คนเราถ้ารักที่จะก้าวหน้า ควรมีความทะเยอทะยานเอาไว้บ้าง...
แต่ความทะเยอทะยานที่เกินพอดี ก็เป็นเรื่องได้เหมือนกัน...
และนี่คือนิทานของสุนัขตัวหนึ่ง.....กาลครั้งหนึ่งที่น่าจะนานมาแล้ว?..มีสุนัขเฝ้าไร่อยู่ตัวหนึ่ง มันมีชื่อว่า 'เหลี่ยม'
แน่นอนว่าเมื่อเป็น 'หมาเฝ้าไร่' หน้าที่ของเหลี่ยมก็คือคอยดูแลเฝ้าไร่ให้กับเจ้าของไม่ให้มีคนหรือสัตว์แปลกหน้าบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ ๆ มันรับผิดชอบ...
เขาว่าคนเราถ้ารู้จักพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ เรื่องต่าง ๆ ก็คงไม่เกิด...ทว่าประโยคนี้คงใช้ไม่ได้กับเหลี่ยม...โฮ่ง ๆ !!
เหลี่ยมเป็นสุนัขเฝ้าไร่ที่ไม่มีความพึงพอใจในหน้าที่และชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง มันฝันว่าสักวันจะต้องผันชีวิตไปเป็นสุนัขเฝ้าบ้านให้ได้
"สักวันหนึ่งฉันจะต้องได้นอนในบ้านที่แสนจะอบอุ่นแทนการนอนในไร่ที่ร้อนเปรี้ยงในตอนกลางวันและสุดจะหนาวเหน็บในยามค่ำคืนคอยดูเถอะ..บางทีนะ...ฉันอาจจะได้เป็นอะไรที่ดีกว่าหมาเฝ้ายามก็ได้" เหลี่ยมฝันหวานประสาสุนัขที่ทะเยอทะยาน
วันหนึ่งซึ่งอากาศร้อนอบอ้าว...
เหลี่ยมแก้ร้อนด้วยการลงไปนอนแช่น้ำในบ่อที่อยู่ท้ายไร่ ก่อนจะขึ้นมานอนผึ่งลมบนกองฟางหนานุ่มแล้วผล็อยหลับไป หลังจากตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายแก่ ๆ เหลี่ยมเดินแบบสบายอารมณ์เพื่อกลับไปกินน้ำที่บ่ออีกครั้ง ระหว่างที่มันจะก้มลงไปกินน้ำนั้นเอง เจ้าสุนัขเฝ้าไร่ผู้ทะเยอทะยานก็ต้องตกใจจนหน้าซีดเมื่อเห็นราชสีห์ตัวหนึ่งอยู่ในบ่อน้ำและกำลังจ้องมองตรงมาที่มัน เหลี่ยมหางลู่ขาสั่นถอยกรูดออกมาจากบ่อน้ำเตรียมกระโจนหนีแบบไม่คิดชีวิต แต่ยังไม่ทันได้โกยฝุ่นตลบมันก็นึกเอะใจอะไรขึ้นมา...
สุนัขเฝ้าไร่ค่อย ๆ ย่องกลับไปยังบ่อน้ำก่อนจะชะโงกหน้ามองลงไปในบ่อเพื่อความแน่ใจอีกที แล้วมันก็ต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เพราะราชสีห์ตัวที่เห็นเมื่อครู่แท้จริงก็คือเงาในน้ำของมันนั่นเอง...
เหลี่ยมเห็นเงาของตัวเองมีเศษฟางติดอยู่ตามเนื้อตัว โดยเฉพาะบริเวณคอของมันซึ่งมีฟางฟูฟ่องติดอยู่รอบ ๆ จนเต็มไปหมด มองดูคล้ายขนที่แผงคอของราชสีห์ เหลี่ยมเอียงซ้ายเอียงขวามองเงาที่อยู่ในน้ำแล้วรำพึงขึ้นมาว่า.....
"เรานี่ดูดี ๆ ก็คล้ายพญาราชสีห์เหมือนกันแฮะ" สุนัขเฝ้าไร่กระหยิ่มยิ้มย่องแล้วคำรามออกมาราวกับเป็นราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่...โบร๋ว...โบร๋ว !!
