กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ธรรมะ และ นอกเหตุ เหนือผล => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ, กฎแห่งกรรม และ ประสบการณ์วิญญาณ => สนทนาภาษาผู้ประพฤติ => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 08 ก.ย. 2552, 09:19:56

หัวข้อ: บันทึกธรรม...๗ ก.ย.๕๒...กายตื่น จิตตื่น...
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 08 ก.ย. 2552, 09:19:56
ลงไปช่วยงานโยธากรรมฐาน....
ปั๊มพระ สร้างศาลาหอพระ เกือบทั้งวัน
ทำงานไปดูกายดูจิตของเราในขณะที่ทำงาน
พยายามทรงไว้ซึ่งกุศลจิต คิดถึงแต่เรื่องที่ดี
ตัดความคิดอกุศลที่เกิดขึ้นให้ดับไปอย่างรวดเร็ว
ทำให้เอิบอิ่มและเพลิดเพลินในการทำงาน
ตอนเย็นโยมจากกรุงเทพฯแวะมาเยี่ยมวัด
คุยธุระและสนทนาธรรมะกันจนเป็นที่เข้าใจ
ในสิ่งที่ญาติโยมสงสัยและค้างคาใจในการปฏิบัติธรรม
โยมมีศรัทธาปวารณาขอเป็นเจ้าภาพร่วมในกฐินสามัคคี
เพื่อนจากกรุงเทพฯโทรมาสนทนาธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติ
เห็นการพัฒนาทางจิตทางความคิดของเพื่อนที่เปลี่ยนแปลงไป
การรู้ การเข้าใจและสามารถนำธรรมะไปใช้ในชีวิตประจำวัน
โดยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติกับครอบครัวและผู้ร่วมงาน
ตามที่เคยบอกเขาไปว่าการปฏิบัติธรรมนั้นไร้รูปแบบแต่ไม่ไร้สาระ
ธรรมะอยู่ที่ใจไม่ใชการแสดงออก อยู่ที่การมีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายคุ้มครองจิต
สนทนาธรรมกันทางโทรศัพท์กันเป็นเวลานานพอสมควร
ทุกครั้งที่ได้กล่าวธรรมและสนทนาธรรมอารมณ์ปิติจะเกิดขึ้นเสมอ
ธรรมที่รู้ที่เข้าใจจะหลั่งใหลพรั่งพรูออกมาตามสภาวะธรรมที่ทรงอยู่
อารมณ์ปิติทำให้จิตตื่นกายตื่นไม่มีนิวรณ์เพราะอยู่ในอารมณ์สมาธิ
นั่งดูกายดูจิตพิจารณาธรรมจนเวลาผ่านไปจนใกล้จะสว่าง
ออกจากอารมณ์สมาธิเขียนบท...สัมโมทนียกถาให้พระที่ท่านขอมา
นอนดูกายดูจิตพิจารณาธรรมจนหลับไปกับอารมณ์กรรมฐาน....
 :054:แด่อารมณ์ปิติในธรรมที่นำมาสู่การตื่นของกายและจิต :054:
             เชื่อมั่นและศรัทธาในธรรมะของพระพุทธองค์
             รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๘ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๒๐ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๗ ก.ย.๕๒...กายตื่น จิตตื่น...
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 08 ก.ย. 2552, 10:00:50
การปฏิบัติธรรมนั้นไร้รูปแบบแต่ไม่ไร้สาระ
ธรรมะอยู่ที่ใจไม่ใชการแสดงออก
อยู่ที่การมีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายคุ้มครองจิต


ขอกราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ผมตั้งมั่นจะปฎิบัติตามแนวทางคำสอนพระอาจารย์ครับ
หัวข้อ: ตอบ: บันทึกธรรม...๗ ก.ย.๕๒...กายตื่น จิตตื่น...
เริ่มหัวข้อโดย: ทรงกลด ที่ 21 มี.ค. 2554, 11:46:47
สัมโมทนียกถา (อ่านว่า สัมโมทะนียะ-) แปลว่า ถ้อยคำอันเป็นที่บันเทิงใจ, คำพูดที่ทำให้ประทับใจ เรียกว่า อนุโมทนากถา ก็ได้

สัมโมทนียกถา ใช้เรียกการที่ภิกษุพูดแสดงความขอบคุณหรือกล่าวถึงประโยชน์และอานิสงส์ของความดีหรือบุญกุศลที่ทายกทายิกาได้ทำ เช่นถวายอาหาร สร้างกุฏิ สร้างหอระฆังไว้ในพระพุทธศาสนาว่า กล่าวสัมโมทนียกถา

สัมโมทนียกถาเป็นเหตุให้ผู้ทำบุญนั้นเกิดความแช่มชื่นเบิกบาน เกิดความอิ่มใจในผลบุญที่ตนทำและปรารถนาจะทำบุญเพิ่มพูนอีก
การกล่าวสัมโมทนียกถาเป็นธรรมเนียมของพระสงฆ์มาแต่โบราณ โดยกล่าวเป็นภาษาไทย ใช้เวลามากน้อยแล้วแต่ผู้กล่าว และปกติจะกล่าวก่อนที่จะอนุโมทนาเป็นภาษาบาลีหรือที่รู้จักกันว่า ยถา-สัพพี