กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด มิตรไมตรี => รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) => ข้อความที่เริ่มโดย: Triplekill ที่ 12 ต.ค. 2549, 12:10:42

หัวข้อ: สัก พระพรหม ดีทางไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Triplekill ที่ 12 ต.ค. 2549, 12:10:42
พระพรหม ดีทางด้านไหนครับ
เพื่อนผมสักมา เต็มหลังเลยครับ ใหญ่มากๆ สวยด้วย
หัวข้อ: ตอบ: สัก พระพรหม ดีทางไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mongjoto ที่ 12 ต.ค. 2549, 12:28:10
ไม่รู้เหมือนกันอะครับ แต่พี่ที่ผมรู้จักกันก็ไปสักพระพรมมาเหมือนกันสวยดีด้วย
หัวข้อ: ตอบ: สัก พระพรหม ดีทางไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ๛*[•OattO•]*๛ ที่ 12 ต.ค. 2549, 08:47:23
คงจะหน้าสที่การงานละมั้ง มีความสำเร็จ อะไรประมาณนั้นน่ะ :D
หัวข้อ: ตอบ: สัก พระพรหม ดีทางไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NaMaPaTa ที่ 12 ต.ค. 2549, 11:41:48
ผมก็อยากสักคับ....ไม่ทราบว่าอยู่แถวไหนบ้างบอกหน่อยคับ   :075:
หัวข้อ: ตอบ: สัก พระพรหม ดีทางไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Triplekill ที่ 12 ต.ค. 2549, 03:30:05
ของผมจะให้ พ่อแก่ สักให้
ทางวัดบางพระ ไม่รู้ว่ามีหรือป่าว
หัวข้อ: ตอบ: สัก พระพรหม ดีทางไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ~EN13~ ที่ 12 ต.ค. 2549, 04:46:15
ผมก้อม่ายรู้นะครับ  แต่เวลาเขาทำกิจการใหญ่ๆ   เช่น    โรงสีท่าข้าว    การสร้างรีสอท  การสร้างโรงแรม เชฃ่นพวกนี้ผมก้อเหนเขาจะมีการตั้งศาลพระพรมหม  ให้ดำเนินกิจการราบรื่นประสบแต่ความสำเร็จ  แต่การสักพุทธคุณด้านไหนผมก้อมะทราบครับ+++   
หัวข้อ: ตอบ: สัก พระพรหม ดีทางไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ~EN13~ ที่ 12 ต.ค. 2549, 04:55:11
เหอะๆเ อา ประวัติพระพรหม  มาให้อ่านกันครับเพื่อรู้อารายได้เยอะขึ้นหุหุ69696
(http://img218.imageshack.us/img218/8697/brahma2bt7.jpg)

ในอินเดียสมัยโบราณ พระพรหมเป็นเทพผู้สร้างโลก ได้รับการยกย่องโดยพวกพราหมณ์ ให้มีฐานะเท่าเทียมกับพระวิษณุ (ผู้คุ้มครองโลก) และพระศิวะ (ผู้ทำลายโลก) วิวัฒนาการทางความเชื่อทางศาสนา และศิลปกรรมของอินเดียมีการ เปลี่ยนแปลง ตามแคว้นต่าง ๆ เสมอรวมถึงการเปลี่ยนแปลงตามประเพณีความเชื่อในช่วงสมัยนั้น ๆ โดยมีการนับถือตามนิกายต่าง ๆ ของความ เชื่อที่มีอยู่นั้น เช่น นิกายไศวะ หรือไศวะนิกาย และไวษณพนิกาย หรือไวษณวนิกาย ทั้ง ๒ นิกายให้ความเคารพนับถือเทพ คือพระศิวะ และ พระวิษณุเป็นพิเศษ จึงลดความศรัทธาความเชื่อถือพระพรหมลง และเมื่อเวลาผ่านถึง ค.ศ. ที่ ๑๐ ชาวฮินดูจึงหันมาให้ความเคารพ นับถือพระพรหมจากที่นิกายไศวะ และไวษณพนิกาย ซึ่งมีการแข่งขันกันทางด้านความเชื่ออยู่ พระพรหมจึงกลายเป็นเทพองค์สำคัญขึ้นมาใหม่ โดยมีการสร้างเทวาลัย และรูปปั้นไว้เป็นจำนวนมาก พระพรหมได้รับการนับถือบูชาในฐานะที่พระองค์เป็นผู้สร้างของทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นบนโลก พระองค์ทรงเป็นผู้ให้ที่สำคัญ และเป็นผู้กำหนดโชคชะตาของมนุษย์ พระนาม ที่เรียกขานกันมีมากมายนอกเหนือจากพระพรหม หรือ พระพรหมธาดา เป็นต้นว่า ราชคุณ หมายถึง ความมี กิเลสและความปรารถนา และมูลเหตุของการสร้างโลกทั้งปวง สวายัมภู หมายถึง ผู้เกิดเอง กมลสาส์น และปัทมสาส์น หมายถึง ผู้นั่งบนดอกบัว ซึ่งเกิดมาจากสะดือของพระวิษณุ คัมภีร์ฤคเวท ปรากฏพระนาม ปชาบดี คัมภีร์รามายณะ ปรากฏพระนามอื่นๆ คือ ปรเมศวร วิธิ-เวธาส อทิกวี สนัต ชาตริวิชาตริ ปิตามหะ ทรุหิณ-สราษฎริ โลเกศ ลักษณะทางศิลป์ รูปเคารพของพระพรหมที่พบในปัจจุบันมีรูปเคารพ ๔ ปาง ๕ พระนาม ซึ่งมีลักษณะทางศิลป ดังนี้ ปางประชาบดี พระพรหม พระวรกายสีขาว สวมอาภรณ์หนังกวางสีดำพาดบ่า มี ๔ พักตร์ ๔ กร ถือช้อน แจกัน และการทำปางประทานพร ด้านขวาของพระพรหม มีรูปเทพธิดาสรัสวดี ด้านซ้ายของพระพรหม มีรูปเทพธิดาสาวิตรียืนประทับอยู่ พาหนะคือ หงส์ ปางโลกบาล พระพรหมมี ๔ พักตร์ ๔ กร ถือลูกประคำ หนังสือ ดอกบัว และแจกัน ด้านข้างมีนางสาวิตรี (๔ พักตร์) ประทับยืนด้วย ปางวิศวกรรม พระพรหมมี ๔ พักตร์ ๔ กร ถือ ช้อน หนังสือ แจกัน และลูกประคำ ปางกามลักษณะ ปางปิตมหา พระพรหมมี ๔ พักตร์ พระเกศามุ่นขมวด มี ๔ กร ถือ หนังสือ แจกัน หม้อ และช้อน ในสมัยพระพุทธศาสนาได้ถือกำเนิดแล้วได้ปรากฏภาพสลักในรูปของพระพรหมกำลังเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพรหมทรงอาภรณ์ดั่งพราหมณ์ พระกรถือหม้อน้ำข้างหนึ่ง

(http://img88.imageshack.us/img88/5867/vishnu11ko7.jpg)

กำเนิดพระพรหม

จากคัมภีร์และตำนานมากมายที่กล่าวถึงการกำเนิดของพระพรหม กล่าวไว้ อาทิ คัมภีร์วารหปุราณะ และมหากาพย์มหาภารตะ กล่าวไว้ว่า พระพรหมเกิดจากดอกบัวที่พุดขึ้นจากสะดือของพระวิษณุ ที่บรรทมหลับอยู่บนหลังพระยาอนันตนาคราชที่เกษียรสมุทร คัมภีร์ปัทมปุราณะ กล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งพระวิษณุต้องการสร้างโลก จึงแบ่งภาคออกเป็น ๓ ภาค โดยพระพรหม เกิดจากสีข้างเบื้องขวา พระวิษณุ (พระองค์) เกิดจากสีข้างเบื้องซ้าย พระศิวะ เกิดจากบั้นกลางพระองค์คัมภีร์มานวธรรมศาสตร์ กล่าวไว้ว่าในครั้งเมื่อโลกยังไม่ปรากฏสิ่งใดๆ (ว่างเปล่า) พระอาตมภู (ผู้เกิดเอง) ประสงค์จะสร้างทุกสิ่งจึงสร้างน้ำขึ้นมาก่อน แล้วนำพืชโปรยลงน้ำ เวลาผ่านไปพืชนั้นกลายเป็นไข่ทองและกำเนิดพระพรหมปรากฏขึ้น นามว่า หิรัณครรภ์ หลังจากนั้นพระพรหมจึงแบ่งร่างเป็นชาย-หญิง เพื่อสร้างโลกและมนุษย์ต่อมา ช่วงนี้ขอเล่าถึงตำนานพระเศียรของเทพเจ้าผู้สร้างโลกนามพระพรหม บางส่วนของตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อแรกพระพรหมทรงมี ๕ เศียร เรื่องมีอยู่ว่าพระองค์ทรงหลงรักและหวงแหนพระมเหสี (พระมเหสีองค์มีหลายพระนาม อาทิ สรัสวดี สาวิตรี พราหมณี) เพื่อคุ้มครองพระมเหสีองค์นี้ด้วยว่าไม่ว่าจะเสด็จที่ใดก็ตาม พระองค์จะทรงใช้ตาที่เศียรทั้ง ๕ เศียรของ พระองค์เฝ้าติดตามไม่ว่าจะเกิดเหตุใดขึ้นก็ตามจะได้ช่วยทันทุกเวลาต่อมาเศียร ๑ ใน ๕ เศียรเกิดพูดจากดูหมิ่นพระแม่ปารพตี มเหสีของพระศิวะเมื่อพระองค์ทราบเรื่องจึงบันดาลโทสะจนเกิดการต่อสู้กันระหว่าง พระพรหมกับพระศิวะ เมื่อเวลาต่อมาพระพรหมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ถูกพระศิวะตัดเศียรไปหนึ่งเศียร จึงเป็นเหตุให้พระพรหม เหลือเพียง ๔ เศียร นับแต่นั้นเป็นต้นมา บางตำนานกล่าวไว้ว่า พระพรหมทรงถูกพระศิวะใช้ฤทธิ์เพ่งตาที่ ๓ ทำให้เกิดไฟเผาผลาญเศียรที่ ๕ ของพระพรหมจนมอด ไหม้ เพราะกล่าวคำหมิ่นพระศิวะนั่นเอง
 


--------------------------------------------------------------------------------

ตำนานการเกิดของมนุษย์

ตำนานกล่าวว่าพระพรหมสร้างมนุษย์ จากอวัยวะของพระองค์ ซึ่งได้เกิดเป็นวรรณะต่างๆ ดังนี้


วรรณะพราหมณ์ เกิดจากเศียรของพระองค์


วรรณะกษัตริย์ เกิดจากบ่าของพระองค์


วรรณะแพศย์ เกิดจากส่วนท้องของพระองค์


วรรณะศูทร เกิดจากเท้าของพระองค์