เีรียบเรียงโดย รณธรรม ธาราพันธุ์
เหรียญนี้หลวงพ่อเรียกว่า "เหรียญขี่สิงห์" ตามรูปแบบของเหรียญที่ท่านออกแบบเอง ด้านหน้าเป็นองค์หลวงปู่เผือก ประทับนั่งอยู่บนสิงหราชซึ่งเป็นเครื่องหมายทางมหาอำนาจ ล้อมด้วยพระคาถา "พระเจ้าห้าพระองค์คงกระพัน" และหัวใจคาถาสำคัญที่ท่านท่องบ่นเป็นประจำ ด้านหลังเป็นมหายันต์ "สาลิกาองครักษ์" ที่ท่านชำนาญมาก
ท่านไปสั่งช่างแกะบล็อคที่ร้านข้าง ๆ วัดสุทัศนฯ ซึ่งสมัยนั้น (ปีพ.ศ. ๒๕๑๒) มีต้นสมอใหญ่อยู่ใกล้ร้าน คนแกะพิมพ์ชื่อ นายเผือด ช่างทอง ตอนหลวงพ่อไปสั่งทำท่านบอกว่าให้แกะบล็อคเหรียญเป็นรูปสี่เหลี่ยม ๆ ก็คุยกันไม่เข้าใจไม่เห็นภาพดังที่หลวงพ่อต้องการสักที ท่านเลยล้วงไปในย่ามหยิบเอากลักไม้ขีดไฟพญานาคขึ้นมาให้ดูว่า เนี่ย ๆ สี่เหลี่ยมแบบเนี้ย
ข้างนายช่างก็พาซื่อ เอา ๆ สี่เหลี่ยมแบบเนี้ยก็เอาแบบเนี้ย เลยแกะพิมพ์มาใหญ่เบ้งเบ้อเริ่มเทิ่มอย่างที่เห็น ตอนท่านไปรับเหรียญท่านยังตกใจอย่างแรง ถามช่างว่า ทำไมมันใหญ่โตมโหฬารอย่างนี้ ช่างก็แย้งว่า เอ้า ! ก็ท่านบอกให้แกะตามแบบกลักไม้ขีดไฟนี่ หลวงพ่อก็ว่า ให้แกะเป็นทรงสี่เหลี่ยมอย่างนั้น(โว้ย) ไม่ใช่แกะให้มีขนาดเท่ากันแบบนั้น(โว้ย)
...ไอ้ที่อยู่ในวงเล็บผมคิดว่าเป็นความในใจของท่านน่ะ...
สรุปคือ หากใครไม่มีเหรียญขี่สิงห์ จงใส่สีหบรรลือไม่ว่าจะเนื้อทองแดง เนื้อเงิน หรือเนื้อทองคำเถิด ประเสริฐแท้ทีเดียวเชียว
เหรียญก็เลยมีขนาดเบิ้มอย่างที่ทุกคนเห็น
จำนวนสร้างคือ
ทองคำทำ ๙ เหรียญ
เนื้อเงินทำ ๑๐๘ เหรียญ
ทองแดงทำ ๒,๕๑๒ เหรียญเท่าจำนวนปีพ.ศ.
เหรียญทั้งหมดตกค้างอยู่ที่วัดสาลีโขภิตารามนานพอสมควร เพราะมีขนาดใหญ่มากจนไม่มีใครอยากได้ ไม่มีใครอยากแขวน แม้จะมีประสบการณ์ฉกาจฉกรรจ์แค่ไหนแต่เวลาแขวนก็หนักใจ(หนักคอ)พอ ๆ กับความรู้สึกที่อยากใส่นั่นแล
โดยเฉพาะเหรียญทองแดงตกค้างมาจนถึงตอนที่หลวงพ่อย้ายมาอยู่พุทธอุทยานธรรมโกศลในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ และยังอยู่อย่างนั้นมาจนถึงประมาณปี ๒๕๓๐ เศษ ๆ จึงหมดไปแบบถาวร
หลวงพ่อบอกว่าเหรียญนี้ดีแค่ไหนก็ไม่มีชนวน มีดีแค่เป็นเหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นแรก และท่านเสกเดี่ยวเองโดยนำไปเสกที่ ถ้ำแก่งละว้า จ.กาญจนบุรี เรียกว่า "บินเดี่ยว" ซึ่งถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไม่ว่าดีหรือร้าย หลวงพ่อก็รับไปเต็ม ๆ ทุกด้าน แต่ที่เคยได้ยินมานับตั้งแต่ปี ๑๒ ไม่เคยได้ยินทางด้านร้ายเลยแม้แต่เรื่องเดียว ยกเว้นเรื่องที่มีของปลอมเยอะมากและเหมือนสุด ๆ
ซึ่งครูอำพลบอกว่า นั่นถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะของปลอมต้องออกมายืนยันความสำเร็จด้วยตัวมันเอง
ต่อมาในปี ๒๕๓๔ หลวงพ่อได้สร้างเหรียญสี่เหลี่ยมขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง ให้ความสำคัญอย่างมากที่สุดทั้งรูปลักษณ์ที่ท่านออกแบบเอง กองกษาปณ์เป็นคนแกะพิมพ์และปั๊มให้ ชนวนเพียบที่สุดทั้งเนื้อทองคำ เงิน และทองแดง หลวงพ่อตั้งใจปลุกเสกมากที่สุดถึง ๓ ปีเต็ม ๆ ก่อนออกให้บูชา ท่านถวายนามเหรียญนี้ว่า
เหรียญสีหบรรลือ
และหลวงพ่อพูดกับผมว่า
"เหรียญสีหบรรลือนี่ไม่แพ้เหรียญขี่สิงห์หรอกฉันท้าได้เลย แขวนได้สบายใจ สีหบรรลือนี่ฉันใส่ชนวนลงไปมากมายเหลือเกินทุก ๆ เนื้อแต่เหรียญขี่สิงห์นั้นไม่มีชนวนเลยนะ ฉันเสกแค่พรรษาเดียว แต่เหรียญสีหบรรลือฉันเสก ๓ ปี"