เหลี่ยมพาแผงคอที่เต็มไปด้วยเศษฟางเดินสำรวจไปรอบ ๆ ไร่ด้วยท่าทางที่คิดว่าดูสง่างามที่สุด มันคิดว่าถ้าตัวเองได้เป็นพญาราชสีห์จริง ๆ ก็คงจะดีไม่น้อย...และมันต้องดีกว่าการเป็นสุนัขเฝ้าไร่หรือแม้กระทั่งสุนัขเฝ้าบ้านแน่นอน...
เหลี่ยมเดินเชิดหน้าฝันหวานคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างจนล้มกลิ้ง สุนัขเฝ้าไร่ในคราบของพญาราชสีห์(ที่คิดไปเอง)พลิกตัวลุกขึ้นมาอย่างหัวเสีย
"ใครหนอบังอาจมาขัดจังหวะความสุขของข้าได้...." เหลี่ยมตวาดออกมา
"โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วยเถิดท่านราชสีห์ผู้สง่างาม...ข้าน้อยไม่ได้เจตนา...ข้าน้อยไม่ทันเห็นท่านเดินผ่านมาทางนี้" เสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยท่าทางหวาดกลัว
เมื่อเหลี่ยมมองไปยังร่างของต้นเหตุที่ทำให้มันล้มเมื่อครู่ ก็เห็น ตุ่น ตัวหนึ่งที่กำลังสั่นเป็นเจ้าเข้าราวกับเจอผู้หยิบยื่นความตายมายืนอยู่เบื้องหน้า
"ไหน...เมื่อกี้เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไรนะ" เหลี่ยมถามเสียงดัง
"ขะ...ข้าน้อยเรียกท่านว่าท่านราฃสีห์ผู้สง่างาม" ตุ่นละล่ำละลักตอบ
"ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าคือราชสีห์ เหตุใดถึงมาขวางเส้นทางเดินของข้าเล่า เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าสมควรที่จะจับเจ้ามากินเสียดีไหม ?" สุนัขเฝ้าไร่พูดเสียงดังขึ้นไปกว่าเดิมอีก มันภาคภูมิใจมากที่ถูกมองว่าเป็นราชสีห์...ไม่ใช่ 'หมา'
"อย่ากินข้าน้อยเลยท่านราชสีห์ผู้มีจิตใจกว้างขวาง ข้าน้อยมัวแต่ก้มหน้าก้มตาขุดหลุมอยู่เลยไม่ทันได้ระวัง ขอท่านโปรดอภัยและไว้ชีวิตข้าน้อยสักครั้งเถิด แล้วข้าน้อยจะบอกข่าวดีให้ท่านได้รับรู้" ตุ่นบอก
"ฮึ...ดีนะที่วันนี้ข้าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เจ้าถึงยังมีลมหายใจพูดพล่ามอยู่ได้...ว่าแต่ข่าวดีของเจ้าคืออะไรรีบบอกมา...ชักช้าข้าเกิดเปลี่ยนใจอยากกินตุ่นเป็นอาหารเย็น เจ้าจะหมดโอกาสพูด"
"คือข้าน้อยได้ข่าวมาว่า ตอนนี้พญาราชสีห์ที่ดูแลป่าด้านบูรพากำลังจะสละตำแหน่งด้วยชราภาพมากแล้ว จึงเปิดโอกาสให้บรรดาราชสีห์หนุ่มผู้กำยำทั้งหลายได้ขึ้นหาเสียงเพื่อให้บรรดาสัตว์ป่าใหญ่น้อยได้เลือกเข้ามาเป็นพญาราชสีห์ตัวใหม่...ข้าน้อยคิดว่านี่น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับท่านราชสีห์ผู้สง่างาม ที่จะได้ไปแข่งขันกับราชสีห์ตัวอื่น ๆ...และข้าน้อยเชื่อว่าหากท่านเข้าร่วมการคัดเลือกครั้งนี้ ตำแหน่งพญาราชสีห์ตัวใหม่คงอยู่ในอุ้งเท้าของท่านแน่ ๆ เพราะคงไม่มีราชสีห์ตัวใดจะสง่างามดูยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามเท่าท่านอีกแล้ว.." ตุ่นพูดพลางเข้ามาคลอเคลียแถว ๆ เท้าของเหลี่ยม
"หยุดเยินยอเพื่อเอาตัวรอดเสียทีเถอะเจ้าตุ่น...แม้สิ่งที่เจ้าพูดเกี่ยวกับตัวของข้าจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม...เอาล่ะ...เพื่อเห็นแก่ข่าวที่แสนจะน่ายินดีนี้ของเจ้า...ข้าจะปล่อยเจ้าไป...แล้วอย่ามาเกะกะให้เป็นที่รำคาญใจอีกนะ"
"ขอบพระคุณมากขอรับท่านราชสีห์...ขอบพระคุณมาก" พอรู้ว่าตัวเองรอดตายแน่แล้ว เจ้าตุ่นก็รีบมุดดินหายไปอย่างรวดเร็วทันที
ส่วนเหลี่ยมสุนัขเฝ้าไร่ผู้ทะเยอทะยาน มันครุ่นคิดอยู่ในใจว่าตัวเองคงเหมือนราชสีห์เอามาก ๆ ถึงทำให้เจ้าตุ่นกลัวลนลานได้ขนาดนั้น และหากเป็นดั่งที่เจ้าตุ่นว่า ก็คงไม่ใช่เรื่องยากจริง ๆ ที่มันจะได้ตำแหน่งราชสีห์เจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่มาครอบครอง...
