คือ ใจที่ร้อนรนกระวนกระวาย


ใจที่มีค่า คือ ใจที่สงบเยือกเย็น
นำความจริงนี้เข้าจับ ทุกคนจะรู้ว่าใจของตนเป็นใจที่มีค่าหรือไม่มีค่า
ความโกรธทำให้ร้อน ทุกคนทราบดี
จึงน่าจะทราบต่อไปด้วยว่า ความโกรธเป็นสิ่งที่ทำให้ใจไม่มีค่า
หรือทำให้ค่าของใจลดน้อยลง

ของมีค่ากับของที่ไม่มีค่าอย่างไหนเป็นของดี อย่างไหนเป็นของไม่ดี
อย่างไหนควรปรารถนา อย่างไหนไม่ควรปรารถนา
ก็ เป็นที่ทราบกันดีอยู่อย่างชัดแจ้ง
แต่เพราะขาดสติเท่านั้น จึงทำให้ไม่ค่อยได้รู้ตัว
ไม่สงวนรักษาใจของตนให้เป็นสิ่งมีค่าพอสมควร
ต้องพยายามทำสติให้มีอยู่เสมอ จึงจะรู้ตัว
สามารถสงวนรักษาใจให้เป็นสิ่งที่มีค่าได้
คือ สามารถยับยั้งความโลภ ความโกรธ ความหลง
มิให้เกิดขึ้นจนเกินไปได้

สามัญชนยังต้องมีความโลภ ความโกรธ ความหลง
แต่สามัญชนที่มีสติ มีปัญญา มีเหตุผล
ย่อมจะไม่ให้ความโลภ ความโกรธ ความหลง
มีอำนาจชั่วร้ายเหนือจิตใจ
ย่อมจะใช้สติ ใช้ปัญญา ใช้เหตุผล ทำใจให้เป็นใจที่มีค่า


ที่มา : วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ
       : พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก


ขอบคุณบทความจากธรรมจักรดอทเน็ต

322




น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

พระผงหลวงพ่อเปิ่นนั่งเสือ ห้าเสาร์ พิมพ์ยันต์กลับ (ด้านอักษรและอักขระจะกลับกัน) สร้างปี 2534
ด้านหลังเป็นยันต์แม่ทับ


ที่มา : 108พระเครื่องหลวงพ่อเปิ่น นานาสาส์น จัดจำหน่าย

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี

323



พระผงนั่งเสือซุ้มมหาเศรษฐี ประจุทองคำและพลอย


พระผงของขวัญนั่งเสือ (พิมพ์เล็ก)

น้อมรำลึกถึงพระเดชพระคุณพระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม
วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
1.สมทบทุนทอดกฐิน-ผ้าป่าสามัคคี
2.หาทุนทรัพย์สร้างโรงพยาบาล
3.หาทุนทรัพย์ก่อสร้างกุฎิสงฆ์


รายละเอียดพอสังเขป
พระผงนั่งเสือซุ้มมหาเศรษฐี พิมพ์ใหญ่
รูปลักษณะสี่เหลี่ยม ขนาดสูง 3.5 ซม. กว้าง 2.4 ซม. เอกลักษณ์หลวงพ่อเปิ่นนั่งสมาธิบนหลังเสือในซุ้ม 5 เหลี่ยมมหาเศรษฐี หมายถึง ความสมบูรณ์พูนสุขไปด้วยโภคสมบัติ ทรัพย์สิน-เงินทอง


พระผงของขวัญนั่งเสือพิมพ์เล็ก
พระผงของขวัญนั่งเสือซุ้มมหาเศรษฐี พิมพ์เล็ก
รูปลักษณะสี่เหลี่ยม ขนาดสูง 2.5 ซม. กว้าง 1.8 ซม. ขนาดเท่ารุ่น 6 วัดปากน้ำ
 เอกลักษณ์หลวงพ่อเปิ่นนั่งสมาธิบนหลังเสือในซุ้มมหาเศรษฐีสี่เหลี่ยม
สร้างเนื้อ ทองคำ เงิน เนื้อทองระฆังเก่า และ ผงพุทธคุณ


พระผงของขวัญนั่งเสือพิมพ์เล็ก นี้มีประสบการณ์ ยิงกรอกปากแล้วลูกปืน .38 มาหยุดที่ฟัน แต่ไม่ทะลุออกอย่างน่าอัศจรรย์
ที่มา : หนังสือฉบับพิเศษ สมโภชสัญญาบัตรพัดยศ "เจ้าคุณ" พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม 19 กุมภาพันธื 2538

ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี



324




ฮือฮาทหารลาวจับสัตว์ประหลาด "หน้าเป็นคน ตัวเป็นงู" มีแขน 2 ข้าง ลำตัวยาว 3 เมตร มีเกล็ดเหมือนงูเหลือม พ่อค้าหัวใสนำภาพถ่าย-คลิป เร่ขายตามชายแดนไทย-เขมร-ลาว คนแห่ซื้อเพียบ อีกกระแสหนึ่งบอกพบที่ถ้ำใกล้เขาพระวิหารตอนนี้ทหารเขมรพาออกจากถ้ำไปแล้ว

 ภาพประหลาดที่กำลังสร้างความฮือฮาให้ชาวบ้านบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวเขมร ชื่อ ศร อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นคนงานที่เขียงหมูแห่งหนึ่งใน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เล่าให้ฟังว่า เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่ทหารสาธารณรัฐประชาชนลาว กำลังตระเวนตามแนวชายแดนลาว-กัมพูชา ได้พบสิ่งผิดปกตินอนขดอยู่เบื้องหน้า ตอนแรกทหารเหล่านั้นคิดว่าเป็นงู แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่าสิ่งมีชีวิตดังกล่าวเคลื่อนไหวโดยการชูคอขึ้น ทำให้มองเห็นใบหน้าซึ่งคล้ายมนุษย์ทุกประการ
จากนั้น ทหารจึงช่วยการล้อมจับไว้ได้ แล้วนำมาตรวจสอบ พบว่าใบหน้ามีลักษณะคล้ายคนแก่ผิวหนังเหี่ยวย่น มีหนวดยาว ผมยาวสีทอง มีแขน 2 ข้าง และนิ้วมือเหมือนมนุษย์ ส่วนลำตัวลงไปมีลักษณะคล้ายงูมีความยาวประมาณ 3 เมตร มีเกล็ดคล้ายงูเหลือม ต่อมาทหารได้นำกลับไปยังกรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว โดยพวกเขาเรียกว่า สัตว์หลาด
 
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากที่ทหารลาวจับสิ่งมีชีวิตที่หน้าเหมือนคนแต่ตัวเหมือนงูได้ สร้างความฮือฮาให้แก่ประชาชนตามแนวไทยแดนของทั้ง 3 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ลาว เขมร และไทย นอกจากนี้ยังพบว่ามีการนำภาพของงูหน้าเหมือนคนออกเร่ขาย ทั้งในรูปแบบของโปสการ์ด และภาพเคลื่อนไหว หรือคลิปวิดีโอความยาวประมาณ 1 นาที ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ที่พบเห็นซื้อเก็บไว้จำนวนมาก

"ตอนแรกที่ผมได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่เชื่อ กระทั่งได้เห็นภาพที่เพื่อนชาวเขมรนำมาอวดที่เขียงหมู ถึงกับตกตะลึง เพราะไม่เคยเห็นสัตว์ชนิดนี้มาก่อน ชาวบ้านตามแนวชายแดนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเป็นสัตว์ประหลาด และสังเกตจากใบหน้าคล้ายชายชรามาก คิดว่าอายุคงไม่ต่ำกว่า 100 ปีแน่ นอกจากนี้ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันว่าการพบสัตว์ประหลาดครั้งนี้อาจเป็นอาถรรพณ์ทำให้เกิดอาเพศในแผ่นดินเขมร"

แหล่งข่าวชาวเขมรกล่าวทิ้งท้าย

 ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่าสัตว์ประหลาดนี้ ชาวบ้านเห็นอยู่บริเวณถ้ำใกล้กับเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พระสุรชัย ญาณทีโม พระลูกวัดพนมสังวาส จ.ศรีษะเกษ บอกว่าเห็นทหารกัมพูชาพาออกจากถ้ำไปแล้ว และคลิปที่เห็นนี้ช่างรับเหมาถ่ายมาจากกรุงพนมเปญ ประเทศเขมร และมีการนำคลิปนั้นเผยแพร่ทางเว็บไซต์ยูทูปวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา

 ที่มาจาก มุสลิมดอทคอม

มันแปลกดีครับท่านผู้ชม :050:

325



น้อมรำลึกถึง พระเดชพระคุณ พระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

พระผงนั่งเสือ พิมพ์นิยม รุ่น สร้างหอสวดมนต์ปี  2534  

รายละเอียดพอสังเขป

วัตถุประสงค์ หาทุนทรัพย์สร้างหอสวดมนต์

ด้านพิธีกรรม
หลวงพ่อเปิ่นปลุกเสกเดี่ยว ตลอด 3 เดือน ในพรรษา 2534 ครบไตรมาส

มวลสารรุ่นนี้ ประกอบไปด้วย ผงเก่าของพระอธิการหิ่ม ผงเหลือจากการสร้างพระชุด 5 เสาร์ และผงจากระฆังเก่าไปเข้าเครื่องบดให้ละเอียด
 
ด้านพิมพ์ทรง มีขนาดสูง 3.5ซม.  กว้าง 2.5 ซม. ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อเปิ่นนั่งสมาธิบนหลังเสืออยู่ภายในซุ้มเสาประตูมหาเศรษฐี

ในด้านพุทธคุณ พระผงชุดนี้จะมีกฤษดานุภาพพลานุภาพ เป็นเอนกประสงค์ตามจุดมุ่งหมายและเจตนารมณ์ของหลวงพ่อเปิ่นและเป็นที่นิยมสะสมไว้เป็นอิทธิมงคลล้ำค่าอันน่าภาคภูมิใจที่ได้มีไว้สักการะบูชาสืบทอดไปสู่ลูกหลาน
ที่มา : จากหนังสือรวมวัตถุมงคลหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
 
ศึกษาและสะสม เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ใช้เป็นแนวทางศึกษา ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
คุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ขอน้อมถวายเป็นสักการะบูชาแด่หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี


326



น้อมรำลึกถึง พระเดชพระคุณ พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น)
 วัดบางพระ นครปฐม

