กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: รวี สัจจะ... ที่ 27 ธ.ค. 2552, 06:50:55

หัวข้อ: เล่าสู่กันฟัง...กลับมาเล่าให้ฟังใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: รวี สัจจะ... ที่ 27 ธ.ค. 2552, 06:50:55
ณ ตถตาอาศรม ริมฝั่งแม่น้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
         27  ธันวาคม  2552
     :059:ห่างหายไปนานเพราะมีภาระกิจหลายประการ ซึ่งจะเคลียร์งานต่างๆลงตัวก็ผ่านไปหลายวัน
ตั้งแต่วันที่ 9  ธันวาคมจนถึงวันที่ 18 ธันวาคมนั้น ไปเข้าอยู่ปริวาสกรรมปฏิบัติธรรมที่เขต อ.ดอนตาล
กลับมาจากงานปริวาสกรรมก็มีเพื่อนสหธรรมิกติดตามมาจำนวนหลายรูป จึงต้องอยู่ดูแลต้อนรับหมู่คณะ
สงเคราะห์อนุเคราะห์ตามเหตุตามปัจจัย นำเที่ยวชมสถานที่สำคัญต่างทางพระพุทธศาสนาในเขตภาคอีสาน
และต้องไปช่วยงานปริวาสกรรมในเขตใกล้เคียง ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นภาระกิจส่งหมู่คณะกลับสู่อาวาสของแต่ละท่าน
ก็ผ่านไปเกือบยี่สิบวัน จนมาถึงเวลานี้จึงพอจะมีโอกาศที่จะได้กลับมา เล่าสู่กันฟังอีกครั้งหนึ่ง....
     :059:เล่าสู่กันฟัง...กายเดียวจิตเดียว...
                          กายและจิตต้องมีความสัมพันธ์ที่เหมาะสมต่อกัน กายดีจิตต้องเด่น จิตดีกายต้องมีความพร้อม
ดั่งที่เคยกล่าวไว้เสมอว่า"จิตดีกายเด่น จิตด้อยกายดับ" การปกิบัติธรรมคือการที่เรามาฝึกจิตของเราให้อยู่และรู้จักกับกาย
มีสติระลึกรู้อยู่กับกายและจิตและความคิดที่แปรเปลี่ยนไป เห็นเหตุและปัจจัยของการเกิดดับของสรรพสิ่งทั้งภายนอกและภายใน
โดยมีคุณธรรมควบคุมและคุ้มครองกายและจิต คุณธรรมที่จะคุ้มครองควบคุมกายและจิตนั้นคือ"ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป"
สิ่งที่เราได้จากการปฏิบัติธรรมก็คือองค์แห่งคุณธรรม ที่เรียกกันว่า"ภูมิธรรม"ซึ่งเป็นจิตสำนึกแห่งการใฝ่ดีและทำในสิ่งที่ดี
 :059:แต่ที่มันมีปัญหาก็เพราะว่า"มันไม่พอดี"คือการที่ไม่รู้จักหน้าที่ของแต่ละบุคคล ไม่รู้ตน ไม่รู้ประมาณ ในการกระทำ
ฆราวาสผู้ครองเรือนอยากจะปฏิบัติอย่างสมณะพระผู้ครองศีล พระสอนให้ญาติโยมปฏิบัติตามข้อวัตรของสมณะพระภิกษุ
มันก็เลยทำให้การทำหน้าที่ของแต่ละคนไม่สมบูรณ์ เพราะไม่รู้จักบทบาทและหน้าที่ของแต่ละคน มันไม่เหมาะสมกับบุคคล
"ธรรมะสัปปายะ"จึงไม่เกิดขึ้น การปฏิบัติธรรมนั้นไม่ใช่การกระทำเพื่อตอบสนองความอยากของผู้ให้และผู้รับ แต่เป็นการทำหน้าที่
ของแต่ละคนให้ถูกต้องสอดคล้องกับธรรมชาติ บทบาทและหน้าที่ ให้รู้จักความพอดี พอประมาณ ในการดำรงค์ชีวิต ในการคิด
และการกระทำ ซึ่งถ้าทุกคนรู้จักความพอดีพอประมาณ ในการดำรงค์ชีวิต ในธุระกิจหน้าที่การงานแล้ว ปัญหาต่างๆก็จะไม่มี
เพราะมีความพอดีและพอเพียง...