"พอกันทีกับชีวิตของหมาเฝ้าไร่...และไม่สำคัญอีกแล้วสำหรับความต้องการที่จะเป็นหมาเฝ้าบ้าน...สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นกำลังรอเราอยู่...หึ...หึ" เหลี่ยมหัวเราะออกมา ก่อนตัดสินใจเดินทางออกจากไร่มุ่งหน้าสู่ป่าบูรพาทันที
ความฝันของสุนัขเฝ้าไร่ตัวหนึ่งกำลังจะเป็นจริงขึ้นมาแล้ว !!
ที่ลานกว้างกลางป่าบูรพา...
สัตว์ป่าใหญ่น้อยกำลังล้อมวงฟังบรรดาราชสีห์หนุ่มทั้งหลายขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ทีละตัว...ทีละตัว...โดยมีราชสีห์เฒ่าผู้พร้อมจะสละตำแหน่งเจ้าป่าให้กับสิงโตตัวที่เหมาะสมที่สุดซึ่งได้รับเลือกและเห็นชอบจากประชาชนชาวสัตว์ทั้งหลาย
เหลี่ยมมาถึงและด้อม ๆ มอง ๆ ดูลาดเลาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแหวกฝูงสัตว์ตัวอื่น ๆ เข้ามาจนติดกับหน้าเวทีปราศรัย หลังจากที่ราชสีห์หนุ่มตัวสุดท้ายปราศรัยเรียกคะแนนเสียงจบลง ราชสีห์เฒ่าจึงคำรามออกมาว่า
"ยังมีราชสีห์ตัวใดต้องการที่จะเข้าแข่งขันคัดเลือกการเป็นเจ้าป่าอีกหรือไม่ ถ้าไม่มีข้าจะได้ปิดการคัดเลือกและเริ่มนับคะแนนเสียง"
เสียงของราชสีห์เฒ่าแม้จะเป็นเสียงที่ชราเอามาก ๆ แต่มันก็มีพลังพอที่จะทำให้ทั่วอาณาบริเวณเงียบกริบไปชั่วขณะ...แล้วเสียงหนึ่งก็ทำลายความเงียบสงบขึ้นมา...ตามมาด้วยเสียงฮือฮาของสัตว์ป่าใหญ่น้อย...ใช่แล้ว...เสียงที่ทำลายความเงียบสงบที่ว่าก็คือเสียงของเหลี่ยมนั่นเอง...
"ช้าก่อน...ยังมีข้าราชสีห์ผู้สง่างามอีกตัวหนึ่ง" สิ้นเสียง สุนัขเฝ้าไร่ในร่างของราชสีห์ (ที่คิดไปเอง) ก็กระโจนออกมายืนอยู่กลางลานกว้างท่ามกลางสายตานับพันคู่ของสรรพสัตว์
เหลี่ยมกระหยิ่มอยู่ในใจที่เห็นสัตว์ทั้งหลายล้วนจ้องมองมายังมัน ไม่เว้นแม้แต่บรรดาราชสีห์ที่เข้าร่วมการแข่งขันและราชสีห์เฒ่าเจ้าป่า...