รุ่น บูชาครู 2542
หลวงพ่อเปิ่นได้อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวทุกคืนก่อนจำวัด
ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม ถึง 24 กุมภาพันธ์ 2542 รวม 29 วัน


เหรียญเสมาเสือย้อนยุค รุ่น บูชาครู 2542
เนื้อเงิน ฝังแมกกาไซด์ (หินธรรมชาติ มีอายุมากกว่าล้านปี)
 จำนวนการสร้าง 777 เหรียญ
 
ศึกษาและสะสม นำมาเล่าสู่กันฟังครับ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ :114: :114: :114:

327



น้อมรำลึก ถึง พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ  นครปฐม
อิทธิมงคลเสาร์ 5
สมทบทุนสร้างโรงพยาบาล
อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว วันเสาร์5 ที่ 27 มีนาคม 2536


พระผงนั่งเสือซุ้มเรือนแก้ว ห้าเหลี่ยมพิมพ์เล็ก
ประจุพลอยแดง 9 เม็ด แผ่นทองคำ โรยเส้นเกศาหลวงพ่อเปิ่น
ด้านหลังประจุพลอยน้ำเงิน 1 เม็ด


ศึกษาและสะสม ขอบคุณที่แวะเยี่ยมชมครับ

328



อิทธิมงคลเสาร์ 5
สมทบทุนสร้างโรงพยาบาล
อธิษฐานจิตภาวนาปลุกเสกเดี่ยว
วันเสาร์5 วันที่ 27 มีนาคม 2536


เหรียญมหาเศรษฐี 3 เสือ เต็มองค์ มีห่วง ขนาด 3 เซ็นติเมตร เนื้อเงินลงยา
เนื้อทองคำ หนัก 30 กรัม สร้างเท่าจำนวนการสั่งจอง จัดเป็นชุด ชุด 8 เหรียญ
เนื้อเงินลงยา(มี5 สี) สร้าง 5,000 เหรียญ
เนื้อทองแดง สร้าง 20,000 เหรียญ


ศึกษาและสะสม นำมาเสนอแด่ท่านสมาชิกครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอบคุณที่แวะเยี่ยมชมครับ
:001: :002: :001:

329



เหรียญพิมพ์คอน้ำเต้า รุ่น 1 เนื้อเงิน  ปี2537
วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง  
เพื่อทุนทรัพย์สร้างโรงพยาบาลและซื้อเครื่องมือแพทย์ประจำโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น (ห้วยพลู2)


เนื้อทองคำสร้างจำนวน 99 องค์
เนื้อเงินสร้าง 2,000 องค์
เนื้อนวะสร้าง 3,000 องค์
เนื้อระฆังสร้าง 5,000 องค์


ศึกษาและสะสมครับ เป็นความรู้เพิ่มเติมไม่มากก็น้อยครับ ขอบคุณที่แวะมาชมกันครับ
ขออภัยภาพไม่ชัดครับ มือใหม่หัดถ่ายครับ

330



เหรียญมหาเศรษฐี เสือคู่ สมบูรณ์ พูนสุข ขนาด 3 ซม. (เนื้อเงิน)
จัดสร้างในปี พ.ศ. 2536 เสาร์ 5
จำนวน 2,000 เหรียญ

เหรียญมหาเศรษฐี เสือคู่ สมบูรณ์ พูนสุข ขนาด 3 ซม. (เนื้อระฆังเก่าแตก)
จัดสร้างในปี พ.ศ. 2536 เสาร์ 5
 จำนวน 12,000 เหรียญ



พระผงมหาเศรษฐี เสือคู่ โรยเส้นเกศาหลวงพ่อเปิ่น 2536



พระผงมหาเศรษฐี เสือคู่ บรรจุพลอย 1 เม็ด  2536

ศึกษาและสะสม ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมกันนะครับผม ขอโทษนะครับบางภาพถ่ายไม่ชัด มือใหม่อ่ะครับ  :054: :114: :001:


331



พระสมเด็จ 7 ชั้น เนื้อเทียนชัย
มีเกศาหลวงพ่อเปิ่นผสมอยู่ในเนื้อเทียนชัย
จัดสร้างในปี 2537
หมายเหตุ เนื้อเทียนชัยอาจละลายได้ ต้องอยู่ในที่อุณหภูมิที่เหมาะสม
เพื่อการศึกษาและสะสมครับ

332



เหรียญบูชาครู 44 เนื้อเงินลงยา หลังยันต์หอมเชียง
สร้างปีพ.ศ.2544
จัดสร้างจำนวน 399 เหรียญครับ

นำมาเสนอเพื่อการศึกษาและสะสมครับแบ่งปันความรู้กัน ครับ

ขอโทษนะครับถ้าโพสไปแล้วอ่ะครับ(จำไม่ได้อ่ะครับ)

333



รูปหล่อฤาษีหน้าเสือ(กายสิทธิ์)
ขนาดห้อยคอครับ เป็นเนื้อเงินพ่นทรายทอง

จัดสร้างในจำนวน 299 องค์ครับ  
สร้างในปีพ.ศ.2545ครับ
จึงเรียนมาเพื่อทราบครับผม

334


นมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ทั้ง 5 องค์
ที่ทุกคนต้องรู้จักกันครับ ลองทายได้นะครับ ขอบคุณครับ (ถ่ายระยะใกล้)



ชมกันต่อเลยครับ (ถ่ายระยะใกล้)


ชมกันต่อเลยครับ (ถ่ายระยะใกล้)




ชมกันต่อเลยนะครับ (ถ่ายระยะพอดี)




335

ด้านหน้าของเหรียญ


ด้านหลังของเหรียญครับ

เหรียญเสมา ช.บ.(ชลบุรี) เนื้อเงินลงยา สร้างในปี 2535
ศิษย์สายชลบุรีสร้างถวายหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ มีโค้ตและหมายเลขกำกับอยู่ครับ

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมกันนะครับ :001: :001: :054: :054: :054:

336






มีดหมอรุ่นแรกสร้างปี 2531 (ปัจจุบันหายากครับ)




มีดหมอ ใบมีดทำจากเหล็กน้ำพี้ ด้ามงาช้างแกะเป็นรูป ท้าวเวสสุวรรณ
ไม่ใช่ของหลวงพ่อเปิ่นนะครับเล่มนี้




รูปบนเป็นมีดหมอด้ามฝักงาหลวงพ่อเปิ่น สร้างปี 2544
รูปล่างไม่ทราบที่มาครับ ใครรู้ช่วยตอบทีครับ ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณที่แวะมาชมนะครับ
:001: :001: :001: :054: :054: :002:

337


จตุคามรามเทพ รุ่น เงินไหลมา
ที่เริ่มสร้างกระแสความนิยมและศรัทธาในองค์พ่อจตุคามรามเทพ เมื่อปลายปี 2549-2550 
ในภาพเป็นชุดกรรมการ 1 ชุดมี 5 องค์
ถึงกระแสความนิยมจะลดลง แต่ผมก็ศรัทธาองค์พ่อจตุคามรามเทพ เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงครับ

เลยนำภาพมาเสนอให้ท่านสมาชิกได้ชมกันครับ ขอบคุณครับ
ศรัทธาไม่เปลี่ยนแปลง
:001: :001: :001:

338

กราบนมัสการหลวงพ่อประเทือง


อีกอริยบทหนึ่งที่ท่านได้นั่งจารวัตถุมงคลของท่าน



สุดยอดตะกรุดปาฎิหาริย์ตะกรุด 9 ชั้น
พระครูวิทิตพัชราจาร (หลวงพ่อประเทือง อติกฺกนฺโต) พระเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์ แห่งเมืองมะขามหวาน วัดหนองย่างทอย (วัดเทพประทานพร) ต.หนองยางทอย อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์
พระบูรพาจารย์ของท่าน : หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์
หลวงพ่อพรหม  ถาวโร วัดช่องแค จ.นครสวรรค์




มีดหมอของหลวงพ่อประเทือง ท่านจารอักขระและตอกหมายเลขกำกับทุกเล่ม

339

วันนี้ได้มีโอกาสได้ไปจังหวัดราชบุรี เลยนำกล้องตัวน้อยที่พกพา คู่กายตลอดเวลา ใครได้ไปกราบสักการะมาแล้วหรือไม่เคยแวะกราบสักการะ นก 2009 ก็เลยเก็บภาพมานำเสนอแก่ท่านสมาชิกทุกท่านได้ชมกันครับ เผื่อท่านสมาชิกที่ยังไม่เคยได้ไปชมบรรยากาศแล้วอยากจะไปก็เชิญกราบสักการะองค์เจ้ากวนอิมได้ที่วัดหนองหอย ก็เลยเก็บภาพบางส่วนมาให้ชมกันครับ





เด็กน้อยน่ารัก ก็เลยเก็บภาพแสนน่ารักของเด็กน้อยที่มากราบเจ้าแม่กวนอิม


บริเวณด้านหน้าสถานที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม




องค์เจ้าแม่กวนอิม


ท้าวเวสสุวรรณ



วัตถุมงคลที่วัดหนองหอยครับ(บางส่วนนะครับ)เพราะมีหลายจุด



บรรยากาศโดยรวม

ข้อมูล
วัดหนองหอย เป็นวัดที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2416 ตั้งอยู่ในเขต ต.เขาแร้ง อ.เมือง จ.ราชบุรี ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12 กม. เป็นที่ตั้งของพระวิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์กวนอิม มีความสูง 16 เมตร หน้าตักกว้าง 9 เมตร ประชาชนทัวไปเรียกกันว่า "เขาเจ้าแม่กวนอิม วัดหนองหอย" ซึ่งตั้งบนยอดเขาแร้งและอีกด้านหนึ่งของยอดเขา (เขาพระใหญ่) ประดิษฐานพระพุทธรัตนโกสินทร์มหามุณี (หลวงพ่อใหญ่) เป็นวัดที่มีผู้ศรัทธานิยมมาไหว้พระกันมาก ในปัจจุบันนี้วัดหนองหอยเป็นที่รู้จักของสาธุชนทั่วไป ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด เป็นที่ล่ำลือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก ไม่ว่าจะขออะไรก็จะได้ดังใจ จะมีผู้คนมาสักการะบูชากันมิขาด โดยเฉพาะในวันเทศกาลหรือวันหยุด
เปิดตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น.
งานประจำปี ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปี

การเดินทาง  
รถยนต์ส่วนตัว ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับตรงไปทางจ.ราชบุรี จะลอดใต้สะพานลอยที่จะไป จ.กาญจนบุรี จะผ่านสหกรโคนมหนองโพธิ์ จะพบสะพานลอยข้ามสี่แยกบางแพไปยัง จ.ราชบุรี (ไม่ต้องขึ้นสะพานลอย) ให้ชิดซ้าย จากนั้นจะพบไฟแดง ให้เลี้ยวขวาเพื่อไปยัง อ.โพธาราม ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3080 ขับมาประมาณ 5.4 กม. จะข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลอง จากนั้นจะพบสามแยก (แยกซ้ายไปทางวัดเขาช่องพราน แยกขวาไปวัดขนอน) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3089 ขับมาประมาณ 23.3 กม. จะพบแยกซ้ายเข้าวัดหนองหอย ขับเข้ามาอีกประมาณ 0.5 กม. จะถึงวัดหนองหอย
รถโดยสารประจำทาง สามารถนั่งรถประจำทางจากตลาดในตัวเมืองหน้าธนาคารออมสิน สายราชบุรี-หนองหอย มาลงที่หน้าวัด มีรถรับจ้างบริการขึ้นถึงบนยอดเขาแร้ง
 
ที่มา: วัดหนองหอย ราชบุรี

340




พอดีค้นเจอแต่ไม่รู้ข้อมูลและประวัติ ใครพอทราบข้อมูลช่วยผมด้วยครับอยากรู้จริงๆครับ ขอบคุณมากครับ
องค์แรกจะเป็นพระสมเด็จข้างหลังมีอักขระ ใต้ฐานจะมีชื่อว่า บุญมา รู้แค่นี้เองครับ ไม่รู้ว่าวัดไหน วอนผู้รู้ช่วยตอบที ขอบคุณครับ
:054: :054: :054:




องค์ที่2 ก็เป็นพระสมเด็จข้างหลังมีรูปของหลวงพ่อเผือกวัดไหนไม่ทราบเหมือนกันครับ วอนผู้รู้ช่วยตอบที ขอบคุณครับ :054: :054: :054:

341


ภาพคางคกกินงูมาดูกันครับ
ชมภาพแล้วก็เป็นภาพที่แปลกจังครับเลยนำภาพมานำเสนอให้พี่น้องได้ชมกันครับ
ผมเองคิดว่า ก็เป็นวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตเพื่อต้องการอาหารมาประทั่งชีวิตให้อยู่รอดและเจริญเติบโต
แล้วท่านอื่นหล่ะครับคิดยังไงกับภาพนี้ ลองวิเคราะห์ได้นะครับ ขอบคุณและสวัสดีครับ


เอื้อเฟื้อภาพ : วัดท่าไม้

342


เศียรฤาษีหน้าเสือ วัดบางพระ




เอ๊ะ  :001:มีอยู่เศียรหนึ่งกลับหัว ขอโทษทีนะครับ อิอิอิ จะได้ชมหลายมุมมอง ครับ :002: :002: :002:

343





วันนี้ไปเที่ยวจังหวัดอยุธยา กราบนมัสการหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา ด้วยเศียรเกล้า  :054: :054: :054:
เลยหยิบกล้องตัวน้อยที่พกพาไปเก็บภาพความประทับใจเล่าสู่ให้ท่านสมาชิกได้ชมในบรรยากาศที่ได้ไปสัมผัสมาครับ
จำได้ว่าเคยไปตั้งแต่เด็กครับ พอไปอีกทีจำไม่ได้เลยเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปมากครับ เลยเก็บภาพมาฝากครับ



รวมวัตถุมงคลของหลวงพ่อปาน สมัยท่านยังไม่มรณะภาพครับ ปัจจุบันเป็นพระยอดนิยมของนักสะสมพระเครื่อง


รูปเก่าของหลวงพ่อปานในตู้โชว์ (ชมต่อกันเลยครับ)



รวมวัตถุมงคลเช่นเคย (ต่อเลยครับ)


สถานที่บูชาวัตถุมงคลที่วัดบางนมโค

พรีเซ็นเตอร์คนเดิม ใครกันนะหน้าคุ้นๆเลยนะนี่ อิอิ ถ้าเจอเค้าทักทายได้นะครับ  :002: :002: :002:

344

แหวนเสือกระโดด อยู่ยง คงกระพัน
แหวนหัวเสือเนื้อเงินฝังแม็กกะไซด์ ผ่านการใช้ครับ

แหวนหน้าเสือเนื้อเงินลงยา ยกหน้าเสือ สร้างปี 2542
ว่างๆ ก็เลยถ่ายภาพนำมาให้ชมกันครับ  ชี้แจงผิดถูกยังไง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  :001: :001: :001:

345






วันนี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวกราบสักการะหลวงพ่อวัดบ้านแหลม ที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร สมุทรสงคราม เลยหยิบกล้องตัวน้อย ตามเคย เก็บภาพนำมาเล่าสู่กันฟังครับ (ขณะเดินทางฝนตกหนักมากครับ) ไปต่อกันเลยครับ



กราบนมัสการหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม  สมุทรสงคราม



วิหารรอยพระพุทธบาทและปูนปั้น  ข้างในมีรอยพระพุทธบาทและศิลปะปูนปั้น มีอายุถึง 200 ปี เลยเก็บภาพมาให้ชมครับเผื่อท่านที่มีโอกาสไปจังหวัดสมุทรสงคราม กราบสักการะได้ทุกวันครับ


ภายในวิหารรอยพระพุทธบาทและปูนปั้นครับ


346




เหรียญโภคทรัพย์ เนื้อเงิน ปี 2540  มีคนบอกว่าเหรียญนี้เป็นลายมือหลวงพ่อไสวได้จารเหรียญนี้ไว้ครับ ไม่รู้ว่าใช่หรือป่าวครับ คุณลุงอะเมซิ่ง2511รบกวนช่วยให้ข้อมูลหน่อยครับผม ขอบคุณมากครับ :054: :054:

347

กราบนมัสการ 3 พระเกจิอาจารย์ดัง เทพเจ้าแห่งความเมตตา


รูปหล่อเนื้อชานหมากผสมเกศาหลวงปู่ทิมครับ


รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่นลอยองค์นั่งเสือ ปี36


รูปหล่อเหมือนนั่ง 3 เสือ มหาอำนาจ มหาเศรษฐี ปี36

รูปหล่อหลวงพ่อเปิ่นหน้าเสือ 30



รูปหล่อย้อนยุค เนื้อเงินพ่นทราย รุ่น อุดมประชานาถ 77
จำนวนการสร้าง 788 องค์ (รูปหล่อรุ่นนี้สร้างเนื้อเงินและทองคำเท่านั้น) ปี 2542




รูปหล่อ 5 เสือ ปี 2535

    กราบนมัสการหลวงพี่อภิญญาครับ :054: :054: :054: ต้องขอขอบพระคุณมากมากครับ เพราะหลวงพี่อภิญญาเป็นผู้จุดประกายให้ผมเริ่มสะสมวัตถุมงคลมาตั้งแต่เด็กๆ
   วันนี้เอารูปหล่อที่เก็บสะสมนำมา ให้ชมเป็นวิทยาทาน แก่ผู้ที่ศึกษาหรือกำลังศึกษาเพื่อเป็นความรู้แก่ผู้ที่สนใจเข้ามาชมไม่มาก ก็น้อย ท่านสมาชิกท่านอื่นมีวัตถุมงคลของหลวงพ่อเปิ่น ถ่ายมาให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้ชมกันนะครับ จะได้แบ่งปันกันชมบ้าง ขอบคุณมากครับ :001: :001: :001:

348



ขุนแผนผงพรายกุมาร(พิมพ์เล็ก)และรูปถ่ายหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ระยอง  เพิ่งได้มาครับ  ต้องกล่าวขอขอบคุณท่านผู้ให้มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เค้าให้มาก็เลยไม่ปฎิเสธครับ เพื่อไม่เป็นการเสียน้ำใจ จึงรับไว้ อิอิอิ   
(ขอโทษนะครับถ่ายไม่ค่อยชัด)
แท้ไหมครับ วอนผู้รู้ช่วยดูทีครับ ขอบคุณครับ
:001: :001: :054:

349



อ้างจากบทความเก่านะครับ ของคุณลุงอะเมซิ่ง2511 (ท่านรองประธาน)
ขออนุญาตนะครับคุณลุงอะเมซิ่ง ขอบคุณครับ 
    ข้อมูลรุ่นนี้จำนวนการสร้างผมไม่ทราบจริงๆครับ   ทราบแต่เพียงว่า  ตอนจองพระกริ่งพระชัยวัฒน์ทองคำทำบุญ 40,000 บาท   เนื้อนวะโลหะชุดละ5,000บาท  เนื้อสัมฤทธ์ชุดละ 2,500 บาท  พระกริ่งเนื้อนวะโลหะด้านหลังตอกโค๊ด  3  ตัว  ใต้องค์พระตอกหมายเลขกำกับ  พระชัยวัฒน์นวะโลหะตอก 2 โค๊ด   พระกริ่งเนื้อสัมฤทธ์ด้านหลังตอกโค๊ด 2 ตัว 
   ด้านใต้องค์พระตอกหมายเลขกำกับ ส่วนพระชัยวัฒน์เนื้อสัมฤทธ์ตอกโค๊ดเดียวครับ   พระกริ่งชุดนี้เป็นพระกริ่งเทโบราณ  ถ้าผมจำไม่ผิดพระชุดนี้ได้คุณบุญเหลือ  ออประเสริฐ  ( เซียนพระกริ่ง )เป็นผู้ให้คำปรึกษาเรื่องชนวนมวลสารครับ  พระกริ่งชุดนี้  ยังได้เทเป็นรูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น   ด้านใต้องค์พระอุดทองคำขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่งด้วยครับตามภาพนี้เลย

350

 
:054: :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054: :054:







กราบนมัสการหลวงปู่มีครับ :054: :054: :054:
เหรียญหล่อโบราณ รุ่นแรก สุดยอดประสบการณ์ครับ คุณมีไว้บูชาแล้วหรือยังครับ
  :001: :001: :001:

351
ภรยตามา ปรมา ทุกขา" การมีภรรยา มีทุกข์อย่างยิ่ง
มีเมีย เหมือนมือถือ .........เป็นเหมือนสื่อคอยติดตาม

