เมื่อคืนก่อนนู้นดูรายการวิกสยามช่อง TPBS เค้าพูดถึง 18 มงกุฎว่าคืออะไร ผมคิดว่าน่าสนใจดี ก็เลยค้นข้อมูลมาให้เพื่อนๆได้อ่านเล่นกัน หวังว่าเพื่อนๆที่ชอบโขนแล้วก็อ่านรามเกียรติ์คงจะชอบเนื้อหาเหล่านี้บ้างนะครับ ผิดถูกยังไงก็ขอโทษล่วงหน้าก่อนละกันนะครับ...
ปัจจุบันพอเอ่ยคำว่า 18 มงกุฏ คนมักจะคิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ นักต้มตุ๋นมนุษย์หรือพวกหลอกลวงคน ทั้งที่จริงแล้ว 18มงกุฏ เป็นคำที่เรียก เสนาวานร 18 ตน หนึ่งในกลุ่มทหารเอกของพระราม ในเรื่อง รามเกียรติ์ ซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายธรรมะ และก็มิใช่เป็นวานรหรือลิงธรรมดา แต่ล้วนเป็นเทวดาอาสาแบ่งภาคมาช่วยพระรามหรือพระนารายณ์ที่อวตารลงมาปราบยักษ์ คือ ทศกัณฐ์ทั้งสิ้น ซึ่งเทวดาแปลงเป็นลิง 18 มงกุฏนี้มีใครบ้าง ผมก็จะเล่าให้ฟังเป็นรายตนไปเลยละกันนะ
ตามปกติ เราจะคุ้นเรื่อง รามเกียรติ์ จากการแสดงโขน อันเป็นการแสดงที่ผู้แสดงจะต้องสวม หัวโขน ซึ่งว่ากันว่าเดิมทีเดียว คงจะยังไม่มีหัวโขนสวมเช่นปัจจุบัน แต่ใช้การแต่งหน้าระบายสีลงบนหน้าตัวแสดงตามลักษณะที่ปรากฏในเรื่อง ครั้นต่อมาเมื่อตัวละครมีมากเข้า ไม่สะดวกในการแต่งหน้าตัวละครเช่นเดิม จึงได้มีการคิดทำเป็นหน้ากากจำลองเป็นรูปใบหน้าต่างๆ สวมครอบศีรษะและหน้าซึ่งยังสวมเทริด (อ่านว่า เซิด หมายถึง เครื่องประดับศีรษะ) อยู่ แล้วต่อมาจึงได้พัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
จนกลายมาเป็น หัวโขน ดังที่เห็นทุกวันนี้ ในการแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ นี้ แม้จะมีตัวละครอยู่มากมาย แต่ทางนาฏศิลป์จะมีคำเรียกเพื่อแบ่งคู่สงครามออกเป็น ๒ พวกใหญ่ คือ ฝ่ายพลับพลา หมายถึงฝ่ายธรรมะ ได้แก่ พระราม พระลักษณ์และบรรดาวานรที่เป็นพันธมิตรกับพระราม ส่วนทศกัณฐ์กับบรรดาอสูรและพวกประยูรญาติเรียกว่า ฝ่ายกรุงลงกา ถือว่าเป็นฝ่ายอธรรมะ ซึ่งแต่ละฝ่ายจะสวมหัวโขนที่มีลักษณะหน้า เครื่องประดับ และสีที่แตกต่างกันตามฐานะเพื่อให้จำแนกออก เช่น หัวโขนหน้าวานร 18 มงกุฏที่จะกล่าวถึงต่อไป แม้จะทำเป็นหน้าลิงหัวโล้น สวมมาลัยรักร้อยเหมือนกัน แต่ก็จะมีสีที่หน้าต่างกัน รวมถึงปากที่บางตัวก็อ้าปาก บางตัวก็หุบปากด้วย ส่วนหน้ายักษ์มักจะทำตาให้ต่างกัน เช่น ทศกัณฐ์ อินทรชิต จะทำตาเบิกโพลง ถ้าตาหลบต่ำที่เรียกว่าตาจระเข้ จะเป็น ตรีเศียร พิราพ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ชมสามารถแยกออกว่าตัวไหนเป็นใคร ตำแหน่งอะไร
สำหรับวานร 18 มงกุฏ ที่เป็นฝ่ายพันธมิตรกับพระรามหรือที่เรียกว่า ฝ่ายพลับพลา นั้นเป็นวานรที่มาจากสองเมือง คือ เมืองขีดขินของสุครีพ และเมืองชมพู ซึ่งแต่เดิมก็คือเทวดา 18 องค์ที่อาสามาช่วยพระนารายณ์ตอนอวตารมาเป็นพระรามนั่นเอง ดังบทละครรามเกียรติ์ที่กล่าวถึงตอนนี้ว่า....