"สัตว์พวกนี้คงคิดว่าเราเป็นราชสีห์จริง ๆ ดูสิจ้องกันใหญ่เชียว...ถ้าเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะเข้าร่วมการคัดเลือกเจ้าป่าตัวใหม่โดยไม่มีผู้ใดสงสัย...และถ้าเราสง่างามดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขามตามที่เจ้าตุ่นนั่นบอกล่ะก็...โอกาสของการได้เป็นพญาราชสีห์เจ้าป่าตัวใหม่ก็คงไม่ใช่ความฝันอีกแล้ว...หึ ๆ ๆ " เหลี่ยมคิดอยู่ในใจแต่กลับหัวเราะออกมาเสียงดัง
แต่แล้วความฝันที่เด่นชัดของสุนัขเฝ้าไร่ก็เหมือนถูกลมแรงกระโชกใส่จนจางหายไปในอากาศเมื่อมีเสียงของสัตว์ตัวหนึ่งดังขึ้น
"เจ้านั่นมันหมาไม่ใช่รึ ?..."
"ใช่ ๆ จริง ๆ ด้วย" มีเสียงฮือฮาของบรรดาสัตว์ตัวอื่น ๆ ตามมา
"แล้วไปยุ่งอะไรกับการคัดเลือกของราชสีห์เขาเล่า...เดี๋ยวก็โดนตะปบเป็นอาหารเลี้ยงฉลองหรอก...แล้วไปคลุกหญ้าคลุกฟางที่ไหนมาล่ะกระเซอะกระเซิงเชียว" เสียงฮือฮาดังขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะสนั่นไปทั่วป่าบูรพา
สุนัขเฝ้าไร่ผู้ทะเยอทะยานรู้สึกราวกับว่าตัวเองลีบเล็กเหลือเท่ากระบอกไม้ไผ่ บัดนี้เหลี่ยมรู้แล้วว่าสายตาทุกคู่ของสรรพสัตว์ที่จ้องมองมันนั้นหาใช่เพราะความสง่างามน่าเกรงขาม หากแต่เป็นเพราะความฉงนระคนตกตะลึงที่เห็นสุนัขตัวหนึ่งแบกความเซ่อซ่าออกมาอยู่ท่ามกลางการคัดเลือกเจ้าป่าของบรรดาราชสีห์
เหลี่ยมรู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีไปในบัดดล...ทว่ามันไม่ใช่ตุ่น...ดังนั้นสุนัขเฝ้าไร่ผู้คิดว่าตัวเองละม้ายคล้ายราชสีห์จึงกระโจนพรวดแหวกฝูงสัตว์ออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโกยแบบไม่คิดชีวิตออกมาจากป่าบูรพา
มืดค่ำมากแล้ว...
เหลี่ยมพาร่างกายที่อิดโรยเหนื่อยล้ากลับมายังไร่ที่มันอยู่ มันอยากจะซุกกายลงบนกองฟางที่หนานุ่มและหลับให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มันก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง เมื่อเห็นเจ้าของไร่ยืนถือไม้รออยู่ด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว
"หนอย...ไอ้หมาขี้เกียจ...ข้าอุตส่าห์วางใจให้ดูแลเฝ้าไร่ดันหนีไปเที่ยวเสียนี่ เมื่อไม่อยากทำงานก็ไม่ต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่อีกแล้ว...ไปเลยไป...ไปให้พ้นไร่ของข้าเดี๋ยวนี้" พูดจบเจ้าของไร่ก็เอาไม้ไล่ตีเหลี่ยมจนมันวิ่งหนีออกมาแทบไม่ทัน
อนิจจาหมาเฝ้าไร่...บัดนี้กลายเป็นหมาจรจัดไปเสียแล้ว...ไม่มีแม้แต่กองฟางหนานุ่มให้ซุกหัวนอน...เหลี่ยมทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าสำนึกผิดในความทะเยอทะยานที่เกินพอดีของตัวเอง !!
ท้ายเรื่อง : นอกจากความทะเยอทะยานที่เกินพอดีแล้ว เหลี่ยมไม่น่าหลงเชื่อเจ้าตุ่นตัวนั้นง่าย ๆ เลย เพราะการที่ตุ่นมองเห็นมันเป็นราชสีห์นั้น แท้จริงแล้วเจ้าตุ่นตัวนั้นมันสายตาสั้น...เฮ้อ !!