:054:"ปิติ" เป็นสมมุติบัญญัติที่ให้ความจำกัดความของสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นในขณะเจริญภาวนา อาการปิตินั้นคือการปรับธาตุในตัวเราให้มีความเหมาะสมกับสภาวะจิตที่จะเกิดขึ้นในขณะนั้น ซึ่งจะปรากฏออกมาได้มากมายหลายอย่าง หลายประการ แต่จะสรุปเป็นหัวข้อใหญ่จำกัดไว้ได้ 5 ประการ ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ ซึ่งอาการของปิตินั้น ที่แสดงอกมาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับธาตุในกายและจิตในขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร จึงไม่เป็นไปเหมือนกันในแต่ละครั้งและแต่ละคน ปิติคือการเริ่มต้นที่จะเข้าสู่ความสงบที่มา
:059:ถ้าอยากจะศึกษาเรื่องอารมณ์ของปิติให้ละเอียดเราต้องไปศึกษาแนวการปฏิบัติของพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)คือการปฏิบัติแบบปิติ5
ซึ่งสมัยก่อนครูบาอาจารย์ท่านเคยปฏิบัติกันมา ก่อนที่จะหันมาภาวนา"พุทโธ"ในสมัยหลวงปู่มั่น และอานาปานุสติในสมัยหลวงพ่อพุทธทาส
ซึ่งแนวปฏิบัติกรรมฐานปิติ5นั้นจะแสดงอย่างละเอียดเรื่องอาการของปิติทั้งหลาย(ฝากไว้เป็นข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการแสวงหาความรู้)
:054:อาการที่เรารู้สึกคล้ายกับกายเราโยกคลอนนั้นเกิดจากธาตุลมในกายของเรากำลังปรับให้มีความพอดี และจิตของเราในขณะนั้นเข้าไปจับอยู่กับลมในกาย คือการหายใจของเรา และเรากำลังรวมจิตเราเข้ากับลม ซึ่งสภาวะของธาตุลมนั้นมันพัดไหวเคลื่อนที่ไปตลอดเวลา มันจึงทำให้เรารู้สึกคล้ายว่า ร่างกายของเรากำลังโยกคลอน เอนไปเอนมา ทั้งที่กายของเรายังตั้งตรงอยู่ตามปกติ (อาจจะมีอาการก้มหน้าลงและเงยหน้าขึ้นบ้างในบางครั้ง)ถ้าเราไปตามลมทีหายใจเข้าและหายใจออก
:059:เราอย่าไปกังวลใจว่าใครจะคิดอย่างไรในการปฏิบัติของเรา ขอให้เรามีสติระลึกรู้ว่าเรากำลังทำอะไร และสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างไร
รู้เท่าทันอารมณ์ ไม่หลงไปในอารมณ์ที่เกิดขึ้น(ไปยินดีและพอใจอยากจะให้มันเกิดขึ้นอีก) ไม่ไปยึดติดในอารมณ์เหล่านั้น เพราะทุกอย่างตั้งอยู่ในพระไตรลักษณ์"เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป..อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"อารมณ์ปิติเหล่านั้นไม่เที่ยงแท้ ถ้าเข้าไปยึดถือก็เป็นทุกข์ เป็นสิ่งที่ยึดถือไม่ได้เพราะแปรเปลี่ยนไปตามเหตุและปัจจัย "จังหวะ เวลา โอกาศ สถานที่ และบุคคล" จงฝึกฝนปฏิบัติต่อไปอย่าหวั่นไหวและย่อท้อ และขอให้ความเจริญในธรรมจงบังเกิดมีแก่ท่านทั้งหลายผู้ใฝ่ธรรม...
