(http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/lady/4/2/195046_96393.jpg)
นับแต่เมื่อครั้ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระเยาว์ได้โดยเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดารทั่วทุกภาคของประเทศไทยโดยเสมอ จึงทรงพบเห็นและตระหนักถึงความทุกข์ยากและปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับพสกนิกรชาวไทย ไม่ว่าเรื่อง โภชนาการ ความยากจน การศึกษา สุขภาพอนามัย ปัญหาสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรม ฯลฯ
เมื่อทรงเจริญพระชันษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงทรงมุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ เพื่อบรรเทาทุกข์และหาทางแก้ไขปัญหาแก่พสกนิกรชาวไทย อย่างมิทรงเหน็ดเหนื่อยและมิทรงย่อท้อ แม้ว่าหนทางที่เสด็จฯ แต่ละที่จะทุรกันดารเพียงใด
หากแต่เพื่อความสุขของประชาชนแล้ว ทรงดั้นด้นฝ่าฟันเสด็จฯ จนถึงที่หมาย เพื่อพระราชทานขวัญและกำลังใจแก่ราษฎรในพระองค์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีความห่วงใยต่อคุณภาพชีวิตของ เด็กและเยาวชนในท้องถิ่นทุรกันดารเป็นพิเศษ เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้มักป่วยด้วยโรคขาดสารอาหาร รวมถึง มีมาตรฐานทางการศึกษาต่ำ เนื่องจากครอบครัวยากจนขาดแคลนทุนทรัพย์ทำให้พ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสียลูกเข้าเรียนต่อ เด็กที่เติบโตจึงไม่มีความรู้ความสามารถที่จะนำกลับไปพัฒนาความเป็นอยู่ของครอบครัวและชุมชนได้
ด้วยเหตุนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชดำริโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง ?โครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร? เมื่อปี 2523 มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารทั้งด้านโภชนาการ สุขภาพอนามัย การศึกษา อาชีพ ความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อม ปัจจุบันการดำเนินงานขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีโรงเรียนและหมู่บ้านในโครงการกว่า 300 แห่งครอบคลุมพื้นที่ในถิ่นทุรกันดาร โดยดำเนินงานผ่านโครงการต่าง ๆ แบบบูรณาการในโรงเรียนสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน และกรุงเทพมหานครบางส่วน ซึ่งการดำเนิน งานด้านการศึกษา จัดการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนและ ศูนย์การเรียนชุมชน ชาวไทยภูเขา ?แม่ฟ้าหลวง? เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาที่ทัดเทียมกับพื้นที่อื่น ๆ
(http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/lady/4/2/195046_96394.jpg)
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเด็กอีกจำนวนมากที่ขาดโอกาสทางการศึกษา และบรรพชาเป็นสามเณรเพื่อเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ซึ่งเปิดสอนทั้งสายสามัญตั้งแต่มัธยมศึกษาตอนต้นถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย และสายนักธรรมบาลี ควบคู่กัน
เมื่อความทราบถึงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปัญหาสุขภาพอนามัยและโภชนาการของเด็ก ๆ ตลอดจนปัญหาการจัดการการศึกษาและการขาดโอกาสทางการศึกษาของเด็กและเยาวชน จึงทรงรับอุปถัมภ์กิจกรรมในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2547 และพระราชดำริให้ดำเนิน โครงการพัฒนาการศึกษาสามเณร นักเรียนในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา และขยายงานเรื่อยมา กระทั่งถึงปัจจุบัน
(http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/lady/4/2/195046_96395.jpg)
ในปีการศึกษา 2551 มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ในโครงการตามพระราชดำริ รวมทั้งสิ้น 33 โรงเรียน ครอบคลุมพื้นที่ จ.น่าน, แพร่ และเชียงราย โดยในปีการศึกษา 2551 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถวายความช่วยเหลือแก่สามเณรจำนวน 5,160 รูปด้วยกัน
