กระดานสนทนาวัดบางพระ
หมวด มิตรไมตรี => บทความ บทกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: ชลาพุชะ ที่ 12 มี.ค. 2552, 05:56:34
-
(http://img217.imageshack.us/img217/8954/images8w.jpg)
สงครามเก้าทัพ เป็นสงครามระหว่างสยามกับพม่า หลังจากที่พระบาทพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทำการย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรี มาทางทิศตะวันออก สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เป็นราชธานีแห่งใหม่ เวลานั้นบ้านเมืองอยู่ในช่วงผ่านศึกสงครามมาใหม่ ๆ ประจวบทั้งการสร้างบ้านแปลงเมือง รวมทั้งปราสาทราชวังต่าง ๆ เวลาผ่านมาได้เพียง 3 ปีพ.ศ. 2328 พระเจ้าปดุง กษัตริย์อังวะ หลังจากบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินพม่าแล้ว ต้องการประกาศแสนยานุภาพ เผยแผ่อิทธิพล โดยได้ทำสงครามรวบรวมเมืองเล็กเมืองน้อยรวมถึงเมืองประเทศราชให้เป็นปึกแผ่น แล้วก็ได้ยกกองกำลังเข้ามาตีไทย มีจุดประสงค์ทำสงครามเพื่อทำลายกรุงรัตนโกสินทร์ให้พินาศย่อยยับเหมือนเช่นกรุงศรีอยุธยา
สงครามครั้งนี้พระเจ้าปดุงได้ยกทัพมาถึง 9 ทัพ รวมกำลังพลมากถึง 144,000 นาย โดยแบ่งการเข้าโจมตีกรุงรัตนโกสินทร์ออกเป็น 5 ทิศทาง
ทัพที่ 1 ได้ยกมาตีหัวเมืองประเทศราชทางปักษ์ ใต้ตั้งแต่เมืองระนองจนถึงเมืองนครศรีธรรมราช
ทัพที่ 2 ยกเข้ามาทางเมืองราชบุรีเพื่อที่จะรวบกำลังพลกับกองทัพที่ตีหัวเมืองปักษ์ใต้แล้วค่อยเข้าโจมตีกรุงรัตนโกสินทร์
ทัพที่ 3 และ 4 เข้ามาทางด่านแม่ละเมาแม่สอด
ทัพที่ 5-7 เข้ามาทางหัวเมืองฝ่ายเหนือตั้งแต่เชียงแสน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตีตั้งแต่หัวเมืองฝ่ายเหนือลงมาสมทบกับทัพที่ 3 4 ที่ยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมา เพื่อตีเมืองตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก นครสวรรค์
ทัพที่ 8-9 เป็นทัพหลวงพระเจ้าปดุงเป็นผู้คุมทัพ โดยมีกำลังพลมากที่สุดถึง 50,000 นาย ยกเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์เพื่อรอสมทบกับทัพเหนือและใต้โดยมีจุดมุ่งหมายที่กรุงเทพฯ
(http://img201.imageshack.us/img201/2991/imagesca14s79j.jpg)
เวลานั้นทางฝ่ายไทยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าได้รวบรวมกำลังไพล่พลได้เพียง 70,000 นายมีกำลังน้อยกว่าทัพพระเจ้าพม่าถึง 2 เท่าแต่ก็มีความเก่งกล้าชำนาญการสงคราม ประจวบเป็นทหารรบเดิมของพระเจ้ากรุงธนบุรีที่สามารถกอบกู้บ้านเมืองสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงทรงปรึกษาวางแผนการรับข้าศึกกับ สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ว่าจะทำการป้องกันบ้านเมืองอย่างไร แผนการรบของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ คือจัดกองทัพออกเป็น 4 ทัพโดยให้รับศึกทางที่สำคัญก่อน แล้วค่อยผลัดตีทัพที่เหลือทัพที่ ๑ ให้ยกไปรับทัพพม่าทางเหนือที่เมืองนครสรรค์ ทัพที่ ๒ ยกไปรับพม่าทางด้านพระเจดีย์สามองค์ ทัพนี้เป็นทัพใหญ่ มีสมเด็จพระบวรราชเจ้ามาหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพ คอยไปรับหลวงของพระเจ้าปดุงที่เข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ ทัพที่ ๓ ยกไปรับทัพพม่าที่จะมาจากทางใต้ที่เมืองราชบุรี ส่วนทัพที่ ๔ เป็นทัพหลวงโดยมีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เป็นผู้คุมทัพคอยเป็นกำลังหนุน เมื่อทัพไหนเพลี้ยงพล้ำก็จะคอยเป็นกำลังหนุน สมเด็จพระอนุชาธิราช พระบวรราชเจ้ามาหาสุรสิงหนาท ได้ยกกองทัพไปถึงเมืองกาญจนบุรี ตั้งรับทัพอยู่บริเวณทุ่งลาดหญ้า เชิงเขาบรรทัด สกัดกั้นไม่ให้ทัพพม่าได้เข้ามารวบรวมกำลังพลกันได้ นอกจากนี้ยังจัดกำลังไปตัดการลำเลียงเสบียงของพม่าเพื่อให้กองทัพขาดเสบียงอาหาร แล้วยังใช้อุบาย โดยทำเป็นถอยกำลังออกในเวลากลางคืน ครั้นรุ้งเช้าก็ให้ทหารเดินเข้ามาผลัดเวร เสมือนว่ามีกำลังมากมาเพิ่มเติมอยู่เสมอ เมื่อทัพพม่าคาดแคลนเสบียงอาหารประจวบกับครั้นคร้ามคิดว่ากองทัพไทยมีกำลังมากกว่า จึงไม่กล้าจะบุกเข้ามาโจมตี สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเมื่อสบโอกาสทำการโจมตีกองทัพ 8-9 จนถอยร่นพระเจ้าปดุงเมื่อเห็นว่าไม่สามารถบุกโจมตีต่อได้ประจวบทั้งกองทัพขาดเสบียงอาหารจึงได้ถอยทัพกลับ สำหรับการโจมตีทางด้านอื่น ทางด้านเหนือพระยากาวิละเจ้าเมืองลำปางสามารถป้องกันทัพพม่าที่ยกมาทางหัวเมืองฝ่ายเหนือได้สำเร็จ ส่วนทัพที่บุกมาทางด่านแม่ละเมา มีกำลังมากกว่าจึงสามารถตีเมืองพิษณุโลกได้ แต่เมื่อเสร็จศึกทางด้านพระเจดีย์สามองค์แล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงเสด็จยกทัพขึ้นไปช่วยหัวเมืองทางเหนือ ส่วนทางปักใต้ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เมืองเสร็จศึกที่ลาดหญ้าแล้ว เสด็จยกทัพลงไปช่วยทางปักต์ใต้ต่อ แต่ก่อนที่จะเสด็จไปถึงทัพพม่าได้โจมตีเมืองระนองถึง เมืองถลาง เวลานั้นเจ้าเมืองถลางเพิ่งจะถึงแก่กรรมยังไม่มีการตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ แต่ชาวเมืองถลางนำโดยคุณหญิงจันภริยาเจ้าเมืองถลางที่ถึงแก่กรรมและนางมุกน้องสาว ได้รวบรวมกำลังชาวเมืองต่อสู้ข้าศึกจนสุดความสามารถ สามารถป้องกันข้าศึกพม่าไม่ให้ยึดเมืองถลางไว้ได้ หลังเสร็จศึกแล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้คุณหญิงจันเป็นท้าวเทพกษัตรีย์ (หรือท้าวเทพสตรี) นางมุกน้องสาวเป็นท้าวศรีสุนทร นอกจากนี้ทัพพม่าบางส่วนสามารถตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ และยกลงไปตีเมืองสงขลาต่อ เจ้าเมืองและกรมการเมืองพัทลุงพอทราบข่าวทัพพม่าตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ด้วยความขลาดจึงหลบหนีเอาตัวรอด แต่มีภิษุรูปหนึ่งนามว่าพระมหาช่วยมีชาวบ้านนับถือศรัทธากันมาก ได้ชักชวนชาวเมืองพัทลุงให้ต่อสู้ป้องกันสกัดทัพพม่าไม่ให้เข้ายึดเมืองพัทลุงได้ เมืองกองทัพสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ยกกองทัพลงมาช่วยหัวเมืองปักต์ใต้ ตีทัพพม่าตั้งแต่เมืองไชยาลงมาจนถึงนครศรีธรรมราช เมื่อทัพพม่าแตกพ่ายถอยร่นไปพ้นจากหัวเมืองปักต์ใต้แล้ว พระมหาช่วยต่อมาได้ลาสิกขาบทและเข้ารับราชการ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงทรงตั้งให้เป็นพระยาทุกขราษฎร์ กรมการเมืองพัทลุง หลังจากพ่ายแพ้ไทยกลับไป พระเจ้าปดุง ได้รวบรวมกำลังหมายจะเข้ามาตีไทยในปีถัดมา ในปี พ.ศ. ๒๓๒๙ โดยครั้งนี้พระเจ้าปดุงได้รวมกำลังเป็นทัพใหญ่ทัพเดียว พร้อมจัดหาเสบียงอาหารให้บริบูรณ์ ยกทัพมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์แล้วตั้งทัพที่ท่าดินแดง เมืองกาญจนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพหน้าพระองค์เป็นแม่ทัพหลวง ทัพทั้งสองได้โจมตีทัพพม่าพร้อมกัน สู้รบกันเพียง ๓ วัน ทัพของพม่าก็แตกพ่ายไป สงครามครั้งแรกที่พระเจ้าปดุงยกทัพเข้ามาโจมตีไทยถึง 9 ทัพจึงเรียกสงครามเก้าทัพ ส่วนครั้งหลังที่รบกันที่ท่าดินแดงจึงเรียกว่า สงครามท่าดินแดง
เหตุการณ์ตอนปลายรัชกาลที่ 35 แห่งกรุงศรีอยุธยา ไทยเสียกรุงแก่พม่า เพราะความเสื่อมเรื้อรังในสถาบันการเมืองและสังคม คนไทยทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างรุนแรง บางกลุ่มทั้งดื้อทั้งบ้า ความเสื่อมยังมาจาก การที่ไทยไม่มีผู้นำเด็ดขาด ไพร่พลก็ค้นหาแต่ความสุขสนุกสบาย ไม่พร้อมรบ และร้ายที่สุด ก็คือ เกิดไส้ศึกภายใน!!!....
ที่มาขอบทความ : http://www.buddhapoem.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=buddhapoemcom&thispage=1&No=1185985
ในสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน บ้านเมืองเรามีศึกมาประชิดประเทศทุกด้าน ข้าศึกเราคือเศรษฐกิจโลกอันผันผวน เราควรสามัคคีกัน ไม่ควรแบ่งแยกแบ่งฝ่าย ร่วมมือกันรบ ด้วยการประหยัด ผมคิดว่าเราจะมีชัยคงไม่ยาก
-
ขอบคุณครับ สำหรับเรื่องราวดีๆ
-
กว่าจะ :047: ได้เป็นประเทศไทย บรรพบุรุษของเราเสียเลือดเสียเนื้อกันมากมายจริงๆ ค่ะ 25;
ถึงแม้ว่าจะล้มลุก คลุกคลานไปบ้าง 13; 13; แต่บรรพบุรุษของเรามีความรัก ความสามัคคี :053: :053:
จึงทำให้มีประเทศไทยทุกวันนี้ไงจ๊ะ :085: รักเธอประเทศไทย :090: :080:
-
เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าภูมิใจครับ นักรบไทยตั้งแต่สมัยนั้นมีความเก่งกล้าสามารถมาก กำลังพลน้อยกว่าขนาดนั้น ยังเอาชนะได้
ฝึกภาคสนาม เขาชนไก่แล้ว ได้ฟีล บรรยากาศสงคราม ๙ ทัพ อย่างยิ่ง :005: :005:
-
ขอบคุณมาก ครับ ความรุ้แน่นดี ครับ
-
ขอบคุณครับที่ย้ำเตือนให้คนไทยทุกคนมีสติ คิดถึงบรรพบุรุษชึ่งตอนนั้นคนไทยมีข้าศึก ต่อสู้ด้วยหอก ดาบ แหลน หลาวและชีวิต แต่ว่าตอนนี้เรามีข้าศึกรอบด้านอย่างท่านชลาพุชะกล่าว คงไม่มีใครช่วยได้นอกจากคนไทยเอง รักและสามัคคี ไม่มีใครทำประเทศไทยได้หรอกครับ นอกจากคนไทยเสียเอง
-
หวังว่าพวกท่านนักการเมืองทั้งหลาย คงจะมีบุญตาได้อ่านบทความนี้ด้วนเถิด สาธุ
-
ไปเที่ยวชมที่อุทยานประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพมาแล้ว ได้ความรู้ เลือดรักชาติขึ้นเลย ภูมิใจเกิดเป็นคนไทย มีภาษาไทย ไทยเป็นไท จนทุกวันนี้
-
น่าเอาไปให้พวกนักการเมืองอ่านนะคับ
ลูกพระเจ้าตาก อดีตกรุงธนค่ำ123
-
ขอบคุณมากครับ...เป็นวิกฤตการณ์ที่ใหญ่หลวงเหตุการณ์หนึ่งของประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นเมิืองขึ้นของพม่าโดยพระปรีชาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท นอกจากนี้ยังเกิดวีรสตรีอีกด้วยครับ ซึ่งบรรพบุรุษของเราปกป้องบ้านเมืองด้วย เลือด เนื้อ ชีวิต แต่ลูกหลานไทยกลับทำประเทศแตกแยกเป็น2ฝ่าย
ขอให้คนไทยสามัคคีกันครับ..
-
น่าภูมิใจนะครับที่ชาติไทยเรามี นักรบเก่งกาจ ขอตบมือให้ดังเลยครับ และขอให้เกียรติแด่นักรบเลานั้นด้วยนะครับ :054:
-
อุทยานประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ ผมไปมาแล้ว ครับ ตอนไปฝึกที่เขาชนไก่
ซาบซึ้งในความรักชาติมากเลยครับ
-
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง