กระดานสนทนาวัดบางพระ
หมวด มิตรไมตรี => รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) => ข้อความที่เริ่มโดย: Gearmour ที่ 28 พ.ค. 2552, 10:54:09
-
อะไรหนอ
อะไรเอ๋ย
"สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป"
จะตอบแนวธรรมะ หรือแนววิชาไสยศาสตร์ก้ได้ครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
-
งานบวช ปะครับ :075:
-
ผมขอตอบว่า "ความตายครับ "
-
เคยอ่านเจอมาเขาบอกว่าหมายถึงตัวตนคนเรานี่แหละ แต่รายละเอียดจำไม่ได้เรื่องมันยาว :010:
-
แห่นางแมว :002:
งานบวช
-
งานศพค่ะ
-
ขอตอบเป็นแนวธรรมะ นะครับ
อะไรเอ่ย สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป
คำเฉลยปริศนาธรรมนี้ อยู่ที่ตัวตนสมมุติของทุกคนนั่นเองคือ
๑. สี่คนหาม ได้แก่ ธาตุ ๔ ที่ประกอบเป็นร่างกาย
๒. สามคนแห่ ได้แก่ ไตรลักษณ์ที่มีอำนาจครอบงำร่างกาย ให้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
๓. คนหนึ่งนั่งแคร่ หมายถึง จิตหรือวิญญาณในร่างกาย
๔. สองคนพาไป หมายถึง กุศลกรรม กรรมดี และ อกุศลกรรม กรรมชั่ว หรือบุญกับบาป ที่คอยจัดสรรให้ทุกคนเป็นไปต่างๆ นานา สุขบ้าง ทุกข์บ้าง
ไม่รู้ถูกหรือปล่าว
-
:010:งานศพครับผม............. :002:
-
คล้ายๆจะเป็นงานบวชทางภาคอีสานนะครับ ของอำเภอใดอำเภอกนึ่งครับ แต่จำไม่ได้
คือแบบว่านาคก่อนจะเข้าโบสถ์ต้องขึ้นไปนั่งบนแค่รอ่ะครับ
4คนหาม น่าจะหมายถึง เพื่อนๆ4คนหามแค่รแล้วจะเขย่าขึ้นๆลงๆให้เสียการทรงตัว
นาคก็ต้องจับยึดให้มั่นอย่าให้หล่นลงมาก่อนถึงโบสถ์ไม่งั้นอดบวชเป็นพระครับ
3คนแห่ อันนี้งงตัวเองครับ..อิอิ
1คนนั่งแคร่ น่าจะเป็นตัวพ่อนาคที่จะบวชเป็นพระอ่ะนะครับ
2คนพาไป น่าจะเป็นพ่อและแม่ ที่จะพาลูกเข้าสู่โบสถ์นะครับ
-
แล้วจะมีคำตอบที่แท้จริงให้มั้ยคะ :062:
รออยู่น๊า
-
เข้ามารอคำตอบครับ
-
ผมว่า งานบวชนะครับผม
-
คล้ายๆจะเป็นงานบวชทางภาคอีสานนะครับ ของอำเภอใดอำเภอกนึ่งครับ แต่จำไม่ได้
คือแบบว่านาคก่อนจะเข้าโบสถ์ต้องขึ้นไปนั่งบนแค่รอ่ะครับ
4คนหาม น่าจะหมายถึง เพื่อนๆ4คนหามแค่รแล้วจะเขย่าขึ้นๆลงๆให้เสียการทรงตัว
นาคก็ต้องจับยึดให้มั่นอย่าให้หล่นลงมาก่อนถึงโบสถ์ไม่งั้นอดบวชเป็นพระครับ
3คนแห่ อันนี้งงตัวเองครับ..อิอิ
1คนนั่งแคร่ น่าจะเป็นตัวพ่อนาคที่จะบวชเป็นพระอ่ะนะครับ
2คนพาไป น่าจะเป็นพ่อและแม่ ที่จะพาลูกเข้าสู่โบสถ์นะครับ