ทั้งนี้ การดำเนินงานตามโครงการพัฒนาการศึกษาสามเณรนักเรียนในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เน้นใน 2 ส่วนด้วยกันตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเป็นห่วงเด็กและเยาวชนไทยใน 2 เรื่องคือเรื่องโภชนาการ-สุขภาพอนามัย และเรื่องการศึกษา
ในเรื่องของ การพัฒนาด้านโภชนาการและสุขภาพอนามัย นับตั้งแต่ปี 2547 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถวายค่าภัตตาหารเพลและค่านมผงสามเณรนักเรียน ภาคเรียนละ 100 วันเรียน ถึงปัจจุบันเป็นเงินทั้งสิ้น 17,896,856 บาท เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหาร โดยเฉพาะภัตตาหารเพล ทำให้สามเณรนักเรียนทุกคนได้ฉันภัตตาหารเพลทุกวันเรียน และเป็นภัตตาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
(http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/lady/4/2/195046_96396.jpg)
นอกเหนือไปจากการดูแลสามเณรในโรงเรียนพระปริยัติธรรม ให้มีภาวะโภชนาการและสุขภาพอนามัยที่ดีแล้ว ยังมุ่งส่งเสริมและพัฒนาให้สามเณรในโรงเรียนมีโอกาสและมีทางเลือกทางการศึกษาที่สูงขึ้น ให้สามารถเข้ารับการศึกษาสายสามัญ นักธรรมบาลี และด้านวิชาชีพ รวมถึงได้ศึกษาในระดับที่สูงขึ้นกว่าระดับมัธยมศึกษาตามศักยภาพและความสามารถของแต่ละบุคคล สร้างเสริมทักษะพื้นฐานการประกอบอาชีพทำให้สามารถนำวิชาชีพที่เรียนรู้ไปประกอบอาชีพหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ ไม่ต้องเป็นภาระของสังคม
ในส่วนของ การพัฒนาด้านการศึกษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการสนับสนุนการศึกษาแก่สามเณรนักเรียนในโรงเรียนพระปริยัติธรรมสองส่วนด้วยกัน ส่วนแรกเป็นการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนพระปริยัติธรรม ในการฝึกอบรมครูของโรงเรียนพระปริยัติธรรม เพื่อพัฒนาทักษะการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนการทำสื่อและสนับสนุนค่าตอบแทนของครู รวมถึงการสนับสนุนการศึกษาของครูให้มีโอกาสศึกษาต่อเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มคุณวุฒิ
(http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/lady/4/2/195046_96397.jpg)
ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถวายทุนการศึกษาส่วนหนึ่งให้กับครูโรงเรียนพระปริยัติธรรม เพื่อนำไปใช้ศึกษาต่อในสาขาที่โรงเรียนขาดแคลน
การพัฒนาสามเณรนักเรียน มีการพัฒนาทักษะสามเณรนักเรียนในเรื่องวิชาสายสามัญและการฝึกอบรมเฉพาะเรื่องตามความเหมาะสม อีกทั้งยังสนับสนุนสบง จีวร เสนาสนะ คิลานเภสัช อุปกรณ์สื่อการเรียนการสอน และการพัฒนาอาคารสถานที่ สิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมตามความจำเป็น
ส่วนที่สองเป็นการส่งเสริมให้สามเณรนักเรียนศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสให้พระภิกษุและสามเณรได้เรียนต่อสูงขึ้นตามทักษะและความสามารถของแต่ละคน โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถวายทุนการศึกษาแก่พระภิกษุและสามเณรที่ศึกษาจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนในโครงการตามพระราชดำริ เพื่อศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 120 รูป คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 3,650,000 บาท
(http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/lady/4/2/195046_96398.jpg)
ในการทรงรับอุปถัมภ์และทรงส่งเสริมการศึกษาแก่สามเณรนักเรียน ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา แต่ส่วนหนึ่งยังเป็นการช่วยส่งเสริมพระพุทธศาสนาไปในตัวด้วย ถือเป็นการเพิ่มจำนวนศาสนทายาท เพื่อให้ช่วยกันสืบทอดเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป
ในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เหล่าพสกนิกรชาวไทย ขอน้อมถวายพระพร ขอพระองค์ทรงพระเกษมสำราญ พระวรกายแข็งแรง ปราศจากภยันตรายใด ๆ ทั้งหลายทั้งปวง และทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตราบนานเท่านาน
ที่มา http://www.dailynews.co.th/web/html/...e=1&Template=1 (http://www.dailynews.co.th/web/html/...e=1&Template=1)