กระดานสนทนาวัดบางพระ
หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: nok2009 ที่ 06 ก.ค. 2552, 03:46:33
-
ไม่ว่าคุณจะอยู่เกิดในภพภูมิใดก็แล้วแต่ จะเป็นวัว ควาย เปรต ฯลฯ
การทำบุญกุศลจะทำให้มีสุข เป็นสุข = มีอาหารของภพภูมินั้นกิน ไม่ขาดแคลน เป็นสุข
บาปอกุศลจะทำให้มีทุกข์ เป็นทุกข์ = ไม่มีอาหารของภพภูมินั้นกิน ขาดแคลน เป็นทุกข์
ตัวอย่าง
เมื่อมีชีวิตใช้จ่ายส่วนตัวฟุ่มเฟือย แต่มีใจอกุศลตระหนี่ถี่เหนียวไม่ยอมให้ทาน จะต้องไปเกิดเป็นเปรต (คูถขาทาเปรต ที่กินอุจจาระปัสสาวะเป็นอาหาร) ทนทุกข์กับความหิวกระหาย ต้องเที่ยวได้ไปหาอุจจาระปัสสาวะกิน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่ก็หาอาหารกินไม่ได้ แม้ได้อาหารมา พอเข้าปากก็กลายเป็นเถ้าถ่านเสียสิ้น
- การขาดแคลนอาหารของเปรตประเภทนี้ เป็นทุกข์
- การที่อาหาร(อุจจาระปัสสาวะ)กลายเป็นเถ้าถ่านเสียสิ้น ยิ่งเป็นทุกข์เพิ่มขึ้น
ทั้งหมดล้วนเกิดจากบาปอกุศล
ส่วนตัวอาหารนั้น ถ้าเป็นมนุษย์ก็จะบริโภคพืชและซากศพของสัตว์เป็นอาหาร แต่เพราะเขาไม่มีจิตใจเป็นมนุษย์ มีจิตใจเหมือนเปรตประเภทนี้ กฎแห่งกรรมก็จัดสรรให้เขาเกิดเป็นคูถขาทาเปรต ที่กินอุจจาระปัสสาวะเป็นอาหารแทน
ถ้าเขาเป็นคนที่รักษาศีล ละอายใจต่อบาป อย่างน้อยก็จะไปเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา บริโภคอาหารทิพย์จากธัญพืช บางครั้งก็เสพแค่กลิ่นก็อิ่มแล้ว แต่ถ้าเป็นคนที่สมานสามัคคี เกื้อกูลคนอื่น หรือรักษาอุโบสถศีลสม่ำเสมอ ฯลฯ ก็จะมีอาหารทิพย์เป็นของบริโภค
ถ้าเป็นผู้ทำสมาธิ โดยเฉพาะผู้ตายในฌาน เมื่อตายแล้วก็จะพรหมในชั้นต่างๆ พรหมชั้นล่างๆจะเสพอุเบกขาเป็นอาหารบ้าง เสพสุขประณีตเป็นอาหารบ้าง ถ้าเป็นพรหมชั้นสูงก็จะเสพปิติเป็นอาหาร ในขณะที่พรหมในชั้นสุทธาวาสจะเสพธรรมรสเป็นอาหาร
สรุป
บุญกุศลทำให้มีกิน บาปอกุศลทำให้ไม่มีกิน ส่วนจะกินอาหารแบบไหน ภูมิไหน ก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของผู้นั้น ว่าจะสอดคล้องกับภพภูมิไหน
ที่มา : ธรรมจักดอทคอม
เห็นว่าบทความนี้ดีเลยนำมาเสนอให้ท่านสมาชิกได้อ่านกันครับ :001:
-
ขอบพระคุณครับ
-
ขอบคุณมากครับที่ให้ความรู้ดีๆ :054:
-
ขอบคูณท่านกสำหรับเนื้อหาดีๆครับ
-
ขอบคุณท่านนก มากครับ...
...ถ้าคนเรารุ้จักละอายต่อบาป บ้าง...
...โลกนี้คงจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ....