กระดานสนทนาวัดบางพระ
หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: โยมน้า ที่ 17 ก.ย. 2551, 07:51:29
-
ถาม? ถ้าจำเป็นต้องโกหกบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ กฎแห่งกรรมถือว่าหยวนๆให้บ้างไหม?
ผมไม่ได้มีหน้าที่พิทักษ์กฎแห่งกรรมนะครับ คงไม่อาจเป็นตัวแทนธรรมชาติหยวนหรือไม่หยวนให้คุณ ๆ ได้สักแค่ไหน เอาเป็นว่าตัดสินใจ
อย่างไรก็ขอให้รู้อยู่ว่าตัวเองมีความละอายติดจิตติดวิญญาณแค่ไหนก็แล้วกัน ขอให้พิจารณาตามจริงว่าแม้เราจะไม่โกหกเป็นประจำ แต่ลง
ถ้าได้เริ่มต้นออกจากจุดสตาร์ทแล้ว ก็มักจะเหมือนเราก้มหัวให้ใครเขาใช้ ถูกใช้ได้ครั้งหนึ่งก็จะอ่อนแอลงนิดหนึ่ง พอเขาใช้อีกเราก็อาจจะ
ยอมก้มหัวอีก ในที่สุดหัวเราก็อ่อนลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นขี้ข้าตัวมุสาไปเต็มยศ นี่แหละ ผมสรุปว่าที่มาของการโกหกใหญ่ก็คือการโกหก
เล็ก ๆ นั่นเอง โดยเฉพาะถ้าโกหกเล็ก ๆ โดยปราศจากความละอาย
แรงขับดันให้โกหกมักมาจากคำว่า ?จำเป็น? หรือ ?หลีกเลี่ยงไม่ได้? มันอยู่ที่เราตัดสินใจเลือก ถ้าใช้ความฉลาดกันจริงๆก็อาจไม่จำเป็นต้อง
?โกหกเต็ม ๆ? หรอก หลาย ๆ เรื่องเราเอาความจริงส่วนที่ไม่เสียหายมาพูดได้ เพราะเราไม่จำเป็นต้องพูดทั้งหมดในทุกเรื่องอยู่แล้ว
ขอให้สังเกตจากชีวิตประจำวันว่าคำพูดนั้นดิ้นไปได้เรื่อย ๆ ครับ ปากพูดอย่างหนึ่ง แต่ใจเล็งอีกอย่างหนึ่ง จิตคิดพูดของคนในโลกมักเบี่ยง
เบน ไม่เป็นไปเพื่อการเห็นตามจริง แต่เป็นไปเพื่อตัวตน เป็นไปเพื่อให้คนอื่นเห็นเราตามที่เราอยากให้เขาเห็น
ลองฝึกฝนดู ใจเล็งอย่างไรปากพูดตามนั้น ก่อนพูดก็ทำตัวเป็นนายคำพูด สั่งให้เกิดแต่คำพูดที่เป็นประโยชน์ หรือก่อให้เกิดผลกระทบด้าน
ลบน้อยที่สุด เมื่อคิดก่อนพูดบ่อยเข้า ชีวิตจะลงตัวไปเอง ความจำเป็นต้องโกหกจะค่อยๆหายไปจากชีวิตเราจนกระทั่งไม่เหลือเลยจนได้
แหละน่า ธรรมชาติเขาไม่ใจไม้ไส้ระกำกับคนตั้งใจดีมีใจจริงหรอกครับ
http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare008.htm
-
กระผมใช้ เปลี่ยนเรื่อง หรือเลี่ยงที่จะไม่พูดครับ
-
ขอบคุณครับโยมน้า :054:
-
ขอบคุณครับผม
:053:
-
ขอยคุณมากครับ
-
เรื่องจริงพูดให้ผิดจากความจริง ผู้ฟังจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่ใช่ประเด็น ถ้าเขาฟังเข้าใจความหมายที่พูด เต็มๆ ครับ โกหก
ทุกวันนี้ มีแบบ อำๆ ขำๆ เนียนๆ ก็ว่ากันไปครับ
โกหกเรื่องมีประโยชน์บาปหนัก โกหกผู้มีพระคุณบาปหนัก ฯลฯ
หว่านพืชเช่นไรได้ผลเช่นนั้นครับ ตามเหตุตามผล
-
แห่ะ! ขอแทรกอีกนิดนึงนะขอรับ ไม่ได้คิดจะขัดแย่งแต่ประการใด
การโกหก หมายถึงการทำให้คราดเคลื่อนจากความจริง ที่ใช้คำว่าการทำเพราะมุ่งการทำคือกรรม
ทั้งนี้การโกหกแม้เป็นวจีกรรมแต่ก็สามาถออกทางกายทวารได้
ทั้งนี้ การโกหกคือมุสาวาท ซึ่งเป็น๑ใน๔ของอกุศลกรรมที่เป็นวจีกรรมซึ่งมี
พูดโกหก๑ พูดคำหยาบ๑ พูดส่อเสียด๑ พูดเพ้อเจ้อ๑ ทั้ง ๔ ประการเป็นวจีทุจจริต
การอำ น่าจะสมควรจัดอยู่ในข้อพูดเพ้อเจ้อขอรับซึ่งมีโทษเบากว่าการพูดโกหก
บางครั้ง เราต้องยอมรับว่าภาษาธรรมเมื่อนำมาใช้เป็นภาษาไทยมีส่วนทำให้เกิดความเข้าใจคราดเคลื่อน
ทั้งนี้เพราะการให้ความหมายที่แตกต่างกันในคำเดียวกันหรือ อาจเกิดจากความเคยชินกับคำนั้นๆ
ที่เราใช้กันจนลืมความหมายที่แท้จริง เช่นการพูดว่า "คนๆนี้มีทิฏฐิแรง"
เรามักจะส่อไปว่าเค้ามีความคิดเห็นที่เชื่อมั่นแต่ความคิดของตนเอง
ซึ่งแท้จริงแล้วคำว่า"ทิฏฐิ" เป็นไปได้ทั้งสัมมาทิฏฐิ และมิจฉาทิฏฐิ
-
เพิ่มเติมอีกนิดนึงขอรับ
ทำไมการโกหกจึงไม่ใช่เรื่องเล็ก
เพราะเมื่อเราเริ่มโกหก ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม นั่นคือเราทำให้ผู้ที่เราโกหกได้รับรู้สิ่งที่เราโกหกไปแล้ว
ดังนั้น เป็นที่แน่นอนว่าเราย่อมไม่ปราถนาให้เขาได้รับรู้ความจริง ฉะนั้น ไม่ว่าเข้าหรือคนอื่นถามเราถึงเรื่องนั้นๆ
เราจึงจำเป็นที่จะต้องโหกต่อไป และอาจจำเป็นต้องมีการโกหกเรื่องอื่นๆตามมาเพื่อให้การโกหกครั้งแรกน่าเชื่อถือมากขึ้น
การโกหกครั้งแรก อาจเป็นเรื่องเล็กน้อยก็จริงอยู่ แต่จะนำพามาสู่การโกหกมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น
ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่คำโกหกถูกเปิดเผย เราก็จะได้รับอานิสงค์ของการโกหก คือไม่ได้รับความเชื่อถือนั่นเอง
-
แล้วทำไมคนเราจะต้องโกหก ความจริงคือสิ่งไม่ตาย ตัวเราเท่านั้นที่รู้ดีรู้ชั่ว อยู่ที่เราจะเมามัว กับสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ นานา จิตตัง