:059:เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ไมตรีจิต-แด่มิตรผู้ใฝ่ธรรม :059:
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๔.๒๖ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
สวยดีครับนารทก็ชื่อภาษาอืนเดียว่า นาโรดะ (http://brahmin.siamfoundation.org/thai/?p=563)ปรากฎอยู่ทั้งในคำภีร์ ภควาตะปุรานะ และ รามยานะ เหาะในอากาสได้ (ซึ่งเป็นผลของการเข้าอรูปฌานและปิติ5 - เป็นผู้ประดิษฐ์ เครื่องบรรเลงซึ่งเรียกว่า พิณ (ภาษาฮินดูว่า Vina) ดนตรีที่ท่านได้แต่งก็ใช้ควบกับการท่องคาถาอาคม และสวดบทสรรเสริญเทพเทวา วึ่ง ส่วนใหญ่ ท่านก็จะอุทิศให้พระนารายณ์นะครับ. พระฤาษีนารท ก็เชี่ยวชานในการบัญญัติกฏหมายอีกด้วยนะครับ
ปู่ฤาษีนารอดท่านจะมีบาตรตั้งไว้ข้างหน้าท่านเสมอครับ
เพราะท่านเป็นหมอยาและท่านรดน้ำมนต์ครับ
นักเล่นดนตรีและศิลปินร้องเพลงแต่งเพลงก็นับถืบูชาพระนารอทกันเป็นครูบาอาจารย์ พระนารท ก็มีชื่ออื่น ว่า มานัสบุตร Manasabutra (โทษทีว่า อาตมาไม่ทราบว่าสะกดตัวอย่างไรเป็นภาาาไทยครับ)
เป็นฤาษีชั้นเทพ (เทวฤษี), เรียกว่า "มหาฌาน"
(http://brahmin.siamfoundation.org/thai/wp-content/uploads/2009/03/narada-brahma.jpg) (http://brahmin.siamfoundation.org/thai/?p=563)
(http://img200.imageshack.us/img200/7370/180pxsrinaradamuni001.jpg)ที่มา
นี้ก็พระนารทตัวจริงของพราหมร์ฮินดูครับผม
อย่าลืมว่า ศาสนาพราหมร์กับพุทธก็ไม่ไช่สิ่งเดี่ยวกันครับ พระพุทธศาสนาไทยก็ชอบเอาของพราหมณื (เทพนิยม) มาแทรกในศาสนาพุทธ เป็นการบูชาเทพทีต้องเวียนว่ายตายเกิด เป็นสรณะ ที่แท้จริงก็ไม่ใช่นะครับ แตพระพุทธองค์ก็ไม่ได้ห้ามนะครับ การบูชาพวกพระฤษีก็คือการบูชาคนที่ตายแล้วนัครับ อันว่า บุคคลก็คือสังขาร ซึ่งเป็น อนิจจัง (ทุกขัง และ อนัตตา) นะคับ
อีกอย่างนึงก็คือ การบูขาวิญญานผีนะครับ คนที่บูชาครูที่เราไม่ได้ทราบจริงว่า ท่านคือใครจริง ก็มีอันตรายที่ว่า อาจคิดว่าพวกท่านก็คุ้มครองเราในระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่ แต่พอเราก็ตายแล้วดับสังขารก็อาจตกเป็นบ่าวทาสเค้า ก็เป็นไปได้นะครับ
ขอใช้สามาญสำนึก และวิจารณญานในการเลือกสิ่งที่เราจะนิยมบูชาและรับใช้นะคับ
ขอให้ชาวพุทธอย่าลืมกันว่า สิ่งที่ได้มีเป็นที่พึ่งที่ถาวรและจะพาเราไปสวรรค์ ก็คือ พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ บวกการพระพฤติตัวในศีลปฏิบัติธรรมนะครับ
สัตว์ที่ได้บำเพญตบะฌานสมาบัติได้ฤทธิ์ก็ไม่จำเป็นว่าเป็นคนอยู่ในศีล ว่าฌานก็มาจาก จิตวิสุทธิ์มากกว่าศีลวิสุทธิ ก็ยังโกรธลงมือทำปาบแล้วตกนรกได้นะครับ
แต่ว่า การประพฤติพรหมมจรรย์ก็พาไปแต่สวรรค์นะคับ
ฤทธ์สามารถเกิดได้กับนักปฏิบัติทังสองฝ่ายได้ แต่การเล่นของอย่างไม่มีการถือศีลก็ไปนรกได้ง่ายนะครับ ต้องมีความบริสุทธิ์ในการปฏิบัติธรรม ถึงจะเป็นการบูขาครูที่พาไปสวรรค์ได้อย่างแน่นอนครับ
ขออัภัยในการวิเคราะวิจารย์ด้วยนะคับ ว่า ตัวอาตมาได้ศึกษาเรื่องนี้เป็นอย่างมากแล้วก็ห่วงเกี่ยวกะเรื่องนี้ ว่าสาธุชนก็ชอบบูชาเหล่าเทพโดยไม่สืบสานก่อนว่า ท่านครูคนนั้น ก็คือใคร .. ที่มา ฯฯ