ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ ต่อให้จำกฎและข้อห้ามได้ มันไม่ใช่เครื่องรับประกันว่าสิ่งที่สักจะมีความขลัง รู้รึเปล่าว่าข้อห้ามหลายๆสำนักใช้ข้อห้ามในยุคอยุธยาทำสงครามกับหงสาวดี หรือในยุคที่คนไทยอยู่บ้านใต้ถุนสูงๆ แล้วมีการเชื่อแบบไม่มีเหตุผลรองรับ เช่น ห้ามกินของเหลือเดน บอกสั้นๆ สุดท้ายผู้ปฏิบัติคิดต่อเองว่าของที่พ่อแม่ตนเองกินก่อนตนเองห้ามกินต่อ โดยอ้างว่าของเสื่อม ช่วงเวลาสำคัญของครอบครัวคือการกินข้าวพร้อมกันในครอบครัว ผู้ใหญ่ตักอาหารกลางโต๊ะ ผู้เป็นลูกคงไม่มาสนใจเรื่องข้อห้ามนะครับ เพราะผมมองว่าปัจจุบันผู้ที่กำหนดข้อห้ามไม่ได้อธิบายรายละเอียดและเหตุผลประกอบ
บอกข้อห้าม เช่น ห้ามกินของเหลือเดนแล้วจบ ไม่มีการอธิบายต่อว่าของเหลือเดนจากใคร ตรงนี้ต้องถูกนำมาเชื่อมโยงเข้าสู่กระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร์ เพราะนี่ไม่ใช่ยุคหงสาวดีรบอยุธยา ที่คนอยู่กันด้วยความเชื่อที่ผู้ใหญ่สอนมาแบบไม่คิดอะไรมาก เรื่องของเหลือเดนควรจำกัดแค่ของที่คนไม่รู้จัก หรืออาหารที่ถูกทิ้งไว้นานครึ่งชั่วโมง เหตุผลคืออาจมีผู้ประสงค์ร้ายใส่สิ่งแปลกปลอมในอาหาร เช่น ยาสั่ง ยาพิษ ถ้ามองในแง่ของสภาพแวดล้อมคือเรื่องโรคระบาด โรคติดต่อ แมลงวัน แมลงสาบ ฯลฯ
น้องsodazaja01 จำข้อห้ามอย่างเดียวไม่ได้ครับ ถ้าข้อห้ามบางอย่างมันล้อหลัง น้องต้องรู้จักพิจารณาเอง นี่คือปี2011 คนเป็นไข้หวัดต้องพาไปโรงพยาบาล ไม่ใช่พาไปให้ใครไม่รู้มาราดน้ำมนต์แล้วจับคนป่วยนั่งพนมมือ มันไม่ใช่ครับ พี่มองว่าความเชื่อและข้อห้ามมันต้องมีเหตุผล
บางครั้งข้อห้ามก็มีคำพูดตามมาว่าปฏิบัติกันแต่โบราณ ถามว่าปฏิบัติมาแต่โบราณมีการแก้ไขปรับปรุงหรือไม่? ถ้าเป็นข้อห้ามในยุคขอมครองเมืองคงเป็นเรื่องตลกที่นำมาใช้ในปัจจุบัน ถ้าเชื่อข้อห้ามแบบนั้นคงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี แค่ออกจากบ้านก็ผิด ไปห้างสรรพสินค้าก็ผิด บันไดเลื่อนมีสาวนุ่งกระโปรงสั้นและเป็นช่วงมีระดู ผู้ชายไม่กล้าเดินผ่าน คงไม่ทำถึงขนาดไปห้างแล้วต้องกางร่มเพราะเชื่อข้อห้ามนั้น ห้ามลอดบันไดอะไรพวกนี้
พี่คิดว่าน้องไม่ควรจำข้อห้ามอย่างเดียว ต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดข้อห้ามนั้นๆ พิจารณาว่าข้อห้ามบางข้อมันเหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบันรึเปล่า เพราะบางข้อมันต้องมีข้อยกเว้นบ้าง เช่น ห้ามลอดราวตากผ้า แทบทุกคนให้เหตุผลว่าลอดแล้วของเสื่อม แต่ไม่มีใครรู้จริงๆว่าที่ห้ามลอดราวตากผ้าเพราะเป็นการไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะผู้สักยันต์สนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องของเสื่อมไม่เสื่อม มากกว่าเหตุผลที่แท้จริงคือเรื่องให้ความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในกายตนเอง