กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 21 ก.ค. 2552, 07:06:38

หัวข้อ: บันทึกธรรม...๒๐ ก.ค.๕๒
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 21 ก.ค. 2552, 07:06:38
 :054:ปรับกายให้เป็นปกติเพื่อให้มีความพร้อมสำหรับการฝึกจิตขั้นต่อไป กายพร้อม จิตพร้อมการปฏิบัติย่อมมีความเจริญในธรรม
สภาวะธรรมเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น จิตละเอียดขึ้น เห็นกิเลสภายในชัดขึ้น และดับได้เร็วขึ้น นิวรณ์เข้ามารบกวน ต้องต่อสู้กับนิวรณ์เหล่านั้น
โดยอาศัยวิริยะบารมีเข้ามาข่ม มีเพื่อนสหธรรมมิกมาสนทนาธรรมแลกเปลี่ยนธรรมะกัน สภาวะเด่นชัดขึ้น มีปิติทุกครั้งที่ได้อธิบายธรรม
ได้กล่าวธรรม จนลืมเรื่องเวลาที่มันผ่านไป เพราะการที่ได้กล่าวธรรมนั้น มันเป็นการทบทวนธรรมไปในตัว และเป็นการสอนตัวเองทุกครั้ง
     รู้สึกตึงเลยบริหารร่างกายโดยการลงไปช่วยทำงานก่อสร้าง เพื่อให้เหงื่อมันออก กล้ามเนื้อได้คลายตัว และเพื่อสะลายอารมณ์ที่เป็นอยู่
หลังเหงื่อออกจนท่วมกายแล้ว รู้สึกโปร่งโล่งเบาสบาย  ทำความสะอาดร่างกายเสร็จเกิดศรัทธาอยากจะภาวนา เพื่อยังความสงบให้เกิดขึ้น
จิตตื่นเพราะอารมณ์ปิติจากการได้กล่าวธรรมยังค้างอยู่  จึงตามดูตามรู้ในปัจจุบันธรรม
    ดังที่เคยกล่าวไว้ในการปฏิบัติธรรม คือการสร้างปิติจากภายนอกเพื่อเข้าสู่ปิติตัวใน เรามีวิธีที่จะทำได้หลายประการ มันอยู่ที่การฝึกฝน
และการทดลองทางจิต ไม่มีคำว่าผิดในการปฏิบัติ ถ้าเรารู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา ว่าเราทำสิ่งนี้เพื่ออะไร เราจะไม่หลงในอารมณ์ที่เกิดขึ้น
แต่ถ้าเราทำไปโดยไม่รู้และสำคัญผิดโดยคิดว่าใช่ นั่นแหละมันจะพาให้เราหลงอารมณ์...
 :059:จงมีสติทุกขณะจิต  ในการคิดและการทำ แล้วจะไม่หลงทาง :059:
                       เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ไมตรีจิต
                               รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๗.๐๗ น. ณ กุฏิน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๒๐ ก.ค.๕๒
เริ่มหัวข้อโดย: ICELAND ที่ 21 ก.ค. 2552, 07:13:31
สาธุ :114:สาธุ :114:สาธุ :114:กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๒๐ ก.ค.๕๒
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 21 ก.ค. 2552, 08:41:26
จงมีสติทุกขณะจิต  ในการคิดและการทำ แล้วจะไม่หลงทาง  
กราบนมัสการพระอาจารย์ ขอบพระคุณที่เตือนสติครับ
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๒๐ ก.ค.๕๒
เริ่มหัวข้อโดย: อชิตะ ที่ 21 ก.ค. 2552, 08:56:24
เป็นบันทึกที่ได้แนวทางปฎิบัติอย่างดีมาก ได้ข้อมูลและแง่คิดดี ๆ  มากมายขอรับ

กราบนมัสการพระอาจารย์ขอรับ
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๒๐ ก.ค.๕๒
เริ่มหัวข้อโดย: cho presley ที่ 21 ก.ค. 2552, 09:59:00
:054:ไม่มีคำว่าผิดในการปฏิบัติ ถ้าเรารู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา ว่าเราทำสิ่งนี้เพื่ออะไร เราจะไม่หลงในอารมณ์ที่เกิดขึ้น
แต่ถ้าเราทำไปโดยไม่รู้และสำคัญผิดโดยคิดว่าใช่ นั่นแหละมันจะพาให้เราหลงอารมณ์...

เรื่องมีสติเนี่ย... คือการที่กระทำตามที่คิด ไม่ได้ใช้อารมณ์มาเป็นตัวแปร... ใช่ป่าวคะหลวงพ่อ...โด่ง
เอาแบบนี้ดีกว่า ขอยกกรณีตัวอย่างซะเลย...เช่น..


เราตั้งใจจะไปทำบุญที่วัด... ระหว่างทางที่ไป เราเจอหมากัด... เจ็บเป็นแผล.. เสื้อผ้าขาดลุ่ยไม่อยากไปแล้วเพราะอาย..
เราเลยไม่ได้ไปทำบุญตามที่ตั้งใจไว้?

แสดงว่า.. อารมณ์ที่เจ็บปวดจากการโมโหที่หมากัด ทำให้เราไม่ไปทำบุญตามหวัง...  