มีเมีย เหมือนมียาม .........คอยสอบถามยุ่มย่ามใจ

มีเมีย เหมือนมีบ้าน .........อยู่นานนานย่อมเบื่อได้

มีเมีย เหมือนมอ'ไซค์ ......ซิ่งเร็วไปอาจเสี่ยงตาย

มีเมีย เหมือนมีรถ ...........ราคาหดเวลาขาย

มีเมีย เหมือนผีพราย ........หากร่างกายไม่แต่งเติม

มีเมีย เหมือนม้าห้อ .........ควบไม่รอยามฮึกเหิม

มีเมีย เหมือนบัตรเสริม ....ต้องคอยเติมเงินเรื่อยไป

มีเมีย เหมือนปีศาจ ..........ยามอาละวาดน่าตกใจ

มีเมีย เหมือนมีไหปลาร้า.............ใส่หลายร้อยปี

มีเมีย เหมือนมีคอมพ์ .......ต้องคอยซ่อมบ่อยเหลือที่

มีเมีย เหมือนปลากระดี่ .....ได้น้ำดีก็จากไป

มีเมีย เหมือนดั่งเสือ .........ขย้ำเหยื่อจะเหลือไร

มีเมีย เหมือนกรรไกร........ ตัดทีไรขาดทุกที

มีเมีย ชอบจ่ายดะ ..............ซื้อไม่ละ..นะคุณพี่

มีเมีย ชอบเซ้าซี้.............บ่นทุกทีที่เจอกัน

มีเมีย ละเ xx ่ยใจ.................. แล้วทำไมชอบมีกัน

มีเมีย ไม่สร้างสรรค์ ............จำให้มั่น อย่ามีเมีย

(โปรดเก็บเอกสารฉบับนี้ให้พ้นมือเมีย) .


ที่มาจาก fwdmail

ขำขำนะครับไม่ต้องเครียดนะครับ  :001: :001: :002: :002: :004: :004:

352


พระสมเด็จม้วนครับ ได้มาจาก วัดกลางบางแก้วครับ ใครเคยเห็นกันบ้างครับ ยังไงช่วยตอบทีนะครับ ขอบคุณครับ :001: :001: :002:

353



เหรียญที่ระลึกเปิดโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น  ปี 2537

ลักษณะของเหรียญเป็นเหรียญรูปไข่ขัดเงาตีปลอก ขนาด 3.2 ซ.ม. หนา 3 มม. ขอบเรียบ เขียนตัวหนังสือที่ขอบเหรียญว่า ที่ระลึกเปิดโรงพยาบาล เป็นเอกลักษณ์ของเหรียญและเป็นการป้องกันปลอมแปลงเหรียญขัดเงา ด้านหลังจะมีพระปรมาภิไธยย่อ สธ


ในด้านพิธี อธิษฐานจิตภาวนาปลุกเสก หลวงพ่อเปิ่นได้ปลุกเสกเดี่ยวในวันเสาร์ 5 วันที่ 30 เมษายน 2537 ณ อุโบสถวัดบางพระ

วันเสาร์ 5 ซึ่งเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เหมาะอย่างยิ่งในการสร้างปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง
และได้จัดพิธีมหาชัยมังคลาภิเษกขึ้นโดยเฉพาะ เหรียญมหากรุณา สธ ในวันพืชมงคลตรงกับวันที่ 11 พฤษภาคม 2537 เวลา 16.09 น. ณ พระอุโบสถวัดบางพระ

เนื้อเงินลงยาจำนวนพระราชทานรับจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
เนื้อเงินสร้าง 1,000 เหรียญ
เนื้อทองแดงขัดเงา 10,000 เหรียญ
เนื้อทองแดง 20,000 เหรียญ

ที่มา หนังสือรวมเหรียญ บุญญานุภาพ หลวงพ่อเปิ่น
:001: :001:

354



เหรียญหลวงพ่อสำอางค์ ครอบรอบ 40 ปี :001: :001: :001: :100:

355

กราบนมัสการหลวงปู่ทิมครับ :054: :054: :054:


วันนี้ที่วัดพระขาว
ไปกราบนมัสการหลวงปู่ทิม ก็เลยนำภาพมาให้ชมครับ ไม่ทราบเลยว่ามีการทำบุญครบรอบ 50 วัน
เลยหยิบกล้องตัวน้อยที่พกพาไป เก็บภาพไว้เป็นบางส่วน มาให้พี่น้องได้ชมกันครับ







บางภาพไม่ชัดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ :054:

356

สุดยอดวัตถุมงคล เอกลักษณ์แห่งเมตตามหานิยม
พระคาถาบูชา มักกะลีผล (นารีผล) นะโมพุทธายะ อิติมุริ
มักกะลีผล สร้างเมื่อปีพ.ศ.2544
:001: :001: :001:

357


เหรียญล้อแม็กใหญ่ 2535 ครับผม


เหรียญเอกลักษณ์นั่งเสือ 2537  ด้านหลังยันต์นะชาลีติ หัวใจพระสิวลี หงษ์คู่เมตตา :001: :002: :002: :002:



358

ผ้ายันต์


เสือแปดทิศ


กำไรเสือ


แหวน


ตีนโต

หน้าเสือ


เสือนั่งเสือหมอบ


สามทหารเสือ(ขอโทษนะครับเคยโพสแล้วครับ)นำมาให้ชมอีก


หนังเสือ


ตะกรุดหนังเสือ


359

กระดุ๋มกระดุม


ตะกรุดเสาร์5 ปี40 ตอง5 โค้ตกรรมการ(ทองแดง)

เมื่อคลี่ออกมาแล้วข้างในเป็นแบบนี้ครับ(ตะกั่ว)


360



เบี้ยตัวใหญ่(ตัวครู) เปลือย หลวงพ่อเจือจารมือเองเลยครับ ได้มาประมาณปี 2549 ครับ   :001: :017: :017:

361



เหรียญบูชาครูปี44 หลังยันต์หอมเชียง เนื้อเงินลงยา จัดสร้างจำนวน 399 เหรียญครับ


เหรียญบูชาครูปี41 อะเมซิ่งครับ :001: :001: :001:

362


เหรียญมหาเมตตาปี2541
เป็นเหรียญที่ระลึกเปิดสถานสงเคราะห์คนชรา "เฉลิมราชกุมารี" (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) ณ ตำบลสำโรง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
ผู้สร้าง หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จำนวนการสร้าง 577 เหรียญ เนื้อเงินอย่างเดียว
:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:

363

รวมมิตรสะกิดใจครับ
ปี2536

364

วันนี้เอา ลิงน้อยน่ารัก หนุมานกันภัย หลวงพ่อเปิ่น มาให้ศึกษากันครับ
รายละเอียดครับ

365

พระบูชาหลวงพ่อเปิ่น รุ่นสร้างโรงพยาบาล 2535 หน้าตัก 9 นิ้ว

366

รูปหลวงปู่บุญ ได้มานานแล้ว ไม่รู้ว่าปีไหน สร้างจำนวนเท่าไร ดีไม่ดี รบกวนท่านผู้รู้ตอบทีครับ ขอบคุณครับ

ด้านหลังเป็นรอยจารครับ :001: :001: :001:

367

มาเป็นเซทครับ
มาเป็นคู่
ครบเนื้อขาดทองคำ ใครมีบ้างครับจะได้มาเข้าเซท

สร้อยข้อมือ



368
ไม่เคยรู้ว่า อกหักมีอาการแบบไหน . . .
ยังไม่เคยมีใคร ให้คำจำกัดความคำคำนี้ได้ . . . แม้แต่ตัวฉัน
จนเมื่อได้มาเจอเขา . . .
ฉันว่าฉัน กำหนดความหมายของมันให้ตัวเองได้แล้ว

อกหัก . . .มันไม่ได้หมายความแค่เธอไม่รัก
แต่มันหมายถึง . . .วันที่จะไม่มีใครโทรมาปลุกตอนเช้า
แต่มันหมายถึง . . .ฉันจะมีความเหงาเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน
แต่มันหมายถึง . . .อาหารทุกมื้อต่อจากนี้ ฉันต้องนั่งกินคนเดียว
แต่มันหมายถึง . . .ลมหายใจของตัวเอง  ที่ดูจะแผ่วเบาจนน่าใจหาย

แต่มันหมายถึง . . .ความสุขของชีวิตสั้นลง
แต่มันหมายถึง . . .แต่มันหมายถึง . . .แต่มันหมายถึง . . .
คนคนหนึ่งที่ต้องนอนร้องไห้ . . .
และมีชีวิตอยู่เหมือนคนใกล้ตาย . . .แค่นั้นเอง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักพิมพ์ริมทะเล
หนังสือไม่อยากหายใจ เมื่อไม่มีเธอ ฉบับเดือนมกราคม 2552

369
ทุกวันนี้..ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย
ว่าทำไมจะต้องรักคนที่เค้าไม่รักเราด้วย

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป
เราหวังผลตอบแทนมากน้อยแค่ไหน มีใครรู้บ้าง
สิ่งที่เค้าให้กลับคืนมา
มันเป็นสิ่งที่เราต้องการแล้วเหรอ

เราพอใจกับมันแล้วเหรอ
ณ เวลานี้ เราจะหลอกตัวเองต่อไปอีกทำไม
ในเมื่อเราก็รู้แล้วว่าเค้าคิดและรู้สึกกับเราเช่นไร
บอกตัวเองกี่ครั้งแล้วนะ..ว่าให้หยุด..ให้พอ

พอในสิ่งที่เราต้องเหนื่อย
เหนื่อยกับการหลอกตัวเอง
ทุกข์กับสิ่งที่เค้าให้เรามา
ทำไมนะ..ถึงลืมเค้าไม่ได้สักที

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าทำในตอนนี้..มันชัดเจน
เค้าไม่ได้รักเราแล้ว..เพราะเค้ามีคนอื่น
คนที่เค้าให้ความรัก..ความเข้าใจ

ส่วนเรา..สิ่งที่ได้รับนะเหรอ
การเฉยชา..ไม่ใส่ใจ..แล้วทนไปเพื่ออะไร
บอกกับตัวเองว่าพอ..พอเสียที
หยุดร้องไห้ให้กับคนที่เค้าไม่แคร์
ถ้าความโกรธเกิดขึ้นจงอย่าวิ่งตามความโกรธ
แล้วก็อย่าเก็บความโกรธใส่ไว้ในขวดโหล
เหมือนเราดองผลไม้ไว้ในขวดโหล
ดังนั้น..เมื่อความโกรธเกิดขึ้น
เราต้องจัดการมันก่อน
เพราะถ้าทิ้งไว้เราจะถูกมันจัดการ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สาระแน โดย : mabushy

370
มีคุณโยมท่านหนึ่งมากราบอาตมาที่วัด และได้ร่วมสนทนาธรรมกันถึงปัญหาความรักว่า เราจะรักอย่างไรเพื่อให้รู้จักรักให้เป็น และจะรักอย่างไรเพื่อให้ทั้งใจเรา และใจเขามีความสุขไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าความรักนั้นจะสมหวังหรือไม่ก็ตาม

คุณโยมท่านนั้นเปรียบเทียบให้อาตมาฟังว่า รักได้ ก็เหมือนการขับรถได้ แค่เสียบกุญแจเข้าเกียร์เหยียบคันเร่ง ไม่ต้องสนกฎจราจร อาจเกิดอุบัติเหตุ ตั้งแต่บาดเจ็บไปจนถึงเสียชีวิต

แต่ รักเป็น ก็เหมือนเรารู้ว่ากฎจราจรมีบังคับอย่างไรบ้าง จะแซงขวาต้องเปิดไฟเลี้ยวขอทางจะลงสะพานต้องชะลอความเร็ว เพื่อให้ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ

เช่นเดียวกับความรัก ถ้าเรารู้ว่าความรัก คืออะไร รักอย่างไรให้มีความสุข รักอย่างไรไม่ให้เป็นพิษย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง

รักให้เป็น คือ เราต้องพิจารณาว่า รักแบบไหน รักทำไม แล้วเราจะรักไปในทิศทางไหน สมัยนี้ที่มีปัญหาเพราะรักได้ แต่ไม่มีสมอง ไม่ใช้ปัญญา ใช้แต่ความหลง หลงว่ารัก หลงว่าดี จนรักทำให้ตาบอด หลับไปกับความฝัน ลมๆ แล้งๆ แต่กว่าจะมีใครเอาไม้มาเขี่ยปลุก ก็ตื่นสาย น้ำลายยือเปียกไปครึ่งหมอน

เรามักพูดว่า ความรักไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผล ใช้เพียงอารมณ์ ความรู้สึก และสัญชาตญาณเท่านั้น แต่เพราะอารมณ์ไม่ใช่หรือ ที่ทำให้เราเลือกผิด ที่ทำให้ต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า ที่ทำให้คิดฆ่าตัวตาย แต่หากเราใช้ปัญญาประกอบ คือ สามารถพิจารณาได้ว่า อะไรดี อะไรควร เพื่อไม่ให้หลงไปกับรักลวงอย่างเต็มตัวจนกู่ไม่กลับ

สุดท้ายแล้วไม่ว่ารักจะเป็นอย่างไร หรือ รักเป็น เป็นอย่างไร ทุกความรักจะต้องมี เมตตามีความปรารถนาดีที่จะมอบสิ่งดี ความรู้สึกดี ความหวังดี ให้แก่ผู้ที่เรารัก ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร หรือมีความรักในฐานะใดก็ตาม หากสมหวัง ความเมตตาในความรักนั้น จะทำให้เรารักษาและดำเนินรักที่เป็นสุข แต่หากผิดหวังความเมตตาที่ได้รัก ก็จะทำให้เรายินดีกับรักอย่างเป็นสุขเช่นกัน...
ขอบคุณบทความจากธรรมะเดลิเวอรี่
โดย พระมหาสมปอง ตาลปุตโต

371

เหรียญหลวงพ่อเปิ่น รุ่นไหนคงทราบกันดีนะครับ

ด้านหลังของเหรียญ

372
สำรวจ 3 "สิ่งศักดิ์ศิทธิ์" แหวน-ยันต์-เหรียญ "ของขลัง" ติดตัวสนธิ (เดลินิวส์)

          ภายหลังเกิดการ "ดักสังหารด้วยอาวุธสงคราม" โดยมีเป้าหมายคือ "สนธิ ลิ้มทองกุล" แกนนำคนสำคัญของกลุ่มพันธมิตรฯ-กลุ่มคนเสื้อเหลือง โดยเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาที่ยังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงอยู่ ในขณะที่ยังมีเจ้าหน้าที่ และโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหาร ตรึงกำลังตามจุด ต่างๆ อยู่ ก็ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างอึงมี่..... ว่าใคร-กลุ่มใดกันแน่ที่ลงมือ-ที่บงการ ??

          ขณะเดียวกัน จากการถูกถล่มด้วยอาวุธสงคราม ด้วย 4 กระสุนสงครามร่วม 100 นัด ทั้งกระสุนปืนอาก้า กระสุนปืนเอชเค   กระสุนปืนเอ็ม 16 และกระสุนระเบิดเอ็ม 79 แต่กลับไม่เละ กลับรอด ก็ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อึงมี่เช่นกัน ซึ่งบางคนก็ว่าปาฏิหาริย์ บางคนก็ว่ามี "สิ่งศักดิ์สิทธิ์-เครื่องรางของขลัง" คุ้มครอง พร้อมมีการตั้งข้อสังเกต มีข้อสงสัย อยากจะรู้..... ว่า...แกนนำพันธมิตรฯรายนี้มีของดีอะไรติดตัว ?? ซึ่งกับประเด็นหลังนี้...พอจะมีข้อมูลบ่งชี้-มีคนไขปริศนา.....

  อย่างแรก "แหวนพระนารายณ์ทรงครุฑ"

          ที่ผ่านมาก่อนหน้าจะเกิดเหตุถูกดักสังหาร หลายคนจะสังเกตเห็นว่าที่นิ้วมือข้างซ้ายของ สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ มีเครื่องรางของขลังคือ แหวนพระนารายณ์ทรงครุฑ สวมติดอยู่ตลอด

          "แหวนพระนารายณ์ทรงครุฑ" นี้รูปทรงจะดูแปลกตา รูปลักษณ์จะดูมีพลังและอำนาจ โดยจะมีครุฑกางเล็บจับนาค ที่เหนือเศียรพระนารายณ์มีพญานาค 7 เศียรแผ่ผงาดอยู่ และด้านข้างของแหวนยังเป็นรูป "ราหูอมจันทร์" อีกต่างหาก

          ทั้งนี้ สำหรับความเชื่อ-ความหมายแห่งแหวนพระนารายณ์ทรงครุฑนั้น เชื่อกันว่า... หมายถึงอำนาจ เชื่อกันว่าจะทำให้ผู้ที่สวมใส่   "มีอำนาจน่าเกรงขาม" พญานาค 7 เศียรนั้นหมายถึง "พระเสาร์เทวา" ซึ่งเป็นพระเคราะห์คู่มิตรกับพระราหู ที่ "แปรเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี" ด้วยอำนาจแห่งพระนารายณ์สยบกำลังร้ายของพระราหู ทั้งยังช่วย "เกื้อหนุนชะตาชีวิต" ของผู้ที่ครอบครองแหวน

          สำหรับเกร็ดประวัติแหวนพระนารายณ์ทรงครุฑนั้น ข้อมูลจากบางแหล่งระบุว่า... เชื่อกันว่าองค์กษัตริย์ชัยวรมันแห่งราชอาณาจักรขอม ทรงสวมแหวนนี้บนนิ้วชี้ข้างขวายามเมื่อออกนั่งบัลลังก์ประกาศราชโองการ

          ด้วยตำนานฤทธิ์เดชพระนารายณ์ จึงมีความเชื่อว่าหากนำมาสร้างเป็นเครื่องรางจะมีอานุภาพด้านการคุ้มครองป้องกัน เป็นสิริมงคล ทำให้เป็นเจ้าคนนายคน มีอำนาจเหนือศัตรู เป็นที่รักของคนรอบข้างและบริวาร

  อย่างที่สอง "ผ้ายันต์จตุคามรามเทพ รุ่นปี 30"

          กับ "ผ้ายันต์จตุคามรามเทพ รุ่นปี 30" นี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ก็เคยระบุไว้เองในการจัดงาน 1 ปีกู้ชาติ ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี NEWS1 เมื่อปี 2550 โดยเขากล่าวไว้บางช่วงบางตอนว่า.....

          "ทีแรกผมก็ไม่เชื่อ แต่องค์จตุคามรามเทพได้พิสูจน์หลายๆ อย่างจนผมไม่อาจไม่ยอมรับความจริงได้ ผมพกจตุคามรามเทพติดตัวตลอดเวลา ที่ไม่ขาดเลยคือผ้ายันต์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ ส่วนที่ขึ้นคอก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ปกติจะแขวนพังพระกาฬ แต่ปัจจุบันนี้ผมแขวนจตุคามรามเทพพระผงนาคปรก 5 เศียร 3 องค์ สีดำและสีขาว ทำพิธีเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2550 ที่เพชรบูรณ์ ส่วนอีกองค์สีแดง เป็นรุ่นพิเศษที่ทำขึ้นแค่ 299 องค์ เพื่อมอบให้กับผู้ใกล้ชิดเท่านั้น

          ถามว่าจตุคามช่วยเหลือและปกป้องอะไรผมบ้าง ผมขอตอบสั้นๆ ว่าตลอดเวลาที่ผมแขวนหรือพกผ้ายันต์ ไม่เคยมีอันตรายใดๆ กล้ำกรายเลย"

          ...เป็นการระบุของ สนธิ ลิ้มทองกุล ถึงอีกหนึ่งสิ่งที่เขาเชื่อว่าคุ้มครองป้องภัยให้เขา รวมถึงเขายังเคยระบุไว้ด้วยว่า "คนทรงบอกให้ผมนำ ธงพญาชิงชัย ปักบนเวทีและใช้นำหน้าเดินขบวนด้วยทุกครั้ง"

  อย่างที่สาม "เหรียญหลวงตามหาบัว"

          ทั้งนี้ กับอย่างหลังนี้อาจไม่เพียงเฉพาะเหรียญ ซึ่งจากคำบอกเล่าของแหล่งข่าวรายหนึ่งน่าจะรวมถึง "บารมีหลวงตามหาบัว" แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานีด้วย กล่าวคือ.....

          แหล่งข่าวเผยว่า ก่อนที่นายสนธิจะถูกดักถล่มด้วยอาวุธสงครามนั้น มีศิษย์ของหลวงตามหาบัวได้นั่งสมาธิแล้วบังเกิดนิมิตเหตุร้ายที่หน้าสำนักงานเอเอสทีวี ในนิมิตเห็นหลวงตามหาบัวปรากฏขึ้นที่นั่นด้วย

          "คนสนิทหลวงตาจึงโทรฯ บอกสนธิว่า ตอนนี้ดวงไม่ค่อยดี แนะนำให้มาปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ หนักก็จะได้เบา สนธิก็ไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ทำได้ 2 วัน คือวันที่ 12-13 เมษายน แต่มีภารกิจจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ และต่อมาก็เกิดเหตุการณ์ถูกลอบสังหารขึ้น แต่ก็รอดตายมาได้ อาจเพราะบารมีหลวงตา และตอนประสบเหตุสนธิได้ห้อยพระเหรียญหลวงตามหาบัวแห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ไว้ที่คอ" ...แหล่งข่าวระบุ

          ก็เป็น 3 อย่าง "3 สิ่งศักดิ์สิทธิ์-เครื่องรางของขลัง" ที่มีคนเห็น-ที่มีคนรู้ว่าอยู่ติดตัว "สนธิ ลิ้มทองกุล" ก่อนโดนถล่มด้วยกระสุนสงคราม...แต่รอด !?!?!


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นสพ.เดลินิวส์

373
ทำตัวน่ารำคาญ . . . ทำไมฉันจะไม่รู้ตัว
คอยโทรหาจนเธอปวดหัว . . . จนไม่ค่อยอยากรับสาย
ถามคำถามซ้ำซาก . . . ชอบทำตัวยุ่งยากและวุ่นวาย
หึงหวงจนใครใครคิดว่าฉันร้าย . . . เธอเองก็เบื่อหน่ายฉันรู้ดี

หากนี่คือเหตุผล ที่เธอจะบอกลา
ฉันก็ขอบอกเธอเหมือนกันว่า . . . ที่ทำลงไปแบบนี้
เป็นเพราะรักเธอมาก . . . มากกว่าหัวใจที่มี
แต่ . . . ถ้ามันทำให้เธออยากหลีกหนี ก็บอกเลยคนดีว่าเสียใจ

เหตุผลที่ฉันทำทั้งหมด เพราะกลัวเธอไม่รัก
แต่. . . กลายเป็นว่า เธอไม่รักเพราะทำแบบนั้น
ความผิดทั้งหมดให้ลงที่ฉัน ที่คิดว่าเธอสำคัญกว่าสิ่งไหน
ต่อไปนี้จะไม่โทรหา . . . และยอมเลิกราจากเธอไป

จะได้จำให้ซึ้งใจว่า  . . .
การเป็นห่วงเป็นใยก็ทำให้เลิกกันได้ . . . นี่คือเรื่องจริง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักพิมพ์ริมทะเล
จากหนังสือ ไม่อยากหายใจ เมื่อไม่มีเธอ

374

พระบูชานั่งเสือหลวงพ่อเปิ่น ปี2536

มีดหมอหลวงพ่อเปิ่น ด้ามฝักงาช้าง ปี2544 :016: :016: :015:

เหรียญต่าง ๆ   :027: :027: :027: :027:

เหรียญต่าง ๆ   :001: :001: :001:


375
แฟนชอบรื้อฟื้น

ประเภทคบกันอยู่ดีๆ แต่วันร้ายคืนสยองเขากลับ
มักพูดถึงแต่แฟนเก่า ว่าเป็นคนอย่างงั้น อย่างโน้น นัยว่าหล่อน
เป็นแม่พิมพ์ประจำใจเขานั่นแหละ แถมเล่าแล้วไม่เล่าเปล่าเสีย
ด้วยนะ มีการจับทั้งแฟน ปัจจุบันกับอดีตหวานใจมาเปรียบเทียบ
ซะกระเจิด กระเจิง แล้วอย่างนี้จะให้รักกันไหวไหมล่ะ

แฟนชอบโกหกจนเป็นสันดาน

ข้อนี้คงไม่ต้องอาศัยคำอธิบายอะไรให้มาก เพราะ ใครบ้าง
ที่ไม่รู้อยู่แก่ใจว่า การโกหก คือยาพิษที่ บ่อนทำลายความรัก
ได้ง่ายและฉับไวที่สุด บ้างนะ เหตุนี้...ถ้ามีแฟนจัดเข้าข่าย
เป็นพวกโก-Six หรือมุสาวาจา เป็นกิจวัตร หรือพวกชอบโชว์มาด
?มือถือสาก ปากถือศีล? ล่ะก็ ถ้าไม่เลิกกันวันนี้ พรุ่งนี้ ก็คงมะรืนนี้แหละ
สักวันนึงย่อมทนกันไม่ได้อยู่ดี
แฟนเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า

แบบว่า เผลอเป็นไม่ได้ ต้องสะเหร่อแบ่งกายไปเบียด
คนอื่นอยู่เรื่อย แต่ใช้ข้ออ้างเดิมๆ ว่า เพราะเด็กมันยั่ว
เลยหลวมตัวนอตหลุด งั้นเชิญไปไขก๊อกกันทุกคืนเลย
แล้วกัน เราอย่าลดตัว เป็นมารคอหอยเขาหน่อยเลย


แฟนที่ไม่สนว่า จำเป็นต้องเอาใจคนรักอะไร กันนักหนา

เอ้...ถ้าไม่รู้จักเอาใจสวีตฮาร์ท แล้วจะให้อีกฝ่ายคอย
แต่เอาใจใส่เขาหรือยังไง หากรักกันจริงก็ควรเทกแคร์กันสิพี่
เทกแคร์น่ะแปลว่า ดูแลเอาใจใส่ไม่ ใช่ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเหลียวแล
เค้าว่า ความรักคือการแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่กันไม่ใช่หรือ?
แล้วเคยให้กันบ้างไหม?

แฟนไม่เคยมีเวลาให้

รวมไปถึงชอบผิดนัด นิยมบอกปัด อ้างงานเยอะ
แม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไม่รู้หายหัวไปไหน ขืนเป็นงี้
แล้วจะเป็นแฟนกันไปทำไม? จะเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟน
ก็แปะเอี้ย (เหมือนกัน) ไม่เห็นมีอะไรต่าง
นอกจากอยากเป็นแฟนเฉพาะทางโทรศัพท์ก็ว่าไปอย่าง

แฟนไม่เคยทำตามสัญญา

ให้ความหวังด้วยลมปากเป็นอย่างเดียว
แต่ทำให้หวังเป็นจริง ไม่ได้ก็แย่
แฟนที่ชอบตอกย้ำซ้ำเติมปมด้อยให้น้อยเนื้อต่ำใจ
ได้ตลอดเวลา เอ๊ะ...ถ้าไม่เห็นเรามีดีแล้วตกลงมารักกัน
ให้เจ็บๆคันๆ ทำไมเหรอ ถ้ารักแล้ว พูดจาภาษาดอกไม้ หาเรื่องดีๆ
เป็นสิริมงคลมาคุยกันไม่ได้ งั้นหันมาเป็นศัตรูกันยังเก๋ซะกว่า นี่ล่ะหนา
ถึงอยากถามใครต่อใคร ว่าก่อนจะรัก หล่อนพร้อมจะเจ็บกระดองใจหรือยังจ๊ะ


ที่มาจาก fwdmail

376

เป็นเหรียญแรกที่ได้เริ่มการสะสมวัตถุมงคลหลวงพ่อเปิ่นตอนนั้นยังเรียนประถมปีที่ 1 อยู่เลยยังไม่รู้จักวัดบางพระเลยครับ ตอนนั้น แขวนพระโดยไม่ได้เลี่ยมพลาสติก ใช้จนสึก ก็เลยไปเลี่ยมพลสติกมาครับ เป็นเหรียญแรกที่เริ่มเก็บสะสมมาครับ   :001: :002: :001: :002: :001: :002: :075:

377

สามทหารเสือ กลับใจ มาอยู่บนหิ้งเสียแล้วครับท่าน อิอิอิ :001: :002: :002:

378

กะโหลกเสือ มีเรื่องเล่า  ได้ซื้อมาแถวภาคเหนือครับ แล้วนำไปให้หลวงพี่ญาท่านได้มีเมตตาเขียนอักษระให้ ครับ หลวงพี่ญาก็บอกนำไปให้หลวงพ่อเปิ่นปลุกเสกอีกที (จำได้ว่ายังเรียนประถมศึกษาอยู่เลย) เสร็จแล้วก็ซื้อพานดอกไม้ธูปเทียน ทอง 9 แผ่น ต่อแถวเรียกคิวตามเบอร์ นำหัวกะโหลกเสือ ใส่พานให้หลวงพ่อเปิ่นปลุกเสก ท่านก็ถามว่า หัวอะไร ผมก็ตอบว่า หัวกะโหลกเสือครับ ท่าน ก็ยิ้มและหัวเราะครับ ท่านก็พูดว่า นึกว่าหัวลิง แล้วก็ยิ้ม ทุกวันยังจำภาพนั้นได้ติดตา ติดหูเลยครับ เอามาเล่าสู่กันฟังครับ  สุดท้ายนี้ต้องขอกราบขอบพระคุณหลวงพี่อภิญญามากครับที่ได้เขียนอักษระให้ ขอบพระคุณมากครับครับ :054: :054: :054: :054: :054::001: :002: :001: :002: :001: :002:

379


สวัสดีท่านสมาชิกทุกท่านคับ พอดีวันนี้ไปอ่านเจอเลย มาให้ท่านสมาชิกได้ชมและอ่านกันคับ เผื่อทานอื่นยังไม่ทราบ ครับ :001: :002: :001: :002: :001: :002: :001: :002:
ที่มา . . หนังสือพิมพ์ ข่าวสด วันเสาร์ที่ 11 เมษายน 2552

380

ฮือฮา อินเดียแห่กราบไหว้หญิงประหลาดร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือดแทนน้ำตาวันละหลายรอบ
เดอะ ซัน รายงานเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ว่า ชาวฮินดูต่างแห่กราบไหว้นางราชิดา คาตูน หญิงสาวในเมืองพัฒนา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย ซึ่งมีอาการน้ำตาออกมาเป็นสายเลือดวันละหลายเที่ยว โดยแพทย์ไม่สามารถอธิบายได้ แต่ปรากฎการณ์ดังกล่าวสร้างความตื่นเต้นให้แก่ชาวฮินดู ที่ระบุว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ โดยเหล่าผู้ศรัทธาต่างแห่เดินทางไปบ้านเธอ พร้อมของขวัญและของเครื่องเซ่นบูชา
ด้านนางราชิดากล่าวว่า"ฉันไม่รู้สึกเจ็บใด ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่รู้สึกช็อคเมื่อเห็นเลือดไหลออกจากตาแทนน้ำตา

