ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๓
.......รอยทาง......
คือบันทึกเหตุการณ์ที่ผ่านมาของเมื่อวานนี้ ที่ได้พบเห็นและเป็นไป
บันทึกไว้เพื่อย้ำเตือนความทรงจำ ในสิ่งที่พบเห็นและได้ทำ ทั้งในทางโลกและทางธรรม
เป็นการฝึกตนเองให้มีวินัยในการใช้ชีวิต ฝึกสติให้รู้จักคิด รู้จักจำ ป้องกันโรคสมองเสื่อม
เมื่อชีวิตเข้าสู่วัยชรา จึงเป็นที่มาของการบันทึกธรรม ซึ่งใช้ชื่อหัวข้อแตกต่างกันในแต่ละปี
เมื่อวานนี้ลงไปทำกิจวัตรของสงฆ์ตามปกติ กวาดวิหารลานวัด จัดเสนาสนะ เพราะวันนี้เป็น
วันพระ ๘ ค่ำ เป็นกิจวัตรประจำของหมู่คณะที่ต้องทำร่วมกัน ทั้งการตัดหญ้ารอบบริเวณวัด
ขุดล้อมแยกต้นไม้หน้าพระธาตุเจดีย์ เพื่อเอาไปปลูกที่ใหม่ เพราะอยู่ใกล้กับพระธาตุเกินไป
ลงมือทำงานกันตอนบ่าย ใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมงกว่าๆจึงจะเสร็จ พักผ่อนฉันกาแฟเพื่อเตรียม
ตัวที่จะทำกิจวัตรในภาคค่ำต่อไป
......รอยธรรม.....
ใช้เวลาในภาคเช้ากับการฟังธรรมะบรรยายของหลวงพ่อพุทธทาสซึ่งได้เก็บ
บันทึกไว้ ในหัวข้อ...ชีวิตที่ต้องพัฒนาไป... เพื่อทำความรู้ความเข้าใจสร้างขวัญและกำลังใจ
เพื่อให้มีศรัทธาเพิ่มขึ้น ฟังแล้วคิดพิจารณาตามไป ซึ่งในการฟังธรรมแต่ละครั้งนั้นเราจะได้มุมมอง
ใหม่ๆขึ้นมาทุกครั้ง แม้จะเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปนั้น เราได้สั่งสมประสพการณ์
ขึ้นมาตลอดเวลา การพัฒนาของความคิด ทำให้จิตของเราละเอียดขึ้นกว่าที่ผ่านมา ทำให้มีมุมมอง
ใหม่ๆเกิดขึ้นมาเสมอ ฉะนั้นเราจึงไม่ควรที่จะด่วนสรุปอะไรในสิ่งที่ผ่านมา ว่าเรานั้นรู้แล้ว เข้าใจแล้ว
เมื่อได้ฟัง ได้อ่านและได้ทำ เพราะว่าในเวลานั้นความรู้ความเข้าใจของเรามันมีอยู่เท่านั้น จึงรู้และเข้าใจ
ได้เพียงขนาดนั้น แต่เมื่อเราประพฤติปฏิบัติต่อไป กำลังของสติและกำลังของปัญญาของเราก็จะเพิ่มขึ้น
มุมมองก็จะกว้างขึ้น เห็นแง่มุมต่างๆที่เราเคยมองข้ามไป ทุกสิ่งอย่างนั้นเป็นไปตามความเหมาะสมของ
จังหวะ เวลา โอกาศ สถานที่และบุคคล ซึ่งตราบใดที่เรายังไม่หมดกิเลส เราจึงไม่ควรที่จะด่วนสรุปว่า
เรารู้แล้ว เข้าใจแล้วและไม่ต้องทำต่อไปแล้ว เพราะเรานั้นยังเป็นเสขะบุคคล ที่ยังต้องฝึกฝนอีกยาวไกล
......รอยกวี.....
.....วันเวลาที่ผ่านไปทุกขณะจิตนั้น
มันเป็นการสั่งสมประสพการณ์ของชีวิต
สอนให้เรานั้นได้คิดได้พิจารณาเพิ่มขึ้น
ขอให้เรานั้นมั่นคงในจุดยืนของการดำเนินชีวิต
ที่คิดจะสร้างจะทำก่อกรรมดีสร้างมงคลให้กับชีวิต
เพื่อจะได้พัฒนาทางจิตให้เจริญก้าวหน้าในทางธรรม
การเจริญสตินั้นจึงเป็นงานที่ต้องกระทำอยู่ตลอดเวลา
.....กาลเวลานั้นย่อมหมุนเวียนและเปลี่ยนไป
ไม่มีเวลาที่จะสิ้นสุดและหยุดนิ่งสรรพสิ่งย่อมเคลื่อนไหว
โลกนั้นแปรเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง
กระแสแห่งโลกนั้นจึงไม่มีวันที่จะสิ้นสุดและหยุดอยู่
แต่จิตของมนุษย์นั้นย่อมมีวันที่จะสิ้นสุดและหยุดนิ่ง
ถ้าได้รู้และได้เห็นความเป็นจริงของชีวิตจิตวิญญาน
สิ้นสุดด้วยการที่รู้จักพอโดยไม่ร้องขอและแสวงหาอีกต่อไป
....ความสำเร็จของชีวิตนั้นคือรางวัลของชีวิต
ซึ่งมิได้วางไว้ในจุดเริ่มต้นของการเดินทาง
การทำงานทุกสิ่งอย่างย่อมมีอุปสรรคและปัญหา
เหมือนกับคำที่กล่าวว่า...เส้นทางนั้นมิได้โรยด้วยดอกกุหลาบ
ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ การเดินทางของชีวิตนั้นยังไม่จบ
ไม่มีคำว่าล้มเหลวในชีวิตเพราะสิ่งที่ผ่านมานั้นคือบทเรียน
บทเรียนของชีวิตที่จะพัฒนาจิตของเราให้ก้าวเดินต่อไป....
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๖.๔๖ น. ณ ศาลาน้อย ริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย