อาจจะมีบางคนสงสัยว่าการมีสตินั้นเป็นเช่นไร? ขอให้ความหมายของการมีสติง่ายๆ ว่า การมีสติก็คือ การมีความรู้สึกตัว ผู้ใดมีความรู้สึกตัว ผู้นั้นก็สามารถเลือกที่จะทำความดี-ละความชั่วได้ ผู้ใดมีความรู้สึกตัว จิตมันก็บริสุทธิ์ เมื่อมีความรู้สึกตัว เราก็ไม่ทำความชั่ว คิดก็ไม่กล้าคิด พอคิดขึ้นมาก็เห็นแล้วว่าหากกระทำลงไปนั้นจะเป็นความดีหรือชั่ว แต่หากเราขาดสติ ไม่รู้สึกตัว เราอาจจะคิดอะไรก็ได้ คิดบ้า ๆ บอ ๆ มนุษย์เราสมัยนี้มักจะทำอะไรโดยขาดสติ ก่อนที่เราจะพูด ก่อนที่เราจะทำ เราต้องคิดเสียก่อน โดยลำพังแล้วความคิดทำความดีด้วยตนเองไม่เป็น ทำชั่วไม่เป็น หากแต่ก่อนที่จะทำดีเป็นเพราะจิตคิดดี ก่อนที่จะทำชั่วเพราะจิตคิดชั่ว การมีสติมีความรู้สึกตัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของความเป็นมนุษย์ เป็นทั้งหมดของชีวิต เมื่อมีสติมีความรู้สึกตัวเราก็จับได้ทั้งหมด จับได้ว่าเมื่อกายอยู่ตรงนั้น วาจาก็อยู่ตรงนั้น ใจก็อยู่ตรงนั้น ถ้าผู้ใดเข้าถึงความรู้สึกตัวได้ทั้งหมดของชีวิต เวลาใดที่เกิดอารมณ์ขึ้นมาพอเรามีความรู้สึกตัวมันจะคอยควบคุมอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้
การมีสติหรือความรู้สึกตัวนี้แหละ จะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของเราได้ พอเรามีสติเราจะทำอะไรก็จะเกิดความรู้สึกตัว ว่าเรากำลังจะทำอะไร ความรู้สึกตัวจะเป็นเสมือนเข็มทิศที่จะนำทางสำหรับการดำเนินชีวิตของเรา เช่นบางคนกวาดบ้านไม่มีสติไม่ความรู้สึกตัว ขณะกวาดบ้านไปก็คิดไปว่า คนนั้นไม่ช่วย คนนี้ไม่ช่วย เรากวาดคนเดียว เราทำคนเดียว คนนั้นทำให้รกรุงรัง คิดไปต่างๆนานา เกิดทุกข์จากการไม่มีสติไม่ความรู้สึกตัว เป็นต้น นักเรียนที่ยกพวกตีกันก็เช่นกัน เวลาเดินทางไปเรียน นั่งไปบนรถเมล์ก็ขาดสติ ไม่รู้สึกตัวว่าตนเองกำลังจะเดินทางไปทำอะไร? และต้องมีหน้าที่อย่างไร? แต่กลับไปคิดถึงเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของการเป็นนักเรียน ไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องนักเรียนกลายเป็นนักเลงไปเพียงชั่วพริบตาเพราะคิดไม่ได้ ไม่รู้สึกตัว ขาดสติ หรือหนุ่มสาววัยรุ่นสมัยนี้ก็เช่นกันได้เสพ ได้เห็นภาพยนตร์ หรือสื่อลามกต่างๆ ทำให้ขาดสติ ไม่รู้สึกตัว ตำราวางเปิดอยู่ข้างหน้าแต่ก็คิดไปถึงเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในตำรา ไม่รู้จักแยกแยะในการบริโภคสื่อ ไม่รู้สึกตัวว่าตนเองอยู่ที่ไหน? สมควรทำอะไร? และ ไม่สมควรทำอะไร?
มนุษย์เราไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม จะนั่งขับรถ จะทำงานทำการ จะกวาดบ้าน จะเขียน จะอ่านหนังสือ จะพูดจา จะนั่งอยู่บนรถเมล์ ทำงาน สอนหนังสือ เรียนหนังสือ หรืออย่างไรก็ตาม ถ้ามีความรู้สึกตัวก็ถือว่าใช้ได้ เพราะคนมีสติมีความรู้สึกตัว ก็จะละความชั่ว มีความรู้สึกตัวก็จะทำความดี เมื่อมีความรู้สึกตัว จิตมันก็บริสุทธิ์ สติ-ความรู้สึกตัวจะเป็นเสมือนห้ามล้อรถยนต์ เหมือนหางเสือเรื่อที่จะช่วยรักษาชีวิตของเราไม่ให้เดินอยู่ในหนทางที่ไม่ถูกต้อง คืนความเป็นมนุษย์ให้เรากลับมาได้จริง ๆ ครับ และตลอดหนทางชีวิตของเราทั้งหลายเมื่อมีสติมีความรู้สึกตัว เราก็จะสามารถเรียนรู้ และได้สะสมบทเรียนชีวิตที่มีคุณค่าไปเรื่อย ๆ ทำให้เราฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ชำนาญขึ้นเรื่อยๆ เช่น พอเราจะมีความโกรธ สติก็จะเปลี่ยนเป็นไม่โกรธทันที พอเราจะมีอารมณ์มีความต้องการมีความหลง สติก็จะช่วยให้เราสามารถควบคุมตนเองไว้ได้ ช่วยเปลี่ยนทัศนคติที่ผิดๆ ทำให้เราคิดได้คิดเป็น โดยทันที
การฝึกหัดให้เรามีสติและรู้สึกตัวนั้นไม่ยากครับ ไม่ต้องถือศิล ไม่ต้องภาวนา ไม่ต้องนั่งตัวให้ตรง ไม่ต้องหลับตาบริกรรมคาถา เพียงแต่เราต้องหมั่นเตือนตนเองอยู่เสมอว่า ก่อนทำอะไรให้รู้จักคิด และตอบตนเองให้ได้ว่าทำไปทำไม? ผลของการกระทำนั้นเป็นเช่นไร? แยกแยกความดีความชั่ว และรู้ในหน้าที่ของตน รู้ว่าเรานั้นกำลังทำอะไร? กายทำอะไร? ใจก็อยู่ที่นั่น ลองทำกันดูนะครับ และหมั่นทำอยู่เป็นประจำจนเป็นนิสัย ถ้าเราได้สัมผัสกับความรู้สึกตัว เราก็จะมีสติ เราก็ไม่ต้องไปอดทน ไม่ต้องไปสำรวมกาย วาจา ใจ มันจะสำรวมเอง เพราะเมื่อมีความรู้สึกตัวความรู้สึกของเราจะเปลี่ยน เปลี่ยนจากความทุกข์เป็นความไม่ทุกข์ เปลี่ยนความโกรธเป็นความไม่โกรธ ทำบ่อยๆ จนกลายเป็นนิสัย ทำจนกลายเป็นปกติของชีวิต เมื่อเรามีสติมีการสัมผัสความรู้สึกตัวอยู่กับกายกับใจของเรา เวลาใดที่เราจะหลง เราก็ไม่หลง เพราะได้สัมผัสกับสติ สัมผัสกับความรู้สึกตัว จึงรู้ว่าความโกรธเป็นอย่างไร? ความหลงเป็นอย่างไร? ทำให้เราเป็นผู้มีความรู้เท่าทัน รู้ดี รู้ชั่ว รู้ผิด รู้ถูก สิ่งนี้ดี สิ่งนี้ไม่ดี เราก็จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข บ้านเมืองและโลกมนุษย์เราก็จะมีแต่ความสงบครับ
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ครับ
สติมโต สทา ภทฺทํ.
คนผู้มีสติ มีความเจริญทุกเมื่อ
สํ. ส. ๑๕/๓๐๖.
ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่าน