 

ขอขอบคุณข่าวจาก มติชน

381

อาจารย์ประคอง รุ่นเจริญ ตอนศรัทธาอยู่ที่ใจ ไม่ต้องลอง ตามลิงค์นี้เลยครับ  http://www.oknation.net/blog/print.php?id=291555


อาจารย์ประคองบอกว่าวิชา ?เข็มทอง? ท่านได้ถ่ายทอดให้กับ ?พระอาจารย์หนุ่ม วัดบางแวก? และ ?อุณมิลิต?...
 :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:




382

ในพระมหาเจดีย์

ท้าวเวสสุวรรณเพ้นท์สี

383

 :054:ขออนุญาต ประชาสัมพันธ์ครับ :054:
ตะกรุดยันต์เกราะเพ็ชร วัดนก หลวงปู่ทิม วัดพระขาว ได้เมตตาปลุกเสก ด้วยกัน ถึง 2 ครั้ง ครั้งที่1 วันที่ 7 มี.ค.51 ครั้งที่2 20 มี.ค.51 รวม 2 ครั้ง
และในวันเสาร์ที่28 นี้ได้มีพิธีปลุกเสกพระพุทธชินราชและวัตถุมงคลต่าง ๆ  และสวดภาณยักษ์ใหญ่ ขอเชิญร่วมพิธีเพื่อเป็นสิริมงคล และผู้เข้าร่วมพิธีได้รับแจกผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณ 1 ผืน ฟรี


384

ล็อคเก็ตหลวงพ่อเปิ่นครับ :001: :002: :001: :002: :001: :002:

แท้เทียมชมดูเลยครับเพื่อการศึกษา :095: :095: :095:

385




กราบนมัสการหลวงพ่อทุกท่านครับ :054: :054: :054: :054: :054: :054:

386

วัดโคปูน.

นมัสการหลวงพี่พันครับ ขอขอบพระคุณหลวงพี่ญามากครับที่ได้มอบหนังสือที่ระลึก ให้ ก็เลยนำไปถวายหลวงพี่พัน หลวงพี่พันดูหนังสือแล้วรู้สึกชอบมากเพราะเนื้อหาสาระและข้อมูลดีและภาพถ่ายสวย ต้องขอขอบพระคุณทีมงานผู้จัดทำหนังสือที่ระลึก เป็นแนวทางและประโยชน์แก่ผู้ที่ศึกษาประวัติและความเป็นมา ของวัดบางพระเป็นอย่างยิ่ง :001: :001: :001:

ครอบเศียรที่กุฎิเก่าครับถ่ายในกุฎิริมน้ำ แต่ได้รื้อไปแล้วครับ น่าเสียดายมาก ๆ  :001: :001: :001 :002: :002:


387


 
:054:ขอกราบนมัสการหลวงพ่อพุฒแห่งวัดกลางบางพระ :054:
ประวัติวัดกลางบางพระ

ตั้งอยู่ที่ 86 หมู่ที่ 4 ตำบลบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พื้นที่ที่ตั้งวัดมีเนื้อที่ 24 ไร่ 1 งาน 46 ตารางวา

วัดกลางบางพระ เป็นวัดเก่าแก่และเคยเป็นวัดร้างมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากคำบอกเล่า ต่อ ๆ กันมาว่า เหตุผลที่ชื่อ ?วัดกลางบางพระ? สืบเนื่องมาจากเมื่อราวปี พ.ศ. 2300 พม่าได้ยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านและข้าราชบริพารบางส่วน เกรงกลัวภัยสงครามจากพม่า จึงคิดอพยพหลบหนีออกจากกรุงศรีอยุธยาทางน้ำ โดยใช้ เรือ เป็นพาหนะ มาทางแม่น้ำเจ้าพระยา และลำคลองต่าง ๆ ในการอพยพหลบหนีในครั้งนี้ ได้นำพระพุทธปฏิมากรและต้นศรีมหาโพธิ์มาด้วย จนมาถึงปากคลองบางพระของแม่น้ำท่าจีน ได้เกิดลมพายุใหญ่พัดหลบเข้ามาในคลองบางพระ เรือก็ได้ล่มลง ทำให้ต้นศรีมหาโพธิ์ลอยตามน้ำไป ตามลำคลองบางพระ จนถึงตำบลศรีมหาโพธิ์ซึ่งเป็นที่ดอน ต้นศรีมหาโพธิ์จึงได้ขึ้น ณ ที่ตรงนั้น ชาวบ้านในท้องถิ่นเห็นเป็นบารมีต้นศรีมหาโพธิ์ต้นนี้ จึงพร้อมใจกันสร้างวัดขึ้น ขนานนามว่า ?วัดศรีมหาโพธิ์? สำหรับพระพุทธปฏิมากรที่ได้จมลงในคลองบางพระ ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันสร้างวัดบริเวณที่พระพุทธปฏิมากรจมน้ำ ชายคลองบางพระและได้ขนานนามวัดที่สร้างขึ้นมาว่า ?วัดกลางบางพระ? เนื่องจากเป็นวัดที่อยู่กลางระหว่าง วัดบางพระกับวัดศรีมหาโพธิ์ จนถึงทุกวันนี้

จากคำบอกเล่าต่อกันมา และตามหลักฐานของกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการว่า วัดกลางบางพระ เริ่มเป็นวันต้นกรุงรัตนโกสินทร์ คือราวพุทธศักราช 2326 จึงน่าเชื่อว่าวัดนี้กำเนิด มาแล้วประมาณ 223 ปี





 ประวัติหลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ

หลวงพ่อพุฒ สุนทโร

พระครูสุนทรวุฒิคุณ (หลวงพ่อพุฒ สุนทโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ ตำบลบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม

นามเดิมนั้นท่านมีชื่อว่า พุฒ นามสกุล หาญสมัย เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 12 ปี จอ ณ บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 4 ตำบลบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม บิดาของท่านชื่อ นายขำ หาญสมัย มารดาของท่านชื่อนางปาน หาญสมัย ซึ่งท่านมีพี่น้องด้วยกัน 5 คน คือ 1. นางสาวบุญรอด หาญสมัย (ถึงแก่กรรมแล้ว) 2. พระครูสุนทรวุฒิคุณ (หลวงพ่อพุฒ สุนทโร) 3. นางปุ่น นาคละมัย 4. นายปั่น หาญสมัย 5. นางบุญนาค กลั่นสนิท (ถึงแก่กรรมแล้ว)

การศึกษาเล่าเรียนนั้น หลวงพ่อพุฒ ท่านได้ความรู้ติดตัวและได้เรียนมาจากวัด ซึ่งต่อมาหลวงพ่อพุฒได้จบการศึกษาสายสามัญ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ครอบครัวของท่านแต่เดิมมีอาชีพทำนา

เมื่อท่านอายุได้ 20 ปี เข้ารับการคัดเลือกของราชการทหารให้เข้ารับราชการ หรือที่เราเรียกกันว่า ?เกณฑ์ทหาร? ในที่สุดท่านก็ต้องเข้ารับใช้ชาติเป็นทหารรักษาพระองค์อยู่ถึง 2 ปี ได้กลับมาช่วยครอบครัว บิดา มารดา ของท่านทำงานอย่างขยันขันแข็งจนผู้คนในหมู่บ้าน และละแวกใกล้เคียง ชื่นชมยินดีส่งเสริมให้การทำงานอย่างจริงจังของท่าน ชีวิตความเป็นอยู่ก็อยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีงามจนชาวบ้านในท้องถิ่นต่างเสนอให้ทางราชการแต่งตั้งท่านเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลวัดละมุด อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม

ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2489 ผู้ใหญ่พุฒก็ตัดชีวิตทางโลกเข้าสู่ร่มกาสาวพัตรในรูปพระสงฆ์ ณ พัทธสีมา วัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของท่าน โดยมีเจ้าอธิการหิ่ม อินทโชโต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทองอยู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เปลี่ยน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้รับฉายาว่า สุนทโร

เมื่อหลวงพ่อพุฒ หรือพระภิกษุพุฒในสมัยนั้น อุปสมบทใหม่ ๆ ท่านก็มีความมุ่งมั่นในการศึกษาพระธรรมวินัย และเมื่อท่านมีโอกาส ท่านก็ศึกษาตำรับตำราต่าง ๆ ซึ่งค่อนข้างจะแปลกกว่าพระรูปอื่น เพราะท่านไม่ชอบปล่อยเวลาให้ล่วงไปอย่างไร้ค่า ซึ่งตำรับตำราในสมัยนั้นก็หายากไม่มีมากมายเหมือนในสมัยปัจจุบัน หนังสือที่ท่านให้ความสนใจเป็นพิเศษส่วนมากก็จะเป็นหนังสือประเภทธรรมะ และตำรายาแผนโบราณ และในปีแรกนั้น พ.ศ. 2489 ท่านก็สามารถสอบนักธรรมชั้นตรีได้ ต่อมาอีก 2 ปี คือในปี พ.ศ. 2491 ท่านก็สามารถสอบนักธรรมชั้นโทและชั้นเอกได้มาโดยลำดับ

หลังจากที่หลวงพ่อพุฒได้อุปสมบทและศึกษาพระธรรมวินัย ตลอดจนวิชาคาถาอาคมต่าง ๆ รวมทั้งได้ออกธุดงค์ได้เพียง 6 พรรษา ในปี พ.ศ. 2495 เจ้าอาวาสองค์ที่ 6 แห่ง วัดกลางบางพระได้มรณภาพลงตามสังขาร ทางคณะสงฆ์ ชาวบ้าน ตลอดจนกรรมการได้นิมนต์หลวงพ่อพุฒ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสของวัดกลางบางพระเป็นองค์ที่ 7 สืบต่อมา ได้รับนามว่า ?พระอธิการพุฒ? ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 หลังจากที่พระอธิการพุฒ ในสมัยนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสของวัดกลางบางพระ ก็ได้ทำการพัฒนาวัด บูรณะปฏิสังขรณ์ เรื่อยมา โดยได้เริ่มมีการวางผังวัดใหม่เพื่อสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ ซึ่งในสมัยนั้นวัดเป็นที่ลุ่มพอสมควร ต้องทำการถมดินเป็นจำนวนมาก โดยได้รับแรงศรัทธาจากชาวบ้านในสมัยนั้น ซึ่งต้องใช้แรงงานคน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ต่อมาได้ทำการซ่อมแซมบูรณะพระอุโบสถขึ้นใหม่อีกครั้ง เพราะชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ซึ่งในอดีตพระอธิการดาได้ทำการบูรณะซ่อมแซมมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อบูรณะพระอุโบสถเป็นที่เรียบร้อยแล้วในปี พ.ศ. 2497 ก็ได้ดำเนินการก่อสร้างศาลาการเปรียญของวัดกลางบางพระ ซึ่งใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปีเศษ

ในด้านการศึกษานั้น หลวงพ่อได้รับการแต่งตั้งให้ดูงานด้านการศึกษามาโดยลำดับ คือ พ.ศ. 2496 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดกลางบางพระ เป็นกรรมการสอบธรรมสนาม หลวง พ.ศ. 2500 เป็นกรรมการอุปถัมภ์โรงเรียนวัดกลางบางพระ พ.ศ. 2515 เป็นกรรมการอุปถัมภ์โรงเรียนสหศึกษาบาลี องค์พระปฐมเจดีย์ พ.ศ. 2529 เป็นประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล พ.ศ. 2530 เป็นหน่วยรับพิเศษของเจ้าคณะใหญ่หนกลาง


วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2542 หลวงพ่อมีอาการเหนื่อยและอ่อนเพลีย จึงไปนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลห้วยพลู ต่อมาในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2542 อาการของหลวงพ่อยัง ไม่ดีขึ้นระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย เริ่มไม่มีประสิทธิภาพ รุ่งเช้าวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2542 เวลาประมาณ 08.45 น. หลวงพ่อได้จากพวกเราไปด้วยอาการอันสงบ คณะศิษยานุศิษย์ได้นำศพของหลวงพ่อกลับมายังวัดกลางบางพระและได้รับพระราชทานน้ำสรงศพ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2542 เวลา 17.00 น. อย่างสมเกียรติท่ามกลางความอาลัยของคณะศิษยานุศิษย์ สิริรวมอายุของหลวงพ่อได้ 88 ปี 2 เดือน 8 วัน

จากคุณงามความดีที่ท่านได้สร้างสมปฏิบัติมา จึงได้รับพระราชทานสมศักดิ์ตามลำดับ คือ
1. ได้รับพระราชทานเป็นพระครูชั้นประทวน ในนามพระครูพุฒ สุน?ทโร เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2509 อายุ 54 ปี พรรษา 20
2. ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ในนามพระครูสุนทรวุฒิคุณ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2513 อายุ 58 ปี พรรษา 24
3. ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2518 อายุ 63 ปี พรรษา 29
4. ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2534 อายุ 80 ปี พรรษา 45
5. ได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์จากสมเด็จพระพุทธโฆษจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 อายุ 82 ปี พรรษา 47

วัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้มีมากแต่ที่จะพอนำมากล่าวได้ก็คือ
- เหรียญรุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2505 แจกเปิดโรงเรียนวัดกลางบางพระ เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2509 เป็นเหรียญรูปทรงเสมาหลวงพ่อหน้าตรงครึ่งองค์ เห็นสังฆาฏิทำด้วยสตางค์แดงผสมทองแดง และอีกชนิดหนึ่งทำด้วยทองเหลืองฝาบาตร ซึ่งเป็นพิมพ์เดียวกัน หน้าเหรียญเขียนว่า ?พระอธิการพุฒ สุน?ทโร? ซึ่งในปัจจุบันหายากพอสมควร
- เหรียญรุ่นที่สองสร้างเมื่อ พ.ศ. 2513 เมื่อครั้งรับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี เป็นเหรียญเต็มองค์นั่งขัดสมาธิ เขียนใต้ฐานว่า ?พระครูสุนทรวุฒิคุณ? บนเขียนว่าวัดกลางบางพระ
- เหรียญรุ่นที่สามเป็นเหรียญเสมา สร้างเมื่อ พ.ศ. 2522 เป็นเหรียญรูปหล่อหลวงพ่อครึ่งองค์ สร้างเป็นที่ระลึกในงานฉลองพระครูสัญญาบัตรชั้นโท
- เหรียญรุ่นที่สี่เป็นเหรียญกลมหลวงพ่อครึ่งองค์ด้านหลังเป็นหนังสือ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2528
- เหรียญรุ่นที่ห้าเป็นเหรียญเสมารูปหลวงพ่อเต็มองค์ นั่งถือไม้เท้า ด้านหลังเขียน ?ที่ระลึกในงานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นชั้นเอก? สร้างเมื่อ พ.ศ. 2533
- เหรียญรุ่นที่หกเป็นเหรียญเสมาหลวงพ่อเต็มองค์นั่งทับปืนและลูกระเบิด ซึ่งเป็นเหรียญยอดนิยมที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ?เหรียญปืนไขว้? หรือ ?เหรียญนั่งทับปืน? สร้างเมื่อ พ.ศ. 2533
- เหรียญรุ่นที่เจ็ดเป็นเหรียญเสมารูปหลวงพ่อครึ่งองค์ด้านหน้าเขียนว่า ?หลวงพ่อพุฒ อายุ 80 ปี? สร้างเมื่อ พ.ศ. 2533
- เหรียญรุ่นที่แปดเป็นเหรียญรูปไข่หลวงพ่อนั่งเต็มองค์ถือไม้เท้า ด้านหลังเขียนว่า ?ที่ระลึกในงานฉลองพระเกตุจุฬามณี? สร้างเมื่อ พ.ศ. 2534
- เหรียญรุ่นที่เก้าเป็นเหรียญเสมาหล่อปืนไขว้ ?นั่งทับปืน? มีทั้งเนื้อเงิน เนื้อนวะ และเนื้อทองแดง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2533
- เหรียญรุ่นที่สิบเป็นเหรียญกงจักรหลวงพ่อนั่งทับปืน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2533
- นอกจากนี้ยังมีวัวธนูบูชาและห้อยคอ ราหูอมจันทร์ แกะจากกะลาตาเดียวทั้งที่เป็นลูกและห้อยคอ พระผงรุ่นต่าง ๆ ตะกรุด สี และอื่น ๆ อีกมากที่หลวงพ่อท่านได้สร้างไว้ให้ลูกศิษย์ได้บูชา

เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
 


388

พระอาจารย์เอ



389
อย่าลืม วันไหว้ครู,ครอบครู หลวงพ่อติ่งวันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2552 ,วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2552 ไหว้ครูบูรพาจารย์หลวงพ่อเปิ่น 
ภาพในที่นี้วันไหว้ครูหลวงพ่อติ่งปีที่แล้วครับ 2551 เอื้อเฟื้อภาพโดย หลวงพี่เก่ง ขอกราบขอบพระคุณท่านมากครับ แบบนี้ต้องไปแต่เช้าแล้ว







ลุงอเมซิ่ง2511คนไหนดูเองแล้วกันครับอิอิอิ


อย่าลืม วันไหว้ครู,ครอบครู หลวงพ่อติ่งวันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2552 ,วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2552 ไหว้ครูบูรพาจารย์หลวงพ่อเปิ่น 
ภาพในที่นี้วันไหว้ครูหลวงพ่อติ่งปีที่แล้วครับ 2551 เอื้อเฟื้อภาพโดย หลวงพี่เก่ง ขอกราบขอบพระคุณท่านมากครับ แบบนี้ต้องไปตั้งแต่เช้าแน่เลย
 :002: :002: :002: :002: :002: :002: :002: :002: :002: :002: :002: :002: :002:

390
ขออนุญาติประชาสัมพันธ์พิธีพุทธา-เทวาภิเษก,สวดภาณยักษ์ใหญ่ วัดนก

วันเสาร์ ที่ 28 มีนาคม 2552
   เวลา 12.19 น. ประกอบพิธีบูชาฤกษ์
   เวลา 13.59 น. จุดเทียนชัย พระคณาจารย์ 19 รูป นั่งปรกปลุกเสก พระพิธีธรรม สวดพุทธาภิเษก-สวดภาณยักษ์ใหญ่ ไปจนเสร็จพิธี ดับเทียนชัย
วัตถุประสงค์ เพื่อประกอบพิธีมงคลแก่มหามงคลวัตถุ
เช่น พระพุทธชินราช 9 นิ้วและ 5 นิ้ว , ขนาดเล็กห้อยคอเนื้อผงและโลหะแร่ธาตุศักดิ์สิทธิ์, พระนาคปรก 9 นิ้วปิดทองรมดำ, ท้าวเวสสุวรรณ ขนาดสูง 19 นิ้ว และ 12 นิ้ว โลหะรมดำและเพ้นท์สีปิดทองและขนาดห้อยคอบูชา, พระสิวลีองค์ดำ ยืนสูง 12 นิ้ว และขนาดห้อยคอบูชา  เพื่อหารายได้สมทบทุน สร้างพระวิหารคตสืบต่อไป
ขอเชิญพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมพิธีพุทธา-เทวาภิเษก และร่วมพิธีสวด
ภาณยักษ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลร่มเย็น-เป็นสุข
พิเศษสุด  ผู้เข้าพิธีจะได้รับ แจกฟรี ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณ
 คนละ 1 ผืน อย่าพลาดโดยเด็ดขาดงานนี้แจกฟรีอีกแล้วครับท่าน

391

นมัสการหลวงพ่อเปิ่น :054:

นมัสการหลวงพ่อเจตต์ วัดนก

นมัสการหลวงพ่อติ่ง

นมัสการหลวงพ่อต้อย

นมัสการหลวงพ่อญา

หลวงพ่อเจตต์เมตตาจิตปลุกเสกเสื้อยันต์ที่ระลึกแก่ผู้ร่วมทำบุญ




392

ภาพพระเจดีย์วัดนกในปัจจุบัน

อ่านรายละเอียดได้เลยครับ

อ่านรายละเอียดได้เลยครับ

อ่านรายละเอียดได้เลยครับ

อ่านรายละเอียดได้เลยครับ

อ่านรายละเอียดได้เลยครับ




393
ขออนุญาตแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ครับ

วัดนก ซอยจรัญ13 พระอุโบสถ (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์)

พรประธานในพระอุโบสถ

รายละเอียดงานประจำปีวัดนก อ่านเลยครับ

ละครการกุศลรายได้สร้างพระวิหารคตครับ




หน้า: [1]