ใส่ร้ายคนดี ได้รับโทษทันตา
พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี
พระโกกาลก "ริษยา" พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ
ได้ทูลพระพุทธเจ้าให้ร้ายพระเถระทั้งสอง พระพุทธองค์ทรงห้ามถึง ๓ ครั้งก็ไม่ฟัง
ได้รับอกุศลกรรมสนองทันตา ได้เกิดฝีหัวใหญ่ขึ้นทั่วตัว ฝีแตกน้ำเหลืองไหล
ได้รับทุกขเวทนากล้า จนขาดใจตายไปเกิดในปทุมนรก
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหานรกอเวจี ได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส
พระพุทธองค์ทรงแสดงโทษ แห่งการใส่ร้ายผู้ทำความดี เพื่อเป็นเครื่องสังวรของชาวพุทธไว้ดังนี้
คนพาลเมื่อพูดคำชั่วร้ายออกไป ได้ชื่อว่าฆ่าตัวเองด้วยอาวุธ
ผู้ใดสรรเสริญผู้ที่ควรถูกติ หรือติผู้ที่ควรได้รับความสรรเสริญ ผู้นั้นชื่อว่าสะสมความชั่วด้วยปาก เขาย่อมไม่ได้รับความสุข
ความพินาศแห่งทรัพย์สินเพราะการพนันก็ดี พร้อมด้วยสิ่งของทั้งหมดก็ดี พร้อมด้วยตนเองก็ดี ยังนับว่ามีโทษเพียงเล็กน้อย ส่วนบุคคลใด ทำใจคิดร้ายในท่านผู้ทำดีทั้งหลาย มีโทษยิ่งใหญ่กว่า
ผู้พูดจาด้วยจิตอันลามก ชอบติเตียนพระอริยเจ้า ย่อมเข้าถึงนรก
โกกาลิกสูตร ๑๕/๒๐๙
การใส่ร้ายคนดีมีโทษหนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอรหันต์ด้วย
โทษก็จะยิ่งมากเป็นทวีคูณ
เพราะท่านหมดกิเลสแล้ว
จัดว่าเป็น ปาปมุต คือ ไม่มีใครถือโทษ หรือพ้นจากโทษแล้ว
กรณีของพระโกกาลิกในเรื่องนี้
ถ้าเราไม่ยกให้เป็นอกุศลกรรมของพระโกกาลิกบันดาลให้เป็นไป แล้วจะเกิดจากอะไร?
เพราะทั้งพระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะ ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว
ไม่มีให้โทษใครมีแต่ให้คุณ ก็แล้วเหตุไฉนพระโกกาลิกจึงไปริษยาท่านเล่า?
ก็ไม่ใช่กรรมฝ่ายชั่วมาบันดาลให้ท่านคิดผิดไป
เหมือนการซัดฝุ่นที่ละเอียดทวนลม มันก็ต้องถูกฝุ่นย้อนกลับมาเข้าตาตนเอง ฉะนี้แล
ที่มา :
www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=6502ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://board.palungjit.com