เมื่อนั้น ฝูงเทพเทวาน้อยใหญ่
ต่างทูลอาสาพระภูวไนย จะขอไปเป็นพลพระอวตาร
มาล้างเหล่าอสูรพาลา ที่หยาบช้าเบียนโลกทุกสถาน
ซึ่งเทวดาทั้ง 18 องค์นี้ประกอบไปด้วย
1. เกยูร คือ ท้าววิรุฬหก ผู้เป็นใหญ่ในยักษ์ทั้งหลายและเป็นหนึ่งในจตุโลกบาลประจำทิศใต้ ได้แบ่งภาคมาเป็นเกยูร วานรเมืองขีดขิน หัวโขนจะเป็นหน้าวานรปากอ้า สีม่วงแก่ มักปรากฏชื่อในกองทัพตอนรบกับเหล่าอสูรหลายตอน ซึ่งตอนหนึ่งปรากฏขึ้นในการจัดทัพรวมพลเมืองขีดขินและเมืองขมพู เพื่อยกไปลงกา สุครีพจัดกองทหารประกอบด้วยเสนาวานรสิบแปดมงกุฎ
2. มายูร คือท้าววิรูปักษ์ ผู้เป็นใหญ่ในหมู่พญานาค เป็นหนึ่งในจตุโลกบาลประจำทิศตะวันตก แบ่งภาคมาเป็นมายูร วานรเมืองขีดขิน หัวโขนเป็นหน้าวานรปากอ้า สีม่วงอ่อน ได้รับการกล่าวถึงในกระบวนทัพเช่นเดียวกับเกยูร
3. โกมุทหรือโคมุท คือพระหิมพานต์ ผู้ดูแลรักษาป่าหิมพานต์ มีฤทธิ์เดชเก่งกล้ามาก รบชนะพวกยักษ์เสมอ แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองขีดขิน หัวโขนจะเป็นหน้าวานรปากอ้าสีดอกบัวโรย (บ้างก็ว่าหุบปาก) อยู่ในกองทัพที่รบกับอสูรเช่นกัน และเมื่อเสร็จศึกลงกา ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเสนาฝ่ายซ้ายเมืองขีดขิน คู่กับไชยามพวาน
4. ไชยามพวาน คือ พระอีศาณหรือพระวิศาลเทวบุตร แบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองขีดขิน ได้รับพรจากพระอิศวรให้เป็นผู้ถือธงชัยนำกองทัพพระรามไปรบ เพราะมีชื่อเป็นมงคลข่มนามอสูร หัวโขนจะเป็นหน้าวานรปากอ้าสีเทา หรือสีมอหมึกอ่อน เมื่อเสร็จศึกได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาฝ่ายขวาเมืองขีดขิน
5. ไวยบุตร คือ พระพิรุณ เทพแห่งฝน แบ่งภาคเป็นวานรเมืองขีดขินมาช่วยรบ หัวโขนจะเป็นหน้าวานรปากอ้า สีเมฆคครึ้มฝน หรือสีมอครามแก่
6. สุรกานต์ คือ พระมหาชัยแบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองขีดขิน คุมกำลัง ๓๐ สมุทรมาช่วยรบ เมื่อเสร็จศึกได้ครองเมืองโรมคัลซึ่งเป็นเมืองของยักษ์ หัวโขนเป็นหน้าวานรปากอ้าสีเหลืองจำปา
7. นิลเอก คือ พระพินายแบ่งภาคมาเป็นวานรเมืองชมพู หัวโขนเป็นหน้าวานรปากอ้าสีทองแดงแก่ (บางแห่งก็ว่าหุบปาก) มีบทบาทในการรบไม่น้อย เช่น ไปช่วยพระลักษณ์ทำลายพิธีกุมภนิยาของอินทรชิต