คำตอบสมเหตุสมผลค่ะ :053:
อ่านแล้วน่าคิด
-
4 คนหาม ได้แก่ ธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
3 คนแห่ ได้กับ แก่ เจ็บ ตาย
หนึ่งคนนั่งแคร่ ได้แก่ ชีวิต
2 คนพาไป ได้กับ บาป และบุญ
ขยายความได้ดังนี้
ถ้าคนที่หาม คนใดคนหนึ่งเกิดทิ้งคันหามเสีย ชีวิตก็จอด ส่วนสามคนนั้นคงจะต้องแห่ต่อไปวันยังค่ำ เพราะหยุดไม่ได้ แต่จะแห่ไปทางไหน ไม่ว่าจะเป็นทางบุญหรือทางบาป ชีวิตก็คงจะต้องไปกับเขาเสมอ บุญกับบาปจึงเป็นผู้บงการชีวิต
-
กราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ
อันนี้ผมขอตอบตามที่ได้รับฟังพระธรรมเทศนาจากพระเถรานุเถระหลายๆรูปครับ
สี่คนหาม ก็คือตัวเราซึ่งเกิดจากการประชุมกันของธาตุทั้ง ๔ คือ ปฐวีธาตุ(ดิน) อาโปธาตุ(น้ำ) วาโยธาตุ(ลม) เตโชธาตุ(ไฟ)
สามคนแห่ ก็คือกิเลส หรืออกุศลมูล ๓ หมายถึง โลภะ โทสะ โมหะ ที่แห่เชิดจิตของเราไปตามอารมณ์กิเลส ดีบ้าง ชั่วบ้าง ไปตามอำนาจนี้
หนึ่งคนนั่งแคร่... หมายถึง จิตของเรา เพราะคนประกอบด้วย 2 ส่วนคือ รูปกับนาม
รูปเกิดจากการประชุมกันของ ดิน น้ำ ลม ไฟ นั่นก็คือแคร่ หรือร่างกายของเรา
ส่วนนามก็คือจิต ที่อยู่ภายในคอยบังคับบัญชากายของเรา
ดังนั้นหนึ่งคนนั่งแคร่ ก็คือจิตที่อยู่ในกายนั่นเอง
สองคนพาไป... หมายถึง บุญ และบาป คือคนเราขณะที่มีชีวิตก็ถูก โลภะ โทสะ โมหะ ชักจูงไป
พอตายลงก็เหลือแต่บุญกับบาป ที่จะพาไปสุคติภูมิหรือทุคติภูมิ
ถ้าเราลงมาจากบนแคร่ได้เมื่อใด ก็อิสระเมื่อนั้น คือหลุดพ้นจากอาสวะกิเลส สู่พระนิพพาน
ไม่ต้องเกิดอีก หมดภพหมดชาติ พ้นจากคนหาม พ้นจากคนแห่ พ้นจากคนพาไป
หลุดพ้นจากความเมามัวเวียนวนในวัฏสงสารครับ
-
ดูมีความหมายด้วยกันทุกท่านครับ
-
4 คนหาม ได้แก่ ธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
3 คนแห่ ได้กับ แก่ เจ็บ ตาย
หนึ่งคนนั่งแคร่ ได้แก่ ชีวิต
2 คนพาไป ได้กับ บาป และบุญ
ขยายความได้ดังนี้
ถ้าคนที่หาม คนใดคนหนึ่งเกิดทิ้งคันหามเสีย ชีวิตก็จอด ส่วนสามคนนั้นคงจะต้องแห่ต่อไปวันยังค่ำ เพราะหยุดไม่ได้ แต่จะแห่ไปทางไหน ไม่ว่าจะเป็นทางบุญหรือทางบาป ชีวิตก็คงจะต้องไปกับเขาเสมอ บุญกับบาปจึงเป็นผู้บงการชีวิต
ผมเห็นด้วยครับ
-
สี่คนหาม สามคนแห่ 1คนนั่งแคร่ สองคนพาไป
ถ้าบอกงานศพก็แปลว่าสมัยโบราณ ศพชั้นเจ้านายจะ นั่งในโกษฐ์ วางบนแคร่ ก็อาจเป็นไปได้