 :059:ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ก็คือความไม่พอดีและไม่พอเพียง ลงทุนน้อยหวังผลกำไรสูง ซึ่งเกิดมาจากความโลภเข้าครอบงำ
ขาดคุณธรรมของความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ทุกคนมีสติและสัมปชัญญะในการคิด การพุด การกระทำ แต่สติและสัมปชัญญะนั้น
ขาดคุณธรรมควบคุมและคุ้มครอง จึงเป็นมิจฉาสติคือคิดในทางที่ผิด เป็นภัยต่อชีวิต เป็นพิาต่อผู้อื่น ฝ่าฝืนศีลธรรมและประเพณีที่ดีงาม
กระทำไปตามอำนาจของกิเลสฝ่ายต่ำ มองดำเป็นขาว มองขาวเป็นดำ ...คุณธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ...ท่านหลวงพ่อพุทธทาส
ท่านได้กล่าวเตือนไว้ ซึ่งในวันนี้สิ่งที่ท่านได้กล่าวเตือนไว้ นั้นใกล้จะเป็นจริงแล้ว...
 :059:เวรกรรม เวรกรรม ใครที่กระทำก็ต้องรับไป แต่มีคนสงสัยว่าทำไมเราจึงต้องมารับกรรมกับเขาด้วยทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำ
ก้คงจะตอบให้เข้าใจได้ว่า...ก็เพราะมีกรรมร่วมกัน จึงต้องมาร่วมชะตากรรม มีกรรมร่วมกัน...กรรมเป็นทายาทกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กรรมเป็นพวกพ้อง ทุกคนล้วนเกิดมามีกรรมร่วมกัน จึงต้องมาร่วมชะตากรรม ดั่งคำพระที่กล่าวไว้ว่า"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
และเมื่อเราเข้าใจในเรื่องของกรรม และยอมรับผลของกรรม ใจเราก็ไม่เป็นทุกข์กับกรรมนั้น มาอยู่กับปัจจุบันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่เป็น
กุศลกรรมขึ้นมาทดแทน ซึ่งกรรมดีในวันนี้จะเป็นเหตุและปัจจัยในวันข้างหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาล้วนแล้วเป็นผลของกรรม
 :069:ไม่ใช่โชคชะตา หรือว่าฟ้าลิขิต
          ไม่ใช่นิมิตแห่งสวรรค์ หรือว่าพรหมนั้นบันดาล
          แต่สิ่งที่ชีวิตต้องพบพาน ล้วนแล้วคือผลของกรรม....
                 ...........................................
 :054:เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต-แด่มวลมิตรผู้ร่วมชะตากรรม :054:
                          รวี สัจจะ-สมณะชายขอบ-วจีพเนจร
27 ธันวาคม 2552 เวลา 18.49 น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
หัวข้อ: ตอบ: เล่าสู่กันฟัง...กลับมาเล่าให้ฟังใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 28 ธ.ค. 2552, 10:18:39
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ...เมื่อเช้าผมยังนึกอยู่เลยวาจะได้อ่านคำสอนของพระอาจารย์ก่อนปีใหม่หรือไม่ คำสอนแง่คิดต่างๆที่พระอาจารย์มอบให้ ขัดเกลาจิตใจผมได้มากครับ ยิ่งนานวันผมยิ่งเข้าใจคำว่า เป็นคนดีทั้งทางโลกและทางธรรมมากขึ้น ผมผยายามผสานทางโลกและทางธรรมให้อยู่ในชีวิตของผมให้ลงตัว ให้เส้นทางเดินในวันข้างหน้าจะได้ไม่หลุดกรอบครับ
ไม่ใช่โชคชะตา หรือว่าฟ้าลิขิต
ไม่ใช่นิมิตแห่งสวรรค์ หรือว่าพรหมนั้นบันดาล
แต่สิ่งที่ชีวิตต้องพบพาน ล้วนแล้วคือผลของกรรม....การเชื่อมั่นในกฎแห่งกรรม ทำให้ทุกจังวหวะของชีวิตผมดำเนินไปอย่างรัดกุมครับ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์อีกครั้งครับ
หัวข้อ: ตอบ: เล่าสู่กันฟัง...กลับมาเล่าให้ฟังใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 28 ธ.ค. 2552, 09:57:27
ไม่ใช่โชคชะตา หรือว่าฟ้าลิขิต
          ไม่ใช่นิมิตแห่งสวรรค์ หรือว่าพรหมนั้นบันดาล
          แต่สิ่งที่ชีวิตต้องพบพาน ล้วนแล้วคือผลของกรรม....



....กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณสำหรับคำสอนครับ...