กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 04 ก.ค. 2552, 07:50:31

หัวข้อ: คำอธิษฐานจิต..อุทิศทาน...แผ๋เมตตา...ขออโหสิกรรม..
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 04 ก.ค. 2552, 07:50:31
 :054:คำอธิษฐานจิต อุทิศทาน แผ่เมตตา ขออโหสิกรรม :054:
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (๓ จบ )
  อิทัง เม ปุญญัสสะ อาสาวะ ขะยะวะหัง นิพพานัง ปะระมัง สุขัง ปัจจะโยโหนตุฯ
       ผลบุญกุศลในวันนี้  ที่ข้าพเจ้าได้กระทำมา  ขอน้อมนำบุญมา ให้ข้าพเจ้ามีความสุข มีสติและสัมปชัญญะ มีสมาธิ มีปัญญา มีธรรมะอันวิเศษ ตัดกิเลสอาสาวะ เครื่องดองในสันดาน ของข้าพเจ้า ให้หมดไปสิ้นไป เป็นปัจจัยให้ถึงพระนิพพาน
      ผลแห่งศีล ผลแห่งสังฆทาน ผลแห่งบุญกุศล ในวันนี้ ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้ว ขออุทิศให้ถึง แผ่ให้ถึง บิดามารดา คุณครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณ ท่านผู้มีบุญคุณ ญาติสนิทมิตรสหาย ศัตรูหมู่เวรทั้งหลาย เปรตอสูรกาย สรรพสัตว์ทั้งหลาย สรรพวิญญานทั้งหลาย
เทวดาทั้งหลาย ที่รักษาอายุ ที่เสวยอายุ ที่แทรกอายุ ตลอดจนถึงพระภูมิเจ้าที่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พร้อมทั้งบริวาร ที่ปกปักรักษาอยู่
ณ.อาวาสแห่งนี้ และที่บ้าน ที่ทำงาน ที่นาที่สวน บนบกและในน้ำ ที่ยวดยานพาหนะ ขอให้ได้รับผลบุญนี้
    ขออุทิศให้ถึงวิญญานบรรพชน มีปู่ ย่า ตา ยาย   ลุง ป้า น้า อา  พ่อแม่พี่น้อง วงศาคณาญาติ ทั้งฝ่ายของบิดา และฝ่ายของมารดา ฝ่าย
ของสามี และฝ่ายของภรรยา พร้อมทั้งลูกหลาน ที่อยู่ที่บ้าน และที่ทำงาน ขอให้ได้รับเอาผลบุญนี้
    กายะกรรม ๓  วจีกรรม ๔  มโนกรรม ๓ กรรมดีอันใด ที่เป็นบุญกุศล ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำมาแล้ว ด้วยกาย วาจา ใจ  ด้วยกรรมอันใด
ในอดีตชาติก็ดี ในปัจจุบันชาตินี้ก็ดี ขออุทิศให้ถึง แผ่ให้ถึง แก่ท่านทั้งหลาย ที่มีภพมีภูมิ มีชาติเป็นแดนเกิด มีชรามรณะ มีจิตมีชีวิต มีวิญญาน
มีขันธสันดาน มีวิบากแห่งกรรม มีการกระทำ เจ้ากรรมนายเวร เจ้าการบัญชี ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ยมพบาล มนุษย์ ๑ สวรรค์ ๖ พรหม ๒๐
อบายภูมิทั้ง ๔  บัดนี้ข้าพเจ้า ได้สร้างกองบุญกุศล  มีผลสังฆทาน ผลศีล ผลภาวนา ผลแผ่เมตตา ขอให้ถึงแก่ท่านทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าได้ล่วง
เกินเอาไว้ ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ต่อหน้ากันก็ดี ลับหลังกันก็ดี ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมนั้น
ขอให้ท่านทั้งหลาย ผู้เป็นเจ้ากรรมนานเวร ของข้าพเจ้า จงได้รับผลบุญนี้ แล้วอโหสิกรรมนั้นแก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่ามีเวรภัย
เกิดชาติหนึ่งภพใด ขอให้ได้สร้างแต่ความดี สร้างบารมีของตน ให้พ้นภัยพาล ลุล่วงบ่วงมาร ในอนาคตกาล เบื้องหน้านี้ ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข ปราศจากความทุกข์ ปราศจากเวร ปราศจากภัย ปราศจากอันตราย ปราศจากความลำบาก ปราศจากอุปสรรค รักษาตนของข้าพเจ้า
ให้มีความสุข ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย สรรพวิญญานทั้งหลาย เทวดาทั้งหลาย ที่อยู่ในทิศทั้งปวง จงได้รับความสุข ขอให้ข้าพเจ้า จงมีความ