แล้วถ้า... เราบอกว่า.. เราตั้งใจจะปล่อยหมาไปกัด คนที่กำลังจะขโมยมะม่วงในสวนของเรา....
แบบนี้เรียกว่า... มีสติ ตั้งใจที่จะทำร้ายขโมย... ใช่หรือเปล่าคะ?  

ดังนั้น คำว่ามีสติ...  สามารถมีสติทำชั่ว และทำดีได้...เหมือนกัน.. ใช่หรือไม่?

ซักซ้อมความเข้าใจดู... เพราะมีน้องๆ ฝากมาถามหลายคนค่ะ... หลวงพ่อโด่ง... กรุณาลูกด้วย!
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๒๐ ก.ค.๕๒
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 21 ก.ค. 2552, 10:20:45
:054:ไม่มีคำว่าผิดในการปฏิบัติ ถ้าเรารู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา ว่าเราทำสิ่งนี้เพื่ออะไร เราจะไม่หลงในอารมณ์ที่เกิดขึ้น
แต่ถ้าเราทำไปโดยไม่รู้และสำคัญผิดโดยคิดว่าใช่ นั่นแหละมันจะพาให้เราหลงอารมณ์...

เรื่องมีสติเนี่ย... คือการที่กระทำตามที่คิด ไม่ได้ใช้อารมณ์มาเป็นตัวแปร... ใช่ป่าวคะหลวงพ่อ...โด่ง
เอาแบบนี้ดีกว่า ขอยกกรณีตัวอย่างซะเลย...เช่น..


เราตั้งใจจะไปทำบุญที่วัด... ระหว่างทางที่ไป เราเจอหมากัด... เจ็บเป็นแผล.. เสื้อผ้าขาดลุ่ยไม่อยากไปแล้วเพราะอาย..
เราเลยไม่ได้ไปทำบุญตามที่ตั้งใจไว้?

แสดงว่า.. อารมณ์ที่เจ็บปวดจากการโมโหที่หมากัด ทำให้เราไม่ไปทำบุญตามหวัง...  

แล้วถ้า... เราบอกว่า.. เราตั้งใจจะปล่อยหมาไปกัด คนที่กำลังจะขโมยมะม่วงในสวนของเรา....
แบบนี้เรียกว่า... มีสติ ตั้งใจที่จะทำร้ายขโมย... ใช่หรือเปล่าคะ?  

ดังนั้น คำว่ามีสติ...  สามารถมีสติทำชั่ว และทำดีได้...เหมือนกัน.. ใช่หรือไม่?

ซักซ้อมความเข้าใจดู... เพราะมีน้องๆ ฝากมาถามหลายคนค่ะ... หลวงพ่อโด่ง... กรุณาลูกด้วย!

สตินั้นมีทั้ง"สัมมาสติคือสติฝ่ายกุศลและมิจฉาสติคือสติฝ่ายอกุศล"
สติคือการระลึกรู้ ทั้งทางกายและทางจิต สัมปชัญญะคือการรู้ตัวทั่วพร้อม จะต้องอยู่คู่กันคือสติสัมปชัญญะ
สติรู้ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว..เกิดขึ้นแล้ว..จึงใช้คำว่า ระลึกรู้  เกิดขึ้นแล้วเรารู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น
สัมปชัญญะ...คือการรู้ตัวทั่วพร้อม รู้ในปัจจุบัน ก่อนที่มันจะเกิด ขณะมันตั้งอยู่  และขณะที่ดับไป
การที่คิดทำร้ายผู้อื่นนั้น รู้ว่าจะทำให้เขาเดือดร้อนได้รับอันตรายนั้น เป็นมิจฉาสติคือสติที่เป็นอกุศล
ความเจ็บ...ความโมโห..ความอายนั้นเป็น  ...เวทนา ความรู้สึกที่เกิดขึ้น...เรารู้ว่าเจ็บ..เรารู้ว่าเราโมโห เรารู้ว่าอาย..ตัวรู้นั้นคือสติ
อารมณ์ความรู้สึกคือ..เวทนา
สิ่งที่เข้าไปรู้คือ...สติ
รู้ในขณะนั้นว่าเจ็บคือ..สัมปชัญะ
  ขออนุโมทนาด้วยในคำถามนี้ เพราะยังมีบางท่านที่ไม่เข้าใจ และไม่กล้าถาม...(กลัวโดนล้อว่าโง่)...อะไรที่ไม่รู้ไม่เข้าใจจงถาม..
เพราะถ้าไม่ถามเราจะไม่รู้ไปอีกนาน ...
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๒๐ ก.ค.๕๒
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 21 ก.ค. 2552, 11:51:49
การทดลองทางจิต ไม่มีคำว่าผิดในการปฏิบัติ ถ้าเรารู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา ว่าเราทำสิ่งนี้เพื่ออะไร เราจะไม่หลงในอารมณ์ที่เกิดขึ้น
แต่ถ้าเราทำไปโดยไม่รู้และสำคัญผิดโดยคิดว่าใช่ นั่นแหละมันจะพาให้เราหลงอารมณ์...


กราบนมัสการขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เมตตาสั่งสอนศิษย์ครับ...