เจริญในธรรม ยิ่งๆขึ้นไปเทอญ......
 :060:รวบรวม แก้ไข ปรับปรุง ประพันธ์ใหม่ โดย รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม :059:
 :054:ทุกครั้งที่เราได้กระทำความดี ถ้ามีเวลา เราควรอธิษฐาน แผ่เมตตา อุทิศ และอโหสิในทันที อย่าได้ตระหนี่ในบุญกุศล ไม่ต้องกลัวบุญจะหมด ยิ่งเราอุทิศแลแผ่เมตตาไปมากเท่าไหร่ บุญนั้นจะกลับมาหาเรา  ทบเท่าทวีคูณ แต่ถ้าเราไม่แผ่ไป อุทิศไป เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายเขาจะมาทวงบุญ ทำให้เราพบกับอุปสรรคและปัญหา (เราเป็นหนี้เขา เวลาเขารู้ว่าเรามีเงิน เขาก็จะมาทวง ถ้าเราไม่ให้เขาก็จะมีปัญหากันและถ้าเขารู้ว่าเราไม่มีเงิน ส่วนใหญ่เขาก็จะไม่มาทวง)
      คงจะเคยได้ยิน ที่เขามักจะพูดกันว่า  ทำบุญมามากมาย แต่ทำไมยังมีความลำบากและมีอุปสรรคปัญหา ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเรายังไช้
หนี้เขาไม่หมดหรือไม่ได้ใช้หนี้เขาเลย และเวลาที่เราอธิษฐานจิต อุทิศ แผ่เมตตา ขออโหสินั้น  เราต้องมีสมาธิ คือปากเราว่าอย่างไร ใจเราต้องคิดอย่างนั้น คิดให้เห็นภาพ หรือเราจะกำหนดแสงสว่างจากกายเรา ให้มันสว่างไปทั่วจักรวาล สุดกำลังของเรา.....
      ทำบ่อยๆจนเป็นความเคยชิน แล้วจิตใจของเราก็จะอ่อนโยนเพราะประกอบไปด้วยเมตตาจิต ลดความตระหนี่ถี่เหนียว ลดความเห็นแก่ตัว
มองโลกในแง่ดี เข้าใจชีวิตมากขึ้น เพราะเราอยู่กับกุศลจิต มีธรรมคุ้มครองจิต ความประมาทพลาดผิดก็จะน้อยลง...
     :016:ปราถนาดีด้วยไมตรีจิตแด่หมู่มิตรผู้ใฝ่ธรรม :015:
                       รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๙.๕๐ น. ณ กุฏิน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
หัวข้อ: ตอบ: คำอธิษฐานจิต..อุทิศทาน...แผ๋เมตตา...ขออโหสิกรรม..
เริ่มหัวข้อโดย: umpawan ที่ 04 ก.ค. 2552, 08:13:29
ขอกราบนมัสการพระอาจารย์ครับ  :054:
หัวข้อ: ตอบ: คำอธิษฐานจิต..อุทิศทาน...แผ๋เมตตา...ขออโหสิกรรม..
เริ่มหัวข้อโดย: nok2009 ที่ 04 ก.ค. 2552, 08:22:28
นมัสการขอรับ ท่านอาจารย์ :054:
หัวข้อ: ตอบ: คำอธิษฐานจิต..อุทิศทาน...แผ๋เมตตา...ขออโหสิกรรม..
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 04 ก.ค. 2552, 09:58:33
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ  :054:
หัวข้อ: ตอบ: คำอธิษฐานจิต..อุทิศทาน...แผ๋เมตตา...ขออโหสิกรรม..
เริ่มหัวข้อโดย: tum72 ที่ 04 ก.ค. 2552, 10:01:38
ขอบคุณหลวงพี่มากครับ ถึงแม้การอโหสิกรรม และการขอขมาลาโทษ จะไม่สามารถหักล้างกันได้หมด แต่ก็เป็นการแสดงออกจึงการกระทำที่รู้สึกสำนึกจากใจจริงๆ
หัวข้อ: ตอบ: คำอธิษฐานจิต..อุทิศทาน...แผ๋เมตตา...ขออโหสิกรรม..
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์โจรสลัด~ ที่ 05 ก.ค. 2552, 03:38:26
การให้อภัยคือสิ่งดีงาม การขอโทษคือสิ่งดีที่ทำให้หลายคนระงับความโกรธ สาธุ ...  :054:
หัวข้อ: ตอบ: คำอธิษฐานจิต..อุทิศทาน...แผ๋เมตตา...ขออโหสิกรรม..
เริ่มหัวข้อโดย: cho presley ที่ 06 ก.ค. 2552, 08:42:39
ขอบคุณหลวงพี่มากครับ ถึงแม้การอโหสิกรรม และการขอขมาลาโทษ จะไม่สามารถหักล้างกันได้หมด แต่ก็เป็นการแสดงออกจึงการกระทำที่รู้สึกสำนึกจากใจจริงๆ

แน่นอนจริงๆ คุณ Tum... การแสดงออกที่รู้สึกจากสำนึกจากใจริงๆ.... คือเจตนารมณ์ แม้ไม่สามารถหักล้างกันได้หมด ด้วยเพราะความไม่ได้เจตนาต่อการ

กระทำนั้นๆ ก็ดี เข้าใจผิดก็ดี..โทสะ โมหะก็ดี.. ฯลฯ.. หากตั้งใจทำจากใจแล้ว... ไม่ใช่หวังว่าจะหักล้างกันแค่การกระทำแค่นี้... แต่ต้องสุดแล้วแต่ว่าเขาจะให้อภัยหรือไม่..ด้วยการอโหสิกรรม (ซักซ้อมความเข้าใจ ถูกผิดขออภัยน้อมรับคำแนะนำจากหลวงลุง..
หัวข้อ: ตอบ: คำอธิษฐานจิต..อุทิศทาน...แผ๋เมตตา...ขออโหสิกรรม..
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 06 ก.ค. 2552, 09:53:49
ขอบคุณหลวงพี่มากครับ ถึงแม้การอโหสิกรรม และการขอขมาลาโทษ จะไม่สามารถหักล้างกันได้หมด แต่ก็เป็นการแสดงออกจึงการกระทำที่รู้สึกสำนึกจากใจจริงๆ

แน่นอนจริงๆ คุณ Tum... การแสดงออกที่รู้สึกจากสำนึกจากใจริงๆ.... คือเจตนารมณ์ แม้ไม่สามารถหักล้างกันได้หมด ด้วยเพราะความไม่ได้เจตนาต่อการ

กระทำนั้นๆ ก็ดี เข้าใจผิดก็ดี..โทสะ โมหะก็ดี.. ฯลฯ.. หากตั้งใจทำจากใจแล้ว... ไม่ใช่หวังว่าจะหักล้างกันแค่การกระทำแค่นี้... แต่ต้องสุดแล้วแต่ว่าเขาจะให้อภัยหรือไม่..ด้วยการอโหสิกรรม (ซักซ้อมความเข้าใจ ถูกผิดขออภัยน้อมรับคำแนะนำจากหลวงลุง..
:059:ถูกต้องแล้วครับ ทั้งTum 72 และ sho presaley เข้าใจถูกต้องแล้วครับ บุญและบาปมันหักล้างกันไม่ได้ เมื่อมีการกระทำย่อมมีผลเป็นวิบาก แล้วแต่สิ่งที่ได้กระทำลงไป ในทางดีหรือทางร้าย ก็แล้วแต่กรรม  ส่วนการขออโหสิกรรมนั้น เราต้องทำด้วยความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ
(เพื่อไม่ให้ค้างคาใจ เป็นการถอนอุปทานในใจเรา) เขาจะให้อภัยหรือไม่ เราอย่าไปคาดหวัง ถ้าเราไปคาดหวังว่าเขาต้องให้อภัย แสดงว่าใจเราติดยึดอยู่ (มันยังคาใจ เพราะไปมุ่งหวัง) เขาจะให้อภัยหรือไม่ให้อภัย มันเป็นเรื่องของเขา ส่วนเรื่องของเราคือการขอโทษและยอมรับผิดในสิ่งที่ทำลงไป
หัวข้อ: ตอบ: คำอธิษฐานจิต..อุทิศทาน...แผ๋เมตตา...ขออโหสิกรรม..
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 06 ก.ค. 2552, 10:58:34
กราบนมัสการพระอาจาร์ยครับ คำสอนของท่านผมยังจำได้ เรื่องบุญและบาป คำสอนที่ประทับใจผมที่สุดคือ กล้าทำต้องกล้ารับ หมายถึง เราเคยทำบาปมาเราก็ต้องกล้ารับ ยืดอกรับกรรมและมุ่งมั่นทำบุญกันน่ะครับ (ถ้าแปลความหมายผิดรบกวนพระอาจาร์ยแก้ไขด้วยน่ะครับ)